รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 25 : รักจากฝัน

อุณหภูมิเย็นแตะต้องผิวกาย ปลุกให้เธอต้องรู้สึกตัวตื่น สมิตานันลืมตาขึ้นมองเพดานห้องสีขาว อดถอนใจยาวไม่ได้ ไม่รู้ว่าการตื่นของเธอแต่ละครั้ง จะพาเธอไปอยู่ห้วงเวลาไหน ใครไม่เป็นเธอคงไม่รู้ว่าการนอนสักครั้ง แล้วต้องตื่น การกลัวเวลามันกลายเป็นอาการอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอค่อนข้างกลัวในการนอน กลัวว่าจะต้องรับมือกับอะไรที่เหนือธรรมชาติ และมาแบบเหนือความคาดหมาย

อย่างการตื่นในโรงพยาบาลแบบนี้มันทำให้เธอคิดถึงช่วงเวลาที่ต้องมองเห็นตัวเองนอนไม่ได้สติ เป็นวิญญาณไร้ร่างอยู่นานกว่าสองสัปดาห์ เฝ้ามองคนที่เธอรักดูแลเธอดี ตอนนี้เธอคิดถึงความรักของเขาเหลือเกิน

“ตื่นแล้วเหรอคุณ”

เสียงทุ้มดังอยู่ไม่ไกล สมิตานันกะพริบตาปริบ รู้สึกว่าตัวเองอาจจะยังฝัน หรือหูแว่ว จึงเลือกพิสูจน์ด้วยการหันหน้าไปมองตามทิศทางเสียง และน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาง่ายดายราวกับว่า ความฝันของเธอ...เป็นจริง นิมมานนั่งอยู่ข้างๆ เธอ เหมือนตอนนั้น

หรือเธอกลับมาในอนาคตหนึ่งปีข้างหน้า

“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”

“ทำไมคะ”

“ผมหิว” จากสรรพนามการเรียกทำให้เธอพอรู้ว่าเวลาของเธอไม่ได้เดินไปข้างหน้าแต่อย่างใด มือยกปาดน้ำตาออก ปลากจมูกแดงเข้ม ต้องสูดน้ำมูกแรงๆ เพื่อให้การหายใจคล่องขึ้น

“อยู่ได้ค่ะ สบายมาก ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน”

“คุณยังไม่แข็งแรง ต้องรอให้น้ำเกลือขวดนี้หมด ร่างกายคุณไม่มีแรงเลย ไหนจะยังมีไข้ขึ้นสูงอีก ไข้เพิ่งจะลดไปเมื่อครึ่งชั่วโมง”

“รบกวนคุณแย่ แต่ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ” ดันศอกพยุงร่างตัวเองขึ้นนั่ง ในใจรู้สึกอุ่นวาบ และคงระเรื่อมาถึงผิวแก้มกับความใส่ใจของเขา ถึงเขาจะไม่ได้รู้ถึงความรู้สึกเธอก็ตาม

“ไข้ขึ้นอีกเหรอคุณ หน้าแดงๆ”

สมิตานันตาโต ยกมือทาบแก้มอุ่นของตัวเองปิดหน้า อดนึกตำหนิอาการทางกายที่เผลอแสดงความรู้สึกของเธอออกไปแบบไม่ปรึกษากัน “เปล่าค่ะ” อุบอิบตอบไปไม่มองหน้า

“จะกินอะไรไหม ผมจะซื้อขึ้นมาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่หิว”

หญิงสาวลดมือลง ควบคุมการเต้นหัวใจให้สงบ การได้อยู่ใกล้นิมมานมันทำให้เธออยากกอดเขา บอกเขาว่าเธอคือใคร แต่เขาไม่ใช่นิมมานคนที่รักเธอ เขามองเธอเป็นแค่คนแปลกหน้า เป็นคนที่ไม่ได้ผจญเรื่องราวทั้งหลายจากอดีต อนาคตด้วยกัน เขาคือปัจจุบันของเธอ

นักธุรกิจหนุ่มนั่งมองเธอมานิ่งๆ อย่างสำรวจ ทำเสียงขัดใจกับการปฏิเสธของเจ้าหล่อน “ผมซื้ออะไรมาก็กินๆ ไปแล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมดูแลคุณไม่ดี”

“ทำไมต้องดูแลคะ หรือเป็นสวัสดิการบริษัท” อารมณ์น้อยใจ พานให้ปากไวกว่าสมองจะสั่งยั้งทัน พอพูดไปแล้วสมิตานันได้แต่กัดปากแห้งของตัวเอง หลบตาวาวของเขาที่ลุกพรวดยืนค้ำอยู่ข้างเตียง

“ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณเป็นเลสเบี้ยนหรือเปล่า”

“เลสเบี้ยน” ทวนคำถามอย่างตกตะลึง เธอเนี่ยนะเลสเบี้ยน สมิตานันกลั้นหัวเราะตอนที่ถามออกไป “ใครทำให้คุณคิดแบบนั้นคะ ถ้าคุณจะช่วยชี้ทางสว่างให้ฉันที”

“ทำไมน้องสาวผมถึงกำชับให้ผมดูแลคุณนัก มีเหตุผลอะไรทำไมต้องเป็นคุณ”

คนถูกโยนเหมือนตัวปัญหาอดเจ็บจี๊ดที่ใจไม่ได้ เธอไม่ได้สำคัญขนาดที่ว่านิมมานจะมาดูแลให้อย่างเต็มใจ เขามาดูแลเธอเพราะมีคนสั่งให้เขาต้องทำ ถึงว่าสิหน้าเขาถึงได้ไม่สบอารมณ์กับการเหลียวแลเธอ ก็ดีอยากคิดอย่างไรก็เรื่องเขา ให้เขาคิดว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนให้สมองแตกไปข้างหนึ่งเลย...แล้วน้องสาวเขาเป็นใครกัน

“ฉันไม่รู้ คุณไปถามน้องสาวคุณสิ ถ้าฉันได้คุยกับเขา คงรู้สึกดีกว่าคุยกับคุณ”

สมิตานันกลั้นขำ ดวงตามีรอยระริกทันทีที่เธอพูดจบ ดวงตาคมกล้าส่องแสงวาวเอาเรื่อง นี่คงคิดว่าเธอชอบน้องสาวเขาจริงๆ เสียล่ะมัง

“ผมไม่มีทางให้น้องสาวผมมาเสียประวัติเพราะคุณหรอก...อย่าหวังเลย” นิมมานหน้ามึนตึง ปากเม้มเป็นขีดเส้นตรง มองสีหน้าอันผ่อนคลายของคนบนเตียงก็รู้สึกอยากจะทำให้ความรื่นเริงของเธอหายไป เรื่องนี้เขาไม่สนุกด้วยสักนิด ไม่เลย

“แล้วถ้าฉันไม่กลัวคุณล่ะ น้องสาวคุณ ไม่ใช่คุณสักหน่อย จะหวงไปทำไม”

“น้องของผมเพิ่งอกหักจากผู้ชายที่ทิ้งเขาไปคบผู้ชาย คุณจะให้ผมวางใจคุณหรือไง”

คนรับฟังห่อปาก ร้องอู้ว ไม่คิดว่าอาการหวงน้องสาวเกินเหตุจะดูเกินจริงอีกต่อไป ท่าทางคงจะเป็นไปเพราะห่วงน้องสาวจริงๆ เฮ้อ...เธออิจฉาน้องสาวเขาขึ้นมานิดๆ แล้ว สายตาของเขาคงมองเห็นเธอแค่คนที่ต้องกีดกันให้ไกลห่างจากชีวิตของเขาและน้องสาว

“วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ทำเรื่องอย่างที่คุณคิดหรอก” ดวงตาจริงใจ และน้ำเสียงมั่นคง ไม่มีประกายขำ หรือล้อเล่น ย้ำชัดด้วยประโยคต่อมาให้เขาได้ฟัง “เพราะฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว ไม่มีสายตาไปมองใครอื่นอีกหรอกค่ะ” จ้องดวงตาดำขลับแน่วแน่ อยากสื่อให้เขาได้รู้...แต่มันคงเดินทางไปไม่ถึง เมื่ออีกฝ่ายหลบตาของเธอ

“โทรตามเขาสิ ให้เขามาอยู่ดูแลคุณ ผมจะได้ไปสักที” ท่าทีรำคาญของเขาทำให้เธอยิ่งปวดใจ

“เขาไม่รู้ตัวว่าฉันรักเขานี่คะ” แม้ว่าเขาจะยืนห่างกันไม่ถึงสามก้าว เขาก็ไม่มีวันรู้

“ผมไม่ได้ชำนาญเรื่องที่คุณว่ามาซะด้วย รักของใครก็คงเป็นของคนนั้น”

สมิตานันกัดฟันอดทน เธอไม่อยากเสียน้ำตาอย่างคนอ่อนแออีกต่อไป เธอควรจะขอบคุณโชคชะตา ที่อย่างน้อยก็ยังทำให้เธอได้พบกับเขา ถึงมันจะทำให้เธอเจ็บมากกว่าสุขก็ตาม ผิดที่เธอหวังที่จะได้รับความรักตอบมากเกินไปใช่ไหม

“คุณเชื่อในโชคชะตาไหมคะ”

ก่อนที่เขาจะเปิดประตู สมิตานันอดถามไปตามใจปากอีกครั้ง นั่งกอดเข่าที่อยู่ใต้ผ้าห่มในชุดคนป่วยทอดมองเขาด้วยดวงตามีรอยยิ้ม เธออยากจะยิ้มให้เขาทุกครั้งที่พบเจอกัน ยิ้มให้เขา แม้ว่าเขาจะกำลังทำหน้าหงุดหงิด ตีบึ้งใส่เธอยามนี้ เธอก็จะยิ้ม

“มันไม่มีอยู่จริงหรอก”

“แต่ฉันเชื่อนะคะ...ตั้งแต่ได้พบคุณ ฉันก็เชื่อในพรหมลิขิต เชื่อว่ามันมีอยู่จริง”

ปัง...คำตอบของเขาคือการปิดประตูใส่หน้าเธอได้อย่างไร้มารยาทที่สุด ทำไมเธอรู้สึกว่านิสัยเขาคล้ายกับภูตนิมมานเจ้าอารมณ์ชะมัด เอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ แต่อาการชอบทำหน้าบึ้ง มึนตึงใส่ เธอเองกลับรู้สึกว่าเขาคล้ายนิมมานที่เป็นคน ครั้งแรกที่เจอในลานจอดรถเมื่อตอนโน้น

ไม่ว่านิมมานตรงหน้าจะเป็นใคร เขาก็คือนิมมานที่เธอรัก แต่การพูดอ้อมของเธอเมื่อครู่ ก็คงพอทำให้เขามองเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายไปแล้วกระมัง ความในใจไม่จำเป็นต้องพูดว่ารักเสมอไป

และการปฏิเสธ ก็ใช่ว่าต้องพูดว่าไม่ แต่แสดงออกมาด้วยการไม่สนใจอย่างเมื่อครู่ได้เช่นกัน...อาการโหวง เจ็บในช่องอก เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอกหักกับการไม่ถูกรักตอบ

เขาใจร้ายชะมัด...สมิตานันวางคางลงบนเข่าที่ตั้งชันขึ้นมา มีรอยยิ้มมุมปากหยามหยันให้ตัวเอง ความหวังในความรักดูเป็นไปไม่ได้เลย


สวนดอกไม้อันคุ้นเคยลามไล้ด้วยแสงตะวันสีนวล ม้านั่งยาวตั้งเด่น ตรงนั้นมีร่างๆ หนึ่งนั่งอยู่ราวกับรอคอย ร่างสูงเดินฝ่าแนวต้นหญ้าที่ขึ้นแซมดอกไม้สูงเกือบถึงเอวเพื่อที่จะมาหาบุคคลคนนั้น

จากตรงนี้ที่มองเห็นเป็นเบื้องหลังของผู้หญิงที่กำลังปล่อยผมยาวสลวยให้ปลิวไสวไปกับสายลม ดวงหน้าแหงนขึ้นมองท้องฟ้า ภาพตรงหน้าเหมือนมีมนต์สะกดให้เขาหยุดมอง หัวใจของเขาเต้นรัวแรง ราวกับว่าเขารู้จักเธอมาเนิ่นนานแสนนาน

ภาพฝันนี้ทุกครั้งมันจะจบลงที่เขาก้าวไป เอื้อมมือจะคว้าไหล่เธอ และเธอจะหายสลายเป็นอากาศ เขากลัวว่าความรู้สึกเหมือนการรอคอยของเขาจะถูกปล่อยทิ้งลงมาด้วยผลแบบเดิมๆ

ก้าวของเขาตั้งใจจะเดินเข้าไปหาให้ใกล้เก้าอี้นั้นมากกว่าเดิมอีกนิด แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ร่างของหญิงสาวปริศนามีการเคลื่อนไหว นิมมานขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ อีกไม่กี่ก้าวจะเดินไปถึง ร่างเพรียวก็ลุกขึ้น เธอกำลังจะเดินไปข้างหน้า และไม่ได้หันกลับมา

“เดี๋ยวครับ” ชายหนุ่มรีบเรียกรั้งไว้ กลัวว่าเธอจะหายไป

แสงสว่างจ้าเป็นรัศมีอาบร่างของหญิงสาวปริศนาตรงหน้าเขาไว้ นิมมานต้องแยงตามอง ยกมือป้องลดแสงที่สาดมาลงบ้าง จนพอเห็นเป็นร่างสีดำที่กำลังหันกลับมา อาการอยากรู้จักใบหน้าของเธอ ทำให้เขายอมอดทนสู้แสงแรงนั้น ก่อนจะมองเห็นสิ่งที่ต้องการ เสียงแว่วหวานก็หลุดออกมา ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวแรง

“พี่ปอมคะ ตี้ดีใจที่ได้เจอพี่ปอมอีกนะคะ”


ความมืดโรยตัวอยู่รอบบริเวณ เสียงเข็มนาฬิกายังดังไปเรียบเรื่อยในความเงียบตามจังหวะของมัน คนที่เพิ่งตื่นจากฝันยกมือลูบหน้าด้วยความสงสัย ตั้งแต่จำความได้เขาก็ฝันถึงผู้หญิงคนนั้นมาตลอด ฝันจนรู้ว่าถ้าเขาสัมผัสเธอ เธอจะหายไปในอากาศ ฝันจนรู้สึกรักคนในฝัน และได้แต่ภาวนาว่าจะมีอยู่จริง จนแล้วจนรอด จนเขาอายุปาเข้าไปสามสิบ เขาก็ยังไม่พบ จนเลิกคิดถึงเรื่องพรหมลิขิต หรือโชคชะตา

แต่ฝันครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม...เขาได้ยินเสียงหวานๆ และมันไม่ใช่แค่คุ้นหู สรรพนามแทนตัวเองด้วยการเรียกชื่อ เป็นคนเดียวกับที่เขาเพิ่งพบเจอในวันนี้อย่างแน่นอน

คนในฝันของเขา...คือสมิตานันอย่างนั้นเหรอ

ร่างที่สวมเสื้อยืดคอกลม กางเกงนอนขายาวลุกขึ้นเดินออกจากห้องเย็นฉ่ำของตัวเองไปยังระเบียงของห้อง เหม่อมมองดาวบนท้องฟ้าจากมุมตรงนี้ที่ไม่มีแสงไฟตามอาคารหรือถนนมาบดบัง

ผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแค่ดูแลตามคำสั่งน้องสาว อาจจะมีบ้างที่เขาดูแลเพราะสงสัยว่าทำไมคนๆ หนึ่งถึงทำท่าทางเหมือนรู้จักเขา เจอเขาครั้งแรกก็ร้องไห้โฮ บอกว่าซ้อมบทละคร เจอครั้งต่อมาก็เดินหนีจนล้ม และล่าสุด เธอกลับพูดประหลาด แถมยังยิ้มหวานหยดมาให้เขา พอเขากลับมาเธอก็หนีหายกลับบ้านไม่มีบอกกล่าว

‘แต่ฉันเชื่อนะคะ...ตั้งแต่ได้พบคุณ ฉันก็เชื่อในพรหมลิขิต เชื่อว่ามันมีอยู่จริง’

นิมมานเท้าแขนกับระเบียง ขมวดคิ้วคิดถึงคำที่เธอบอกออกมา ดวงตาจริงใจ และจริงจังคู่นั้นยังติดตรึงในความรู้สึก ราวกับได้ยินเธอบอกรักอย่างไรอย่างนั้น

จนเก็บมาฝัน...ชายหนุ่มขยี้ศีรษะตัวเองจนยุ่ง หัวเสียกับการหาคำตอบบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจตัวเองไม่ได้ ถึงจะบอกว่าเขาเก็บมาฝัน แต่จากรูปลักษณ์ของนางในฝันที่เขาฝันถึงมาตลอด พอมาทาบสมิตานันลงไป ทุกอย่างช่างดูลงตัว

สมิตานันเหมือนจิ๊กซอว์ที่เขาเฝ้าตามหาทั้งชีวิต...แต่อีกใจเขายังไม่อยากจะยอมรับ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

“คุณเป็นใครกันแน่สมิตานัน ทำไมคุณมาอยู่ในฝันของผมได้”

มีเพียงความเงียบ และเสียงของต้นไม้ที่ถูกลมพัดไหวเท่านั้นเป็นคำตอบให้เขาได้


ผลจากการป่วยไข้ขึ้น วันรุ่งขึ้นตารางงานของเธอจึงถูกยกเลิกไปโดยปริยาย กมลกำชับให้เธอพักผ่อนให้มากๆ แต่การนอนอย่างเดียว จากโรงพยาบาล กลับมาถึงบ้านก็นอนต่อ นาฬิกาบอกเวลาแปดโมงเช้าจึงลุกขึ้นมานั่งอ่านนิยายสยองขวัญอยู่บนโซฟาปรับนอนได้กลางห้องนั่งเล่น มีผ้าห่มคลุมร่างเพิ่มความอุ่นให้ร่างกายที่ยังเหลือไข้รุมๆ

บ้านของเธอต่างจากชีวิตอันผกผันก่อนในชีวิตได้พบนิมมานกับรียากรตรงที่ครอบครัวของเธอสมบูรณ์ พ่อแม่ยินดีกับการอยู่บ้านต่างจังหวัด ทำงานช่วยเหลือเด็กยากไร้ ในขณะที่เธอและพี่สาวอยู่บ้านนี้ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเธออยู่มัธยมปลาย ย้ายเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ รียากรก็เรียนมหาวิทยาลัย จึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ให้

การได้ใช้ชีวิตอีกแบบทำให้ชีวิตเธอมีความสุขมากขึ้น ภาพผีฬาฬีค่อยๆ สูญหาย และตายไปจากความคิด รียากรเป็นพี่สาวที่ดี และรักเธอมาก ถึงจะชอบเหน็บแนมตามประสา แต่ด้วยความที่สนิทกันมาก เธอจึงไม่เคยโกรธ หลายๆ อย่างที่เธออยากรู้ ลองเลียบๆ เคียงๆ ถาม ท้ายที่สุดรียากรก็จะเล่าให้ได้ฟังแบบหมดเปลือก

เสียงแมวร้องแย่งความสนใจของเธอจากหน้าหนังสือให้หันมอง แมวดำตัวเล็กที่วันวานเคยพบกันผอมแห้ง วันนี้ก็ยังมีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แมวตัวน้อยที่คนพบกลายเป็นพี่สาวของเธอ แต่ชื่อถึก เป็นชื่อที่เธอดันทุรังจะตั้งกำลังนั่งมองหน้าเธอ กระดิกหางไปมา

สงสัยเช้านี้รียากรจะรีบออกไปทำงานจนลืมให้อาหารแมวตะกละกิน

มองหน้าแมวถึกทีไรเธอจะรับรู้ถึงความที่แมวไม่ถูกชะตาเธอ นี่ถ้าไม่หิว เวลาปกติของมันก็คงจะนั่งคอเชิด ไม่ก็เมินเธอ เดินหนีจนตูดบิดไปข้างล่ะมั้ง

แต่อารมณ์ของเธอไม่อยู่ในโหมดมาทะเลาะกับแมว ตั้งใจลุกเพื่อเตรียมอาหารให้ เสียงรถที่แล่นจอดเทียบหน้าบ้านเรียกความสนใจได้ทั้งคนทั้งแมวเสียก่อน ถึกวิ่งแผล็วเร็วออกไปสอดส่องดูก่อนเจ้าบ้านเสียอีก

สมิตานันในชุดนอนลายการ์ตูนกางเกงขาสั้นพร้อมนอนต่อ ออกตามมา เห็นว่าแมวจอมหยิ่งของตัวกำลังกระโดดเล่นตะปบกับใครอีกคนอย่างเป็นมิตร อารามแปลกใจไม่สู้เท่าหัวใจของเธอกำลังโหมโรงเหมือนมีมหรสพย่อมๆ มาตั้ง

ปากรูปกระจับเอ่ยออกไปคล้ายละเมอ ตามสรรพนามชินปาก “พี่ปอม”

เสียงไม่ดังนัก แต่ก็ไม่เบาเกินได้ยินเมื่อรอบข้างจงใจพร้อมไร้เสียง นิมมานเงยหน้าจากแมวตัวเล็กสีดำขึ้นมองบุคคลตรงหน้า หัวคิ้วยังไม่คลายจากกัน เสียงหวานของเธอมีผลต่อหัวใจของเขา มันรู้สึกบีบอัดรุนแรง จนมือต้องกำเข้าหากันแน่น

สมิตานันได้สติก่อน หญิงสาวก้าวแบบกริ่งเกรงเล็กน้อย เว้นระยะจากประตูพอควร ยังไม่มั่นใจว่าเขาตัวจริงหรือเป็นฝัน ผู้ชายที่ชื่อนิมมานในยุคนี้จะมาหาเธอด้วยเหตุผลอะไร เธอนึกไม่ออกจริงๆ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“มี” ตอบห้วนสั้น จดจ้องคนถามไม่วางตา “และวันนี้ผมต้องรู้ให้ได้”

“รู้อะไรคะ” ปรับสีหน้าได้เธอก็เลือกยิ้มหวานส่งไปให้เขาตามที่ตั้งใจ

นิมมานรู้สึกตาพร่ากับรอยยิ้มนั้นจนลืมความตั้งใจของตัวเอง เผลอมองตาค้างชั่วครู่ นิมมานรีบตั้งสมาธิกับตัวเอง เตือนว่าเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียว

“ผมอยากรู้...ว่าคุณรักผมหรือเปล่า”

ปึ้ก สมองของสมิตานันเหมือนถูกอัดด้วยแรงกระแทกบางอย่าง ภาพดาวพร่างพราย ลอยระยิบระยับจับตาเต็มไปหมด แข้งขาอ่อนแรงจนล้มเปลี้ย นี่เธอโดนเขากระแทกอัดด้วยคำถามเหมือนมาจากความฝันอย่างนั้นเหรอ

ภาพตรงหน้าดูลางเลือน เธอเห็นเขากระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆ ของบ้านมาเหมือนภาพช้าพุ่งตรงมาที่เธอ อ้อมแขนของเขารัดรอบร่างเธอไว้แน่น กลิ่นน้ำหอมที่ติดจมูกเธอจนเผลอซุกกายซบอย่างคิดถึง เสียงที่ดังไปมาฟังไม่ได้ศัพท์ของเขาที่กำลังตอบโต้บางอย่างไปมา เธอไม่สนใจอีก...อ้อมอกของเขาเธออยากเอนซบแบบนี้มานาน ตอนนี้ขอซบให้สมใจอยากก็พอ

...................................................................................

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ตอนนี้นางน่าจะได้เรียนรู้ไปพอสมควร ฮา จะเริ่มๆ ปล่อยพี่ปอมคืนนางไป หรือยังไม่คืนดี ไรเตอร์แอบจิตนิดๆ หุหุ

คุณ อัศวินนภา กลัวเศร้ากันเกินไป เลยพาความหวานอันน้อยนิดมาทักทายให้หายเศร้าค่ะ

คุณ konhin จบด้วยล้มแบบเดิม แต่ล้มแบบนี้มีฮา ฮา แบ่งพาร์ทมาทางพี่ปอมบ้างแล้วค่ะ ^^

ไม่อยากให้เศร้า อารมณ์ของเรื่องตอนนี้เลยออกมาแบบนี้ค่ะ พี่ปอมกับตี้ป๊ะกันทั้งตอนเลย อิอิ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกโหวต และนักอ่านเงาทุกท่านค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ธ.ค. 2556, 02:52:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ธ.ค. 2556, 03:03:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1497





<< บทที่ 24 : อารมณ์อินดี้   บทที่ 26 : เขารู้ว่าฉันรัก >>
konhin 8 ธ.ค. 2556, 04:58:42 น.
ฮ่าๆๆ แอบคิดว่าถ้าเปิดเรื่องด้วยตอนที่แล้ว จะสนุกไปคนละแบบแน่ๆ


อัศวินนภา 8 ธ.ค. 2556, 08:53:39 น.
ซบอกพี่ปอม อยากซบบ้างอ่ะ


mhengjhy 8 ธ.ค. 2556, 10:40:50 น.
กรี๊ดดด 555555


นักอ่านเหนียวหนึบ 8 ธ.ค. 2556, 22:31:38 น.
ยกนี้ขอให้ ความรัก ชนะ ทุกสิ่ง
ไรเตอร์ อย่าแกล้งกันอีกเลยยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account