บ้านนราธร (ภาคต่อของทรัพย์สิดีฯ)
ถ้าใครเคยอ่านทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก นี่คือภาคต่อ ที่มีตัวละครคือลูกๆทั้งสามค่ะ การแหกกฏของตระกูลนราธรได้เริ่มขึ้นในรุ่นนี้ มีตัวเอก 3 คน คือ นรนทร์ ลูกชายคนโต ที่ไม่ต้องการดูแลบริษัท นราธิป ลูกชายคนรองที่ไม่ได้เป็นที่คาดหวังของใคร และสิดาริน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่คุณย่าต้องการให้สวยสมบูรณ์แบบ แต่เธอกลับแก่นเซี้ยว ห่างไกลคำว่ากุลสตรี

แล้วบ้านนราธร รุ่นที่ 5 จะเป็นอย่างไร

ปฏิบัติการความเป็นแม่ของทรัพย์สิดี เริ่มขึ้นแล้ว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: (10)จับผิด

ตอนที่ 10

“รนทร์จะไปไหนลูก" ช่วงสายของวันเสาร์ ฉันที่กำลังอ่าหนังสือเกี่ยวกับการฝึกสุนัขอยู่ที่สวนหน้าบ้าน พอเห็นนรนทร์ลูกชายคนโตใส่ชุดลำลองเหมือนเตรียมออกไปนอกบ้าน สะพายกระเป๋า ในมือถือหนังสือสองสามเล่ม เลยทักขึ้น

“ไปเรียนพิเศษครับคุณแม่" ลูกชายคนโต ตอบก่อนจะเดินตรงมาหาฉัน ท่าทางไม่ได้ดูเร่งรีบมากนัก "คุณแม่ทำอะไร นี่อย่าบอกนะครับว่าอ่านเพื่อยายดาริน ให้น้องรู้จักจัดการอะไรเองบ้างเถอะครับ" เขาพูดด้วยท่าทางจริงจังภายใต้กรอบแว่นบางๆ ท่าทีถอดมาจากคุณนรินทร์ทุกกระเบียดนิ้ว

ฉันหัวเราะ "เอาเถอะลูก ตอนนี้ยายรินเขาเตรียมสอบนู่นนี่ แม่ก็เลี้ยงเจ้าวิดเจี้ยนไปก่อน ต้องฝึกมารยาทมันด้วย โดยเฉพาะเรื่องขับถ่าย ไม่อย่างนั้นคุณย่าของลูกบ่นกับแม่ไม่มีวันจบเป็นแน่ๆ แล้วนี่ทานอะไรก่อนไปหรือยัง แม่ไม่เห็นรู้เลยว่าลูกมีเรียนพิเศษวันเสาร์ เห็นปกติ็ไม่มีเรียนตั้งนานแล้วนี่ลูก เอาของกินติดไปไหม เดี๋ยวแม่แพ็คใส่กล่องไปให้"

“ไม่ล่ะครับคุณแม่ รนทร์เรียนเฉพาะตัวที่ไม่ถนัดน่ะครับ กลับไม่เย็นมาก อ้อวันนี้ธิปก็ไม่อยู่นะครับเห็นว่าไปซ้อมบาสบ่ายๆ ตอนนี้กำลังเล่นอยู่กัยดารินและวิเชียร เอ้ย วิดเจี้ยน" ลูกชายหัวเราะเบาๆ
ฉันพินิจมองลูกชายคนโตตรงหน้า เขาดูซูบไปนิดหนึ่งนะ ขอบตาก็คล้ำๆ นั่นสิ ช่วงนี้คงใกล้ถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ลูกคงอ่านหนังสือหนัก
“ใกล้สอบแล้วใช่ไหมลูก อย่าเครียดนักล่ะ แม่ไม่อยากให้ลูกเครียด กลัวเป็นมะเร็งในอนาคต ลูกเรียนอะไรก็ได้ที่อยากและมีความสุข ไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอก เพราะเป็นลูกที่ต้องอยู่กับสิ่งนั้นไปตลอดชีวิต"
นรนทร์ส่งแววตากังวลมาที่ฉัน แล้วถอนหายใจ "คุณปู่จะให้รนทร์ไปเรียนอเมริกาเหมือนคุณพ่อ รนทร์ไม่อยาก"
ฉันปิดหนังสือแล้ววางมันลง "แล้วทำไม รนทร์ถึงไม่อยากไปล่ะลูก เห็นใครๆก็อยากไปเรียนต่างประเทศ" ฉันถามหาเหตุผลเท่านั้นล่ะ ฉันไม่อยากให้ลูกไปไกลตัวหรอก คนเป็นแม่น่ะนะ
“สิ้นเปลืองจะตายครับ แล้วสิ่งที่รนทร์อยากเรียน เรียนที่เมืองไทยก็ได้ รนทร์ไม่่คิดว่ามันโก้หรืออะไรเลย มันเกี่ยวกับว่าอยากหรือเปล่า ซึ่งรนทร์ไม่อยาก แต่คุณปู่อยาก"
ฉันลูบผมรองทรงดกดำของลูกชายอย่างรักใคร่ "ก็รนทร์เป็นหลานคนโต ไม่แปลกหรอกที่คุณปู่จะคาดหวัง คือการทำอะไรให้ท่านชื่นใจ เพราะท่านก็อายุไม่น้อยแล้ว เหลืออีกกี่ปีก็ไม่รู้ที่จะอยู่กับเราก็จำเป็น แต่นั่นล่ะลูก ชีวิตนี้ก็เป็นของลูกเหมือนกัน ลองเก็บไปคิดดู แม่ไม่บังคับ ว่าแต่ นรนทร์อยากเรียนอะไรล่ะ"
พอฉันถามถึงตรงนี้ นรนทร์กลับตัวแข็งทำตาโต จ้องเป๋งไปที่ประตูห้องโถงหน้าบ้าน "รนทร์ไปก่อนนะครับ สายแล้ว" พูดเสร็จก็รีบไว้ฉันแล้ววิ่งจู๊ดออกรั้วนอกบ้านกันเลยทีเดียว ไม่นานนักฉันก็รู้ละว่าทำไมนรนทร์ถึงรีบวิ่งหนีออกไป
คุณพ่อเดินอุ้ยอ้าย แววตาดุดัน พร้อมไม้เท้าประคองตัวเอง ดุ่มมาหาฉัน ฉันจึงต้องลุกขึ้นแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ท่านนั่ง
“ฮึ! เจ้ารนทร์มันหนีพ่อสินะ ทำไมล่ะ พ่อมันน่าเกลียดมากเหรอ ก็แค่อ้วนขึ้น เอ้ย พ่อหมายถึง ก็แค่อยากให้หลานมันได้ดี ว่าไงแม่สิดี พ่อผิดมากใช่ไหมที่อยากให้มันไปเรียนอเมริกา" คุณพ่อพูดกับฉันเสียเสียงดังแบบน้อยใจ
ฉันรีบส่งหนังสือพิมพ์ให้คุณพ่อ เผื่อท่านจะเบี่ยงเบนความสนใจ ไปเรื่องอื่น แต่ก็เปล่า คุณพ่อยังจ้องหน้าฉันเขม็ง
“มันรีบหนีไปไหนล่ะนั่น ลูกตัวดีของเธอมันบอกว่าอยากเรียนอะไรล่ะฮึ ทำไมถึงไม่อยากไปอเมริกา ใครๆก็อยากเรียนไอวี่ลีกกันทั้งนั้นล่ะ"
คุณพ่อถามมาเป็นชุด แล้วจะให้ฉันตอบอะไรก่อนล่ะเนี่ย
“ให้หนูตอบคำถามไหนก่อนดีคะคุณพ่อ" ฉันถามตาใส ก็ฉันไม่รู้จะตอบอะไรก่อนจริงๆ
คุณพ่อทำท่าฟึดฟัด ทำให้ดูน่ารักเหมือนเด็กอ้วนเอาแต่ใจ ฮ่าๆๆๆ
“เจ้ารนทร์มันอยากเรียนอะไร" คุณพ่อถามเสียงแข็ง
ฉันตอบอย่างสงบเสงี่ยม "ไม่ทราบค่ะ รนทร์ไม่เคยบอกหนูเหมือนกัน" แล้วจิบกาแฟหนึ่งอึก ให้ตายนี่มัน ป.ค. ย่อมๆชัดๆ
ท่านทำเสียงครางในลำคอแบบไม่พอใจ "มันต้องมีในใจบ้างล่ะ แต่มันไม่ยอมบอก หลานคนนี้มันดื้อเงียบ ยังไงพ่อก็จะให้นรนทร์ส่งใบสมัครไปมหา'ลัยเก่าของตานรินทร์ให้ได้ลองดูสิ"
ใจฉันเริ่มร้อนรุ่ม ฉันไม่อยากให้ใครมาบังคับชีวิตลูกชายฉัน แต่ฉันก็ต้องสะกดอารมณ์ไว้ คุณพ่อยิ่งมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย
"แล้วถ้านรนทร์ไม่ยอม คุณพ่อจะทำอย่างไรได้คะ" ฉันถามเฉยๆ แบบอยากรู้หรอกนะ ไม่ได้จะกวนประสาท หรือท้าทายแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนคุณพ่อจะเข้าใจฉันผิดไปมาก ท่านเลยเคาะไม้เท้าที่อยู่ในมือกับพื้นเสียเสียงดัง ประหนึ่งเบาบุ้นจิ้นเคาะโต๊ะในศาลไคฟง
“อย่ามาท้าพ่อ สิดี ลูกเธอคือหลานพ่อ คือทายาทนราธร ไม่มีใครขัดใจพ่อได้ นรนทร์ต้องเสียสละ เพื่อตระกูล เพื่อเราทุกคน!!!” คุณพ่อพูดเสียงดัง หน้าตาจริงจังมาก ทำเอาลุงชมที่ล้างรถอยู่ไม่ไกล สะดุ้งไปตามๆกัน
ฉันตกใจที่คุณพ่อโมโห หัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนี้ "คุณพ่อคะ ใจเย็็นๆค่ะ เดี๋ยวความดันขึ้นนะคะ เดี๋ยวน้ำตาลในเลือดขึ้นด้วยค่ะ" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อคุณพ่อหน้าแดง และตัวพองจากอารมณ์โกรธเกรี้ยว ทำไมหนอ คุณปู่คุณย่าบ้านนี้ถึงชอบบังคับลูกหลานจัง ฉันสงสารลูก และฉันเป็นแม่ หน้าที่ของฉันคือทำให้ลูกมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่เขารักนะ แต่ฉันก็เป็นสะใภ้ตระกูลที่มีโรงแรมมากมายให้ต้องดูแลด้วย แล้วฉันต้องทำอย่างไรล่ะเนี่ย
“คุณพ่อคะ ใจเย็นๆค่ะ บ้านเรายังมีหลานชายอีกหลายคนนะคะ นราธิปไงคะ ลูกชายของคุณรันอีก คุณพ่อลืมไปแล้วเหรอคะ บ้านนี้ไม่ได้มีนรนทร์คนเดียวที่เป็นผู้ชายนะคะ"
ได้ผล คุณพ่อเงียบ แววตาที่รุ่มร้อนดูเย็นลง แล้วค่อยๆเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนประหลาดใจนักหนา "นั่นสิ...” ท่านทำท่าคิดอีกครู่ แล้วเอ่ยเสียงเศร้าๆ "สิดี ที่พ่อบังคับนรนทร์มันไม่ใช่อะไรหรอกนะ พ่อก็อายุเท่านี้แล้ว พ่ออยากเห็นความสำเร็จจากหลานๆก่อนพ่อตายไป แล้วนรนทร์ก็เป็นคนโตที่สุด ที่พ่อจะพอเห็นเขาเติบโตได้ในช่วงชีวิตของพ่อ ส่วนนราธิป...พ่อลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย...ทำไมนะ พ่อยึดติดกับนรนทร์ทำไมเนี่ย" แล้วท่านก็ยิ้มกว้าง แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างไรไม่รู้ ฉันเหมือนจะโล่งใจนะพอคุณพ่อยอมฟังเหตุผล แต่ฉันรู้สึกเหมือนฉันพลาดอะไรไปสักอย่าง
คุณพ่อที่กำลังยิ้มพอใจกับตัวเองด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ก็ส่ายหน้าเบาๆ แววตากลับมากังวลเล็กน้อย
“ไม่ได้ๆ นราธิปหัวไม่ดีเท่านรนทร์ เอาล่ะ!” คุณพ่อพูดเสียงดังแล้วลุกขึ้นพรวดพราด จนฉันต้องรีบลุกขึ้นไปประคองตัวท่าน เพราะกลัวท่านจะล้ม
“ระวังค่ะคุณพ่อ"
คุณพ่อทำท่าสะบัดสะบิ้งใส่ฉัน "เอาเถอะสิดี แล้วมาดูว่าพ่อน่ะร้ายแค่ไหน หึหึ" พูดเสร็จก็ิยิ้มน่ากลัวให้ฉันแล้วเดินจากไป
สงสัยหลังจากนี้ไป ฉันคงมีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จอีกมากมาย ไหนจะเรื่องฝึกมารยาทวิดเจี้ยน เรื่องนรนทร์ และเรื่อง...คิดได้แค่นั้นยัยหนูเล็กก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี
“ว่ายังไงจ๊ะ" ฉันทักทายหล่อนก่อน
“สิดี เธอจับผิดคุณนรินทร์บ้างไหมหือ เธอเห็นความผิดปกติบ้างหรือยัง" ไม่มีทักทายใดใดทั้งสิ้น พอฉันเอาหูแนบโทรศัพท์เท่านั้นล่ะ แม่ตัวดีก็พูดอย่างกระเหี้ยนกระหือทันที
แต่ฉันก็เข้าใจนะ มันเป็นเรื่องของฉันกับหนูเล็กจริงๆ
“ใจเย็นๆก่อนหนูเล็ก ของฉันยังไม่มีความคืบหน้าอะไรหรอก แค่เขาดูมีธุระมากกว่าปกติน่ะ แล้ว...เธอจับผิดอะไรคุณจิทัศน์ได้เหรอ"
หล่อนถอนหายใจยาวมาตามสาย ดูเหมือนเหนื่อยกับภารกิจอันหนักอึ้งเต็มทน "ก็ไม่เจออะไรเหมือนกัน เช่นกลิ่นน้ำหอมแปลกๆ รอยลิปสติก เศษผมในรถ รอยขีดข่วนตามตัว หรือ...อะไรก็แล้วแต่เถอะ มันออกจะแปลกมากอยู่นะ แถมเมื่อคืนฉันเช็คมือถือเขา ตอนเขาเข้าห้องน้ำ ก็ไม่เจอเบอร์ผู้หญิงแปลกๆเลย มีแต่เบอร์คุณนรินทร์ กับเพื่อนผู้ชายคนนึง ที่รับและโทรหาบ่อย เท่านั้นเอง อ้อ แล้วก็ช่วงนี้เขาไปทำงานเช้า และกลับดึก หลังๆฉันลองซักไซร้ถาม บรรยากาศเริ่มจะทะเลาะกัน และฉันไม่ชอบเลย" สิ้นคำสุดท้าย หนูเล็กเสียงสั่นเครือ และคิดว่าน้ำตาหยดแรกของหล่อนคงออกมาแล้ว
ฉันเข้าใจ หนูเล็กเป็นคนรักและขี้หวงแฟนมาก ตั้งแต่สาวๆแล้ว แฟนหนูเล็กทุกคนจะโดนเช็คมือถือหมด แถมหล่อนยังอ่อนไหวกับเรื่องความรักมากๆอีกด้วย ส่วนฉันเหรอ ตั้งแต่แต่งงานมา ฉันไม่เคยสงสัยว่าเขาแอบมองใครหรือเปล่า หรือเช็คโทรศัพท์เขาสักครั้งเดียว อ้อ อาจจะเคยครั้งหนึ่ง ตอนยายสิดีบอกว่าโทรถามพ่อของเธอเรื่องขอไปดูหนังรอบเย็นกับเพื่อนๆในวันศุกร์แล้ว แต่ฉันไม่เชื่อ แถมคุณนรินทร์ดูเหมือนจะช่วยลูกโกหก แต่พอฉันเปิดโทรศัพท์เขา ก็พบว่ายัยสิดี โทรเข้ามาจริง
“หนูเล็ก เอาเถอะ ถ้าเธออยากร้อง เธอก็ร้องไปเลยนะ" ฉันพูดเสร็จ เหมือนหนูเล็กจะสะอื้นแล้วนิ่งไป แล้วหล่อนก็พูดเสียงแข็งเข้ามาตามสาย
“อะไรยัยสิดี หล่อนจะไม่ให้กำลังใจฉันเลยใช่ไหม ระวังเถอะ สามหล่อนก็มีพิรุธไม่ใช่หรือยะ ทำมาใจเย็นนัก เดี๋ยวก็โดนแม่เด็กสาวขาขาวๆใส่สั้นจู๊ด แย่งไปต่อหน้าต่อตาหรอก"
เรื่องที่หนูเล็กขู่ไม่ได้ทำให้ฉันกลัวแต่อย่างใด กลับฟังดูขำขันมากกว่า "ฮ่าๆๆๆ หนูเล็ก ฉันว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอก เหตุผลแรกคือ ฉันคดว่าสามีเราทั้งสองคนไม่ได้มีรสนิยมอย่างนั้น ข้อสอง พวกเขารักเกียรติและครอบครัวในฐานะนักธุรกิจใหญ่เป็นอย่างมาก และข้อสาม คือสองข้อรวมกัน เธอยังไม่รู้จักสามีตัวเองอีกหรือ แต่ถ้าสมมติเขาจะมีจริงๆนะ ก็คงไม่เป็นตัวเป็นตนหรอก"
ฉันทำพูดเหมือนใจเย็น เอาจริงๆนะ ฉันก็ไม่เจอหลักฐานเรื่องการนอกใจสักนิด รอยลิปสติก กลิ่นนำหอม ไม่เห็นมีเลย จะมีก็แต่เรื่องเขาออกไปธุระบ่อย และไม่ยอมอธิบาย สรุปว่าฉันก็กังวลนะ แต่ยังไม่ตีโพยตีพาย
แต่หนูเล็กไม่ยอม หล่อนกร๊ด เสียงดังมาตามสาย "ไม่เป็นตัวเป็นตน แล้วไงนะ เธอยอมได้เหรอสิดี เธอยอมเหรอ เธอมันบ้าไปแล้ว...” หล่อนทำท่าจะต่อว่าฉันอีกนานฉันเลยพูดเสียงเข้มใส่
“นี่เงียบก่อนหนูเล็ก เราไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง เราไปจับผิด ต่อว่าพวกเขาตอนนี้มันก็จะพาลไปทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตนะ เธอมีสติก่อน สิ่งสำคัญของชีวิตคู่คืออะไร เธอตอบฉันสิ"
หล่อนเงียบ เงียบไปเกือบสองสามนาที ก่อนจะตอบออกมาแผ่วเบา "เซ็กส์"
ฉันแทบช็อกเกือบตกเก้าอี้ "จะบ้าเหรอ นี่หล่อน ไม่ใช่ย่ะ มันคือ 'ความเชื่อใจ' ต่างหาก ถึงหล่อนจะเก่งเรื่องอย่างว่า แต่ไม่เชื่อใจ ผู้ชายก็หนีหมดแหละ เอาเถอะหนูเล็ก เธอใจเย็นๆก่อน สมมติอยากให้เรื่องนี้พิสูจน์ได้นะ เธอต้องสืบอย่างแยบยล มีสติ และไว้ใจในตัวเขา เพราะถ้าเธอไว้วางใจแล้ว เธอจะไม่คิดอะไรไปในทางร้ายก่อนจะได้เห็นหลักฐานจริงๆเป็นแน่ ปัญหาชีวิตคู่ของเธอจะต้องยังไม่เกิด จนกว่าจะพิสูจน์ได้จริง เข้าใจฉันรึยัง"
แล้วหล่อนก็ตอบมาด้วยเสียงอ่อยๆว่า ก็จริงตามที่ฉันพูด แล้วสะอื้นเบาๆ "ฉันไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันเลิกเชื่อใจเขาแล้ว"
“ถูกต้องจ้ะเพื่อนรัก เธอกลับไปทำหน้าที่แม่และภรรยาที่ดีตามปกติก่อน แล้วเราค่อยคิดหาทางกัน ถ้าดูเหมือนมีอะไรผิดปกติมากขึ้้น"
เราคุยกันต่ออีกนิดหนึ่ง แล้วเธอก็วางสายไป
ความเชื่อใจ ฉันมีให้เขามาตลอดนะ และจะมีต่อไป ว่าแต่ตอนนี้ เขาหายไปหนล่ะ นี่จะเที่ยงแล้วนะ
“สิดี มันจะเที่ยงแล้วนะ คุณมาทำอะไรตรงนี้" จู่ๆคุณนรินทร์ก็ตะโกนเรียกฉันจากหน้าห้องโถงของบ้าน วันนี้เขาใส่ชุดอยู่บ้านธรรมดา เกางเกงขาสั้น ไม่น่าจะออกไปไหน ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ เก็บหนังสือพิมพ์ หนังสือฝึกสุนัข ขณะที่เขาเดินเข้ามาหา
“คุณแม่ให้มาตาม บอกว่าถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว คุณอ่านอะไรน่ะ" แล้วเขาก็พลิกหนังสือฝึกสุนัขดูทีละหน้า ระหว่างนั้นฉันก็สำรวจเขาไป 'สังเกตดีดีนะเธอ บางทีเขาก็จะโกนหนวดเสียใหม่ ตัดผมให้เรียบร้อยขึ้น ดูแลผิวหน้าเนียนขึ้น นั่นล่ะ มันต้องมีอะไรมาดลใจเข้าบ้างล่ะ' เสียงหนูเล็กก้องในหัว ก็ไม่นะ ผมเขายังไม่ตัดมาเดือนนึง ตอนนี้ก็ยัง หนวดเริ่มมีขนรำไร เขาก็มักจะรอให้ฉันโกนให้ ผิวหน้าเหรอ... ก็มีรอยย่นตามกาลเวลาน่ะ แต่คุณนรินทร์เป็นคนผิวดีอยู่แล้ว เขาคงไม่ได้ไปมีเล็กมีน้อยที่ไหนหรอกมั้ง
“นี่คุณเอาจริงเหรอเนี่ย ปล่อยให้ยัยดารินเลี้ยงเองบ้างเถอะนะ...” แล้วเขาก็หันมาสบตาฉัน แต่ฉันกลับหลบสายตาอย่างมีพิรุธ
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ" แล้วฉันก็เดินออกไป แต่คุณนรินทร์คว้าแขนฉันไว้
“เอ..ผมว่าคุณแปลกๆนะ เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเงียบๆนะ"
ฉันยังคงไม่มองตาเขา ก็ตอนนี้ฉันยังมองเขาไม่ได้ มันมีเรื่องคาใจ ฉันโกหกใครไม่ค่อยเป็น "เปล่านี่คะ ไปกิน้ขาวกันเถอะ ฉันหิวจะแย่ ตาธิปตื่นหรือยังล่ะนี่
แต่แล้วเขาก็ดึงตัวฉันเข้ามาประชิด แล้วจับแขนสองข้างของฉันไว้ แล้วเราสองคนก็สบตากันตรงๆ นี่คุณนรินทร์เป็นอะไรไปเนี่ย ฉันว่าที่แปลกไปคือเขาดูหวานแหวกับฉันมากขึ้นนั่นล่ะ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว คืนนี้โกนหนวดให้ผมด้วย ตกลงนะ" พูดเสร็จก็หอมแก้มฉันฟอดหนึ่ง ทำเอาฉันสะดุ้ง
“อะไรของคุณเนี่ย" ฉันจับหน้าเขามาประคองไว้ ส่วนเขาก็อยู่ในท่าโน้มตัวลงมา แต่เขาไม่ยอม ทำท่าจะจูบฉันอีก
“อุ๊ย คุณ เราแก่กันแล้วนะคะ น่าเกลียดค่ะ คุณนี่แปลกๆนะช่วงนี้ " ฉันอาย แต่ก็อดไม่ได้ที่ลองยิงคำถามท้าทาย
แต่ก็เปล่า คุณนรินทร์ไม่ได้มีพิรุธอะไร เขายังคงยิ้มแป้นแล้น แล้วโอบเอวฉันประชิดตัวมากขึ้น
“ไม่มีอะไรนี่ แค่อยากให้คุณมั่นใจว่า ความรักของเรายังดีอยู่ ไป ทานข้าวกันเถอะ คุณแม่มีเรื่องจะโม้ให้ฟังอีกแล้ว"
ฉันมองหน้าเขาตรงๆ คุณนรินทร์...ฉันยังรักคุณอยู่ไม่เสื่อมคลายเลยค่ะ ไม่มีเคยเลย "คุณไม่ไปไหนเหรอวันนี้" ฉันถามอะไรโง่ๆ
แต่เขาก็ยิ้มเย็นๆ ไม่ได้มีแววพิรุธอะไร "จะให้ไปไหนล่ะ เข้าบ้านกันดีกว่า"
แล้วฉันก็เดินเข้าบ้านไปพร้อมคุณนรินทร์ สองมือของเรายังคงคล้องจับกันแน่นเหมือนสมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว


13 มกราคม วันเสาร์
สมุดบันทึกที่รัก
ไหนใครๆต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวว่า ลูกหมาเล็กๆน่ะฝึกง่าย แต่ฉันไม่เห็นว่าเจ้าวิดเจี้ยนจะเป็นอย่างนั้นสักนิดเดียว ฉันบอกให้มันนั่ง กดสะโพกมันลงก็แล้ว ชี้โบ๊ชี้เบ๊ก็แล้ว ให้ขนมหลอกเป็นรางวัลก็แล้ว ไม่เห็นจะได้ผลเลย สิ่งเดียวที่วิดเจี้ยนทำคือ ไล่งับขนมที่ฉันเอามาล่อเท่านั้นล่ะ พอคุณแม่มาเห็นก็รีบตรงเข้ามาแสดงความช่วยเหลือ แถมกางหนังสือการฝึกสุนัขอีกต่างหาก แล้วไงล่ะ ผลคือ พอคุณแม่ละสายตาไปนิดเดียว เจ้าวิดเจี้ยนเข้าไปกัดหนังสือโดยทันที โชคดีที่กัดแค่ปก แถมฟันมันก็ยังซี่เล็กมาก เลยแค่เป็นรอยกัดเล็กๆ
ฉันเลยบอกคุณแม่ว่า สงสัยจะหมดหวังในไม่ช้า แต่คุณแม่ยืนกรานว่า ถ้ามันยังมีมารยาทไม่ดีอย่างนี้ ต่อไปคุณย่าไล่ออกนอกบ้านแน่ คุณแม่คิดว่าจะพามันไปศูนย์ฝึกสุนัข
“แต่ก่อนอื่นนะดาริน แม่ว่าลูกฝึกวิดเจี้ยนเรื่องขับถ่ายก่อนดีกว่านะ ตอนนี้มันเที่ยวทิ้งอึไปทั่วห้องครัวและหลังบ้าน แม่ว่าลูกต้องหาหนังสือพิมพ์ หรือกระบะ อะไรสักอย่างมาคอยเก็บ แต่ลูกต้องเก็บเองนะจ๊ะ เพราะวิดเจี้ยนเป็นของลูก"
คุณแม่พูดมีหลักการแล้วจากไป
ฝึกขับถ่ายอย่างนั้นเรอะ แค่ฝึกยกขาหน้่ากับนั่งยังทำไม่ได้เลย จะให้ฝึกขับถ่าย...ฉันว่าจนปัญญาล่ะ
ฉันเลยตกอยู่ในภาวะเครียด เพราะต้องท่องอาขยานที่จะสอบสัปดาห์หน้า และวิชาคณิตศาสตร์ในปลายสัปดาห์เดียวกัน แล้วยังจะต้องฝึกวิดเจี้ยนให้มีวินัยอีก มีเด็กอายุ 16 คนไหน มีเรื่องให้กังวลเท่าฉันอีกไหม
แต่ฉันเครียดได้ไม่นาน พี่นรนทร์ก็กลับมาจากเรียนพิเศษพอดี แต่แปลกที่พี่ไม่ได้กลับมาคนเดียวแต่กลับมาพร้อมพี่ส้มเช้ง สาวใช้คนใหม่ของบ้านที่เรียบร้อย แสนเชยและใจเย็นสุดๆ ตอนนั้นฉันเคยรดน้ำต้นไม้ช่วยลุงชม แล้วพี่ส้มเช้งมาเรียกฉันไปทานข้าว ฉันหันไปพร้อมสายยางฉีดน้ำ เลยฉีีดน้ำใส่ตัวพี่ส้มเช้งไปเต็มๆ แต่เธอก็แค่ยิ้มเบาๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพูดว่า คุณย่าให้มาเรียกไปทานข้าวค่ะ ฉันขอโทษขอโพยใหญ่ แต่เธอก็พูดเบาๆอีกว่า ไม่เป็นไรค่ะ นั่นล่ะ หลังจากนั้นฉันก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับพี่ส้มเช้งอีก เพราะเธอเป็นคนเงียบมากๆ แต่โดยรวมแล้วพี่ส้มเช้ง หน้าตา ผิวพรรณ ค่อนข้างดีเลยล่ะ ถ้าจับแต่งตัวสักนิดนะ ตอนนี้พี่ส้มเช้งอายุเท่าพี่นรนทร์ และคงเตรียมตัวเรียนต่อเหมือนกัน แม่ฉันก็อุปการะเต็มที่ เพราะพี่เขาเป็นเด็กดี
แต่ทั้งหมดนั่นมันตอบคำถามไม่ได้เลยนะ ว่าทำไมถึงกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกันกับพี่ชายฉัน แถมดูท่าจะคุยกันถูกคอเสียด้วย
คติของฉันคือ เรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา ว่าแล้วฉันเลยอุ้มวิดเจี้ยนเข้าไปหาหนุ่มสาวทั้งสอง
“พี่รนทร์ พี่ส้มเช้ง ไปไหนกันมาคะ" ฉันเสแสร้งยิ้มระรื่น แต่แววตาสอดส่องจับผิดเต็มที่ พี่ส้มเช้งค่อยๆหันมามองฉัน เธอยังคงยิ้มแย้มตามปกติ แต่หน้าแดงๆ ก่อนจะพูดเบาๆว่า สวัสดีค่ะคุณหนูริน พี่ขอตัวก่อนนะคะ แล้วรีบเดินเข้าไปในครัว
ฉันมองพี่ส้มเช้งเดินลับสายตาไป ก่อนจะตวัดแววตาเหยี่ยวมามองพี่รนทร์ด้วยอารมรณ์อยากจับผิดเต็มที่
พี่รนทร์คงไม่รู้ตัว เพราะเขาก็มองพี่ส้มเช้งจนลับสายตาเช่นกัน ฉันเลยกระแอมดังๆ
“อะแฮ่ม ไปไหนกันมาเอ่ย"
พี่รนทร์สุดุ้งเหมือนรู้สึกตัว แล้วหันมามองฉันแกล้งทำหน้าเรียบเฉย "พี่ก็ไปเรียนพิเศษน่ะสิยัยริน ถามแปลกๆ เนอะวิดเจี้ยน แม่แกนี่เพี้ยนๆนะ" พี่ชายฉันทำมาพูดประชดประชัน ลูบหัวหมาฉันทีหนึ่งแล้วตั้งท่าจะเดินหนีไป ฉันเลยยืนขวางเอาไว้
“ไม่ให้ไป พี่รนทร์ปิดบังริน ไปไหนกัับพี่ส้มเช้งมาฮึ" ฉันยืนคาดคั้น
พี่รนทร์ทำท่าหลุกหลิก ปกติเขามาดดีออกนะ ชอบทำท่าเหมือนพวก ส.ส. จะตายไป
“อะไร้ยัยริน พี่ไปเรียนพิเศษ ส้มเช้งเขาก็ไปเรียนที่เดียวกับพี่ พอเจอกันเลยกลับมาด้วยกันไงล่ะ จะมาจับผิดอะไรเนี่ย พี่ไปอาบน้ำก่อนละ ร้อนจะแย่"
แต่ฉันยังไม่ยอม แววตาที่พี่มองพี่ส้มเช้งมันไม่ธรรมดา "จริงเร้อ รินว่าแปลกๆ เอาไปเล่าให้คุณย่าฟังดีกว่า" แล้วฉันก็หันหลังเตรียมเดินเข้าบ้าน
“เห้ยย อย่านะ ไม่ได้ๆ" พี่นรนทร์ วิ่งมาดักหน้าฉันไว้ "มันไม่มีอะไรจริงๆน้องริน ไปเล่าให้คุณย่าคลางแคลงใจ เดี๋ยวส้มเช้งจะมีปัญหานะ"
นั่นไง พี่ชายของฉันฉลาดเสมอ เขาพูดมีเหตุผลตลอด ฉันเลยยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ เสร็จฉันล่ะพี่รนทร์เอ๋ย
“ก็ได้ๆ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน"
พี่รนทร์ขมวดคิ้ว "แลกเปลี่ยนอะไร หือ ยัยตัวร้าย"
ฉันหัวเราะอย่างร้ายกาจให้สมที่พี่เรียก "พี่รนทร์ต้องช่วยรินฝึกเจ้าวิดเจี้ยนให้ขับถ่ายเป็นที่ให้ได้ ไม่อย่างนั้น เวลารินเบื่อๆ อาจจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณย่าฟังแบบไม่รู้ตัว"
พี่รนทร์ตาโตภายใต้กรอบแว่นบางๆ "นี่พี่ไม่ได้ทำผิดอะไรนะ แล้วทำไมพี่ต้องช่วยด้วย หมาตัวเองก็ฝึกเองสิ"
โถ่พี่รนทร์ขา ถ้าทำได้ รินไม่มาขอร้องหรอกค่ะ พี่ฉลาดที่สุดในเราสามคนแล้ว
ฉันยังคงตีมาดนิ่ง เอาจริง "งั้นก็เลือกแล้วกันว่าจะช่วย หรือไม่ช่วย" พูดเสร็จก็ยักคิ้วใส่พี่ชายสองที พี่รนทร์ทำท่าอึดอัดใจ
จนในที่สุดเขาก็รับปากว่าจะช่วย ถึงแม้จะไม่เคยเลี้ยงหมามาก่อนเหมือนกัน
เอาเป็นว่าฉันมีผู้ช่วยอีกคนแล้ว ฮี่ๆ
สิดาริน




เย็นวันนี้เราทานอาหารพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวเช่นเคย คุณพ่อเปิดประเด็นเรื่องมหาวิทยาลัยในอเมริกาอีกแล้วพยายามโน้มน้าวนรนทร์ทุกๆทาง เอาเรื่องการเรียนกับสุดยอดศาสตราจารย์บ้างล่ะ บางคนได้โนเบลบ้างล่ะ ศิษย์เก่าดังๆระดับโลกจะมาพูดเล่าแรงบันดาลใจที่มหาวิทยาลัยบ่อยๆบ้าง บรรยากาศนู่นนี่ ตึกเรียนทันสมัย ห้องสมุดชั้นเลิศ แต่นรนทร์ก็ได้แต่นิ่งเฉย ตอบตามมารยาทเป็นครั้งคราว จนคุณพ่อยื่นข้อเสนอให้ว่า ถ้าได้ไปเรียนที่นั่นจะออกรถสปอร์ตคันหรูรุ่นล่าสุดให้
ฉันว่า คุณพ่อไม่เข้าใจและยังไม่รู้จักนรนทร์ดีพอจริงๆ
พอนรนทร์ทานอิ่ม เขารวบช้อนอย่างเรียบร้อย แล้วเอ่ยนิ่งๆ "คุณปู่ครับ ถ้าคุณปู่อยากให้รนทร์ส่งใบสมัครขนาดนั้น รนทร์ก็จะทำให้ครับ แต่ไปเรียนหรือเปล่า รนทร์ขอคิดอีกที ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ" แล้วเขาก็ลุกออกจากโต๊ะอาหารขึ้นชั้นบนไป
คุณแม่ถอนหายใจ คุณนรนิทร์เฉยๆ ส่วนคุณพ่อทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ผมว่า ปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจเองเถอะครับ อย่างน้อย นรนทร์ก็ยอมส่งใบสมัครแล้วนี่ครับ" คุณนรินทร์เอ่ยขึ้นกับพ่อตัวเอง
บรรยากาศในโต๊ะอาหารเลยกร่อยไปหน่อย มียายดารินกับนราธิปทานกันต่อไปอย่างมีความสุข นราธิปทานจุอยู่แล้ว เพราะไปซ้อมบาสมา ส่วนดารินทานเยอะกว่าปกติ แถมมีขอไอศกรีมเพิ่มจากพวกป้าๆในห้องครัวด้วย ซึ่งทุกคนก็เต็มใจเสิร์ฟให้คุณหนูของพวกเขากันอย่างไม่อั้น
“นี่ดาริน อย่ากินเยอะนักสิลูก เดี๋ยวอ้วนหรอก เริ่มโตเป็นสาวขึ้นทุกวันนะเราน่ะ" คุณย่าปรามหลาน แต่ดารินก็ได้แต่ยิ้มให้แล้วทานไปคุยไปอย่างสนุกสนานกับพี่ชายของเธอ
ฉันขอตัวไปดูอาหารเช้าสำหรับพรุ่งนี้กับพี่ๆในครัว คุณนรินทร์กับคุณพ่อปลีกตัวไปเล่นหมากรุกในห้องสมุด
เมื่อถึงเวลานอน ฉันอาบน้ำเสร็จก็นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ส่วนคุณนรินทร์เพิ่งเล่นหมากรุกเสร็จจึงเข้ามาในห้อง
“แพ้อีกตามเคย หมู่นี้คุณพ่อโมโหง่าย แถมล่าสุดที่ไปตรวจ ความดันยังสูงอยู่เลย เลยต้องตามใจเสียหน่อย"
คุณนรินทร์พูดแบบเดิม ทำนองว่าแกล้งแพ้ ให้คุณพ่อสบายใจ เขาแกล้งแพ้บ่อยจนฉันสงสัยว่า อาจจะแพ้จริงๆเสียล่ะมั้ง
แล้วเขาก็ขึ้นมาบนเตียง ค่อยๆเคลื่อนตัวมาใกล้ฉัน แววตาเจ้าเล่ห์
“ว้ายคุณนรินทร์ ตัวสกปรกค่ะ ไปอาบน้ำเลย อย่าเพิ่งขึ้นเตียงสิ ว้าย!”
ฉันร้องลั่นเมื่อเขาเข้ามากอด "รังเกียจผมหรือไง ไม่ว่าจะกี่ปี คุณก็ยังขี้โวยวายเหมือนเมื่อสาวๆสมัยที่เราเพิ่งเข้าหอกันเลยนะ"
ฉันเขิน "แหม คุณนี่ ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ หมู่นี้คุณเป็นอะไร ทำไมชอบทำแบบนี้จัง"
เขากอดฉันแน่นขึ้นแล้วกระซิบข้างหูเบาๆ "เติมเต็มชีวิตคู่บ้างอย่าไรล่ะ หือ" พูดเสร็จก็พลิกตัวฉันมาจูบ เราจูบกันเนิ่นนาน ก่อนจะผละริมฝีปากออกจากันอย่างแผ่วเบา
“ผมรักคุณ" พูดสั้นๆแล้วจูบหน้าผากฉัน แล้วจ้องตาฉันเขม็ง "อะไรกัน ให้ผมพูดฝ่ายเดียวเหรอ"
ฉันหัวเราะ เขาก็ขี้อ้อนเหมือนกันนะ "ไปอาบน้ำให้ตัวสะอาดก่อน แล้วจะบอกค่ะ" คุณนรินทร์ทำท่างอน แต่ก็ยอมไปอาบแต่โดยดี
ใช่ ที่เขาทำมันแปลกไป แต่แปลกไปในทางที่ดีออก อย่างที่เขาบอก การทำอะไรหวานๆให้กันบ้าง มันก็เติมเต็มชีวิตคู่ได้ดี
ฉันคว้าหนังสือที่คุณนรินทร์โยนไปปลายเตียงจะมาอ่านต่อ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นมือถือของเขาบนโต๊ะเครื่องแป้งเข้า
'ฉันเช็คมือถือคุณจิทัศน์ด้วย' เสียงหนูเล็กมากวนใจอีกแล้ว แม่นี่เล่นตุ๊กตาวูดูใส่ฉันหรือเปล่าเนี่ย
ไม่เอาน่าสิดี เธอทำไม่ได้นะ เธอเคยไว้ใจเขามาตลอดและจะไว้ใจต่อไปนะ ไม่นะ อย่าไปแตะมือถือของเขาเชียว อย่าเปิด อย่าเช็ค อย่า....
จริงๆด้วย มีแต่เบอร์คุณจิทัศน์ และเพื่อนผู้ชายที่ชื่อ อรรถวิทย์บ่อยครั้ง มีเบอร์ฉัน และลูกๆประปราย แต่อันดับแรกเป็นอรรถวิทย์และจิทัศน์ที่โทรเข้าและออกตลอด
เบอร์คุณจิทัศน์ ฉันจำได้แม่น แต่อรรถวิทย์คือเพื่อนของเขาคนไหนเหรอ...คุณนรินทร์ไม่เคยพูดถึงชื่อนี้เลยนะ
คิดได้ดังนั้นก็ไปหยิบมือถือตัวเองมากดเบอร์ของอรรถวิทย์โทรออกไป และแล้ว....
“....ตืด....สวัสดีค่ะ...”
เป็นเสียงผู้หญิง ยังสาวด้วย ไม่แก่เป็นแน่แท้ ฉันรีบกดตัดสาย เอามือถือคุณนรินทร์วางที่เดิม แล้วเดินดุ่มออกไปที่ระเบียงหน้าห้องนอน มือฉันสั่นเทาไปหมด ไม่หรอก คงสั่นทั้งตัวนั่นล่ะ ในสมองคิดอะไรไม่ออก ก็ปลายสายเป็นผู้หญิงรับอย่างนั้น จะให้ฉันคิดอะไรเหรอ ชื่ออรรถวิทย์ แต่ผู้หญิงรับ ฉันกัดปากตัวเองจนชา แล้วเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลออกมา เมื่อหนูเล็กพูดตอบกลับมาจากปลายสาย ฉันกดเบอร์โทรหาเธอเมื่อกี้
“หนูเล็ก...” ฉันพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น "ที่เธอบอกว่าเพื่อนผู้ชายอีกคนที่คุณจิทัศน์โทรหาบ่อยๆน่ะ ชื่ออะไรเหรอ"
หนูเล็กคงงงอยู่ทางฝั่งนู้น "ทำไมเหรอสิดี มีอะไร...”
ฉันเก็บเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตามันแตกแล้ว "ชื่อ...อรรถวิทย์หรืิอเปล่า...”
หนูเล็กเงียบไปอึดใจ ก่อนจะตอบกลับมา น่าจะใช่นะฉันว่า แปปนึง" เธอคงเดินไปแอบเปิดดูมือถือคุณจิทัศน์
“ใช่เลยล่ะสิดี อรรถวิทย์"
แล้วฉันก็ตัดสายหล่อนไปดื้อๆ หัวตื้อไปหมด เขาสองคนสมคบกันหลอกอะไรเราสองคนล่ะนี่ ฉันรีบปาดน้ำตา แล้วปิดไฟนอนก่อนที่เขาจะออกมาจากห้องน้ำ ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีก คำหลอกลวงทั้งนั้น
คืนนี้ ฉันพูดว่า รัก กับเขาไม่ได้หรอก




ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ม.ค. 2557, 20:18:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ม.ค. 2557, 20:18:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1320





<< (9)ก็ไม่รู้สินะ   (11)หลักฐาน >>
konhin 19 ม.ค. 2557, 23:09:04 น.
อ้าวว ไม่จริงๆ รับไม่ได้


จิงโกะ 19 ม.ค. 2557, 23:09:11 น.
วิเชียร เอ๊ย วิดเจี้ยน หายไปนาน คิดถึงนะเนี่ย


ใบบัวน่ารัก 19 ม.ค. 2557, 23:26:44 น.
กว่าจะมา ข้ามปีเลยนะ
ภาคนี้ยังเป็นเรื่องของสิดีหรือ ดาริน
งง นะเนี่ย ถ้ามีลูกคนที่4 จะดีกว่านี้นะ จัดเลยๆๆๆ


oolong 20 ม.ค. 2557, 04:47:16 น.
คิดถึงสมาชิกบ้านนี้ที่สุด อย่าหายไปนานนักนะคะ


ลายเส้น 20 ม.ค. 2557, 12:15:03 น.
ขอโทษที่ทำให้คิดถึงค่ะ


Kapoh 6 ก.พ. 2557, 01:46:57 น.
มาต่อเร็วๆนะคะ สงสารสิดี


ลายเส้น 21 ก.พ. 2557, 00:03:33 น.
ได้ค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account