จำแลงแปลงรัก
โยษิตา สูญเสียพ่อกับแม่ไป โลกอันสวยงามของเธอก็ทลายตามไปด้วย เธอเริ่มเข้าสู่วังวนอันดำมืด และเป้าหมายของเธอก็คือเขา...บุคคลที่เธอได้รับหน้าที่ให้ตามติด

วิกรานต์ ชายหนุ่มแท้ มีใบหน้าหล่อยามเป็นชาย แต่ยามเป็นสาวก็หลอกตาใครต่อใครได้มาก ชีวิตของเขาสำมะเลไปวันๆ แต่ความสามารถของเขานั้นกลับเป็นที่ต้องการของใครมากมาย...

คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาใช้เธอเป็นตัวหลอก เขี่ยสาวที่ไม่ได้ดั่งใจ และเธอมีเขาเป็นเป้าหมาย คนแบบเขาเหมาะที่จะส่งไปสอดแนม ล้วงข้อมูลมาให้เธอ
Tags: ดราม่า แอ็กชั่น สืบสวน โรแมนติก สายลับ

ตอน: บทที่ 3 : เจ้าคิดเจ้าแค้น


โยษิตาลุกขึ้นรอตั้งรับแขกไม่ได้รับเชิญ แต่แขกในห้องดันรับเชิญ เธอสำรวจสถานการณ์อย่างใจเย็น และไม่ต้องให้เธอรอนาน เอวของเธอก็ถูกมนุษย์หน้าสโมกกี้อายรั้งไป ลอยหน้าลอยตา ปล่อยให้สาวตรงหน้านามว่านุ่นสั่นเทิ้มหน้าดำหน้าแดง

“เรื่องเซอร์ไพร้ส์ของพี่กลางเหรอคะ”

“จ้ะ ทำไมล่ะ”

ผู้ชายคนนี้...โยษิตาขบริมฝีปาก ยังไม่มีปากมีเสียงใดๆ

“นังนี่มันมีอะไรดี จืดชืด หน้าตาย รสนิยมห่วย ไหนพี่กลางเคยบอกว่านุ่นสวย นุ่นถูกใจ เราเพิ่งคบกันไม่ถึงเดือนเลยนะคะ”

ทำเพศแม่ร้องไห้จนได้ โยษิตาถอนหายใจเสียงดัง จงใจขัดบทสนทนาอันน่าสลดหดหู่ และตัวเธอกำลังพรุนด้วยสายตาอันทิ่มแทงจากเพศเดียวกัน

“ขอฉันพูดอะไรก่อนได้ไหมคะ...หุบปากค่ะ” เตือนคนที่กำลังโอบเธอ แค่อ้าปากเธอก็รู้ว่าเขาจะทำอะไร เธอกลับไปเผชิญหน้ากับนุ่นอีกครั้ง “ฉันไม่โกรธคุณหรอกค่ะที่วิจารณ์ฉันแบบนั้น แต่ฉันขอวิจารณ์อะไรเล็กน้อย”

เจอมาดใจเย็นดุจผู้คุมเกม สาวที่กำลังเสียใจไปไม่ถูก “อะไรล่ะ...จะด่าว่าฉันโง่หรือไง”

“ไม่เชิงค่ะ...แต่ว่าก็ประมาณนั้นล่ะ”

“นี่!”

“หยุด ฟังฉันให้จบ” คนเตรียมอาละวาดยั้งปากตามการสั่งไปโดยปริยาย ดวงตาคมกริบนิ่งทำให้หล่อนไม่กล้า “ผู้ชายห่วยๆ ที่เรียกคุณมาเพื่อทิ้ง แบบนี้เหรอคะที่คุณจะเสียดาย ผู้ชายที่ชอบเรียกร้องความสนใจ อย่าได้เสียเวลากับคนไม่ได้เรื่องคนนี้เลยค่ะ” ปิดท้ายด้วยเสียงเหอะ

บริเวณเอวถูกบีบแน่นขึ้น เธอเหลือบมองเขาพบว่านัยน์ตาคมเข้มด้วยอายไลเนอร์ ยิ้มเย้ยเขาด้วยมุมปาก

“ให้คนอย่างเธอได้เขาไป ฉันไม่ยอม”

“เอาอย่างนี้ ฉันจะขอเขาด้วยวิธีของฉัน...คุณพอใจเมื่อไหร่ค่อยยกเขาให้ฉัน หรือถ้าไม่พอใจเลย ก็ได้นะคะ”

“จะทำอะไร” คนที่กลายเป็นสินค้า ถูกสองสาวคุยต่อรองไปมากัดฟันถามคนที่เตี้ยกว่าเขาเกือบสองคืบ เขารู้สึกว่าโยษิตาไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ

“ช่วยคุณไงคะ...คุณจะได้รู้ว่าเขารักคุณมากแค่ไหน”

เพียะ...ไม่รอให้วิกรานต์ตั้งตัว ดวงตาสะใจของคนลงมือฝากห้านิ้วไปบนแก้มเนียน ผิวขาวที่ดูแลอย่างดีของชายหนุ่ม ทำให้อีกฝ่ายหน้าหัน และอีกหนึ่งสาวมองตาค้าง หน้าสยดสยอง

“ฉันจะทำแบบนี้จนกว่าคุณจะบอกหยุด”

เพียะ...แก้มซ้ายโดนไปอย่างเท่าเทียม เธอรู้สึกมีประกายเปรี๊ยะๆ ในบรรยากาศ แต่ไม่ใส่ใจ อีกสองครั้งเธอยังแม่นยำ และเพิ่มแรงขึ้น

“เธอมันบ้า พี่กลางไม่ชอบให้หน้าตัวเองเป็นรอย ยกเว้นว่าเธออยากจะตายนะ!”

ครั้งที่ห้าง้างค้างกลางอากาศไม่ทันสัมผัสแก้มของเขา ดวงตาแสดงความตกใจแม้เพียงน้อยนิด ตรงข้ามกับในใจที่เผลอเต้นแรง และขนต้นคอลุกชัน คนปกติโดนตบแบบนี้ก็คงโกรธเพราะตัวเองเจ็บ แต่คนๆ นี้หวงผิวหน้าของตัวเอง เหตุผลแปลกแต่ดูเหมือนว่าคำพูดของนุ่นจะไม่ผิด

เธอมองนุ่นเดินปึงปังหลังด่าเธอกับเขาไปอีกกระบุง อวยพรสาปส่งครบสูตรเสร็จ เธอก็ยังพบว่าหน้าของวิกรานต์ยังไม่เคลื่อนไปจากใบหน้าเธอ เขาเอาแว่นเลนส์ธรรมดาของเธอที่สวมไว้เพราะไม่ชอบสบตาใครยังอยู่ติดแน่นบนหน้าของเขา ทั้งที่หน้าหันไปหลายที ดวงตาของเขาพิโรธชัดเจน ไม่ต่างจากภูเขาบรรจุลาวารอพวยพุ่ง ก็แค่สองแก้มเขาแดงแปร๊ดมากๆ

“ขอโทษค่ะ ที่ไม่ได้ปรึกษาก่อนทำ” จริงๆ เธออยากเอาคืนที่เขามาหาเศษหาเลยกับเธอ จนตอนนี้เขายิ่งรัดเอวเธอแน่นขึ้น ดึงเธอชิดอกเขา ให้ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้

“จะตบฉันคืนก็ได้นะคะ จะได้เท่าเทียมกัน”

“ช่างกล้า” ลมหายใจร้อนเข้าออกผ่านจมูกโด่งของเขาจนหน้าอกเขากระเพื่อม เธอต้องอาศัยความกล้าอย่างสูงเพื่อจะจ้องตอบเขาไป โยษิตารู้ตัวว่าผิด และถ้าจะโดนฝ่ามือกลับมาบ้าง เขาก็มีสิทธิ์ เธอไม่ใช่ประเภทแบ่งเพศ ทำผิดก็ต้องว่ากันไป

“นั่งลง” ไม่ใช่แค่พูด แต่ไหล่ของเธอโดนกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ของเธอ น้ำหนักบนไหล่สองข้างที่โดนเขาจับบีบไว้แน่นจนต้องขบกรามอดทน

และโศกนาฏกรรมของห้องประชุมก็เกิดขึ้น เก้าตัวหนึ่งถูกยกลอยหวือเฉียดหัวเธอไปปะทะกำแพงสีรุ้งอีกฟากดังลั่น และตัวต่อไปก็โดนเช่นเดียวกัน สภาพเก้าอี้สี่ตัวบุหนังมีสภาพบิดเบี้ยว ล้อหลุด และขาหักสภาพไม่สมประกอบ กระถางต้นไม้เป็นสิ่งต่อไปที่เขาตั้งใจจะจัดการ โยษิตาทนมองการทำลายล้างอันบ้าระห่ำของเขาไม่ไหวอีกต่อไป

ตอนนี้เธอเองก็แอบคิดว่าเธอบ้ามากที่กล้าเอามือไปจับข้อมือเขา ไม่ต่างจากเรือลำเล็กไปขวางลำน้ำอันเชี่ยวกราก

เขามันปีศาจบ้าพลังชัดๆ

“ปล่อย”

“ไม่ค่ะ ฉันบอกว่าโกรธอะไรให้ลงที่ฉัน อย่าไปลงกับของ รู้ไหมว่าของราคาเท่าไหร่ที่คุณทำลายไป นี่ถ้าเลิกกับคุณนุ่นแล้วมีปัญหา ฉันไม่ยื่นมือไปยุ่งหรอก” เป็นเธอที่เริ่มรวนบ้าง หลังจากทนรับอารมณ์แปรปรวนของเขามามากพอ

“ไม่เกี่ยวกับเขา เธอล้วนๆ หน้าฉันต้องเป็นรอยเพราะเธอ”

โยษิตามองปลายจมูกเขาด้านหนึ่งขยับ อารมณ์คงเขม่นมากพอ หลังจากได้ระบาย ตะโกน และจ้องเธอด้วยดวงตาลูกไฟเผาเธอ แว่นบนหน้าเขาที่เป็นของเธอจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเล่นงาน ด้วยการถอดมันมาหักเป็นสองท่อนต่อหน้าเธอ ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคออย่างร้ายกาจ ยกมือมาลูบแก้มเธอไปมา ตบเบาๆ เหมือนตีแก้มเด็ก มุมปากกระตุกยิ้มร้าย และเดินจากไป

นักศึกษาสาวทรุดลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ร่างของเธอสั่นอย่างช่วยไม่ได้ เธอเข้าใจแล้วว่าการพบหน้าผู้ชายที่ชื่อวิกรานต์มันโหดร้ายไม่ต่างจากเจอพายุสักลูก เขาทำให้เธอกลัว เพราะเธออ่านเขาไม่ออก และไม่มีเวลาพอจะตั้งรับได้ทัน

เอาน่าอย่างน้อยเธอก็ได้ลายเซ็นเขามา...โยษิตาเปิดแฟ้มที่ทำให้เธอพบเรื่องอันน่าระทึกของวันมาเปิดดู และเธอก็ถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งตัว หน้าแดงลามไปถึงหูสองข้าง

หากเธอเจอเขาอีกครั้ง เธอจะตบให้มือเธอหลุดไปข้างเลย...เด็กน้อย เขากล้าเซ็นชื่อในที่ว่างที่ควรจะเป็นชื่อของเขาว่าเด็กน้อย

เห็นเธอเป็นเพื่อนเล่น คนโง่ หรือตัวตลกหรือไง

โยษิตาปิดแฟ้มด้วยมืออันสั่นเทา นับหนึ่งถึงล้านอารมณ์ของเธอก็ยังไม่สงบลงง่ายๆ ดังเช่นทุกครั้ง คนแบบนั้นสักวันถ้าต้องพบกันอีก เธอจะไม่ยอมให้เขาทำให้เธอพ่ายแพ้แบบนี้อีกแน่


กรแก้วเปิดประตูเข้ามาในห้องที่เธอมีกุญแจและคีย์การ์ดอยู่ มีแบกแฟ้มที่วันนี้เธอต้องกระชากคออีกฝ่ายมาจรดปากกาเขียนชื่อตัวเองให้ถูกต้องให้ได้ อีกไม่กี่วันสัญญาจะหมด วิกรานต์ก็บังอาจเล่นตัวไม่เข้าเรื่อง นี่ยังบังอาจมาทำลายล้างห้องประชุมของเธอ ใช้เป็นสถานที่บอกเลิกสาว และยังมาข่มขวัญนักศึกษาฝึกงาน

นับวันฤทธิ์เดชของเพื่อนจอมบ้าของเธอยิ่งทวีปัญหา เธอรู้ว่าเพื่อนคนนี้มันมีปัญหาชีวิตเยอะ อย่างพ่อแม่ที่แท้จริงแยกทางกัน เป็นลูกติดแม่ และแม่มาแต่งงานกับคุณชเยศตั้งแต่ตัวของวิกรานต์อายุไม่ถึงสองขวบดี พี่สาวโดนยกให้กับผู้มีอันจะกินทางเหนือไปเลี้ยง กว่าจะรู้ความเรื่องมาแดงตอนสองปีที่แล้วนี้เอง วิกรานต์ได้พบพี่สาวแท้ๆ อย่างลัลริกา นักเล่นหุ้นมืออาชีพ ที่มาลงเอยกับลูกติดพ่อเลี้ยงอย่างวสุธร

วิกรานต์ที่มีความคิดผิดแผกจากคนในครอบครัวมาแต่เล็กแต่น้อย คิดเสมอว่าตัวเองเป็นเด็กนอกคอก จึงชอบเรียกร้องความสนใจตามฉบับเด็กมีปัญหาในครอบครัว เจ้าอารมณ์เป็นที่หนึ่ง

คงมีแค่เธอที่นิสัยแปลกๆ มาแต่เกิด ครอบครัวให้อิสระมาเสมอ เธอจึงเป็นเพื่อนกับวิกรานต์ได้ไม่ยาก ถึงไหนถึงกัน ทุกคนในครอบครัวต่างก็คาดหวังให้เธอและวิกรานต์ลงเอยกันเสียที

คงมีแต่หมอนั่น ที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย มองไม่เห็นความรู้สึกของเธอ หรือฟังเสียงของคนรอบข้าง...และเธอก็ไม่กล้าบอกว่ารู้สึกอย่างไรกับวิกรานต์เช่นกัน

ได้แต่ทำเหมือนๆ เดิม เป็นเพื่อนกันต่อไป

กรแก้วดันประตูในห้องปิด ทุกอย่างสว่างด้วยเทียนหอม และกลิ่นอโรมา วันนี้เป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ที่จุดในตะเกียงหอมละเหย อีกสิ่งที่วิกรานต์แปลกเกินจะกล่าว ก็คงจะเป็นรูปแบบการใช้ชีวิต หากไม่รู้จักกัน คงคิดว่าเขาเหมือนผู้หญิง

“กลางแกอยู่ไหน” หนีบแฟ้มงานไว้ข้างลำตัว อารมณ์ยังเหวี่ยงไม่หาย เป็นอย่างนี้ทุกปี ขอให้ได้ปั่นหัวพนักงานในบริษัทเธอจนพอใจถึงจะยอมทำตามที่ขอ กรแก้วเดินหน้ายุ่งผ่านทางเดินมายังห้องแรกที่เป็นห้องนั่งเล่น มีร่างหนึ่งนอนเอกเขนกอยู่

“แกจะมาบิดพลิ้วไม่ได้แล้วนะ”

“อย่ายุ่งน่าไม่ใช่เรื่องแก” ประโยคสวนกลับมาถึงจะอู้อี้ แต่ยังพอจับใจความได้ กรแก้วไม่อยากทนในความสว่างจากแสงเทียนนานๆ เดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ เธอถึงกับผงะเมื่อมีสิ่งหนึ่งเด้งขึ้นมานั่งจ้องตรงมายังเธอ

ผู้ชายมาร์กหน้า...เหอะ เธอควรจะชินได้สักที

วิกรานต์ที่มีแผ่นขาวขนาดเท่ารูปหน้าแปะอยู่ เว้นร่องตา จมูก ปากไว้ ผมหน้าม้ารวบมัดเป็นจุกตั้งชี้ สายตาที่มองไปยังกรแก้วยังมีความขุ่นข้อง

“เธอไม่ต้อง ขอโยษิตามาให้ฉันจัดการก็พอ” น้ำเสียงต่ำ หัวเราะในลำคอ อาฆาตหรือ คนฟังก็ไม่แน่ใจ มันเหมือนกับ...สนุก กรแก้วเลิกคิ้วแปลกใจ

“แกโดนอะไรมา”

มือขาวดึงแผ่นมาร์กออก ขยำมันเป็นก้อนกลมในกำมือ ส่งเสียงฮึ่มใส่ผู้หญิงที่กำลังหัวเราะเขาจนตัวงอ แก้มสองข้างของเขาชาดิก ขนาดเอาน้ำแข็งประคบหน้า ต่อด้วยมาร์กหน้าบำรุงผิว แรงมือบนหน้าเขาก็ยังไม่หายไป

“กลับไปตลกที่บ้านไป ห้องฉันไม่ได้เปิดคาเฟ่”

“มันสมน้ำหน้านี่ โดนขนาดนี้ยังไม่เข็ด แกอยากโดนรอยเท้าที่กลางหลังหรือไงถึงจะยอมเซ็น ถึงว่าห้องประชุมอย่างกับผ่านสมรภูมิรบมา นิสัยนะแก”

“เออ แค่ระบายอารมณ์น่า เดี๋ยวจ่ายให้ ส่วนเรื่องเซ็น ถ้าเด็กแกไร้ความสามารถทำให้ฉันเซ็นในสามวันนี้ไม่ได้ ก็เตรียมลาสัญญาเลย ฉันจะเปลี่ยนบริษัท”

“ไอ้กลาง” กรแก้วจ้องคนยื่นข้อเสนอนั้นมาด้วยท่าทางเหมือนเล่นขายขนม ที่ลูกค้าไม่ได้รับพึงใจก็โกรธเกรี้ยว อยากมีเล็บงอกยาวมาตะปบหน้าผิวขาวเนียนเพิ่มอีกสักห้ารอย

“จุ๊ๆ วันนี้ฉันอยากจะพูดแค่นี้ ไม่อยากทำลายล้างห้องตัวเอง เชิญแกกลับไปได้...ผิวหน้าฉันจำเป็นต้องพักผ่อน” มือที่บำรุงผิวมาอย่างดีหยิบรีโมทมาเปิดเครื่องเล่นให้บรรเลงเพลงร็อค ยุติบทสนทนา วิกรานต์ล้มตัวลงนอน ปล่อยให้เพื่อนสนิทยืนทำหน้าเคียดแค้น และไม่รอให้คนหลับตาพริ้มตั้งตัว กรแก้วเคาะแฟ้มหนาบนหน้าวิกรานต์ไปแรงๆ ทีหนึ่ง

“ฉันแค้นแกโว้ย” กรแก้วพูดกรอกหู

วิกรานต์เด้งมาเตรียมอาละวาดกับผู้ประทุษร้ายหนังหน้าเขาอีกครั้งในรอบวัน ก็พบว่าเท้าของเพื่อนเหยียบเมฆหนีหายไปเรียบร้อย ได้แต่ระบายออกมาด้วยการตะโกนเสียงดังลั่น แล้วต้องเบ้หน้า เพราะรอยระบมตรงแก้ม

หน้าเจ้าของฝ่ามืออรหันต์ทั้งสี่ครั้ง และแรงแบบไม่ยั้ง ลอยมา เขาเชื่อว่ากรแก้วต้องทำให้เขาได้จัดการยัยเด็กน้อยมือหนักแน่นอน


กล่องสี่เหลี่ยมสองใบถูกขนเข้ามาในบ้าน โยษิตามองภาพถ่ายครอบครัวในกรอบรูปที่อยู่บนสุดของกล่อง จำต้องกล้ำกลืนก้อนหนักๆ ในคอลงไป วางลงบนโต๊ะเรียบร้อยจึงเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำเย็นใส่แก้วมาให้ลุงวิชัย อดีตลูกน้องของแม่ และเหมือนญาติอีกคนของเธอ

“ลุงรวบรวมมาได้แค่นี้ ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับรูปคดีทางการต้องเก็บไว้” สีหน้าของลุงวิชัยในวัยห้าสิบเอ็ดปี ท่านเป็นอีกคนที่ลาออกจากตำรวจเพื่อมาเป็นสายลับ รูปร่างเจ้าเนื้อ ดูเป็นคนใจดีแต่เรื่องช่างสังเกตเป็นที่หนึ่ง

“ลุงคะ ก่อนที่พ่อแม่ของจูนจะเสีย พ่อแม่ของจูนกำลังทำคดีอะไร”

วิชัยมองเด็กน้อยที่เหมือนลูกหลานตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าในใจของโยษิตาย่อมต้องมีความเคียดแค้น และโกรธต่อบุคคลที่มาพรากลมหายใจบุพการีไป แต่ใช่ว่าการรับรู้จะทำให้แก้ไขอะไรได้ บางที...หากผลีผลามทำอะไรเสี่ยงๆ ไปจะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อลมหายใจของตัวเอง

“ลุงว่าจูนควรตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน มีชีวิตอย่างปลอดภัย อย่ารับรู้อะไรเลยดีกว่านะ”

“ลุงคะ ช่วยจูนสักครั้งได้ไหม จูนไม่อยากให้คนเลวยังลอยนวลแบบนี้”

คนสูงวัยกว่าทำหน้าหนักใจ สายตาแน่วแน่มุ่งมั่นของอีกฝ่ายทำให้เขาจำต้องยอมแพ้ใจ เขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก งานครั้งนี้ สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนสืบหาแหล่งเองในระยะเวลาไม่กี่เดือน และทุกอย่างก็ลงเอยที่ความสูญเสีย เขารู้เพียงแค่ตัวบุคคลที่เคยได้ยินทั้งคู่พูดถึง

“ต้องตามหา ‘พันมือ’”

“พันมือ คืออะไรคะ”

อดีตนายตำรวจทำหน้าจนใจ ลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลนั้นสำคัญ และเป็นข้อมูลเดียวที่เขารู้ “วงการนักพนันรู้จักชื่อเขาว่าพันมือเป็นหน่วยข่าวกรองชั้นยอดที่พ่อแม่เราไปหา” ดวงตาของโยษิตาส่องประกายสว่างด้วยความหวัง ก่อนจะหม่นลงในระยะเวลารวดเร็ว “แต่ลุงไม่รู้หรอกนะว่าจะตามหาเขาได้ที่ไหน”

“พ่อแม่ของจูนพูดถึงเขามานานกี่เดือนแล้วคะ”

“รู้จักมาราวๆ ปีหนึ่งแล้ว แต่ลุงไม่เคยรู้ ส่วนใหญ่คนที่รู้จะเป็นพ่อของเรา เขาจะไปหาพันมือด้วยตัวเอง”

“แล้วเรื่องนี้มีใครรู้อีกไหมคะ”

ลุงวิชัยส่ายศีรษะเป็นคำตอบ ปล่อยให้โยษิตาจมอยู่กับสิ่งที่เธอต้องการรู้ต่อไป มันดูไร้หนทาง แต่ก็ไม่เสียทีเดียว อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าพันมือคือนักพนัน รู้เพียงแค่นั้นในตอนนี้

ถ้าหากเรื่องครั้งนี้มันง่ายอย่างกับเรื่องราวอยู่ใต้จมูก มันจะดีไม่น้อย


วันนี้เป็นอีกวันที่เธอต้องมาฝึกงาน เมื่อวานเธอรู้สึกว่าตัวเองใช้พลังกายไปมากในการเอาตัวรอดจากผู้ชายเจ้าอารมณ์คนหนึ่ง ที่สำคัญเขาหลอกเธอเรื่องลายเซ็น

โยษิตายกมือสวัสดีรุ่นพี่ วันนี้ทุกคนมองเธอด้วยสายตาเห็นใจ...เธอว่าไม่ได้เป็นหนี้ใคร หรือมีญาติป่วยหรอกนะ

หญิงสาวเลิกคิดถึงสายตาคนอื่น ตั้งใจจะเดินขึ้นบันไดเพื่อไปรับงานจากพี่เลี้ยง หน้าเธอก็เกือบทิ่มจูบกับพื้น เธอเห็นเท้าข้างหนึ่งที่สวมหูหนีบ ไล่ขึ้นมากางเกงเป็นผ้ายีนส์เท่าเข่าลายซิกแซกสีส้มตัดเหลืองที่เธอเห็นแวบเดียวถึงกับมึนหัว ไม่คิดจะมองขึ้นไปอีก เธอก็จงใจข้ามเท้าคู่นั้นไป ไม่อยากใส่ใจว่าจะได้ยินเสียงขอโทษ

อย่าถือสาหาความกับพวกแข้งขายาวเลย...คิดได้แบบนั้นเธอก็เดินขึ้นบันไดต่ออย่างสบายใจ ไม่สนว่าได้ทิ้งความขุ่นเคืองให้ใครไว้เบื้องหลัง

“ฉันไม่อยากใจร้ายกับเธอหรอกนะ” กรแก้วกอดอกพิงรออยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ ในแขนข้างหนึ่งมีแฟ้มเจ้าปัญหาที่เธอทำไม่สำเร็จอยู่ด้วย “ทุกคนที่นี่เคยทำสำเร็จกันมาหมดแล้ว ถ้าเธอทำไม่สำเร็จในสามวัน ฉันคงต้องบอกว่าเธอฝึกงานไม่ผ่าน”

คนโดนภาระสำคัญเก็บเสียงตัวเองไว้มิดชิด ปากเม้มไว้แน่น ก้มหน้านิดๆ ทั้งที่ในใจกำลังไม่พอใจอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าจะโกรธกรแก้วหรือวิกรานต์ดี แต่ที่แน่ๆ งานที่ถูกยัดใส่มือของเธอยามนี้ มันกำลังทำให้อนาคตของเธอในการเรียนจบอยู่ในภาวะเสี่ยง...กับเวลาพิสูจน์สามวัน

“ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ในปากเด็กฝึกงาน...ใช่ไหม”

“ค่ะ”

“สามวันนี้ งานของเธอคือแฟ้มในมือ ถ้าทำสำเร็จ ระยะเวลาที่เหลือในการฝึกงานเธอจะนั่งนอน หยิบจับนิดๆ หน่อยๆ ก็ตามใจ ฉันจะแถมโบนัสให้อีกหนึ่งเท่าจากเงินเดือนเธอด้วย”

กรแก้วอวยพรเธออีกสองสามประโยคจึงผละไปเข้าห้องทำงานกรุกระจกติดมู่ลี่รอบทิศของตัวเอง ปล่อยภาระหนักอึ้งแก่นักศึกษาฝึกงานด้วยงานยากงานเดิมอีกครั้ง

รุ่นพี่สามชีวิตมาแปะไหล่รุ่นน้องอย่างปลอบใจ เล่าประสบการณ์อันหนักหนาที่ทุกคนพานพบมา และไม่คิดจะพานพบอีก

“ตอนพี่นะ ต้องไปแหกปากร้องเพลงเปิดหมวกหาเงินมาให้ได้สามพัน แล้วไปถ่ายรูปตัวเองบริจาคที่บ้านเด็กกำพร้าให้เสร็จภายในวันเดียว คอแทบพัง ร่างจะแหลกเอา”

“ของฉันแย่ยิ่งกว่า ต้องแต่งขนแมวให้ถูกใจคุณกลาง แมวสุดที่รักของเขา กว่าฉันจะทำถูกใจ โน่น แมวคุณกลางขนเตียนติดหนัง มือฉันสั่นไปหมด ทำมาแทบตายไม่ถูกใจ อารมณ์สุดท้ายกะตัดสินใจลาออก ขอแก้แค้นนังแมวเลยไถให้เกรียน ดันถูกใจซะงั้น ถึงรอดมาได้”

“อะไรก็ไม่ร้ายเท่าฉัน ให้ฉันทาสีห้องประชุมของคุณแก้วเป็นสีรุ้ง ฉันล่ะหวั่นว่าคุณแก้วจะไล่ฉันออก ถึงจะล่าลายเซ็นคุณกลางมาได้ โชคดีที่คุณแก้วแค่บ่นๆ แล้วก็ไม่ว่าอะไรมาก”

เธอเพิ่งถึงบางอ้อถึงที่มาของห้องประชุมสีรุ้งในวันนี้ จริงๆ เธอก็น่าจะรู้ว่าบุคคลพิสดารพันลึกเข้าเส้นเลือดขนาดนั้น คงไม่แคล้วจะมีคนเดียวในโลก

“มันเหมือนการรับน้อง จูนต้องผ่านให้ได้นะ พี่เองก็ไม่รู้จะช่วยอะไร พวกเราทุกคนน่ะไม่กล้าเอาตัวไปหาเรื่องอีก ยังไงจูนกับคุณกลางก็รู้จักกันมาก่อนอยู่แล้วใช่ไหม” ฤดีปลอบใจเธอ แต่สายตาวิบวับมองมายิ้มๆ

โยษิตาเห็นสายตาของรุ่นพี่คนอื่นมีประกายแปลกไม่ต่างกัน เธอถึงนึกออก เรื่องที่ทุกคนเข้าใจผิด...มันเกิดจากการกระทำที่วิกรานต์จงใจ

“มันไม่มี...”

“จะยืนจินตนาการถึงความหล่อของฉันอีกนานไหม” เสียงห้วนดังขัดขึ้นก่อนที่เธอจะปฏิเสธความสัมพันธ์ของเธอกับเขาให้รุ่นพี่รับรู้ ทุกคนต่างพร้อมใจกันหนีหายแยกย้ายไปคนละทิศ

โยษิตาส่งสายตาวาวใส่คนช่างขัด พบว่าเกินกว่าครึ่งหน้ามีผ้าปิดปากสีดำลายริมฝีปากแดงอันโตตรงกลางปิดอยู่ ดวงตาของเขาจ้องหน้าเธอด้วยความท้าทาย เหลือบมองแฟ้มในมือของเธอ ส่งเสียงหัวเราะเยาะ หมุนตัวพาสไตล์อันคิดว่ามั่นของเขาด้วยเสื้อเชิ้ตสีเหลืองสว่างตาเดินนำลงไป

กางเกงแสบตานี่ก็ด้วย...ถึงว่าใครกันจะแข้งขายาวมาขัดการเดินของเธอ

ผู้ชายคนนี้มันเจ้าคิดเจ้าแค้น...

“มองฉันจนน้ำลายจะไหลอยู่แล้ว เอ๊ะ หรือเลือดกำเดาพุ่ง หุ่นฉันมันยวนใจใช่ไหม” เขาเอี้ยวตัวมาในมุมสี่สิบห้าองศา อวดรอยยิ้ม ที่เห็นแค่ตาเป็นประกาย ใช้มือข้างหนึ่งปัดผมหน้าม้าพองๆ ของตัวเอง พลางยักคิ้ว

โยษิตาเชิดหน้าเดินผ่านเขาไป หน้าเริ่มแดงก่ำ เธออุตส่าห์เงียบ พ้นเขาลงมาไม่ถึงขั้นบันได เสียงหัวเราะของเธอก็หลุดออกมาหมดสภาพ ความใจเย็นของเธอโดนภาพลักษณ์เขาทำลายลง เสียงของเธอจงใจบ่นให้เขาได้ยิน

“เหมือนดวงอาทิตย์ดวงที่สองยังไม่รู้ตัว พระอาทิตย์สวมวิก มีปาก เดินได้”

..............................................................
เป็นเรื่องที่ทำลายภาพพระเอกในอุดมคติคนอ่านมากแน่ๆ ฮ่าๆๆ แต่ยิ่งเขียนยิ่งหลงรักแฮะ จริงๆ แอบมีคนต้นแบบ เลยจับมาเขียนได้ค่ะ (คนแบบกลางขอบอกว่าแอบมีอยู่จริง อิอิ)

คุณ Sukhumvit66 ใช่ค่ะเขียนตอนแรกก็นึกถึงวิชวลเคเหมือนกัน แต่ชุดของกลางอาจยังไม่วิชวลพอ แต่สไตล์พี่กลางแกก็ยังแปลกได้อีกตลอดทั้งเรื่องค่ะ ฮา ยังมีอะไรมาเซอร์ไพร้ส์คนอ่านได้อีก

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เรื่องนี้ยอมจับพระเอกหน้าหล่อก็ได้ สวยก็เลิศ จับมาแกล้ง เอ๊ย จับมาจัดเต็มเลยนะขอบอก ตอนนี้ยังจับมามาร์กหน้ากันเลย ฮา

คุณ konhin รู้สึกเรื่องนี้พระเอกจะสวยกว่านางเอก ฮา แต่รสนิยมคุณกลางค่อนข้างน่ากลัวเอาเรื่องค่ะ

คุณ อัศวินนภา เจอทำลายล้างไปตอนต้น ต่อด้วยมาร์กหน้า ในตอนเดียวกันอาจปรับอารมณ์ไม่ทันคุณกลางค่ะ ต้องเติมหล่อ เร้าใจ หลงตัวเองไปด้วย อย่างว่าเขามีให้หลงอ่ะนะ

คุณ aom ยังจี๊ดได้กว่านี้ค่ะ นี่ยังเบาะๆ ค่ะ ยิ่งเขียนยิ่งฮา บอกเลย

คุณ ปรางขวัญ หายาก ต้องเก็บไว้ในคอลเลคชั่นค่ะ ฮา เป็นตัวละครที่มีต้นแบบนะคะ หรือแปลกยิ่งกว่านี้ก็ไม่รู้

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า ก่อนอ่านอาจต้องเตรียมใจว่าคุณกลางจะแรงส์ด้วยเรื่องอะไรอีก ^__^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ธ.ค. 2556, 00:42:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ธ.ค. 2556, 00:42:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1378





<< บทที่ 2 : คนประหลาด   บทที่ 4 : นอกสายตา >>
konhin 23 ธ.ค. 2556, 03:24:24 น.
โหยยยยย พระเอกแกแรงมาก ชอบอ่ะที่โดนสวมรอยตบ ฮ่าๆๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 23 ธ.ค. 2556, 05:41:17 น.
รีบไปพอกหน้าเลยขอบอก อ่านเรื่องนี้จบก็คงพอจะหน้าเนียน ผิวดีขึ้นบ้าง นายกลาง บอกเลย นายคือ ไอด้อลลล ของดั๊นนน


ปรางขวัญ 23 ธ.ค. 2556, 07:59:56 น.
มั่นใจอย่าได้แคร์ น่าจะเป็นสโลแกนนายกลางได้นะ


mhengjhy 23 ธ.ค. 2556, 09:52:45 น.
เก่งมากค่ะ หนูโย


Sukhumvit66 23 ธ.ค. 2556, 10:12:37 น.
ซัดให้หมอบเลยนะคะ นู๋โย อิอิ


อัศวินนภา 23 ธ.ค. 2556, 14:26:59 น.
เอาซะน้ำตาเล็ดเลย
พระอาทิตย์ดวงที่2
555+


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account