หวานเล่ห์เสน่หา (เปลี่ยนชื่อเรื่องจากมนต์รักไผทค่ะ)
เรื่องราวของวิศวกรสาวกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะ เส้นทางของทั้งคู่ไม่น่าจะมาพบกันได้ แต่กามเทพก็แผลงศรให้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย ต้องมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไม่ตั้งใจ เรื่องราวทุกอย่างจบลงเพียงแค่คืนนั้น...หากเมื่อคู่กันแล้วต่อให้ห่างไกลกันสักเพียงไหน เมื่อถึงเวลาคนสองคนก็ต้องโคจรกลับมาพบกันอยู่ดี และการพบกันในครั้งนี้จะสร้างความรักให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ไปช่วยกันลุ้นค่ะ
Tags: เกาะ

ตอน: มนต์รักไผท บทที่ 3

บทที่ 3

‘เหมือนมาก เหมือนจนน่ากลัว อะไรมันจะเหมือนกันได้ขนาดนี้’ ในสมองของมหาสมุทรวนเวียนอยู่กับประโยคเหล่านี้ตั้งแต่บ่าย ด้วยไม่คาดคิดว่าจะเจออะไรที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้ และไม่ใช่เพียงแค่เขาที่รู้สึก ทุกคนที่ได้พบเห็นต่างก็มองเขาอย่างระแวงและสงสัย ดีไม่ดีแอบเคืองแทนภรรยาของเขาเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่ผู้มาใหม่ก็คงแปลกใจไม่น้อยที่ผู้คนที่เดินผ่านไปมามองอย่างไม่เป็นมิตรนัก และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาคิดว่า ควรเล่าเรื่องน่าประหลาดใจนี้ให้ภรรยาฟังก่อนที่เธอจะมาพบเจอ แล้วก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนเรื่องราวบานปลายจนกู่ไม่กลับ

“เพียง” มหาสมุทรเรียกชื่อภรรยาเมื่อได้ยินเสียงทักทายผ่านมือถือ

“คะ” คนปลายสายขานรับ แล้วต้องแปลกใจเมื่อสามีเงียบไป “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะพี่ศิลป์”

“เพียงว่ามันเป็นไปได้ไหมที่คนสองคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย กลับมีหน้าตาคล้ายกันมากจนน่าตกใจ”

“พี่ศิลป์ไปเจอใครหน้าเหมือนใครหรือคะ” เพียงฤทัยถามไม่จริงจังนัก

“ถ้าพี่บอก เพียงอย่าเพิ่งคิดไปไกลนะ เพราะพี่รับรองได้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เพียงคิด และมันไม่มีวันเป็นไปได้ด้วย” น้ำเสียงจริงจังของสามีทำให้เพียงฤทัยสงสัยมากขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะพี่ศิลป์”

“เพียงรู้ใช่ไหมว่าทำไมพี่ไม่ขึ้นฝั่งไปพร้อมกับเพียงและลูก”

“รู้ค่ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันคะ” คนเป็นภรรยายังจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเรื่องที่สามีพูดถึงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่สามีต้องอยู่รอรับวิศวกรคนใหม่ที่จะมาประจำที่เกาะ

“วิศวกรคนนี้เป็นผู้หญิง”

“อ้าว! พี่ศิลป์เป็นคนตัดสินใจรับเขาเอง ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าเขาเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือคะ อย่าบอกนะว่ากลัวเพียงหึง” เพียงฤทัยหัวเราะเบาๆ ก็สามีเธอพูดแต่ละประโยคดูไม่มั่นใจอย่างเคยเลย

“มีลูกแล้วด้วย”

“มีแล้วทำไมหรือคะ หรือพี่ศิลป์กลัวเธอทำงานให้กับเราไม่เต็มที่”

“ไม่ใช่ แต่ลูกของเธอหน้าตาเหมือนน้องเพลงยังกับแกะ”

“คะ” เสียงของภรรยาสูงขึ้นสองสเต็ปอย่างไม่อยากเชื่อ

“จริงๆ เพียง หน้าเหมือนลูกสาวของเรามาก จนคนทั้งรีสอร์ตคิดว่าพี่พาเมียน้อยกับลูกมาอยู่ที่เกาะในช่วงที่เพียงไม่อยู่ จากที่พี่ไม่คิดอะไร สายตาทุกคนทำให้พี่คิดว่าควรบอกให้เพียงรู้ก่อน ถ้าเพียงกลับมาที่เกาะแล้วเจอแม่หนูนั่นก่อนเจอพี่ เรื่องมันจะบานปลายใหญ่โต ชนิดกู่ไม่กลับ ทำให้ครอบครัวแสนสุขของเรามีปัญหาได้” น้ำเสียงเป็นกังวลของสามีทำให้เพียงฤทัยยิ้ม อาจจะแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยิน แต่ใจกลับเชื่อมั่นว่าสามีไม่ได้นอกใจ เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาเราแทบจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่ใช่เธอตามเขา แต่เป็นเขาต่างหากที่กระเตงเธอไปทุกที ยกเว้นช่วงท้องแก่ แต่ช่วงนั้นเขาก็แทบจะไม่ห่างกายเธอเลย

“เหมือนมากเลยหรือคะพี่ศิลป์”

“เหมือนมาก” มหาสมุทรย้ำอีกครั้ง

“เพียงชักอยากเห็นหน้าเด็กคนนี้แล้วสิคะ”

“เพียงไม่ได้รู้สึกอะไรใช่ไหม เชื่อใจพี่ใช่หรือเปล่า” มหาสมุทรถามภรรยาจริงจัง

“เพียงรู้หรอกค่ะว่าพี่ศิลป์เป็นคนยังไง อย่ากังวลไปเลยค่ะ ไว้พรุ่งนี้เพียงจะกลับไปตัดสินว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกพี่ศิลป์หรือเปล่า” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ตบท้าย

“เฮ้อ! ค่อยโล่งอก พี่นึกว่าเพียงจะไม่เชื่อพี่แล้ว”

“โธ่! พี่ศิลป์คะ เพียงไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนะคะ แล้วถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกพี่ศิลป์จริงๆ พี่ศิลป์กล้าพามาอยู่ที่เกาะหรือคะ ไม่กลัวพี่ไทยกับน้องพุทธจับพี่ศิลป์โยนทะเลให้เป็นอาหารฉลามหรือคะ”

“นั่นสินะ แต่ตอนนี้พี่ชักอยากรู้แล้วสิ ถ้าพี่ไทยกับพุทธมาเห็นจะตกใจอย่างพี่หรือเปล่า” มหาสมุทรอมยิ้มเมื่อนึกถึงครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าเด็กน้อย

“งั้นคงต้องรอดูพรุ่งนี้แล้วล่ะคะ ตอนนี้เพียงว่าพี่ศิลป์ควรเข้านอนได้แล้วนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไม่ใช่หรือคะ” เพียงฤทัยเตือนสามี

“ครับคุณภรรยา แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ ฝากหอมแก้มลูกก่อนนอนด้วย ฝันดีนะครับ”

“ฝันดีค่ะพี่ศิลป์”


ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายการ์ตูนกางเกงยีนขาสั้น รองเท้าผ้าใบสีหวาน ถูกจับจูงด้วยมือของผู้เป็นแม่ ดวงตาของเด็กน้อยมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้มตลอดเวลา

“ป้อขา หนูอยากเล่นน้ำ” เสียงถอนใจอย่างละเหี่ยใจของคณิตาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวเล็กอยากเล่นน้ำ แต่เป็นเพราะสรรพนามที่ลูกสาวเรียกต่างหาก นาฏศิลป์อายุจะครบสามขวบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า น่าจะเป็นวัยที่เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ อย่างถูกต้องแล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะสอนยังไง ลูกสาวก็ไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่สักที เธอจะมีวาสนาได้ยินลูกเรียกว่าแม่หรือเปล่านะ

“ยังเล่นตอนนี้ไม่ได้ลูก เอาไว้เย็นๆ ออกมาเล่นนะคะ”

“ค่ะป้อ”

“เฮ้อ!” ถอนหายใจอีกเฮือก ก่อนจะพาลูกสาวมุ่งตรงไปยังห้องอาหารประจำรีสอร์ต

จริงๆ แล้วเธอสามารถไปทานอาหารได้ที่โรงครัวของพนักงาน แต่เพราะมีเจ้าตัวเล็กมาด้วย ทำให้เธอไม่สะดวกใจนัก เกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบคนอื่น ใช้สิทธิ์คนเดียวไม่พอ พ่วงสิทธิพิเศษอย่างเจ้าตัวเล็กนี่มาด้วย แค่เจ้านายไม่ไล่ตะเพิดกลับฝั่งที่เธอไม่ได้แจ้งว่ามีเรือพ่วงตามมาด้วยก็เป็นความกรุณามากพอแล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ก็คือสายตาไม่เป็นมิตรที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงานในแผนกต่างๆ ตั้งแต่เธอปรากฏกายที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ทุกคนมองเธอแปลกๆ ไม่ใช่สิ แรกๆ เธอก็ยังได้เห็นรอยยิ้ม เพียงแค่ทุกคนเห็นหน้านาฏศิลป์ ทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณมหาสมุทร” คณิตาเอ่ยทักทายเจ้านาย เมื่อเห็นเขาเดินสวนมา

“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ” มหาสมุทรทักทายลูกน้องคนใหม่อย่างเป็นมิตร

“น้องนาฏ สวัสดีคุณอาหรือยังคะ” หญิงสาวก้มหน้าลงบอกคนตัวเล็ก ที่ยินยอมพร้อมใจเรียกเจ้านายของเธอว่าคุณอาตั้งแต่แรกเห็น มือป้อมๆ ถูกยกขึ้นมาประกบกันก่อนจะก้มศีรษะลงพร้อมกับย่อเข่าลง

“สวัสดีค่ะสาวน้อย จะไปไหนกันหรือครับ” ทักทายเด็กหญิงแล้ว ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมาคุยกับคนเป็นแม่ต่อ

“ตั้งใจจะพาแกไปทานข้าวที่ห้องอาหารค่ะ” คณิตาตอบอย่างนอบน้อม

“อ้าว! ทำไมไม่ทานที่โรงครัวล่ะครับ หรือผมลืมแจ้งว่าเรามีโรงครัวไว้รับรองพนักงานทุกคน” มหาสมุทรถามอย่างแปลกใจ

“เอ่อ...”

“เด็กตัวแค่นี้เอง จะสิ้นเปลืองสักเท่าไหร่ พาไปทานที่โรงครัวก็ได้ครับ” มหาสมุทรเห็นความลำบากใจบนใบหน้าสวยก็เข้าใจทันที

“ดิฉันเกรงใจน่ะค่ะ แค่คุณมหาสมุทรไม่เอาเรื่องของน้องนาฏมาตัดโอกาสการทำงานของดิฉัน ก็ถือว่าเป็นพระคุณอย่างสูงแล้ว” สีหน้าของคณิตาบ่งบอกถึงความละอายใจที่ในใบสมัครงานมิได้ระบุว่าตนมีบุตรแล้ว แถมตอนสัมภาษณ์เธอก็ยังปกปิดเรื่องนี้กับเจ้านายอีกด้วย

“เรียกผมว่าศิลป์ดีกว่าครับ แล้วก็เลิกกังวลเรื่องนั้นได้แล้ว ผมไม่ได้เลือกคนทำงานที่สถานภาพ แต่เลือกที่ความสามารถ อีกอย่างผมว่าเรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดก็ได้ใช่ไหมครับ” รองหัวหน้าเผ่าของเกาะเสมือนจันทร์บอกอย่างเข้าใจ ทุกคนมีเหตุผลของการกระทำเสมอ การที่เธอปกปิดอาจเพราะกลัวไม่ได้งาน ส่วนลูกสาวของเธอโผล่มาได้ยังไงนั้น เขาก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว สิ่งเดียวที่ทำให้เขาตกใจก็คือ สิ่งที่เขาเกริ่นบอกภรรยาไปนั่นแหละ

“ขอบคุณมากค่ะคุณศิลป์ ดิฉันขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ” คณิตาบอกลาเจ้านาย

“เอ่อ...เดี๋ยวครับคุณคณิตา”

“ไม่ทราบคุณศิลป์มีอะไรให้ดิฉันช่วยหรือคะ” พนักงานคนใหม่ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวจากไป

“ก่อนอื่นคุณมีชื่อเล่นที่เรียกง่ายๆ ไหมครับ”

“เลขค่ะ”

“เป็นชื่อที่เก๋ดีนะครับ” มหาสมุทรชมยิ้มๆ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ประมาณสักสิบโมงไม่ทราบว่าคุณเลขว่างหรือเปล่าครับ”

“อาจจะช้ากว่านั้นนิดหน่อยได้หรือเปล่าคะ พอดีว่าดิฉันตั้งใจจะไปติดต่อเรื่องโรงเรียนให้ลูกสาวน่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จธุระกี่โมง” นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจง่ายขึ้นในการมาทำงานบนเกาะแห่งนี้ “แต่ถ้าคุณศิลป์ไม่สะดวก ดิฉันมาพบคุณศิลป์ก่อนก็ได้ค่ะ”

“จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรหรอกครับ แค่จะพาคุณเลขไปแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของเกาะตัวจริง แล้วก็เป็นคนจ่ายเงินเดือนพวกเราด้วย ท่านจะกลับมาที่เกาะวันนี้ เอาแบบนี้แล้วกันครับ เราไปพบเจ้านายใหญ่กันก่อน ส่วนเรื่องน้องนาฏคุณเลขก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะช่วยจัดการให้เรียบร้อยเอง”

“ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่รบกวนดีกว่า ค่อยไปติดต่อพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ” คณิตาบอกอย่างเกรงใจ ยิ่งเจ้านายใจดีด้วย ความเกรงใจและนอบน้อมก็มีมากขึ้น

“ตามใจคุณแล้วกันครับ เห็นทีผมต้องขอตัวก่อน ใกล้เวลานัดแล้ว อีกอย่างรบกวนเวลาของคุณมาพอสมควรแล้ว”

“น้องนาฏคะ คุณอาจะไปแล้ว ลาคุณอาหรือยังคะ” คุณแม่ยังสาวยิ้มให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะก้มลงบอกลูกสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับธรรมชาติรอบตัว เด็กหญิงตัวน้อยหันกลับมาสนใจผู้ใหญ่อีกครั้ง พร้อมกับทำตามคำบอกของมารดา

“คุณเลขพาน้องนาฏมาด้วยก็ได้นะครับ ไม่ต้องไปฝากใคร แกคงยังไม่คุ้นกับใคร เดี๋ยวจะงอแงเสียเปล่าๆ”

“ขอบคุณค่ะ”


เพียงแค่ตาสบตา ร่างกายก็เหมือนถูกเชือกที่มองไม่เห็นรัดแน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้ อวัยวะทุกสัดส่วนแข็งเกร็งราวกับถูกสาบ สมองสั่งให้เดินหนี แต่เท้ากับก้าวไม่ออก ใจสั่นเต้นไม่เป็นจังหวะ หวาดหวั่นไปเสียหมด และคิดว่าความกลัวที่ถูกส่งผ่านดวงตา ทำให้สายตาคู่คมละไปเสียเอง

“พี่ไทยครับ ผมพาวิศวกรคนใหม่มารายงานตัว” มหาสมุทรเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่ครอบคลุมไปทั่วบริเวณนี้ ตั้งแต่เขาเปิดประตูนำเข้ามา

“คุณเลขครับ นี่คุณไผท เจ้าของรีสอร์ตตัวจริง สาวคนซ้ายมือ เพียงฤทัย ภรรยาของผมครับ อีกคนก็ทิฆัมพร น้องสาวเจ้าของเกาะ พ่วงตำแหน่งครูใหญ่ประจำโรงเรียนเสมือนจันทร์วิทยาที่คุณเลขตั้งใจจะไปวันนี้ครับ ส่วนนี่คุณคณิตา เป็นวิศวกรคนใหม่ของเราครับ” มหาสมุทรทำหน้าที่แนะนำคนทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน

“สวัสดีค่ะ” คณิตายกมือไหว้ครบทุกคน และรู้สึกโล่งใจที่อะไรบางอย่างที่เธอกลัว ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด

“น้องนาฏขา สวัสดีลุงไทย อาเพียง แล้วก็อาพุทธสิคะ” คนตัวโตผิวเข้มย่อเข่าลงพูดกับเด็กหญิงที่มองหน้าภรรยาและน้องสาวของเขาอย่างสนอกสนใจ

“สวัสดีค่ะอาเพียง อาพุทธ” เด็กหญิงยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยทักทายสองสาวก่อน หลังจากนั้นเด็กน้อยก็ละสายตาเงยหน้ามองชายหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ดวงตาสุกใสเปล่งประกายความดีใจจนเก็บไม่อยู่

“แม่ขา” เด็กน้อยวิ่งเข้าไปเกาะที่เท้าแขนเก้าอี้ตัวใหญ่ ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกๆ คน ยกเว้นคณิตาที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เจ้าตัวเล็กก่อเรื่องอีกแล้ว อยากจะบ้า!

“คุณคณิตา นี่มันอะไรกัน” ไผทถามเสียงเข้ม

“เอ่อ...”

“แม่ขาอย่าดุป้อสิคะ” เด็กน้อยออดอ้อนคนตัวใหญ่เสียงหวาน ประโยคนั้นทำให้บุคคลที่เหลืออยู่ในอาการที่แตกต่างกันไป มหาสมุทรอยากหัวเราะออกมาเต็มเสียง แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชาย จึงได้แต่กลั้นเสียงหัวเราะจนหน้าเบี้ยว เพียงฤทัยกับทิฆัมพรต่างก็หันมาสบตากันอย่างงงๆ ส่วนคณิตาก็ยืนหน้าเจื่อนจนซีด อยากร้องไห้เต็มแก่

“คุณแน่ใจนะว่าคุณมีความสามารถพอที่จะทำงานให้ผมได้ แค่ลูกคุณเอง คุณยังสอนให้เขาสับสนเรื่องการแยกแยะเพศขนาดนี้” ไผทพยายามไม่สนใจเจ้าลูกปลิงตัวน้อยที่ยังเกาะเก้าอี้ของเขาเอาไว้

“...” คณิตาได้แต่ก้มหน้า หาข้อแก้ตัวให้ตัวเองไม่ได้ ไม่โทษเจ้านายเลยสักนิด ถ้าเป็นเธอก็คงอับอายไม่น้อยที่อยู่ดีๆ จากที่ควรเป็นพ่อกลับเป็นแม่ไปเสียได้

“แม่ใจร้าย” เด็กหญิงต่อว่าก่อนเบะปาก น้ำตาคลอ วิ่งกลับไปหา ‘พ่อ’ ของตัวเอง คณิตามองลูกอย่างสงสาร แต่ก็ไม่สามารถโยนความผิดให้ใครได้

“โอ๋ๆ อย่าร้องนะคะคนเก่ง” คนเป็นแม่จริงๆ รับร่างจ้อยที่โผมาหาอย่างขาดที่พึ่ง

“หนูไม่รักแม่แล้ว แม่ใจร้าย” แม้รู้ว่าลูกไม่ได้หมายถึงตน หากแต่ประโยคเหล่านี้ก็ทำให้คณิตาเจ็บไปถึงใจ อะไรมันจะเจ็บได้มากไปว่าการที่ลูกไม่รักอีกล่ะ

“น้องนาฏฟังนะลูก ลุงไทยไม่ใช่แม่ของหนู และก็ไม่ใช่พ่อของหนูด้วย น้องนาฏมีแค่แม่คนนี้คนเดียว แม่ที่หนูชอบเรียกว่า ‘ป้อ’ ไงคะ” ไม่เพียงแต่ต้องการบอกลูกสาวของตนเท่านั้น คณิตายังสื่อให้ทุกคนที่กำลังมองเธอสองแม่ลูกเป็นจุดเดียวรับรู้ด้วย เพราะเชื่อว่าพฤติกรรมของลูกสาวคงทำให้ทุกคนคิดไปต่างๆ นานา ซึ่งเธอก็แน่ใจว่ามันไม่เป็นผลดีกับหน้าที่การงานของตัวเองเลย

“แต่นั่นมันแม่จริงๆ นี่คะ” เด็กน้อยเงยหน้าที่ซบลงกับบ่ามารดา หันไปย้ำเตือนความคิดของตัวเองอีก

“ถ้าสมมุติว่าแม่บอกหนูว่าลุงไทยไม่ใช่แม่ แต่เป็นอาศิลป์ที่เป็นแม่หนู หนูจะเรียกอาศิลป์ว่าแม่หรือเปล่าคะ” คนถูกกล่าวพาดพิงยิ้มไม่ออก เมื่อคิดว่าหากเด็กน้อยเรียกเขาว่าแม่ เขาก็คงรู้สึกแปลกพิลึก

“ก็อาศิลป์ไม่ใช่แม่นี่ค่ะ แม่ของหนูอยู่โน่น” นิ้วป้อมๆ ชี้ไปที่ผู้ชายตัวโต กรรม! สงสัยงานนี้ต้องกลับบ้าน ไม่ต้องทงไม่ต้องทำมันแล้วงานน่ะ คณิตาคิดอย่างปลงๆ

“เอาล่ะ เลิกเถียงกันได้แล้ว ถ้าคุณกับลูกยังเถียงกันแบบนี้ อีกสักพักผู้ชายห้องนี้คงกลายเป็นแม่ของแกไปหมด ส่วนผู้หญิงก็คงไม่พ้นกลายเป็นพ่อของเด็ก” ไผทตัดบท เพราะคำก็แม่ สองคำก็แม่ของเด็กน้อย ทำให้เขาอายบรรดาน้องๆ จนแทบจะแทรกแผ่นดินนี้แล้ว

“ดิฉันขอโทษค่ะ”

“แมะ...ลุงไทยใจร้าย” นาฏศิลป์ตัดใจเปลี่ยนสรรพนามกลางอากาศ เมื่อ ‘ป้อ’ บอกว่าไม่ใช่แม่ เธอก็จะเชื่อ แล้วเธอก็ไม่อยากมีแม่ใจร้ายแบบนี้ด้วย เด็กน้อยต่อว่าชายหนุ่มมาดดีก่อนหันกลับไปซบบ่าแม่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียใจอย่างที่สุด

“ดิฉันขอโทษทุกคนแทนลูกด้วยนะคะ แล้วก็ขออนุญาตพาแกออกไปก่อนได้ไหมคะ”

“เชิญ” เสียงห้วนบอกอย่างไม่ใยดี ทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งสะอึกได้เหมือนกัน คณิตาก้มศีรษะลงบอกลาทุกคนอีกครั้ง จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปไม่เหลียวกลับมามองอีกเลย


ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่เขาจำเธอไม่ได้ เมื่อแรกที่ได้สบตากัน เธอค่อนข้างหวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะสายตาที่มองมาเหมือนจะจดจำเธอได้ แต่แล้วการกระทำของเขาก็ทำให้เธอมั่นใจได้ว่า หากเขาจะระลึกถึงเธอสองแม่ลูก น่าจะเป็นเรื่องที่นาฏศิลป์เคยวิ่งไปเกาะขาเขาเอาไว้และเรียกเขาว่า ‘แม่’ กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากกว่าเรื่องที่เธอกลัว

“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะคุณคณิตา” เสียงหวานของหญิงสาวนางหนึ่งปลุกให้คณิตาตื่นขึ้นจากภวังค์ของตัวเอง

“เชิญค่ะคุณเพียงฤทัย” คุณแม่ลูกหนึ่งขยับตัวไปนั่งชิดอีกฝั่งหนึ่งของม้านั่งที่ทำจากท่อนซุงท่อนใหญ่ ซึ่งวางอยู่หน้าบังกะโลที่พักของตน

“เรียกเพียงเฉยๆ ดีกว่าค่ะ น้องนาฏล่ะคะ” ผู้มาใหม่เปิดบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง มิได้ถือว่าตนเป็นภรรยาของน้องชายเจ้าของเกาะสักนิด

“งอแงจนหลับไปแล้วค่ะ” คณิตาบอกยิ้มๆ

“เพียงขอเรียกคุณเลขนะคะ” เจ้าของชื่อพยักหน้าตอบรับอย่างเต็มใจ

“คุณเพียงมีอะไรให้ดิฉันช่วยหรือเปล่าคะ” คณิตาถามเมื่อนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ภรรยาของมหาสมุทรเดินมาพบเธอถึงที่นี่

“เพียงมีอะไรบางอย่างอยากให้คุณเลขดูน่ะค่ะ” เพียงฤทัยเปิดกระเป๋าสตางค์ พร้อมกับยื่นไปให้หญิงสาวอีกคนดู

ภาพถ่ายครอบครัวซึ่งประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูกสาว ทำให้คณิตาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และทราบถึงสาเหตุที่ทำให้พนักงานบนเกาะนี้มองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หญิงสาวหันไปมองเจ้าของรูปด้วยอยากรู้ว่าเจ้าของภาพรู้สึกอย่างไร และกำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกทำให้คณิตาต้องรีบออกตัวก่อน

“คุณเพียงคงไม่คิดว่าดิฉันกับคุณศิลป์...”

“คุณเลขว่ามันน่าแปลกไหมคะ เด็กสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีหน้าละม้ายคล้ายคลึงกันจนแทบแยกไม่ออก”

“แต่ดิฉันสาบานได้นะคะ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเพียงคิด ดิฉันกับคุณศิลป์เพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อวานนี้เอง น้องนาฏไม่ใช่ลูกของคุณศิลป์อย่างแน่นอนค่ะ”

“ถ้าไม่ใช่ลูกของพี่ศิลป์ แล้วน้องนาฏเป็นลูกของใครคะ”

“เอ่อ...ดิฉันไม่ขอตอบนะคะ แต่ดิฉันขอยืนยันว่าดิฉันกับคุณศิลป์ไม่มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบนั้นแน่นอน”

“คุณเลขรู้ไหมคะว่า ถ้าคุณเลขบอกใครต่อใครว่าน้องนาฏไม่ใช่ลูกของพี่ศิลป์ ทุกคนจะมองว่าน้องนาฏเป็นลูกของใคร” คณิตาเบ่งตากว้างอย่างตกใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพียงฤทัยหมายถึงใคร เพราะสามคนพี่น้องมีหน้าตาละม้ายคล้ายกันทั้งสิ้น

“ดิฉันจะไม่มีวันให้มันเป็นแบบนั้นค่ะ” เพียงฤทัยมองหน้าคณิตาอย่างสงสัยอะไรบางอย่าง หากก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ

“อย่าว่าเพียงจุ้นจ้านเลยนะคะ คุณเลขบอกเพียงได้ไหมว่าพ่อของน้องนาฏไปไหน ทำไมถึงปล่อยให้คุณกระเตงน้องนาฏมาถึงที่นี่”

“เราไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ” คณิตาจำต้องบอก ทั้งๆ ที่ไม่อยากเอ่ยพาดพึงถึงใคร แต่งานนี้เลี่ยงไม่ได้ เมื่อหน้าตาของบุตรสาวเป็นเหตุให้คนอื่นระแวงสงสัย

“แล้วเขารู้ไหมคะว่าคุณมีน้องนาฏ”

“ไม่ทราบหรอกค่ะ ขนาดตัวดิฉันเองยังคาดไม่ถึงเลยว่าน้องจะมาเกิด มันเป็นช่วงชีวิตที่ผกผันค่ะ เขาเป็นแค่คนที่บังเอิญผ่านเข้ามาในชีวิตของดิฉันในช่วงเวลาสั้นๆ” สั้นมากๆ สั้นชนิดไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันด้วยซ้ำ

“คุณเลขไม่คิดจะบอกให้เขาทราบบ้างหรือคะ”

“เพื่ออะไรล่ะคะ ถ้าเพื่อถามหาความรับผิดชอบ ก็อย่าดีกว่าค่ะ คนไม่รักกันอยู่ด้วยกันมันก็คงไม่มีความสุข รังแต่จะสร้างปัญหาเสียเปล่าๆ อีกทั้งมันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยค่ะ เขาไม่ควรมาเจอกับดิฉันด้วยซ้ำ” เพียงฤทัยมองหน้าคณิตาอย่างทึ่งๆ จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ยอมรับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตัวเอง ส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาก็มักจะถามหาความรับผิดชอบจากผู้ชายเสมอ แต่ผู้หญิงคนนี้นอกจากไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นแล้ว ยังยืนหยัดเลี้ยงดูผลพวงที่เกิดจากความผิดพลาดไม่คิดทำร้ายชีวิตเล็กๆ อย่างที่หลายๆ คนทำ

“ถ้าวันหนึ่งเขารู้ขึ้นมาและต้องการรับผิดชอบทั้งตัวคุณแล้วก็น้องนาฏ คุณเลขจะว่ายังไงคะ”

“มันไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ” คณิตาตอบอย่างมั่นใจ

“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนไม่ใช่หรือคะ”

“ไม่ว่ามันจะคือความแน่นอนหรือความไม่แน่นอน ดิฉันก็ต้องขอบคุณคุณเพียงที่เชื่อในสิ่งที่ดิฉันพูด และต้องขอโทษถ้าเป็นเหตุให้คุณกับคุณศิลป์ผิดใจกัน”

“เพียงกับพี่ศิลป์ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกค่ะ แค่แปลกใจที่น้องนาฏหน้าตาคล้ายกับน้องเพลงก็เท่านั้นเอง คล้ายจนพี่ศิลป์กลัวเพียงเข้าใจผิด โทรไปรายงานให้ทราบตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้เพียงอยากเห็นหน้าของน้องนาฏ” นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำตอบว่าทำไมมหาสมุทรถึงมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นนาฏศิลป์ครั้งแรก

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันค่อยสบายใจหน่อย”

“แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่เพียงไม่เข้าใจเลยค่ะ ทำไมน้องนาฏถึงเรียกคุณเลขว่าพ่อ แล้วทำไมถึงเรียกพี่ไทยว่าแม่” นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอสงสัย
“เฮ้อ! ดิฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ คำแรกที่น้องพูดได้แทนที่จะเป็นคำว่าแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ น้องนาฏกลับเรียกพ่อได้ก่อนแม่ ดิฉันพยายามสอนให้แกเรียกว่าแม่ แกก็ไม่ยอมฟังสักที” คณิตาระบายความในใจให้คนเป็นแม่อีกคนฟัง

“เพราะน้องขาดพ่อหรือเปล่าคะ”

“ก็อาจเป็นไปได้”

“แล้วแกเคยเรียกใครๆ ว่าแม่อย่างพี่ไทยหรือเปล่า” เพียงฤทัยถามต่อไปอีก

“เอ่อ...” เมื่อเห็นท่าทางอึกอัก เพียงฤทัยก็เดาได้ในทันที

“ไม่เคยใช่ไหมคะ ถ้างั้นก็แปลกที่เจาะจงเรียกพี่ไทยแบบนั้น หรือว่า...”

“ไม่ใช่ค่ะ คุณเพียงอย่าคิดไกลไปขนาดนั้น ดิฉันขอร้อง” คณิตาร้องห้ามทันใด เธอกลัวความคิดของเพียงฤทัยเหลือเกิน

“กลัวพี่ไทยหรือคะ” เพียงฤทัยถามยิ้มๆ

“ดิฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้กับใคร แค่น้องนาฏก่อเรื่อง ดิฉันก็กลุ้มใจจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ ถ้าดิฉันเจอสถานการณ์แบบคุณไผท คงไม่ทำแค่หน้าดุๆ กับเสียงดุๆ หรอกค่ะ คงเฉดหัวตัวปัญหาออกจากเกาะเสียเดี๋ยวนั้น”

“ปกติพี่ไทยเป็นคนใจดี ไม่ดุหรอกค่ะ เมื่อเช้าคงต้องการกลบเกลื่อนความอายมากกว่า ไม่ได้โกรธจริงๆ หรอกค่ะ” เพียงฤทัยแก้ต่างให้พี่สามี

“แต่ดิฉันก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี เฮ้อ!”

“พี่ไทยไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอกค่ะ อยู่ด้วยกันนานๆ คุณเลขก็จะทราบเอง” น้องสะใภ้ของไผทให้กำลังใจคนขี้กลัว

“กลัวจะอยู่ไม่นานสิคะ” คณิตาหน้าเจื่อนเต็มที จนภรรยาของมหาสมุทรหัวเราะออกมาเบาๆ

“คุณเลขอาจจะอยู่นานกว่าที่คิดเอาไว้ก็ได้นะคะ เพียงขอตัวก่อนดีกว่า ใกล้เวลาที่น้องเพลงจะกลับจากโรงเรียนแล้ว” เพียงฤทัยขยับตัวลุกขึ้น

“ดิฉันอยากเห็นน้องเพลงจังเลยค่ะ” วิศวกรสาวฉวยโอกาสสุดท้ายเอาไว้ เธออยากรู้ว่าตัวจริงจะเหมือนลูกสาวของตัวเองมากเหมือนในรูปหรือเปล่า

“แล้วเพียงจะพามาแนะนำให้รู้จักค่ะ ไปก่อนนะคะ” เพียงฤทัยโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มแห่งไมตรีจิต ทำให้คณิตาอดยิ้มและโบกมือตอบไม่ได้

“สงสัยคงต้องกลับบ้านจริงๆ ถ้าไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งไปกว่านี้” หญิงสาวบ่นพึมพำขึ้นมาหลังจากที่คู่สนทนาจากไปครู่ใหญ่แล้ว




หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ม.ค. 2557, 10:48:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ม.ค. 2557, 10:48:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1967





<< มนต์รักไผท บทที่ 2   บทที่ 4 >>
ใบบัวน่ารัก 7 ม.ค. 2557, 19:03:28 น.
แปลกดี
น่า เอาใจช่วยลุ้นนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account