พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 8

8
กรี๊ด!!!!

พลับพลึงกรีดร้องขึ้นสุดเสียงใส่คนที่นอนตะแคงชิดข้างหูจนได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอแถมขาของเขายังพาดอยู่ที่หน้าท้องของเธอจนหายใจลำบาก
“คนบ้า! เอาขาออกไป!”

พลับพลึงลุกขึ้นนั่งจับขาของคนที่ถือวิสาสะก่ายเธอนั้นออกไปแล้วหันขึ้นมาจะทุบไหล่คนที่ยังไม่ยอมตื่น
“คิดจะฉวยโอกาสหรือไง ปากก็บอกว่าไม่ชอบ คนบ้า คนผีทะเล คนไว้ใจไม่ได้...”

และอีกหลายประโยคที่พลับพลึงสบถก่นด่าคนที่ยังสะลึมสะลืองัวเงีย ธนดลยกมือขึ้นปัดป้องตามสัญชาตญาณที่ถูกมือเล็กหากแต่หนักหน่วงเหลือเกินนั้นฟาดเข้าตามใบหน้าและลำตัวแบบไม่ยั้ง
“โอ้ย! โอ้ย! อะไรเนี่ย”

ธนดลสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งคู้ตัวยกแขนตั้งกาดปิดบังใบหน้าจากกำปั้นที่รัวใส่ราวกับมือทศกัณฑ์ จนเมื่อตั้งสติได้ถึงได้รวบมือบางนั้นไว้แล้วยืดตัวไปเปิดไฟที่หัวเตียง และนั่นทำให้เขาได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของภรรยาหมาดๆ

“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ผมเจ็บนะ!” เขาร้องห้าม คนกำลังหลับสบายกลับถูกชกถูกตีเสียนี่แต่หญิงสาวก็โต้ตอบเสียงเข้มเขียว
“ฉันต่างหากที่จะต้องถามคุณว่าทำบ้าอะไร ทำไมต้องมามุดใต้ผ้าห่มฉันด้วย แล้วยัง...”

พลับพลึงกลืนน้ำลายเมื่อใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อนึกถึงใบหน้าคร้ามคมนั้นอยู่ห่างใบหน้าของเธอแค่ลมหายใจรินรด แถมแข้งขาของเขายังเกเรพาดมาอยู่บนตัวของเธออีกด้วย

“ยังอะไร ถ้าคุณไม่มีเหตุผลล่ะก็ คืนนี้ไม่ต้องนอนกันล่ะ” ธนดลเองก็หัวเสียที่ถูกปลุกกลางดึก คนกำลังหลับสบาย เพิ่งรู้สึกอุ่นได้ไม่นานนี้เองหลังจากถูกแย่งผ้าห่มไปจากตัว “ว่าไง”
“ก็คุณกินที่”

ธนดลสะบัดมือปล่อยตัวหญิงสาวให้เป็นอิสระ แล้วหันมองรอบๆ ตัว เขานี่นะนอนกินที่ จะเป็นไปได้อย่างไร ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผม เพราะตอนนี้เขานั่งอยู่เกือบจะตกเตียงด้านที่เขานอนอยู่แล้ว เขาถอนหายใจอย่างเอือมระอากับคนขี้โวยวาย ใครกันแน่ที่กินที่
“คุณแหกตาดูหน่อยสิครับคุณผู้หญิง” ธนดลประชดเสียงเข้มเขียว

พลับพลึงที่ถูกสะกิดอย่างนั้นก็รีบมองตามสายตาของชายหนุ่ม อาการเกรี้ยวโกรธค่อยๆ สงบลงจนหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าเธอเลยพื้นที่กึ่งกลางของเตียงมาจนเกือบสุดขอบเตียงอีกด้าน
“ก็...”

พลับพลึงจะแก้ตัว แต่เมื่อนึกย้อนหลังก็ต้องเป็นเธอที่หลับตาปี๋ก้มหน้าเบือนหนีด้วยความอับอาย เพราะแท้ที่จริงแล้วน่าจะเป็นเธอมากกว่าที่เบียดเข้าไปหาเขา พอรู้ตัวเองอยู่ว่าเป็นคนนอนดิ้น ปกติเวลานอนพลับพลึงจะใช้พื้นที่เตียงเต็มพื้นที่ และผ้าห่มอีกล่ะที่ม้วนจนหนอนเรียกพี่ แม้ในยามตื่นยังต้องเสียเวลาแกะผ้าห่มอยู่เป็นนานกว่าจะออกจากรังผ้าห่มได้ ยิ่งนึกก็ยิ่งอายจนไม่กล้าสู้หน้า เพราะเพียงแค่เงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาคมปลาบคู่นั้นก็เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แน่ล่ะ การถูกรบกวนในเวลาหลับใหลไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์เลย

“ผมไม่อยากคิดอกุศลหรอกนะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ขอร้อง ช่วยถอยออกไปจากพื้นที่ของผมด้วย อีกอย่าง หวังว่าจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของผมอีก คุณไม่รู้หรือไงว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”

ธนดลเหลือบตามองไปดูนาฬิกาเพื่อเตือนสติคนโวยวาย ตีสามเข้าไปแล้วเขายกมือขึ้นเสยผมแล้วถอนหายใจ นี่เขาคิดถูกหรือผิดที่เอาหญิงสาวกระโกลกกะลามานั่งตำแหน่งภรรยา

พลับพลึงถอยกลับมานั่งฮึดฮัดอยู่ในพื้นที่ของตัวเองทันทีเมื่อสิ้นเสียงโกรธขึ้งของอีกฝ่าย แม้จะเป็นเธอที่ล้ำเส้นแต่อย่างไรความเสียหายก็ตกอยู่กับเธอมากกว่าอยู่ดี จริงๆ แล้วชายหนุ่มไม่น่าแสดงอาการหัวเสียแบบนี้ด้วยซ้ำ มันช่างเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเหลือเกิน

“ก็ได้ ครั้งนี้ฉันไม่มีหลักฐาน แต่หวังว่าคุณจะควบคุมตัวเองให้มากหน่อยจะได้ไม่ละเมอมารบกวนฉัน”

พลับพลึงยังคงไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดอยู่เช่นเดิม เธอกลับเชิดหน้าทั้งๆ ที่ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ด้วยความอับอาย แล้วก็ดึงผ้าห่มที่ร่นลงไปเกือบจะตกปลายเตียงขึ้นมาทำท่าจะคลุมโปง

“นั่นคุณจะทำอะไร”
พลับพลึงหันมองแล้วก้มลงมองผ้าห่มที่เธอกำลังครอบครอง
“ก็จะนอนไง” เธอตอบ

“แล้วไม่คิดจะแบ่งผ้าห่มให้ผมบ้างหรือไง”
พลับพลึงหน้าตูม ถ้าแบ่งก็ต้องเกิดปัญหาแบบเมื่อกี้นี้อีกนะสิ แต่ถ้าไม่แบ่งดวงตาคมปราบคู่นั้นก็ตงจะหาเรื่องเคืองเธอ สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจยกผ้าห่มให้เขาไปทั้งผืน ส่วนตัวเองก็คว้าหมอนข้างมากอดแทน

“ฉันยกให้คุณหมดเลย”
“ทำไม”

“ทำไมอะไรอีกล่ะ” พลับพลึงเสียงแหลมอย่างรำคาญใจ
“อากาศเย็นเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“ไม่หนาว คุณไม่เห็นหรือไงฉันใส่เสื้อผ้ามิดชิดขนาดนี้ อากาศแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”

ธนดลมองที่เสื้อผ้าของอีกฝ่าย เห็นจะจริงอย่างที่หญิงสาวว่า ชุดนอนของเธอไม่ต่างจากชุดวอร์ม คงต่างเพียงเนื้อผ้าที่ทอจากผ้าฝ้ายแขนยาวขายาวแถมยังสวมถุงเท้าอีกต่างหาก เมื่อเห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าตามใจแล้วรับผ้าห่มมาครอบครองล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหนี โดยไม่มีโอกาสรับรู้เลยว่าคนที่นั่งกอดหมอนข้างอยู่นั้นกำลังทำปากขมุบขมิบล้อเลียนประโยคที่เขาเอ่ยมาก่อนหน้านี้แถมท้ายด้วยต่อว่าในลำคออีกหลายคำก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหนีเช่นกัน พลับพลึงใช้ขาคาบหมอนข้างกอดมันไว้แน่นเพื่อรับความอบอุ่น แม้เสื้อผ้าจะหนากว่าชุดนอนธรรมดาแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอบอุ่นเท่ากับผ้าห่ม ยิ่งบริเวณใบหน้าที่แตะต้องอากาศก็ทำให้รู้สึกสะท้านได้เช่นกัน แต่ก็ยังต้องข่มตาหลับให้ได้เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีสามแล้ว




อืม...อุ่นจัง...
คนที่หลับตาพริ้มยิ้มกับความฝันที่เธอนอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอบอุ่น บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยไอหมอกและกลุ่มเมฆที่อบอวลด้วยความอบอุ่นของแสงแรกของดวงอาทิตย์ ก่อนจะสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงดังแว่วมา
ฮ้า...เสียงปิดประตูนั่นเอง

พลับพลึงที่ปรือตาขึ้นมองตามเสียงดังแว่วๆ นั้น แล้วก็หลับตาลงอีกครั้งก่อนจะเบิกตากว้างหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เวลานี้เธอไม่ควรจะยังนอนอยู่บนเตียง แล้วรีบพลิกตัวกลับไปยังฝั่งตรงข้าม

เขาไม่อยู่แล้ว!
ธนดลไม่อยู่แล้ว แสดงว่าคนที่เดินออกจากห้องเมื่อกี้นี้คือเขานั่งเอง พลับพลึงรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งและต้องตกตะลึงเมื่อผ้าห่มที่ถูกยึดไปเมื่อคืนนี้กลับมาห่มอยู่บนตัวของเธอ มิน่าล่ะเมื่อกี้ถึงได้ฝันว่านอนอยู่บนก้อนเมฆที่อบอุ่น เธอเลิกคิ้วแล้วมองไปที่ประตู นับว่าธนดลก็เป็นผู้ชายที่ใช้ได้คนหนึ่งเหมือนกันแฮะ พลับพลึงรีบลุกจากเตียงจัดการพับผ้าห่มจัดที่นอนให้เรียบร้อย ถึงแม้ว่าฝีมือทำอาหารของเธอจะไม่ได้เรื่องแต่เรื่องความเป็นระเบียบก็ไม่เป็นรองใคร แล้วหยิบผ้าขนหนูวันนี้เธอไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย เพราะไม่ไว้ใจชายหนุ่มที่อาจจะโผล่เข้ามาตอนไหนอีกก็ไม่รู้ได้
“ว้าว...”

ทุกอย่างในห้องน้ำเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เมื่อคืนพลับพลึงยังไม่ทันสังเกตเท่าไหร่ แต่วันนี้พอมีเวลาจึงได้สำรวจของใช้ของชายหนุ่มเต็มตา แปรงสีฟัน มีดโกนหนวด ผ้าเช็ดตัวที่ใช้แล้ว รวมถึงครีมบำรุงชนิดต่างๆ สำหรับผู้ชายทุกอย่างจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เธอเม้มปากเมื่อของใช้ส่วนตัวของธนดลมีมากกว่าของเธอซึ่งเป็นผู้หญิงเสียอีก

“ต๊าย...ใช้ครีมบำรุงผิวหน้าด้วย”
พลับพลึงจับขึ้นมาดู เบิ่งตากว้างเพราะเป็นครีมยี่ห้อดังที่คนธรรมดาเงินเดือนหมื่นสองหมื่นบาทคงไม่กล้าซื้อมาใช้ แล้ววางมันลงที่เดิมละสายตาจากมุมนั้น เพราะไม่อยากตกใจไปมากกว่านี้ คาดว่าของใช้ชิ้นอื่นๆ ของเขาราคาก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ รสนิยมของธนดลไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

“โชคดีนะที่รวย ไม่อย่างนั้นคงหมดตัวกับค่าของใช้เหล่านี้แน่”
คนอิจฉานิดๆ เบ้ปากกับสิ่งของพวกนั้นแล้วหันมาจัดการกับตัวเอง เพราะกว่าจะไปถึงที่ทำงานก็คงจะสายกว่าทุกวัน ใช่ ตั้งแต่มาทำงานให้ลูกค้าที่เชียงใหม่เธอยังไม่เคยไปสายเลยซักวัน

หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จคุณผู้หญิงของบ้านก็เดินออกมายังระเบียง สายตามองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดที่สามีจำเป็นซึ่งนั่งจิบกาแฟอยู่ริมระเบียง อากาศยามเช้าของบ้านพักบนดอยช่างเหมาะนักกับกาแฟหอมอุ่นๆ จิบกาแฟไปพลาง อ่านหนังสือไปพลาง อาบหมอกที่ลอยผ่านมาเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปพลาง มองแสงแดดที่แผ่เป็นม่านบางๆ ลอดผ่านมาลงกระทบพื้นหญ้าและต้นไม้ มันเป็นบรรยากาศของผู้คนที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่นั่นไม่ใช่สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำงานอย่างพลับพลึง เธอไม่มีเวลามาเอ้อระเหยกับบรรยากาศงดงามอย่างนี้ เพราะที่สำนักงานยังมีงานอีกเป็นกระบุงรอให้กลับไปสะสาง พลับพลึงเดินเข้าไปหาคนที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้าในม่านหมอกสลับแสงแดดอ่อนๆ

“ขอบคุณนะคะสำหรับผ้าห่ม” เธอเอ่ยอย่างเก้อเขิน
“ไม่เป็นไร ก็แค่ผมไม่ได้ใช้แล้ว”

ธนดลยังไม่ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ที่กางอยู่ระดับสายตา เขาเลี่ยงที่จะตอบตามสิ่งที่เห็นเพราะไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเขาห่วงใย ทั้งๆ ที่เมื่อคืนนี้หลังจากที่หญิงสาวล้มตัวลงนอนได้ไม่นานเธอก็หลับไป เขาแอบหันตัวกลับมาก็เห็นว่าหญิงสาวนอนคุ้ดคู้อยู่กับหมอนข้าง ทำคอย่นตัวสั่นเทา จึงได้แบ่งปันผ้าห่มให้ใช้ร่วมกันก่อนที่ผ้าห่มผืนนั้นจะเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียวเมื่อตอนเช้ามืด เขายังเห็นใบหน้ายิ้มเพลาอย่างมีความสุขของคนที่ยังอยู่ในนิทรารมย์เลย ยังอดยิ้มกับแก้มขาวนวลไร้ซึ่งเครื่องสำอางแต่งแต้มนั้นไม่ได้ ก่อนจะละสายตาจากเธอออกมาได้ก็ต้องใช้ความพยายามพอสมควร

“งั้นหรือคะ” พลับพลึงตัดพ้อเล็กๆ แล้วเบือนหน้าหนีเสีย เพราะไม่อยากอับอายกับถ้อยคำของเขาไปมากกว่านั้น “วันนี้ฉันจะไปทำงานนะคะ” เธอบอกและไม่ได้รับคำสั่งห้ามแต่อย่างใดแถมธนดลยังเอื้อเฟื้อแม้น้ำเสียงจะราบเรียบจนน่าหมั่นไส้ก็ตามที
“เอารถที่บ้านไปก็ได้”

เพราะที่บ้านมีรถหลายคัน อีกอย่างหลายวันนี้เขาคงยังไม่คิดจะออกไปไหน
“ฉันอาจจะขอใช้รถคุณแค่วันนี้ก็พอค่ะ เพราะบริษัทมีรถให้ใช้เหมือนกัน”

“ไม่เห็นต้องยุ่งยาก ก็ใช้รถที่บ้านนี่แหละ”
ธนดลลดหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านลงเงยหน้าขึ้นมองภรรยาหมาดๆ อย่างไม่ชอบใจ ทำไมต้องมีปัญหาด้วย
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”

พลับพลึงยังปฏิเสธ เธอเองก็ไม่ชอบน้ำเสียงบังคับของชายหนุ่มเช่นกัน นี่แค่แต่งงานหลอกๆ เธอจึงไม่อยากใช้ของอะไรที่เป็นของเขาเพื่อจะให้เขาใช้เป็นข้ออ้างมาว่าเธอได้ในภายหลังเปล่าๆ

“คุณนี่ยังไงจะยอมผมซักเรื่องไม่ได้หรือไง หากใครรู้เข้าว่าสุทธิการปล่อยให้ลูกสะใภ้ใช้รถโกโรโกโสของบริษัทรู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น”
พลับพลึงอ้าปากจะประท้วงเพราะรถประจำตำแหน่งที่เธอใช้อยู่แม้จะไม่ใช่รถหรูราคาแพงลิ่วหรือรถใหม่ที่เพิ่งแล่นออกจากโชว์รูมแต่มันก็ไม่ได้เก่าถึงขึ้นจะเรียกว่าโกโรโกโส อีกอย่างชายหนุ่มยังไม่ทันเห็นรถที่เธอใช้อยู่ก็นึกมโนภาพต่อว่าเสียแล้ว แต่ก็ค้านจะเถียง จึงหุบปากลงเสีย
“ก็ได้ค่ะ แล้วนี่คุณทานข้าวหรือยังคะ”

ธนดลมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วยิ้ม อย่างน้อยก็ยังมีน้ำใจเอ่ยถาม แต่หากจะให้เขาทดลองเมนูบะหมี่ซองเหมือนที่เธอทำให้เขาทานเมื่อวานเห็นทีจะไม่ไหว
“อาหารเช้าคงใกล้เสร็จแล้ว นั่งลงสิ จะได้ทานด้วยกัน”
พลับพลึงทำหน้างงธนดลจึงบอกกล่าว

“น้อยมาถึงเมื่อเช้ามืด ผมหมายถึงแม่บ้านน่ะ”
“อ้อ” พลับพลึงพยักหน้ารับรู้

“มาพอดี” ธนดลเปรยขึ้นแล้วรอจนสาวใช้วางถ้วยข้าวต้มสองถ้วยลงเรียบร้อยเขาถึงเอ่ยแนะนำ “นี่น้อย เป็นแม่บ้านคอยดูแลที่นี่ ที่นี่มีคนงานสองคน บนเรือนเป็นหน้าที่ของน้อย ส่วนนายส่วยสามีของน้อยอยู่ข้างล่างรับผิดชอบสวน แล้วนี่ คุณพลับพลึงภรรยาฉัน” ธนดลเอ่ยแนะนำเสียงเรียบ พลับพลึงพยักหน้าทักทายแม่บ้าน แต่อีกฝ่ายสิตกตลึงตาค้างตั้งแต่ชายหนุ่มแนะนำว่าหญิงสาวคนนี้เป็นภรรยา เพราะจำได้ว่าเมื่อครึ่งปีก่อนหญิงสาวที่เจ้านายพามาค้างที่นี่นั้นไม่ใช่หญิงสาวคนนี้

“แล้วคุณ...” น้อยตั้งท่าจะถามตามประสาคนสอดรู้
“มีอะไรก็ไปทำไป อ้อ บอกนายส่วยให้เตรียมรถให้คุณพลับพลึงด้วย”

“ค่ะ”
น้อยจำใจรับคำสั่ง ทั้งๆ ที่ยังความสงสัยอยู่เต็มอก คำถามที่คิดจะถามถึงหญิงสาวสวยอีกคนที่หล่อนหมายมั่นว่าจะได้เป็นคนสนิทนั้นหายไป
“ทานสิ” ธนดลสั่งเมื่อพลับพลึงปั้นหน้าสงสัยกับคำถามค้างๆ คาๆ ของแม่บ้าน

“ถ้าเป็นไปได้ช่วงเวลานี้ผมก็ไม่อยากให้คุณออกไปทำงานหรอก” ธนดลเปรยขึ้นขณะตักข้าวต้มหมูเข้าปาก แล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามเมื่อเธอโพล่งขึ้น
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันมีงานค้างอยู่อีกมาก”

ใช่ เธอมีงานค้างอยู่อีกมาก ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนออกแบบและแก้ไขในบางส่วน จะให้หยุดงานได้อย่างไร เพราะเท่าที่ผ่านมาก็ผิดแผนมามากแล้ว จริงๆ แล้วเธอจะต้องกลับไปทำงานตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ป่านนี้ทุกคนคงกำลังวุ่นรอแบบจากเธออยู่

“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น ผมก็แค่แสดงความคิดเห็น ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็แค่จะบอกคุณว่า จะทำอะไรก็ให้คิดถึงผมบ้าง เพราะตอนนี้คุณไม่ใช่นางสาวพลับพลึงอีกต่อไปแล้ว”

พลับพลึงวางช้อนลงกับถ้วยข้าวต้มทันที รู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมาอย่างกะทันหันกับถ้อยคำเตือนสติของชายหนุ่ม ใช่ เธอยอมรับว่าบางครั้งก็ยังไม่ชินและลืมไปว่าเธอนั้นได้จดทะเบียนกับเขาไปแล้ว

“ไม่ต้องห่วงค่ะ รับรองว่า ภายในระยะเวลาที่ฉันเป็นภรรยาคุณฉันจะไม่ทำอะไรให้คุณขายหน้าแน่นอน แต่คุณก็อย่าลืมก็แล้วกันว่า เราแต่งงานกันเพราะอะไร และฉันยังต้องการวันที่จะมีอิสรภาพอีกครั้ง หลังจากที่คุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว อ้อ อีกเรื่อง เรื่องแบบบ้านของคุณ ฉันจะพยายามเร่งให้เต็มที่ค่ะ”

พลับพลึงเดินออกไปจากโต๊ะอาหารค่อนข้างฮึดฮัด เธอไม่สนใจมารยาทใดๆ ซึ่งอาการของเธอก็ไม่ได้ต่างจากธนดลที่นั่งถอนหายใจส่ายหน้าเอือมระอา และนั่นก็เป็นสาเหตุทำให้ธนดลเลิกทานข้าวต้มเช่นกัน





แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ธ.ค. 2556, 10:00:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ธ.ค. 2556, 10:00:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1553





<< พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 7   พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ี่ 9 >>
แว่นใส 25 ธ.ค. 2556, 11:51:14 น.
ใกล้ละ น่ารักจัง


phakarat 25 ธ.ค. 2556, 16:35:12 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account