รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 24 : อารมณ์อินดี้

ข่าวการลาออกของพิธีกรสาวแห่งหลอนดีนักสะเทือนวงการวาไรตี้กันถ้วนทั่ว มีทั้งกระแสต่อต้าน หรือเห็นดีก็สุดแล้วแต่ รายการอื่นๆ รีบจ่อคิวยื่นเสนอแผนรายการใหม่ให้สมิตานัน จนเจ้าตัวขอเวลาต้องออกมาแถลงกับสื่อว่าขอพักงานชั่วคราว อย่างน้อยๆ ให้เธอได้รู้จักชีวิตสงบๆ หยุดนิ่ง ไม่ต้องพบเจอเรื่องน่าตื่นเต้น สยองขวัญทุกอาทิตย์ หรือการยอมรับว่าในชีวิตกำลังไม่มีนิมมานมาอยู่ดูแลอีกต่อไป

หนึ่งอาทิตย์กับการอยู่นิ่งๆ ไม่ออกไปพบเจอใครก็ดูสงบ แต่ไม่สุขอย่างบอกไม่ถูก...สาวผมสั้นมองพี่สาวที่เก็บแมวดำนามว่าถึกได้ตอนเดินออกกำลังกายยามเช้าที่เธอต้องคะยั้นคะยอให้ออกด้วยกันทุกวันกำลังดูแลอย่างดี โดยมีแขกประจำอย่างหมอธนิทธิคอยช่วยดูแล กิจกรรมหลังจากที่เธอลาออกจากงานคงเป็นการทำตัวเป็นกามเทพแห่งความรักให้พี่สาว

สักวันเธอเชื่อว่าคนคู่นี้คงจะรักกันได้ไม่ยาก

ส่วนเธอ...สมิตานันนึกถึงวันที่เธอทำตัวเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาก็นึกขำตัวเอง ทำไมถึงกล้าร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักเธอแบบนั้น อาการงงงวย มองหน้าเธออย่างคนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อที่เธอโกหกว่าเล่นละครหรือเปล่า

“แล้วจะเอาไงต่อกับชีวิต ปุบปับลาออก จะทำอะไรต่อ วันๆ เห็นนั่งนอนในบ้าน แล้วก็คึกมานั่งปลูกต้นไม้อีก”

คนที่มือยังไม่ทันล้าง แต่นั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กหน้าแปลงดอกซ่อนกลิ่นหัวเราะกับอาการสาวขี้บ่นของรียากร “เดี๋ยวเย็นนี้ตี้ก็มีงานแล้ว เจ๊มลจะมารับไปคุยงานค่ะ ไม่ต้องกลัวตี้ขัดเวลาสวีทหรอกน่า”

“เดี๋ยวเถอะ” คนติแก้มขึ้นสี ไม่ยอมสนทนากับน้องที่กำลังหัวเราะงอหาย แต่พอลับร่างของรียากรรอยยิ้มบนหน้าก็พลันหายวับ เหลือเป็นรอยรำลึก และเศร้า

นิมมานกลายเป็นบุคคลที่เธอเผลอคิดถึงทุกครั้ง...ทั้งที่รู้ดีว่าไม่สมควร เธอพยายามไม่สืบข้อมูล ไม่รับรู้ติดตามข่าวของเขา แต่มันยิ่งทำให้เธอ...ทรมาน


“ช่วงนี้ทำตัวเหมือนคนอกหักเลยนะตี้ อารมณ์อินดี้อย่างเรื่องงานอยากออกก็ออก” คนที่โดนโทรตามให้มารับไปเดินเที่ยวเล่นกันในห้างฆ่าเวลาก่อนจะได้พูดคุยกับอิศยาสะใภ้คนโตของครอบครัวฝั่งแม่เรื่องเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับทางห้างขนมหวาน

ปาริตามองสำรวจใบหน้าของเพื่อนด้วยความสงสัย ช่วงนี้เธอเองก็พบเจอตารางมหาโหด ไหนจะยังมีมารผจญในชีวิตอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอสงบสุขง่ายๆ ต่างกับสภาพของเพื่อน ถึงจะยิ้ม หัวเราะได้ แต่เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าดวงตาของตัวเองดูจืดชืดไร้ชีวิต...เหมือนแววตาของคนผิดหวังกับอะไรมา

“คิดมาก ก็แค่เบื่อๆ เลยอยากเปลี่ยน”

คนเป็นเพื่อนถึงแม้จะไม่เชื่อ แต่ไม่อยากเซ้าซี้ หากสมิตานันอยากบอกก็คงบอกเอง “แล้วที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองนี่ปกติดีใช่ไหมตี้”

“ปกติ...มั้งนะ” การตอบทีเล่นทีจริงของเพื่อน และการยืนโบกมือให้เหล่าคนที่จำเธอได้อย่างเป็นมิตร มีหลายคนเข้ามาถ่ายรูปถามไถ่ถึงความคิดของเธอที่ลาออกจากรายการ รวมทั้งบอกว่าจะติดตามงานของเธอต่ออย่างแน่นอน ทำให้คนฟังยิ้มแก้มปริ ริมฝีปากเกือบถึงหู อารมณ์เศร้าในใจคล้ายได้ถูกวางพักชั่วคราว

ปาริตากอดอกมองอยู่ไม่ไกล เห็นแววตาของเพื่อนดีขึ้นจึงวางใจ...บางทีเธออาจกังวลมมากไปเอง

“คุณตี้คะ” ร่างสูงมาดนางแบบเดินเร็วเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มยินดี นีรนาโบกมือเหย็งๆ มาให้ ถือโอกาสแทรกตัวเข้ามาใกล้ พอสมิตานันเห็นว่าเป็นใคร ร่างก็เกิดเกร็ง หัวใจเหมือนโดนเข็มเจาะจนแฟบ นึกอยากจะถอยหนีเสียเดี๋ยวนี้ แต่ดูจะเสียมารยาทกับผู้หญิงของนิมมานเกินไป จึงต้องปั้นหน้าทำเป็นยิ้มตอบ

“สวัสดีค่ะ”

“ไม่ต้องทางการหรอกค่ะ รู้ไหมคะว่าเรื่องของคุณตี้ทำให้ปัดไม่ต้องคิดเรื่องผู้ชายเฮงซวยไปได้เยอะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ” นีรนากล่าวยิ้มๆ ยิ่งสีหน้าของคนฟังมีแต่ไม่เข้าใจ เธอยิ่งอยากรู้บางอย่าง “ละครที่คุณตี้ซ้อมบทไปวันนั้น เรื่องอะไรเหรอคะ”

“เอ่อ...คือ” สมิตานันเกิดอาการใบ้รับประทาน อึกอักกับการโกหกของตัวเอง “เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ ทิ้งเพื่อนไว้นานแล้ว” อีกครั้งที่เจ้าตัวเกิดอาการร้อนตัวจนอยากจะหนี

สมิตานันลาเหล่าแฟนหน้าจอของเธอ และคนสำคัญของนิมมานที่เธอกำลังไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูดนัก ยกเว้นเรื่องการแสดงอันไม่สมจริงของเธอ แต่พอหันศีรษะมองหาเพื่อน ร่างสูงคุ้นตาของใครบางคนกำลังเดินตรงดิ่งมาทางนี้...นิมมาน

“เดี๋ยวค่อยเจอกันนะมิลัน ฉันมีธุระด่วน” สายตามองเจ้าของดวงตาลึกล้ำ ที่มีประกายแปลกใจกับการพบหน้าเธอ แต่เขาคงไม่เห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเธอที่รีบเดินหลีกไปอีกทางจนสะดุดเท้าตัวเองล้มหรอกนะ หญิงสาวกัดฟันลุกขึ้นอีกครั้ง น้ำตาคลอหน่วย อาการเจ็บทางกาย มันไม่เท่าทางใจหรอก เธอเจอเขาแต่กอดเขา บอกเขาว่ารักไมได้ มันเจ็บกว่าล้านเท่า...สมกับที่เธอเคยทำให้เขาเหนื่อย เขารอมาตลอดจริงๆ

มือของเธอโดนจับไว้แน่น ขณะที่ตัวของเธอถูกร่างที่ใหญ่กว่าประคองให้ลุกขึ้น หัวใจของเธอเต้นรัวเร็ว กลิ่นน้ำหอมเย็นของผู้ชายลอยใกล้จมูกจนเธอตัวแข็ง ไม่กล้าขยับกลัวแผ่นหลังของเธอจะชิดร่างเขา

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากที่ช่วยค่ะ” ก้มหน้าตอบ รู้สึกใจหายเมื่อเขาปล่อยให้เธอยืนด้วยตัวเอง...เธออยากให้เขาโอบประคองเธอ เป็นเสาหลักอันมั่นคงของเธอไปตลอดชีวิต

“มีอะไรที่อยากคุยกับผมหรือเปล่า”

“เอ๊...” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอัลมอนด์เบิกขึ้นมองใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม คำถามเรียบๆ แต่น้ำเสียงโทนต่ำบอกว่าเขาจับความผิดปกติของเธอได้...เธอแสดงพิรุธออกไปให้เขาจับได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ “ใครจะไปกล้ามีเรื่องคุยกับคุณล่ะคะ”

อาการคุยติดตลก กลั้วหัวเราะไม่ทำให้คนคุยเป็นการเป็นงานขำออก ชายหนุ่มมองใบหน้าสวยจับใจ ขนตางอนยาว หรืออาการยิ้มกลบเกลื่อนนั่นอีก...เขาว่าเขาไม่ใช่คนโง่ ที่ดูไม่ออกว่าเธอกำลังหลอก “ผมไม่ได้วิเศษวิโสขนาดคุยกับคนเหมือนกันไม่ได้ แต่ถ้าไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร ผมจะได้ไม่ต้องคิดมากว่ามีผู้หญิงมาร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญอย่างกับผมไปทำเขาท้องแล้วทิ้ง ทั้งที่ผมไม่รู้จักเขาเลย ไม่ได้สำคัญสักนิด”

ขอบตาแดงก่ำเพราะมีน้ำมาหล่อเลี้ยงเยอะเกินจำเป็น หญิงสาวเผลอยิ้มออกมา ทั้งที่หัวใจกำลังเศร้า...เขาจะสนใจเธอไปทำไม ทั้งที่ไม่รู้จักกัน “เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ พี่ปอม” เม้มปาก เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย บังคับให้หยดน้ำไหลออกมา

“ผมไม่ชอบความรู้สึกเหมือนตัวเองไม่รู้อะไร แน่ใจว่าจะไม่บอก”

“ตอนนี้มันคงไม่สำคัญหรอกค่ะ แค่ความรู้สึกที่ไม่สำคัญอะไร” แค่เธอรักเขา...มันคงเป็นเรื่องบ้าๆ ที่นิมมานไม่ควรรู้ที่สุด

“คุณรู้สึกอะไร...หรือคุณรักผม”

หัวคิ้วของคนถามขมวดคิ้วกับอาการตกตะลึง ปากสีชมพูอ้าเล็กน้อย และเผลอกลั้นลมหายใจ อาการอย่างคนที่โดนจับได้...รักเขาอย่างนั้นเหรอ แปลกที่เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกอุ่นวาบที่หัวใจ

“บ้าเหรอคะ อย่างฉันมิอาจเอื้อมหรอกค่ะ ทั้งหน้าที่การงาน ฐานะครอบครัว อย่างคุณน่ะสูงส่ง ไม่เหมาะกับฉันสักนิด อย่าสนใจคนอย่างฉันเลยนะคะ ฉันน่ะอินดี้” ยืมคำเพื่อนมาใช้แทนความเป็นตัวเอง

พูดจบร่างเพรียวก็โบกมือไหวๆ ให้เพื่อนรักมาช่วยประคองตัวเองที่เกิดอาการทรงตัวไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่ากายที่อ่อนแอกว่ากัน หรือเป็นใจที่มันอยากจะอยู่ข้างๆ เขาให้นานกว่านี้ แต่ถ้าที่ข้างๆ เขาไม่ว่าง เธอก็ไม่อยากทำตัวเป็นนางมารไปแทรกกลางใคร เขาดูดี และมีค่าเกินกว่าจะมานั่งเสียใจให้เธออย่างที่แล้วๆ มาอีก

ถ้าเธอรักเขามากพอ...เธอต้องยอมปล่อยเขาไปให้พบสิ่งที่ดีๆ สิ

“ไม่ยักรู้ว่าตี้รู้จักคุณปอมด้วยนะ” ปาริตามองสำรวจใบหน้าซีดเซียว ที่กำลังก้มหน้าหมดเรี่ยวแรง “เขาเป็นสาเหตุอาการแปลกๆ ของตี้ใช่ไหม”

“จะบ้าเหรอ ไม่จริงหรอก คนอย่างฉันเนี่ยนะแปลก”

“จะแกล้งเชื่อก็ได้นะตี้...ถ้าน้ำตาจะไม่ไหลแบบนี้”

“ครั้งสุดท้าย...ขอร้องครั้งสุดท้ายนะมิลัน” สูดน้ำมูกเสียงดัง จนจมูกแดง มีรอยยิ้มขมขื่นแต้มปากคล้ายหยันตัวเอง

“อย่าดูถูกตัวเอง คนทุกคนมีดีในตัวเองรู้ใช่ไหมตี้”

“ที่เราทำก็แค่ให้เขาเลิกคิดเรื่องฉันเท่านั้นเอง” ทำให้เขาเลิกคิดถึงเธอ...ส่วนเธอทั้งชีวิตจะลืมเขาได้หรือเปล่า เธอไม่มั่นใจจริงๆ


คอมพิวเตอร์พกพาเปิดภาพกราฟรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามของปีอีกครั้งเป็นการสรุปผลจากการประชุม กำไรจากไตรมาสที่แล้วเกือบสิบเปอร์เซ็นต์ในภาวะธุรกิจถดถอย การเหยียบผงาดเหนือการตกต่ำนี้ได้ ไม่เลวเลยสักนิด

กาแฟดำรสเข้มควันลอยกรุ่นถูกยกขึ้นมาจิบขณะที่นิมมานเอนหลังพิงพนักเบาะหนังสีดำนั่งดูผลอย่างปลาบปลื้ม เสียงเคาะประตูดังไม่กี่ครั้งก่อนจะเปิดผัวะเข้ามาขัดจังหวะกรรมการบริหาร

“พี่ปอมว่างไหม” นีรนาเดินเฉิดฉายเข้ามา มือข้างหนึ่งคล้องกระเป๋าสีส้มราคาหลักหมื่นมานั่งปุตรงขอบโต๊ะทำงาน “มีงานให้ช่วยหน่อย”

“งานใครงานมันสิ”

“ได้ไง พี่น่ะอนาคตของบริษัทต้องดูแลทุกส่วน ตอนนี้ปัดไม่ว่าง พี่ปอมก็ช่วยมาดูแลประชาสัมพันธ์แทนน้องสักวันหน่อยสิ แค่วันนี้วันเดียว”

นิมมานมองคนต่อรองด้วยสายตาติดจะไม่เชื่อ วางแก้วกาแฟลงบนที่รอง เท้าแขนกับโต๊ะ เริ่มทำการล้วงข้อมูลจากคนหนีงาน “จะไปไหน”

“แถวๆ นี้แหละค่ะ”

“ที่ไหน” ถามเสียงต่ำ กดดันคนเป็นน้องมากขึ้น

“ก็จะสนทำไม พี่ปอมน่าจะถามว่างานอะไรที่ปัดให้พี่ปอมทำมากกว่านะคะ ทำไมคะ ถึงจะผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วแต่ปัดยังเศร้าไม่หายหรอกนะคะ ยังฝันร้ายถึงผู้ชายแย่ๆ ที่บังอาจมาหลอกให้รักแล้วมาเปิดตัวว่าเป็นเมียชายอื่นไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน พี่ปอมรู้ไหมว่ามันยิ่งตอกย้ำให้ปัดเจ็บ”

เจอลูกไม้ทำตาปรอย เสียงเง้างอดเรียกความสงสาร นิมมานได้แต่ยอมแพ้ไปโดยปริยาย “เลิกทำงานไปเป็นดาราเลยไหมปัด”

“น่าสนใจนะ” แทนที่จะรู้สึกตัว นีรนากลับตอบโต้ได้ด้วยรอยยิ้ม “พี่ปอมช่วยไปดูงานถ่ายแบบของห้างเราทีนะคะ ได้แอมบาสเดอร์ใหม่มา ไปดูให้ที แล้วปัดจะกลับมาตามงานที่เหลือเอง ตกลงนะคะ ที่ห้างเรานี่แหละ จะถ่ายสถานที่จริง กลับมาปัดจะซื้อขนมมาฝาก”

มัดมือชกเสร็จ นีรนาก็หอมแก้มพี่ชายซ้ายขวาอย่างที่ตัวเองรับอิทธิพลจากการไปร่ำเรียนมาจากต่างประเทศเกินครึ่งชีวิต ยกมือโบกลาคนเป็นพี่ กะพริบตาให้ข้างหนึ่ง ตั้งใจจะเดินออกไป ไม่วายหันมากำชับอย่างที่เพิ่งนึกออก

“ห้ามทำให้ปัดผิดหวังเด็ดขาดนะคะ ต้องไปดูด้วย”

นิมมานทำหน้าทมึงทึงใส่ แต่เสียงหวานกลับหัวเราะกลับมา มีความสุขกับการโดดงานใหญ่โยนภาระให้พี่ดูแลแบบเต็มใจ


ผู้หญิงหน้าแดง ตาไม่สดใสรับยาเม็ดเล็กจากมือของกมลมาทานก่อนดื่มน้ำในแก้วส่วนตัวขึ้นดื่ม สมิตานันหลับตาลงขับไล่อาการมึนศีรษะให้น้อยลง ช่วยไม่ได้ที่ช่วงนี้เธอโหมงานหนัก แต่ทานอาหารได้น้อยลง ร่างกายก็พานป่วยง่าย

“ไม่ไหวเจ๊แคนเซิลให้ได้นะ”

“ไม่ต้องหรอกเจ๊” เสียงหวานติดแหบต้องกระแอมเรียกเสียงกลับมา ยิ้มซีดเซียวรวบรวมเรี่ยวแรงบอกว่าไหว “ตี้ต้องเป็นมืออาชีพสิ แค่นี้สบายมาก กลับไปค่อยนอนให้เต็มอิ่ม”

กมลมองค้อนคนพูด “ช่วยกินข้าวปลาอาหารให้มากด้วยนะคะ ถึงผิวเราจะไม่โทรม เพราะดูแลดี แต่เรี่ยวแรงแทบไม่มีก็ไม่ไหวนะ ไม่งั้นเจ๊จะให้ตี้พักนานๆ เลย”

“ไว้ค่อยว่ากันหลังจบงานนี้นะคะ” กอดแขนล่ำของกมล เรียกสายตาสดใสกลับมา ชูกำปั้นขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่าเธอพร้อมสู้อีกครั้งแล้ว “ทีมงานคงรอตี้แล้ว”

สมิตานันลุกมองตัวเองผ่านกระจก อดหัวเราะกับลุกส์เด็กสาวตรงหน้าไม่ได้ ขนาดเธออายุปาเข้าไปยี่สิบเจ็ดกลับโดนจับแต่งด้วยเสื้อแขนยาวผ้าหนาเนื้อนิ่มสีดำแขนยาว กางเกงผ้าป่านเนื้อนิ่มทรงเดฟสีเทา มือจับแว่นกรอบโตบนหน้าให้เข้าที่ ยิ้มกับตัวเองเป็นกำลังใจมากกว่ามานึกกังวล การมาทำงานของเธอในห้างของเขา คงไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะมาใส่ใจกับรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้

“ดีนะที่ถ่ายในห้าง ออกไปข้างนอกตี้ร้อนตาย”

“เข้าคอนเซ็ปต์ฤดูหนาวไง ร่างกายตี้จะได้อุ่นๆ ด้วย ถ้าไม่ไหวยังไงก็อย่าฝืนเข้าใจไหม”

“รับทราบ” ทำท่าตะเบ๊ะ ยิ้มกวนใส่กมล เดินโผล่พ้นมุมมายังลานโล่งที่มีกล้องตั้งจัดแสง มีผู้กำกับถ่ายโฆษณานั่งชี้มุมกับนายแบบอีกคนอย่างเป็นงานเป็นการ สมิตานันยิ้มกับบรรยากาศการทำงานที่เป็นไปแบบเรียบง่ายนี้ โซนปีกทางเดินด้านนี้ถูกกันไว้ โดยคนที่ใช้เดินไปมาจะเป็นแอสตาที่ทีมงานจัดเตรียมไว้เดินประกอบฉาก

“ดูเด็กมากเลยค่ะน้องตี้” หนึ่งในทีมงานที่เลือกเธอมาทำงานประกบมือตัวเอง ทำสีหน้าพออกพอใจ “สมแล้วที่คุณปัดตาถึง”

“คุณปัด...ใครเหรอคะ” ชื่อบุคคลใหม่ดังขึ้นอย่างสงสัย คนถูกถามมีสีหน้าพิรุธแต่ไม่ยอมเอ่ยเฉลย ได้แต่จับจูงเธอไปยังจุดที่จะเริ่มถ่ายอธิบายว่าจุดไหนเป็นยังไง

การถ่ายทำผ่านไปอย่างราบรื่น มีบ้างที่นักแสดงน้องใหม่ที่มีคนจับตามองจะไม่ได้ดั่งใจ แต่การทำตัวเป็นคู่รักกับรุ่นพี่ที่ผ่านงานหน้ากล้องมามากก็ทำให้ผ่านฉลุยไปได้ง่ายๆ จบคำว่าคัตจากปากผู้กำกับโฆษณาในอีกหกชั่วโมงต่อมา หลังจากที่สมิตานันต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอีกกว่าเจ็ดชุด กับหลากกิจกรรม และเปลี่ยนสถานที่ถ่าย เรี่ยวแรงจากการฝืนอาการป่วยไข้อ่อนก็เริ่มแสดงอาการ

“พี่ตี้ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” สมิตานันยืนเอน พิงร่างกับราวกั้นอลูมิเนียมของทางเดิน หน้าเริ่มขึ้นสีแดง เธอยิ้มให้กับรักษ์เด็กหนุ่มน้องใหม่ที่นิสัยใช้ได้ทีเดียว สุภาพ และไม่เรื่องมาก ยังมาใส่ใจเธออีก

“สบายมาก รักไปเถอะ เห็นผู้จัดการเรากำลังรออยู่”

“แน่นะครับ” รักษ์หันมอง รู้สึกว่าสมิตานันจะตัวร้อนๆ ด้วย

“พี่มีเจ๊มลคอยดูแล รักวางใจเถอะจ้ะ”

กมลปรี่มาดูอาการเด็กในความดูแล ที่พอออกจากรายการมาเธอก็กลายเป็นคนคุมงานของสมิตานันเต็มตัว หลายงานที่ไม่อยากรับ แต่พอรุ่นน้องสาวรู้ก็จะบอกว่าไหว จะทำ ไม่รู้ว่าอาการดื้อ บ้างาน จนไม่ห่วงตัวเองนี่มีสาเหตุมาจากอะไร

“แค่ยืนก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว ดื้อจริงเลยนะน้องตี้”

เสื้อสูทแขนยาวถูกสวมทับปิดยีนส์แขนกุดให้ร่างกายอุ่นมากขึ้น แม้ว่าครึ่งร่างจะเป็นกระโปรงสั้นก็ตามที สมิตานันยังหัวเราะทั้งที่เสียงแหบจนต้องไอโขลกไปหลายที

“รออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวเจ๊ไปเก็บของแปบหนึ่ง จะได้กลับกันเลย”

สมิตานันรับคำ พยักหน้าให้กมลวางใจ พอลับหลังร่างหนาบึกของกมล มือก็รีบยกนวดขมับสองข้างที่ปวดตุบไปหมด อากาศรอบกายดูหนาวขึ้นมาอีกเท่าตัว ขนาดเสื้อสูทหนายังให้ความอุ่นไม่ได้...การโหมงานจนลืมดูแลร่างกาย วันนี้สมิตานันก็เพิ่งรู้ว่าเธอกำลังโดนสิ่งที่เธอไม่สนใจนั้นประท้วงเข้าให้ ขนาดแค่หายใจ ลมหายใจของเธอยังเหมือนควันร้อนๆ ที่พวยพุ่งออกจากกาต้มน้ำ

สายตามองไปเรื่อยเปื่อย พยายามไม่สนใจอาการไข้ขึ้นของตัวเอง แต่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าพลาด สายตาของเธอหยุดนิ่งกับดวงตาคู่คมที่กำลังมองเธอมาด้วยสายตาดุ ร่างสูงกอดอกมองตรงมายังเธอ พอรู้ว่าเธอกำลังมองตอบเขาก็เริ่มก้าวเข้ามา

หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนี ขาสองข้างออกก้าวไปยังทิศตรงข้ามกับเขา ด้วยก้าวที่เร็วกว่าเต่าเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเขามาอยู่ตรงนั้นนานหรือยัง แต่การมีเขาอยู่ในระยะไม่ไกลแบบนี้ ไม่ปลอดภัยต่อหัวใจเธอเลยจริงๆ เธอกลัว...ว่าจะทนเก็บความรักเอาไว้ไม่ไหว การทำงานที่ผ่านมาก็เพื่อจะได้ลืมเขา

แต่เพียงแค่พบ เธอก็รู้ว่าอาการน้ำตารื้น และหัวใจที่กำลังทุรนทุราย เต้นจังหวะเจ็บปวดนี้ต่อต้านเธอโทษฐานหันหลังหนีความรักของตัวเอง

เธอผิดเหรอที่ไม่อยากไปแย่งเขามาจากใคร หรืออย่างน้อยก็ไม่อยากสร้างความเจ็บปวดให้เขาอีก นิมมานรอ เหนื่อย และเจ็บเพราะเธอมามากมายจนเธอเริ่มรู้สึกละอายใจ

“เดี๋ยวสิ” ต้นแขนของเธอถูกบีบไว้แน่น กระชากนิดเดียวร่างที่แรงเกือบหมดก็หันมาเผชิญหน้า นิมมานขมวดคิ้วยุ่ง ถือวิสาสะใช้หลังมือแตะหน้าผากอันร้อนผ่าวของสมิตานัน ผู้หญิงที่เขาโดนน้องสาวบังคับให้มาดูแล

ลงมาดูการถ่ายทำตั้งนาน เลือกอยู่ในมุมที่เจ้าหล่อนจะไม่พบเห็นเขาได้ง่ายๆ อาการประท้วง ต่อต้าน หรือบางคราเหมือนอยากเข้าหา พูดคุย แต่ทำไม่ได้ เธอทำให้เขาอยากรู้ความนึกคิดเบื้องลึก ทำไมคนที่เคยแปลกหน้าคนหนึ่งถึงได้มาวนเวียนในความคิดเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

อาการยืนโงนเงนยามว่างจากหน้ากล้อง ไหนจะหน้าที่แดงผิดปกติ จนเขาต้องเดินเข้ามาหา แต่ก็ถูกเมินด้วยการหันหนีไปอีกทาง มันยิ่งทำให้เขาโมโหแบบไม่มีสาเหตุ

“ป่วยขนาดนี้ยังจะดันทุรังถ่ายจนจบ รู้ตัวไหมว่าทำแบบนี้ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาตอนทำงาน ห้างของผมจะเสียชื่อมากแค่ไหน”

“ตอนนี้ถ่ายเสร็จแล้ว ห้างคุณไม่เสียชื่อหรอกค่ะ” เบี่ยงหน้าหนีจากมือที่แตะหน้าผากออก อดนึกน้อยใจกับน้ำเสียงดุของเขาไม่ได้ นิมมานดุเพราะห่วงงาน ไม่ได้ห่วงผู้หญิงอย่างเธอหรอก

จะมาห่วงเธอในฐานะอะไร...

“อวดดี”

“แล้วคุณจะมาใส่ใจทำไมคะ ฉันอยู่ของฉันดีๆ” เสียงแหบตอบกลับไป แววตาเศร้าจัดจนไม่กล้าสบตาวาววับของเขา อีกอย่างตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนทีละนิด จนต้องหลับตา กัดฟันไว้แน่น

หูจับประโยคที่เขาพูดมาไม่ได้ ใจความ และเสียงทุ้มที่เธออยากจะได้ยิน อยากได้กลิ่นน้ำหอม รับรู้การมีตัวตนของเขา แต่อีกใจกลับอยากถอยให้ไกลห่าง การมีเขาแต่ครอบครองไม่ได้ การที่เขาไม่ใช่นิมมานของเธอ มันเจ็บปวดไม่ต่างกัน...น่าสมเพชที่เธอมาเห็นค่าเขาในวันที่เขาไม่รู้จักเธอ

ว่าแต่น้ำหนักในร่างของเธอ เรี่ยวแรงมันหายไปไหนนะ...อยากจะนอนพักจังเลย

นิมมานรีบช้อนร่างอ่อนปวกเปียก รีบสอดมือช้อนเอว โดนผิวเนื้อร้อนผ่าวที่อุณหภูมิคงสูงมากแล้ว นึกตำหนิคนดื้อต่อในใจ แต่อีกใจเขากลับห่วงเธอ อย่างที่ไม่เคยห่วงผู้หญิงที่ไหนมาก่อน

“ตายแล้วน้องตี้” ร่างยักษ์วิ่งตุ้งติ้งเข้ามาดู ยกมือปิดปากมองหน้าซีดเซียวแดงก่ำของสมิตานันอย่างเป็นห่วง ได้สติจนสะดุ้งโหยงจากเสียงออกคำสั่งของคนเดินลิ่วนำไป

“ต้องพาไปโรงพยาบาล จะไปก็ตามมานะครับ”

แม้กมลจะงุนงงอยู่บ้าง แต่นาทีนี้สุขภาพของสมิตานันต้องมาก่อน จึงได้แต่รีบเดินตามไป กลัวว่านายใหญ่ที่เดินมาดูงานถ่ายด้วยตัวเองครั้งนี้จะเอาเรื่องหลังจากรู้ว่าสมิตานันมาถ่ายงานด้วยร่างกายไม่เต็มร้อย

ตอนนี้แค่ให้สมิตานันไม่เป็นอะไรก่อนก็พอ

...................................................................
คุณ konhin การจำได้ครั้งนี้อาจทำให้ตี้ถึงขั้นตรอมใจเลยก็ได้ค่ะ กลับมาเริ่มใหม่ จริงๆ แล้วครั้งนั้นตี้แค่ลืมเหตุการณ์ก่อนหน้า ก็คือช่วงเวลาก่อนที่จะได้พบภูตนิมมาน แต่พอไปอยู่เหตุการณ์ในอนาคตหนึ่งปีต่อมา หลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ก็เลยรับไม่ได้ค่ะ นี่ก็กลับไปในช่วงเวลาที่ไม่มีภูตนิมมาน ไม่พบนิมมาน ตี้ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด อธิบายมานี่ไม่รู้จะยังงงไหม ฮา

คุณ ameerah ตอนนี้ก็ไม่รู้พาดราม่าอีกหรือเปล่า (แค่ตี้ถึงกับบ้างาน กินไม่ได้ ร่างกายป่วย เออะ) ตี้เจ็บแบบน่าหมั่นไส้นิดๆ คือคิดเองเออเองเจ็บเอง >_<

คุณ อัศวินนภา ยังดันให้หวานหยดไม่ได้ แต่ใกล้แล้วค่ะ ตอนหน้าน่าจะหวานได้ (เหรอ ลากเสียงยาวๆ) ไรเตอร์เปล่าใจร้าย มันเป็นฟีลลิ่งเฉยๆ ค่ะ ฮา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ จริงๆ คิดไว้สองอย่าง คือให้จบในโลกอนาคต กับกลับมาดีไหม สุดท้ายเลือกอย่างหลัง ให้ตี้เขาเลือกความรักของตัวเองน่าจะดีที่สุด เวลาเขียนไรเตอร์ก็ชอบออกข้อสอบถามตัวเอง สร้างตัวเลือกว่าจะทำแบบนั้นดีไหม แบบนี้ดีไหม บางครั้งก็รู้ไปพร้อมๆ คนอ่านค่ะ ฮา แต่เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่ยากจริงจังของการเขียนเหมือนกัน ทำร้ายพระเอกนางเอกจนน่าสงสาร ผจญภัยกับคู่นี้ เดี๋ยวจะหาความหวานมาใส่ให้แน่นอนค่ะ รู้สึกเรื่องนี้ความหวานห่างไกลจากสวีทมากๆ ยังจำกัดให้โรแมนติกได้อีก(ไหม) อ่านวนไปวนมาแล้วเข้าใจก็ยังดีค่ะ ^^

คุณ mhengjhy เดี๋ยวเอารอยยิ้มมาฝากตอนหน้าค่ะ ถ้าทำได้นะคะ พี่ปอมตอนนี้ดุๆ เนอะ

ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า อ่านเรื่องนี้ถ้าอ่านข้ามตอนอาจมีงง แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ;) เรื่องหน้าจะไม่สร้างโจทย์ยากๆ อย่างนี้อีก แหะๆ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ธ.ค. 2556, 01:37:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ธ.ค. 2556, 01:37:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1432





<< บทที่ 23 : การกลับมาและความเจ็บปวด    บทที่ 25 : รักจากฝัน >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 7 ธ.ค. 2556, 03:05:38 น.
โอเคๆๆ ดีแล้วละคะ ที่ไรเตอร์ปล่่อยสมิตานันเข้าป่า เอ้ย กลับอดีต ชีจะได้เรีนนคุณค่าของความรัก นางถูกรักมาตลอด ไม่ว่าชาติไหนๆ ชาตินี้ก็ให้นางได้ริรัก ดูบ้างง คิๆๆ เออ หรือเค้าซาดิสต์หว่า 555


อัศวินนภา 7 ธ.ค. 2556, 08:34:44 น.
ให้3คำ "สงสารตี้"


konhin 7 ธ.ค. 2556, 09:57:19 น.
ล้มไปซะแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account