หวานเล่ห์เสน่หา (เปลี่ยนชื่อเรื่องจากมนต์รักไผทค่ะ)
เรื่องราวของวิศวกรสาวกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะ เส้นทางของทั้งคู่ไม่น่าจะมาพบกันได้ แต่กามเทพก็แผลงศรให้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย ต้องมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไม่ตั้งใจ เรื่องราวทุกอย่างจบลงเพียงแค่คืนนั้น...หากเมื่อคู่กันแล้วต่อให้ห่างไกลกันสักเพียงไหน เมื่อถึงเวลาคนสองคนก็ต้องโคจรกลับมาพบกันอยู่ดี และการพบกันในครั้งนี้จะสร้างความรักให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ไปช่วยกันลุ้นค่ะ
Tags: เกาะ

ตอน: บทที่ 5

บทที่ 5

เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสเป็นพิเศษสำหรับวิศวกรสาว เนื่องจากเธอมีนัดกับหนุ่มในเครื่องแบบสุดหล่อ หญิงสาวจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ความสุขเปล่งประกายออกมาชนิดที่ใครมาเห็นก็คงอดหมั่นไส้ไม่ได้ หลังจากทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆ เรียบร้อยแล้ว สองแม่ลูกก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางจากบ้านพักไปยังท่าเทียบเรือของเกาะ

“จะไปไหนกันแต่เช้าคะ” เพียงฤทัยเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นคณิตาและนาฏศิลป์เดินออกมาจากบ้านพัก และอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ เมื่อสองสาวแต่งตัวเหมือนกันราวกับฝาแฝด ด้วยเสื้อยืดพิมพ์ลายสวมทับด้วยแจ็คเก็ตยีน กางเกงยีนสีซีด หมวกเบสบอล รองเท้าผ้าใบสุดเท่ห์

“เพื่อนแวะมาเยี่ยมน่ะค่ะ เลขกำลังจะไปรับที่ท่าเรือ” หลังจากต้องใช้ชีวิตอยู่ในอาณาเขตของเจ้าของเกาะ ความสนิทสนมกับบรรดาเจ้านายทั้งหลายก็มีมากขึ้น สรรพนามแทนตัวจึงเปลี่ยนจากทางการเป็นกันเอง

“แล้วจะไปกันยังไงคะ ปั่นจักรยานไปหรือคะ”

“ตอนแรกก็กะเอาไว้อย่างนั้นค่ะ แต่คิดไปคิดมา ไปรถรางดีกว่า ขาไปยังไม่เท่าไหร่มีแค่เจ้าตัวเล็ก แต่ขากลับมีเพื่อนมาอีกคนจะลำบาก”
“ให้พี่ศิลป์ไปเป็นเพื่อนไหมคะ” เพียงฤทัยเสนอ

“อย่าเลยค่ะ ที่ผ่านมาเลขก็รบกวนคุณเพียงกับคุณศิลป์มากพอแล้ว ยังไงขอตัวก่อนนะคะ”
“ค่ะ บ๊ายบ่ายค่ะน้องนาฏ” เพียงฤทัยโบกไม้โบกมือลาเด็กหญิง ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มและการกระทำเดียวกันตอบกลับมา


ภาพหญิงสาวโผกอดชายหนุ่มกลางท่าเทียบเรือ ต่อด้วยภาพของเด็กหญิงที่ลอยวืดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง ก่อนจะถูกหอมแก้มซ้ายขวาอย่างแสนรัก เรียกรอยยิ้มของผู้คนที่อยู่บริเวณนี้ได้ไม่น้อย แต่ดวงตาคมคู่หนึ่งกลับมองเหตุการณ์นั้นอย่างฉงนสงสัยมากกว่า
“มองอะไรคะคุณไทย” เสียงหวานที่ดังขึ้นข้างกาย ทำให้ไผทละลายตาจากจุดสนใจของตน

“เปล่าครับ เชิญครับ ถึงรีสอร์ตคุณกวางจะได้พักให้หายเหนื่อย” ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญให้กรรณิการ์เดินไปตามทางมุ่งตรงสู่ถนนซึ่งอยู่ไม่ไกล เพื่อโดยสารรถรางประจำเกาะเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ

ที่นั่งบนรถรางถูกจับจองจนเกือบเต็มเหลือเพียงไม่กี่ที่ และจำเพาะเจาะจงต้องเหลือที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มคนที่เขาไม่อยากเจอในตอนนี้เสียด้วย ตั้งใจจะมองเฉไปทางอื่นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทักทายกัน แต่กลับมีเสียงเรียกชื่อเขาซะงั้น และเป็นเสียงทุ้มที่คุ้นหูอีกต่างหาก
“คุณไทยใช่ไหมครับ”

“อ้าว! ต้นกล สวัสดีครับ” ไผทแกล้งอุทานราวกับเพิ่งเห็นคนที่เอ่ยทักทาย ส่วนคณิตาก็ยกมือไหว้เจ้านายสีหน้าไม่สู้ดีนัก ด้วยกลัวลูกสาวจะก่อเรื่องอีก แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อลูกสาวที่นั่งอยู่บนตักเพื่อนมัวแต่ชื่นชมของเล่นชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้รับจากกรีฑา ไม่สนใจผู้ใหญ่แม้แต่คนเดียว

“ไม่ทราบว่าต้นกลรู้จักพนักงานใหม่ของผมด้วยหรือครับ” ไผทถามด้วยความสงสัย

“ก็ผมเป็นคนแนะนำให้เขามาสมัครเองนี่ครับ ไม่คิดว่าจะได้ สงสัยสายตาคุณศิลป์จะสั้นลงนะครับ ถึงได้สแกนไม่ละเอียด คัดเลือกยัยนี่เข้าทำงานได้” กรีฑาเย้าเพื่อนขำๆ ในขณะที่คณิตาก็ตวัดค้อนใส่

“ก็คงมีดีล่ะครับ ไม่อย่างนั้นนายศิลป์คงไม่รับไว้ อ้อ! ลืมแนะนำไปเลย คุณกรรณิการ์ เจนกิจภูมิเมธี ลูกสาวของท่านประธานสมาคมมัคคุเทศก์ประจำจังหวัดครับ คุณกวางครับ ท่านนี้คือเรือตรีกรีฑา ธนปัทมกร และคุณคณิตา ปริยาภัสร์ วิศวกรประจำรีสอร์ตของผมครับ” ไผทนึกได้ว่าตนไม่ได้มาเพียงลำพัง จึงแนะนำคนทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” กรีฑายิ้มให้อย่างเป็นมิตร เช่นเดียวกับคณิตา

“เช่นเดียวกันค่ะ ลูกสาวน่ารักจังเลยนะคะต้นกล” กรีฑายิ้มรับอย่างเต็มใจ ในขณะที่คณิตาอ้าปากหวอ

“เข้าใจผิดแล้วค่ะคุณกรรณิการ์ น้องนาฏเป็นลูกของดิฉัน ไม่ใช่ลูกสาวของต้นกลค่ะ ดิฉันกับต้นกลเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ค่ะ” คณิตารีบแก้ความเข้าใจผิด ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นเลย อาจจะเป็นการดีเสียอีก คนบนเกาะจะได้เลิกนินทาเธอเสียดี แต่ทำไมหัวใจกลับไม่ยอมรับ ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ต้องการให้ใครมารับบทพ่อของนาฏศิลป์ หากเธอไม่เต็มใจ

“อ้าว! เหรอคะ งั้นกวางขอโทษด้วยนะคะที่เข้าใจผิด”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ วันนี้ไม่ได้เป็น วันหน้าผมก็จะหาทางเป็นพ่อของหลานสาวคนนี้ให้ได้” กรีฑาบอกอย่างจริงใจ ด้วยความน่ารักของเด็กน้อยเจือด้วยความสงสารของตัวเอง แม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรคณิตาถึงได้มีบุตรสาว ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีคนรัก จู่ๆ วันหนึ่งเขาก็มารับรู้ว่าเพื่อนท้อง ตั้งแต่วันนั้นเขาก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ และมีมารยาทพอที่จะไม่ขุดคุ้ยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนต้องหนักใจหรือกลุ้มใจอีก

“แบบนี้อีกไม่นานผมคงได้ยินข่าวดีสิครับ” ไผทถามหยิกแกมหยอก

“ยังหรอกครับ ผมน่ะอยากได้ลูกสาวเท่านั้นครับ แม่เด็กไม่ขอรับประทาน รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว ปล่อยยัยเลขมันนั่งบนหิ้งไปเถอะครับ ส่วนจะมีใครมาบูชามันไปเป็นแม่ย่านางประจำเรือหรือเปล่าก็เรื่องของมัน” กรีฑากล่าวอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่คณิตาก็ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันที่ไม่อาจโต้ตอบอะไรตอนนี้ได้ เพราะเกรงบารมีเจ้านาย

“แสดงว่าของเขาแรงสิครับ” ไผทกระเซ้านายทหารเรือเล่น

“คุณสองคนไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะคะ คุณคณิตาก็นั่งอยู่ตรงนี้” กรรณิการ์ตำหนิสองหนุ่ม

“ผมเลิกมองว่ามันเป็นผู้หญิง ตั้งแต่มันเลือกเรียนวิศวกรรมเครื่องกลแล้วครับ ผมไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสเห็นมันท้องด้วยซ้ำ” กรีฑาพูดอย่างคะนองปาก

“น๊อต” คณิตาหมดความอดทนหันไปเรียกชื่อเพื่อนเสียงเข้ม แววตาส่องประกายความอึดอัดจนคนพูดรู้สึกได้

“ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธเลยนะ” กรีฑาตบบ่าเพื่อนอย่างลุแก่โทษ ไม่คิดเลยว่าปากจะพาจนแบบนี้

“ไม่ทราบว่าต้นกลจะพักที่รีสอร์ตหรือเปล่าครับ” ไผทเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มเข้าสู่ความอึมครึม

“ผมจองห้องพักไว้เรียบร้อยแล้วครับ ตั้งใจมาสอบถามความประพฤติของพนักงานใหม่จากคุณศิลป์”

“แล้วจะพักกี่วันครับ” เจ้าของรีสอร์ตถามต่อไปอีก

“คืนเดียวครับ กลับพรุ่งนี้เย็นๆ”

“ถ้างั้นวันนี้ไปดำน้ำด้วยกันไหมครับ คือว่าคุณกวางมาสำรวจสถานที่ก่อนจะพาทัวร์มาพักจริง” หัวหน้าเผ่าแห่งเกาะเสมือนจันทร์เอ่ยปากชวน

“วันนี้วันหยุดแกหรือเปล่าวะเลข”

“แกไปกับคุณไผทเถอะ ฉันคงไม่ไปน่ะ พาเจ้าตัวยุ่งไปด้วยจะลำบาก” คณิตาปฏิเสธ

“ไปด้วยกันสิ ผมว่าจะชวนน้องๆ ไปเที่ยวด้วย น้องเพลงจะได้มีเพื่อน” คราวนี้ไผทพูดกับคนของตน

“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ” ตั้งใจจะปฏิเสธอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นสายตาอำมหิตของเจ้านาย คณิตาก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก


รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูก ทำให้คนเป็นแม่มีความสุขได้เสมอ สายตาที่แสดงถึงความรักและความห่วงใยถูกส่งไปให้คนตัวเล็กที่สวมเสื้อชูชีพลอยคออยู่กับมหาสมุทร เพียงฤทัย ทิฆัมพร คีตศิลป์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะวันนี้เธอติดไฟแดง ห้ามทำกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการฝ่าสัญญาณอันตรายนี้อย่างเด็ดขาด

“เลข ถามอะไรหน่อยสิ” เรือตรีกรีฑาที่เพิ่งขึ้นจากการชมปะการังและสัตว์ใต้ทะเลถามขึ้น หลังจากเห็นทางสะดวก คนในกลุ่มส่วนใหญ่ยังลอยคออยู่ในน้ำ บนเรือก็เหลือเพียงเพื่อนสาวที่นั่งเป็นแม่ยางนางประจำเรือ

“ใครเป็นพ่อของน้องนาฏ” สายตาที่ทอดมองลูกสาวหันขวับไปมองคนถาม

“ไม่ใช่คนที่แกคิดหรอก” คณิตาตอบอย่างรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงใคร นายทหารเรือก็คงคิดไม่ต่างจากคนอื่น

“งั้นก็เป็นอีกคน” กรีฑาไม่ยอมปล่อยให้หลุดประเด็นไป

“แกอย่าคิดอะไรฟุ้งซ่านได้ไหม แล้วไม่ต้องยัดเยียดลูกสาวของฉันให้ใครด้วย ฉันเลี้ยงของฉันมาได้ตั้งนาน คงไม่ต้องหาใครมาช่วยเลี้ยงหรอก” วิศวกรสาวบอกอย่างตัดรำคาญ

“ฉันไม่ได้ยัดเยียดก็แค่สงสัย ถามจริงๆ เถอะเลข ใคร? คุณศิลป์หรือว่าคุณไทย” นายทหารยศเรือตรียังไม่พอใจกับคำตอบ จึงจี้เรียงตัวให้เพื่อนเลือก

“แกจะบ้าหรือน๊อต นั่นเจ้านายฉันทั้งสองคนเลยนะ จู่ๆ จะเอาเหามาใส่หัวฉันซะงั้น” คณิตาหงุดหงิดไม่ยอมตอบคำถาม

“แกก็บอกมาสิว่าใครที่ทำให้แกท้อง ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้ เพราะหน้าลูกแกมันบอกยี่ห้อ ขอใช้สำนวนอินเทรนด์หน่อยเถอะ ดีเอ็นเอมันฟ้องอยู่บนหน้าลูกของแก” ต้นกลหนุ่มจ้องหน้าเพื่อนอย่างจับผิด

“น๊อต ฉันขอนะอย่าถามเลย ฉันไม่มีคำตอบให้แกหรอก อีกอย่างฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้กับเจ้านาย ไม่ว่าจะเป็นคุณไทยหรือว่าคุณศิลป์ ไม่มีใครเป็นพ่อของน้องนาฏทั้งนั้น ยกเว้นฉันคนเดียว ฉันเจอสายตาจากคนทั้งเกาะก็พอแล้วนะ อย่าให้ต้องมาตอบคำถามที่ไม่มีคำตอบของแกอีกเลย” คณิตาผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ มองเพื่อนอย่างเซ็งๆ

“ก็ไม่แปลกหรอกที่ทุกคนสงสัย ก็หน้าเด็กมันเหมือนกันซะขนาดนี้”

“แกไม่เคยเห็นน้องเพลงเหรอ” คณิตาถามด้วยความสงสัย

“เคย ไม่ต้องทำหน้าเป็นหมาสงสัยขนาดนั้น ถึงฉันจะเคยเห็นน้องเพลง แต่ถ้าไม่จับเด็กสองคนมายืนเทียบกัน ฉันก็นึกไม่ออกหรอก อีกอย่างฉันไม่ได้เห็นหน้าน้องเพลงกับน้องนาฏบ่อยๆ นี่จะได้จับสังเกตได้”

“ก็จริงของแก ครั้งแรกที่ฉันเห็นน้องเพลง ฉันยังตกใจเลย ไม่คิดว่าจะคล้ายกันราวกับพี่น้องคลานตามกันมา ยิ่งตอนนี้ยิ่งเหมือนเพราะผิวน้องนาฏคล้ำขึ้น” ตอนเป็นสาวชาวกรุง ผิวของนาฏศิลป์จะขาวอมชมพู แต่พอมาอยู่เกาะโดนลมทะเลบ้าง เล่นน้ำทะเลบ้าง ผิวขาวๆ ก็ค่อยๆ เข้มขึ้น ส่วนลูกสาวของมหาสมุทรผิวก็ไม่ได้คล้ำจนดำ เพียงแต่สีผิวเข้มกว่าลูกสาวของเธอเล็กน้อย หากเทียบกับเด็กๆ บนเกาะ ก็ยังถือว่าคีตศิลป์เป็นคนผิวขาว ส่วนนาฏศิลป์ก็กลายเป็นเด็กเผือกไปโดยปริยาย

“แกลำบากใจที่จะทำงานที่นี่หรือเปล่า” กรีฑาถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง เลิกซักไซ้เรื่องที่อยากรู้ เพราะมันคงไม่ได้คำตอบ และยังเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก สักวันความจริงก็ต้องเปิดเผย

“แรกๆ ก็ลำบากใจนะ ตั้งใจจะลาออกเลยล่ะ แต่คุณศิลป์ขอร้องให้อยู่ช่วยจนกว่าจะหาคนมาแทนได้ ทำๆ ไปฉันก็เริ่มชินกับสายตาที่มองมา พร้อมกับพยายามคิดว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้พรากลูกพรากผัวใคร แค่บังเอิญลูกสาวฉันหน้าตาไปเหมือนลูกสาวเจ้านายเท่านั้นเอง อีกอย่างทุกคนในครอบครัวเจ้านายก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ฉันกับน้องนาฏไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี เพราะถ้าแกอึดอัดใจ ฉันก็อยากให้แกลาออก แต่ถ้าแกทำใจยอมรับมันได้ ฉันก็สนับสนุนให้แกทำงานต่อ เพราะพี่น้องของคุณไทยเป็นคนดีทุกคน และที่นี่จะสร้างความมั่นคงทางทรัพย์สินให้แกได้อย่างที่ตั้งใจ” ต้นกลหนุ่มตบบ่าเพื่อนเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“ขอบใจนะน๊อต ขอบใจที่แกไม่เคยทิ้งฉัน” คณิตากล่าวอย่างซาบซึ้งใจ

“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่”


นิ้วเรียวกรีดลงบนสายกีตาร์โปร่ง หลังจากปรับแต่งเสียงตามต้องการแล้ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างถูกใจ ก่อนจะเงยหน้ามองรอบๆ กาย นานมากแล้วที่ไม่ได้เล่นดนตรีขับกล่อมผู้คนยามค่ำคืน หากไม่ใช่เพราะคำคะยั้นคะยอของกลุ่มคนที่เธอมาด้วยล่ะก็ คงไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนี้อีก

“สวัสดีค่ะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขออนุญาตเล่นดนตรีเพิ่มบรรยากาศอาหารมื้อค่ำให้กับทุกๆ คนนะคะ แต่ดิฉันไม่ใช่นักดนตรีมืออาชีพ หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ก็ขออภัยไว้ ณ. ที่นี้ด้วย ขอเปิดตัวเพลงแรกพร้อมกับนักร้องคู่ใจอีกคนค่ะ ลูกสาวของดิฉันเอง” คณิตาผายมือไปที่ลูกสาวที่รบเร้าจะขึ้นมาร้องเพลงด้วย เปิดยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย สองแม่ลูกโค้งให้แขกผู้มีเกียรติของรีสอร์ตพร้อมๆ กัน ก่อนที่คนเป็นแม่จะอุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้านหลังขาไมค์ ส่วนตัวเธอก็นั่งเก้าอี้อีกตัวในลักษณะเดียวกัน

“เนื่องจากนักร้องกับนักดนตรีเป็นคู่แม่ลูกจึงขอเล่นเพลงนี้เป็นเพลงแรกค่ะ อิ่มอุ่น (โดยศุ บุญเลี้ยง)” เสียงเกากีตาร์โปร่งก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงหวานกังวานใส

“อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน” เสียงหวานเจือไปด้วยความรักและความห่วงใยของคนเป็นแม่ รอยยิ้มถูกส่งต่อให้ร่างเล็กๆ ที่นั่งไขว้ห้างเลียนแบบตน

“ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา ให้ดวงใจสองเราเชื่อมโยงผูกพัน” เสียงเล็กๆ ร้องเจื้อยแจ้วด้วยสำเนียงไม่ชัดนัก โดยมีเสียงมารดาร้องคลอตามเบาๆ เรียกความประทับใจจากนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการห้องอาหารแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

“อิ่มใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร แม่พร่ำเตือนแม่พร่ำสอน สอนสั่ง” จบท่อนนี้เด็กหญิงก็ทำหน้าที่ต่อโดยมีมารดานำขึ้นท่อนต่อไปให้ แล้วที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักร้องตัวจิ๋ว

“ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป”

“ใช่เพียงอิ่มท้อง ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น อุ่นไอรัก อุ่นละมุน ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน”

“ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป...” สองเสียงประสานร้องท่อนสร้อยพร้อมกัน ส่งยิ้มให้กันตลอด ชนิดที่ใครๆ เห็นคงอยากกลับบ้านไปกอดแม่ให้ชื่นใจ จากนั้นผู้เป็นแม่ก็ขับร้องท่อนต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจบเพลง

ในระหว่างที่นักร้องร้องเพลง คนที่เสนอให้คณิตาแสดงความสามารถทางด้านดนตรีก็มองอย่างชื่นชม ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนความสามารถทางด้านนี้ก็เพื่อนไม่ได้ลดน้อยลงเลย ดูเหมือนมันจะถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปยังทายาทตัวน้อยด้วย

“ขนาดไม่ใช่นักร้องอาชีพนะคะ เสียงยังดีขนาดนี้” ทิฆัมพรเอ่ยชม

“เลขเคยร้องเพลงอยู่ที่ห้องอาหารน่ะครับ แต่เลิกไปหลายปีแล้ว” กรีฑาไขข้อสงสัย

“ทำไมล่ะครับ” มหาสมุทรถามบ้าง

“รู้สึกว่าจะป่วยครับ ตอนที่มันเล่าให้ฟัง เห็นว่านอนซมพิษไข้อยู่เป็นอาทิตย์ เกรงใจเจ้าของร้าน แต่จากนั้นไม่นานมันก็รู้ตัวว่าท้อง ก็เลยเลิกเล่นไปโดยปริยาย แถมต้องลาออกจากงานอีก ผมก็อยากรู้ว่าใครเป็นพ่อของน้องนาฏทำไมถึงได้ใจดำนัก” นายทหารเรือเล่าประวัติของเพื่อนไปเรื่อยๆ โดยไม่สนว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นที่ตนไม่ควรนำมาเปิดเผยในที่สาธารณะ

“แล้วทางบ้านของคุณเลขล่ะคะ” เพียงฤทัยถาม ทั้งๆ ที่ปกติเธอไม่เคยละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของใคร

“มันตัวคนเดียวครับคุณเพียง พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่มันยังเรียนมัธยม อยู่กับแม่จนกระทั่งท่านเสียด้วยโรคมะเร็งตอนมันเรียนมหาวิทยาลัยปีสอง ตอนนั้นพวกเพื่อนๆ ก็บอกให้มันกลับไปหาพ่อ แต่มันกลับบอกกับพวกผมว่า ไม่รู้ท่านอยู่ที่ไหน ถึงจะรู้ก็คงไม่กล้าไปรบกวน มันไม่สนิทใจครับ สุดท้ายมันก็กู้เรียน จนวันหนึ่งพวกเราไปเลี้ยงรับน้องที่ห้องอาหารแห่งหนึ่ง ความสามารถมันไปสะดุดเจ้าของเข้า มันก็เลยมีรายได้เสริมมาตลอด”

“หญิงแกร่ง น่านับถือจังเลยค่ะ” กรรณิการ์เอ่ยชมบ้าง ในขณะที่คนนั่งข้างเธอได้แต่ฟังนิ่งๆ ไม่ออกความเห็น แต่สายตาจับจ้องไปที่สองแม่ลูก

“พี่ไทยเอาดอกไม้ไปให้กำลังใจน้องนาฏหน่อยสิครับ” มหาสมุทรหันมากระเซ้าพี่ชายเล่น

“จริงด้วย จะได้ดีกันสักทีไงคะ” ทิฆัมพรสนับสนุน

“เอ่อ...ผมถามได้ไหมครับว่าทำไมน้องนาฏถึงได้กลัวคุณไทยขนาดนั้น” กรีฑาถามอย่างแปลกใจ เพราะนาฏศิลป์ให้ความสนิทสนมกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนเพิ่งรู้จักอย่างกรรณิการ์ แต่กลับไม่ยอมเข้าใกล้ไผทผู้ชายใจดีคนหนึ่ง

“คู่นี้เขามีข้อพิพาทกันตั้งแต่วันแรกค่ะ น้องนาฏเลยงอนพี่ไทย ไม่ยอมดีด้วยเลย” เพียงฤทัยเป็นคนเฉลยคำถามนั้น

“ให้น้องเพลงเอาไปให้ดีกว่า” เสียงทุ้มๆ กล่าวตัดบท พร้อมยกหน้าที่ให้หลานสาวคนสวยที่ตอนนี้แทนตัวเองว่าพี่เพลงตลอดเวลา
“แบบนี้เมื่อไหร่น้องนาฏจะเลิกกลัวพี่ไทยล่ะคะ” ทิฆัมพรค้าน

“กลัวก็ดีแล้วไง จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับพี่” ไผทบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“สมแล้วที่น้องนาฏบอกว่าพี่ไทยใจร้าย เชอะ!” คราวนี้น้องสาวสุดที่รักออกอาการงอนแต่คนตัวเล็ก สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะ

“ขออนุญาตไปรับเจ้าตัวเล็กกลับมานั่งหน่อยนะครับ หมดหน้าที่ของน้องนาฏแล้ว ที่เหลือคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่เลขฉายเดี่ยว” กรีฑาเอ่ยขึ้นเมื่อเสียงกีตาร์หยุดลง พร้อมกับสองแม่ลูกเอ่ยปากขอบคุณเมื่อได้รับเสียงปรบมือ

“ตอนแรกที่กวางเห็นน้องเพลง เข้าใจว่าคุณเลขเป็นญาติของพวกคุณเสียอีก” กรรณิการ์ได้โอกาสถามในสิ่งที่อยากรู้

“มันเป็นความบังเอิญน่ะครับ” มหาสมุทรตอบ เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาให้เกิดการกระอักกระอวนขึ้นอีก

“พรุ่งนี้คุณกวางอยากไปสำรวจที่ไหนต่อครับ” ไผทเปลี่ยนหัวข้อสนทนาดื้อๆ

“แล้วแต่เจ้าบ้านสิคะ” กรรณิการ์ตอบเสียงหวาน

“งั้นพรุ่งนี้เราไปชมกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวก็แล้วกันนะครับ”

“ก็ดีค่ะ”

“ไปด้วยกันนะนายศิลป์” ไผทหันไปเอ่ยปากชวนน้องชาย

“ครับพี่”

ปล. สัปดาห์หน้าจะอัพเพิ่มอีกวันนะคะ เป็น อังคาร พฤหัส และก็เสาร์ค่ะ ^^



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ม.ค. 2557, 11:51:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ม.ค. 2557, 11:59:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1535





<< บทที่ 4   บทที่ 6 >>
ปรางขวัญ 14 ม.ค. 2557, 12:19:38 น.
ต้นกลมีคู่ยังคะ อิอิ แอบน่ารัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account