สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช
แนะนำตัวละคร
ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว
ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov
ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...
แนะนำตัวละคร
ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว
ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov
ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...
Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ
ตอน: บทที่ 5 หัวใจที่กรีดร้อง...
บทที่ 5 หัวใจที่กรีดร้อง...
แสงสีทองจรัสจ้า สาดส่องกระทบเข้ามายังใบหน้าของอันนา เธอเอามือขยี้ดวงตางัวเงียกับการตื่นนอน และเพิ่งจะเคยเห็นแสงแดดของเมืองหนาวนี้ ก่อนจะสะดุ้งตัวตกใจ เพราะเสียงเปิดประตู
“ตื่นแล้วหรือคะ นายหญิง”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณยาย” อันนาระบายหายใจเบาๆ เมื่อพบว่าคนที่เข้ามาในห้องนั้น คือ เมดวัยชรา ไม่ใช่ชายหนุ่มที่เธอหวาดกลัว
“วันนี้ ถือเป็นวันโชคดีมากๆ นะคะ มีแสงอาทิตย์ตอบรับในวันท่องเที่ยวของนายหญิงเสียด้วยสิ” เมดทาติน่าเกริ่นบอก ด้วยอารมณ์ดียามเช้า ก็จะไม่ให้นางดีใจได้อย่างไร จู่ๆ ท่านดานิล ได้สั่งว่าอยากออกเดตกับแม่สาวน้อยชาวเอเชียผู้นี้ นางจึงต้องจัดแจง เสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้อันนาสวมใส่ สำหรับวันหวานๆ ท่านดานิลคงต้องการเอาใจนายหญิงแน่ๆ ก็เล่นพาเธอมาอยู่แต่ในคฤหาสน์อันครึ้มๆ นี่นา...การได้ออกไปเที่ยวข้างนอก และหาสถานที่พักผ่อนหย่อยใจบ้าง อาจจะทำให้หญิงสาวเอเชียผู้นี้ ร่าเริงขึ้นมาบ้างก็ได้ละมั้ง ต่อไปจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างถิ่นต่างแดนอีกยาวนาน
“เที่ยว? อัน...ยังไม่เคยพูดถึงเลยนะคะ คุณยาย” หญิงสาวแปลกใจ ความคิดที่จะออกไปเที่ยวไม่มีอยู่สมองของเธอเลยแม้แต่นิด แล้วใครจะไปเที่ยวได้ลงกันล่ะเนี่ย ก็คนดุร้ายนั่นจับเธอมาขังเอาไว้ ไร้อิสรภาพไปนานแล้วนี่ ถ้าให้หนีล่ะก็ เธอจะยินดีมากกว่า
“ท่านดานิลต่างหากค่ะ ที่อยากจะพานายหญิงไปเที่ยว คิกๆ” เมดทาติน่า ขบขันให้กับเจ้านายเหนือชีวิต เพราะท่านดานิลดัน กำลังทำเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอดจนถึงอายุวัยปูนนี้...อนุภาพแห่งความรัก ช่างดีเสียจริงๆ มันสามารถเปลี่ยนผู้ชายจิตใจนิ่งเย็นยะเยือก กลายเป็นหนุ่มน้อย ผู้กำลังมีความรัก...ได้ถึงเพียงนี้
“คุณยาย หมายความว่าอย่างไงคะ อันจะต้องไปเที่ยวกับเขา อย่างงั้นเหรอคะ หยี๋ๆ ไม่เอาหรอก” อันนาแทบขนลุก...เพราะความร้ายกาจของเขา สร้างสิ่งรังเกียจเอาไว้ให้เธอมากมายนัก จนเธอไม่อาจจะลืมไปได้เลย
“การได้ออกเดตด้วยกัน นายหญิงจะต้องประทับใจในตัวท่านดานิลแน่นอนค่ะ ทาติน่า ขอยืนยันได้เลย ท่านดานิลเป็นคนที่น่ารักมากๆ เลยนะ”
“ออกเดต?” อันนาทวงคำพูดที่เธอเพิ่งจะได้ยินจาก เมดมาติน่า โอ้ไม่นะ เธอกำลังถูกบังคับให้ไปออกเดตกับเขาอยู่ใช่ไหม ดุร้ายยังไม่พอ นี่เขายังบ้าอำนาจเจ้ากี่เจ้าการชีวิตของเธอ ด้วยใช่ไหมเนี่ย
“ค่ะ โปรดไปชำระร่างกายก่อนนะคะ นายหญิง อีกชั่วโมงกว่าๆ ท่านดานิล ถึงจะพาท่านไปท่องเที่ยวชมเมืองมอสโกด้วยตนเองค่ะ”
“อัน...ไม่ไปนะ คุณยาย ช่วยไปบอกเขาด้วยค่ะ” อันนารีบเอ่ยปากปฏิเสธ ทว่าก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ถ้าได้เดินไปตามท้องถนนในมอสโก บางทีเธออาจจะโอกาสหนีก็ได้นี่นา
“เฮ้อ...คงไม่ได้หรอกค่ะ คำสั่งท่านดานิล คือ คำไหนคำนั้นค่ะ”
“เผด็จการ...คนบ้าอำนาจที่สุด” อันนาบ่นอุบอิบเบาๆ วันนี้เขาคงจะสั่งให้เธอ ทำอะไรก็ได้อีกล่ะสิ ชีวิตของเธอมันอยู่ในกำมือของเขานี่ เขาสั่งเธอก็ต้องทำตาม ถ้ายิ่งพยายามขัดขืน บทลงโทษ...ที่เธอจะได้รับ มันแทบจะต้องเกือบตายทั้งเป็นแน่ๆ
เมดทาติน่าถึงกับปวดหัวหนึบ และเวียนศีรษะไปหลายตลบกับความดื้อดึงดื้อรั้งของอันนา กว่านางจะจับแม่หญิงสาวเอเชียผู้นี้ ทำการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อชุดใหม่ได้สำเร็จ เล่นคนแก่หายใจหอบกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว อันนาหน้างอ หน้าหงิก เมื่อพยายามปฏิเสธหญิงวัยชรา สุดท้ายเธอก็ต้องยอมให้นางจัดแจงชีวิตวันนี้ของเธอจนสำเร็จได้
“สวยแล้วค่ะ เหมาะกับการไปออกเดตแล้วด้วย” ทาติน่าชมอย่างไม่ขาดปาก เพราะนางเนรมิต อันนาให้สวยพอสำหรับวันออกเดตครั้งแรกได้อย่างไม่มีที่ติ แน่นอนต้องให้ท่านดานิลพอใจด้วย และจะได้เอ็นดูแม่หญิงสาววัยน้อยผู้นี้ไปอีกนาน
“อัน...ไม่อยากไปเลยค่ะ คุณยาย” อันนาโอดครวญ ไม่อยากทำตามในสิ่งที่มิเตอร์ดานิลสั่ง เพราะการได้อยู่กับเขาสองต่อสอง คือ ความอันตรายอย่างยิ่งยวด...ยิ่งกว่าอะไรดี เธอจะพ้นจากน้ำมือของเขาได้นานแค่ไหนกันหนอ...
เวลาผ่านไปไวอย่างกับเรื่องโกหก เสียงรถยนต์คันโตแล่นมาจอดเทียบท่ารอคอย เจ้าหญิงบนคฤหาสน์วาดิตินเรียบร้อยแล้ว อันนาถอนหายใจเฮือกโตสุดๆ กับจิตใจอ่อนไหว ปะปนความหวาดหวั่น ตลอดเส้นทางที่เมดทาติน่าจับจูงมือมาส่ง...ขึ้นรถแกร่งคันโตของเขา...
“ขอให้เที่ยวกัน อย่างสนุกๆ นะคะ” เมดวัยชราอวยพรให้ทั้งคู่ ก่อนที่รถคันแกร่งสีดำทมิฬจะแล่นออกจากคฤหาสน์ไปเรื่อยๆ สายตาดุดันของดานิล ลอบสำรวจหญิงสาวแสนรัก ไม่สิ แสนแค้นต่างหาก วันนี้เธออยู่ในชุดอาภรณ์หนาปะทะลมหนาว...
ทว่าเป็นกระโปร่งสั้น อันนารับรู้ถึงสายตาคู่นั้นของเขา เธอจึงรีบขยับตัวแนบชิดประตูรถ ยิ่งดานิลเอาแต่มองมายังต้นเรียวขาอ่อนของเธอ อย่างไม่ละสายตา มือเล็กๆ ของเธอจึงต้องทำหน้าที่เลื่อนปกปิดเอาไว้ เกิดเสียงทุ้มขบขำในลำคอ
“หึๆ ทาติน่าคงจัดเสื้อผ้าให้เจ้า ผิดไปนิดละมั้ง” มันคงจะผิด เพราะเขาบอกว่ามันผิดนี่แหละ ใส่กระโปร่งสั้นซะไม่ห่วงความหนาวเย็น แถมยังล่อเป้าสายตาไอ้พวกผู้ชายอีกต่างหาก ขากลับบ้าน เขาจะต้องขอ...บ่นให้ทาติน่าหน่อยเถอะ
“วอนก้า ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องเข้ามอสโก” เมื่อเจอคำสั่งหยุดเดินทางไปยังแหล่งเที่ยวอย่างกะทันหัน ลูกน้องร่างโตชุดดำบอดี้การ์ด ผู้ทำหน้าเป็นพลขับด้วย ก็ต้องทำตามเจ้านายกล่าว
“ครับ แล้วนายท่าน จะไปที่ไหนต่อหรือครับ” ดานิลบอกเป็นภาษารัสเซีย ซึ่งอันนาไม่เข้าใจหรอกว่าจะไปที่ไหน หวังว่าคงไม่ได้มีความคิดที่แบบว่า จะพาเธอไปฆ่าหมกป่าหรอกนะ
“เราไม่ได้จะไปเมืองมอสโกกันหรอกนะ วันนี้เจ้ายังต้องทำงานให้ข้าเช่นเคย และผู้ช่วยวันนี้ คือ ข้า...” ดานิลรู้ว่า อันนากำลังคิดเช่นไร เขาจึงรีบเอ่ยแทรกบอก ก่อนที่อันนาจะคิดไปไกลจนตัวสั่น
“งาน...?”
“ใช่...งานที่ข้า สั่งให้เจ้า จำมันให้ได้ไง เจ้าจำมันได้หรือยัง...ว่าเอาหัวใจข้าไปซ่อนไว้ที่ใด”
“ฉันไม่รู้...” อันนาปฏิเสธเสียงเบาหวิว ทำให้ดานิลต้องขยับตัวไปหาอย่างใกล้ๆ และกระซิบบอกหญิงสาวด้วยอารมณ์โมโหเล็กน้อย
“อย่าคิดปฏิเสธเลย เพราะอีกไม่นาน เจ้าก็จะต้องรู้...และหามันจนพบ...อันนาที่รัก” ดานิลขยับมาหาจนแนบชิด จนฝ่ายหญิงเกร็งไปหมด มีเพียงดานิลที่มีความรู้สึกว่า...ชอบอก ชอบใจอยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งที่แคบๆ เบาะหลังของรถคันแกร่งนี้ ไม่ว่าเธอจะขยับหนีไปตรงไหน ก็หนีไม่พ้นเขาหรอก
อันนาทำตัวหดให้มากที่สุด ยิ่งเขาใช้ร่างใหญ่โตโน้มเข้าประชิดเรือนร่างของเธอ ความหนาวเย็นยะเยือกก็แทรกกัดกินจิตใจ มือบางเล็กทั้งสองข้าง รีบยกขึ้นป้องกันภัยคุกคาม บุรุษผู้ดุร้าย...อย่างมิเตอร์ดานิล
“เลิกห่วงเนื้อตัว สักที อันนา เจ้าเป็นภรรยาของข้านะ ข้ามีสิทธิ์ ที่จะชมเชยเจ้าได้ทุกเวลา” ดูเหมือนมิเตอร์ดานิลจะเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ และบอกฐานะของอันนาให้เธอได้รับรู้ แน่นอนเขาต้องย้ำเสมอๆ ว่าเธอนั้น คือผู้หญิงของเขา ตลอดกาล แม้แต่ลมหายใจ...ของเธอ
“มะ...ไม่” อันนารีบปฏิเสธปากสั่นๆ ฐานะแบบนี้ เธอไม่ต้องการ เพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจและความรักของเธอ ทุกอย่าง คือ บังคับขู่เข็นและจำนงอย่างไม่มีสู้ต่างหากล่ะ
“หึๆ” ดานิลหัวเราะใจลำคอ เขากำลังมีความสุข กับความดื้อรั้นของเธอ แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่ว่าจิตใจกับทะนงตน และหาญกล้าไม่เคยเปลี่ยน การแกล้งคุกคามหญิงสาววัยน้อย ช่างเป็นเรื่องสนุกนัก เขาไม่เคยรู้สึกกับคำว่าความสนุกมาเนิ่นนานแล้ว ขอลองทดสอบความกล้าหาญของเธอหน่อยเถอะ เธอจะทนแรงเสียดทานและแรงใกล้ด้วยความหวาดกลัวได้นานแค่ไหนกัน
“ชะ...ช่วยขยับไปนั่งไกลๆ หน่อยได้ไหม มันอึดอัดนะ” อันนารีบพูดบอกระรัวเร็ว พร้อมกับรีบหายใจแรงถี่ยิบ ด้วยความเกร็งเนื้อ เกร็งตัวไปหมดแล้ว...
“ข้าว่าเจ้า รู้สึกหนาวมากกว่านะ หึๆ” ใช่สิ ที่เธอหนาวจนตัวชาอย่างนี้ ก็เพราะเขานั่นแหละ โดยเฉพาะดวงตาดุดันคู่นั้น ทำไมถึงต้องจับจ้องและเจาะจง มายังเธอปานจะกลืนกินนักหนา
“นายท่านครับ มีแขกตามมาเป็นเพื่อนด้วยครับ” ได้ยินเสียงลูกน้องชุดดำเอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับเสียงเตรียมอาวุธปืนผาหน้าไม้ครบมือ ดานิลแทบอารมณ์หัวสีย...กับพวกขัดขวางความสุขของเขา
“ใคร?”
“เดาง่ายมากครับ นายท่าน รถสปอร์ตสีฟ้า”
“ไอ้มาร์ตินนี่” ดานิลกัดกรามแน่น เพราะมาร์ตินนี่ ยังตามตื้อไม่เลิกรา ยิ่งมันพยายามทำตัวแบบนี้นานๆ เข้า มันอาจจะได้เจอกับอันนาเข้าสักวันแน่ๆ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง และดานิลจะต้องเป็นคนดูแลหรือคุ้มครองอันนา มากขึ้นกว่าเดิม
“วอนก้า ช่วยสั่งสอนไอ้ลูกหมา ที่ยังเลียน้ำนมกินหน่อยสิ” ดานิลสั่งลูกน้องบอดี้การ์ด เขาอยากให้กำจัดเสี้ยมหนามแห่งหัวใจออกไปพ้นๆ ได้ยิ่งดี เพราะรอยแผลเก่ามันจะซ้ำที่เดิม...จนไม่มีวันจบสิ้น...
“ได้ครับ นายท่าน” วอนก้า ทำตามความประสงค์ของเจ้านายทันที ดานิลจึงขยับเข้าไปคว้าตัวของอันนาเอามากอดไว้ ปกป้องจากแรงปะทะ เสียงปืนที่ไล่ยิงกราดสาดไปทั่วท้องถนนครอบคลุมด้วยสีขาวหิมะ ทำให้อันนาหวีดร้องเสียงหลง ด้วยความกลัว...ไม่นานเกินหายใจเข้าออกสองสามรอบ บอดี้การ์ดชุดดำก็ได้ทำการหยุดยิง และกลับมาประจำที่ขับรถต่อไป เหมือนเป็นเรื่องปกติ
ด้านผู้ได้ความเสียหาย จากการถูกไล่ยิงซะเกือบหลบกระสุนปืนไม่ทัน และ หวุดหวิดมาได้ครบทั้งสามสิบสองส่วนร่างกาย ไม่จำเป็นต้องมาตายก่อนวัยสมควร
“โธ่เว้ย!” มาร์ตินนี่ทั้งหัวเสีย ทั้งเกือบจิตใจหลุดหล่นหาย กับการถูกไล่ยิงสาดกระสุนใส่อย่างเต็มพิกัด การถูกเตือนอย่างรุนแรง ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางอื่นๆ ที่จะสามารถติดตามรถของท่านดานิลต่อไปได้ มาร์ตินนี่ไม่หยุดแค่นี้หรอก เขาจะตื้อจนกว่าท่านดานิล จะยอมให้เขากลับเข้าไปทำงานเช่นเดิม
“หมู่บ้านริมทะเลดำสินะ” มาร์ตินนี่กำลังใช้ความคิดถึงแผนการต่อไป บางทีเขาอาจจะเจรจาทางฝั่งด้านของท่านดานิลไม่ได้ ทว่ายังมีอีกวิธีหนึ่งนี่นา ซึ่งอาจจะทำให้ท่านดานิลใจอ่อนขึ้นมาได้...โดยใช้ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนที่ท่านดานิลกำลังติดอก ติดใจ และขั้นต้องหอบหิ้วติดรถไปยังหมู่บ้านทะเลดำด้วยนั่นไงล่ะ แล้วเธอเป็นใครกันหนอ ถึงได้มีอิทธิพลต่อท่านดานิลมากมายได้ขนาดนี้กัน
“ปล่อยนะ” อันนาร้องเสียงอูอี้ในอ้อมกอดอกแกร่งของชายหนุ่มวัยอายุมากกว่าเกือบร้อยเท่าตัว ใบหน้าของอันนาร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ พร้อมกับเกิดอาการใจเต้นร้องผิดแปลกประหลาดพอสมควร
หรือบางทีเธออาจจะเพิ่งเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เสียงปืนที่ดั่งกึกก้องสนั่นระรัวสาดกระสุนไม่ยั้งมือ เหมือนในหนังแอ็คชั่น สักเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มาเฟียแห่งรัสเซีย...เขาต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ชีวิตของเธอจะต้องตกอยู่กับมาเฟียพวกโหดร้ายเหล่านี้ตลอดไปเลยใช่ไหม...
“นั่งนิ่งๆ แบบนี้แหละ อันนา เจ้าไม่เห็นหรือไงว่า ข้างนอกมันอันตราย ถ้าเจ้าอยู่ห่างๆ ข้า ป่านนี้โดนลูกหลง ยิงใส่หัวไปแล้วนะ” ดานิลเอ่ยเสียงดุๆ ให้หญิงสาวในอ้อมกอด แท้จริงแล้ว เขาห่วงความปลอดภัยของเธอ ไม่ใช่น้อยๆ เช่นกัน
“ลูกน้องนาย หยุดยิงปืนแล้วนี่ หรือจะมีใครตามมาอีกเป็นขบวนหรือไง!” อันนาเอ่ยประชด ให้ตายสิ เดตวันแรกของเธอยังต้องหลบกระสุนจนตัวหด เอ๊ะ! แล้วนี่เธอยอมรับว่า จะออกเดตกับเขาแล้วหรือ...เสียงครางในใจของเธอ ดังก้องให้หนุ่มวัยใหญ่ได้รับรู้แน่นอน เพราะเขาขบขำเบาๆ ในลำคอ อันนาพยายามดันตัวเองให้หลุดพ้นออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่ง ดานิลจึงปล่อยร่างเล็กๆ อย่างง่ายๆ เมื่อไอ้เสียงบ่นอุบอิบในใจหญิงสาว มันก่อกวนเขาเข้านั่นสิ
“เสียมารยาท” ริบังอาจมาอ่านความคิด ความรู้สึกของเธอได้ไงกันเล่า มีเพียงวอนก้าที่ทำท่างุนงงกับการสนทนาแปลกๆ ไม่ประติดประต่อกัน ของเจ้านายทั้งสอง
“ถ้าคิดว่ามันเสียมารยาทนัก ก็อ่านใจข้า คืนสิ สาวน้อย เจ้าจะได้รู้ว่าข้าคิดอย่างไร” เธอไม่ใช่ปีศาจเหมือนเขานี่ จะได้อ่านใจเขาออก อันนาค้อนให้ก่อนจะขยับออกห่างๆ ให้มากที่สุด ไม่รู้จะปกป้องตัวเองได้นานแค่ไหน ในเมื่อไม่มีคุณยายทาติน่า มาช่วยเหลือให้พ้นจากมือปลาหมึกของเขา
ดานิลหัวเราะในลำคอด้วยความพึงพอใจมาก แม้จะโดนหาว่าเป็นปีศาจก็ตามเถอะนะ รถคันแกร่งทมิฬดำแล่นไปอีกสักระยะเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงที่หมาย ดานิลกระชากร่างบางออกจากรถมาพร้อมด้วย เพราะขืนให้เธอลงจากรถด้วยตนเอง เขาคงรอข้ามวันยามพระอาทิตย์เที่ยงคืนล่ะมั้ง
“หนาว...” หนาวเหลือเกิน...แค่ก้าวขาออกจากรถมาเท่านั้น อันนาแทบหนาวสั่นจนเข้ากระดูกสันหลัง ดานิลย่นจมูกฮึดฮัดราวไม่พอใจ ก่อนจะถอดเสื้อโค้ชกันหนาวตัวหนาใหญ่เบ้อเร่อให้อันนาสวมใส่ มันหนักแทบเป็นกิโลอันนาร้องบอกเคืองๆ ในใจ ดานิลจึงรับเสื้อกันหนาวตัวใหม่อีกตัวจากวอนก้ามาสวมแทน ก่อนจะสั่งให้วอนก้าขับรถกลับบ้าน
“เธอจะหนาวยิ่งกว่านี้อีก” เขาพูดเหมือนกำลังหงุดหงิดอย่างนั้นแหละ ดานิลกำลังอ่อนโยนและหวั่นไหว เขารู้ตัวดีเอง
“เรากำลังจะไปไหนกันน่ะ” อันนาถามด้วยเสียงสั่นระริกกับความหนาวจัดของที่นี่ และดูเหมือนแสงแดดอ่อนน้อยๆ อย่างริบหรี่ที่กระทบผิวกายของเธอ มันไม่ช่วยให้ความอุ่นอะไรได้เลย
“หึๆ รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ” เสียงทุ้มตอบให้เธอได้ยิน มันช่างดูราวกับเจ็บปวดนัก แต่เขาจับมือบางที่หุ้มด้วยถุงมือหนาๆ ลากให้เธอเดินตามมาเรื่อยๆ เหยียบรอยน้ำทะเลที่แข็งปานหินเก่าแก่นานนับศตวรรษ
หากรู้ไม่ว่า ตอนนี้เสียงหัวใจของเธอ มันกรีดร้อง...ดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ มันไม่ใช่เสียงหัวใจของเธอเสียหน่อย แล้วมันเสียงของใครล่ะ ภาพในม่านดวงตาเบลอๆ ราวกับกำลังจะปิดลงในความมืด เสียงโหยหวนคำรามลั่นท้องนภา เมื่อแผ่นอกแกร่งถูกกริชอันคมแหลม แทงกรีดลากเป็นทางยาวลึกจนหมดลมหายใจ เลือดแดงฉาดไหลหยอดย้อยเต็มอาบมือเล็กกับก้อนเนื้อแห่งใจของเขา
ดวงตาคมกริบซีดขาวเพ่งมองใบหน้าแสนรักหมดดวงใจ เสียงสะอื้นไห้แข่งกับความหนาวเหน็บยะเยือกจัดองศาติดลบ บนหน้าผาน้ำแข็งทะเลดำ
‘ลาก่อน ที่รักของข้า’ เธอน้ำตาไหลพรั่งพรูแทบจะเป็นสายเลือด เพราะยอมหยุดเจ้าปีศาจร้าย ด้วยน้ำมือของตนเอง ดีกว่าน้ำมือของผู้อื่น! แค่เขามีสายเลือดเศษเสี้ยวของภูตพราย นางถึงขั้นปลิดชีวิตเขา...ด้วยวิธีนี้เชียว...
“โอ๊ย” อันนาร้องเสียงดังลั่น เมื่อถูกตัวดึงให้สติสัมปชัญญะกลับมายัง ณ เวลาปัจจุบัน และจู่ๆ เธอก็เกิดอาการร้อนราวกับมีไฟสุ่มอยู่ในร่างกาย ทว่าด้านหลังของเธอ มันน่ากลัวหนาวสั่นยิ่งกว่า...ด้วยหน้าผาอันสูงชั้นมากเหลือเกิน จนไม่คิดที่อยากจะมองลงไป อันนาไม่ชอบผู้ช่วยของเธอวันนี้จริงๆ ให้ตายสิ เขากำลังจะโยนเธอลงหน้าผาหรือไงกัน
“เจ้าเห็นอะไรบ้างล่ะ อันนาที่รัก” ดานิลฉายดวงตาแววพิโรธอย่างทวียิ่งขึ้น เพราะห้วงแห่งอดีตถูกดึงแทรกจากจิตใต้สำนึก เพียงแค่พาเธอเดินเข้าใกล้ลานประหารของตัวเอง
อันนา ส่ายหน้าไปมาด้วยความกลัวอย่างยิ่งสุดหัวใจ และไม่รับอะไรทั้งสิ้น และอยู่ๆ ร่างกายของเธอ กำลังร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิติดลบแห่งเมืองหนาวนี้
“โกหก! เจ้าต้องเห็นมันสิ มือที่เจ้าใช้มันจัดการปลิดชีพชีวาของข้าตรงนั้น ตรงที่เจ้ายืนอยู่นั่นไง” ดานิลเค้นเสียงตะโกนบอกอยู่ไกลๆ โน้น ด้วยแรงเหวี่ยงแห่งนิมิตเมื่ออดีตสองร้อยหกสิบปีก่อน จนคนร่างเล็กสะดุ้ง เขาช่างน่ากลัวมาก...
“บอกหน่อยสิ หลังจากที่เจ้ากรีดเอาหัวใจของข้าไปแล้ว เจ้าโยนมันทิ้งลงในทะเลหรือเปล่า”
ทะเล! ใช่แล้วทะเล มันอยู่ในทะเลอย่างงั้นเหรอ...อันนาคำนึ่งคิดทบทวน ก่อนจะตัดสินใจหุนหันพลันแล่น เมื่อเธอได้ยินเสียง...อะไรไม่รู้กระทบโสตประสาทให้รับรู้ คงเป็นหัวใจของเขาแน่ๆ แค่ได้หัวใจคืนมาใช่ไหม ได้! เธอจะลงไปหาให้เดี๋ยวนี้แหละ ถ้ามันมาคืนให้เขาจบเรื่องได้แล้ว บางทีเธออาจจะเป็นอิสระ
ตูม!!! ร่างบางหันตัวกระโดดลงน้ำทะเล ทะเลดำอันยะเยือกติดลบหลายองศา แค่กระแสน้ำสัมผัสร่างกายของเธอ ก็ชาค้างนิ่งไม่รับรู้อะไรอีกเลย
ดวงตาแกร่งเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ เขารีบพุ่งร่างดิ่งจากหน้าผาตามลงไปน้ำทะเลอันยะเยือกปานน้ำแข็งร้อยๆ ปี ดานิลคว้าร่างบางได้ในพริบตาและนำมาขึ้นฝั่งในชั่ววินาที ก่อนจะหลับตาพริ้มพึมพำอีกหน และก้าวกระโดดหายตัววับวาบด้วยธาตุอากาศบิดเบี้ยวพร้อมกับหญิงสาว กลับมายังคฤหาสน์ของตนเองเพียงแต่สูดลมหายใจอึกเดียว
ดานิลรีบพาร่างบางดิ่งเข้าห้องน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำอุ่นจนร้อนจัด ทั้งราดใส่ให้ตัวเอง พยายามปลดเสื้อผ้าของร่างบางออกให้จนหมดสิ้น น้ำร้อนจัดจ้าวิ่งผ่านร่างของหญิงสาวจนได้สติกลับคืนมา แค่สะลืมสะลือเท่านั้น
ทว่าดานิลกระทำกับร่างบางอย่างไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว กระชากแขนเล็กๆ ที่เพิ่งจะหายตัวแข็งอย่างรวดเร็วออกจากห้องน้ำ แถมเหวี่ยงร่างของเธอมาที่เตียงอันใหญ่ไพศาล ร่างบางหนาวจับขั้วหัวใจ สั่นผวาหนาวละส่ำขวัญเสีย จนเป็นไข้แบบไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
“อย่าหวังว่า ฉันจะตามหมอมาให้นะ อันนา!” ใจร้าย โหดร้ายเหลือเกินในใจของเธอร้องบอกด้วยความตัดพ้อ เพราะมิอาจจะเอื้อมเอ่ยคำพูดใดๆ ได้แม้แต่นิดเดียว เขารับรู้ และเขายังอยากบีบคอเธอให้ตายนัก คิดได้อย่างไร เล่นกระโดดหน้าผาร่วงลงสู่ทะเลดำ ไม่มีมนุษย์คนไหนกล้ากระโดดลงไปหรอกนะ ยกเว้น...พวกภูตพราย...สมัยดินแดนอันไกลโพ้นหายสาบสูญไปเนิ่นนานหมดสิ้นแล้วโน้น ภูตนั้นมีร่างกายพิศวงอย่างมาก สามารถทนความหนาวเหน็บ ติดลบยะเยือกแห่งเมืองหนาวนี้ ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ระคายเคืองผิวหนังด้วยซ้ำ
โปรดติดตาม ตอนต่อไป
บทที่ 6 อ้อมกอดอันอุ่นหัวใจ...
ปล. ตอนหน้า ช่างน่าลุ้น >///<
กับชายหนุ่มอมตะที่พูดไม่ตรงกับหัวใจ เนอะๆ
แสงสีทองจรัสจ้า สาดส่องกระทบเข้ามายังใบหน้าของอันนา เธอเอามือขยี้ดวงตางัวเงียกับการตื่นนอน และเพิ่งจะเคยเห็นแสงแดดของเมืองหนาวนี้ ก่อนจะสะดุ้งตัวตกใจ เพราะเสียงเปิดประตู
“ตื่นแล้วหรือคะ นายหญิง”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณยาย” อันนาระบายหายใจเบาๆ เมื่อพบว่าคนที่เข้ามาในห้องนั้น คือ เมดวัยชรา ไม่ใช่ชายหนุ่มที่เธอหวาดกลัว
“วันนี้ ถือเป็นวันโชคดีมากๆ นะคะ มีแสงอาทิตย์ตอบรับในวันท่องเที่ยวของนายหญิงเสียด้วยสิ” เมดทาติน่าเกริ่นบอก ด้วยอารมณ์ดียามเช้า ก็จะไม่ให้นางดีใจได้อย่างไร จู่ๆ ท่านดานิล ได้สั่งว่าอยากออกเดตกับแม่สาวน้อยชาวเอเชียผู้นี้ นางจึงต้องจัดแจง เสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้อันนาสวมใส่ สำหรับวันหวานๆ ท่านดานิลคงต้องการเอาใจนายหญิงแน่ๆ ก็เล่นพาเธอมาอยู่แต่ในคฤหาสน์อันครึ้มๆ นี่นา...การได้ออกไปเที่ยวข้างนอก และหาสถานที่พักผ่อนหย่อยใจบ้าง อาจจะทำให้หญิงสาวเอเชียผู้นี้ ร่าเริงขึ้นมาบ้างก็ได้ละมั้ง ต่อไปจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างถิ่นต่างแดนอีกยาวนาน
“เที่ยว? อัน...ยังไม่เคยพูดถึงเลยนะคะ คุณยาย” หญิงสาวแปลกใจ ความคิดที่จะออกไปเที่ยวไม่มีอยู่สมองของเธอเลยแม้แต่นิด แล้วใครจะไปเที่ยวได้ลงกันล่ะเนี่ย ก็คนดุร้ายนั่นจับเธอมาขังเอาไว้ ไร้อิสรภาพไปนานแล้วนี่ ถ้าให้หนีล่ะก็ เธอจะยินดีมากกว่า
“ท่านดานิลต่างหากค่ะ ที่อยากจะพานายหญิงไปเที่ยว คิกๆ” เมดทาติน่า ขบขันให้กับเจ้านายเหนือชีวิต เพราะท่านดานิลดัน กำลังทำเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอดจนถึงอายุวัยปูนนี้...อนุภาพแห่งความรัก ช่างดีเสียจริงๆ มันสามารถเปลี่ยนผู้ชายจิตใจนิ่งเย็นยะเยือก กลายเป็นหนุ่มน้อย ผู้กำลังมีความรัก...ได้ถึงเพียงนี้
“คุณยาย หมายความว่าอย่างไงคะ อันจะต้องไปเที่ยวกับเขา อย่างงั้นเหรอคะ หยี๋ๆ ไม่เอาหรอก” อันนาแทบขนลุก...เพราะความร้ายกาจของเขา สร้างสิ่งรังเกียจเอาไว้ให้เธอมากมายนัก จนเธอไม่อาจจะลืมไปได้เลย
“การได้ออกเดตด้วยกัน นายหญิงจะต้องประทับใจในตัวท่านดานิลแน่นอนค่ะ ทาติน่า ขอยืนยันได้เลย ท่านดานิลเป็นคนที่น่ารักมากๆ เลยนะ”
“ออกเดต?” อันนาทวงคำพูดที่เธอเพิ่งจะได้ยินจาก เมดมาติน่า โอ้ไม่นะ เธอกำลังถูกบังคับให้ไปออกเดตกับเขาอยู่ใช่ไหม ดุร้ายยังไม่พอ นี่เขายังบ้าอำนาจเจ้ากี่เจ้าการชีวิตของเธอ ด้วยใช่ไหมเนี่ย
“ค่ะ โปรดไปชำระร่างกายก่อนนะคะ นายหญิง อีกชั่วโมงกว่าๆ ท่านดานิล ถึงจะพาท่านไปท่องเที่ยวชมเมืองมอสโกด้วยตนเองค่ะ”
“อัน...ไม่ไปนะ คุณยาย ช่วยไปบอกเขาด้วยค่ะ” อันนารีบเอ่ยปากปฏิเสธ ทว่าก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ถ้าได้เดินไปตามท้องถนนในมอสโก บางทีเธออาจจะโอกาสหนีก็ได้นี่นา
“เฮ้อ...คงไม่ได้หรอกค่ะ คำสั่งท่านดานิล คือ คำไหนคำนั้นค่ะ”
“เผด็จการ...คนบ้าอำนาจที่สุด” อันนาบ่นอุบอิบเบาๆ วันนี้เขาคงจะสั่งให้เธอ ทำอะไรก็ได้อีกล่ะสิ ชีวิตของเธอมันอยู่ในกำมือของเขานี่ เขาสั่งเธอก็ต้องทำตาม ถ้ายิ่งพยายามขัดขืน บทลงโทษ...ที่เธอจะได้รับ มันแทบจะต้องเกือบตายทั้งเป็นแน่ๆ
เมดทาติน่าถึงกับปวดหัวหนึบ และเวียนศีรษะไปหลายตลบกับความดื้อดึงดื้อรั้งของอันนา กว่านางจะจับแม่หญิงสาวเอเชียผู้นี้ ทำการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อชุดใหม่ได้สำเร็จ เล่นคนแก่หายใจหอบกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว อันนาหน้างอ หน้าหงิก เมื่อพยายามปฏิเสธหญิงวัยชรา สุดท้ายเธอก็ต้องยอมให้นางจัดแจงชีวิตวันนี้ของเธอจนสำเร็จได้
“สวยแล้วค่ะ เหมาะกับการไปออกเดตแล้วด้วย” ทาติน่าชมอย่างไม่ขาดปาก เพราะนางเนรมิต อันนาให้สวยพอสำหรับวันออกเดตครั้งแรกได้อย่างไม่มีที่ติ แน่นอนต้องให้ท่านดานิลพอใจด้วย และจะได้เอ็นดูแม่หญิงสาววัยน้อยผู้นี้ไปอีกนาน
“อัน...ไม่อยากไปเลยค่ะ คุณยาย” อันนาโอดครวญ ไม่อยากทำตามในสิ่งที่มิเตอร์ดานิลสั่ง เพราะการได้อยู่กับเขาสองต่อสอง คือ ความอันตรายอย่างยิ่งยวด...ยิ่งกว่าอะไรดี เธอจะพ้นจากน้ำมือของเขาได้นานแค่ไหนกันหนอ...
เวลาผ่านไปไวอย่างกับเรื่องโกหก เสียงรถยนต์คันโตแล่นมาจอดเทียบท่ารอคอย เจ้าหญิงบนคฤหาสน์วาดิตินเรียบร้อยแล้ว อันนาถอนหายใจเฮือกโตสุดๆ กับจิตใจอ่อนไหว ปะปนความหวาดหวั่น ตลอดเส้นทางที่เมดทาติน่าจับจูงมือมาส่ง...ขึ้นรถแกร่งคันโตของเขา...
“ขอให้เที่ยวกัน อย่างสนุกๆ นะคะ” เมดวัยชราอวยพรให้ทั้งคู่ ก่อนที่รถคันแกร่งสีดำทมิฬจะแล่นออกจากคฤหาสน์ไปเรื่อยๆ สายตาดุดันของดานิล ลอบสำรวจหญิงสาวแสนรัก ไม่สิ แสนแค้นต่างหาก วันนี้เธออยู่ในชุดอาภรณ์หนาปะทะลมหนาว...
ทว่าเป็นกระโปร่งสั้น อันนารับรู้ถึงสายตาคู่นั้นของเขา เธอจึงรีบขยับตัวแนบชิดประตูรถ ยิ่งดานิลเอาแต่มองมายังต้นเรียวขาอ่อนของเธอ อย่างไม่ละสายตา มือเล็กๆ ของเธอจึงต้องทำหน้าที่เลื่อนปกปิดเอาไว้ เกิดเสียงทุ้มขบขำในลำคอ
“หึๆ ทาติน่าคงจัดเสื้อผ้าให้เจ้า ผิดไปนิดละมั้ง” มันคงจะผิด เพราะเขาบอกว่ามันผิดนี่แหละ ใส่กระโปร่งสั้นซะไม่ห่วงความหนาวเย็น แถมยังล่อเป้าสายตาไอ้พวกผู้ชายอีกต่างหาก ขากลับบ้าน เขาจะต้องขอ...บ่นให้ทาติน่าหน่อยเถอะ
“วอนก้า ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องเข้ามอสโก” เมื่อเจอคำสั่งหยุดเดินทางไปยังแหล่งเที่ยวอย่างกะทันหัน ลูกน้องร่างโตชุดดำบอดี้การ์ด ผู้ทำหน้าเป็นพลขับด้วย ก็ต้องทำตามเจ้านายกล่าว
“ครับ แล้วนายท่าน จะไปที่ไหนต่อหรือครับ” ดานิลบอกเป็นภาษารัสเซีย ซึ่งอันนาไม่เข้าใจหรอกว่าจะไปที่ไหน หวังว่าคงไม่ได้มีความคิดที่แบบว่า จะพาเธอไปฆ่าหมกป่าหรอกนะ
“เราไม่ได้จะไปเมืองมอสโกกันหรอกนะ วันนี้เจ้ายังต้องทำงานให้ข้าเช่นเคย และผู้ช่วยวันนี้ คือ ข้า...” ดานิลรู้ว่า อันนากำลังคิดเช่นไร เขาจึงรีบเอ่ยแทรกบอก ก่อนที่อันนาจะคิดไปไกลจนตัวสั่น
“งาน...?”
“ใช่...งานที่ข้า สั่งให้เจ้า จำมันให้ได้ไง เจ้าจำมันได้หรือยัง...ว่าเอาหัวใจข้าไปซ่อนไว้ที่ใด”
“ฉันไม่รู้...” อันนาปฏิเสธเสียงเบาหวิว ทำให้ดานิลต้องขยับตัวไปหาอย่างใกล้ๆ และกระซิบบอกหญิงสาวด้วยอารมณ์โมโหเล็กน้อย
“อย่าคิดปฏิเสธเลย เพราะอีกไม่นาน เจ้าก็จะต้องรู้...และหามันจนพบ...อันนาที่รัก” ดานิลขยับมาหาจนแนบชิด จนฝ่ายหญิงเกร็งไปหมด มีเพียงดานิลที่มีความรู้สึกว่า...ชอบอก ชอบใจอยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งที่แคบๆ เบาะหลังของรถคันแกร่งนี้ ไม่ว่าเธอจะขยับหนีไปตรงไหน ก็หนีไม่พ้นเขาหรอก
อันนาทำตัวหดให้มากที่สุด ยิ่งเขาใช้ร่างใหญ่โตโน้มเข้าประชิดเรือนร่างของเธอ ความหนาวเย็นยะเยือกก็แทรกกัดกินจิตใจ มือบางเล็กทั้งสองข้าง รีบยกขึ้นป้องกันภัยคุกคาม บุรุษผู้ดุร้าย...อย่างมิเตอร์ดานิล
“เลิกห่วงเนื้อตัว สักที อันนา เจ้าเป็นภรรยาของข้านะ ข้ามีสิทธิ์ ที่จะชมเชยเจ้าได้ทุกเวลา” ดูเหมือนมิเตอร์ดานิลจะเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ และบอกฐานะของอันนาให้เธอได้รับรู้ แน่นอนเขาต้องย้ำเสมอๆ ว่าเธอนั้น คือผู้หญิงของเขา ตลอดกาล แม้แต่ลมหายใจ...ของเธอ
“มะ...ไม่” อันนารีบปฏิเสธปากสั่นๆ ฐานะแบบนี้ เธอไม่ต้องการ เพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจและความรักของเธอ ทุกอย่าง คือ บังคับขู่เข็นและจำนงอย่างไม่มีสู้ต่างหากล่ะ
“หึๆ” ดานิลหัวเราะใจลำคอ เขากำลังมีความสุข กับความดื้อรั้นของเธอ แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่ว่าจิตใจกับทะนงตน และหาญกล้าไม่เคยเปลี่ยน การแกล้งคุกคามหญิงสาววัยน้อย ช่างเป็นเรื่องสนุกนัก เขาไม่เคยรู้สึกกับคำว่าความสนุกมาเนิ่นนานแล้ว ขอลองทดสอบความกล้าหาญของเธอหน่อยเถอะ เธอจะทนแรงเสียดทานและแรงใกล้ด้วยความหวาดกลัวได้นานแค่ไหนกัน
“ชะ...ช่วยขยับไปนั่งไกลๆ หน่อยได้ไหม มันอึดอัดนะ” อันนารีบพูดบอกระรัวเร็ว พร้อมกับรีบหายใจแรงถี่ยิบ ด้วยความเกร็งเนื้อ เกร็งตัวไปหมดแล้ว...
“ข้าว่าเจ้า รู้สึกหนาวมากกว่านะ หึๆ” ใช่สิ ที่เธอหนาวจนตัวชาอย่างนี้ ก็เพราะเขานั่นแหละ โดยเฉพาะดวงตาดุดันคู่นั้น ทำไมถึงต้องจับจ้องและเจาะจง มายังเธอปานจะกลืนกินนักหนา
“นายท่านครับ มีแขกตามมาเป็นเพื่อนด้วยครับ” ได้ยินเสียงลูกน้องชุดดำเอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับเสียงเตรียมอาวุธปืนผาหน้าไม้ครบมือ ดานิลแทบอารมณ์หัวสีย...กับพวกขัดขวางความสุขของเขา
“ใคร?”
“เดาง่ายมากครับ นายท่าน รถสปอร์ตสีฟ้า”
“ไอ้มาร์ตินนี่” ดานิลกัดกรามแน่น เพราะมาร์ตินนี่ ยังตามตื้อไม่เลิกรา ยิ่งมันพยายามทำตัวแบบนี้นานๆ เข้า มันอาจจะได้เจอกับอันนาเข้าสักวันแน่ๆ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง และดานิลจะต้องเป็นคนดูแลหรือคุ้มครองอันนา มากขึ้นกว่าเดิม
“วอนก้า ช่วยสั่งสอนไอ้ลูกหมา ที่ยังเลียน้ำนมกินหน่อยสิ” ดานิลสั่งลูกน้องบอดี้การ์ด เขาอยากให้กำจัดเสี้ยมหนามแห่งหัวใจออกไปพ้นๆ ได้ยิ่งดี เพราะรอยแผลเก่ามันจะซ้ำที่เดิม...จนไม่มีวันจบสิ้น...
“ได้ครับ นายท่าน” วอนก้า ทำตามความประสงค์ของเจ้านายทันที ดานิลจึงขยับเข้าไปคว้าตัวของอันนาเอามากอดไว้ ปกป้องจากแรงปะทะ เสียงปืนที่ไล่ยิงกราดสาดไปทั่วท้องถนนครอบคลุมด้วยสีขาวหิมะ ทำให้อันนาหวีดร้องเสียงหลง ด้วยความกลัว...ไม่นานเกินหายใจเข้าออกสองสามรอบ บอดี้การ์ดชุดดำก็ได้ทำการหยุดยิง และกลับมาประจำที่ขับรถต่อไป เหมือนเป็นเรื่องปกติ
ด้านผู้ได้ความเสียหาย จากการถูกไล่ยิงซะเกือบหลบกระสุนปืนไม่ทัน และ หวุดหวิดมาได้ครบทั้งสามสิบสองส่วนร่างกาย ไม่จำเป็นต้องมาตายก่อนวัยสมควร
“โธ่เว้ย!” มาร์ตินนี่ทั้งหัวเสีย ทั้งเกือบจิตใจหลุดหล่นหาย กับการถูกไล่ยิงสาดกระสุนใส่อย่างเต็มพิกัด การถูกเตือนอย่างรุนแรง ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางอื่นๆ ที่จะสามารถติดตามรถของท่านดานิลต่อไปได้ มาร์ตินนี่ไม่หยุดแค่นี้หรอก เขาจะตื้อจนกว่าท่านดานิล จะยอมให้เขากลับเข้าไปทำงานเช่นเดิม
“หมู่บ้านริมทะเลดำสินะ” มาร์ตินนี่กำลังใช้ความคิดถึงแผนการต่อไป บางทีเขาอาจจะเจรจาทางฝั่งด้านของท่านดานิลไม่ได้ ทว่ายังมีอีกวิธีหนึ่งนี่นา ซึ่งอาจจะทำให้ท่านดานิลใจอ่อนขึ้นมาได้...โดยใช้ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนที่ท่านดานิลกำลังติดอก ติดใจ และขั้นต้องหอบหิ้วติดรถไปยังหมู่บ้านทะเลดำด้วยนั่นไงล่ะ แล้วเธอเป็นใครกันหนอ ถึงได้มีอิทธิพลต่อท่านดานิลมากมายได้ขนาดนี้กัน
“ปล่อยนะ” อันนาร้องเสียงอูอี้ในอ้อมกอดอกแกร่งของชายหนุ่มวัยอายุมากกว่าเกือบร้อยเท่าตัว ใบหน้าของอันนาร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ พร้อมกับเกิดอาการใจเต้นร้องผิดแปลกประหลาดพอสมควร
หรือบางทีเธออาจจะเพิ่งเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เสียงปืนที่ดั่งกึกก้องสนั่นระรัวสาดกระสุนไม่ยั้งมือ เหมือนในหนังแอ็คชั่น สักเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มาเฟียแห่งรัสเซีย...เขาต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ชีวิตของเธอจะต้องตกอยู่กับมาเฟียพวกโหดร้ายเหล่านี้ตลอดไปเลยใช่ไหม...
“นั่งนิ่งๆ แบบนี้แหละ อันนา เจ้าไม่เห็นหรือไงว่า ข้างนอกมันอันตราย ถ้าเจ้าอยู่ห่างๆ ข้า ป่านนี้โดนลูกหลง ยิงใส่หัวไปแล้วนะ” ดานิลเอ่ยเสียงดุๆ ให้หญิงสาวในอ้อมกอด แท้จริงแล้ว เขาห่วงความปลอดภัยของเธอ ไม่ใช่น้อยๆ เช่นกัน
“ลูกน้องนาย หยุดยิงปืนแล้วนี่ หรือจะมีใครตามมาอีกเป็นขบวนหรือไง!” อันนาเอ่ยประชด ให้ตายสิ เดตวันแรกของเธอยังต้องหลบกระสุนจนตัวหด เอ๊ะ! แล้วนี่เธอยอมรับว่า จะออกเดตกับเขาแล้วหรือ...เสียงครางในใจของเธอ ดังก้องให้หนุ่มวัยใหญ่ได้รับรู้แน่นอน เพราะเขาขบขำเบาๆ ในลำคอ อันนาพยายามดันตัวเองให้หลุดพ้นออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่ง ดานิลจึงปล่อยร่างเล็กๆ อย่างง่ายๆ เมื่อไอ้เสียงบ่นอุบอิบในใจหญิงสาว มันก่อกวนเขาเข้านั่นสิ
“เสียมารยาท” ริบังอาจมาอ่านความคิด ความรู้สึกของเธอได้ไงกันเล่า มีเพียงวอนก้าที่ทำท่างุนงงกับการสนทนาแปลกๆ ไม่ประติดประต่อกัน ของเจ้านายทั้งสอง
“ถ้าคิดว่ามันเสียมารยาทนัก ก็อ่านใจข้า คืนสิ สาวน้อย เจ้าจะได้รู้ว่าข้าคิดอย่างไร” เธอไม่ใช่ปีศาจเหมือนเขานี่ จะได้อ่านใจเขาออก อันนาค้อนให้ก่อนจะขยับออกห่างๆ ให้มากที่สุด ไม่รู้จะปกป้องตัวเองได้นานแค่ไหน ในเมื่อไม่มีคุณยายทาติน่า มาช่วยเหลือให้พ้นจากมือปลาหมึกของเขา
ดานิลหัวเราะในลำคอด้วยความพึงพอใจมาก แม้จะโดนหาว่าเป็นปีศาจก็ตามเถอะนะ รถคันแกร่งทมิฬดำแล่นไปอีกสักระยะเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงที่หมาย ดานิลกระชากร่างบางออกจากรถมาพร้อมด้วย เพราะขืนให้เธอลงจากรถด้วยตนเอง เขาคงรอข้ามวันยามพระอาทิตย์เที่ยงคืนล่ะมั้ง
“หนาว...” หนาวเหลือเกิน...แค่ก้าวขาออกจากรถมาเท่านั้น อันนาแทบหนาวสั่นจนเข้ากระดูกสันหลัง ดานิลย่นจมูกฮึดฮัดราวไม่พอใจ ก่อนจะถอดเสื้อโค้ชกันหนาวตัวหนาใหญ่เบ้อเร่อให้อันนาสวมใส่ มันหนักแทบเป็นกิโลอันนาร้องบอกเคืองๆ ในใจ ดานิลจึงรับเสื้อกันหนาวตัวใหม่อีกตัวจากวอนก้ามาสวมแทน ก่อนจะสั่งให้วอนก้าขับรถกลับบ้าน
“เธอจะหนาวยิ่งกว่านี้อีก” เขาพูดเหมือนกำลังหงุดหงิดอย่างนั้นแหละ ดานิลกำลังอ่อนโยนและหวั่นไหว เขารู้ตัวดีเอง
“เรากำลังจะไปไหนกันน่ะ” อันนาถามด้วยเสียงสั่นระริกกับความหนาวจัดของที่นี่ และดูเหมือนแสงแดดอ่อนน้อยๆ อย่างริบหรี่ที่กระทบผิวกายของเธอ มันไม่ช่วยให้ความอุ่นอะไรได้เลย
“หึๆ รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ” เสียงทุ้มตอบให้เธอได้ยิน มันช่างดูราวกับเจ็บปวดนัก แต่เขาจับมือบางที่หุ้มด้วยถุงมือหนาๆ ลากให้เธอเดินตามมาเรื่อยๆ เหยียบรอยน้ำทะเลที่แข็งปานหินเก่าแก่นานนับศตวรรษ
หากรู้ไม่ว่า ตอนนี้เสียงหัวใจของเธอ มันกรีดร้อง...ดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ มันไม่ใช่เสียงหัวใจของเธอเสียหน่อย แล้วมันเสียงของใครล่ะ ภาพในม่านดวงตาเบลอๆ ราวกับกำลังจะปิดลงในความมืด เสียงโหยหวนคำรามลั่นท้องนภา เมื่อแผ่นอกแกร่งถูกกริชอันคมแหลม แทงกรีดลากเป็นทางยาวลึกจนหมดลมหายใจ เลือดแดงฉาดไหลหยอดย้อยเต็มอาบมือเล็กกับก้อนเนื้อแห่งใจของเขา
ดวงตาคมกริบซีดขาวเพ่งมองใบหน้าแสนรักหมดดวงใจ เสียงสะอื้นไห้แข่งกับความหนาวเหน็บยะเยือกจัดองศาติดลบ บนหน้าผาน้ำแข็งทะเลดำ
‘ลาก่อน ที่รักของข้า’ เธอน้ำตาไหลพรั่งพรูแทบจะเป็นสายเลือด เพราะยอมหยุดเจ้าปีศาจร้าย ด้วยน้ำมือของตนเอง ดีกว่าน้ำมือของผู้อื่น! แค่เขามีสายเลือดเศษเสี้ยวของภูตพราย นางถึงขั้นปลิดชีวิตเขา...ด้วยวิธีนี้เชียว...
“โอ๊ย” อันนาร้องเสียงดังลั่น เมื่อถูกตัวดึงให้สติสัมปชัญญะกลับมายัง ณ เวลาปัจจุบัน และจู่ๆ เธอก็เกิดอาการร้อนราวกับมีไฟสุ่มอยู่ในร่างกาย ทว่าด้านหลังของเธอ มันน่ากลัวหนาวสั่นยิ่งกว่า...ด้วยหน้าผาอันสูงชั้นมากเหลือเกิน จนไม่คิดที่อยากจะมองลงไป อันนาไม่ชอบผู้ช่วยของเธอวันนี้จริงๆ ให้ตายสิ เขากำลังจะโยนเธอลงหน้าผาหรือไงกัน
“เจ้าเห็นอะไรบ้างล่ะ อันนาที่รัก” ดานิลฉายดวงตาแววพิโรธอย่างทวียิ่งขึ้น เพราะห้วงแห่งอดีตถูกดึงแทรกจากจิตใต้สำนึก เพียงแค่พาเธอเดินเข้าใกล้ลานประหารของตัวเอง
อันนา ส่ายหน้าไปมาด้วยความกลัวอย่างยิ่งสุดหัวใจ และไม่รับอะไรทั้งสิ้น และอยู่ๆ ร่างกายของเธอ กำลังร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิติดลบแห่งเมืองหนาวนี้
“โกหก! เจ้าต้องเห็นมันสิ มือที่เจ้าใช้มันจัดการปลิดชีพชีวาของข้าตรงนั้น ตรงที่เจ้ายืนอยู่นั่นไง” ดานิลเค้นเสียงตะโกนบอกอยู่ไกลๆ โน้น ด้วยแรงเหวี่ยงแห่งนิมิตเมื่ออดีตสองร้อยหกสิบปีก่อน จนคนร่างเล็กสะดุ้ง เขาช่างน่ากลัวมาก...
“บอกหน่อยสิ หลังจากที่เจ้ากรีดเอาหัวใจของข้าไปแล้ว เจ้าโยนมันทิ้งลงในทะเลหรือเปล่า”
ทะเล! ใช่แล้วทะเล มันอยู่ในทะเลอย่างงั้นเหรอ...อันนาคำนึ่งคิดทบทวน ก่อนจะตัดสินใจหุนหันพลันแล่น เมื่อเธอได้ยินเสียง...อะไรไม่รู้กระทบโสตประสาทให้รับรู้ คงเป็นหัวใจของเขาแน่ๆ แค่ได้หัวใจคืนมาใช่ไหม ได้! เธอจะลงไปหาให้เดี๋ยวนี้แหละ ถ้ามันมาคืนให้เขาจบเรื่องได้แล้ว บางทีเธออาจจะเป็นอิสระ
ตูม!!! ร่างบางหันตัวกระโดดลงน้ำทะเล ทะเลดำอันยะเยือกติดลบหลายองศา แค่กระแสน้ำสัมผัสร่างกายของเธอ ก็ชาค้างนิ่งไม่รับรู้อะไรอีกเลย
ดวงตาแกร่งเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ เขารีบพุ่งร่างดิ่งจากหน้าผาตามลงไปน้ำทะเลอันยะเยือกปานน้ำแข็งร้อยๆ ปี ดานิลคว้าร่างบางได้ในพริบตาและนำมาขึ้นฝั่งในชั่ววินาที ก่อนจะหลับตาพริ้มพึมพำอีกหน และก้าวกระโดดหายตัววับวาบด้วยธาตุอากาศบิดเบี้ยวพร้อมกับหญิงสาว กลับมายังคฤหาสน์ของตนเองเพียงแต่สูดลมหายใจอึกเดียว
ดานิลรีบพาร่างบางดิ่งเข้าห้องน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำอุ่นจนร้อนจัด ทั้งราดใส่ให้ตัวเอง พยายามปลดเสื้อผ้าของร่างบางออกให้จนหมดสิ้น น้ำร้อนจัดจ้าวิ่งผ่านร่างของหญิงสาวจนได้สติกลับคืนมา แค่สะลืมสะลือเท่านั้น
ทว่าดานิลกระทำกับร่างบางอย่างไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว กระชากแขนเล็กๆ ที่เพิ่งจะหายตัวแข็งอย่างรวดเร็วออกจากห้องน้ำ แถมเหวี่ยงร่างของเธอมาที่เตียงอันใหญ่ไพศาล ร่างบางหนาวจับขั้วหัวใจ สั่นผวาหนาวละส่ำขวัญเสีย จนเป็นไข้แบบไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
“อย่าหวังว่า ฉันจะตามหมอมาให้นะ อันนา!” ใจร้าย โหดร้ายเหลือเกินในใจของเธอร้องบอกด้วยความตัดพ้อ เพราะมิอาจจะเอื้อมเอ่ยคำพูดใดๆ ได้แม้แต่นิดเดียว เขารับรู้ และเขายังอยากบีบคอเธอให้ตายนัก คิดได้อย่างไร เล่นกระโดดหน้าผาร่วงลงสู่ทะเลดำ ไม่มีมนุษย์คนไหนกล้ากระโดดลงไปหรอกนะ ยกเว้น...พวกภูตพราย...สมัยดินแดนอันไกลโพ้นหายสาบสูญไปเนิ่นนานหมดสิ้นแล้วโน้น ภูตนั้นมีร่างกายพิศวงอย่างมาก สามารถทนความหนาวเหน็บ ติดลบยะเยือกแห่งเมืองหนาวนี้ ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ระคายเคืองผิวหนังด้วยซ้ำ
โปรดติดตาม ตอนต่อไป
บทที่ 6 อ้อมกอดอันอุ่นหัวใจ...
ปล. ตอนหน้า ช่างน่าลุ้น >///<
กับชายหนุ่มอมตะที่พูดไม่ตรงกับหัวใจ เนอะๆ
Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ม.ค. 2557, 22:43:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2557, 14:43:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 1541
<< บทที่ 4 ใจเธอสั่นหรือเนี่ย | บทที่ 6 อ้อมกอดอันอุ่นหัวใจ >> |