♥ ♥ ♥ หัวใจร้อยดาว [ชุด ทางลัดสลัดโสด สนพ.อรุณ] ♥ ♥ ♥
อะไรนะ! ถ้าไม่แต่งงานภายในเก้าสิบวัน

เธอต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิตเหรอ บ้าไปแล้ว!



ดอกเตอร์ โมนา วิมาลิน อยากอุทานเป็นภาษาต่างดาวชะมัด

แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องงมงาย

แต่รุ่นพี่ที่เจออาถรรพ์ก็ขึ้นคานกันไปแล้วถ้วนหน้า

เธอจะเสี่ยงเป็นคนต่อไปจริงเหรอ...



นับว่าพระเจ้ายังไม่ใจร้ายจนเกินไป

เพราะท่านส่ง ชัชวิน มาจีบเธออย่างออกนอกหน้า

ตามมาด้วย เมอร์ซิเออร์ โนแอล เดอแบร์มองต์ สุดหล่อ

แถมยังมี เอกชัย เทรนเนอร์หล่อล่ำ

กับ กฤต นักดนตรี อารมณ์ศิลป์มาให้เลือกพร้อมเพรียง



โมนาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

เพราะระหว่างหาทางลงจากคาน

เธอกลับต้องเผชิญปัญหาเรื่องการงานหนักหน่วง



ในท่ามกลางมรสุมที่พัดจนเธอซวนเซ

โมนาจึงได้เห็นความรักของใครบางคน...ชัดเจนขึ้นในหัวใจ

อยากรู้ก็แต่ว่า...อีกฝ่ายจะรักเธอมากพอ

และชวนเธอลงจากคานทันเวลาไหมหนอ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เตรียมยิ้มและหัวเราะไปกับ ดอกเตอร์สาวตัวกลม ที่จะทำให้คุณเข้าใจนิยามของความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

หัวใจร้อยดาว - เจ้าสาวร้อยชั่ง ในชุดทางลัดสลัดโสด


เขียนโดย สิริณ - ดวงมาลย์

จ่อคิววางแผงต่อจาก ใต้ปีกรักสีเพลิง เลยค่ะ

เชิญติชมกันได้เต็มที่เช่นเคย



ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย

ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ

(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )

ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

www.facebook.com/SirinFC
Tags: โนแอล โมนา ขิมคราม รอยตะวัน สลัดโสด

ตอน: ตอนที่ ๒๑ (จบตอน)

“ฉันแค่เมาแล้วหลับไปเฉยๆ ไม่เรียกว่าเมาแอ๋ย่ะ” เธอตบเบาะข้างตัว และโนแอลก็มานั่งข้างๆอย่างว่าง่าย

“ลองว่ายังเถียงคำไม่ตกฟากได้อย่างนี้ แปลว่าไม่เป็นอะไรมากจริงๆ” ชายหนุ่มยกริมฝีปากขึ้นนิดๆ “ผมมีคีชผักโขมกับครัวซองต์อร่อยที่สุดในโลกมาฝากด้วย กินรองท้องก่อนดีไหม ระหว่างที่ผมทำ...”

โมนาเดาได้ว่าเขาคงจะเสนอตัวเป็นคนทำอาหารเย็น จึงรีบขัดขึ้น “ไม่เอาค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณต้องเหนื่อยทำอะไรวุ่นวาย วันนี้วันที่หนึ่งมกรา เรามาทำอะไรเก๋ๆที่หนุ่มฝรั่งเศสอย่างคุณไม่ชอบใจกันบ้างดีกว่า”

“อะไร” เขาหรี่ตานิดๆอย่างไม่ไว้วางใจ

“อาหารขยะค่ะ ไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ แล้วก็พิซซ่าเป็นไง” หญิงสาววางแก้วน้ำส้มที่ดื่มหมดแล้วไว้บนโต๊ะ

ชายหนุ่มส่ายหน้าทันที “คุณเจ็บขาอยู่ แค่นี้ก็ไปออกกำลังกายไม่ได้หลายวันแล้ว เผาผลาญแคลอรีได้น้อยลง เพราะฉะนั้นก็ควรระวังไอ้ที่จะกินเข้าไปให้มากขึ้น"

“ไหนคุณบอกว่าเราต้องให้รางวัลตัวเองบ้างไงคะ นี่มันวันปีใหม่นะ”

“คุณให้รางวัลตัวเองมากเกินไปแล้วเชรี เข้าฟิตเนสมาเดือนครึ่ง เป็นคนอื่นเขาต้องผอมลงกันสองสามโล เสื้อผ้าลดไปสักครึ่งไซส์ แต่นี่อะไร คุณน้ำหนักเท่าเดิม ใส่เสื้อผ้าขนาดเดิม คุณกำลังจะทำตัวเองให้กลายเป็นความล้มเหลวขั้นร้ายแรงของวิทยาศาสตร์การกีฬานะ”

“บอกตรงๆนะโนแอล ตอนนี้ยิ่งรู้เช่นเห็นชาติของชัชวิน ฉันยิ่งหมดแรงจูงใจจะไดเอท ตอนนั้นฉันเคยบอกว่าจะผอมสวยให้เขาซมซานมาสำนึกผิด รู้สึกเสียใจ เสียดายที่ปล่อยฉันหลุดมือไป แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาเห็นฉันเป็นสะพานที่ทอดไปสู่ผลประโยชน์มหาศาลของบริษัท ต่อให้ฉันผอมสวยสุดใจ เขาก็ไม่มีทางมาเสียดายฉันแหงๆ”

“อ้าว...แล้วไม่คิดอยากผอมเพื่อตัวเองบ้างเหรอ จะได้เคลื่อนไหวสะดวก คล่องตัว ไม่เป็นโรคอะไรพวกเนี้ย”

“แหม...ไอ้ประเด็นที่คุณพูดมา มันดูไกลตัวฉันยังไงก็ไม่รู้นะคะ” สาวอวบยิ้มแหย

“ที่ผมพูดเนี่ยไม่ใช่ว่าจะบังคับคุณไปออกกำลังกายต่อเพื่อให้ผอมหรืออะไรหรอกนะ แต่ผมอยากให้คุณสุขภาพดี การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายคุณมีภูมิต้านทาน ไม่เป็นโรคหัวใจ ความดัน หรือแม้แต่เบาหวาน”

“แหม...มันก็คงจะทำให้ฉันอยู่ได้นานขึ้นอีกไม่กี่ปีหรอก จากหกสิบก็อาจจะเป็นหกสิบเอ็ด หกสิบสอง” โมนายังตะแบงต่อ

“ทำไมคิดว่าตัวเองจะอยู่ถึงแค่นั้นเองล่ะ”

“ไม่รู้สิ บางทีฉันก็สงสัยนะโนแอล ว่าคนเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ฉันไม่มีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดู ฉันไม่มีลูกไม่มีสามี ไม่มีใครที่ฉันต้องเฝ้ามองความสำเร็จของพวกเขา อยากกินอะไรฉันก็ได้กิน อยากไปเที่ยวไหนฉันก็ได้เที่ยว ฉันหาไม่เจอด้วยซ้ำว่าชีวิตของฉันอยู่ไปเพื่ออะไร” โมนารำพัน แล้วฝืนหัวเราะในตอนท้าย “นี่ฉันพล่ามบ้าอะไรก็ไม่รู้เนอะ วันแรกของปีแท้ๆ น่าจะพูดแต่เรื่องดีๆมากกว่า”

“ไม่บ้าหรอก มันเป็นกันได้ทุกคนนั่นแหละ คุณอาจจะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะอยู่ไปทำไม แต่ถ้าถามผม ผมอยากให้คุณอยู่ไปอีกนานๆ เพื่อให้ใครอีกคนมีโอกาสได้รักแล้วก็ดูแลคุณยังไงล่ะ”

“ใครคนนั้นที่คุณว่าน่ะ มีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ต้องมีสิเชรี คุณต้องเชื่อมั่นว่า...”

โมนาถอนหายใจ “บอกตามตรงนะ มีหลายหนเลยที่ฉันอดถามตัวเองไม่ได้ว่า ถ้าจะต้องอยู่กับผู้ชายคนนึงไปจนชั่วชีวิต ฉันจะทำได้หรือเปล่า แค่ลองคิดภาพตัวเองอยู่กับคุณกฤต ฉันก็รู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้”

“แล้วผมล่ะ ถ้าต้องอยู่กับผู้ชายอย่างผมไปชั่วชีวิต คุณว่าจะทำได้ไหม”

ดวงตากลมโตเหลียวมาสบสานกับเขาด้วยความประหลาดใจ “วันนี้คุณอยู่โหมดไหนเนี่ย ถามประหลาดๆนะ เมาค้างหรือเปล่า”

โนแอลวาดมือข้างหนึ่งไปพาดบนพนักโซฟาด้านหลังหญิงสาว แล้วอมยิ้ม

โมนาหัวเราะคิก แต่ไม่ขยับตัวออกห่างแต่อย่างใด “นี่จะมามุกไหนอีกเนี่ย”

“รู้ตัวหรือเปล่าเชรี ถ้าผู้ชายคนอื่นทำอย่างนี้ คุณจะลุกหนี ไม่ก็ถอยออกไปห่างๆ ไม่นั่งนิ่งๆอยู่อย่างนี้หรอก”

“ก็แหงละสิ ผู้ชายคนอื่นคงคิดจะฉวยโอกาสกับฉันนี่”

“แล้วไม่คิดว่าผมก็อยากจะฉวยโอกาสกับคุณบ้างเหรอ”

“อย่างคุณแค่พยักหน้าก็มีผู้หญิงเต็มใจอยากเปิดโอกาสให้แล้ว ไม่ต้องมาฉกมาฉวยกับคนที่ไม่เต็มใจหรอก”

“แล้วถ้าผมพยักหน้า คุณจะเปิดโอกาสให้ผมไหม” โนแอลชักขัน เขาพูดขนาดนี้แล้ว แม่คุณก็ยังไม่เอะใจเสียทีว่าเขาหมายความว่าอะไร อุตส่าห์เป็นถึงดอกเตอร์ด้านการเงิน แต่เรื่องความรักกลับหัวช้ายิ่งกว่าเด็กอนุบาลซะอีก!

“แค่เปิดโอกาสจะไปพออะไร ฉันโดดใส่เลยละกัน แถมให้ โทษฐานที่รู้จักกัน ดีไหม” โมนาเย้าปนหัวเราะ

โนแอลเลื่อนมือจากพนักเก้าอี้มาแตะที่บ่าหญิงสาว แล้วรอดูปฏิกิริยาของเธอ

โมนาคงนึกว่าเขาล้อเล่น เพราะเธอยิ้มเหมือนเด็กสาวจอมซน ทั้งยังลอยหน้าลอยตาเชิ้บๆไปมาอย่างล้อเลียนอีกด้วย

โนแอลหัวเราะหึๆในคอ “เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีน่ะเชรี ว่าผมรักคุณ”

เพียงสิ้นประโยค บรรยากาศในห้องก็กลายเป็นสุญญากาศในบัดดล โมนาตะลึง ตัวแข็งไม่กล้าขยับสักนิด ดวงตากลมโตเบิกกว้างแสดงความตกใจ อาจเพราะเธอรู้สึกว่าใบหน้าเขาอยู่ใกล้เกินไปก็ได้

โนแอลคลี่ยิ้มกว้างขึ้นทีละนิด กลิ่นหอมหวานนุ่มนวลคุ้นจมูกบางอย่างอวลอยู่ในอากาศ ทุกเช้าเธอจะออกมาจากห้องนอนพร้อมกลิ่นหวานๆอย่างนี้ แต่พอช่วงสายมันก็หายไป เขาเคยคิดว่ามันเป็นกลิ่นน้ำหอมเสียอีก เพิ่งรู้วันนี้เองว่ามันคือกลิ่นสบู่ที่ผสมกับเหงื่อจนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเธอ

“เงียบอย่างนี้ เหมือนไม่ใช่คุณเลยนะ ยังเมาค้างอยู่หรือเชรี” เขาล้อเลียนด้วยสำนวนของเธอเอง

โมนากะพริบตาปริบคล้ายเพิ่งได้สติ มือยกขึ้นยันใบหน้าเขาออกห่างทันที “นี่คุณแกล้งฉันอีกแล้วเหรอ เผลอไม่ได้เลยนะ คุณนี่มันจริงๆเล้ย”

โนแอลถอนใจ อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะนัก ไม่รู้จะโทษใครดี ที่แซวเล่นกับเธอบ่อยเสียจนโมนาเข้าใจว่าเขาเล่นมุกอีกตามเคย “เชรี ผมไม่ได้แกล้งคุณ ผมพูดจริงๆ” จะมีผู้ชายคนไหนบอกรักได้น่าตลกไปกว่าเขาไหมเนี่ย

“หรา...น่าเชื่อมาก” หญิงสาวลากเสียงหน้าเป็น ขนาดใช้ภาษาอังกฤษ แต่ดีกรีความกวนก็มิได้น้อยลงเลย

เขามองใบหน้ากลมอิ่มที่ลอยเฉิบๆอยู่ตรงหน้าด้วยความมันเขี้ยว และก่อนที่ความเหมาะสมจะสั่งการให้ถอยออกห่าง โนแอลกลับปล่อยความต้องการซึ่งอยู่ลึกที่สุดในใจบุกเข้ามาครอบครองพื้นที่ในสมองอย่างยอมจำนน

มือข้างที่อยู่เบื้องหลังโมนาเลื่อนมาประคองต้นคอเธอไว้ ขณะมือขวาซึ่งเจ็บไหล่อยู่คว้ามือนุ่มนิ่มใกล้ๆไว้ ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปหาหญิงสาวอย่างเชื่องช้า จนอีกแค่เสี้ยวองคุลีริมฝีปากจะแตะกัน เขาจึงหยุดและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า “ถ้าคุณไม่ห้ามผมตอนนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างที่ทั้งคุณและผมต่างก็จินตนาการไม่ได้ เชรี...คุณพร้อมจะเสี่ยงไปกับผมไหม”

ใบหน้าเขาอยู่ใกล้เธอจนมองเห็นริ้วรอยเล็กๆที่ขมวดขึ้นตรงหว่างคิ้วชัดเจน มือข้างที่ไม่ได้ถูกพันธนาการไว้ขยับยุกยิก และโนแอลก็รู้ทัน รีบใช้มือขวาที่เจ็บๆนั่นแหละคว้ามือเธอทั้งสองข้างยึดไว้ด้วยกัน เขาผ่อนลมหายใจแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว แวบหนึ่งที่ใจหายวาบเมื่อมองเห็นแววตระหนกในดวงตากลมโตทั้งคู่

“กลัวผมหรือ” เขากระซิบถามแผ่วเบา

โมนาพยักหน้านิดเดียวแทนการรับคำ

ชายหนุ่มอยากหัวเราะให้เสียงดังก้องฟ้านัก ใครสักคนข้างบนแกล้งเขาหรือเปล่า ถึงให้ผู้ชายที่ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงจากโลกเสรีมาตกหลุมรักผู้หญิงหัวโบราณอย่างนี้

โนแอลคลายอุ้งมือทั้งสองข้างปล่อยให้โมนาเป็นอิสระอีกครั้ง เขายืดตัวขึ้นเล็กน้อย เพื่อประทับริมฝีปากที่หน้าผากนูนเกลี้ยงแทน และนิ่งอยู่ในอิริยาบถนั้นชั่วขณะ ก่อนจะถอยกลับมานั่งตัวตรงดังเดิม ใบหน้าขาวของสตรีตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ ขณะโมนาหลุบตาลงต่ำ จนเขาต้องแตะคางให้เธอช้อนสายตาขึ้นมาสบสานกัน

“ถ้าทำให้ตกใจก็ขอโทษด้วย ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ ผมพยายามอ้อมค้อมบอกคุณตั้งหลายครั้ง แต่คุณก็ไม่ยอมเข้าใจสักที”

“ก็คุณพูดทีเล่นทีจริงตลอด ใคร...เอ่อ...ใครจะไปรู้ล่ะ”

“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม ถ้าไม่รู้จะได้ยืนยันอีกสักที คราวนี้เอาแบบเนื้อๆเน้นๆเลยเป็นไง” เขาจงใจก้มหน้าลงมาประกอบคำพูด

โมนาผงะเอนตัวไปด้านหลังทันที ขณะละล่ำละลักรับคำ “รู้แล้วๆๆ”

ชายหนุ่มไม่หยุดคิดสักวินาทีในอันที่จะขยับเข้าใกล้ โอบมือไปด้านหลังดึงเธอเข้ามากอดด้วยกิริยานุ่มนวลทะนุถนอม พร้อมกับกระซิบแผ่วเบา “เลิกไปเรียนทำอาหารเถอะ ผมไม่อยากให้คุณไปเจอนายกฤตนั่นอีกแล้ว”

“อ้าว! ไหนว่าจะให้ฉันทำอาหารให้คุณกินไง”

“ไม่ต้องแล้ว ถ้าคุณทำไม่ได้ เดี๋ยวผมทำให้คุณกินเอง”

“นี่คุณแค่บอกรักฉัน ฉันยังไม่ได้รับรักคุณเลยนะ มีสิทธิ์อะไรยะถึงมากะเกณฑ์ว่าฉันต้องทำหรือไม่ต้องทำอะไรน่ะ” โมนาดันไหล่เขาออก ลอยหน้าย้อนถามอย่างกวนๆ

“ก็ลองดื้อดูสิ ผมมีวิธีจัดการเด็กดื้อแบบของผมอยู่นะ รับรองว่าเห็นผลชะงัดแน่นอน” เขายิ้มเจ้าเล่ห์

โมนาฟาดเพียะที่ต้นแขนคนโฉเกทันที “นี่แน่ะ! ขู่ฉันเหรอ”

กระสอบทรายจำเป็นเอี้ยวตัวหลบพัลวัน “เฮ้ย! เบาๆหน่อย มือหนักนะคุณเนี่ย ประเดี๋ยวผมก็ช้ำในก่อนจะได้อุ้มคุณเหาะลงจากคานหรอก”

โมนาเม้มปากแน่น แต่ก็ไม่สามารถกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าได้อยู่ดี เธอทุบเขาอีกทีก่อนก้มหน้าอุบอิบ “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ก็บอกแล้วไม่อยากขึ้นคาน แค่คุณชวนเบาๆ เดี๋ยวฉันก็โดดลงไปหาเองแหละ”

“สมัยเชกสเปียร์นี่ โรเมโอต้องปีนระเบียงขึ้นไปหาจูเลียต แต่ในยุคไอโฟนครองเมือง จูเลียตกระโดดลงมาหาโรเมโอเองเลย ดีจัง”

“นี่ตกลงคุณแกล้งฉันใช่ไหมเนี่ย” โมนายังมีท่าทางลังเลไม่แน่ใจ กลัวถูกอำอยู่ไม่รู้วาย

คนชอบแกล้งจึงหัวเราะร่วน คว้ามือเธอมาจูบแรงๆ “พูดจริงคร้าบคุณผู้หญิง เดี๋ยวจะพูดซ้ำๆย้ำบ่อยๆเลยดีไหม คุณจะได้เชื่อเสียทีว่าผมไม่ได้ล้อเล่น”

โมนาย่นจมูก พยายามดึงมือออกจากอุ้งมืออีกฝ่ายอย่างยากเย็น เมื่อสำเร็จแล้วจึงเปลี่ยนมาแตะแก้มที่มีตอหนวดขึ้นเป็นรอยเขียวครึ้มอย่างกล้าๆกลัวๆ “ฉันต้องกำลังฝันไปแน่ๆเลย”

แทนคำตอบ โนแอลยกมือขึ้นมาซ้อนทับมือหญิงสาวไว้จนฝ่ามือนุ่มนิ่มแนบกับใบหน้าเขา ดวงตาสองคู่ประสานกันเนิ่นนาน ไม่มีคำพูดใดต่อกัน

ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างมีความสุข นานมากแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้ ความรู้สึกที่ว่าโลกนี้ช่างงดงามนัก ทำให้เขาอยากยิ้มอยู่ตลอดเวลา และเขาก็ไม่ปรารถนาจะหาเหตุผลใดๆด้วย รู้แค่ว่าเขาอยากให้โมงยามเช่นนี้คงอยู่ตลอดไปก็คงจะดี

แม้จะผ่านโลกมามากมาย พบเจอทั้งเรื่องสุข สมหวัง หรือพลาดหวังมามาก แต่วินาทีนี้ในพจนานุกรมของโนแอลถูกบรรจุด้วยคำว่า ‘ความสุข’ เปี่ยมล้นจนแทบจะเรียกว่าฟุ้งกระจายออกมาจากเนื้อตัวเลยก็ว่าได้


(จบตอน)


ใครอ่านตอนนี้จบแล้วมีรอยยิ้ม
ขอไล้ค์รัวๆให้โนแอลกับโมนาด้วยนะค้าาาาา ^_^



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ธ.ค. 2556, 00:00:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ธ.ค. 2556, 00:00:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1900





<< ตอนที่ ๒๑ (๗๐%)   ตอนที่ ๒๒ (๓๐%) >>
ปรางขวัญ 4 ธ.ค. 2556, 00:26:09 น.
ว๊าว หวานๆแบบอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว


นักอ่านเหนียวหนึบ 4 ธ.ค. 2556, 01:04:48 น.
เหยยย แบบนี้เลยอะ รู้สึกได้เลยว่า การบอกรักคู่นี้ต้องไม่ธรรมดา แล้วก็จริงๆ ด้วย มันหวานๆ มันๆ แบบนี้เลยย
นี่สินะ ความสนุก ความสุขขอวการอ่านนิยายออนไลน์ นิยายที่เราคาดเดาไม่ได้เลยว่า ณ ตอนนี้ที่มันสวยหรู พอตอนต่อไปคือตอนจบ หรือตอนต่อไปคือจุดเริ่มต้นของรอยร้าว มันเป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในเล่มจริงๆ


Liez 4 ธ.ค. 2556, 01:10:08 น.
อิจฉาเชรี แม่คนรู้สึกช้า


OhLaLa 4 ธ.ค. 2556, 02:05:54 น.
กรี๊ดดดดด โนแอลบอกรักได้โดนใจ แอบเสียดายไม่ได้ดูฉากบอกรักแบบเนื้อๆ เน้นๆ


ปิศาจสัญจร 4 ธ.ค. 2556, 03:00:13 น.
อายจัง เขินด้วยค่า


ree 4 ธ.ค. 2556, 04:11:26 น.
แม่คุณจะรู้ตัวจริงๆ แน่เหรอ


konhin 4 ธ.ค. 2556, 04:22:25 น.
ว้าวววววว ตื่นมาพรุ่งนี้โมนาก็จะบอกว่าเมื่อคืนฝันไป ฮ่าๆๆ


pretty 4 ธ.ค. 2556, 07:16:48 น.
ทุกทีตามอ่านเฉยๆ ไม่เคยlogin มากดไลค์ แต่อ่านตอนนี้แล้วอดไม่ได้จริงๆ หวานเว่อร์


sumitt 4 ธ.ค. 2556, 12:55:12 น.
เขินอ่ะ


lunamoon 4 ธ.ค. 2556, 15:00:50 น.
อร้ายยยยย~


อัศวินนภา 4 ธ.ค. 2556, 15:00:57 น.
วันนี้ต้องมาเมนต์ให้ได้

อารายยยยยยยยยย จะน่ารักขนาดนี้พ่อคุณ

มาเป็นสามีเราดีกว่า 555


goldensun 4 ธ.ค. 2556, 17:44:22 น.
ขี้เล่นมาก พอสารภาพรัก ก็โดนระแวงอย่างนี้แหละ ขนาดโนแอลบอกตรงๆ โนแอลยังระแวงเลย
หวานปนฮาซะจริง คู่นี้ อย่างนี้โมนาค่อยมีแรงใจสู้ผู้ร้ายหน่อย ตัวคนเดียว ถ้าไม่มีห่วง ยิ่งดาวน์ง่าย


Zephyr 4 ธ.ค. 2556, 20:13:38 น.
ฮ่าๆๆๆๆ น่าสงสารอ่า บอกรักแล้วโมนาไม่เชื่อ
หุหุ นี่ละน้า เล่นบ่อยจนไม่รู้จริงรึเล่นนี่นา
แต่ลิซ่า โนแอลพูดจริงๆนะ
ถ้าเธอไม่เชื่อ มีคนรอเสียบพรึบบบบบบ
ยังไม่จบง่ายๆชิมิค้าาาาา
คุณกฤต เอกชัยและชัชวิน คงไม่เอามาแค่เดินผ่านจอหรอกเนอะ
มันต้องมีซัมธิงแน่ๆ แต่จะดีรึจะร้ายล่า
อย่าให้พรากกันมากเลย คนอ่านเหงาตามมมมมม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account