พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 7

ธนดลคีบเส้นหยักๆ ในชามขึ้นมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งยิ้มแป้นแล้นอย่างผู้กำชัย เขามองเป็นคำถามพร้อมกับเส้นบะหมี่ที่ยังคีบค้างไว้

“ก็อาหารญี่ปุ่นไงคุณ ไม่รู้จักหรือ นี่ยี่ห้อดังด้วยนะ โชคดีที่ฉันเป็นคนช่างสังเกต สำรวจตู้เก็บของในห้องครัวก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงยังต้องนั่งหิ้วท้องรอฉันไปซื้อกับข้าวที่ตลาดอยู่เลยนะ คุณน่าจะขอบใจฉันนะ”

พลับพลึงเกือบจะตัดใจยอมเสียฟอร์มเดินออกมาจากห้องครัวเพื่อออกไปหาอะไรทานกันที่ตลาดแล้วเชียว โชคดีที่เธอเอะใจจึงเปิดตู้รื้อค้นสำรวจดู แน่นอนเมนูสิ้นคิดสำหรับคนอยู่คนเดียวและเป็นอาหารติดบ้านไว้ยามฉุกเฉินจะต้องมีนั่นคือ ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ อย่างน้อยอาหารกึ่งสำเร็จรูปแบบนี้ถ้าไม่ใช่สำหรับเจ้านายก็สำหรับคนรับใช้ล่ะ แล้วก็เดาถูกเมื่อเปิดตู้แล้วพบกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางอยู่บนชั้นเก็บของหลายซอง

“บ่ะหมี่นี่นะ” ธนดลเยาะ
“ใช่ บ่ะหมี่ กินๆ ไปเถอะน่า อิ่มเหมือนกันแหละ คุณจะอะไรนักหนา กินแล้วก็นอน แล้วก็…”

ต้องละเว้นในฐานที่เข้าใจกัน อีกอย่างเวลาอาหารไม่ควรจะพูดถึงเรื่องกากอาหารที่ถูกขับออกมาจากร่างกายเพราะอาจจะทำให้ไฮโซอย่างธนดลพลอยทานบ่ะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เธอบรรจงทำให้ไม่ลง

“กินๆ ไปเถอะน่า เดี๋ยวก็อืดหมดหรอก เรื่องรสชาติคุณไม่ต้องห่วงเลย ทุกซองปรุงแต่งมาจากโรงงานมาตรฐานเดียวกันเปี๊ยบ ไม่ว่าจะทำที่บ้าน ที่ภัตตราคาร จะคุณหญิงทำ คุณนายทำ หรือคนทำอาหารไม่เป็นอย่างฉันทำ ก็รสชาติเดียวกันทั้งนั้น กินเถอะคุณ อื้ม...อร่อยๆ”
พลับพลึงคีบเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปากดูดเส้นเสียงดังจ๊วบๆ เป็นตัวอย่างเพื่อให้ชายหนุ่มได้ทำตาม เธอแอบยิ้มกับท่าทางเยาะนั้น นึกขอบคุณเจ้าของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ทำให้เธอไม่ต้องเสียเวลามากไปกว่าการเสียบปลั๊กกาต้มน้ำ แค่แกะซองบะหมี่ เครื่องปรุง และรอน้ำเดือดเพื่อกดลงใส่ชามเท่านั้นก็พร้อมเสิร์ฟ แอบสะใจเล็กๆ เมื่อเห็นดวงตาคมวาวคู่นั้นเบิกวาวขึ้นยามเมื่อเห็นเมนูดินเนอร์ของค่ำคืนนี้
“อย่าบอกนะว่าคุณกินไม่ได้อีก คุณนี่นะเรื่องมากจริงๆ เลย มะ ฉันจะสอนวิธีกินบะหมี่ให้”

พลับพลึงขยับถ้วยบะหมี่ของเธอเข้ามาใกล้ตัวอีกนิด แล้วใช้ตะเกียบกับช้อนคนๆ บะหมี่ให้เข้าเนื้อเข้าน้ำแล้วคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก แต่นั่นมันจะธรรมดาไปสำหรับการสอนไฮโซหนุ่ม มันต้อง…

เสียงสูดปากดังซู๊ดยาวพร้อมกับทำปากจ๊วบจ๊าบเสียงดังเมื่อยาวเคี้ยวและซดน้ำเสียงดังโครกเพื่อแสดงว่าบะหมี่ที่เธอทำนั้นมันเอร็ดอร่อยเหาะ

ปัง!
พลับพลึงสะดุ้งกับเสียงวางตะเกียบลงข้างชาม เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ใบหน้าของเขาแดงก่ำโกรธจัด เมื่อเห็นอย่างนั้นรอยยิ้มก็ค่อยๆ หุบลงแล้วก้มหน้างุด

“ไม่ตลกเลยนะ” ชายหนุ่มตวาดอย่างหัวเสีย ที่เสียเวลานั่งรอให้หญิงสาวกลั่นแกล้งให้รอกินอาหารไร้คุณค่าทางอาหารอย่างนี้
“ฉันก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะขำ” พลับพลึงเสียงอ่อนอ่อยลงที่เจอคนหน้าขรึมตะคอกอย่างนั้น

“ผมจะออกไปข้างนอก”
แล้วธนดลก็ลุกพรวดโดยไม่คิดจะสนใจเสียงร้องเรียกของหญิงสาว
“ดะ เดี๋ยวสิคุณ แล้วบะหมี่นี่ล่ะ”

“ตามใจคุณสิ” ธนดลตอบอย่างหัวเสีย หญิงสาวจะเททิ้งหรือจะทานทั้งสองชามก็แล้วแต่เธอเถอะ
พลับพลึงลู่ไหล่ถอนหายใจ รู้สึกขนลุกอยู่ลึกๆ ที่ทำให้ชายหนุ่มโกรธแต่อีกใจก็รู้สึกสะใจที่ทำให้ผู้ชายเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้ว แถมบนใบหน้าไม่ใคร่จะมีรอยยิ้มโกรธจัดจนหน้าดำหน้าแดงได้

“ไม่ทานก็อย่าทาน เชอะ”
เธอเบ้ปากไล่หลังเมื่อได้ยินเสียงรถสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยไม่สนใจเธอก็ก้มหน้าก้มตาลงมือทานบะหมี่ในชามต่อ ชายหนุ่มช่างไม่รู้อะไรเสียเลยว่าบ่ะหมี่สำเร็จรูปรสชาติอร่อยแค่ไหน พลับพลึงภาคภูมิใจกับบะหมี่ในชามเป็นอย่างมาก เพราะเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวที่เธอทำแล้วรสชาติไม่เพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น แน่ล่ะ เพราะทุกอย่างสมบูรณ์มาในซองอยู่แล้วนี่นะ




พลับพลึงนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงอย่างชอบใจจนท้องคัดท้องแข็งเมื่อนึกถึงหน้าธนดลตอนที่ถูกแกล้งให้ซดบะหมี่ แม้เขาจะไม่ยอมทำตามและรีบวางตะเกียบลงอย่างฉุนเฉียวก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถขับบึ่งออกไปจากบ้าน ยิ่งธนดลทำตัวเป็นไฮโซมากเท่าไหร่พลับพลึงก็ยิ่งอยากจะแกล้งเขามากเท่านั้น และนี่เป็นหนึ่งวิธีที่เธอต้องการทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจและขอเลิกกับเธอก่อนกำหนดเวลา เพี้ยง! ขอให้เขาไปค้างที่อื่นได้ยิ่งดี พลับพลึงกระพุ่มมือยกท่วมหัว แต่ดูเหมือนฟ้าจะไม่เข้าข้าง เพราะแค่เธอเอามือลงเสียงรถของธนดลก็ดังกระหึ่มอยู่หน้าบ้าน
คนภาวนาอยู่เด้งลุกจากเตียง มองไปรอบๆ รู้อย่างนี้น่าจะอาบน้ำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่เขาจะกลับมาเสียก็ดี โดยไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดีจึงนั่งตัวตรงแข็งทื่ออยู่บนเตียง แต่พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมปนหงุดหงิดเปิดประตูห้องเข้ามาเธอก็อดที่หัวเราะไม่ได้ โชคดีที่กลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้ทันไม่ปล่อยให้เล็ดลอดออกมา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะโกรธเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่นั่นก็ยังมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง
“ขำอะไร”

“ฉันเปล่าขำซักหน่อย” พลับพลึงปฏิเสธแล้วรีบกลบเกลื่อนอาการโดยเบือนหน้าหนีเสีย
“ผมไม่ได้ตาบอดนะ” ธนดลเสียงเขียว
“ก็ได้ ฉันขำ แล้วทำไม”

เมื่อถูกตะคอกอย่างนั้นพลับพลึงก็ของขึ้น อารมณ์ของเธอค่อนข้างปี๊ดง่ายตามวิสัยของศิลปิน บวกกับตั้งแต่วันเข้าพิธีธนดลก็เป็นฝ่ายกลั่นแกล้งเธอมาตลอด พอได้ทีเธอก็อยากจะแสดงให้เขาเห็นว่า เธอไม่ใช่หมูที่จะได้ถูกทิ่มแทงจนน้ำมันไหลย้อยเกลื่อนพื้นอยู่ฝ่ายเดียว
“คุณนี่มัน…” ธนดลเค้นเสียงจะต่อว่าต่อ แต่ก็อดกลั้นไว้

“ทำไม ฉันทำไม พูดดีๆ นะคุณ ขอร้อง ให้เกียรติภรรยานิดนึง ฉันน่ะ ภรรยาคุณนะ สะใภ้คนเดียวของสุทธิการ อีกอย่าง หากคุณทำร้ายฉันก็จะไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณเอง” พลับพลึงได้ทีลอยหน้าลอยตาใส่
“แล้วนี่ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก” ธนดลเปลี่ยนเรื่อง

พลับพลึงก้มลงมองสำรวจตัวเอง ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่รีบอาบน้ำให้เสร็จก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับเข้าบ้าน เธอเม้มปากแน่นเพราะไม่มีคำตอบให้เขา
“อ้อ หรือรอผม”
“จะบ้าหรือไง” พลับพลึงขึ้นเสียง ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ

“อ้าว จะไปรู้หรือ ผมก็นึกว่าคุณอยากให้ผมช่วยถูกหลังให้ ก็ได้นะ ผมเองก็อยากลองลงอ่างร่วมกับคุณเหมือนกัน อยากรู้เหมือนกันว่า…จะเป็นยังไง”
“เป็นยังไง หมายความว่าไง”

พลับพลึงเสียงเขียวยื่นหน้าท้าทายแต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาเจ้าเล่ห์มองเธออย่างกระลิ้มกระเหลี่ยก็รีบดึงใบหน้ากลับแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าอก
“บ้า! คนลามก!”

“อะไรกันคุณ ผมยังไม่ทันคิดอะไรเลย คุณคิดอะไรอยู่ ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณถูหลังเก่งหรือเปล่าต่างหาก คุณนี่ท่าจะบ๊อง” ธนดลส่ายหน้าแค่นหัวเราะเยาะแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวซึ่งแขวนอยู่ที่ราวข้างตู้เสื้อผ้า “อ้อ ระหว่างที่ผมอาบน้ำคุณก็จัดเสื้อผ้าเข้าตู้ด้วยแล้วกัน เสื้อผ้าผมไว้ข้างขวา” เขาสั่ง สะบัดสายตาไปที่กระเป๋าของตัวเองที่ยังวางอยู่ที่เดิม

อีกครั้งที่พลับพลึงอ้าปากจะประท้วงแต่ก็ช้าเกินไปเมื่อเขาเดินเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย สุดท้ายพลับพลึงก็ทำได้เพียงแลบลิ้นปริ้นตาประชดประชันด้วยการทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบคำสั่งของชายหนุ่ม และลงมือเก็บเสื้อผ้าของเขาเข้าตู้ตามคำสั่ง




ไม้แขวนเสื้อหล่นลงจากมือบางที่กำลังจัดแขวนเสื้อผ้าของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตเบิกกว้างค้างอยู่พักหนึ่งก่อนจะกระพริบปริบๆ แล้วรีบเบือนหน้าหนี รูปร่างสูงโปร่งมีมัดกล้ามหน่อยๆ อย่างคนออกกำลังกาย แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โตอย่างนักเล่นกล้ามแต่ก็สามารถทำให้หัวใจของหญิงสาวที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับภาพแบบนี้ใจสั่น ผิวขาวอมเหลืองอย่างคนไทยลูกผสมช่างน่ามองเสียยิ่งกระไร

“ผมลืมเอาชุดนอนเข้าไปด้วย”
ธนดลบอกล่าวขณะที่ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กซับน้ำที่เกาะพราวอยู่ที่หัวไหล่แล้วเลื่อนขึ้นไปเช็ดผมสั้นๆ ที่เปียกชุ่ม
“ถ้างั้นฉันจะออกไปก่อน”

พลับพลึงละมือจากกองเสื้อผ้าที่เหลืออีกนิดหน่อย
“ไม่ต้องหรอก ช่วยหยิบให้ก็พอ”
คนตะลึงชะงักแล้วเอ่ยถามโดยที่ไม่ยอมหันหน้าไปสบตา
“ชุดไหนล่ะ”

“ชุดไหนก็ได้ สีฟ้านั่นก็ได้” ธนดลบอกเมื่อเห็นชุดนอนลายทางยาวตัวโปรดของเขาวางอยู่บนสุด
“อ้อ อื้ม นี่ค่ะ”
เธอเลื่อนสายตามองในตู้เสื้อผ้าเห็นชุดนอนสีที่เขาบอกก็รีบหยิบแล้วส่งให้โดยยังเบือนหน้าหนีอยู่เช่นเดิม
“เป็นอะไร” ธนดลเอ่ยถามไม่ได้เอะใจเลยว่าหญิงสาวกำลังรู้สึกอย่างไร
“เปล่า คุณรีบๆ ใส่เสื้อผ้าเถอะ”

ธนดลยิ้มขันเล็กน้อยเมื่อเริ่มเข้าใจสถานการณ์แล้วรับชุดนอนจากมือหญิงสาวแต่ก็ยังอ้อยอิ่งไม่ยอมสวมใส่ ยิ่งเขารู้ว่าหญิงสาวเขินอายเขาก็ยิ่งอยากจะแกล้งเธอ ยิ่งนึกถึงอาหารเย็นที่เธอยกออกมาเสิร์ฟมันก็ยิ่งทำให้เขาชอบใจที่เห็นท่าทางอึดอัดของหญิงสาวในตอนนี้
“คุณคิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย” ธนดลหยอกล้ออย่างขบขันขณะที่กำลังบรรจงสวมเสื้อ
“คิดอะไร เปล่าซักหน่อย”

“งั้นหรือ” ธนดลยิ้มแต่ก็ไม่อยากทำให้หญิงสาวรู้สึกอายไปมากกว่านี้จึงเลิกเซ้าซี้ และเริ่มบอกกล่าวถึงกฎของการอยู่ร่วมกัน “ผมมีเรื่องขอร้องนิดหน่อย”

“เรื่องอะไรคะ”
“เราอาจจะต้องปรับตัวกันนิดหน่อย หรือไม่ก็อาจจะเยอะก็ไม่รู้นะ แต่สำหรับผม ผมไม่ชอบนอนเปิดไฟ หวังว่าคุณจะทำได้ แล้วคุณล่ะ” ธนดลเอ่ยถามบ้าง แต่พลับพลึงกลับอ้ำอึ้ง จะให้บอกได้อย่างไรว่าเธอนอนดิ้น ขืนพูดออกไปมีหวังอับอาย จึงพยักหน้ารับแล้วเบือนหน้าหนีเสีย

“ก็ตามที่คุณบอกนั่นแหละ ฉัน...ยังไงก็ได้”
ธนดลยกยิ้มพอใจ
“ผมจะออกไปรอข้างนอก คุณจะได้อาบน้ำ รีบหน่อยก็แล้วกัน ผมง่วง”

เขาบอกแล้วพาดผ้าเช็ดตัวไว้กับราวข้างตู้เสื้อผ้า พลับพลึงเหลือบตามองผ้าเช็ดตัวของเขา ผู้ชายคนนี้มีระเบียบมากเพราะแค่ผ้าเช็ดตัวเขายังพึ่งมันอย่างเรียบร้อยไม่ได้ปล่อยกองย่นๆ เพื่อทิ้งให้เป็นหน้าที่ของเธอ จนเมื่อประตูห้องปิดลงพลับพลึงก็วิ่งไปกดล็อค ต่อให้เขาบอกว่าจะรอให้เธออาบน้ำเสร็จก่อนถึงจะเข้ามาเธอก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี เผื่อชายหนุ่มพรวดพลาดเข้ามาตอนเธอกำลังผลัดผ้าล่ะจะทำอย่างไร พลับพลึงพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เมื่อกดล็อคเรียบร้อย แบบนี้ค่อยอาบน้ำได้อย่างสบายใจหน่อย





ธนดลยืนหัวเสียอยู่หน้าห้องนอนเมื่อเขาพยายามบิดลูกปิดประตูหลายต่อหลายครั้งหลังจากที่เคาะประตูเรียกก็แล้ว ร้องเรียกก็แล้วแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนข้างใน ภรรยาหมาดๆ ของเขาเล่นอะไรอีกล่ะเนี่ย เขายืนหน้าเคร่งอยู่หน้าห้องอย่างพยายามข่มอารมณ์ตะโกนร้องเรียกเสียงดังขึ้นอีกนิดแต่หญิงสาวข้างในก็ยังไม่มาเปิดประตูอีก เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด นี่ก็เป็นชั่วโมงแล้วอย่าบอกนะว่ายังอาบน้ำไม่เสร็จ หรืออาบเสร็จแล้ว ได้ยินเสียงเขาร้องเรียกแต่ทำเป็นเฉยเมย หรือจะแกล้งให้เขานอนตากยุงอยู่ข้างนอกอยู่กับอากาศที่เริ่มหนาวเหน็บขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในห้องโถงนี้ เมื่อความอดทนสิ้นลงลงธนดลจึงเดินไปยังตู้เล็กๆ ลักษณะคล้ายตู้ยาติดอยู่บนผนังในอีกห้องซึ่งคล้ายห้องเก็บของ เขาเปิดมันอย่างหงุดหงิดใจแล้วเลือกลูกกุญแจที่แขวนเรียงรายกันอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบดอก หยิบออกมาพวงหนึ่งแล้วเดินกลับไปที่ประตูห้องนอนแล้วจัดการไขกุญแจห้องนอนโดยไม่เคาะประตูเรียกคนข้างในอีกซักคำ เขาปั้นหน้าเคร่งพร้อมจะต่อว่าหญิงสาวทันทีที่แทรกตัวเข้าไปแต่…

หายไปไหน…
ธนดลกวาดสายตาไปทั่วห้องก็ไม่พบ ก่อนจะหยุดสายตาที่หน้าห้องน้ำเมื่อยังได้ยินเสียงฝักบัวอยู่ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปภรรยาจำเป็นของเขายังอาบน้ำไม่เสร็จ ชายหนุ่มกลอกตาพร้อมเสียงถอนหายใจเฮอะ แล้วเดินไปนั่งหน้าหงิกอยู่บนเตียงเพราะหากจะให้ออกไปนั่งหนาวรออยู่ข้างนอกเห็นจะไม่ไหวแล้ว

“ว้าย!”
พลับพลึงอุทานเสียงหลงเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบว่าสามีหมาดๆ นั่งหน้าเคร่งอยู่ที่เตียง หลังจากปล่อยให้ตัวเองอึ้งอยู่พักหนึ่งเธอก็รีบวิ่งไปคว้าชุดนอนที่วางอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วรีบกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง ในใจก็สบถต่อว่าต่อขานคนไม่มีมารยาทเสียยกใหญ่ ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำเพื่อต่อว่าเขาอีกครั้งหลังจากที่เธอแต่งตัวเรียบร้อยมิดชิดอีกครั้ง

“คุณเข้ามาได้ยังไง ไม่มีมารยาท”
“แล้วล็อคห้องทำไมล่ะ ผมง่วง”

“ก็ฉันอาบน้ำอยู่นี่”
“ผมรอคุณอาบน้ำจนจะหนาวตายอยู่แล้ว อีกอย่างร้องเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตอบก็นึกว่าเป็นอะไร”
“แล้วคุณเข้ามาได้ยังไง”

พลับพลึงยังสงสัยแล้วต้องเบิ่งตาก้างเมื่อธนดลชูพวงกุญแจขึ้นให้ดู ใช่สิ ห้องนี้ไม่มีกลอน หญิงสาวกลอกตาอย่างระอาใบหน้ายังร้อนผ่าวๆ
ธนดลเอี้ยวตัวลงนอนหงาย ขาแยกพาดกับหมอนข้างกินพื้นที่เกือบทั้งเตียง พลับพลึงเบิกตาเมื่อเห็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรดี จะออกปากไล่เขาก็คงไม่ยอมลงจากเตียงง่ายๆ

“เชิญคุณตามสบายเถอะ ฉันจะไปนอนข้างนอก” พลับพลึงเอ่ยประชดประชันแล้วเดินไปหยิบหมอนที่ยังว่างอยู่
“ไม่ได้” ธนดลสั่งห้ามเสียงเข้มทั้งๆ ที่ยังนอนหลับตาอยู่

“แล้วคุณจะให้ฉันนอนที่ไหน นอนหนุนไหล่คุณหรือไง นอนอืดเต็มพื้นที่อย่างนั้น”
ธนดลค่อยๆ ขยับไปทางซ้ายแล้วตบที่ที่นอนเชิญชวนให้อีกฝ่ายมานอนด้วยกัน

“ไม่ ฉันไม่ไว้ใจคุณ”
“นี่คุณ ผมไม่เสี่ยงเอาเงินตั้งหลายล้านมาแลกหรอกนะ ผมไม่ใช่คนหน้ามืดตามัวที่จะชอบนอนกอดไม้กระดาน อีกอย่างผมเป็นผู้ชายประเภทช่างเลือก”

พลับพลึงใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที แล้วรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอก ถลึงตามองชายหนุ่มที่ยังนอนกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของเตียงอย่างโกรธเกรี้ยว นอกจากจะเคร่งขรึม เจ้าระเบียบแล้วยังปากจัดจ้านอีกต่างหาก นับเป็นความโชคร้ายของเธอที่ไม่เอาชุดนอนเข้าห้องน้ำไปด้วย จนทำให้เขาเห็นรูปร่างผิวพรรณและส่วนเว้าส่วนโค้งมากพอที่จะใช้เยาะเหมือนเมื่อครู่นี้

ไม้กระดานเข่นเขี้ยวเพราะนั่นไม่ใช่ความจริงซักนิด อย่างน้อยพลับพลึงก็ส่องกระจกทุกวันก็พอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ไม้กระดานอย่างแน่นอน รอบอกสามสิบสี่แม้จะไม่ตู้มเท่านางแบบนู๊ดแต่สำหรับหญิงสาวทั่วไปก็ถือว่าไซด์มาตรฐานล่ะน่า แต่ก็กระดากปากที่จะพูดแก้ตัว
“รีบๆ นอนได้แล้ว ผมง่วง อ้อ อย่าลืมปิดไฟด้วยล่ะ ผมนอนไม่หลับ”

‘ไม้กระดาน’ อ้าปากหวอเพราะไม่รู้จะสรรหาถ้อยคำใดมาตอบโต้ ได้แต่มองไปรอบๆ เพื่อหาที่ทางที่จะใช้เป็นที่นอน แต่นอกจากเตียงแล้วก็เหลือแค่พื้นเท่านั้น หรือจะปูผ้านอนที่พื้นดีหนอ คงไม่ไหวเพราะพื้นไม้นั้นทั้งแข็งและเย็น สุดท้ายก็ต้องจำใจเดินไปที่เตียงอย่างระแวดระวัง ค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งราวกับว่ากลัวว่าธนดลจะตื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะวันนี้เธอเองก็เพลียสุดๆ เหมือนกัน อยากจะพักผ่อนให้เต็มตาพรุ่งนี้ยังมีงานอีกมากที่จะต้องทำ พลับพลึงค่อยๆ ยื่นมือไปหยิบหมอนข้างนำมาวางไว้เพื่อป้องกันการรุนกรานจากอีกฝ่าย แม้จะรู้ดีว่า หากว่าเขาจะทำอะไรเธอจริงๆ แค่หมอนข้างแค่นี้คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่มันก็ยังพอทำให้รู้สึกอุ่นใจที่อย่างน้อยก็ช่วยให้ปลอดภัยจากการขยับตัวของเขาที่อาจจะละเมอพาดแข้งพาดขามาโดนตัว

พลับพลึงนอนตาค้างกอดผ้าห่มผืนหนาแน่นราวกับก่อนนอนเธอดื่มกาแฟเอสเปสโซ่มาซักสามแก้ว จิกขอบผ้าห่มเข้ากับตัวราวกับตัวหนอน เหลือบตามองธนดลที่ยังคงนอนตะแคงให้ นึกยิ้มย่องที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าผ้าห่มที่เป็นส่วนรวมถูกเธอยึดมาเป็นของส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว อากาศค่อนข้างจะเย็นอยู่มากแต่พลับพลึงก็ยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวดีกว่าจะใจดียอมอยู่ใต้ผ้าห่มร่วมกับเขา เธอระแวงอยู่นานจนรู้สึกว่าหนังตาเริ่มจะไม่ไหวไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียแล้ว เปลือกตาค่อยๆ หรี่ลงพร้อมกับเสียงหายใจที่สม่ำเสมอ คนเห็นแก่ตัวจำไม่ได้ว่าหลับไปนานแค่ไหน แต่ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงอะไรหนักๆ ทับอยู่บริเวณหน้าท้อง พลับพลึงสะบัดหน้าไปมองข้างๆ

หมอนข้างหายไปไหน!

นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้น ความง่วงงุนหายวับไปกับตา แถมผ้าห่มที่ครองสิทธิ์อยู่นั้นก็ถูกแบ่งปัน พลับพลึงยกศีรษะขึ้นเพื่อมองยังสิ่งที่ทับอยู่บนหน้าท้อง ก่อนจะทิ้งศีรษะลงอย่างหมดแรงและอยากจะร้องไห้ ให้มันได้อย่างนี้สิ....



***********
^^



แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ธ.ค. 2556, 14:29:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ธ.ค. 2556, 14:29:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1501





<< พ่ายพรหมลิิิิิขิต ตอนที่ 6   พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 8 >>
แว่นใส 9 ธ.ค. 2556, 16:30:40 น.
55555 โดนเอาคืน


phakarat 9 ธ.ค. 2556, 17:00:19 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account