รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 28 : ภารกิจค้างคา

“ตี้พร้อมจะออกไปสู้อีกครั้งแล้วค่ะ”

นิมมานกุมมือของหัวใจที่เขารู้สึกว่ากำลังอ่อนแอให้เข้มแข็งขึ้น ไม่สนสายตาใครว่าหลังจากที่เขาพาสมิตานันลงมาจะมีเครื่องคำถามบนใบหน้าของทุกคน เวลานี้เขาสนใจแค่คนข้างกายเขาเท่านั้น


เกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมาสมิตานันก็ต้องเริ่มภารกิจของตัวเอง เธอถูกทีมงานให้จดจำข้อมูลของบริเวณในระยะเวลาไม่นาน แต่ไม่ต้องจดจำนานเธอก็จำทุกอย่างได้ขึ้นใจ มันเป็นสถานที่ของเธอ ที่นี่คือบุรเขต

จากคำบอกเล่าของรวารี ที่นี่ยังไม่มีการค้นพบฐานเขตเมืองโบราณ มีแต่คำเล่าลือถึงความเฮี้ยนจัดของสถานที่กระทั่งไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามา ชาวบ้านเรียกผืนแผ่นดินอาณาบริเวณไม่เล็กตามเส้นเขตเมืองที่พวกเขาไม่รู้นี้ว่า ป่าโบราณ หลายคนที่อยากมาลองดีจะถูกเจ้าป่าเจ้าเขา และวิญญาณเจ้าถิ่นเล่นงานกันหัวโกร๋น

และอีกคำเลื่องลือระบือที่ชาวบ้านแถบนี้ยืนยันก็คือ ผืนแผ่นดินตรงนี้รอคอยการกลับมาของบางสิ่ง มันหวงห้าม และไม่ยอมให้สิ่งใดก็ตามเปลี่ยนแปลง

หญิงสาวออกมายืนนอกหลังคาบ้าน ยืนมองต้นไม้สูงใหญ่ที่ครั้งหนึ่งทีมงานเคยเจอฤทธิ์ของฬาฬีกันถ้วนทั่วเกือบเสียสติ วันนี้เธอแก้ไขเรื่องฬาฬีไปได้แล้วหนึ่ง แต่สิ่งที่เธอยังอยากรู้ก็คือ เหตุผลที่เธอกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะอะไรจึงต้องกลับมาในช่วงเวลาที่ความมืดของเบื้องหน้าดูทะมึนหมองมัว...หรือว่าเธอแก้ไขเรื่องราวในอดีตยังไม่จบสิ้น

“บางทีผมก็ตลกกับเรื่องของอดีต ปัจจุบันนะครับ” กาแฟไอร้อนแก้วกระเบื้องรสชาติละมุนด้วยครีมติดปากของสมิตานันยื่นส่งมาให้จากเด็กรุ่นน้อง หญิงสาวรับมาจิบดวงตาไม่คลาดจากสถานที่ที่เธอต้องมุ่งหน้าไป ถึงมันจะเป็นแค่ชายเขต แต่ลางสังหรณ์วันนี้ของเธอทำงานได้ระทึกจิตใจ ความหนาวเหน็บกุมแน่นตามจิตวิญญาณของเธอ รูขุมขนตื่นตัวตลอดทั้งร่าง กลัว แต่ต้องเผชิญหน้า

“อดีตมันเป็นเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะมีผลกับปัจจุบัน พุทอาจไม่อยากเชื่อว่าชีวิตมันโลดโผนโจนทะยานขนาดไหน ช่วงเวลาที่มีความสุข สุขได้ไม่นานชั่วครู่ประเดี๋ยวประด๋าว มันก็วนกลับมาจุดเริ่มต้นเหมือนๆ เดิม พี่ในตอนนี้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นคนช่วงเวลาไหน หรือถ้าแตะต้องเรื่องราวในอดีตอีกแค่สักครั้ง ทุกอย่างจะสูญหาย หรือปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปหมด”

“เมื่อสองสามเดือนก่อนผมฝันซ้ำๆ ถึงเรื่องเดิมๆ มีผู้ชายคนหนึ่งมาบอกเล่าจนผมจำได้ขึ้นใจ”

“ผู้ชาย” สมิตานันทวนคำ หัวคิ้วขมวดยุ่ง ใจสวนหนึ่งกระหวัดไปถึงคราม “เกี่ยวกับพี่เหรอ”

“เขาบอกว่าฝากมาบอกสมิตา...แม่ของเขา”

“คราม” เธอครางชื่อออกมาคล้ายละเมอ หัวใจของเธออุ่นวาบขึ้น ความปลื้มปีติกับการรับรู้ครั้งนี้ทำให้เธอยิ่งกว่าดีใจ

“ครับ เขาบอกว่าชื่อคราม และบอกให้ผมมาบอกกับพี่ตี้ว่าไม่ต้องกังวล ถ้าพี่ตี้ผ่านค่ำคืนวันวานมาได้ แก้ไขครั้งสุดท้ายสำเร็จก่อนพระอาทิตย์ขึ้นได้ พี่จะปลอดภัย”

ลมยามค่ำคืนปะทะผิวกายจนต้องกอดตัวเองไว้แน่น ความรู้สึกหลังจากรู้ว่าการแข่งขันมหาโหดทั้งหลายผ่านพ้น แต่ในความจริงขาสองข้างของเธอยังวิ่งไม่หยุดในลู่สนามแข่งนั้น และเส้นชัยที่เห็นในตอนแรกเป็นแค่กลอุบายให้เธอตายใจ

“ทำไมพุทรู้ว่าเป็นวันนี้ล่ะ”

พุทธาส่ายหน้า แต่มือกลับคำนวณอะไรบางอย่าง “จากวันสุดท้ายที่ฝันจนถึงวันนี้ครบเจ็ดสิบวันพอดี เขาบอกให้ผมบอกเรื่องนี้กับพี่ตี้ในคืนของวันที่เจ็ดสิบ”

นั่นเป็นสิ่งที่ฟังแล้วถึงกับทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาได้ ไม่ว่าพบเจออะไร เธอคงต้องตั้งสติให้มั่น และเปิดตาให้กว้างๆ เตรียมรับหน้ากับสิ่งแปลก ไม่ปกติ ก็เธอทำรายการผี จะไม่ให้เจอเรื่องเหนือธรรมชาติได้อย่างไร

แต่ยังมีอีกสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ...

“น้าดีใจที่เจอเธอ” คุณน้าของนิมมานเดินตามออกมา รอยยิ้มในใบหน้ามีปริศนาของความเหนื่อยล้าเกาะติด “น้าเชื่อว่ามันมีเมืองโบราณอยู่ตรงนั้น แต่เราหากันไม่เจอ นอกจากแผ่นหินแผ่นหนึ่ง มันมีการระบุถึงบางอย่างที่เกี่ยวพันกับเธอกับปอม”

“มันคืออะไรคะ”

“กลับออกมา เธอจะได้เห็นมัน ให้ปอมพาออกมา ขอให้ปลอดภัยนะ”

สมิตานันหวนนึกถึงวันที่เธอเคยระแวงวาฬีรแล้วนึกสะเทือนใจ เพราะให้อดีตเธอโง่งม เรื่องถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ หากในอดีตเธอจะมีปัญญา เฉลียวใจ รู้ถูกรู้ผิด ไม่ใช่โดนคนโน้นคนนี้จูงจมูก ใช้เป็นเครื่องมือยังไม่รู้ตัว เธอคงจะมีความสุขกับนิมมานยาวนาน

“ขอบคุณน้ามากนะคะ”

“กลับออกมาให้ได้ น้าเองก็ใจคอไม่ดี แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ใช่วันนี้ ทุกอย่างอาจสายไป”

“ตี้เข้าใจค่ะ...อีกอย่าง ที่น้าเข้าใจก็ถูกแล้ว ที่นี่เป็นเขตแดนเมืองโบราณจริงๆ มันคือบุรเขต” เมืองเก่าของน้าและตี้ หญิงสาวกลืนความจริงที่วารีได้ยินอาจคิดว่าเธอบ้า

“กลับออกมาให้ได้ ฉันรู้ว่าไม่ให้พกของมีคม แต่การมีอาวุธติดตัวก็ต้องดีกว่าว่าไหม” มีดพกถูกส่งให้เธอ สมิตานันรับมา ดวงตางุนงงเล็กน้อย แต่กลับมือไม้อ่อนเปลี้ย เธอรู้สึกถึงความโบราณของมัน “มีดนี่สภาพของมันเกือบสมบูรณ์ เป็นของเก่า เป็นมีดสำริด ฉันเอาไปทำมาใหม่ให้มันใช้งานได้ กลั้นใจทำเชียวล่ะ นับตั้งพบแผ่นหินนั่น เพื่อรอวันนี้”

สมิตานันรู้สึกยังอยากถอดปลอกมีดออกในตอนนี้ เลือกเหน็บไว้ด้านหลัง ถึงความรู้สึกจะน้อยนิดแต่เธอก็ขอภาวนาไม่ให้เกิดอะไรร้ายแรง อีกไม่นานจะถ่ายทำ สมิตานันถอนใจยาวเหยียดดับความว้าวุ่นในใจไม่ลงเสียที

“ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าของที่ให้ปกป้องคุ้มครองเราก่อนดีไหม”

“เป็นวิธีที่เยี่ยมมากค่ะน้า”


ในเวลานี้คนที่ว้าวุ่นใจคงมีแค่เธอ

เสียงสั่งการของผู้กำกับดังขึ้นข้างหู ให้เธอเดินสำรวจบริเวณแนวชายป่า ไม่ให้เธอไปลึกเกินไป เพราะจะง่ายต่อการพลัดหลง กล้องที่ใช้เป็นกล้องติดบนหมวก มีทั้งของเธอและของนิมมาน

ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งพระจันทร์อยู่เหนือศีรษะ สาดแสงนวลลงมาทอบนพื้นสีเขียวตะไคร่ การเดินมาเรียบเรื่อยของเธอก็ถึงกับหยุดชะงัก เธอคว้าแขนของนิมมานไว้มั่นให้อุ่นใจ

“หยุดเดินทำไมตี้” เสียงของบูรณ์สั่งมาข้างหูฟัง คนได้ยินเม้มปากแน่น เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเห็นภาพเลือนรางอย่างที่เธอกำลังได้มองผ่านตาสองข้างในตอนนี้

สมิตานันเพิ่งรู้ว่าเธอกำลังต่อสู้กับความกล้า และความกลัว ใจหนึ่งเธออยากวิ่งหนีภาพคนโบราณที่กำลังจ่อคมดาบไปที่คอของสมิตาในอดีต เธอเห็น แต่เธอกลับเดินไปต่อหรือถอยหลังไม่ได้

ผู้หญิงชุดโบราณด้วยผ้าทอสีขาวสะอาด บัดนี้ชุดเริ่มเปื้อนไปด้วยฝุ่น และเศษดิน ลนลานถอยกรูดไปชิดลำต้นไม้ใหญ่ ไม่มีใครเห็นเธอและนิมมาน และภาพตรงหน้าก็กำลังชัดขึ้นเรื่อยๆ เสียงจากบูรณ์ขาดหายไป และแสงนวลของพระจันทร์ถูกเมฆดำลอยเอื่อยมาบดบัง

ทุกอย่างตกอยู่ในความมืด แต่เธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว อ้อมแขนที่รั้งร่างเธอไว้ข้างกายเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เสียงหัวใจมั่นคงของเขาบอกว่าเธอไม่ต้องกลัวสิ่งใดในโลกนี้อีก ไม่มีอะไรให้กลัวนับจากนี้

“พวกเขาไม่เห็นพวกเราใช่ไหม”

คำพูดของเขาเรียกความสนใจจากเธอไปได้มาก การเห็นเขามองไปในทิศทางต้นไม้เดียวกันกับเธอ เฝ้ามองคนๆ หนึ่งที่ใกล้ตายลงไปด้วยคมดาบ “ค่ะ นั่นคือสมิตา”

เธอจะปกป้องชีวิตสมิตาในอดีตไม่ได้เลยเหรอ ความคิดของเธอหยุดลงที่มีดพกที่วารีให้ไว้ ถึงโอกาสจะน้อยนิด แต่ในเมื่อจะมีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นอีกสักอย่าง เธอก็ต้องขอให้มันเกิด เธอจะไม่ยอมให้สมิตาตายไปทั้งๆ ยังโง่เง่าไม่รู้ว่าโดนหลอกใช้เด็ดขาด

หากจะตายก็ขอให้ตายอย่างมีเกียรติ มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบมีดที่เหน็บไว้ข้างหลังมาถือไว้ มือใหญ่ของนิมมานรีบประกบทับมือเธอไว้อีกข้าง กอบกุมกระชับไว้มั่น ก่อนจะเป็นฝ่ายจับมีดในปลอกนั้นไปถือไว้เอง

“พี่ไม่อยากให้ตี้เสี่ยง ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น ให้พี่ทำ” สมิตานันไม่ทันเอ่ยค้านได้ เขาก็รีบถอดปลอกมีดออก ประกายมีดสีดำสะท้อนแสงแปลบปลาบ ครั้นเธอจะได้ยลความงามของมัน เสียงของบุคคลที่เธอคาดว่าไม่เห็นก็พร้อมใจกันหันมา

ปลายดาบที่จ่อคอเปลี่ยนเป้าหมายที่เธอและเขาแทบจะทันที การพบหน้าเหมือน ต่างกันเพียงเครื่องแบบทำให้พวกมันที่คลุมหน้ามิดชิดตาเหลือก ไหนจะบุคคลข้างกายของเธอ ในอาณาบริเวณเขตแดนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักนิมมาน

“เจ้านิมมาน” ดาบตกลงข้างตัวเสียงดังเคร้ง คนที่เหลือถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงท่าหมอบกันอย่างพร้อมเพรียง “ท่านอย่าฆ่าพวกข้าเลย ข้าน้อยผิดไปแล้ว”

“พวกเจ้าจะฆ่านางทำไม ใครสั่งเจ้ามา” สมิตานันเดินหน้าขึ้นอีกหนึ่งก้าว ดวงตาวาววับเอาเรื่อง เธอรู้ดีว่าการวางตัวในโลกนี้ต้องทำอย่างไร อย่างน้อยๆ เธอก็เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง “จงตอบข้า”

โชคดีที่สมิตาพอรู้หลบหลีกไปซ่อนตัว เพียงแค่หนึ่งในผู้ร้ายหันหน้าไป ร่างสั่นงันงกก็ไม่เหลือ การณ์กลับกลายเป็นว่าคนที่ตกใจกลายเป็นคนร้ายสามคน ที่ไม่น่าจะเป็นโจรทั่วไป ดีไม่ดีต้องเป้นทหารจากเมืองใดส่งมามุ่งร้ายสมิตา

“ท่านสุกรีขอรับ สมคบคิดกับคามเขต พวกมันข่มขู่ เอาลูกเมียข้าเป็นตัวประกัน ข้าไม่ทำไม่ได้”

สมิตานันยิ้มเย็น เกลียดแผนการลอบกัด ทำร้ายสายเลือดเดียวกันแบบนี้ เสียงย่างเท้ายามย่างไปบนใบไม้แห้งดังกรอบแกรบ หนึ่งในพวกมันจ้องหน้าเธอ ประกายตาบางอย่างมีแววอาฆาตอยู่ในที

และกว่าเธอจะรู้ตัว ดาบยาวก็ชี้พาดผ่านเธอ สมิตานันรู้สึกมัจจุราชเฉียดร่างเธอไปแค่เส้นยาแดง หากมือของนิมมานจะดึงเธอกลับไปแนบตัวไม่ทัน เธอไม่อยากจะคิดถึงสภาพของตัวเองเลยจริงๆ

“เจ้าต้องตาย” เสียงหัวเราะจงใจดังเหี้ยมพร้อมกัน สมิตานันกัดฟันกรอดด้วยความแค้นเคือง เธอเกือบจะโง่หลงเชื่อเอาคอไปให้พวกมันฟันเสียแล้ว

“หาที่ปลอดภัยอยู่นะตี้”

“ให้เก่งแค่ไหนก็ไม่ชำนาญสนามเท่าพวกมันหรอกค่ะ” เธอรั้งแขนเขา รั้งไว้ไม่ปล่อย จากนี้เธอจะไม่ยอมแยกจากเขาอีก แค่เสี้ยววินาที หากต้องให้เขาไปพบเจอเรื่องร้าย เธอก็จะไม่ปล่อยเขาไป

“ตายพร้อมกันไปเลยแล้วกัน”

กว่าจะรู้ตัว สมิตานันก็รู้สึกหัวหมุนติ้ว แขนของเขารั้งเอวเธอไว้แนบอก ขณะที่ร่างทั้งร่างหมุนครบรอบ เธอรู้สึกว่าเธอได้ยินเสียงดังอั้กจากพวกมัน และขายาวๆ ของนิมมานลดลงวางบนพื้น หนึ่งในสามสิ้นสติแทบเท้าของนิมมาน

เธอนึกว่ากำลังนั่งดูละครที่พระเอกนักบู๊หลุดออกมาเล่นเอง แต่พออีกสองคนตั้งท่าชูดาบเตรียมจู่โจม สมิตานันก็ลนลานจนเผลอจับนิมมานออกวิ่งไม่คิดชีวิต เธอไม่ได้อยากดูถูกฝีมือเขาหรอก แต่ให้สู้กับของมีคมยาวๆ นั่น เธอก็กลัวล่วงหน้า

นอกจากเขาจะไม่ว่า นิมมานกลับรวบเธอแนบชิดมากขึ้น หัวใจเจ้ากรรมกลับเต้นแรง เธอมีชีวิต และคนข้างๆ เธอกำลังโอบกอด ปกป้องเธอไว้ เสียงหอบหายใจของเธอจากการวิ่งหลบหลีกรากไม้ใหญ่นาน เสียงฝีเท้าหลายคู่เบื้องหลังยังดังตามมาจนกระชั้นไม่ห่าง

เธอรู้ว่าเขาจะปกป้องเธอสุดชีวิต แต่เธอก็จะปกป้องเขาเช่นกัน หากรอดต้องรอดด้วยกัน หากจะตาย ไม่ล่ะ เธอจะไม่คิดถึงความตาย สิ่งที่เธอผจญมาตลอดหลายเดือนมานี้ เธอไม่ได้มาเพื่อตายในโลกอดีต ไม่ได้มาเพื่อพาเขามาตาย ไม่ว่าโชคชะตาลิขิตอะไรไว้ หรือกำหนดว่าวันนี้คือวันตาย เธอจะขอดิ้นรนจนสุดชีวิต มาขีดขวางความรักของเธอไม่ได้เด็ดขาด

นักฆ่าร้ายคนหนึ่งพุ่งมาดักข้างหน้าคนทั้งสอง เมื่อหันกลับไปอีกคนก็ชูดาบระยะประชิดทีเดียว สมิตานันถูกยัดมีดพกอันเล็กติดมือมา ไม่ต้องสั่งพูดพร่ำใดๆ นิมมานก็กอดเธอไว้ด้วยแขนข้างเดียว อาศัยจังหวะหนึ่งพากันก้มลงต่ำหลบวิถีการโจมตีของพวกมัน โชคดีที่ทั้งคู่มีความมืดเป็นเพื่อน นิมมานจึงกวาดขาไปบนพื้นสกัดขาหนึ่งในพวกมันจนล้มหน้าคว่ำได้สำเร็จ สมิตานันไม่อยากเป็นตัวถ่วง เธอรีบชิงดาบที่หลุดมือส่งให้นิมมาน และตัวเองจัดการเอามีดพกจ่อคอหอยคนที่ล้มลงไป

“อย่าแม้แต่จะคิดขยับ ไอ้คนสารเลว” สมิตานันกัดฟันพูด โถมตัวนั่งทับคนตรงหน้า ยอมทุ่มสุดตัวไม่ให้ตัวเองไปถ่วงการล้มคว่ำตัวหัวหน้าของมันอีกหนึ่ง

พยายามปรับสายตาในความมืดกราดมองหาเถาวัลย์ มือข้างหนึ่งยังใช้มีดจ่อ “เจ้าเป็นใคร ทำไมหน้าตาถึงเหมือนกับเจ้านางสมิตา”

โชคดีที่ดูเหมือนคนตรงหน้าไม่ได้ดิ้นรนในการหนี ปล่อยให้เธอมัดมือด้วยเถาวัลย์อย่างง่ายดาย

“อยากรู้ไปทำไมยังไงก็จะฆ่าเขา”

“ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้านางเดินทางไปยังสุวรรณศรี ที่นั่นไม่มีวันเหมือนบุรเขต”

สมิตานันสงสัยได้ไม่เท่าไหร่ ร่างอีกร่างก็สลบเหมือดโยนมาข้างกับคนที่เธอจับมัด ใบหน้าใต้ผ้านั่นเธอไม่คุ้นเคย สมิตานันถูกนิมมานพยุงให้ลุกขึ้น เป็นเขาที่ดึงผ้าปิดหน้าคนร้ายออก

ใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏชัดในสายตา แม้แต่เธอยังเผลอร้องเรียกชื่อเขาเสียงหลงอย่างผิดคาด

“รักษ์”

......................................................
หายไปหลายวัน เอาตอนใหม่มาฝากค่า นักเขียนคนนี้ชอบเปิดประเด็นพิกล ฮา เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เล่าตอนที่ตี้กลับมาจากอดีต

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ นางเอกเรื่องนี้ก๋ากั่นเอาโล่ แต่ตอนนี้อาจก๋ากั่นไม่ออกค่ะ แต่พี่ปอมยังคงความหล่อได้อยู่

คุณ ameerah ให้พี่ปอมน่ารักแบบซึนๆ ไป พอหายซึนก็เลยกลับมาเป็นพี่ปอมคนเดิม แต่จะเหมือนเดิมจริงเหรอ ลุ้นต่อไป

คุณ konhin อันนี้เลยพาออกบู๊เลยค่ะ พี่ปอมพูดน้อยเตะหนัก ฮา

คุณ mhegjhy ไว้รอดูปอมหึงเนอะ ฮา ลดความซึน ดึงความหวาน ปิดด้วยอาการขี้หวง ^o^

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า เรื่องนี้มาหลังๆ สปีตเริ่มตก ทั้งที่ใกล้จะจบ อยู่ด้วยกันมาจะเดือนครึ่งแล้วค่า ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ธ.ค. 2556, 22:14:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ธ.ค. 2556, 22:14:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1467





<< บทที่ 27 : ความรักที่รอคอย   บทที่ 29 : โรคคิดถึง >>
konhin 13 ธ.ค. 2556, 23:01:36 น.
ฮ่าๆๆ เริ่มงง


นักอ่านเหนียวหนึบ 14 ธ.ค. 2556, 21:09:02 น.
แง้วววว
อ่านตอนพี่ปอมออกโหมดบู๊ แล้วไม่เเข้าใจอ่าคะ ไรเตอร์
นึกภาพไม่ออก ถึงออกก็ไม่ชุด ต้องจินตนาการเองง่ะ
แล้วก็ งง จิงๆ ด้วยยย
555
แว้บไปอ่านต่อก่อนน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account