^การเดินทางของความฝัน^
เรื่องราวบนเส้นทางแห่งความฝันของบรรดานักศึกษาแพทย์ บนทางเดินที่ไม่ได้โรยด้วยตำราหรือกลีบกุหลาบ แต่มีพร้อมทั้งอารมณ์ ความสับสน และอ่อนไหว

...เพราะชีวิต ไม่ใช่เรื่องง่าย...

ญาตาวี...เด็กสาวผู้มีญาณพิเศษในการมองเห็นดวงวิญญาณ กับชีวิตวุ่น ๆ ในรั้วโรงเรียนแพทย์ที่มีวิญญาณหลงทางอยู่เคียงข้าง

ชลกานต์...เด็กสาวผู้ร่าเริงกับชีวิตเสียจนน่าอิจฉา กับเรื่องราวบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มและหัวใจที่มั่นคงราวจะไม่ไหวคลอน

ชนิสรา...เด็กสาวเจ้าของดวงตาคมวาวแห่งความมั่นคงและทระนง กับหัวใจอันอ่อนไหวที่ถูกสั่นคลอนไปพร้อมกับความเชื่อมั่น

เรื่องราวของพวกเธอทั้งสาม และเพื่อน ๆ บนถนนสายความฝัน

เมื่อชีวิตไม่เป็นอย่างที่คิด

เมื่อความฝันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

เมื่อการเดินทางครั้งนี้...ไม่มีเส้นทางลัด

มีแค่เพียงสองขา สองมือ และหนึ่งหัวใจเท่านั้นที่จะพาพวกเธอผ่านไป

Tags: นักศึกษาแพทย์ ความฝัน ญาตาวี ชลกานต์ ชนิสรา

ตอน: Season II Chapter 2.1

…If I found you, I’ll not let you go…
…Just I found you, nothing I wanna more…

การสอบลงกองภาควิชาจิตเวชเพิ่งผ่านพ้นไป กลุ่มของญาตาวีก็ได้พักยาว 1 เดือน กับการเรียนภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน ซึ่งจะส่งบรรดานักศึกษาแพทย์ลงไปอยู่ในโรงพยาบาลชุมชน เรียนรู้ความเกี่ยวข้องระหว่างชุมชนและระบบสาธารณสุขเพื่อให้เข้าใจองค์ประกอบของผู้ป่วยที่มีทั้งตัวผู้ป่วยเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม

แม้จุดประสงค์ของวิชาจะดูสวยงามและยิ่งใหญ่ แต่ความจริงที่บรรดานักศึกษาแพทย์มองเห็นคือการได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับบรรดาเพื่อน ๆ งานนี้แทนที่จะเตรียมเอกสารการเรียนรู้ แต่ละคนกลับตั้งหน้าตั้งตาเตรียมแผนการเที่ยวเสียมากกว่า

จนถึงวันเดินทาง แต่ละคนจัดข้าวของมาราวจะย้ายบ้าน แต่ญาตาวีและชนิสรากลับมีแค่กระเป๋าเดินทางเล็ก ๆ ใบเดียวที่ทำให้เพื่อน ๆ อ้าปากค้าง

“นี่พอเหรอ...เราไปเป็นเดือนนะ ไม่ใช่สองสามวัน”

“ใกล้แค่สุพรรณ จะขนอะไรไปเยอะแยะ” ชนิสราบอกกลั้วหัวเราะ

“นีสจะขับรถกลับมาเอาเหรอ”

“อ้อนให้พ่อกับแม่เอาไปให้ดีกว่ามั้ง”

เป็นอันว่าแผนการหาคนเยี่ยมเรียบร้อยดี เพื่อน ๆ ไม่ได้ค้านอีก ทุกคนขนของขึ้นรถของคณะ ก่อนออกเดินทางสู่จังหวัดสุพรรณบุรี นักศึกษาจะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 8 คนไปยัง 3 โรงพยาบาล เพื่อร่วมกันทำโครงการการเรียนรู้ระบบสาธรณสุขชุมชนในแต่ละพื้นที่

ชนิสรา ชลกานต์ ปานตะวัน และญาตาวีได้อยู่ด้วยกันกับอีกสี่หนุ่มที่โรงพยาบาลเล็ก ๆ ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก หน้าโรงพยาบาลเป็นถนนแปดเลนส์ที่พอบอกความเจริญของเมืองได้ดี

วิชาเรียนเริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับของผู้อำนวยการโรงพยาบาลในห้องประชุมที่ตึกใหญ่ ก่อนจะปล่อยบรรดานักศึกษาไปเก็บของที่บ้านพักและพักผ่อนตามอัธยาศัย และเตรียมพร้อมสำหรับบทเรียนในโรงพยาบาลชุมชนที่ออกจะเป็นกึ่งเมืองอยู่ค่อนข้างมาก



เวลาหมุนไปอย่างรวดเร็ว นักศึกษาแพทย์ในกลุ่มแบ่งเวลาช่วงเช้าในแต่ละวันเวียนไปดูแผนกผู้ป่วยนอก ห้องฉุกเฉิน และแผนกผู้ป่วยใน ส่วนช่วงบ่ายถึงเย็นถูกจัดไว้สำหรับการรวบรวมข้อมูลและจัดทำรายงานประมวลผลเชื่อมโญงกับภาคทฤษฎี

เมื่อลงมาทำงานจริง วิชาที่ว่างง่ายจนมานอนพักเล่นได้นั้น ก็มีรายละเอียดที่ซับซ้อนและยอกกว่าที่คิดไว้

เช้านี้ญาตาวีวนมาอยู่ที่ห้องฉุกเฉินกับชนิสรา สองสาวค่อนข้างกระตือรือร้นกับงานบริการแม้เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการทำแผล ตัดไหม ด้วยความที่เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสี่หมาด ๆ ที่เพิ่งได้สัมผัสผู้ป่วย ผู้ป่วยทุกราย งานทุกอย่างคือการเรียนรู้ที่ทำให้ชวนให้สนใจอยู่ตลอดเวลา

“หมอฉีดบาดทะยักไหม” พี่พยาบาลที่อยู่ด้วยกันเอ่ยถาม พร้อมส่งใบสั่งยาผู้ป่วยให้ชนิสราดู

“ทีที 0.5 ไอเอ็ม” หญิงสาวเอ่ยทวนเบา ๆ ถึงการฉีดวัคซีนบาททะยัก ซึ่งจะใช้ท็อกซอยด์ครึ่งซีซีฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ ที่นิยมคือบริเวณไหล่ “หนูขอเตรียมยาเองนะคะ”

“ได้ ในตู้เย็นเลยหมอ” พี่พยาบาลเอ่ยอนุญาต ก่อนจะนำเธอไปเปิดตู้เย็น เตรียมเข็มดูดยา และเข็มสำหรับฉีดยา

ปลายเข็มถูกปักลงบนต้นแขนผู้ป่วย เมื่อได้ความลึกดีแล้ว เธอจึงค่อยกดปล่อยน้ำยาให้เข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อ ดึงเข็งออกแล้วใช้เทปแปะสำลีปิดลงบนรอยเข็ม ก่อนบอกผู้ป่วยเบา ๆ “เสร็จแล้ว ขอบคุณนะคะ”

คุณตายิ้มให้จนเห็นฟันหลอด้านหน้า “ขอบคุณนะหมอ ยังเด็กอยู่เลยเน้อเป็นหมอแล้ว”

“ตายังไม่แก่เลย อย่าเพิ่งรีบมาเป็นคนไข้นะคะ” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มขณะปลดเข็มฉีดยาใส่ลงในกลุ่งสีแดงสำหรับแยกใส่ของมีคมโดยเฉพาะ

“โอ๊ย…ตาไม่อยากเป็นหรอก นี่โดนสังกะสีมันบาด หลานตาบอกให้มาฉีดยาเดี๋ยวเป็นบาดทะยัก”

“ดีแล้ว หลานตาเขาห่วงตานะ”

“โอ๊ย…มาห่วงอะไร ตาน่ะแก่แล้ว”

“แหม…ยิ่งแก่ก็ยิ่งต้องห่วง ต้องดูแลดี ๆ ตาจะได้อยู่กับหลานนาน ๆ ไงจ๊ะ” ชนิสราบอกเสียงหวาน ก่อนจะส่งใบนัดให้คุณตา “นี่…เอาให้หลานตาดูก็ได้ค่ะ หมอนัดมาฉีดเข็มสองอีก 1 เดือนนะคะ”

“ฮะ…ต้องมาฉีดอีกเหรอ”

“ค่ะ…ฉีดให้ครบ 3 เข็ม ต่อไปถ้าเป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้ไม่ต้องฉีดอีกไป 10 ปีเลยนะคะ” เธอบอกก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “แต่ยังไงตาก็มาทำแผลแล้วให้หมอดูแผลด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกหมอ ตาเอาปูนทาเดี๋ยวมันก็ดี นี่ตอนแรกตาก็เอาปูนทานะ แผลมันเลยแห้งเลยเห็นไหม”

ไม่พูดเปล่า ตาชูมือหราให้เห็นปลายนิ้วโป้งที่ถูกพันแผลไว้แล้วอย่างดี ชนิสราอมยิ้มเจื่อน ๆ “แต่หมอว่า...ให้หมอทำแผลแล้วพันผ้าแบบนี้สวยกว่านะ ตาจะหยิบจับทำอะไรก็สะดวกไม่เปื้อนแผลไง...นะจ๊ะ”

ชนิสราได้รู้แล้ว ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ติดถนนแปดเลนส์ ดูเจริญสักเพียงไหน แต่สังคมชนบทยังมีความเชื่อ และภูมิปัญญาที่สืบทอดมา บางเรื่องสอดคลอ้ง บางเรื่องขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เธอได้เรียนรู้ แต่ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตในชุมชนก็ยังดำเนินไป และโรงพยาบาลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจในจุดนี้เพื่อจะดูแลผู้คนในชุมชนได้อย่างสมบูรณ์

วิชาการแพทย์ไม่ได้ตรงไปตรงมา เพราะเรื่องราวของมนุษย์มีหลากแง่มุม

คงเพราะเหตุนี้...จึงมีคนกล่าวถึงวิชาการแพทย์ว่าเป็น...ศิลปะอย่างหนึ่ง


ญาตาวีกระพริบตาปริบ ๆ มองพี่พยาบาลที่เลิกชายเสื้อผู้ป่วยขึ้นให้พ้นสะบัก ก้อนฝีไม่ใหญ่มากอยู่ใกล้แนวกลางหลัง ตรงหัวเล็กเท่าปลายเข็มหมุดเปื้อนหนองเขรอะๆปนผงสีเหลืองส้ม

พยาบาลสาวอมยิ้ม ถามกลั้วหัวเราะ “ผงวิเศษเหรอยาย”

“จ้ะ เอาผสมไพร เขาว่าดีนะหมอ”

“เหรอ ทามากี่วันแล้วล่ะ”

“สองจ้ะ”

“แล้วเอาน้ำลายสูญมาด้วยไหม” ชาวบ้านบางกลุ่มยังมีความเชื่อเรื่องการสูญฝี โดยจะให้แม่หมอหรือผู้ใหญ่ที่นับถือใช้น้ำลายแตะแล้วสวดสูญฝีให้

“โอ๊ย…ไม่ได้ แม่หมอที่สูญฝีเก่งๆเพิ่งตายไป ไม่อย่างนั้นยายคงไม่ต้องมาให้หมอผ่า”

คนฟังได้แต่สบตากัน แล้วพยักหน้าเบา ๆ ญาตาวีใช้เครื่องมือคีบสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อขึ้นมา แตะลงที่ก้อนฝีเบา ๆ “ทายาเย็น ๆ นิดนะคะคุณป้า”

หลังทายาและปูผ้าเขียวเจาะกางเพื่อความปลอดเชื้อแล้ว พยาบาลสาวก็ส่งเข็มยาชาให้ญาตาวี “ฉีดไปรอบ ๆ ก้อนเลยค่ะหมอ”

“ฉีดยาชาเจ็บนิดนึงนะคะยาย” นักศึกษาสาวทำตามที่ได้เรียนมา จนเรียบร้อยดีก็ใช้คีมปากเขี้ยวคีบเบา ๆ ที่ิผิวหนัง “เจ็บไหมคะยาย”
“เจ็บจ้ะ”

เธอเลิกคิ้วมองพี่พยาบาล

“เจ็บหรือรู้สึกเฉย ๆ จ๊ะ” พยาบาลสาวเอ่ยถามบ้าง พร้อมจรดคีมลงที่ผิวย่น ๆ

“รู้สึกด้าน ๆ น่ะหมอ”

“อ้อ…มันจะรู้สึกบ้างนะยาย ด้าน ๆ แต่ไม่เจ็บนะ”

“หมอลงมีดเลย กรีดตามแนวผิวนี่เลย”

ญาตาวีค่อยจรดปลายมีดชายธงลงกรีดบนผิวตามรอยย่นของผิวหนัง แล้วหนองสีกะปิก็ไหลทะลักออกมาพร้อมกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ นักศึกษาแพทย์มือใหม่หัดลงมีดย่นจมูกเบา ๆ อยู่ใต้หน้ากากสีเขียว ขณะที่พยาบาลสาวหัวเราะเบา ๆ “กลิ่นใช้ได้เลยนะป้า”

พยาบาลบีบรอบแผลให้หนองทะลักออกมาจนหมด แล้วใช้ผ้าก๊อซเข้าไปเช็ดภายในรอบ ๆ แผล ก่อนจะช่วยญาตาวีฉีดน้ำเกลือเข้าไปล้างแผล ใส่ก๊อซยาวเข้าไปเป็นหมุดไว้ภายในไม่ให้ปากแผลปิดก่อนที่แผลด้านในจะหายดี

เมื่อนักศึกษาแพทย์และพยาบาลช่วยกันปิดแผลเรียบร้อยดีแล้ว ญาตาวีจึงถอดถุงมือออก พยุงคุณยายที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนบอก
“ยายมาล้างแผลที่นี่ทุกวันนะคะ อย่าให้แผลโดนน้ำ แล้วก็อย่าเอาอะไรไปทาเองนะคะ เดี๋ยวแผลติดเชื้อขึ้นมาล่ะแย่เลย มาให้หมอทำแผลให้นอนสบาย ๆ แบบนี้ดีกว่านะยายนะ”

“จ้ะ ไม่ทาแล้ว” ยายยิ้มจนเห็นฟันเปื้อนสีหมากสุก “หมอมือเบ๊าเบา ไม่เจ็บเลย”

“จ้ะ ไม่เจ็บยายก็ต้องมาทำแผลทุกวันนะ”

“จ้ะ” ยายบอกเมื่อญาตาวีประคองร่างเล็ก ๆ นั้นลงจากเตียง “เดี๋ยวพรุ่งนี้ยายให้หลานชายพามา อายุเท่า ๆ หมอนี่ล่ะ เดี๋ยวพามาเจอหมอนะ”
หมอน้อยมือใหม่เริ่มงง กระพริบตาปริบ ๆ ขณะที่พยาบาลหัวเราะคิกในคอ

จนเมื่อยายออกจากห้องฉุกเฉินไปแล้วนั่นล่ะ พี่พยาบาลจึงได้เฉลย “หมอ…พรุ่งนี้หมออยู่นี่เหมือนเดิมไหม”

“ไม่ค่ะ หนูไปโอพีดี” เธอหมายถึงแผนกผู้ป่วยนอก

“แหมเสียดาย” พยาบาลสาวทำเสียงสูง “ถ้าหมออยู่ ยายแกได้เป็นแม่สื่อให้หมอกับหลานแกแน่”

ญาตาวีทำหน้าปั้นยาก

“แหม…เดี๋ยวถ้าหมอตรวจไปนาน ๆ ก็ชิน จะมีป้า ๆ ยาย ๆ ถามประจำล่ะ หมอมีแฟนหรือยัง ยายมีหลานชายนะ สนใจไหม...นั่นแปลว่าเขารัก เขาชื่นชมหมอนะ”

“อ่อ…ควรจะดีใจสินะคะ” ญาตาวียิ้มแห้ง ๆ ขณะที่ชนิสราซึ่งเพิ่งเดินมาได้ยินหลุดหัวเราะคิก

“ทำไม วีโดนยายที่ไหนสู่ขอเหรอ”

“ยังไม่ถึงกับขอหรอกหมอ แต่เล็ง ๆ ถ้าพรุ่งนี้เจออีกล่ะไม่แน่”

ชนิสราคลี่ยิ้ม “แหม…”

“เหอะๆ ถ้ายายไม่ไปเอาผงวิเศษทาแผลอีกเสียก่อนล่ะนะคะ” ญาตาวีบอก ก่อนหันไปหาชนิสรา “เห็นปิ่นว่าบ่ายนี้ผอ.จะพาไปบ้านควาย”

“อ้าว…งั้นหมอรีบลงเถอะจะได้ไปเตรียมตัว อย่าลืมเอาร่มไปกันแดดนะหมอ มันร้อนมาก” พี่พยาบาลคนเดิมลากเสียงยาวบอกว่าร้อนมากจริง ๆ

สองสาวมองนาฬิกา เห็นเป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้วจึงบอกลาพี่พยาบาลในห้องฉุกเฉิน ก่อนจะชวนกันออกมาจากห้อง

“ไปซื้อกาแฟก่อนไหม” ชนิสราเอ่ยถาม รู้ดีว่าญาตาวีติดกาแฟสดชนิดที่ว่ายอมข้ามถนนแปดเลนส์ที่มีสิบล้อวิ่งเป็นระยะ เพื่อไปซื้อกาแฟสดที่ร้านฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลทุกวัน

“อื้ม กินข้าวที่โน่นเลยดีไหม นีสเบื่อโรงครัวหรือยัง”

“ก็ได้ เดี๋ยวโทรชวนชลกับปิ่นด้วยดีกว่า”

ชนิสรากดโทรศัพท์หาเพือ่นสาว เพียงไม่นาน สี่สาวก็พร้อมกันหน้าโรงพยาบาล ชลกานต์กลายเป็นเหมือนจ่าฝูง เธอคอยกันรถให้เพื่อน ๆ จนข้ามถนนไปถึงร้านกาแฟอีกฝั่ง

------
คุณคิมหันต์ : ขอบคุณค่ะ ยินดีที่แวะมาค่ะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนนะคะ

คุณ sai : ขอบคุณมากเลยค่ะ แหะ ๆ ตอนแรกสารภาพว่าไอซ์กะให้เรื่องเทียนเป็นหนูนีส แต่คิดไปคิดมาจัดหนักยายวีคนเดียวเลยดีกว่า เพราะเจ้าของเรื่องเขาก็โดนจัดเต็มสองรายคนเดียวเลยเหมือนกัน เป็นพวกดึงดูดเคสแปลก ๆ น่ะค่ะ จัดจริง เจ็บจริง ไม่อิงแสตนด์อิน

------
และเช่นเคย
ปล.1 เรื่องนี้อาจมีศัพท์แสงประหลาด เฉพาะทางเป็นปริมาณมาก ทั้งนี้เพื่อความสมจริงในการพูดคุยของตัวละคร แต่จะพยายามาอธิบายไว้ในเนื้อเรื่อง หากมีส่วนไหนขัดข้อง หรือทำให้เสียอรรถรสไป รบกวนติชมจะขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

ปล.2 เรื่องนี้เป็น season II ฉบับต่อจาก season I(ภาคพรีคลินิค) บรรดานศพ.กลายเป็นนักศึกษาแพทย์ตัวน้อย ๆ ที่ได้สัมผัสผู้ป่วยจริง เนื้อหาจะสปอยเรื่องราวในภาคแรกที่เด็ก ๆ ยังเรียนภาคทฤษฎีกันอยู่(ซึ่งไอซ์ยังเขียนไม่จบ เพราะติดเรื่องแรงบันดาลใจในชีวิตนักศึกษา เลยขอมาจับชีวิตในชั้นคลินิคที่ใกล้ตัวกว่าก่อน) มีปมบางส่วนที่เกี่ยวเนื่องกันมา แต่สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านภาคแรก ไอซ์พยายามเขียนโดยค่อย ๆ เผยปมและเนื้อเรื่องเดิมให้พอเข้าใจได้ หากติดขัดประการใดแจ้งได้นะคะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2557, 18:44:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ม.ค. 2557, 18:45:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1265





<< Season II Chapter 1.2   Season II Chapter 2.2 >>
mhengjhy 8 ม.ค. 2557, 19:10:17 น.
ตามติดค่าาาา


ใบบัวน่ารัก 8 ม.ค. 2557, 21:04:34 น.
หนุ่มๆๆหายไปไหนกันหมด
พระเอกทั้งหลาย


คิมหันตุ์ 9 ม.ค. 2557, 15:45:34 น.
โอ้ว เจอคุณใบบัวน่ารัก คิดเหมือนกันเลย คิคิ ทวงถามหาหนุ่มด้วยเช่นกันค่ะ


Setia 14 ม.ค. 2557, 01:50:42 น.
โอ้ว ไม่ได้เข้าสิรินดามาซะนาน มาอีกทีอัพมาตั้งหลายตอนเลย อ่านรวดเดียวจบเลย
ญาตาวีนี่ของเค้าแรงดีจริงๆ ดึงดูดทั้งวิญญาณ ดึงดูดทั้งคนไข้ 555
ยังตามอยู่นะคะ เพียงแต่งานเยอะมากกกก พอวันหยุดเยอะ ทั่นๆอาจารย์ทั้งหลายก้ขยันให้การบ้านซะจริงๆเลย
โรคประจำตัวที่ชื่อว่าโรคขี้เกียจตัวเป็นขนก็เลยไม่ยอมหายสักที คุณหมอญาตาวีพอมีทางรักษามั้ยคะ(ฮา)
คิดถึงหนุ่มๆด้วยคนค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account