ตราบสิ้นอสงไขย นวนิยายเรื่องที่๑ ชุด ร้อยรักข้ามเวลา
การถ่ายทำละครเรื่องใหม่ ทำให้เธอต้องเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่และถูกทำร้ายจนไม่ได้สติ ทว่ายามนั้นนั่นเองที่ดวงจิตของเอื้องลดาเกิดย้อนรำลึกไปยังปีพ.ศ.๒๐๑๕ อันเป็นรัชสมัยของพญาติโลกราชมหาราชแห่งล้านนาและได้พบกับเขา ...


ผู้ที่เฝ้ารอเธอมาเนิ่นนาน...ร่วมพันปี


เขาที่คอยปกป้อง สองหัตถ์นั้นที่คอยซับน้ำตา


เอื้องลดาเพิ่งรู้ในวันนี้ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงฝันถึงการสงครามอยู่เป็นนิจ


และเหตุใดเธอจึงไม่มีใครในหัวใจสักที


หัวใจเธออยู่ตรงนี้...อยู่ที่เขา


รักแรกและรักเดียว...ตลอดกาล

Tags: พีเรียด, ย้อนยุค,น้ำฟ้า ,ล้านนา

ตอน: ไออดีต

ก่อนขึ้นบทที่ ๒ ขอแนะนำท่านนักอ่านให้สังเกตสักนิดนะคะ เนื่องจากตราบสิ้นอสงไขยมีการเล่าขานเรื่องราวอดีตผ่าน ๒ ช่วงของกาลเวลา คือ

ปีสี จุลศักราช ๘๓๔ พุทธศักราช ๒๐๑๕ และ ปีไส้ จุลศักราช ๓๑๙ พุทธศักราช ๑๕๐๐ จึงขอให้ท่านสังเกตปีพ.ศ.สักนิด กันงง ^^

ศัพท์ภาษาเหนือ ภาษาไทย

ก้น ล้ม
ก้อย ค่อย
ก้าย เบื่อ
กั๋น กัน
กั๋ว กลัว
เก๊าไม้ ต้นไม้
ก๋ำ จับ
กู้วัน ทุกวัน
ไก๋ ไกล
ขนาด มาก
ขะใจ๋ รีบ
ขี้ไคลคู่ ตะไคร่น้ำ
ข้าเจ้า ดิฉัน
โขด โกรธ
ค้าน คร้าน,ขี้เกียจ
ใค่ อยาก
ง่าว โง่
จะได อย่างไร,ทำไม
จะอั้น อย่างนั้น
เจื้อ เชื่อ
เซาะ เสาะหา
ซักเตื้อ สักที
จ๋ำ จำ
ตี้ ที่
ตี๋ ต่อย
ตางลุ่ม ด้านล่าง
เตียว เดิน
เตื้อ ครั้ง
เต๊อะ เถอะ
ตะแหล๋ง แปลงกาย
นัก เยอะ,มาก
นักแก มากมาย
เน้อ นะ
พ่อง บ้าง
พู้น โน่น
ฟั่ง รีบ
ผ่อ มอง,ดู
บ่ ไม่
บ่าว หนุ่ม
บ่าวแถ่ว หนุ่มน้อย
บิ่นหลังต๋ำ หันหลังให้
ปิ๊ก กลับ
ปุ้ง พุ่ง
ปุด ขาด
มื่น ลื่น
ยอมฮับ ยอมรับ
ยู้ ผลัก
ลูกจาย ลูกเขย
สาด เสื่อ
อ้าย พี่
อู้ พูด
ฮ่ำ ร่ำ

จริงๆได้ปรับภาษาเหนือออกเยอะแล้วค่ะ แต่เกรงจะหลุดมาเลยลงคำแปลให้ท่านไว้ก่อน

บทที่ ๒

หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีแดงทับด้วยแจ๊กเก็ตสีดำยาวคลุมมาถึงกางเกงยีนเดินลากกระเป๋าออกมายังอาคารพักผู้โดยสารท่าอากาศยานเชียงใหม่ด้วยท่าทีสบายๆ เพราะรู้ดีว่าผู้จัดการส่วนตัวของตนได้จัดเตรียมให้คนมารอรับอยู่แล้ว

เสียงประกาศจากประชาสัมพันธ์ระคนเสียงผู้คนรอบตัวฟังไม่ได้ศัพท์ แต่หญิงสาวก็มิได้ให้ความสนใจ เธอเดินมานั่งแหมะลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเฟสบุ๊กฆ่าเวลา

“คุณเอื้องลดาใช่ไหมครับ”น้ำเสียงสุภาพของใครบางคนดังขึ้นข้างตัว

สาวสวยเงยหน้าขึ้นมองพร้อมทั้งคลี่ยิ้ม “ใช่ค่ะ”

“ทางพิงครัตน์รีสอร์ตให้ผมมารับคุณ นี่นามบัตรของคุณนทีดลเจ้าของรีสอร์ตครับ”เขายื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้เธอดูเพื่อเป็นการยืนยัน

“อ๋อค่ะ รถอยู่ทางไหนคะ”เอื้องลดารีบลุกขึ้นยืน เธอต้องการไปถึงที่พักเร็วๆเพราะอยากพักผ่อนเต็มทีแล้ว

ชายหนุ่มผายมือไปทางด้านขวามือก่อนจะขอกระเป๋าของเธอไปถือเสียเอง จากนั้นจึงเดินนำไปยังรถที่จอดอยู่บริเวณด้านนอกของตัวอาคาร

“เชิญครับ”ชายหนุ่มผู้นั้นเปิดประตูรถให้แล้วจึงค่อยเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับและเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปร่วมสิบนาทีเอื้องลดาเริ่มรู้สึกว่าความเงียบขรึมของเขาทำให้บรรยากาศในรถดูอึมครึมมิใช่น้อย จึงพยายามชวนคุย “ทางกองถ่ายจัดให้นักแสดงพักที่โรงแรมในตัวเมืองไม่ใช่หรือคะ ทำไมเอื้องถึงได้ไปพักที่รีสอร์ตล่ะ”

คนขับปรายตามองกระจกส่องหลังนิดหนึ่ง ยิ้มน้อยๆตอบเสียงเรียบ “เป็นความประสงค์ของคุณนัท เอ่อคุณนาถนรี ผู้จัดการส่วนตัวของคุณเอื้องลดาเองน่ะครับ”

‘อ้อ นี่ก็แสดงว่าพี่นัทเป็นคนจัดการเองทั้งหมดสิเนี่ย’เธอนึกในใจ ขณะที่ปากก็ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย “คุณรู้จักชื่อเล่นพี่นัท แสดงว่าพี่นัทก็คงคุ้นเคยกับทางรีสอร์ตพอสมควรสิคะ”

“คุณนัทมาพักที่นี่บ่อยครับ เธอเป็นเพื่อนกับคุณดล เจ้าของรีสอร์ตน่ะฮะ”เขายังคงตอบอย่างสุภาพเช่นเคย

‘หมอนี่รู้ลึก ท่าทางจะไม่ใช่พนักงานธรรมดา’หญิงสาวประเมินสารถีของตนในใจ”ขอโทษนะคะ คุณเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไหนของรีสอร์ตคะ”

“ผมเป็นผู้จัดการรีสอร์ตครับ”

“อ้าว แล้วนี่ทางรีสอร์ตให้ผู้จัดการเป็นคนขับรถมารับเอื้องเลยหรือคะ เกรงใจจัง”

คราวนี้เขาหัวเราะ “อย่าเกรงใจเลยครับ ช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว คนขับรถของเราถูกใช้บริการเยอะครับ ผมก็เลยอาสามาเอง เพราะสนิทกับคุณนัทเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว”

เอื้องลดาหัวเราะบ้าง “อ๋อ ใช้เส้นพี่นัทนี่เอง ขอบคุณมากค่ะคุณ...”

เขานิ่งไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ต้องขอโทษนะครับผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อนัยภาคครับ เรียกสั้นๆว่านัยก็ได้”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณนัย แล้วนี่พี่นัทสั่งอะไรถึงเอื้องอีกไหมคะ”

“ไม่มีนี่ครับ แต่ได้ยินว่าอีก3-4วันเธอจะมาที่นี่ เธอกับพี่ดลประมูลโครงการสร้างข่วงหลวงเวียงแก้วได้สำเร็จ น่ะครับ ช่วงนี้น่าจะไปๆมาๆระหว่างเชียงใหม่-กรุงเทพฯบ่อย เพราะต้องมาติดต่อกับทางจังหวัดและดูแลการก่อสร้างด้วยตัวเอง”

“อ๋อค่ะ ดิฉันเพิ่งทราบเรื่องนี้ ว่าแต่พิงครัตน์รีสอร์ตนี่ก็อยู่ไกลเหมือนกันนะคะ”เธอถามขณะที่เบนสายตามองออกไปนอกกระจกรถ

“ตั้งอยู่เลยตัวเมืองออกไปทางทิศเหนือน่ะครับ”

“รีสอร์ตนี่มีมานานหรือยังคะ”

“เพิ่งเปิดครบ4 ปีไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองครับ พอดีคุณป้า เอ่อ...เจ้าสกุลรัตน์น่ะครับ ท่านซื้อที่แถวนี้ไว้ผืนหนึ่งก็เลยสร้างคุ้มเวียงพิงค์เอาไว้ใกล้ๆรีสอร์ตด้วยเพราะอากาศดีกว่าในเมือง”

“แสดงว่าวิวน่าจะสวย”

“ครับ เป็นรีสอร์ตที่เต็มไปด้วยดอกไม้เมืองหนาว ทิศตะวันตกก็มองเห็นดอยสุเทพได้ชัดเจน ส่วนทิศตะวันออกก็เป็นแม่น้ำน่ะครับ”

“แม่น้ำปิงใช่ไหมคะ”

“ไม่ใช่ครับ เป็นแม่น้ำสายเล็กๆ แต่ก็สะอาดน่าลงเล่น”

“สาธยายจนเห็นภาพแบบนี้เอื้องชักอยากจะเห็นของจริงแล้วล่ะค่ะคุณนัย”

“ถ้าคุณเอื้องสนใจ ว่างๆผมขออนุญาตพาไปชมนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”หญิงสาวเอ่ยขอบคุณแล้วจึงซักถามเกี่ยวกับเรื่องของกองถ่ายซึ่งนัยภาคก็เล่าให้ฟังอย่างละเอียด สองหนุ่มสาวพูดคุยกันอย่างถูกคอจนรถเคลื่อนเข้ามาถึงพิงครัตน์รีสอร์ต ดาราสาวจึงปลีกตัวเข้าที่พักซึ่งผู้จัดการหนุ่มได้จัดเตรียมเอาไว้ให้อย่างเรียบร้อย


---------------------------------------------------------------------------


ที่พักของเอื้องลดาเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวหลังกะทัดรัดประกอบด้วยหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำและมีระเบียงที่กว้างขวางเพียงพอที่จะตั้งโต๊ะไม้สักขนาดกลางสำหรับนั่งเล่นและรับแขก ตัวเรือนมีการตกแต่งอย่างปราณีตเนื่องจากพิงครัตน์รีสอร์ตมีจุดเด่นอยู่ที่ความเป็นล้านนา ดังนั้นทั่วอาณาบริเวณจึงมีกลิ่นอายของความโบร่ำโบราณอยู่ทุกอณูพื้นที่

ประตูไม้สักซึ่งถูกสลักเสลาอย่างงดงามเปิดออก เสียงแมลงกลางคืนที่กรีดปีกดังลั่นเงียบเสียงลงเมื่อร่างระหงในชุดลำลองสีหวานก้าวเดินออกมานั่งลงบนเก้าอี้ริมระเบียง แต่จากนั้นไม่นานเสียงเดิมก็ดังระงมขึ้นอีกครั้ง หากดาราสาวก็ไม่ใส่ใจต่อสิ่งรอบข้างเท่าใดนัก สมาธิของเธอตรึงแน่นอยู่กับหนังสืออ่านเล่นเล่มบางในมือ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เรียวปากบางเปล่งเสียงหัวเราะออกมาไม่ขาดสาย

กาลเวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้าจวบจนเอื้องลดาอ่านหนังสือใกล้จะจบเล่ม อะไรบางอย่างก็ทำให้สมาธิของเธอขาดผึงลงไป

เสียงเพลงไทยเดิมอันรื่นหูดังลอยลมมาผะแผ่ว ดวงหน้างามจึงเงยขึ้นและจ้องมองผ่านม่านสีดำแห่งราตรีกาลไปยังดงไม้ซึ่งบัดนี้เห็นเพียงพื้นที่ดำทะมึน เสียงเพลงดังมาจากมุมนั้นแน่ชัด

เอ...ไหนว่าที่ดินบริเวณเมืองเก่าไม่มีใครอาศัยอยู่ จะมีก็เพียงเจ้าหน้าที่กรมศิลป์เข้าไปดูแลอาทิตย์ละครั้งอย่างไรเล่า เหตุใดพื้นที่นั้นจึงเป็นต้นเหตุแห่งเสียงเพลงแว่วหวานนั้นได้

แต่จะอย่างไรก็ดี เสียงเพลงอันบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองทางภาคเหนือที่ได้ยินก็มีเสน่ห์ชวนให้คนฟังเคลิบเคลิ้มจนหญิงสาวหลงลืมที่จะค้นหาเหตุผลต่อ ร่างบางผละลุกจากเก้าอี้ เดินไปเกาะราวระเบียงพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์เด่นสว่างกลางก้อนเมฆสีขาวแรเหลื่อมทอง มองเห็นดาวดวงหนึ่งกะพริบแสงสว่างจ้า ก่อนพุ่งตรงลงมาสู่แนวไม้ด้านทิศตะวันออกและเลือนหายไปกับความมืดมิด

สายลมพัดแรงจนไรขนอ่อนบริเวณแขนของเอื้องลดาลุกกรูเกรียว กิ่งไม้รอบๆเรือนไหวพะเยิบพะยาบ ไม่นานจันทร์เสี้ยวเบื้องบนก็ถูกบดบังด้วยก้อนเมฆสีดำทะมึน บทเพลงอันแสนไพเราะเงียบเสียงลงไปแล้ว สายฝนโปรยละออง และสาดกระเซ็นเข้ามายังระเบียงโล่ง ร่างระหงกระเถิบหนีก่อนหันหลังเดินกลับเข้าไปห้องพัก โดยหารู้ไม่ว่า บริเวณดงดอกเข็มข้างเรือนพักมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาท่ามกลางสายฝนโปรยปราย


---------------------------------------------------------------------------


เพลงรีมิกซ์จังหวะกระชั้นเงียบเสียงลง ปล่อยให้บทเพลงช้ารื่นหูดังขึ้นแทนที่

หญิงสาวร่างงามซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆเวทีหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเจ้าหน้าที่ในผับเปิดไฟทุกดวงจนสว่างจ้า เธอหันมองรอบกายแล้วหัวเราะกับเพื่อนๆเบาๆเมื่อพบว่าเทพบุตรเทพธิดาที่ได้เห็นก่อนหน้ากลายร่างเป็นคนเมาใบหน้ามันแผล็บไปเสียแล้ว ไม่ได้ดูดีเหมือนยามอยู่ภายใต้ความสลัวรางเมื่อครู่เลย

เมรินนั่งตัวตรงใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆดวงตาเคลื่อนไปยังด้านหลังเวทีคล้ายมองหาใครอยู่ แต่กลับต้องปรายตากลับมามองเพื่อนร่วมโต๊ะที่บ่นอุบด้วยความขัดใจ“ตีหนึ่งปุ๊บ เปิดไฟไล่ปั๊บเลยนะพี่ดลของเธอเนี่ยยายเมรัย”

เมรินค้อนขวับ โพล่งตอบทันควัน “แหม เธอก็ขี้บ่นจังนะยายสา แม่นางร้ายเรื่องมาก พี่ดลน่ะเขาไม่ใช่คนงกนี่จะได้เปิดเกินเวลาเหมือนคนอื่นๆน่ะ รู้ไว้นะยะว่าคุณแม่พี่เขาเป็นเจ้าเป็นนาย ไม่ใช่ตระกูลไก่กาอย่างพวกผู้ชายที่มาติดพันเธอนะจ๊ะ รู้จักไหมล่ะเจ้าสกุลรัตน์น่ะ ท่านออกจะโด่งดังในวงสังคมไฮโซ”
เมรินและเพื่อนๆเป็นดารานางแบบชื่อดังแห่งวงการบันเทิงเมืองไทย เธอทั้งสามคนเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่เพื่อถ่ายทำละครพีเรียดเรื่องหนึ่ง เมื่อเว้นว่างจากการทำงานจึงออกมาตระเวนราตรีคลายเครียด และต่างก็ลงความเห็นว่าอยากมาเที่ยวที่ รีแล็กซ์ผับ แห่งนี้ เนื่องจากเมรินสนิทสนมกับเจ้าของผับเป็นอย่างดี

มาริสาหันไปขยิบตาใส่เอรินานางแบบสาวลูกครึ่งซึ่งมาถ่ายละครเรื่องเดียวกันก่อนจะบ่ายหน้ากลับไปหาเมรินอีกครั้ง “จ้ะ ว่าที่ลูกสะใภ้เจ้า แม่นางเอกขี้วีน ฉันขอให้เธอจับหนุ่มเชื้อเจ้าได้สำเร็จก็แล้วกัน”

“ชวู่...เงียบได้แล้ว ดูสิใครกำลังมา”เอรินารีบเบรกเพื่อนทั้งสองเมื่อเห็นร่างสูงของผู้กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาเดินเข้ามาที่โต๊ะ

เมรินและมาริสาจึงยุติการประคารมพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนกิริยาให้ดูเป็นดาราสาวผู้สวยสง่าประหนึ่งว่ากำลังนั่งอยู่หน้ากล้องถ่ายละครก็ไม่ปาน

บุคคลที่เจนจัดต่อสังคม ย่อมรู้ดีว่าควรแสดงกิริยากับบุคคลใดในระดับไหน

“เมากันหรือยังครับสาวๆ”นทีดลถามพลางนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงข้างๆเมริน หญิงสาวชายตามองเขาเล็กน้อย สั่นหน้าตอบ “ยังไม่เมาหรอกค่ะ พวกเราดื่มกันสนุกๆ แก้เซ็งจากกองถ่ายน่ะค่ะ”

“เซ็งเรื่องอะไรกันหรือครับ คนดังอย่างลิลลี่ คุณรีนา แล้วก็คุณสานี่ยังมีใครกล้าทำให้ไม่พอใจอีกหรือครับ”ชายหนุ่มถามอย่างเอาใจ

เมรินยกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างพึงพอใจ ทว่าก็ยังถ่อมตน “แหม ก็ไม่ดังเท่าไหร่หรอกค่ะพี่ดล ดูอย่างละครเรื่องใหม่ของลิลลี่นี่เถอะยังมีดารานำหญิงตั้งสองคนเลย”

“อ้าว มีนางเอกสองคนเลยหรือครับ”

เมรินพยักหน้า ไม่ยอมพูดต่อเนื่องจากไม่อยากบอกเขาว่า ตนเองเป็นดารานำก็จริงอยู่ แต่เป็นตัวร้ายไม่ใช่นางเอกที่คู่กับพระเอกอย่างดาราสาวอีกคน

มาริสายักไหล่ จากนั้นจึงเล่าเสียเองว่า “ก็แม่เอื้องลดานางเอกอีกคนนี่แหละค่ะที่ทำให้พวกเราต้องมาหงุดหงิดกัน มีคิวถ่ายละครวันนี้แท้ๆดันขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ เสียเวลาจริงๆ คงจะติดงานอีเวนท์ค่าตัวแพงลิ่วไงคะถึงมาไม่ได้”

“เขาคงมีธุระจริงๆแหละสา รีนาเคยได้ยินมาว่าคุณเอื้องเธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงคนนึงเลยนะ”เอรินาโต้อย่างกลางๆแต่กลับทำให้เกิดรอยขุ่นในแววตาของเมริน ทว่าชั่วครู่เธอก็ปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง ขณะส่งยิ้มละไมให้นทีดล “นิดๆหน่อยๆก็หยวนๆกันไปดีกว่า จริงไหมคะพี่ดล”

หนุ่มคนเดียวในโต๊ะพยักหน้า “ใช่แล้วครับ”

“วันนี้ลิลลี่เข้าฉากที่ท่าน้ำด้านหลังรีสอร์ตของพี่ดล ชอบจัง วิวสวยมากเลยนะคะ”

“ถ้าสถานที่ถ่ายทำขาดตกบกพร่องอะไรก็บอกได้เลยนะครับ พี่จะได้ให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้”

เขาออกตัวเนื่องจากกองถ่ายละครที่สามสาวร่วมแสดงใช้รีสอร์ตของชายหนุ่มเป็นสถานที่ถ่ายทำ เพราะสวยงามและอยู่ติดกับโบราณสถานเก่าแก่ซึ่งเป็นฉากหลักของการถ่ายทำครั้งนี้

“ทางรีสอร์ตเตรียมพร้อมที่สุดแล้วล่ะค่ะ เอ ลิลลี่ว่าพวกเรากลับโรงแรมกันก่อนดีกว่านะ พรุ่งนี้มีคิวถ่ายทำตอนสายๆนอนน้อยเดี๋ยวไม่สวย”

“ถ้างั้นให้พี่ไปส่งนะครับ”นทีดลลุกขึ้นยืนหลังพูดจบ

“อย่าลำบากเลยค่ะ โรงแรมอยู่ใกล้ๆนี่เอง”เมรินบ่ายเบี่ยง

เพื่อนทั้งสองหันมองหน้ากันและอมยิ้ม ด้วยรู้ดีว่าเพื่อนพยายามวางท่ายามอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้เสมอ

“ไม่ลำบากเลยครับ เชิญครับ”เขาผายมือเชื้อเชิญแล้วจึงถอยห่างจากโต๊ะเพื่อให้ลูกค้าสาวเดินออกมาได้อย่างสะดวก

ระหว่างเดินมาริสาจึงเอียงหน้าไปกระซิบข้างหูเมรินเบาๆ “อุตส่าห์มาดักพบเขาเสียขนาดนี้ แต่พอเขาตกหลุมพรางทำเป็นปฏิเสธนะลิลลี่”

เมรินมองหน้าเพื่อนยิ้มๆ “แน่นอนสิ พี่ดลจะต้องเห็นว่าลิลลี่ไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆที่หาได้ตามท้องถนนเหมือนคนอื่นๆ”

“คิดว่าจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ว่างั้นเถอะ เห็นทำตัวนิ่งๆแบบนี้ ได้ยินมาว่าเจ้าชู้มากไม่ใช่เหรอคุณดลเนี่ย”

เมรินยิ้มมุมปาก ดวงตาวาวประกาย “อาจจะใช่ ก็พี่ดลไม่ใช่ผู้ชายที่มีแต่เปลือกนี่สา พี่เขาเป็นคนโปรไฟล์ดี ใครๆก็อยากเป็นเจ้าสาวของเขาทั้งนั้นแหละ เมื่ออยากได้ก็ต้องลงมือไขว่คว้า ดังนั้นคงไม่แปลกที่เขาจะมีผู้หญิงรุมล้อมมากมาย แต่ลิลลี่มั่นใจว่าเอาอยู่”


มาริสายกนิ้วให้เพื่อนรัก จากนั้นจึงลอบมองหนุ่มหล่อที่กำลังเดินตามมาแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ

เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะ...เอาอยู่

---------------------------------------------------------------------------


เมื่อมองเห็นป้ายสีขาวตัวหนังสือสีทองภายใต้แสงไฟสีนวลเขียนว่า”คุ้มเวียงพิงค์”รถสปอร์ตสีดำจึงเลี้ยวเข้าไปตามถนนคอนกรีตซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ร่มครึ้ม จวบจนถึงหน้าเรือนไม้สักทองหลังใหญ่ นทีดลจึงเคลื่อนรถเข้าจอดในโรงรถซึ่งอยู่ถัดไปแล้วก้าวลงมาจากรถเพื่อเข้าสู่ตัวบ้านซึ่งยังมีแสงไฟสว่างไสวอยู่ทางปีกซ้ายอันเป็นโซนห้องนอนของเขาเอง

ระหว่างที่กำลังเดินคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นนทีดลก็รู้สึกว่าถูกสะกิดแขนบริเวณใกล้ๆข้อศอก

เมื่อเขาหันกลับไปมองจึงพบว่าเด็กหญิงผมจุกวัยประมาณหกขวบในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขมิ้น ผ้าซิ่นสีดำแดงแต่งเชิงไว้ตรงชายผ้ากำลังยืนยิ้มหน้ากลมแป้นรออยู่

“หมากคำเจ้าแอบหนีมาเล่นอีกแล้วสิ”

หนูน้อยหัวเราะกิ๊ก เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มร่างสูงก่อนตอบ “บ่ได้หนี ข้าเจ้าเตียวออกมาบ่ดาย”

คนฟังหัวเราะ “เดี๋ยวก็ถูกพ่อปู่ตีเอาหรอก”

“พ่อปู่บ่อยู่ดอก วันนี้วันศีล เพิ่นไปถือศีลภาวนาที่ดอยหลวงพู้น”

“แล้วหมากคำจะไปไหน หรือมาดักรอพี่”

หมากคำพยักหน้า “ข้าเจ้าก้าย มีคนมาวุ่นวายที่เมือง น่ารำคาญ”

นทีดลเลิกคิ้ว “คนเหล่านั้นเขามาถ่ายละครกัน เขาทำพิธีเซ่นไหว้แล้วนี่หมากคำ พ่อปู่คงจะอนุญาตแล้ว”

หมากคำทำปากยื่น ย่นจมูก “แต่ข้าเจ้าบ่ชอบ”

เขาจึงย่อตัวนั่งลง จับไหล่เล็กๆสองข้างนั้นไว้ “พี่เองก็ทำอะไรไม่ได้หรอก คนที่เขาดูแลเมืองเก่าคือกรมศิลป์ฯ พี่แค่ดูแลตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียงเท่านั้นเอง”

“จะใดจะบ่ได้ ในเมื่อ...”

“หมากคำ อู้นักเกินไปแล้วเน้อ ปิ๊กเมืองได้ละ”เสียงเล็กๆดุๆดังอยู่ข้างกาย พร้อมกับร่างของเด็กชายผมจุกในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว นุ่งผ้าหยักรั้งสีกรมท่าปรากฏกายขึ้นในทันใด

“อ้ายหมากแก้ว” หมากคำเปล่งเสียงเรียกพี่ชายฝาแฝดอย่างงอนๆ หากหมากแก้วก็มิได้หวั่นไหวยังคงปรามน้องต่อด้วยท่าทีขึงขัง “จำที่พ่อปู่บอกได้ก่อ ว่าห้ามอู้เรื่องเก่าจนกว่าจะถึงเวลา”

พออ้างถึงพ่อปู่ ใบหน้าเล็กๆกลมแป้นจึงพยักหงึกหงัก “จำได้เจ้า”

“อย่างนั้นก็ปิ๊กเมืองได้แล้ว”พี่ชายบอกพลางฉุดมือน้องสาวเบาๆ

“เดี๋ยวสิหมากแก้ว”นทีดลท้วงพร้อมทั้งยึดร่างหมากคำเอาไว้ก่อน

หมากแก้วนิ่ง

“บอกก่อนว่าพวกเจ้ากำลังปิดบังอะไรพี่”

เด็กชายทอดถอนใจก่อนตอบ “เฮาสองคนยังบอกบ่ได้ดอก”

ทันทีที่จบคำ ร่างเล็กจ้อยทั้งสองก็อันตรธานไปในความมืดอย่างไร้ร่องรอย

นทีดลส่ายหน้า อมยิ้ม สองพี่น้องแห่งเมืองเก่าสะหลีคำมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ได้เจอกันครั้งแรกตอนที่ครอบครัวของเขาย้ายคุ้มเวียงพิงค์ออกมานอกเมืองใหม่ๆ

ก่อนหน้านั้น...

หลังจากคุมการตกแต่งภายในคุ้มเสร็จแล้ว นทีดลจึงเดินลัดเลาะออกมาด้านหลังคุ้มอันเป็นรอยต่อระหว่างคุ้มเวียงพิงค์กับรีสอร์ตพิงครัตน์

พื้นที่นอกอาณาเขตเป็นพื้นที่ค่อนข้างรกร้างเนื่องจากเป็นที่ดินสาธารณะ พื้นที่ดังกล่าวกินอาณาบริเวณกว้างขวางรวมไปถึงเขตเมืองเก่า “สะหลีคำ”ด้วย อันที่จริงไม่มีใครรู้ชื่อที่แท้จริงของเมืองแห่งนี้เพราะไม่มีการจารไว้ในใบลานหรือหลักศิลาจารึกใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นชื่อสะหลีคำจึงเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ ตามลักษณะของเมืองเก่าที่มีฐานเจดีย์ กำแพงเมือง และต้นสะหลีหรือต้นไทรใหญ่สองต้น ต้นหนึ่งเขียวชอุ่มแต่อีกต้นหนึ่งกลับมีสีเหลืองตลอดปีเป็นที่แปลกตาแปลกใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก

อากาศเย็นลงเมื่อดวงอาทิตย์เข้าสู่อัสดง ขายาวๆเดินเลียบไปตามลำน้ำสายเล็กกว้างประมาณสองเมตรกว่าๆ แม่น้ำแห่งนี้เป็นลำน้ำที่ไหลมาจากอำเภอแม่ริมโดยไม่มีการขุดเชื่อมไปยังลำน้ำปิงอันเป็นแม่น้ำสายหลักของชาวเชียงใหม่แต่อย่างใด และแม้แม่น้ำไร้ชื่อเสียงเรียงนามแห่งนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีน้ำไหลหลากอยู่ไม่ขาดสาย ริมสองฝั่งน้ำมีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น อาทิ กอไผ่ด้านหลังคุ้ม มะเดื่อ มะม่วง เฟิร์น ผักกูด ดอกหญ้า ต้นหนาม ฯลฯ

เสียงนกกาที่เพิ่งบินกลับมายังฉำฉาต้นใหญ่ทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาเห็นรังนกถูกสร้างขึ้นหลายจุดเหนือกิ่งไม้ บางคราวก็มีกระรอกตัวจ้อยวิ่งวนไปมา บางตัวก็ขย่มกิ่งไม้จนใบฉำฉาแห้งๆปลิวลงมาจากต้น เขาหยุดยืนดูอยู่ชั่วครู่จึงเดินต่อไปยังเขตเมืองเก่าสะหลีคำซึ่งมีแนวกำแพงทำจากหินศิลาเตี้ยๆบอกอาณาเขตซึ่งน่าจะเป็นเวียงแก้วเอาไว้ ชายหนุ่มเดินอ้อมไปยังจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นประตูหัวเวียง มองเข้าไปเห็นเพียงฐานเจดีย์เก่าๆอยู่ทางทิศเหนือ เป็นไปได้ว่าส่วนที่เป็นหอคำนั้นจะผุพังไปตามกาลเวลาเพราะในอดีตนั้นหอคำสร้างขึ้นด้วยไม้เป็นหลัก

เมื่อมองกวาดไปทั่วบริเวณ จุดเด่นที่สุดภายในกรอบสี่เหลี่ยมของเวียงแก้วนั้นคงจะเป็นไม้สะหลีสองต้นซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับแม่น้ำนั่นเอง มุมปากบางคล้ายปากสตรีขยับขึ้นเล็กน้อยขณะยืนมองความแตกต่างระหว่างไม้สะหลีแฝดคู่นั้น น่าแปลกที่คนแถบนี้ร่ำลือกันว่าตราบชั่วนาตาปีไม้สะหลีต้นซ้ายมือก็ยังคงมีสีเหลืองอร่ามทั้งๆที่มิได้แห้งตายหรือเกิดความผิดปกติแต่อย่างใดเลย

นทีดลก้าวขาเดินต่อแม้รอบกายจะเริ่มครึ้มลงดังที่ภาษาเหนือเรียกว่าสลุ้มค่ำ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่คิดหันหลังกลับ ร่างสูงตรงดิ่งไปยังบริเวณอันเป็นลานโล่งใกล้ๆไม้สะหลีราวกับต้องมนตร์ ดวงตาจดจ้องรากอันห้อยย้อยลงมาด้วยความชื่นชม

สำหรับบางคน ธรรมชาติแสนธรรมดาก็งดงามจับตาขึ้นได้ หากใจของเราสงบและเป็นกลางมากพอ

เสียงกรุ๋งกริ๋งดังมาจากทางด้านหลังระคนเสียงหัวเราะของเด็กหญิงชาย นทีดลย่นหัวคิ้วเข้าหากัน คงเป็นไปได้ยากที่จะมีเด็กคนไหนเข้ามาวิ่งเล่นกันในอาณาเขตเมืองเก่ายามใกล้ค่ำเช่นนี้ เพราะคนทั่วไปมีความเชื่อว่า ในเมืองเก่าจะเต็มไปด้วยภูติผีปีศาจ ดังนั้นคงไม่มีบ้านใดอนุญาตให้ลูกหลานออกมาวิ่งเล่นเป็นแน่ หรือจะเป็นเพราะเด็กแอบหนีเข้ามาเอง คิดดังนั้นเขาจึงหันขวับ หมายจะกล่าวตักเตือน

ทว่าเมื่อหมุนตัวกลับไปมอง กลับเป็นเขาที่ต้องชะงัก

ภาพที่เห็นคือเด็กหญิงตัวเล็กๆในชุดผ้าฝ้าย นุ่งผ้าซิ่นยาวกรอมเท้ากำลังวิ่งเล่นอยู่กับเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งอยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายและผ้าต้อยหยักรั้ง เสียงกรุ๋งกริ๋งที่ดังอยู่เป็นระยะๆคงจะมาจากกำไลข้อเท้าของเด็กทั้งสองที่มีเสียงดังทุกๆครั้งที่ย่างก้าว

เด็กทั้งสองมาจากไหน เหตุใดจึงแต่งตัวย้อนยุค...นั่นคือคำถามในใจเขา

หากชายหนุ่มก็ไม่ยอมเก็บความสงสัยเอาไว้นาน เขารีบเดินเข้าไปหาเด็กน้อยเพื่อถามไถ่ให้แน่ใจ ว่าสิ่งที่เขาคิดไว้นั้นถูกหรือผิด

บางทีเด็กทั้งสองอาจจะเพิ่งกลับจากงานประเพณีอะไรสักอย่างแล้วหนีพ่อแม่มาเที่ยวก็ได้

“หนู พวกหนูเป็นใครกัน ทำไมมาเล่นอยู่ในเมืองเก่าค่ำๆมืดแบบนี้”

ถึงคราวที่เด็กๆจะชะงักงันบ้าง ต่างหันมามองผู้เรียกเป็นตาเดียว ร่องรอยในแววตานั้นมีความประหลาดใจแฝงอยู่

เด็กหญิงหันไปกระซิบกับพี่ชายว่า “ผู้ชายคนนั้นหันเฮาสองคนโตย”

เด็กชายพยักหน้า “แปลก ปกติจะบ่มีไผหันเฮานี่”

“เพิ่นถามเฮา อ้ายหมากแก้วตอบไปสิ”น้องสาวดันเอวพี่ชายให้เดินไปใกล้ชายแปลกหน้ามากขึ้น

หมากแก้วยอมทำตาม พลางเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง “ที่นี่คือบ้านของเฮา”

คนฟังขมวดคิ้ว หันมองรอบกาย “ที่ไหน”

“ที่นี่แหละ ในเวียงแก้วแห่งนี้”เด็กหญิงที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบเป็นผู้ตอบ

“หมายความว่ายังไง ไหนลองอธิบายให้พี่ฟังหน่อยสิ แล้วนี่พวกหนูแต่งตัวไปงานที่ไหนมาหรือเปล่า อย่ามาอำหน่อยเลย”ทั้งที่ใจไพล่คิดไปไกลแล้ว แต่ชาย

หนุ่มก็หวังจะได้รับคำตอบไปในทางปกติมากกว่า

นิ้วเล็กๆของหมากแก้วชี้ไปบริเวณฝั่งหนึ่งของลานโล่งก่อนตอบเชื่อยแจ้ว “นั่นน่ะ เฮาอยู่กันที่คุ้มฝั่งซ้าย”

“คุ้มไหน ไม่เห็นมีอะไรเลย”เขาถามต่ออย่างจับผิด ท่าทางเด็กสองคนนี้จะโกหกเก่งเหลือเกิน เรื่องภูตผีวิญญาณคงตัดออกไปได้เลยสิเนี่ย

“หันหอคำที่อยู่เยื้องไปทางเหนือก่อ ทางซ้ายมือของหอคำคือคุ้มเจ้าเอื้องฟ้า เฮาอยู่ที่นั่น”เด็กชายตอบเสียงสั่นในท้ายประโยค คล้ายกำลังสะเทือนใจกับอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ

“ไม่เห็น อย่าโกหกสิ มา บอกทางมา พี่จะพาไปส่งบ้าน”นทีดลสั่งเสียงดุ

เด็กน้อยทั้งสองถอยกรูดหันมองหน้ากัน “เพิ่นหันเฮาสองคนแล้วจะใดว่าบ่หันคุ้มกับหอคำ”

“บ่รู้”เด็กหญิงสั่นหน้าหวือ

นทีดลจึงซักต่อด้วยความห่วงใย เด็กทั้งสองคนยังเล็กนักหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะเป็นอันตรายได้ “หนูสองคนชื่ออะไร บอกพี่มาตามความจริงเลยนะ”

“เฮาชื่อหมากแก้ว ส่วนน้องของเฮาชื่อหมากคำ”

“หมากแก้ว หมากคำ บ้านอยู่ไหนพี่จะไปส่ง”

“เฮาบอกแล้วว่าเฮาอยู่ที่นี่ ในคุ้มเจ้าเอื้องฟ้าจะใดเล่า”หมากคำย้ำด้วยเสียงฉุนๆ

“พี่ไม่เชื่อ เด็กที่ไหนจะมาอยู่ในเมืองเก่าแบบนี้”

“ช่างเต๊อะ หมากคำ ไปกันดีกว่า”หมากแก้วชวนน้องสาว ก่อนจะทำหน้าตกใจคล้ายเห็นอะไรบางอย่าง

ร่างของผู้เฒ่าซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อย ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ปรากฏขึ้นในสายตาของเด็กทั้งสอง ดวงหน้าอันเหี่ยวย่นมีรอยยิ้มน้อยๆอย่างปราณี “หมากแก้ว หมากคำ เพิ่นบ่หันตามที่เจ้าสองตนบอกหรอก เพิ่นเป็นมนุษย์”

หมากคำวิ่งเข้าไปหาชายชรา เงยหน้าขึ้นถาม “แล้วจะใดเพิ่นถึงหันข้าเจ้ากับอ้ายหมากแก้วได้เจ้าพ่อปู่”

“ก็เพราะเพิ่นกับเจ้ามีความผูกพันต่อกันมาแต่เดิม”น้ำเสียงแหบๆนั้นยังเจือความเอ็นดูเด่นชัด

“ผูกพันจะใด เฮาสองคนบ่เคยหันเพิ่นเลย”หมากแก้วถามบ้าง

พ่อปู่อินถาหัวเราะ “เจ้าลองเหลียวไปดูเพิ่นใหม่แหมครั้ง แล้วค่อยปิ๊กมาบอกพ่อปู่ว่าบ่รู้จักเพิ่นแต๊กา”

หมากแก้ว หมากคำทำตาม ชั่วครู่จึงเบิกตากว้าง เมื่อชายร่างสูงแปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มรูปงามในเครื่องทรงอย่างกษัตริย์ล้านนา จึงเปล่งเสียงดังลั่นและโผ
เข้าไปกอดนทีดลแน่น “พ่อพญา!”

ชายหนุ่มงงงันหนักขึ้น แรกทีเดียวเขายืนฟังเด็กทั้งสองสนทนากับความว่างเปล่า แล้วอยู่ดีๆกลับโผเข้ามาหาเขาและเรียกเขาว่า พ่อพญา นี่มันอะไรกัน

“ข้าเจ้ากึ๊ดเติงหาพ่อพญาเจ้า”หมากคำบอกทั้งน้ำตา

นทีดลดันกายเด็กน้อยออกห่างพลางยื่นมือเช็ดน้ำตาให้ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”

“น้าเอื้องฟ้าของเฮาอยู่ไหนเล่าพ่อพญา”หมากแก้วถามบ้าง

นทีดลสั่นหน้า ไม่เข้าใจ“นี่เด็กๆกำลังพูดอะไรกัน”

ใบหน้าเรียบเฉยของพ่อปู่อินถามองภาพของทั้งสามด้วยความปลดปลง กาลเวลานำพาการพรากจากมาสู่ทุกผู้ทุกคน “เพิ่นยังจำเรื่องเก่าบ่ได้ดอกหลานเหย เอาไว้ถึงเวลาทุกอย่างจะคลี่คลายเอง ปิ๊กคุ้มเต๊อะ หมดเวลาของเจ้าแล้ว”

สิ้นคำพ่อปู่ ร่างเด็กน้อยทั้งสองก็หายวับไปจากสายตา

นทีดลผงะ งุนงงจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว



เขายอมรับว่าครั้งนั้นตกใจมากมายกับสิ่งที่ได้เห็น แต่เมื่อเด็กน้อยทั้งสองมาปรากฏกายต่อหน้าบ่อยขึ้น ความประหลาดใจก็กลายเป็นความเคยชิน ดังเช่นในเวลานี้







ผู้หญิงเลือดเย็น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2557, 16:50:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2557, 17:10:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1954





<< แหวนนาค   บ่วงสัญญา >>
พันธุ์แตงกวา 9 ม.ค. 2557, 17:45:22 น.
อ้าวเพิ่งเห็น คุณครูมาลงเว็บนี้ด้วยยย

เข้ามาเจิมค่า ชื่อชุดเพราะมากๆ


ผู้หญิงเลือดเย็น 9 ม.ค. 2557, 18:50:13 น.
๕๕๕ เพิ่งมาเป็นครั้งที่ ๒ เนี่ยค่ะ พี่แก้วดึงมาจึ๊กๆ อิอิ


ดังปัณณ์ 9 ม.ค. 2557, 20:12:49 น.
และแล้ว คุณดลก็เปิดตัวพร้อมเอิ้วววววววววววววววววว ลูกใคร แง้ว (แอบแซว) >//////< ว่าแต่เมรินนี่ชียังแรงเสมอต้นเสมอปลายนะฮับพี่ฟ้า ต๊าย ชีมั่นใจมว๊ากกกกกกว่าจะจับคุณดลอยู่ อะฮื้ออออออออออออออ เพลาๆความมั่นใจลงบ้างนะอีหนู พอน้องนางโผล่แล้วจะเสียจายยยยยยยยยย อิๆๆ


ผู้หญิงเลือดเย็น 9 ม.ค. 2557, 20:18:28 น.
ไม่รู้ลูกใคร แต่จะเป็นลูกใคร ให้ไปคิดเอง งงนะ พี่ก็งง ๕๕๕๕


nasa 9 ม.ค. 2557, 21:27:24 น.
เด็กๆ น่ารักจังเลย เป็บลูกพ่อพญารึเปล่า


วิรัตต์ยา 9 ม.ค. 2557, 21:28:29 น.
เด็กๆน่ารักอ่ะ


ผู้หญิงเลือดเย็น 9 ม.ค. 2557, 21:51:55 น.
@nasa ยังบอกมิได้ค่ะ

@วิรัตต์ยา ชมคนเขียนมั่งกะได้นะเจ๊


สาริน 9 ม.ค. 2557, 22:35:19 น.
เดี๋ยวลงมั่ง อิอิ


ผู้หญิงเลือดเย็น 10 ม.ค. 2557, 06:14:55 น.
จัดไปตัีก ^^


ree 17 ม.ค. 2557, 04:16:21 น.
เสียงเพลงไทยเดิมเล่นจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองทางเภาคเหนือ มันจะเป็นยังไงน้อ เคยแต่ได้ยินเครื่องดนตรีพวกนี้เล่นเพลงพื้นเมืองภาคเหนือ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account