ร้อยกลร้าย ร่ายมนตร์รัก
หลังสูญเสียภรรยาด้วยเหตุการณ์เลวร้าย ชีวิตพ่อม่ายลูกติดผู้มีบาดแผลหัวใจฉกรรจ์ก็เหมือนถูกคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ
ที่แย่กว่านั้นคือการมีผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า "น้องเมีย" เข้ามานอนร่วมเตียง!

เมื่อ ‘ปลายฝน’ พี่สาวฝาแฝดเสียชีวิต ‘ปลายฟ้า’ จึงตั้งใจทำตามคำขอครั้งสุดท้าย นั่นก็คือการเลี้ยงดู ‘หนูน้ำค้าง’ บุตรสาววัยสามขวบและสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดคือการเป็นภรรยาของ ‘พ่อเลี้ยงธนารุจ’ เจ้าของไร่องุ่นธนารุจผู้เป็นพี่เขย
Tags: รัก,ร้าย

ตอน: บทที่ 1 ภาพในอดีต

บทที่ 1

“คนเก่ง อาบน้ำเสร็จหรือยังเอ่ย”
เสียงแจ่มใสร้องเรียกอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ หลังจากปล่อยให้เด็กน้อยเข้าไปอาบน้ำด้วยตัวเอง แต่เธอแง้มประตูไว้แล้วยืนเฝ้า
“น้ำค้างอาบน้ำเสร็จแล้วค่า แม่จ๋า” หนูน้อยที่มีผ้าขนหนูพันตัวจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่เดินดุ๊กๆ ออกมาจากห้องน้ำแล้วยิ้มหวาน
ปลายฟ้ายิ้มกว้าง น่าเอ็นดูจริงๆ หลานน้า เธอเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้หนูน้อย ก่อนจะสรรหาเสื้อผ้าสีสดใสมาสวมใส่ให้ เป็นชุดกระโปรงฟูฟ่องราวเจ้าหญิงสีชมพูหวาน ใส่แล้วน่ารักขึ้นเป็นกอง ลูกของพี่ปลายฝนน่ารักน่าชังอะไรอย่างนี้นะ
“แม่จ๋าทำไมแม่จ๋าใส่ชุดดำ”
“เอ่อ...” ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเล็กใสก็ถามอีก
“พ่อจ๋าก็ใส่ชุดดำ”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก” ปลายฟ้ารู้สึกว่าตัวเองบกพร่อง โกหกเด็กไม่เก่งเอาเสียเลย
“น้ำค้างอยากใส่ชุดดำเหมือพ่อจ๋ากับแม่จ๋า”
“ไม่เอาลูก ใส่ชุดนี้ดีกว่า สวยมากๆ เลย เดี๋ยวออกไปข้างนอกย่าจ๋าต้องชมน้ำค้างแน่ๆ เลย น้ำค้างอยากให้ย่าจ๋าชมไหมคะ” ปลายฟ้าเริ่มปะเหลาะเด็กได้บ้าง หลังจากนึกคำพูดอยู่นานพอดู
“ค่าแม่จ๋า น้ำค้างอยากให้ย่าจ๋าชมว่าฉวย”
“ถ้าอย่างนั้น ลงไปกินข้าวกัน ไป!” หญิงสาวทำท่าร่าเริง จูงมือลูกน้อยที่เดินไปกระโดดไป เริงร่าตามมารดาด้วยอีกคน เธอแกว่งแขนที่จูงมือเล็กป้อมขึ้นสูงเพื่อเพิ่มจังหวะสนุกสนาน
“หน้าเดิน ขวา ซ้าย ขวา...” เสียงให้จังหวะเงียบลงทันทีที่เจอสายตาตลกปนสงสัยมาจากทุกคน ตั้งแต่คุณคคนางค์ที่นั่งหัวโต๊ะ ตาหน้าโหด รวมถึงคุณแม่บ้านจวงจันทร์ กับหลานสาวมธุรดาด้วย
“เล่นอะไรกับลูกจ๊ะหนูฟ้า” คุณคคนางค์ส่งเสียงเอ็นดู ฉายยิ้มให้กับน้องสาวของสะใภ้ที่ก้าวเข้ามาดูแลหลานสาว ทำให้เธอหมดห่วงเรื่องสภาพจิตใจของหนูน้ำค้างไปเปราะหนึ่ง
“เอ่อ...ฟ้าพาลูกเดินมาทานข้าวค่ะ” เธอตอบพลางทำหน้าปูเลี่ยน พาลูกก้าวดึ๊บๆ ตรงไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับคนหน้านิ่ง คนอื่นตลกกับท่าทางของเธอแทบตาย เห็นจะมีเขาคนเดียวที่นั่งนิ่งยังกับรูปปั้นในพิพิธภัณฑ์
“หนูน้ำค้างตื่นเต้นใหญ่เลย หนูฟ้านี่เข้าใจเล่นกับลูกนะ” ประมุขของบ้านชื่นชม
“ฟ้าไม่เคยเลี้ยงเด็กก็เลยพยายามฝึกฝนค่ะแม่นาย”
“เรียกแม่นายดูจะยังไงๆ อยู่นะ เมื่อวานก็ตะหงิดในใจแต่ไม่ได้บอก เอาอย่างนี้ดีกว่า หนูฟ้าเรียกว่าแม่อย่างที่หนูฝนเคยเรียกดีกว่านะจ๊ะ” หญิงสูงวัยเคยเอ็นดูปลายฝนอย่างไร ก็เอ็นดูปลายฟ้าอย่างนั้น หญิงสาวสองคนเหมือนกันมากจนแยกไม่ออก หากไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนั้นเกิดขึ้น เธอคงคิดว่าผู้หญิงหน้าตาสะสวย ผิวพรรณผุดผาดตรงหน้าคือปลายฝน ลูกสะใภ้ของเธอ
“เอ่อ...จะดีหรือคะ” หญิงสาวอ้ำอึ้ง ไม่ใคร่สะดวกใจนัก การเรียกอย่างกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกันจะทำให้มีคนครหาเพิ่มมากขึ้น ป่านนี้ทั้งคนงานในไร่ ทั้งญาติสนิทมิตรสหายของธนารุจคงเข้าใจผิดไปหมดแล้วว่าเธอก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ของคคนางค์
“ไม่ดี!” ธนารุจตอบแทน สีหน้าไม่พอใจ ปรายตามองหญิงสาวแวบหนึ่งอย่างชังน้ำหน้า เท่าที่ให้อยู่ที่นี่ต่อไปก็มากเกินพอแล้ว ได้คืบจะเอาศอก เขาพาลพะโลโดยไม่ได้ดูเลยว่าข้อเสนอนี้ มารดาเป็นผู้เอ่ย มิใช่ปลายฟ้า
“ตารุจ!” มารดาปรามเสียงเขียว
“เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเรา ทำไมต้องให้เรียกอย่างสนิทสนมด้วยล่ะ”
คำพูดห่างเหินทำให้คุณคคนางค์ถอนหายใจเฮือก แม้แต่แม่บ้านอย่างจวงจันทร์ยังอดหันไปส่ายหน้ากับหลานสาวไม่ได้ ทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังนัก ทั้งๆ ที่ปลายฟ้าหน้าตาเหมือนเมียตัวเองแท้ๆ
“ทำไมจะไม่เป็น เมื่อคืนแกไม่ได้นอนกับหนูฟ้าหรือยังไง”
คำพูดลึกซึ้งทำให้ปลายฟ้าหน้าแดงจัด ดวงตากลมโตเหลือบมองนายหน้าโหดแวบเดียวแล้วงุดลง สาวบริสุทธิ์อย่างเธอย่อมเขินอายเป็นธรรมดา
ฝ่ายชายหนุ่มเบิกตากว้าง ตกใจจนทำหน้าทำตาไม่ถูก ก่อนจะตีหน้าขรึมจัด
“ที่ต้องนอน...เอ่อ...ทำอย่างนั้นเพราะต้องการทำตัวเป็นปกติให้น้ำค้างเห็นเท่านั้นนะครับคุณแม่ มีน้ำค้างนอนคั่นกลางตลอดทั้งคืน เราไม่ได้มีอะไรกันนะครับ”
ก็ไม่แน่หรอก ต่อไปอาจจะมีก็ได้
คุณคคนางค์วาดหวัง ปลายฟ้าเปรียบเสมือนนางฟ้าใจดีที่ก้าวเข้ามาในช่วงชีวิตที่ย่ำแย่ของธนารุจ หากทั้งสองคนลงเอยกันได้ ลูกชายก็จะไม่เศร้าโศกตรอมตรมอยู่ในห้วงทุกข์เนิ่นนาน ส่วนหลานสาวก็จะมีแม่จริงๆ อย่างสมบูรณ์แบบ
“เอ่อ...เราพูดกันขนาดนี้ น้ำค้างจะรู้เรื่องไหมคะ” ปลายฟ้าอดสงสัยไม่ได้ เห็นหนูน้อยไม่ได้ใส่ใจผู้ใหญ่ นั่งพูดหงุงหงิงๆ กับตุ๊กตาตัวโปรด ไม่รู้ว่าจะรู้ความหรือเปล่า
“ไม่รู้เรื่องหรอกจ้ะ ถ้าไม่มีใครคุยด้วย แกก็ไม่สนใจฟัง หรืออาจจะจับความได้แค่บางคำเท่านั้น แกจะคุยกับเพื่อนอย่างที่เห็นนั่นแหละ” คุณคคนางค์บอกหญิงสาว ปลายฟ้าถอนหายใจอย่างโล่งอก หากรู้ความล่ะก็...คงตกใจแย่
“จะมาดูแลน้ำค้าง แต่ไม่รู้เรื่องสักอย่าง” ธนารุจค่อนขอดต่ออย่างไม่ไว้หน้าใคร
“เอาอีกแล้วนะตารุจ หนูฟ้าเพิ่งมาอยู่ได้วันเดียว จะให้เลิศเลอเฟอร์เฟกต์ได้ยังไงกัน ของอย่างนี้ก็ต้องเรียนรู้กันก่อน” ผู้เป็นมารดาปรามลูกชาย ก่อนจะหันไปขอโทษขอโพยหญิงสาว “แม่ขอโทษแทนตารุจด้วยนะหนูฟ้า อย่าถือสาเลยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ปลายฟ้ายิ้มฝืดๆ ส่งให้ เธอชักจะชินเสียแล้ว
ธนารุจแสดงอาการไม่พอใจ หน้าตาโกรธจัด เขาลงมือกินข้าวโดยไม่รอให้คุณคคนางค์เป็นผู้ลงมือก่อนดังเช่นทุกครั้ง แต่ได้เพียงคำเดียวก็ต้องชะงัก เมื่อหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ชักจะบานปลายไปกันใหญ่
“ตกลงหนูฟ้าเรียกแม่ว่าแม่นะจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่” ถึงจะอยากปฏิเสธอีกรอบแต่ก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจผู้ใหญ่ ท่านอุตส่าห์ปรานี ไม่คิดอกุศลหาว่าเธอเข้ามาจับพี่เขยเพื่อหวังเป็นนายหญิงของไร่ธนารุจอย่างที่ใครบางคนคิด
“อดีตมีไว้ให้เราเลือกจดจำแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็ทิ้งไปเสีย” คุณคคนางค์เปรยลอยๆ หวังใจให้กระทบเข้าไปในโสตประสาทของลูกชาย ผู้ทุกข์ตรมอยู่กับอดีตอันปวดร้าวบ้าง ก่อนจะจูงเข้าประเด็น “แม่เลยคิดว่าจะให้หนูน้ำค้างเรียกหนูฟ้าว่า แม่ฟ้าจ๋า ดีไหมลูก”
จะดีหรือ...แค่เรียกแม่ของเขาว่าแม่ ตาหน้าโหดก็แทบจะหักคอตาย ขืนให้ลูกเปลี่ยนมาเรียกเธอเสมือนเป็นแม่จริงๆ ไม่ถูกฆ่าหั่นศพหรือ
ปลายฟ้าคิดอย่างสยดสยอง แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเขาโพล่งขึ้นมาเสียงเครียด
“ไม่ได้! น้ำค้างมีแม่แค่คนเดียวชื่อปลายฝน”
“โอเคๆ ตารุจ” คุณคคนางค์เห็นท่าทางของลูกชายดูเครียดจนขบกรามแน่นเป็นสันนูนก็เป็นห่วง จึงไม่คาดคั้นเอาแต่ใจต่อ กลัวว่าจะต้องเสียลูกชายไปอีกคน
“แม่ว่าเราทานข้าวกันดีกว่านะน้ำค้าง” ปลายฟ้าแก้สถานการณ์เครียดขึงด้วยการหันมาฉอเลาะกับลูกสาวแทน
“ทานข้าว ทานข้าว”
หนูน้อยตื่นเต้น ไม่มีวี่แววเบื่ออาหารเหมือนเด็กคนอื่นๆ เลย พี่ปลายฝนเลี้ยงลูกดีเหลือเกิน แต่เธอก็สัญญาว่าจะเลี้ยงน้ำค้างให้ดีทัดเทียมกัน พี่สาวจะต้องไม่ผิดหวังที่ฝากลูกไว้กับเธอ
พี่ปลายฝนเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารที่สุด ปลายฟ้าคิดแล้วก็เศร้าใจ ขนาดเธอไม่ได้ผูกพันกับพี่สาวเท่าที่ควรเพราะแยกกันอยู่ตั้งแต่อายุสิบขวบยังร้องไห้อยู่นาน ไม่แปลกอะไรที่ธนารุจจะทุกข์ทรมาน เขาเป็นสามีที่รักภรรยามาก ทั้งยัง...ช่วยเหลือภรรยาในนาทีวิกฤตไม่ได้ คงเจ็บเจียนตาย...


เรือลำน้อยแล่นช้าลง ก่อนจะหยุดนิ่ง ลอยคว้างโดดเดี่ยวกลางแม่น้ำใหญ่ สายน้ำไหลเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ ดูร่มเย็นสงบสุข
มือหนาสั่นเทาถือเถ้ากระดูกภายในห่อผ้าสีขาว นัยน์ตาแวววาว มีหยาดน้ำใสคลอคลองเต็มหน่วย แต่ทานทนมิให้หยดไหลลงมาถ่ายเทความเศร้าโศกให้กับผู้ล่วงลับ เขาเฝ้ามองเถ้ากระดูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะบรรจงหย่อนห่อผ้าลงน้ำช้าๆ ตามด้วยการโปรยกลีบดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ที่เจ้าของดวงวิญญาณโปรดปราน
เถ้าน้อยลอยล่องไปไกลแสนไกล...
ดวงวิญญาณชายหนุ่มแทบหลุดลอยตาม โหยไห้อาดูร ความสูญเสียบาดลึกหัวใจจนแหว่งวิ่น ยากจะสมานให้กลับคืนสู่รูปรอยเดิม
“พี่รักเธอ...ปลายฝน”
ธนารุจบอกรักภรรยาสาวเป็นครั้งสุดท้าย หลังส่งดวงวิญญาณไปสู่สรวงสวรรค์อันวิจิตรงดงาม หญิงสาวจะต้องมีความสุขกับชีวิตในสัมปรายภพ
ฟากฟ้าสีครามปรากฏใบหน้าหวานละมุน ฉายรอยยิ้มสดใส ทอดตาลงมองชายหนุ่มที่เผยยิ้มกลับไปเช่นกัน
พี่รักเธอ...
ร่างกำยำนั่งโดดเดี่ยวอยู่ริมระเบียงไม้ หลังบ้านสไตล์ยุโรป ตัวบ้านเป็นสีขาว เสริมความคลาสสิกด้วยหลังคาสีน้ำตาลเข้ม ซ่อนความหรูหราท่ามกลางบรรยากาศไร่องุ่นในเชียงใหม่
ดวงตาคู่คมมองท้องฟ้าสดใส มีกลุ่มเมฆสีขาวเคลื่อนคล้อยลอยกระจ่างตา ชายหนุ่มนึกถึงยามลอยอังคารภรรยาที่รักแล้วก็อดจินตนาการไม่ได้ว่ามีร่างบอบบาง ผู้เป็นเจ้าของดวงหน้าแสนหวานอยู่บนนั้นอย่างมีความสุข
กี่วัน กี่คืนที่ผ่านพ้น ไม่อาจทุเลาความคิดถึงและหวนไห้กับการจากไปของภรรยาอันเป็นที่รักได้ เขาไม่ต้องการลืมเธอ แต่ยากเกินจะทำใจกับการจากไปอย่างรวดเร็วและโหดร้ายเช่นนี้
“ฉันมาแล้วค่ะ”
เสียงหวานที่ดังขึ้นเบื้องหลัง ไม่ได้ทำให้ธนารุจเอี้ยวตัวหันไปมองแต่อย่างใด นั่นเพราะเขากำลังรอการมาของเธออยู่พอดี
“นั่งสิ” เสียงทุ้มเรียบเฉยเชิญ หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ก่อนพาตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา
ลมหายใจคนมองแทบสะดุด เธอสองคนเหมือนกันเหลือเกิน ไม่เพียงใบหน้าหวาน แต่เรือนผมตรงยาวจรดบั้นเอวกับลักษณะการแต่งตัวเรียบร้อย แสนน่ารักแม้อยู่ในชุดดำก็ไม่แตกต่าง เขาแทบแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าหญิงสาวตรงหน้าคือใคร
ปลายฝน...หรือปลายฟ้า
“ฉันไม่ใช่คนอ้อมค้อม” เขาเกริ่น ก่อนว่าตรงๆ “เธอควรไปจากที่นี่ซะ”
ธนารุจไล่หญิงสาว เขาไม่มีวันเชื่อว่าเธอจะอยู่ที่นี่ได้ตลอดรอดฝั่ง เธอไม่ควรมาช่วยต่อลมหายใจ ต่อเติมความหวังลมๆ แล้งๆ ให้กับน้ำค้าง แต่สุดท้ายก็จะทิ้งเด็กน้อยไปไม่ไยดี แม้ปลายฟ้าจะมีศักดิ์เป็นน้า แต่เธอไม่เคยมาใกล้ชิดน้ำค้าง อย่าว่าแต่น้ำค้างเลย เขาก็เพิ่งรู้ว่าภรรยาตัวเองมีแฝด!
ครั้งแรกที่พบหญิงสาวในโรงพยาบาล ร่างสูงโปร่งโผเข้ากอดเธอแนบแน่น กดจูบที่ข้างแก้มนวล หลงลืมไปจนหมดสิ้นว่าร่างที่นอนหายใจรวยรินบนเตียงผู้ป่วยคือภรรยาตัวจริง หญิงสาวรีบผลักเขาออกพร้อมประกาศว่าเธอชื่อปลายฟ้า เป็นน้องสาวฝาแฝดของปลายฝน
วินาทีสุดท้ายของปลายฝน ภรรยาสาวเรียกน้องสาวไปคุยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกเขา เราสั่งลา พร่ำบอกรัก ปลายฝนฝากลูกน้อยแล้วสิ้นใจ...
“ดิฉันไม่ไปค่ะ” ปลายฟ้ายืนยันเสียงหนักแน่น แม้จะตกใจกับการไล่ส่งกันดื้อๆ ของชายหนุ่มก็ตาม
“เธอจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร”
“ตลอดไป”
“หึ! คิดว่าฉันเชื่อเธอหรือ” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตวาด “ไม่ต้องมาทำมารยาแสนดีเป็นแม่พระ ฉันไม่ซึ้งใจไปกับเธอหรอกนะ ถึงจะหน้าตาเหมือนกัน แต่ฉันก็พิศวาสผู้หญิงอย่างเธอไม่ลง”
ปลายฟ้าสะดุ้งเฮือกกับถ้อยคำป่าเถื่อนของเขา สมแล้วที่เป็นเจ้าของไร่องุ่นในป่าในเขา หยาบคายเสียไม่มี!
“คุณคงหลงตัวเองมากไปนะคะ ฉันอยู่เพื่อทำหน้าที่แม่แทนพี่ฝน ไม่ได้อยู่เพื่อเป็นเมียคุณ” ปลายฟ้าตอกกลับอย่างเหลืออด
“ฉันก็ไม่เอาเธอเป็นเมียเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นว่าคุณจะต้องเดือดร้อนอะไรนี่คะ ฉันก็อยู่ส่วนฉัน คุณก็อยู่ส่วนคุณ” หญิงสาวบอกเขาไปอย่างนั้นเอง เธอรู้ดีว่าคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกัน อย่างเมื่อคืนเป็นต้น
เธอหอบผ้าหอบผ่อนจากกรุงเทพเพื่อย้ายมาอยู่ไร่ธนารุจอย่างถาวรหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของพี่สาว ปลายฟ้าเลือกที่จะคุยเรื่องนี้กับคุณคคนางค์ มารดาของธนารุจ ชี้แจงให้กระจ่างว่าการมาของเธอมีจุดประสงค์แค่ดูแลหนูน้อยน้ำค้างแทนพี่สาวเท่านั้น เพื่อกันข้อครหานินทาว่าเธอต้องการมาเป็นนายหญิงเจ้าของไร่องุ่นใหญ่โตแทนที่ปลายฝน
อันที่จริง เธอกับปลายฝนถูกแยกกันตั้งแต่อายุสิบขวบ เนื่องจากบิดามารดาหย่าร้าง ปลายฝนอาศัยอยู่กับบิดาซึ่งมีภรรยาใหม่ ส่วนเธออาศัยกับมารดาที่กรุงเทพ ถึงจะห่างแต่ก็ยังติดต่อและไปมาหาสู่กันเท่าที่โอกาสเอื้ออำนวย เธอไม่ได้มาร่วมงานแต่งงานของปลายฝนเนื่องจากบริษัทส่งตัวไปดูงานที่ต่างประเทศ การมาบ้านธนารุจครั้งนี้จึงทำให้ทุกคนแปลกใจกันมากทีเดียว
“เธอไม่น่าใช่คนโง่นะปลายฟ้า ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อคืนเราเลี่ยงที่จะนอนเตียงเดียวกันไม่ได้ อย่างนี้จะไม่เกี่ยวข้องกันได้ยังไง”
“แค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น ถ้าไม่จำเป็นฉันก็ไม่อยากเข้าใกล้คุณหรอกค่ะ สบายใจได้” หญิงสาวประชดประชัน นึกหมั่นไส้พี่เขยไม่น้อย เขาคงไม่รู้ว่าเธอต้องเสียสละเท่าไรกับการทำตามคำขอครั้งสุดท้ายของพี่สาว ทั้งชีวิตสาวโสดมีอิสระ ทั้งหน้าที่การงานที่กำลังไปได้สวย แต่ชีวิตกลับพลิกผันให้เธอต้องมาดำรงตำแหน่งภรรยาเจ้าของไร่องุ่นในสายตาของคนอื่นๆ ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเรื่อง ‘พี่เขยกับน้องเมีย’ ศพพี่สาวเพิ่งจะเผาเสร็จ น้องเมียแพศยาก็ปรี่เข้ามาครองพี่เขยโดยอาศัยหน้าตาที่เหมือนกัน ทั้งยังต้องดูแลเด็กสามขวบอีก ทั้งหมดทั้งมวล ปลายฟ้าเต็มใจ มารดาของเธอแม้ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ยินยอมเพราะเป็นคำขอสุดท้ายของปลายฝน
แต่เขาสิ! เธอช่วยเหลือขนาดนี้ยังจะต่อว่าต่อขานให้ช้ำใจ ขับไสไล่ส่งไม่ไยดี เป็นผู้ชายที่น่าเกลียดมาก ไม่รู้พี่ปลายฝนรักลงได้ยังไง!
“เธอนี่มันดื้อจริงๆ ฉันไล่ขนาดนี้แล้วยังจะหน้าทนอยู่ได้อีก” ธนารุจเค้นเสียงเครียดจัด โถมคำพูดรุนแรงใส่หญิงสาว หวังใจให้เธอทนไม่ได้แล้วจรลีไปจากไร่ธนารุจโดยเร็ว ดวงตาคมกริบวูบไหวเมื่อเห็นร่างบางสะท้าน เธอเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตาสั่นระริก เสมือนกำลังอดกลั้นอดทน ดีละ...ทนไม่ไหวสิแม่คุณ แล้วรีบไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่เขาจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้
ใบหน้าที่เหมือนราวกับเป็นคนๆ เดียวกันทำให้หัวใจทุกข์ตรม เห็นเธอทีไรก็หวนนึกถึงวันชื่นคืนสุขกับภรรยา เมื่อคิดถึง ความทรงจำเลวร้ายก็แล่นมาให้เจ็บปวด เขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากให้มีปลายฟ้ามาเป็นแม่ของลูกเพราะน้ำค้างจะได้ไม่ขาดแม่ เมื่อเด็กน้อยเข้าโรงเรียนก็จะไม่ถูกล้อว่าเป็น ‘ลูกไม่มีแม่’ และมีแม่ให้กราบเท้าในวันที่สิบสองสิงหาคมอย่างเพื่อนคนอื่น แต่กระนั้นธนารุจก็ไม่เชื่อใจนักว่าวันหนึ่งปลายฟ้าจะไม่ทิ้งเขากับลูกไป
“คุณจะพูดจาแรงเกินไปแล้วนะคะ อย่างน้อยฉันก็เป็นน้องสาวของภรรยาคุณ พี่ฝนคงไม่ชอบใจแน่หากรู้ว่าคุณพูดกับฉันแบบนี้”
“ฉันพูดจาดีกับคนที่ดีด้วยเท่านั้น แต่สำหรับผู้หญิงเสแสร้งอย่างเธอ คิดว่าไม่จำเป็น” เขาจ้องมองหญิงสาวราวกับดวงตาคมกริบมีไฟลุกอยู่ภายใน
“ฉันไม่ได้เสแสร้ง”
“ฉันไม่รู้ว่าปลายฝนพูดอะไรกับเธอบ้าง แต่คิดว่าคงแค่ฝากฝังหนูน้ำค้างเท่านั้น ไม่ใช่ให้เธอเสนอหน้าขึ้นมาแทนที่เขาแน่ๆ” ธนารุจมั่นใจ ปลายฝนแสนดีเกินกว่าจะเห็นแก่ตัว ทำให้น้องสาวตัวเองต้องหมดอนาคตเพราะความสุขของเขากับลูกแน่
“พี่ฝนต้องการให้ฉันเป็นแม่ของหนูน้ำค้างแทนค่ะ” ปลายฟ้าบอกเพียงครึ่ง...อีกครึ่งหญิงสาวขอเก็บเป็นความลับระหว่างเธอกับพี่สาวผู้จากไป มันจะเป็นความลับที่เธอไม่มีวันทำให้เกิดขึ้นจริงด้วย
“เอาอย่างนี้” ธนารุจสรุป หลังจากรำคาญที่จะเถียงกับเด็ก พูดไปก็เท่านั้น แม่คุณดื้อจะอยู่ให้ได้ หมดปัญญาจะด่าทอ “ฉันอนุญาตให้เธอมาหาหลาน มาทำหน้าที่แม่ได้ แต่ต้องไม่อยู่ที่นี่”
“คุณใจร้ายมากนะคะ”
ธนารุจตาลุกวาว กล้าดียังไงมาว่าเขาใจร้าย
“ฉันใจร้ายยังไง พอจะไม่ได้เป็นนายหญิงไร่ธนารุจก็โวยวายเชียวนะ” ชายหนุ่มตอกกลับ ไม่ยอมแพ้เด็กแน่
“ถ้าฉันไปจากที่นี่ก็คงกลับมาไม่ได้อีก ถ้าน้ำค้างเห็นหน้าฉัน แกต้องคิดว่าฉันเป็นแม่ แกคงร้องไห้เสียใจอย่างน่าเวทนาตอนที่ฉันกลับไป” ปลายฟ้าเอ่ยเสียงเศร้า ข้อเสนอของเขา ทำไมเธอจะไม่ทบทวน ปลายฟ้าคิดสะระตะทุกทางแล้ว ไม่มีทางไหนดีกว่าการมาทำหน้าที่เป็นแม่จริงๆ
ชายหนุ่มฟังดังนั้นก็สะอึก หญิงสาวพูดถูกทุกประการ เขาจะทนเห็นน้ำตาของลูกน้อยได้อย่างไร ตั้งแต่โตมามีแต่คนโอ๋หนูน้ำค้างจนไม่เคยร้องไห้สักแอะ หากไล่ปลายฟ้าไปก็เท่ากับไล่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตลูกรักไปด้วย
“ความจริงน้ำค้างก็โตแล้ว น่าจะยอมรับความจริงได้” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“สามขวบเรียกว่าโตแล้วหรือคะ”
“เธอไปวันนี้หรือไปวันไหนก็มีค่าเท่ากัน น้ำค้างจะต้องเสียใจมาก สู้เธอจากไป ให้เขารู้ว่าแม่ตายแล้วยังดีกว่ารู้ความจริงภายภาคหน้าว่าถูกหลอก ผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันทุกวันไม่ใช่แม่ของแก”
ปลายฟ้ากลัดกลุ้มใจ เขาพูดถูก แต่จะทำอย่างไรได้ เธอตั้งใจทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเพื่อหนูน้ำค้างและพี่ปลายฝนแล้ว เธอจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจเด็ดขาด ถ้าพี่ปลายฝนรู้ว่าเธอไม่รักษาสัญญาคงเสียใจมากที่ฝากฝังลูกไว้กับคนผิด
“ฉันเข้าใจเหตุผลของคุณนะคะ เข้าใจทุกอย่างดี แต่ยังไงก็ขอยืนยันว่าฉันไปจากที่นี่ไม่ได้ ฉันต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ฝนค่ะ”
“เธอไม่เหมาะกับการดูแลเด็กหรอกปลายฟ้า” เขาพูดเนิบนาบขึ้น ผินหน้าไปมองทางอื่น
“ฉันยอมรับว่าไม่เคยดูแลเด็กมาก่อน แต่คิดว่าไม่น่าจะยากอะไร”
“หึ! ไม่ยากงั้นหรือ” คราวนี้ ธนารุจเบนสายตากลับมามองอย่างดูหมิ่น “รู้ไหมว่าทำไมเมื่อคืนน้ำค้างถึงไม่ยอมหลับเสียที”
“รู้สิคะ ก็แกนอนกลางวันไปเมื่อตอนบ่ายสามโมง”
“เด็กนอนได้ตลอดนั่นแหละ ที่แกนอนไม่หลับเพราะไม่มี ‘แม่’ คอยเล่านิทานสนุกๆ ให้ฟัง”
ปลายฟ้าหายใจไม่ทั่วท้อง เธอพลาดมหันต์ กับแค่เล่านิทานทำไมถึงไม่เคยคิดถึงเลยนะ ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด อ่านหนังสือเลี้ยงลูกมาก็หลายเล่มแต่ก็ยังพลาดจนได้ คราวนี้จะเอาอะไรไปต่อกรกับนายหน้าโหดดีล่ะ
“ขอบคุณที่เตือนค่ะ ฉันจะหานิทานมาเล่าให้แกฟังเอง” ปลายฟ้าสู้ต่อ แม้จะถูกสายตาดูแคลนจับจ้องมาก็ตามที
“เธอบกพร่องไม่มีคุณสมบัติความเป็น ‘แม่’ หลายอย่าง แต่ฉันไม่อยากพูด” ชายหนุ่มเน้นคำว่า ‘แม่’ อีกครั้ง หวังให้สาวน้อยใจฝ่อแล้วเดินออกจากไร่ไป
“เอ๊ะ! ก็คนโสด ยังไม่มีเคยมีสามีมีลูกนี่คะ จะให้คล่องแคล่วได้ยังไงกัน ของอย่างนี้ใช้เวลาฝึกฝน ปรับปรุงแป๊บเดียวก็คล่องแล้วค่ะ คุณไม่ต้องห่วงหรอก” คนถูกต่อว่าซ้ำๆ สาดคำพูดทะนงตัวใส่อย่างเหลืออด คิดจะไล่ต้อนเธองั้นหรือ ไม่มีทาง!
คำว่า ‘โสด’ ทำให้ธนารุจอดลอบสำรวจร่างบอบบางตรงหน้าไม่ได้ คุณคคนางค์เป่าหูเขาตั้งแต่เมื่อวานว่าปลายฝนกับปลายฟ้าเหมือนกันทุกอย่างจนแยกไม่ออก ไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตาแต่ลักษณะการแต่งกายกับนิสัยใจคอด้วย แต่มองแล้ว ธนารุจต้องร้องในใจว่า ‘ไม่เหมือน!’
“ฉันจะคอยดูน้ำหน้าเธอว่าจะสละความสุขส่วนตัวเพื่อลูกของฉันได้สักกี่น้ำ” ธนารุจปรามาส คำพูดของเขาคือการอนุญาตให้ปลายฟ้าอยู่ที่นี่กลายๆ หมดสิ้นน้ำอดน้ำทนจะเถียงกับเด็กดื้อ จริงอยู่ที่ปลายฝนอายุยี่สิบห้าปี ห่างกับเขาถึงสิบปีด้วยกัน แต่เธอเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแม่น้องสาวฝาแฝดที่อายุห่างกันไม่กี่นาทีนัก
“ฉันอาจจะเป็นแม่ที่ดีพร้อมอย่างพี่ฝนไม่ได้ แต่ฉันสัญญานะคะว่าจะดูแลหนูน้ำค้างให้ดีที่สุด” ปลายฟ้าเอ่ยบอกเขาเสียงหนักแน่น แววตามุ่งมั่น ตั้งใจจริง จนธนารุจอ่อนใจ
“ไม่ต้องมาสัญญาอะไรกับฉัน ถ้าอยากจะดูแลน้ำค้างก็ดูแลไป อย่ามายุ่งกับฉันก็แล้วกัน”
“อยากยุ่งด้วยตายละ” ปลายฟ้าเบ้ปาก
“เธอว่าอะไร!” เขาได้ยินแว่วๆ
“จะไม่ยุ่งไปจนตายเลยเจ้าค่า” หญิงสาวบอกเสียงยานคางอย่างประชด หมั่นไส้คนดุจริงๆ ไม่รู้ว่าพี่ปลายฝนทนอยู่กับผู้ชายหน้าโหดหนวดครึ้ม เสียงดุ ตาขวางคนนี้ได้ยังไง
“อย่าพูดคำว่าตาย!”
แขนเรียวถูกกระชากอย่างแรงจนใต้ฐานอกกระแทกกับขอบโต๊ะ ปลายฟ้าหน้าเหยเก แต่ฝืนมองหน้าเขาอย่างแสนสงสาร นัยน์ตาคู่นั้น...ช่างเศร้าสร้อย
“ค่ะ ฉันจะไม่พูด”
“ดี!” เขาไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว
ปลายฟ้ารีบดึงมือออก รอยแดงเถือกปรากฏชัดเจนบนผิวกายขาวดุจน้ำนม เธอลูบรอยแดงนั้นป้อยๆ ผู้ชายป่าเถื่อน หญิงสาวค่อน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปดูลูกนะคะ” เธอเบิกตากว้าง เมื่อเห็นแววสั่นไหวในดวงตาคู่คมยามเอื้อนเอ่ยเต็มปากเต็มคำว่า ‘ลูก’ ปลายฟ้าหวังเหลือเกินว่าผู้เป็นพี่เขยจะทำใจได้เร็ววัน เขาน่าสงสารมากเหลือเกิน
“เดี๋ยว!” ธนารุจเอ่ยเรียก ยังจ้องมองหญิงสาวราวแค้นมาตั้งแต่ชาติปางไหน
“อะไรคะ” น้ำเสียงเธอส่อแววรำคาญ
“ถึงเธอจะหน้าตาเหมือนเมียฉัน แต่ก็แทนกันไม่ได้ จำใส่หัวไว้!”

////////////////////////////////////////////

ฮียังแรงอย่างต่อเนื่องค่า สงสารนางเอกจุง T_T



จรดปลายรุ้ง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ธ.ค. 2556, 18:21:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ธ.ค. 2556, 18:21:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1972





<< บทนำ-น้องเมีย   บทที่ 2 ภาพในอดีต2 50% >>
จรดปลายรุ้ง 22 ธ.ค. 2556, 18:26:28 น.
ตอบเม้นจ้าาาาาา

คุณปรางขวัญ : น้องน้ำค้างต้องช่วยคุณพ่อหาคนรู้ใจอ่ะค่า ฮี่ๆๆๆ

คุณ kaelek : ไม่อยากบอกว่านางเอกก็แรงไม่แพ้กัน ฮ่าๆๆ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ติดตามเรื่องนี้ด้วย จำได้ๆ ว่าอ่านต้องมนต์ฯ ของส้มด้วย อีกไม่นานต้องมนต์ปรารถนา จะออกเป็นรูปเล่มแล้วน้า


รรวโรจน์ 22 ธ.ค. 2556, 21:56:05 น.
สุดท้ายพ่ายแพ้ความดีหรือไง ให้ทายเมียกับน้องเมียต่างกันสุดขั้วแน่ๆ


kaelek 23 ธ.ค. 2556, 13:59:29 น.
ตอนต้องมนต์ฯแอบเชียร์ คุณหมอกับฟ้า
เรื่องเปิดมาสองตอน แรงได้ใจจริงๆ ชอบๆ มาบ่อยๆนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account