อาญาซาตาน
ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น
เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี
แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก
เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว
กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว
และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม
และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ
เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี
แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก
เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว
กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว
และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม
และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ
Tags: พระเอกโหด เศร้า รัดทด
ตอน: บ้านใหม่กับชีวิตใหม่
ทนายอำนวยกับอรรถพลผู้เป็นลูกชายที่เจริญรอยตามพ่อตามปู่ด้วยการยึดอาชีพทนายมารับสามยายหลานตามเวลานัด ไม่ถึงสองชั่วโมงก็มายืนอยู่ที่ว่างเปล่าที่ห่างหมู่บ้านและเขตชุมชนอยู่พอสมควรแต่ก็ไม่จัดว่าเปลี่ยว เพราะมีรถขับผ่านไปมาอยู่บ้าง
ที่ดินไม่ได้อยู่ฝั่งทะเลแต่อยู่อีกฝั่งของถนนสุขุมวิท และหมู่บ้านที่ห่างออกไปไกลพอสมควรนั้นก็เป็นบ้านจัดสรร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่นเข้ามาอยู่ไม่ใช่คนพื้นที่เหมือนอีกฝั่ง วิโรจน์ถึงมีเงินพอซื้อหาทิ้งไว้ให้ลูกได้ เมื่อบังเอิญมีคนเอามาเสนอขายเพราะร้อนเงิน ประจวบเหมาะกับตอนที่เขาพอมีเงินติดตัวอยู่บ้าง ถึงจะเป็นเงินที่ได้มาจากหนทางไม่สุจริตก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะทำผิดเพื่อช่วยลูกเป็นครั้งสุดท้าย
“เป็นไงครับหนูนิ่มพอไหวหรือเปล่า ลุงว่าปลูกบ้านหลังเล็กๆ ทำรั้วขึ้นมาก็อยู่ได้แล้วนะครับ”
ทนายอำนวยหันไปถามเมื่อเห็นสามยายหลานยืนเงียบ โดยเฉพาะกัณหาที่ยังมืดแปดด้านอยู่เพราะคงจะทำตามคำแนะนำทนายพ่อไม่ได้แน่ ด้วยเงินในกระเป๋ามีเหลือไม่เท่าไหร่ คงไม่พอจะเอามาทำบ้านทำรั้ว ไหนจะต้องเก็บไว้ใช้จ่ายระหว่างท้องที่ตัวเองจะหางานประจำทำไม่ได้อีก
“ต้องปรึกษายายก่อนค่ะคุณลุง นิ่มมีเงินไม่มากเท่าไหร่ต้องเก็บไว้ใช้ด้วย” แต่ยายจำปากับชาลีกลับคิดไปอีกแบบ จึงรีบเสนอ
“แต่ถ้าเราปลูกง่ายๆ ให้พออยู่ได้ก่อนก็น่าจะดีนะนิ่ม ยายพอมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อยถ้ารวมกับของนิ่มก็น่าจะพอ และมีเหลือไว้ใช้ด้วย ที่ทางทำมาหากินก็คงจะพอมี คนแถวนี้คงจะกินขนมของยายบ้างล่ะ ถ้าทำแล้วเอาไปขายตลาด”
“ทำแบบที่คุณยายว่าก็น่าจะดีนะครับ พออยู่ตัวแล้วค่อยขยับขยายทีหลัง” ทนายอรรถพลให้ความคิดในเชิงสนับสนุนอย่างยิ่งด้วยรู้ว่าทั้งสามไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แต่กัณหายังไม่คลายกังวล
“นิ่มว่ายังไงอย่างน้อยๆ ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าสองแสนนะคะถึงจะเป็นบ้านให้พออยู่ได้”
“แต่ถ้าเราทำเองก็อาจจะไม่ถึงหรอกพี่นิ่ม” ทุกคนหันมามองชาลีเป็นตาเดียวกัน
“ใครจะทำได้ล่ะหนุ่มก็ บ้านทั้งหลัง” พี่จึงเอ็ดน้อยๆ
“อ้าว! พี่นิ่มลืมไปแล้วเหรอว่าหนุ่มเรียนช่างกล และมีเพื่อนเป็นช่างก่อสร้างเป็นสิบ ถ้าโทรไปขอแรงพวกมันกริ๊งเดียวเท่านั้นได้แห่กันมาแน่ เพราะเป็นช่วงว่างยังไม่มีใครได้งานทำ ถ้าพี่นิ่มสน กลับบ้านแล้วหนุ่มจะให้เพื่อนช่วยร่างแบบบ้านให้เลย จะเอาเป็นบ้านกล่องธรรมดาๆ ยังได้” ชาลีบอกทั้งรอยยิ้ม
“จริงเหรอหนุ่ม” ยายจำปาและทุกคนต่างหันไปยิ้มให้กัน เมื่อเจ้าของความคิดพยักหน้าหงึกๆ
“สบายมากครับยาย” รับรองไม่ถึงเดือนเราก็จะกลายเป็นคนบางเสร่ไปเรียบร้อย
“งั้นก็น่าลองนะหนูนิ่ม เดี๋ยวลุงจะลงขันด้วย แล้วจะให้เจ้าอรรถคอยช่วยและคอยให้คำปรึกษาอีกแรง แต่ก่อนอื่นวันนี้เรารีบไปโอนที่กันก่อนดีกว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว ระหว่างรอโอนจะได้ให้เจ้าอรรถติดต่อผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเรื่องขอแบบแปลน ขอบ้านเลขที่ และขอเดินเรื่องอื่นๆ ให้ด้วยเลย”
เมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้และทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วยแล้ว กัณหาก็ยอมเสี่ยงให้น้องกับเพื่อนๆ ช่วยกันระดมความคิดสร้างบ้านกล่องแบบเรียบง่ายใช้งบน้อยตามที่คุยกันไว้ โดยมีทนายอรรถพลมาช่วยดูตามที่พ่อสั่งอย่างไม่เกี่ยงงอน แม้งานจะล้นมือสักแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็มาเพราะสงสารสามชีวิตที่ไม่มีทางไปไม่น้อย
และนอกจากที่อำนวยจะช่วยสมทบทุนเงินบางส่วนด้วยแล้ว ยังให้ยืมรถปิ๊กอัพใช้ระหว่างชาลีมาสร้างบ้านด้วยจะได้สะดวก กัณหากับยายก็เลยตัดสินใจตามน้องกับเพื่อนๆ มาอยู่ยงด้วยเลย แม้ที่พักชั่วคราวจะเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมล้อมลอบด้วยสังกะสีเก่าทั้งหมดก็ตาม เพื่อจะได้มาคอยดูแลเรื่องอาหารการเงินให้หนุ่มๆ นับสิบที่ขยันขันแข็งลุยงานแต่เช้ากระทั่งค่ำมืด
“ยายว่าพรุ่งนี้จะลองทำขนมเอาไปขายตลาดนัดแถวนี้ดูหน่อยนะนิ่ม เห็นคนเขาว่ามีทุกวันตอนบ่ายๆ ค่าที่ก็ไม่แพงเท่าไหร่”
กัณหาที่กำลังหั่นผักอยู่หันไปมองยายด้วยความไม่เห็นด้วย และไม่แน่ใจว่าจะขายได้อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า อีกทั้งการเดินทางไปตลาดก็ดูจะไม่สะดวกเอาเสียเลย ไหนจะกลัวยายเหนื่อยด้วย
“จะดีเหรอจ้ะยาย”
“ต้องดีสินิ่มเราคิดดี ทำดี มันต้องได้ผลดีๆ ออกมาสิ ไหนๆ เราก็ไปซื้อของที่ตลาดมาทำให้หนุ่มๆ กินอยู่แล้ว ก็ซื้อมาทำขนมด้วยเลย บ่ายๆ ก็ให้เจ้าหนุ่มไปส่งเราที่ตลาด พอขายเสร็จก็โทรให้กลับไปรับ ยายว่าน่าจะได้เงินพอมาเป็นค่าอาหารบ้างนะ เราไม่มีรายได้อะไรมีแต่จ่ายกับจ่ายเดี๋ยวเงินก็หมดกันพอดี อีกอย่างการทำบ้านต่อให้เราตั้งงบไว้แค่นี้ แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็จะบานออกๆ จนเราคิดไม่ถึงเชียวล่ะ”
“แต่นิ่มกลัวยายจะเหนื่อยจ้ะ”
“มีนิ่มอยู่ช่วย ยายจะกลัวอะไร ว่าแต่นิ่มเถอะจะไหวหรือเปล่า ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้อยู่”
“ไหวจ้ะยาย”
วันรุ่งขึ้นสองยายหลานจึงดูจะวุ่นไม่น้อยกับการทำอาหารและทำขนมไปขาย แต่พอขนมขายเกลี้ยงได้กำไรมาเป็นค่ากับข้าวต่างก็หายเหนื่อยไปตามๆ กัน ชาลีอดสงสารพี่กับยายไม่ได้ แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนอกจากรีบสร้างบ้านให้เสร็จเร็วๆ เพื่อยายกับพี่จะได้อยู่สบายกว่าห้องสังกะสีหน่อย
และแค่อาทิตย์เดียวก็ได้โครงบ้านที่มุงหลังคาเรียบร้อยแล้ว อีกอาทิตย์ถัดมาก็ได้ห้องน้ำกับผนังที่ยังไม่ฉาบแล้ว และอีกสองอาทิตย์บ้านกล่องที่เรียบง่ายก็เหม็นคลุ้งไปด้วยสีฟ้าสดใสแม้จะแห้งแล้วแต่กลิ่นก็ยังแรงอยู่แล้ว ทว่ากลับไม่เป็นปัญหากับสามชีวิตที่จะย้ายเข้ามาอยู่
“ถ้าเงินจะหมดหนุ่มว่าตอนนี้เราเอาแค่บ้านก่อนก็ได้นะพี่นิ่ม ไว้มีเงินแล้วค่อยทำรั้ว หนุ่มทำเองก็ได้ ถ้าโชคดีได้งานแถวนี้ก็ค่อยๆ ทำตอนวันหยุด ยิ่งถ้าเพื่อนๆ หนุ่มได้งานใกล้ๆ กันก็จะได้ชวนมาช่วย เราทำเองได้ก็ประหยัดค่าแรงไปเป็นครึ่งเลยล่ะ”
ชาลีรีบเสนอเมื่อรับรู้ว่าเงินพี่เริ่มจะร่อยหรอแล้ว ขณะกำลังช่วยกันขนของเข้าบ้านโดยมีเพื่อนกลุ่มเดิมของชาลีอาสามาช่วยขนของขึ้นรถรับจ้างทั่วไปตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงบ้านใหม่ด้วยความสนุกสนานครื้นเครง กัณหาที่ตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้วจึงทำหมูกะทะเลี้ยงเป็นการขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนน้องอย่างที่สุด
“วันนี้นิ่มกับยายเลี้ยงขอบคุณหนุ่มๆ ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณอาจะรีบกลับหรือเปล่าคะ ถ้าไม่รีบนิ่มขอเชิญนั่งกินกับพวกเราก่อนค่ะ”
กัณหาออกมาต้อนรับอรรถพลที่มีน้ำใจแวะมาดู เมื่อรู้ว่าวันนี้สามยายหลานกำลังย้ายบ้าน ซึ่งเขาก็ไม่ขัดในคำเชิญนั้น เพราะยังไงๆ ก็ต้องพักอีกนานกว่าจะขับรถกลับอยู่ดี และนั่นทำให้เขาได้เห็นความรักความเอื้ออาทรที่ทั้งสามคนมีให้กัน รวมถึงได้เผื่อแผ่ถึงเพื่อนๆ ของชาลีด้วย
หลังจากนั้นเพื่อนน้องบางคนก็ขอพักต่อในช่วงรอสัมภาษณ์งานตามนิคมอุตส่าหกรรมต่างๆ ที่สมัครไว้พร้อมกันกับชาลีด้วย และเขาก็ได้งานก่อนใครเพื่อน เพราะอรรถพลแอบฝากฝังไว้กับคนรู้จักในบริษัทที่ชาลีไปสมัคร เพราะสงสารคนทั้งสามที่ต้องพบกับความลำบากลำบน
จากการเสียสละให้ผู้มีพระคุณเท่านั้น แถมเขายังขายปิ๊กอัพให้กัณหาในราคาถูกแสนถูก โดยให้โปรโมชั่นเอามาใช้ก่อนค่อยผ่อนทีหลัง ครั้นจะให้ฟรีๆ ก็รู้ดีว่าทั้งสามคงไม่รับ ตอนที่พ่อให้เงินมาช่วยสร้างบ้านก็ต้องคะยั้นคะยอหลายครั้งถึงได้ยอม
“มีรถแล้วดีเลย จะได้ขับพายายไปหาหมอตามนัดหน่อย มาอยู่ตั้งไกลกว่าจะนั่งรถประจำทางไปถึงยายกับพี่นิ่มเหนื่อยแย่”
ชาลีเอ่ยทั้งรอยยิ้มหลังกลับจากทำงาน พี่สาวที่นั่งตัดใบตองไว้ห่อขนมวันรุ่งขึ้นอยู่ก็เห็นด้วยไม่น้อย แต่ยายที่กำลังเช็ดใบตองอยู่เงยหน้าขึ้นไปจ้องหลานทั้งสองตาเขม็งเพราะไม่อยากเปลือง ด้วยรู้ดีว่าหลานสาวหมดไปกับบ้าน เยอะกว่าที่ตั้งงบไว้แล้ว อีกทั้งสุภาพตัวเองก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เจ็บไม่ไข้เลย และไหนจะต้องอดรายได้จากการไปขายขนมที่ตลาดอีก
“ไม่เอาหรอก เติมน้ำมันไปกลับเป็นพัน ยายกับนิ่มนั่งรถบัสไปก็ได้ หรือถ้ายุ่งยากนัก ก็ไม่ต้องไปหรอก ยายน่ะหายดีแล้ว จะมานัดมาเนิ้ดอะไรนักหนาก็ไม่รู้หมอนี่”
“ยาย!!!” สองหลานร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน เพราะความไม่เห็นด้วยที่ยายจะประหยัดจนลืมสุขภาพตัวเอง
“อย่าขี้เหนียวจนได้เรื่องเหมือนครั้งก่อนดีกว่านะครับยาย เห็นหรือเปล่าได้เดือดร้อนกันไปทั่ว โดยเฉพาะพี่นิ่มที่ต้องเจอหนักกว่าใคร”
ชาลีเอ็ดยายเป็นครั้งแรก และนั่นทำให้ยายเงียบลงได้ทันที เพราะรู้ดีว่าตัวเองก็เป็นต้นเหตุทำให้หลานต้องตกที่นั่งลำบากด้วยเช่นกัน สืบเนื่องมาจากความขี้เหนียวค่าหมอค่ายา ไม่ยอมไปตรวจสุขภาพเมื่อมีอาการผิดปกติแต่แรกที่สังเกตเห็นกลับนิ่งเฉยจนเลยเถิดกลายเป็นป่วยหนักตามมา แล้วคำบ่นของน้องก็ทำให้คนพี่อดคิดถึงใบหน้าของเขาลอยเด่นขึ้นมาตอกย้ำให้จิตใจรวดร้าวได้อย่างง่ายดาย
ที่ดินไม่ได้อยู่ฝั่งทะเลแต่อยู่อีกฝั่งของถนนสุขุมวิท และหมู่บ้านที่ห่างออกไปไกลพอสมควรนั้นก็เป็นบ้านจัดสรร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่นเข้ามาอยู่ไม่ใช่คนพื้นที่เหมือนอีกฝั่ง วิโรจน์ถึงมีเงินพอซื้อหาทิ้งไว้ให้ลูกได้ เมื่อบังเอิญมีคนเอามาเสนอขายเพราะร้อนเงิน ประจวบเหมาะกับตอนที่เขาพอมีเงินติดตัวอยู่บ้าง ถึงจะเป็นเงินที่ได้มาจากหนทางไม่สุจริตก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะทำผิดเพื่อช่วยลูกเป็นครั้งสุดท้าย
“เป็นไงครับหนูนิ่มพอไหวหรือเปล่า ลุงว่าปลูกบ้านหลังเล็กๆ ทำรั้วขึ้นมาก็อยู่ได้แล้วนะครับ”
ทนายอำนวยหันไปถามเมื่อเห็นสามยายหลานยืนเงียบ โดยเฉพาะกัณหาที่ยังมืดแปดด้านอยู่เพราะคงจะทำตามคำแนะนำทนายพ่อไม่ได้แน่ ด้วยเงินในกระเป๋ามีเหลือไม่เท่าไหร่ คงไม่พอจะเอามาทำบ้านทำรั้ว ไหนจะต้องเก็บไว้ใช้จ่ายระหว่างท้องที่ตัวเองจะหางานประจำทำไม่ได้อีก
“ต้องปรึกษายายก่อนค่ะคุณลุง นิ่มมีเงินไม่มากเท่าไหร่ต้องเก็บไว้ใช้ด้วย” แต่ยายจำปากับชาลีกลับคิดไปอีกแบบ จึงรีบเสนอ
“แต่ถ้าเราปลูกง่ายๆ ให้พออยู่ได้ก่อนก็น่าจะดีนะนิ่ม ยายพอมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อยถ้ารวมกับของนิ่มก็น่าจะพอ และมีเหลือไว้ใช้ด้วย ที่ทางทำมาหากินก็คงจะพอมี คนแถวนี้คงจะกินขนมของยายบ้างล่ะ ถ้าทำแล้วเอาไปขายตลาด”
“ทำแบบที่คุณยายว่าก็น่าจะดีนะครับ พออยู่ตัวแล้วค่อยขยับขยายทีหลัง” ทนายอรรถพลให้ความคิดในเชิงสนับสนุนอย่างยิ่งด้วยรู้ว่าทั้งสามไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แต่กัณหายังไม่คลายกังวล
“นิ่มว่ายังไงอย่างน้อยๆ ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าสองแสนนะคะถึงจะเป็นบ้านให้พออยู่ได้”
“แต่ถ้าเราทำเองก็อาจจะไม่ถึงหรอกพี่นิ่ม” ทุกคนหันมามองชาลีเป็นตาเดียวกัน
“ใครจะทำได้ล่ะหนุ่มก็ บ้านทั้งหลัง” พี่จึงเอ็ดน้อยๆ
“อ้าว! พี่นิ่มลืมไปแล้วเหรอว่าหนุ่มเรียนช่างกล และมีเพื่อนเป็นช่างก่อสร้างเป็นสิบ ถ้าโทรไปขอแรงพวกมันกริ๊งเดียวเท่านั้นได้แห่กันมาแน่ เพราะเป็นช่วงว่างยังไม่มีใครได้งานทำ ถ้าพี่นิ่มสน กลับบ้านแล้วหนุ่มจะให้เพื่อนช่วยร่างแบบบ้านให้เลย จะเอาเป็นบ้านกล่องธรรมดาๆ ยังได้” ชาลีบอกทั้งรอยยิ้ม
“จริงเหรอหนุ่ม” ยายจำปาและทุกคนต่างหันไปยิ้มให้กัน เมื่อเจ้าของความคิดพยักหน้าหงึกๆ
“สบายมากครับยาย” รับรองไม่ถึงเดือนเราก็จะกลายเป็นคนบางเสร่ไปเรียบร้อย
“งั้นก็น่าลองนะหนูนิ่ม เดี๋ยวลุงจะลงขันด้วย แล้วจะให้เจ้าอรรถคอยช่วยและคอยให้คำปรึกษาอีกแรง แต่ก่อนอื่นวันนี้เรารีบไปโอนที่กันก่อนดีกว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว ระหว่างรอโอนจะได้ให้เจ้าอรรถติดต่อผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเรื่องขอแบบแปลน ขอบ้านเลขที่ และขอเดินเรื่องอื่นๆ ให้ด้วยเลย”
เมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้และทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วยแล้ว กัณหาก็ยอมเสี่ยงให้น้องกับเพื่อนๆ ช่วยกันระดมความคิดสร้างบ้านกล่องแบบเรียบง่ายใช้งบน้อยตามที่คุยกันไว้ โดยมีทนายอรรถพลมาช่วยดูตามที่พ่อสั่งอย่างไม่เกี่ยงงอน แม้งานจะล้นมือสักแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็มาเพราะสงสารสามชีวิตที่ไม่มีทางไปไม่น้อย
และนอกจากที่อำนวยจะช่วยสมทบทุนเงินบางส่วนด้วยแล้ว ยังให้ยืมรถปิ๊กอัพใช้ระหว่างชาลีมาสร้างบ้านด้วยจะได้สะดวก กัณหากับยายก็เลยตัดสินใจตามน้องกับเพื่อนๆ มาอยู่ยงด้วยเลย แม้ที่พักชั่วคราวจะเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมล้อมลอบด้วยสังกะสีเก่าทั้งหมดก็ตาม เพื่อจะได้มาคอยดูแลเรื่องอาหารการเงินให้หนุ่มๆ นับสิบที่ขยันขันแข็งลุยงานแต่เช้ากระทั่งค่ำมืด
“ยายว่าพรุ่งนี้จะลองทำขนมเอาไปขายตลาดนัดแถวนี้ดูหน่อยนะนิ่ม เห็นคนเขาว่ามีทุกวันตอนบ่ายๆ ค่าที่ก็ไม่แพงเท่าไหร่”
กัณหาที่กำลังหั่นผักอยู่หันไปมองยายด้วยความไม่เห็นด้วย และไม่แน่ใจว่าจะขายได้อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า อีกทั้งการเดินทางไปตลาดก็ดูจะไม่สะดวกเอาเสียเลย ไหนจะกลัวยายเหนื่อยด้วย
“จะดีเหรอจ้ะยาย”
“ต้องดีสินิ่มเราคิดดี ทำดี มันต้องได้ผลดีๆ ออกมาสิ ไหนๆ เราก็ไปซื้อของที่ตลาดมาทำให้หนุ่มๆ กินอยู่แล้ว ก็ซื้อมาทำขนมด้วยเลย บ่ายๆ ก็ให้เจ้าหนุ่มไปส่งเราที่ตลาด พอขายเสร็จก็โทรให้กลับไปรับ ยายว่าน่าจะได้เงินพอมาเป็นค่าอาหารบ้างนะ เราไม่มีรายได้อะไรมีแต่จ่ายกับจ่ายเดี๋ยวเงินก็หมดกันพอดี อีกอย่างการทำบ้านต่อให้เราตั้งงบไว้แค่นี้ แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็จะบานออกๆ จนเราคิดไม่ถึงเชียวล่ะ”
“แต่นิ่มกลัวยายจะเหนื่อยจ้ะ”
“มีนิ่มอยู่ช่วย ยายจะกลัวอะไร ว่าแต่นิ่มเถอะจะไหวหรือเปล่า ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้อยู่”
“ไหวจ้ะยาย”
วันรุ่งขึ้นสองยายหลานจึงดูจะวุ่นไม่น้อยกับการทำอาหารและทำขนมไปขาย แต่พอขนมขายเกลี้ยงได้กำไรมาเป็นค่ากับข้าวต่างก็หายเหนื่อยไปตามๆ กัน ชาลีอดสงสารพี่กับยายไม่ได้ แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนอกจากรีบสร้างบ้านให้เสร็จเร็วๆ เพื่อยายกับพี่จะได้อยู่สบายกว่าห้องสังกะสีหน่อย
และแค่อาทิตย์เดียวก็ได้โครงบ้านที่มุงหลังคาเรียบร้อยแล้ว อีกอาทิตย์ถัดมาก็ได้ห้องน้ำกับผนังที่ยังไม่ฉาบแล้ว และอีกสองอาทิตย์บ้านกล่องที่เรียบง่ายก็เหม็นคลุ้งไปด้วยสีฟ้าสดใสแม้จะแห้งแล้วแต่กลิ่นก็ยังแรงอยู่แล้ว ทว่ากลับไม่เป็นปัญหากับสามชีวิตที่จะย้ายเข้ามาอยู่
“ถ้าเงินจะหมดหนุ่มว่าตอนนี้เราเอาแค่บ้านก่อนก็ได้นะพี่นิ่ม ไว้มีเงินแล้วค่อยทำรั้ว หนุ่มทำเองก็ได้ ถ้าโชคดีได้งานแถวนี้ก็ค่อยๆ ทำตอนวันหยุด ยิ่งถ้าเพื่อนๆ หนุ่มได้งานใกล้ๆ กันก็จะได้ชวนมาช่วย เราทำเองได้ก็ประหยัดค่าแรงไปเป็นครึ่งเลยล่ะ”
ชาลีรีบเสนอเมื่อรับรู้ว่าเงินพี่เริ่มจะร่อยหรอแล้ว ขณะกำลังช่วยกันขนของเข้าบ้านโดยมีเพื่อนกลุ่มเดิมของชาลีอาสามาช่วยขนของขึ้นรถรับจ้างทั่วไปตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงบ้านใหม่ด้วยความสนุกสนานครื้นเครง กัณหาที่ตั้งท้องได้ห้าเดือนแล้วจึงทำหมูกะทะเลี้ยงเป็นการขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนน้องอย่างที่สุด
“วันนี้นิ่มกับยายเลี้ยงขอบคุณหนุ่มๆ ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณอาจะรีบกลับหรือเปล่าคะ ถ้าไม่รีบนิ่มขอเชิญนั่งกินกับพวกเราก่อนค่ะ”
กัณหาออกมาต้อนรับอรรถพลที่มีน้ำใจแวะมาดู เมื่อรู้ว่าวันนี้สามยายหลานกำลังย้ายบ้าน ซึ่งเขาก็ไม่ขัดในคำเชิญนั้น เพราะยังไงๆ ก็ต้องพักอีกนานกว่าจะขับรถกลับอยู่ดี และนั่นทำให้เขาได้เห็นความรักความเอื้ออาทรที่ทั้งสามคนมีให้กัน รวมถึงได้เผื่อแผ่ถึงเพื่อนๆ ของชาลีด้วย
หลังจากนั้นเพื่อนน้องบางคนก็ขอพักต่อในช่วงรอสัมภาษณ์งานตามนิคมอุตส่าหกรรมต่างๆ ที่สมัครไว้พร้อมกันกับชาลีด้วย และเขาก็ได้งานก่อนใครเพื่อน เพราะอรรถพลแอบฝากฝังไว้กับคนรู้จักในบริษัทที่ชาลีไปสมัคร เพราะสงสารคนทั้งสามที่ต้องพบกับความลำบากลำบน
จากการเสียสละให้ผู้มีพระคุณเท่านั้น แถมเขายังขายปิ๊กอัพให้กัณหาในราคาถูกแสนถูก โดยให้โปรโมชั่นเอามาใช้ก่อนค่อยผ่อนทีหลัง ครั้นจะให้ฟรีๆ ก็รู้ดีว่าทั้งสามคงไม่รับ ตอนที่พ่อให้เงินมาช่วยสร้างบ้านก็ต้องคะยั้นคะยอหลายครั้งถึงได้ยอม
“มีรถแล้วดีเลย จะได้ขับพายายไปหาหมอตามนัดหน่อย มาอยู่ตั้งไกลกว่าจะนั่งรถประจำทางไปถึงยายกับพี่นิ่มเหนื่อยแย่”
ชาลีเอ่ยทั้งรอยยิ้มหลังกลับจากทำงาน พี่สาวที่นั่งตัดใบตองไว้ห่อขนมวันรุ่งขึ้นอยู่ก็เห็นด้วยไม่น้อย แต่ยายที่กำลังเช็ดใบตองอยู่เงยหน้าขึ้นไปจ้องหลานทั้งสองตาเขม็งเพราะไม่อยากเปลือง ด้วยรู้ดีว่าหลานสาวหมดไปกับบ้าน เยอะกว่าที่ตั้งงบไว้แล้ว อีกทั้งสุภาพตัวเองก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เจ็บไม่ไข้เลย และไหนจะต้องอดรายได้จากการไปขายขนมที่ตลาดอีก
“ไม่เอาหรอก เติมน้ำมันไปกลับเป็นพัน ยายกับนิ่มนั่งรถบัสไปก็ได้ หรือถ้ายุ่งยากนัก ก็ไม่ต้องไปหรอก ยายน่ะหายดีแล้ว จะมานัดมาเนิ้ดอะไรนักหนาก็ไม่รู้หมอนี่”
“ยาย!!!” สองหลานร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน เพราะความไม่เห็นด้วยที่ยายจะประหยัดจนลืมสุขภาพตัวเอง
“อย่าขี้เหนียวจนได้เรื่องเหมือนครั้งก่อนดีกว่านะครับยาย เห็นหรือเปล่าได้เดือดร้อนกันไปทั่ว โดยเฉพาะพี่นิ่มที่ต้องเจอหนักกว่าใคร”
ชาลีเอ็ดยายเป็นครั้งแรก และนั่นทำให้ยายเงียบลงได้ทันที เพราะรู้ดีว่าตัวเองก็เป็นต้นเหตุทำให้หลานต้องตกที่นั่งลำบากด้วยเช่นกัน สืบเนื่องมาจากความขี้เหนียวค่าหมอค่ายา ไม่ยอมไปตรวจสุขภาพเมื่อมีอาการผิดปกติแต่แรกที่สังเกตเห็นกลับนิ่งเฉยจนเลยเถิดกลายเป็นป่วยหนักตามมา แล้วคำบ่นของน้องก็ทำให้คนพี่อดคิดถึงใบหน้าของเขาลอยเด่นขึ้นมาตอกย้ำให้จิตใจรวดร้าวได้อย่างง่ายดาย

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ธ.ค. 2556, 07:47:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ธ.ค. 2556, 07:47:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 1784
<< ปัญหาค้างคาใจ | เส้นผมบังภูเขา >> |

mhengjhy 24 ธ.ค. 2556, 08:41:43 น.
เมื่อไรจะตามมาเจอหนอออออออ
เมื่อไรจะตามมาเจอหนอออออออ

alecigor 24 ธ.ค. 2556, 13:07:03 น.
ขอให้จนลูกโตก็ยังหาไม่เจอเหอะ
ขอให้จนลูกโตก็ยังหาไม่เจอเหอะ

คิมหันตุ์ 24 ธ.ค. 2556, 14:26:00 น.
เมื่อไรจะรู้สึกตัวเนี่ย นายเสือ??
เมื่อไรจะรู้สึกตัวเนี่ย นายเสือ??