หวานเล่ห์เสน่หา (เปลี่ยนชื่อเรื่องจากมนต์รักไผทค่ะ)
เรื่องราวของวิศวกรสาวกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะ เส้นทางของทั้งคู่ไม่น่าจะมาพบกันได้ แต่กามเทพก็แผลงศรให้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย ต้องมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไม่ตั้งใจ เรื่องราวทุกอย่างจบลงเพียงแค่คืนนั้น...หากเมื่อคู่กันแล้วต่อให้ห่างไกลกันสักเพียงไหน เมื่อถึงเวลาคนสองคนก็ต้องโคจรกลับมาพบกันอยู่ดี และการพบกันในครั้งนี้จะสร้างความรักให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ไปช่วยกันลุ้นค่ะ
Tags: เกาะ

ตอน: บทที่ 1

บทที่ 1

นิ้วเรียวยาวลูบลงบนศีรษะเล็กอย่างแสนรัก วันนี้ผิดแผนไปหน่อย แทนที่จะได้พาลูกเดินเที่ยวและซื้อของเล่นอย่างที่สัญญาเอาไว้ กลับต้องรีบพาลูกกลับบ้าน ไม่เพียงเพราะเสียงแผดร้องของเจ้าตัวเล็กเท่านั้น หากเป็นเพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และบุคคลที่ไม่คาดฝันว่าจะเจออีก กว่าจะปราบพยศเจ้าตัวเล็กให้หยุดร้องได้ เธอก็แทบหมดแรง ลูกสาวที่น่ารักวันนี้กลับไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งสิ้นร้องหาแม่ (เอ่อ...ผู้ชายคนนั้น) ตลอดทางจนถึงพาหนะคู่กายของเธอ

คณิตาก้มลงจูบแก้มผลพ่วงจากเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน มันไม่ใช่ความผิดพลาดของชายหญิงคู่หนึ่ง มันไม่ใช่เพราะความคึกคะนองตามประสาวัยซ่า แต่มันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความหวังดีและต้องการช่วยเหลือคนที่กำลังตกเป็นเหยื่อ สุดท้ายผู้หวังดีก็ตกเป็นเหยื่อซะเอง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรำลึกไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น หลังจากที่เธอฝังมันจนลึกสุดใจ ไม่คิดจะขุดคุ้ยมันขึ้นมาอีก แต่วันนี้กลับมีใครบางคนมากระทุ้งประตูปิดตายจนพังยับเยิน มโนสำนึกในอดีตจึงได้หลั่งไหลออกมาเป็นฉากๆ

ในเวลาประมาณสี่ทุ่มของคืนๆ หนึ่ง หญิงสาวในชุดเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเกตยีนสีซีด เดินออกจากร้านอาหารกึ่งผับพร้อมกับกีตาร์โปร่งประจำตัว ด้วยท่วงท่าสบายๆ อย่างเป็นเรื่องปกติ หากวันนี้ไม่ปกติเช่นทุกวัน เมื่อก้าวเดินไปยังลานจอดรถโล่งด้านข้างอาคาร สาวหุ่นนางแบบก็รับรู้ได้ถึงการถูกติดตาม หากก็ยังตั้งสติก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระแวดระวังเพื่อไม่ให้พวกที่ตามมาสงสัย เพราะไม่แน่ใจว่าคนที่ตามเป็นเพียงลูกค้าของร้านหรือเป็นพวกคิดไม่ดีกันแน่

ทุกอย่างมากระจ่างตอนที่เธอขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ ฉวยจังหวะสตาร์ทรถโดยไม่สวมหมวกกันน็อคตั้งใจจะหลุดพ้นสถานการณ์เสี่ยงภัยตรงนี้ไปให้ได้ก่อน หากก็ยังช้ากว่าผู้ชายสามคนที่ยืนดักหน้าดักหลังรถสองล้อของเธอ

“จะรีบไปไหนจ๊ะน้องเลข” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งถาม พร้อมกับจับหัวรถของเธอเอาไว้

“หมดช่วงร้องเพลงของเลขแล้วนี่คะ เลขก็ต้องกลับบ้าน ขอทางให้เลขหน่อยนะคะ” เสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาหวานผิดจากทุกวัน หวังว่ามันจะช่วยให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ตรงหน้าได้

“แต่พวกพี่ยังไม่อยากให้น้องเลขคนสวยกลับเลยนี่จ๊ะ เข้าไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนพวกพี่อีกสักพักได้ไหมเอ่ย” คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายที่ยึดท้ายรถของเธอเอาไว้

“วันนี้เลขเนื้อยเหนื่อย อีกอย่างพรุ่งนี้เลขต้องไปทำงานแต่เช้า แต่ถ้าเป็นคืนพรุ่งนี้เลขจะไม่ปฏิเสธเลยค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด” คณิตาพยายามหว่านล้อมด้วยเหตุผลที่น่าเชื่อถือ

“ถ้าพี่ตามใจน้องเลข น้องเลขจะตามใจพวกพี่บ้างได้หรือเปล่าครับ” ชายที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างเธอพูดขึ้น

“ก็ต้องดูก่อนค่ะว่าเลขจะทำได้หรือเปล่า” หญิงสาวแบ่งรับแบ่งสู้

“ได้อยู่แล้ว แค่ดื่มสปายขวดนี้ให้หมด พวกพี่ก็จะยอมปล่อยน้องเลขกลับบ้านทันที” ขวดสปายในมือถูกชูขึ้นตรงหน้านักร้องหน้าหวานประจำร้าน

“เลขก็อยากตามใจพี่ๆ นะคะ แต่เลขกลัวตำรวจจับ ขอทบยอดเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ” คณิตายังทำเป็นใจดีสู้เสือ หากสมองก็พยายามหาทางออกที่ดีให้กับตัวเองด้วย

“น้องเลขปฏิเสธทุกประตูแบบนี้ ทำให้พวกพี่คิดนะว่าน้องเลขไม่จริงใจกับพวกพี่”

“โถๆ ใครจะไปคิดแบบนั้นกับลูกค้าประจำได้ล่ะคะ ถือว่าเลขขอความเมตตาจากพวกพี่ๆ ก็แล้วกันนะคะ แล้วเลขสัญญาค่ะว่าพรุ่งนี้จะอยู่ชนแก้วกับพี่ๆ อย่างแน่นอน” สาวร่างโปร่งเริ่มใจไม่ดี เพราะดวงตาของสามหนุ่มหวานเยิ้มไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ อีกทั้งเริ่มไม่พอใจที่เธอไม่ยอมรับข้อเสนอของพวกมันเลย

“พี่ไม่ชอบคนเรื่องมาก น้องเลขเลือกเอาจะเข้าไปนั่งดื่มกับพวกพี่หรือจะดื่มสปายขวดนี้ให้หมด” คณิตามองขวดสปายอย่างเป็นกังวล ไม่ได้กลัวตัวเองเมา แต่กลัวตัวเองจะติดกับที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปทั้งชีวิตต่างหาก ในน้ำสีสวยที่อยู่ในขวด มีความเป็นไปได้หมด ไม่ว่าจะเป็นสปายธรรมดาทั่วไป หรือสปายใส่ยานอนหลับ หรือผสมยาอี ยาไอซ์ จนถึงยาปลุกเซ็กซ์ แม้ผับแห่งนี้จะเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ลูกค้าอาจจะไม่ได้นำมาใช้ที่นี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าออกจากร้านไปแล้วจะไม่ไปสนุกที่ไหนต่อ

คณิตาตัดสินใจบิดกุญแจดับเครื่องยนต์ขยับเข้าไปจอดเช่นเดิม แค่นั้นก็ทำให้สามหนุ่มหันไปมองหน้ากันอย่างสมใจ หญิงสาวกวาดขาลงจากเจ้ามอ’ไซด์คู่ใจ มองมันอย่างขอโทษ หากต้องทิ้งมันตากน้ำค้างทั้งคืน แต่ก็เป็นวิธีเดียวที่เธอคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด หญิงสาวออกเดินนำ ไม่ส่อแววพิรุธให้คนเดินตามหลังผิดสังเกต พอพ้นกำแพงข้างอาคาร หญิงสาวก็ใส่ตีนหมาโกยให้เร็วที่สุด เพื่อทำให้ตัวเองพ้นวิกฤตในครั้งนี้ หากยังไม่ยอมปล่อยตัวถ่วงอย่างกีตาร์โปร่งในมือ ถ้าหนีไม่พ้นมันยังเป็นอาวุธได้ แต่สวรรค์ไม่ได้เข้าข้างคนดีเสมอไป เมื่อเธอสะดุดขาตัวเองล้มลง ทำให้ผู้ไม่หวังดีถึงตัวเธอในทันที

“น้องเลขทำให้พี่ผิดหวังมากเลยนะ ชวนดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังใช่ไหม” ไม่พูดเปล่าหนึ่งในสามล็อคขาเธอไว้ อีกคนก็กดร่างเธอให้นอนลง ส่วนคนสุดท้ายก็ส่งหมัดเข้าที่ท้องของเธออย่างจัง คณิตาบิดร่างกายตัวเองอย่างเจ็บปวด น้ำตาซึมออกจากหางตา แต่ก็ยังไม่สิ้นหวัง ดิ้นรนหนี้สุดชีวิต ขาแม้จะขยับได้ไม่เต็มที่ แต่ก็พยายามตะเกียกตะกายให้หลุดพ้นจากมือสกปรก ซึ่งนั่นก็เป็นการปลุกอารมณ์ของคนชั่วให้สูงขึ้น ยังผลให้เธอถูกทำร้ายร่างกายอีกครั้ง และครั้งนี้ทำให้เธอหมดแรงต่อสู้ ความเจ็บร้าวลามไปทั่วท้องน้อย

“ไอ้แลนเอาสปายมา” คนที่กดไหล่บางหยิบขวดสปายที่วางไว้ข้างตัวส่งให้เพื่อน


มือหนาบีบแก้มคนที่เม้มปากไว้ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ จนกระทั่งริมฝีปากบางเปิดออกพร้อมความเจ็บร้าวไปทั้งสองแก้ม น้ำสีสวยถูกกรอกในปากจนร่างบางสำลัก พวกมันหยุดก่อนจะจับกรอกใส่ปากเธออีกครั้ง คืนนี้คงเป็นคืนอับโชคของเธอ ปกติบริเวณนี้จะมีลูกค้าเดินเข้าออกเป็นประจำ เวลานี้กลับไม่มีใครโผล่มาให้เห็นสักคน คณิตายอมรับโชคชะตาของตัวเองในบัดดล
สวรรค์ไม่มีตา แต่นรกกลับเต็มใจปลดปล่อยคนดีให้พ้นเงื้อมมือพวกใจสกปรก เมื่อมีเสียงดังแว่วๆ มา บอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงกำลังพูดคุยกับใครสักคนผ่านเครื่องมือสื่อสารไร้สาย ความหวังถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง นักร้องสาวรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายของตัวเองตะโกนออกไปสุดเสียง

“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” เป็นสองประโยคที่มีโอกาสหลุดออกจากปากคนผอมบาง เพราะเสียงของเธอโดนสกัดกั้นจากมือหนาของหนึ่งในสามคน

“อุ้มมันไปที่รถ ไม่รู้มีใครได้ยินเสียงอีนี่หรือเปล่า” ชายที่ดูเหมือนเป็นหัวโจกของปฏิบัติการครั้งนี้เสนอ และลูกทีมก็เห็นพ้องต้องกัน คนที่ตัวใหญ่ที่สุดจึงแบกร่างของคณิตาขึ้นบ่า หญิงสาวอยากจะดิ้นรน หากแต่พละกำลังไม่เหลืออยู่เลย เสียงที่อยากตะโกนขอความช่วยเหลือก็ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

“เฮ้ย! พวกแกทำอะไรน่ะ ปล่อยผู้หญิงคนนั้นเดี๋ยวนี้นะ” ชายหนุ่มที่วิ่งตามเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ตะโกนเพื่อหยุดการกระทำของผู้ชายสามคน หากไม่เป็นผล เขาจึงสาวเท้าให้เร็วขึ้น ไปกระชากตัวคนถูกแบก หวังให้คนแบกเสียสมดุล

“มึงอย่าเสือก ไม่ใช่เรื่องของมึง แล้วอีนี่ก็เด็กที่กูอ๊อฟมา” ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่วาจาเหลือรับประทานตะคอกใส่พลเมืองดี

“ถ้าเป็นเด็กอ๊อฟจริงๆ แกคงไม่ต้องแบกเขาเป็นกระสอบข้าวแบบนั้นมั้ง ปล่อยผู้หญิงคนนั้นลงดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” พลเมืองดีเหล่ตามองทั้งสามคนอย่างประเมินท่าที

“กูต่างหากที่ต้องพูดประโยคนั้น กูให้โอกาสมึงไปให้พ้นๆ หน้ากู ก่อนที่มึงจะเดือดร้อน”

“พอดีผมอยากเดือดร้อนด้วยสิครับ งั้นเรามาดูกันว่าใครเดือดร้อนกว่ากัน” เครื่องมือสื่อสารไร้สายถูกใช้เป็นเครื่องมือในแผนปฏิบัติการณ์

“ไอ้สารวัตร แกกับลูกน้องออกมาต้อนรับฉันที่หน้าร้านหน่อยสิ มากันกี่คนขนมาให้หมด คืนนี้ฉันอยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ให้เวลาสามนาที ช้ากว่านี้ฉันสั่งย้ายทั้งโรงพัก” เจ้าของเสียงทุ้มพูดเนิบๆ แต่แฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่รู้มีอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็ทำให้คนชั่วสามคนหันหน้าไปปรึกษากันได้

“ฝากไว้ก่อน” สามหนุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะยอมปล่อยเหยื่อลง เดินจากไปอย่างกระฟัดกระเฟียดที่สุด

“ฝากได้แต่จะให้คืนหรือเปล่า มันอีกเรื่องหนึ่ง” พลเมืองดีกวนส้นเท้าส่งท้ายอย่างไม่กลัวสหบาทาของคนถูกขวางทางความสุข

“คุณๆ เป็นยังไงบ้างครับ” ไผทเข้าไปประคองร่างของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย

“ขอบคุณค่ะ” พูดได้เพียงเท่านั้นสติของคณิตาก็ดับวูบลง

ร่างสูงโปร่งถูกวางลงอย่างทะนุถนอมที่เก้าอี้ข้างคนขับ ไผทมองเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างหนักใจ ด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี เสียงเพลงจากมือถือดังขึ้นขัดจังหวะความวุ่นวายในสมอง

“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้ไทย อยู่ดีๆ ก็โยนตำแหน่งสารวัตรให้ฉัน” จักรถามด้วยความเป็นห่วง เพียงแค่เขารับสายยังไม่ทันได้ทักทายมันเลย มันก็พูดเอาๆ แล้วก็ตัดสายไปเสียเฉยๆ

“เจอพวกกวนเมืองนิดหน่อยนะ แต่ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้ว”

“จริงๆ ไม่ต้องอ้างสารวัตรก็ได้นี่ หัวหน้าเผ่าแห่งเกาะเสมือนจันทร์ จัดการพวกนี้ไม่ได้ให้มันรู้ไป” เสียงหัวเราะดังปิดท้ายประโยค

“ฉันไม่ใช่พวกมีอิทธิพลหรืออยู่เหนือกฎหมาย อีกอย่างตอนนี้ฉันอยู่กรุงเทพฯ” ไผทตอบอย่างเซ็งๆ เพียงแค่รู้ว่าบรรพบุรุษของเขาเป็นผู้บุกเบิกเกาะเสมือนจันทร์เท่านั้น ไอ้พวกเพื่อนบ้าก็สร้างภาพให้เขาเป็นหัวหน้าเผ่าบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่เรื่อย

“มาทำไมไม่บอกกันบ้างวะจะได้นัดกันไปกึ๊บสักหน่อย แต่นัดตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่หว่า แกอยู่ร้านไหน เดี๋ยวฉันตามพวกที่เหลือไปสมทบเอง”

“ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ตอนนี้ธุระติดพัน” ไผทปฏิเสธง่ายๆ แต่ไอ้ธุระที่ติดพันนี่สิไม่น่าจะใช่เรื่องง่าย

“ทำไมต้องรอคราวหน้าวะ พรุ่งนี้ก็ได้” คนปลายสายพยายามอย่างยิ่งที่จะล็อคคิวของเพื่อนให้ได้

“ฉันกลับพรุ่งนี้เช้า แค่นี้ก่อนนะ ว่างแล้วเจอกัน” ไผทจำต้องวางสายจากเพื่อน เมื่อร่างข้างกายเริ่มขยับตัวด้วยอาการไม่ปกตินัก

“คุณๆ เป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปใกล้

“ร้อนๆ ทำไมมันร้อนแบบนี้” ไม่พูดเปล่า เจ้าของเสียงเริ่มคลายความร้อนด้วยการดึงทึ้งเสื้อแจ็คเก็ตยีนของตนออกจากร่างกาย

“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนคุณ” ไผทรีบคว้าข้อมือบางไว้ เมื่อมันเริ่มทำหน้าที่ปลดปล่อยเสื้อกล้ามสีขาวออกจากร่างเป็นชิ้นต่อไป

“ใคร” สาวปริศนาปรือตาขึ้นมองอย่างยากเย็น สิ่งแรกที่เห็นคือเรียวปากหนาน่าจูบ เพียงแค่คิดเท่านั้น คณิตาก็จู่โจมลิ้มลองริมฝีปากหนาทันที ไผทผวาพยายามถอยห่าง แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเหยื่อทำตัวเป็นปลาหมึก โอบกอดลูบไล้ สำรวจเขาอย่างเร่าร้อนและดุดัน แทนที่ริมฝีปากเธอจะบวมเจ่อเพราะเขาเป็นตนเหตุ กลับกลายเป็นริมฝีปากของเขาบวมเจ่อเพราะการกระทำของเธอ สติสะตังของไผทแทบกู่ไม่กลับเมื่อถูกรุกรานแบบไม่ทันตั้งตัว

“คุณปล่อยผมก่อน” หัวหน้าเผ่าแห่งเกาะเสมือนจันทร์พยายามอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกลวนลามโดยไม่จำเป็น และไม่อยากถูกผู้หญิงข่มขืนอีกด้วย

“ไม่ปล่อย ตัวคุณห้อมหอม ปากคุณก็หว้านหวาน แก้มคุณก็นิ้มนิ่ม” คนถูกชมอยากจะบ้าตาย คำพูดเหล่านี้มันไม่น่าหลุดออกจากปากสาวสวยนางนี้เลย หรือเธอจะโดนวางยา

“ตั้งสติหน่อยสิคุณ” ไผทตบเบาๆ ที่แก้มนุ่ม

“มาม๊ะคนดี มาให้เลขกอดซะดีๆ” สองแขนเรียวยังไขว่คว้าคนตัวหอมให้มาอยู่ในอ้อมกอดอีก ไม่สนใจว่าคนดีเต็มใจหรือไม่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าคุณไม่เชื่อฟังผม ผมจะไม่ให้คุณกอด ไม่ให้คุณจูบอีก” ไผททำเสียงเข้ม และดูเหมือนจะได้ผลเพราะเหยื่อที่ช่วยชีวิตเอาไว้หยุดปฏิบัติการคลุกวงในทันที

“โดนยาอะไรเข้าไปบ้างเนี่ย ทำไมถึงได้กล้าหาญชาญชัยขนาดนี้” ชายหนุ่มสบถออกมาเบาๆ เนื่องจากตัวยาในตลาดมืดมีการพัฒนาไม่แพ้องค์การเภสัชกรรม เพื่อรองรับความต้องการของพวกคึกคะนอง จะจับจะปราบอย่างไรก็ไม่หมดไม่สิ้นกันไปง่ายๆ

“ใส่เสื้อก่อน” ไผทก้มลงหยิบเสื้อแจ็คเก็ตที่เธอขว้างทิ้งไปเมื่อครู่

“ใส่แล้วจูบได้ไหม” ดวงตากลมโตหวานเยิ้ม บอกจุดประสงค์ของตัวเองอย่างไม่อาย

“กรรมของไอ้ไทย” พลเมืองดีตบหน้าผากของตัวเองอย่างหนักใจ “ถ้าคุณเชื่อฟังผมทุกอย่างจะให้จูบ โอเค๊?”

“โอเคค่ะ” ไม่ใช่แค่รับปากเท่านั้น คณิตายังยกมือทำสัญลักษณ์ให้อีกต่างหาก ไผทถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อหญิงสาวยอมเสื้อแต่โดยดี

“เลขใส่เสื้อเสร็จแล้ว มาจูบกันม๊ะ”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ไผทใช้เสียงขู่พร้อมกับยกมือห้ามปากจู๋ที่ยื่นมาหาเขา

“อะไรอีกล่ะคะ ก็ไหนคุณบอกว่าถ้าเชื่อฟังแล้วคุณจะยอมให้จูบ” สาวใจกล้าสะบัดเนื้อสะบัดตัวอย่างหงุดหงิด

“สรุปว่าคุณเมายาจริงๆ หรือแกล้งเมากันแน่เนี่ย”

“เลขไม่เมา เลขไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์โดยไม่จำเป็น” คณิตายกนิ้วชี้ขึ้นโบกไปมา

“เฮ้อ!” ไผทถอนใจเฮือกใหญ่ ดูท่าทางแม่สาวคนนี้จะครองสติของตัวเองไม่อยู่แล้วจริงๆ

“บ้านอยู่ที่ไหน จะไปส่ง” พลเมืองดีหวังว่าจิตใต้สำนึกของเธอคงยังไม่ถูกครอบงำจนหมดสิ้น

“ร้อนๆ หายใจไม่ออก โอ๊ย! เป็นอะไรเนี่ย” นักร้องสาวใช้มือลูบไล้ไปตามลำคอใบหน้าสะเปะสะปะไปหมด

“แบบนี้มันต้องถอดให้หมด ถอด ต้องถอด ต้องถอด แค่ดูข้างนอกไม่รู้ มันต้องดู ดูข้างใน ถอด ให้หมด ให้หมด ถ้าคิดจะรักกันแล้ว มันต้องดู ถึงหัวใจ” พลเมืองดีมองดูเหยื่ออย่างงงๆ จู่ๆ เธอนั่งโยกซ้ายโยกขวาตามจังหวะเพลงที่หลุดออกจากปาก และแล้วเสื้อแจ็คเก็ตมีอันต้องหลุดจากร่างกายของเธออีกรอบ

“ให้มันได้อย่างนี้สิ”


16.00 น. ของวันใหม่

“โอ๊ะ” เสียงร้องดังขึ้นเบาๆ เมื่อขยับตัว ความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วทุกรูขุมขนของร่างกาย สติที่หลุดลอยหายไปนานกลับคืนสู่ร่างยังไม่สมบูรณ์นัก ศีรษะปวดจนแทบระเบิด อวัยวะทุกสัดส่วนก็เหมือนจะแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อพยายามเคลื่อนไหว แม้แต่จะหายใจแรงๆ ก็ยังทำไม่ได้ เพราะอกมันร้าวไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น

เมื่อมีคำถามเกิดขึ้นในใจและต้องการคำตอบ สมองจึงจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เป็นคำถาม แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ค่อยคืนสู่ความทรงจำ มโนภาพสุดท้ายที่เธอเห็นก็คือ ความเร้าร้อนของชายหญิงคู่หนึ่ง เพลิงสวาทถูกจุดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งทุกอย่างสงบลง
เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นพร้อมกับความทรงจำอันเลวร้าย หากก็ไม่อาจโทษใครได้ นอกจากโชคชะตาและตัวเธอเอง ในค่ำคืนที่ผ่านมาจะบอกว่าเธอขาดสติโดยสิ้นเชิงก็ไม่ใช่ มันอาจจะเป็นภาพเบลอๆ แต่เธอก็จำเหตุการณ์ได้เกือบทั้งหมด เพียงแต่เธอไม่อาจจะห้ามร่างกายและความต้องการที่เกิดจากสารเคมีที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายได้ จิตใต้สำนึกบอกให้หยุดแต่ร่างกายกลับไขว่คว้า จนในที่สุดสันดานดิบของมนุษย์ก็ชนะจิตสำนึกที่ดีของตน

คณิตาค่อยๆ ไล่สายตามองรอบๆ กาย ใจหวังว่าตนจะนอนอยู่เพียงลำพัง ผู้ที่ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความทรมานได้จากไปแล้ว แต่แล้วร่างหนาที่นอนคว่ำอยู่ข้างกาย พร้อมกับแขนใหญ่ที่พาดอยู่กลางลำตัวของเธอ บอกได้เป็นอย่างดีว่า สวรรค์ต้องการให้เธอเผชิญหน้ากับความเป็นจริง

สามีฉุกเฉินของเธอหลับสนิทหรือจะเรียกว่าหลับเป็นตายก็คงได้ เพราะไม่ว่าเธอจะขยับเขยื้อนร่างกายของตัวเอง หรือยกแขนข้างที่เขากอดเธอไว้ออก ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะรู้สึกตัวแต่อย่างใด ถ้าคิดแบบไม่อาย เมื่อคืนเธอคงดูดพลังจากตัวเขาจนหมด สังเกตได้จากร่างกายที่บอบช้ำของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถาโถมเข้าใส่ ปรนเปรอให้จนกระทั่งยาหมดฤทธิ์ ร่างกายของเธอคงไม่กรอบจนกระดิกแทบไม่ได้แบบนี้

หญิงสาวลอบมองเสี้ยวหน้าของผู้หวังดีที่สุดท้ายกลายมาเป็นเหยื่อซะเอง ดวงหน้าคมสัน ผิวสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากหนา ใต้คางมีรอยบุ๋มเล็กน้อย หน้าตาสะอาดสะอ้านดูหมดจด ครบเครื่องหนุ่มหล่อเข้ม แค่คุณสมบัติเบื้องต้นก็เหมาะแก่การเรียกร้องให้เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากสำนึกดีก็ยังมีอยู่ในตัวของคณิตา เธอจึงพยายามยอมรับความจริงด้วยหัวใจที่แกร่งกล้า หากมองอย่างเป็นธรรม เขาไม่ใช่คนผิด เขาพยายามช่วยเธอทุกวิถีทาง เป็นเธอต่างหากที่เอาแต่ลวนลามเขา ผู้ชายถูกรุกไล่มากๆ ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหน สติก็กระเจิดกระเจิงได้ทั้งนั้น

คณิตาผ่อนลมหายใจออกช้าๆ อย่างคนตัดสินใจดีแล้ว ทุกอย่างมันควรจบลงวันนี้ มันจะเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น เมื่อพ้นวันนี้ไปแล้ว มันก็จะกลายเป็นอดีต และเธอก็ต้องมีชีวิตในแบบของเธอต่อไป

“ฉันไม่แน่ใจว่าสมควรพูดคำนี้หรือเปล่า เพราะดูเหมือนมันจะไม่เหมาะกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เลย แต่ฉันก็อยากบอกกับคุณว่า ฉันขอบคุณที่คุณช่วยเหลือฉันเอาไว้ ขอบคุณที่ทำให้ค่ำคืนอันแสนโหดร้ายของฉันเหลือเพียงแค่คืนซวยๆ คืนหนึ่ง เพราะอย่างน้อยฉันก็มีสามีแค่คนเดียว ไม่ต้องมีพร้อมกันสามคนอย่างที่ควรจะเป็น ลาก่อนนะคะ” คณิตาพูดกับคนหลับเพียงแค่นั้น แล้วเธอก็พาร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองจากไปอย่างเงียบเชียบที่สุด

หลังจากวันนั้นนักร้องสาวผู้โชคร้ายก็นอนซมเพราะพิษไข้อยู่เป็นอาทิตย์ ต้องหยุดงานประจำชั่วคราว ส่วนงานเสริมอย่างร้องเพลง เธอก็แจ้งทางร้านอาหารขอลาออกเป็นการถาวร โดยอ้างเหตุผลว่างานประจำมีค่อนข้างมากและเริ่มจัดสรรเวลาได้ไม่ลงตัวนัก เหตุที่ทำเช่นนี้เพราะไม่อยากให้เจ้าของร้านซึ่งดีกับเธอมากๆ กังวลใจด้วยเรื่องใด แต่จากนั้นอีกสองเดือนเธอก็ต้องลาออกจากงานประจำ เพราะร่างกายของเธอเกิดการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เธอเองก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันที่มีคณิตากับนาฏศิลป์ สองแม่ลูกที่มีความสัมพันธ์กันแบบประหลาดๆ เพราะลูกเอาแต่เรียกแม่ของตัวเองว่า ‘พ่อ’ ตลอดเวลา



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ม.ค. 2557, 17:04:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2557, 17:04:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1518





<< บทนำ   มนต์รักไผท บทที่ 2 >>
ไม้เอก 1 ม.ค. 2557, 17:25:45 น.
น่าติดตามมากเลยคะ ^^


จิงโกะ 1 ม.ค. 2557, 18:59:13 น.
เอ่อ แล้วตกลงใคร พ่อ ใคร แม่ มีเหตุลางอันใด ลูกสาวถึงได้เรียกสลับกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account