หวานเล่ห์เสน่หา (เปลี่ยนชื่อเรื่องจากมนต์รักไผทค่ะ)
เรื่องราวของวิศวกรสาวกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะ เส้นทางของทั้งคู่ไม่น่าจะมาพบกันได้ แต่กามเทพก็แผลงศรให้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย ต้องมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไม่ตั้งใจ เรื่องราวทุกอย่างจบลงเพียงแค่คืนนั้น...หากเมื่อคู่กันแล้วต่อให้ห่างไกลกันสักเพียงไหน เมื่อถึงเวลาคนสองคนก็ต้องโคจรกลับมาพบกันอยู่ดี และการพบกันในครั้งนี้จะสร้างความรักให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ไปช่วยกันลุ้นค่ะ
Tags: เกาะ

ตอน: บทที่ 4

บทที่ 4

“อะไรนะครับคุณเลข” มหาสมุทรอุทานเสียงดังลั่นห้อง

“คือว่า...เฮ้อ!” คณิตาถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเจ้านายถามย้ำในสิ่งที่เธอแจ้ง

“คุณเลขมีปัญหาอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม หวังให้เธอบอกถึงสาเหตุของการตัดสินใจในครั้งนี้

“ดิฉันขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้คุณศิลป์ต้องเสียเวลาหาพนักงานใหม่” เธอคิดมาตลอดทั้งคืนว่าจะอยู่ต่อหรือจากไปดี เรื่องหน้าที่การงานสำคัญก็จริง แต่ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องของเจ้าตัวเล็กที่นั่งตาแป๋วอยู่ข้างๆ นี่

“หรือเป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน ทำให้คุณเลขยื่นใบลาออกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มงานเลย”

“มันก็มีหลายเหตุผลค่ะ” คณิตาตอบอ้อมๆ

“บอกไอ้หลายๆ เหตุผลที่คุณว่าให้ผมทราบได้ไหม อย่างน้อยก็ให้ผมทราบว่ามันเป็นเหตุผลที่สมควรหรือเปล่า” มหาสมุทรพอจะเดาได้ว่าหนึ่งในเหตุผลของคนตรงหน้าคืออะไร ซึ่งเขาไม่ถือว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร

“เหตุผลแรกก็อย่างที่คุณศิลป์เข้าใจ น้องนาฏทำให้คุณไผทไม่พอใจอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะปรามลูกได้หรือเปล่า เหตุผลที่สองก็คงไม่พ้นเรื่องของน้องนาฏที่ทำให้ใครๆ บนเกาะนี้เข้าใจคุณศิลป์ผิด ดิฉันรู้สึกไม่ดีที่ทำให้คุณศิลป์กับคุณเพียงไม่สบายใจ”

“เอาเรื่องที่เกี่ยวกับผมก่อนนะ ผมกับเพียงไม่ได้มีปัญหาใดๆ กันเพราะน้องนาฏเลย ใครจะพูดยังไงก็ได้ แต่คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็คือคุณกับผม ผมมั่นใจว่าผมไม่ใช่พ่อของน้องนาฏพอๆ กับที่คุณมั่นใจว่าใครคือพ่อของน้องนาฏ ดังนั้นต่อให้ใครพูดกันไปยังไง ความจริงมันก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ แล้วตัวผมไม่เคยแคร์คำพูดของใคร โดยเฉพาะเรื่องที่ผมไม่ได้ทำ ส่วนเรื่องของพี่ไทย ผมว่าคุณเลขอย่าคิดมากเลยครับ พี่ไทยไม่ได้โกรธอะไรมากมายหรอกครับ น่าจะอายมากกว่า”

“แต่ดิฉันกลัวน้องนาฏเผลอหลุดปากเรียกคุณไผทแบบนั้นอีก” คณิตาสารภาพเสียงอ่อย

“อย่ากลัวไปเลยครับคุณเลข ใช่ว่าทั้งสองคนจะเจอกันบ่อยๆ พี่ไทยงานยุ่งจะตาย ส่วนน้องนาฏก็ต้องไปโรงเรียน จะเอาเวลาไหนมาเจอกันได้ล่ะครับ แล้วประการสำคัญงานของคุณเลขขึ้นตรงกับผม ไม่ได้ยืนหน้าแฉล้มต้อนรับแขกหรือทำงานประจำในสำนักงานสักหน่อย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเจอท่านหัวหน้าเผ่าจอมเฮี้ยบบ่อยๆ หรอกครับ” คณิตายิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินมหาสมุทรเรียกพี่ชายของตัวเองว่าหัวหน้าเผ่า ซึ่งชวนให้สงสัยว่าทำไมชายหนุ่มจึงใช้สรรพนามนั้น

“ดิฉันไม่ได้กลัวนะคะ แค่ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ใครๆ”

“ถ้างั้นคุณเลขก็ห้ามลาออกครับ ไม่อย่างนั้นคุณเลขก็จะสร้างความลำบากใจให้ผมเป็นคนแรก ที่ต้องรับสมัครพนักงานใหม่อีกแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ คนที่ยอมมาใช้ชีวิตบนเกาะหายากจะตายไป”

“แต่ดิฉัน...”

“ถ้าคุณเลขลำบากใจ ผมก็ขอเสนอแบบนี้แล้วกันนะครับ ผมจะอนุมัติให้คุณเลขลาออกก็ได้ แต่คุณเลขต้องอยู่ช่วยงานผมจนกว่าผมจะหาคนแทนได้ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือผมก็แล้วกันนะครับ” มหาสมุทรยื่นข้อเสนอใหม่ให้หญิงสาวเพื่อยืดเวลาออกไปอีกนิด เพราะเชื่อว่าเวลาเท่านั้นที่จะคลี่คลายปัญหาต่างๆ ได้

“ก็ได้ค่ะ” คณิตารับปากในที่สุด อย่างน้อยก็ถือว่าเธอแสดงความรับผิดชอบ

“เฮ้อ! โล่งอก นึกว่าต้องทำงานคนเดียวซะแล้ว” ท่าทางของมหาสมุทรทำให้คณิตายิ้มกว้างขึ้น และรู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้สึกกังวลใจที่จะต้องร่วมงานกับเขาเลยแม้แต่น้อย

“คุณศิลป์ค่ะ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”

“ว่ามาสิครับ”

“ทำไมคุณศิลป์เรียกคุณไผทว่าหัวหน้าเผ่า เท่าที่เลขเคยได้ยินมาคนพื้นเพมักจะเรียกนายหัวไม่ใช่หรือคะ” คณิตาถามในสิ่งที่คาใจ ส่วนคนต้องตอบก็หัวเราะออกมาเต็มเสียง

“เพราะพี่ชายของผมเป็นทายาทคนโตของเจ้าของเกาะ”มหาสมุทรเกริ่นนำยิ้มๆ

“ดิฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

“ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกครับ แค่เพื่อนๆ ของพี่ไทยรู้ว่าพื้นที่ทุกตารางนิ้วบนเกาะเสมือนจันทร์อยู่ในความดูแลของพี่ไทย ก็เลยตั้งฉายานี้ให้ ผมนึกสนุกก็เลยหยิบมาหยอกล้อพี่ไทยบ้าง แล้วแต่โอกาสครับ” มหาสมุทรตอบยิ้มๆ

“ถ้าคุณไผทเป็นหัวหน้าเผ่าของที่นี่จริงๆ ดิฉันกับลูกคงถูกจับโยนทะเลตั้งแต่เมื่อวาน โทษฐานหมิ่นศักดิ์ศรีของท่าน” คณิตาบอกสีหน้าขยาดเต็มที่

“หึหึ แต่ถ้าคุณเลขไปถามใครๆ บนเกาะ เขาจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นายไทยใจดี นายศิลป์จอมโหด คุณพุทธน่ะใจอ่อนขี้สงสาร เพราะฉะนั้นคนที่คุณเลขควรกลัวคือผม ไม่ใช่พี่ไทยครับ” คนโหดที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า มองยังไงคณิตาก็ไม่เห็นความโหดเลยสักนิด

“คุณศิลป์กำลังขู่ดิฉันหรือเปล่าคะ”

“อยู่ไปก็รู้เองครับว่าผมขู่หรือเปล่า ไหนๆ คุณเลขก็เก็บของมาหมดแล้ว วันนี้ผมพาไปบ้านพักเลยก็แล้วกันนะครับ” เมื่อแรกเขาจัดให้คณิตาพักร่วมกับพนักงานหญิงอีกคนที่เรือนพักพนักงาน แต่เมื่อเธอไม่ได้มาตัวคนเดียว อีกทั้งเจ้าตัวเล็กยังเป็นสาเหตุที่ทำให้พนักงานส่วนใหญ่มองเธออย่างไม่เป็นมิตร เขาจึงตัดสินใจเปิดบังกะโลหลังหนึ่งของรีสอร์ตให้เธอพักเป็นการชั่วคราว

“ดิฉันพักที่เรือนพักพนักงานก็ได้ค่ะ” คณิตาบอกอย่างเกรงใจ

“อย่าเลยครับ ให้ผมพูดตรงๆ คุณเลขน่าจะทราบว่าตอนนี้พนักงานส่วนใหญ่มองคุณกับน้องนาฏยังไง อีกอย่างคุณเลขก็อยู่แค่ชั่วคราว ไปพักบ้านพักที่ผมจัดให้ดีกว่าครับ”

“ดิฉันกลับบ้านเมื่อไหร่ เกาะเสมือนจันทร์คงกลับมาสงบสุขเหมือนเดิมนะคะ” หญิงสาวบอกอย่างเหนื่อยใจ

“อย่าไปใส่ใจอะไรมากเลยครับ ปากคนยาวกว่าปากกา เรื่องที่สนุกที่สุดในวงสนทนาก็คือเรื่องไม่จริง เสริมสร้างปั้นแต่งยังไงก็ได้”

“ขอบคุณคุณศิลป์มากนะคะ ขนาดดิฉันสร้างความเดือดร้อนให้ คุณศิลป์ไม่นึกโกรธเคืองเลข”

“เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริงที่ผมต้องสนใจนี่ครับ น้องนาฏหิวไหมเอ่ย” มหาสมุทรหันไปถามเด็กหญิงที่นั่งฟังตาแป๋ว ไม่รู้ว่าเข้าใจเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันบ้างหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเห็นจากเด็กหญิงก็คือ ความน่ารักและไม่ซุกซนเหมือนเด็กวัยกำลังเรียนรู้หลายๆ คน เพราะเด็กหญิงนั่งเฉยๆ สนใจแต่เปลือกหอยในมือที่คงเก็บมาจากชายหาด

“หิวค่ะ” เด็กน้อยยิ้มตาหยี

“งั้นอาศิลป์พาไปทานข้าวต้มปลาที่อร่อยที่สุดในโลกดีไหมคะ”

“ดีค่ะ ป้อไปด้วยไหมคะ” เด็กน้อยถามเสียงใส

“ไปสิคะ ไปกันหมดนี่เลย” มหาสมุทรยิ้มกว้าง เมื่อเห็นหน้าละเหี่ยใจของคณิตา

“เมื่อไหร่ดิฉันจะได้เป็นแม่สักทีก็ไม่รู้” คณิตาบ่นเสียงเบา

“เอาเถอะครับ สักวันคงได้เป็น” มหาสมุทรตอบกลั้วเสียงหัวเราะ ก่อนจะเชื้อเชิญคู่แม่(พ่อ)ลูก อีกครั้ง ทั้งสามจึงพากันเดินออกจากห้องทำงานของรองหัวหน้าเผ่า


มหาสมุทรพาคณิตาออกทางด้านหลังรีสอร์ต ตรงไปยังรถกอล์ฟส่วนตัวที่จอดแน่นิ่งอยู่ในโรงจอดรถ สมาชิกใหม่ของเกาะเสมือนจันทร์ทอดมองถนนลาดยางยาวสุดลูกหูลูกตาคู่ขนาดไปกับชายหาด ความเจริญที่ถูกนำมายัดเยียดให้กับธรรมชาติ แต่หากนึกถึงใจเขาใจเรา ความเจริญก็คงเดินคู่ไปกับธรรมชาติที่สวยงามได้ไม่ยาก

“จะไปไหนกัน” เสียงอันทรงอำนาจที่แผ่รัศมีมาถึงตัวคณิตา ทำให้เธอสะดุ้ง ก็ไหนคุณศิลป์บอกว่าเราจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ ไงคะ นี่ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย เจอกันแล้ว หญิงสาวส่งสายตาเป็นคำถามให้กับมหาสมุทรที่ยืนมองยิ้มๆ

“คุณศิลป์จะพาไปบ้านพักน่ะค่ะ” คณิตาตอบกล้าๆ กลัวๆ แต่สิ่งที่แปลกออกไปคงเป็นลูกสาวของเธอที่เกาะขาเอาไว้แน่น หลบหน้าหลบตาคนมาใหม่

“น้องนาฏสวัสดีคุณลุงสิคะ” คนเป็นแม่เอี้ยวตัวบอกเด็กน้อย พร้อมจับร่างจ้อยๆ ให้มายืนด้านหน้า

“ไม่ หนูไม่ชอบคนใจร้าย หนูไม่รักมะ...ลุงไทยแล้ว” เด็กน้อยผวาเข้ากอดขามารดาอีกรอบ รอบนี้มีเสียงสะอื้นเล็กๆ ให้ใครบางคนใจกระตุกเล่น

“ขอโทษด้วยค่ะคุณไผท” คณิตาไม่รู้จะพูดอะไรดีนอกจากคำนี้ เธอก้มศีรษะประกอบคำพูดก่อนจะยกร่างเจ้าตัวน้อยขึ้นมากอดแนบอก ลูบหลังเบาๆ อย่างปลอบโยน

“ผมจะพาน้องนาฏไปทานข้าวต้มปลาก่อนไปบ้านพัก พี่ไทยไปด้วยกันไหมครับ” มหาสมุทรเอ่ยปากชวนพี่ชายที่หน้าง้ำไม่พอใจการกระทำของเด็กน้อย

“ไม่ล่ะ เชิญตามสบาย นายจะทำอะไรก็คิดให้เยอะๆ หน่อย แค่นี้ยังดังไม่พออีกหรือยังไง” ไผทเตือนสติน้องชาย

“บังเอิญผมยังไม่ได้ยินกับหู แต่ถ้าใครกล้ามาพูดต่อหน้าผม รับรองครับผมจะเคลียร์ไม่ให้เหลือเรื่องค้างคาใจกันอีกเลย” คำพูดนั้นเหมือนกล่าวทีเล่นทีจริง แต่แววตาบ่งบอกถึงความเฉียบขาดที่ทำให้คณิตาหนาวขึ้นมาได้ไม่ยาก

“จะทำอะไรก็ทำ แล้วคุณน่ะจะเริ่มงานเมื่อไหร่” ไผทหันกลับมาเผชิญหน้ากับพนักงานคนใหม่

“ขอเป็นช่วงบ่ายได้ไหมคะ ช่วงเช้าดิฉันขอจัดการเรื่องลูกสาวให้เรียบร้อยก่อน” หัวหน้าเผ่าพยักหน้ารับรู้ก่อนหันไปบอกลาน้องชาย ตรงเข้าไปในรีสอร์ตโดยไม่สนใจสิ่งใดอีก

“เฮ้อ!” คณิตาถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ฮ่าๆ กลัวขนาดนั้นเลยหรือครับคุณเลข”

“เขาเป็นถึงหัวหน้าเผ่านะคะ ไม่กลัวได้ยังไง” เพราะความเป็นกันเองที่มหาสมุทรมีให้ ทำให้คณิตากล้าพูดหยอกล้อและส่งค้อนเล็กๆ แถมให้ด้วย

“ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพาคุณเลขไปจัดการเรื่องน้องนาฏให้เรียบร้อยด้วย”

“ขอบคุณค่ะคุณศิลป์”

ระหว่างทางนอกจากจะได้เห็นความเจริญของเกาะเสมือนจันทร์จากสิ่งที่ต่างๆ ที่ผ่านสายตาแล้ว เธอยังได้รู้เรื่องราวต่างๆ ของที่นี่จากมหาสมุทรอีกด้วย เกาะแห่งนี้มีทุกอย่างๆ อย่างที่อำเภอหนึ่งพึ่งจะมีเลยทีเดียว ยกเว้นสถานที่ราชการเท่านั้นกระมัง เพราะที่นี่คือเกาะส่วนตัว ผู้พัฒนามิได้ได้สัมปทานมาอย่างหลายๆ เกาะในประเทศไทย

“เรามีรถรางให้บริการรอบเกาะครับ เหมือนรถเมล์ในกรุงเทพนั่นแหละครับ ต่างกันตรงที่ที่นี่บริการฟรีตลอดเส้นทาง ไม่มีเงินติดตัวก็เดินทางรอบเกาะได้ครับ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้จักรยานแทนเจ้าสองล้อที่กินน้ำมันเป็นหลัก กินแรงเป็นรอง (เวลามันสตาร์ทไม่ติด) เพราะน้ำมันเป็นสิ่งหายากบนเกาะแห่งนี้ เราไม่มีปั้มน้ำมัน แต่เรามีโรงไฟฟ้าขนาดย่อม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกคน”

“แล้วถ้าเกิดกรณีฉุกเฉินล่ะคะ รถรางอาจจะไม่ทันการณ์” คณิตาถามอย่างสงสัย

“ก็แล้วแต่กรณีครับ ถ้าเจ็บป่วย เรามีศูนย์พยาบาลอยู่ตามจุดต่างๆ แล้วแต่ใครจะอยู่ใกล้จุดไหน ถ้าอาการร้ายแรงเกินกำลังคนของเรารักษา เรือจะพาคนป่วยส่งไปยังโรงพยาบาลบนฝั่ง และถ้ามันยังเร็วไม่พอ เรามี ฮ. ครับ”

“มีอะไรที่ที่นี่ไม่มีบ้างไหมคะ”

“มีครับ เราไม่มีสถานีตำรวจ ใครทำผิด เราจับโยนทะเลอย่างเดียวครับ” มหาสมุทรบอกเสียงเข้ม สร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้คณิตาหน้าเจื่อนไปทันที

“ล้อเล่นใช่ไหมคะ”

“เปล่าครับ ผมพูดจริง มันขึ้นอยู่กับว่าความผิดนั้นร้ายแรงแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาผมก็ยังไม่เคยจับใครโยนทะเลสักที มันเป็นกฎของที่นี่ตั้งแต่ยุคบุกเบิกครับ คิดว่าเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวมากกว่า มาถึงยุคนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่ากฎยังศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเปล่า เพราะยังไม่เคยเห็นใครแหกกฎ แต่ถ้าใครอยากลองของ ผมก็จะลองใช้กฎของบรรพบุรุษดูสักครั้ง”

“เลขเชื่อแล้วค่ะว่าคุณศิลป์โหดจริงๆ” คณิตาอมยิ้ม เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด หากไม่เด็ดขาดจะปกครองคนทั้งเกาะได้ยังไง ถึงจะมาจากต้นตระกูลเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปความเข้มข้นของสายเลือดก็ถูกลดทอนลงเรื่อยๆ จากความสัมพันธ์ของผู้คนที่มีหลากหลายมากขึ้น
“ความเจริญของเกาะจะมีเข้าไปถึงครึ่งหนึ่งของเกาะเท่านั้นครับ ฝั่งด้านที่เป็นหน้าผาจรดลงมาถึงตีนเขา ยังเป็นธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปวุ่นวาย เพราะมันอาจจะเกิดอันตรายได้ ถ้าเทียบกับกรุงเทพ ก็เหมือนกับในตัวเมืองกับชานเมืองน่ะครับ ห่างจากตัวเมืองออกไปเรื่อยๆ ความสะดวกสบายก็มีน้อยลง” มหาสมุทรบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงร้านข้าวต้มปลา ซึ่งเป็นร้านของสมาชิกคนหนึ่งบนเกาะแห่งนี้ แน่นอนว่าทั้งสามคนต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนที่กำลังเอร็ดอร่อยกับข้าวต้มปลาหอมกรุ่น สาเหตุเดียวที่ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว ก็คงไม่พ้นหน้าตาของเด็กหญิงตัวเล็กนั่นเอง

กว่าสามเดือนแล้วที่ใช้ชีวิตบนเกาะแห่งนี้ หน้าที่หลักๆ ก็คือ การดูแลงานระบบสุขาภิบาลและป้องกันอัคคีภัย รวมถึงงานระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาชีพ เหมือนจะเป็นงานหนัก แต่จริงๆ แล้วไม่หนักอย่างที่คิด เพราะเป็นคนสั่งการมากกว่าลงมือทำเอง แรกๆ เพื่อนร่วมงานอาจจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ ซึ่งคณิตาก็มิได้สนใจ สั่งแล้วไม่ทำ ก็ลงมือทำเอง เป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงก็ทำงานได้ไม่แพ้ผู้ชาย อีกทั้งต้องการลบคำสบประมาทที่ใครๆ ต่างก็นินทาเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอได้งานเพราะเป็นเมียน้อยนายศิลป์
แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครละเลยหน้าที่ของตัวเอง ทุกคนยังทำงานแข็งขัน ยกเว้นแต่มันจะเป็นคำสั่งของวิศวกรสาวเท่านั้น และเจ้านายที่เคยบอกว่าตัวเองคือจอมโหดก็รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงเลือกใช้วิธีปรามที่แนบเนียน โดยการตำหนิการทำงานที่หละหลวมของพนักงานใหม่ และคาดโทษทุกคนที่มีส่วนทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงาน ซึ่งการหมายหัวของเจ้านายในครั้งนี้ ก็ยังผลให้คำสั่งของวิศวกรเครื่องกลคนใหม่เริ่มศักดิ์สิทธิ์ ประสิทธิภาพในการทำงานก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ลูกน้องในความรับผิดชอบของคณิตา ส่วนใหญ่จะเป็นคนถิ่นนี้แต่กำเนิด การรักพวกพ้องน้องพี่จึงมีมากกว่าปกติ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสาวร่างสูงโปร่งถึงถูกเกลียดชัง แต่ในความไม่ดีมันก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมากมาย หักลบกลบหนี้กันแล้ว ถือว่าการได้อยู่ที่เกาะแห่งนี้เป็นเรื่องที่ดีที่สุด ได้เงินเดือนเต็มเม็ดเต็มหน่วย บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ค่าเทอมก็ไม่ต้องจ่าย สิทธิพิเศษของพนักงานบนเกาะแห่งนี้ที่ถูกใจคณิตาสุดคือ บุตรของพนักงานทุกคนได้เรียนฟรี แถมสถาบันการศึกษาที่นี่ก็ดีเยี่ยมอีกต่างหาก แม้ว่าโรงเรียนเสมือนจันทร์วิทยา จะรับนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น แต่ก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพคับแก้ว เทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติในเมืองหลวงเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สิ่งเดียวที่ทำให้เงินหลุดออกจากกระเป๋าก็คือ จักรยาน พาหนะยอดฮิตประจำเกาะ
ส่วนรังสีอำมหิตที่เกรงกลัวนักเกรงกลัวหนาก็ไม่มีมาให้เห็น เพราะเจ้าของรังสีไปโน่นมานี่ตลอดเวลา ไม่ได้อยู่ประจำเกาะอย่างที่คิด และด้วยหน้าที่การงานที่ไม่ต้องไปอวดโฉมส่วนหน้าของรีสอร์ต ก็ยิ่งทำให้คณิตากับไผทแทบไม่ได้เจอหน้าค่าตากันเลย สิ่งสุดท้ายที่คุณแม่ลูกหนึ่งไม่เคยระลึกถึงหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะอยากทำงานต่อนั่นก็คือ การรับสมัครพนักงานใหม่ของมหาสมุทร เนื่องจากไม่เห็นชายหนุ่มกระตือรือร้นในการหาพนักงานใหม่มาแทน ไม่เคยเห็นเขาเรียกใครสัมภาษณ์ ครั้นจะเอ่ยปากถามก็ดูไม่ดี กลัวจะหาว่ากดดันเขาทางอ้อม ครั้นจะเอ่ยปากขออยู่ต่อ ไม่ต้องหาใครมาแทนแล้ว คณิตาก็รู้สึกกระดากใจตัวเอง ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่า รองหัวหน้าเผ่าคงจะลืมเรื่องที่เธอขอลาออกไปแล้ว ส่วนเธอก็จะทำลืมว่าเคยขอลาออก เพราะสวรรค์บนดินของเราสองแม่ลูกก็คือที่นี่ เกาะเสมือนจันทร์



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ม.ค. 2557, 09:17:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ม.ค. 2557, 09:17:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1549





<< มนต์รักไผท บทที่ 3   บทที่ 5 >>
จิงโกะ 11 ม.ค. 2557, 13:58:42 น.
"แม่" หายเงียบไป แอบไปสืบอะไรเกี่ยวกับสองแม่ลูกหรือเปล่า?


ใบบัวน่ารัก 11 ม.ค. 2557, 21:11:30 น.
น่าจะดีนะมีป้อ แม่แล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account