เพียงขวัญ
ประก๊าศประกาศ
นิยายเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้ว และผู้เขียนก็จะอัพให้ผู้อ่านที่น่ารักทุกคนได้อ่านจนจบ แต่จะมีการทยอยลบตอนต้นๆ ออก เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19/05/57 เป็นต้นไป
และตอนจบจะลงให้อ่านแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นนะคะ ^_^หลังจากนั้นจะลบทันทีจ้า
จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน

บุคลิกอย่างนี้! หน้าตาอย่างนี้! อาชีพอย่างนี้! แถมชื่อที่บ่งบอกอย่างนี้! ไม่แมนชัวร์ 100% 'ปราณปริยา' หญิงสาวที่โดนเกย์หลอกจนเกือบจะแต่งงานกันมาแล้วฟันธง
Tags: เกย์,แมน,เข้าใจผิด

ตอน: ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

หนึ่งเดือนต่อมา

Pahlikhit Wedding Studio (ฟ้าลิขิตเวดดิ้งสตูดิโอ) ร้านเวดดิ้งที่กำลังเติบโตและก้าวหน้าจากการบริหารของลูกชายคนเล็กของตระกูล ‘ศักดินนท์’ ที่รับช่วงกิจการตามความต้องการของคนเป็นแม่ เพราะลูกชายอีกสามคนไม่ชอบงานด้านนี้เอาเสียเลย บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันไม่ใช่งานของผู้ชาย จึงหันไปรับช่วงกิจการอื่นๆ ของครอบครัวแทน ดีที่ลูกชายคนเล็กไม่ขัดข้อง และเป็นอะไรที่โชคดีมากที่ชายหนุ่มไม่ได้รับช่วงกิจการเพราะรักแม่ต้องการตามใจแม่ แต่รับช่วงกิจการเพราะใจรักล้วนๆ ซึ่งสร้างความภูมิใจให้คนเป็นแม่จนขึ้นแท่นเป็นลูกรักหัวแก้วหัวแหวนประจำบ้าน

และยิ่งตอนนี้กิจการเจริญรุ่งเรือง คิวจองจากลูกค้ามีไม่ขาดช่วงและยิ่งช่วงเดือนไหนฤกษ์งามยามดีละก็คิวจะแน่นเป็นพิเศษ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะฟ้าลิขิตเวดดิ้งมีทีมงานเกือบร้อยชีวิต ทีมออแกไนเซอร์ที่พร้อมรองรับความต้องการของคู่รักที่มาใช้บริการ

วันนี้ก็ไม่ต่างไปจากทุกวันที่มีคู่รักหลายคู่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่จะตัดสนใจเซ็นสัญญาอย่างไม่มีปัญหา เพราะได้ในสิ่งที่ต้องการและถูกใจแถมราคาแพ็คเกจก็สมเหตุสมผล ไม่ต่างกับคู่รักร่วมเพศคู่หนึ่งที่มาใช้บริการฟ้าลิขิตเวดดิ้งจากคำแนะนำของคนรู้จัก

ทั้งสองยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างที่คู่เกย์หลายๆ คู่ที่บินไปจดทะเบียนสมรสกันที่ต่างประเทศเพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ทั้งคู่อยากจัดงานงานแต่งงานและงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ เน้นความสนุกสนาน แขกไม่มากมายมีแค่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและคนสนิทเท่านั้น ซึ่งทางร้านก็ยินดีจัดงานให้คู่รักทุกเพศ ไม่ว่าคู่รักชายหญิง หญิงรักหญิง หรือชายรักชาย ทุกคู่ล้วนมีความรักที่มีต่อกันและเป็นดั่งเนื้อคู่ที่ฟ้าลิขิตมาแล้ว ดังนั้นเรื่องเพศจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับการแต่งงาน

สรัลที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์พอดีได้ต้อนรับคนทั้งคู่ ไม่รู้เพราะการต้อนรับหรือหน้าตาที่เรียกได้ว่าถูกใจเก้งกวางเป็นพิเศษทำให้หนึ่งนั้นออกปากเลยว่าต้องการให้สรัลเป็นผู้ให้คำแนะนำการวางแผนจัดงานในครั้งนี้ ถ้าเป็นคนอื่นสัญญาอาจจะปิ๋ว หนุ่มหล่อแต่ไม่แมนขู่อย่างนั้นเลย ซึ่งสรัลเองก็ไม่ขัดข้องและทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นทาง ร้านถูกจองคิวและได้สัญญามาตามคาด

“หวังว่าวันนัดพวกเราจะได้เจอคุณอีกนะครับ”

“แน่นอนครับ” สรัลยิ้มรับและไม่ได้ทำท่าทีรังเกียจกับการถึงเนื้อถึงตัวของลูกค้าหนุ่มที่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากไปกว่าการลูบต้นแขนและไหล่

ผิดกับสุดารัตน์ที่ยืนมองอดขนลุกขนชันแทนไม่ได้ แม้จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครกล้ายืนยันว่าเจ้าของร้านสุดหล่อหน้าหวานเกินไปนิดสำหรับผู้ชายอย่างสรัลเป็นชายแท้หรือเกย์ เพราะสมัยนี้เหมาะจริงๆ กับคำว่า ‘อยู่ยาก’ ไอ้ที่เราดูด้วยตาเปล่าแล้วว่าใช่แน่ๆ มันก็ไม่ใช่ แต่ไอ้ที่อ้วน ล่ำ หน้าอย่างโหดเฟิ้มไปด้วยหนวดเคราดูอย่างไรก็ไม่ใช่ แต่ที่ไหนได้เก้งกวางทั้งนั้น แม้แต่เธอเองที่ทำงานอยู่ที่เวดดิ้งสตูดิโอแห่งนี้มานานและชายหนุ่มให้ความสนิทสนมในระดับหนึ่งก็ยังไม่กล้าฟันธง เพราะบางครั้งสรัลก็ดูมาดแมนเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ก็มีบางท่วงท่าที่ดูจะตุ้งติ้งไปนิด

“คุณขวัญนี่เสน่ห์แรงนะคะ เอาซะอยู่หมัดเลย”

“ถ้าแรงกับลูกค้าแล้วทำให้คุยงานง่ายแบบนี้ ผมอยากให้มีบ่อยๆ ด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มบอกเสียงกลั้วหัวเราะทีเล่นทีจริง คนจะเดาเลยเดาไม่ถูกเลยว่าเขาชื่นชอบการล่วงเกินจากลูกค้าเมื่อครู่จริงๆ หรือจำยอมในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นลูกค้า

“ลูกค้าคู่เกย์นี่หรือคะ” สุดารัตน์ถามหน้าแหยๆ

“สำหรับผมลูกค้าแบบไหนไม่เกี่ยงอยู่แล้ว” พูดจบก็ยกข้อมือขึ้นมาพลิกนาฬิกาดูเวลาแล้วล้วงมันกลับไปที่กระเป๋ากางเกงตามเดิม ก่อนจะสั่งงานแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคารที่เป็นห้องทำงานส่วนตัวเหมือนทุกครั้งเมื่อใกล้เวลาจะปิดร้าน

“คุณสุรบกวนให้คนรายละเอียดแผนงานของลูกค้าที่เซ็นสัญญาของวันนี้ไปให้ผมด้วยนะครับ”

“ได้ค่ะ”

ร่างบางในชุดฟอร์มของร้านเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ นั่งได้ไม่ถึงห้านาทีประตูหน้าร้านก็เปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของลูกค้าผู้ชาย มาคนเดียวด้วย

สุดารัตน์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ไม่บ่อยนักหรอกที่คู่กำลังจะแต่งงานฝ่ายชายจะเป็นคนมาร้านเวดดิ้งเพียงลำพัง เพราะส่วนมากจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า ครั้งแรกอาจจะมาด้วยกันทั้งคู่เพื่อร่วมกันตัดสินใจในหลายๆ อย่าง แต่หลังจากนั้นถ้าว่าที่เจ้าบ่าวไม่ว่างก็เป็นว่าที่เจ้าสาวที่เทียวไปเทียวมาที่ร้านตามนัด เพื่อมาตัดสินใจในรายละเอียดปลีกย่อยอื่นตามลำพังหรือไม่ก็มีญาติหรือเพื่อนสาวมาช่วยตัดสินใจ แต่ว่าหนุ่มรูปหล่อคนนี้น่าจะอยู่นอกเหนือจากทุกข้อที่กล่าวมา เพราะเธอความจำดี จำลูกค้าได้ค่อนข้างมั่นยำจึงมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งมาที่ร้านนี้เป็นครั้งแรก

“พี่สุคะ คุณผู้ชายท่านนี้บอกว่ามาติดต่อขอพบคุณขวัญน่ะคะ” เด็กในร้านที่เดินเข้าไปต้อนรับเดินมารายงานและความสงสัยแรกของสุดารัตน์ก็เป็นอันกระจ่าง

“งั้นเดี๋ยวพี่จัดการเองจ๊ะ” เธอหันมายิ้มและเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปหาแขกหนุ่มแล้วถามอย่างนอบน้อมว่า “นัดไว้หรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับ บอกว่าเวธน์มาหาแล้วกันนะครับ”

“ได้ค่ะ เชิญคุณเวธน์นั่งรอสักครู่นะคะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับยิ้มๆ แล้วเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาสีขาวหน้าเคาน์เตอร์เมื่อพนักงานสาวผายมือเชื้อเชิญแล้วเดินกลับไปต่อสายหาคนที่เขาต้องการพบ

เวธน์หยิบหนังสือและอัลบั้มพรีเซนต์งานของร้านมาเปิดดูคร่าวๆ แล้ววางกลับที่เดิม ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านที่ใหญ่โตและกว้างขวางเกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ การตกแต่งภายในร้านเน้นสีขาวเป็นหลัก และเกือบทั่วทุกมุมร้านที่เด่นสะดุดตาทั้งที่มองจากภายในและภายในจะมีหุ่นผู้หญิงใส่ชุดเจ้าสาวในแบบต่างๆ ตั้งโชว์อยู่

“คุณขวัญให้มาเรียนว่ากำลังจะลงมาพบค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มที่กำลังพิจารณาภายในร้านหันมายิ้มพร้อมกับขอบคุณ ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วร้านไวๆ อีกรอบแล้วลุกขึ้นเดินไปเกาะที่เคาน์เตอร์ชวนพนักงานสาวคุยฆ่าเวลา

“คุณทำงานที่นี่มานานหรือยังครับ”

“ประมาณหกเจ็ดปีได้แล้วมั้งคะ”

“เจ้านายคุณเคยพาแฟนมาที่ร้านบ้างไหมครับ” เขาโน้มตัวข้ามเคาน์เตอร์ไปถามหญิงสาวเบาๆ แล้วอมยิ้มรอฟังคำตอบ

“ไม่เคยเห็นนะคะ ที่เห็นมาบ่อยๆ ก็มีแต่คุณฟ้าคุณแม่ของคุณขวัญเท่านั้นแหละค่ะ”

“ไม่มีเลยเหรอ” ชายหนุ่มเหมือนพูดคนเดียว สุดารัตน์เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แขกของเจ้านายแล้วก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อพลางสงสัยไปว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ทำไมต้องมาถามเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเจ้านายเธอด้วย

“เจ้านายคุณเป็นเกย์หรือเปล่านี่” จู่ๆ ชายหนุ่มก็ถามในสิ่งที่เธอเองและพนักงานหลายๆ คนสงสัยขึ้นมา สุดารัตน์อ้ำๆ อึ้งๆ มองดวงตาที่ฉายแววขี้เล่นเต้นระริกรอคำตอบแล้วส่ายหน้า

“ไม่มั้งคะ…ไม่รู้…ไม่แน่ใจ…เอาเป็นว่าดิฉันไม่ขอตอบแล้วกันนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ค่ะ”

“ว้า! ไม่สนุกเลย” เวธน์แกล้งบ่นพลางซบหน้าลงบนแขนที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์เมื่อพนักงานสาวไม่ยอมเล่นด้วย

“ไม่สนุกอะไรวะ” เสียงทักจากคนที่กำลังเดินลงบันได ทำให้คนที่กำลังเบื่อเงยหน้าแล้วยืดตัวขึ้นยืนพร้อมกับเปิดยิ้มกว้าง

“คุณชายขวัญกว่าจะเสด็จได้นะ รอจนเมื่อยแล้วนี้” ชายหนุ่มทักทายพร้อมกับเดินเข้าไปตบไหล่กว้างของเจ้าของร้านหนักๆ

“ก็อยากมาแบบไม่บอกไม่กล่าวทำไมล่ะ ว่าแต่แกกลับมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ครอบครัวของเวธน์มีกิจการโรงแรมทั้งที่กรุงเทพ เชียงใหม่ และตามจังหวัดอื่นๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ บางครั้งเวธน์จะต้องเดินทางไปดูโรงแรมในเครือตามต่างจังหวัดบ่อยครั้ง

“สองสามวันแล้วล่ะ”

“คิดยังไงมาหาฉันที่ร้านวะ”

“คิดถึง” สิ้นคำว่า ‘คิดถึง’ กำปั้นใหญ่ๆ ของสรัลก็ชกเข้าที่แก้มสากของเวธน์เบาๆ เป็นการหยอกและเตือนไม่ให้พูดคำที่ชวนให้คิดไปไกลพร้อมกับถลึงตาใส่

แต่เวธน์ที่ชินชาและชอบล้อเลียนเพื่อนหน้าสวยเกินชายมาแต่ไหนแต่ไรจนทำให้คนเข้าใจผิดมานักต่อนักแล้วกลับหัวเราะชอบใจ ก็มันสนุก

“ก็แวะมาดูร้านแกไง ร้านใหญ่โตกว้างขวาง สวยเหมาะกับคนสวยๆ อย่างแกดี ใช่ไหมจ้ะ” ไม่เพียงน้ำเสียงตอนท้ายจะยังล้อเลียนเจ้าของร้านหน้าสวยไม่เลิก เวธน์ยังเดินยังยื่นมือไปเขี่ยแก้มที่ใสเกินชายของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ทำเอาสรัลที่เริ่มจะรำคาญกับการเล่นไม่เลิกของเพื่อนรัก จึงรีบปัดมือใหญ่นั่นออกแล้วกระซิบเสียงเข้มว่า

“กูชักจะรำคาญแล้วนะโว้ย มาทำไมไม่มีธุระก็กลับบ้านไป กูจะทำงาน”

“คำพูดกับหน้าตาขัดกันอย่างแรงว่ะ หน้าสวยๆ พูดกูพูดมึง” เวธน์ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะยิ้มๆ แหยๆ เมื่อสรัลไม่เล่นด้วยแล้วจริงๆ

“ไอ้เวธน์!”

“เอ่อๆ เลิกล้อเล่นแล้ว มีเรื่องจะปรึกษา ไปคุยกันที่ห้องทำงานแกดีกว่า ตอนนี้รู้สึกเด็กในร้านแกเริ่มจะจ้องแบบแปลกๆ” เขาพยักพเยิดให้เจ้าของร้านมองพนักงานสาวๆ ในร้านที่แอบปรายตามองแล้วรีบก้มหน้าเดินหลบหรือไม่ก็แสร้งทำงาน เมื่อเขาหันไปมอง

“เพราะแกไม่ใช่เหรอไง” สรัลทำเสียงจิ๊จ๊ะถลึงตาดุใส่ก่อนจะเดินมาหาสุดารัตน์ “คุณสุครับงานที่ผมสั่งให้เอาขึ้นไปให้ก่อนหน้านี้เสร็จยังครับ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวผมเอาขึ้นไปเองเลยดีกว่า”

“นี่ค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับแฟ้มงานเสร็จก็หมุนตัวเดินนำเวธน์ไปที่ห้องทำงาน และทุกกิริยาท่วงท่าของแขกหนุ่มกับเจ้าของร้านก็ไม่ได้คลาดจากสายตาของพนักงานในร้านแม้แต่น้อย ทุกคนที่เดินผ่านมาเห็นการพูดคุยหยอกล้อของทั้งคู่ต่างอดไม่ได้ที่จะแอบมองและคิดไปต่างๆ นานา

“พี่สุว่าคนคนนี้เป็นอะไรกับคุณขวัญ” พนักงานสาวในร้านคนหนึ่งที่แอบมองสองหนุ่มอยู่นานถลาเข้ามาเกาะเคาน์เตอร์ถามสุดารัตน์อย่างสงสัยอย่างแรง

“ไม่รู้สิ เพื่อนมั้ง…” สุดารัตน์ตอบไม่เต็มเสียงนัก เมื่อในจังหวะที่ทั้งคู่จะลับสายตาจากคนด้านล่าง เวธน์โอบไหล่ของสรัลเข้าไปใกล้ๆ แล้วก้มกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างพร้อมกับรอยยิ้มมีเลศนัย “หรือไม่ใช่”

“นั่นสิ เหมือนคู่รักกันเนาะ” พูดเองก็ตกใจเองรีบยกมือขึ้นตะครุบปากราวกับกลัวว่าจะโดนเจ้าตัวมาได้ยิน “ใกล้จะปิดร้านแล้วขอไปเก็บงานก่อนนะคะ” สุดารัตน์พยักหน้า ว่าแล้วเธอคนนั้นก็ผลุบหายไปอย่างรวดเร็ว

สุดารัตน์เงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนอีกครั้งแล้วถอนหายใจพลางส่ายหน้า เธอเองก็คิดไม่ต่างกันว่าเวธน์อาจจะเป็นแฟนของสรัล ก็เพื่อนผู้ชายแมนๆ ที่ไหนจะมายืนเขี่ยแก้มกันเล่น โอ้ววว…ไม่อยากคิด เสียดายของจริงๆ แล้วต่อไปผู้หญิงจะหาสามีได้ไหมนี่ ผู้ชายเล่นกินกันเองแบบนี้

*****************************************
เวียนมาบรรจบพบกันอาทิตย์ละครั้งนะคะสำหรับเรื่อง “เพียงขวัญ” ไม่รู้ว่าได้บอกไปหรือยังแต่เพื่อความชัวร์ เดี๋ยวจะมีการโอดครวญตามมาว่าไม่แจ้งกันก่อน สิ่งที่อยากจะบอกคือเหมือนเดิมค่ะเรื่องนี้อัพแค่ 70% นะคะ ^^
และเป็นเรื่องที่แต่งไปอัพไปยังไม่จบ และยังไม่ได้คิดว่าจะส่งสำนักพิมพ์ไหนดี (คิดไม่ออกแนะนำได้ค่ะ 555) ถ้าผู้แต่งผิดพลาดเรื่องข้อมูลหรือเรื่องอะไรก็ตามสามารถติติงหรือแนะนำได้เลยนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกการติดตามนะคะ ( ^_/\_^ )
เกศมณี
16/12/56 (ขอให้ทุกคนโชคดีในวันหวยออกนะคะ อิอิอิ)



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ธ.ค. 2556, 13:03:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ธ.ค. 2556, 13:03:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 2167





<< บทนำ   ตอนที่ 2 >>
แว่นใส 16 ธ.ค. 2556, 19:02:19 น.
ช่างแกล้งนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account