สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 6 อ้อมกอดอันอุ่นหัวใจ

บทที่ 6 อ้อมกอดอันอุ่นหัวใจ

ใจร้าย เขาโหดร้ายกับเธอเหลือเกิน อันนาร่ำร้องไห้ด้วยอาการหนาวสั่นทั้งตัว เมื่อเขาบอกว่าจะไม่ตามหมอมารักษา เธอกำลังไม่สบายนะ มือเล็กทั้งสองข้าวพยายามกอบกำผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่อปกปิดร่างกาย และข่มหลับตาลงด้วยเสียงสะอื้นไห้ ทำให้บุรุษร่างใหญ่ที่ยืนมองดู เกิดหัวเสียเป็นเท่าตัว เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อคลุมตัวหนามาสวมใส่ ก่อนจะกลับมาหาหญิงสาว ที่นอนสั่นหดตัวอยู่บนเตียงนอน

“เจ้าอยากตายมากหรือไง ถึงกล้ากระโดดลงไปทะเลดำ รู้ไหมกระแสน้ำมีอุณหภูมิติดลบมากแค่ไหน” เธอได้ยินเสียงของเขา อยากจะต่อว่าเธอเป็นร้อยๆ คำแน่ๆ

“หนาว...ฮือๆ” ทว่าเสียงที่เขาได้ยินกลับมา คือ เธอได้ร้องไห้จนตัวสั่น ไม่ได้สติอันใด ดานิลทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ และลุกขึ้นยืน ออกเดินไปหากล่องเครื่องมือแพทย์ประจำตัว ที่ไม่คิดจะตามหมอมาให้เธอ ก็เพราะว่าเขาเป็นหมอนี้แหละ จะไปตามคนอื่นมาให้ยุ่งยากเย็นอะไรกัน ดานิลโทรศัพท์ไปสั่งยาให้อันนา จากโรงพยาบาลที่ถือหุ้นส่วน และการรักษาที่เหลือ เขาจะฉีดยาลดไข้ให้กันเอาไว้ก่อน

“เฮ้อ...หาหัวใจของข้ายังไม่พบ ก็ดันมาป่วยเจ็บ ออดๆ แอดๆ” ดานิลท่าทางจะบ่นเก่งขึ้นมากกว่าเดิม เพราะหญิงสาวมีพฤติกรรมขวางหู ขวางตา ขัดใจเขาไปซะหมดทุกอย่าง

“พ่อจ๋า แม่จ๋า อัน...หนาว...ช่วยกอดอันหน่อยค่ะ”

“เฮ้ยๆ ข้าไม่ใช่พ่อแม่ของเธอนะ” จู่ๆ อันนาก็จับแขนของดานิลเอาไว้อย่างแน่น ยิ่งเสื้อผ้าอาภรณ์แทบไม่ได้ปกปิดร่างหญิงสาว มีผ้าห่อผืนเดียว ดานิลแทบต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ

“อ๋อ...คิดจะยั่วข้างั้นเหรอ ยัยผู้หญิงใจอำมหิต” ดานิลพูดจาสรุปเอาเองจนหมด ถ้าดูเวลาตอนนี้แล้ว มันดึกมากด้วย แม้ว่าแสงแดดจะเต็มน่านท้องฟ้าก็ตาม

เรือนร่างหนาเหน็ดเหนื่อยมากอยู่เช่นกัน จริงๆ แล้วก็ตั้งแต่ได้ตัวอันนามาอยู่ด้วย เขาแทบไม่ได้นอนเลยสักคืนต่างหาก เพราะความขบคิดในหัวสมองมันเยอะ จนลืมเวลานอนไปดื้อๆ...ไม่สิสำหรับเขาแล้ว การนอนมันไม่มีในชีวิตประจำวันหรอก เมื่อร่างกายเป็นอมตะ การนอนก็ไร้ผลใดๆ ทั้งสิ้น

“อุ่นจัง...” เสียงหวานพึมพำเบาๆ เล่นทำให้กลางหน้าอกแกร่งของดานิล กระตุกตอบรับ เมื่อเขาพาร่างตนเอง เข้ามาสวมกอดหญิงสาวบนเตียงนอน รอยยิ้มเล็กๆ จากริมฝีปากหนาผุดขึ้นราวกับว่ากำลังมีความสุข

“ถ้ารอยตราอัคคี ช่วยเจ้าเอาไว้ไม่ทัน ป่านนี้ เจ้านอนตัวแข็งใต้ทะเลดำไปแล้วนะ” เขาบอกไปไม่รู้ว่าหญิงสาวจะได้ยินบ้างหรือไม่ ทว่าบางทีพรุ่งนี้ตื่นมา สิ่งแรกที่ต้องเจอ คือ ความตั้งป้อม ดื้อดึงกับเขาอย่างแน่นอน

ฟ้าสว่างยังไม่มีทีท่าจะปิดมืด แต่ทว่าเวลากำลังบ่งบอกว่าเช้าแล้ว แสงแดดสีทอประกาย กระทบเข้าที่ดวงตาเล็ก ก่อนจะปรือขึ้นช้าๆ แล้วก็ต้องกระตุกตาโต เมื่อเห็นใบหน้าชายปีศาจร้ายนอนอยู่เคียงข้าง

“กรี๊ดดด” เธอตกใจสะดุ้งโหยงสุดแรง และผลักร่างโตให้ออกไปห่างๆ

“โอ๊ย...ยัยบ้า กรี๊ดอะไรแต่เช้า ข้าแสบแก้วหูไปหมดแล้วนะ” ดานิลสะดุ้งตื่นรวดเร็ว เพราะเจอเสียงกรีดร้องแทรกเข้าโซนประสาทรับรู้ ก่อนจะเห็นร่างของอันนา ขยับออก และหดตัวในผ้าห่มผืนหนา ใบหน้าของเธอนั้นซีดเซียวเพราะพิษไข้ แต่ทว่าดานิลกลับหัวเราะในลำคอ เพราะ ตื่นขึ้นมาก็ได้เจอเรื่องสนุกแล้วสิ

“ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว ทีเมื่อคืนนี้ เจ้าออกจะยั่ว ข้ามากเลยนะ” ดานิลพูดให้หญิงสาวคิดลึกไปไกล

“ฮือๆ ไม่จริง” อันนาสะอื้นไห้ ทั้งเวียนศีรษะ เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนนึกไม่ออกเลย

“หึๆ ไม่เชื่อเหรอ...งั้นมารื้อฟื้นกันใหม่ไหมล่ะ” ดานิลพูดอย่างจริงจังแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาว

“ไม่นะ...ไปให้พ้น ไอ้ปีศาจ...อื้มๆ” ดานิลเกิดอาการหมั่นเขียวขึ้นมาดื้อๆ เพราะว่าหญิงสาวมักต่อว่าตน ราวกับเป็นปีศาจร้าย เขาจึงใช้ริมฝีปากหนาสั่งสอน จูบรับอรุณสวัสดียามเช้าอย่างหนักหน่วง...แม้ลิ้นเล็กฝ่ายหญิงพยายามปัดหนี แต่ก็แพ้ภัยความอ่อนแอของตนเอง และตอกย้ำความเป็นเจ้าของอันแท้จริง...ว่าเธอนั้น ตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม

“หึๆ” ดานิลออกจะสะใจอย่างมาก เมื่อได้กลั่นแกล้งหญิงสาววัยน้อย ทั้งๆ ที่ เมื่อคืนเขาออกจะอ่อนโยนกับเธอมากแค่ไหน

ปัง!

“ท่านดานิลคะ ท่านกลับมาตั้งเมื่อไหร่กัน ทำไมทาติน่าถึงไม่ทราบ แล้วนายหญิงเป็นอะไรไปคะ มีคนจากโรงพยาบาลนำยามาส่งให้ด้วยค่ะ” และแน่นอน ผู้ช่วยเหลือของอันนา ได้ปรากฏตัวให้เห็น ทำให้ดานิลเป็นฝ่ายหัวเสียหลายเท่า

“เจ้าเคาะประตูไม่เป็นหรือไง ทาติน่า” ดานิลบ่นให้เมดวัยชรา ที่โผล่เข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรเลยทั้งสิ้น

“คะ...คุณยาย ช่วยด้วย” อันนารีบถลาตัวพาร่างตนเองลุกขึ้นจากเตียง หอบผ้าห่มผืนหนา ไปหาเมดวัยชรา

“นายหญิง! โธ่...โดนท่านดานิล รังแกอีกแล้วหรือคะ” อันนาไม่ได้ตอบอะไร เธอเอาแต่สะอื้นร้องไห้ในอ้อมอกของคนแก่ อันนาไม่รู้หรอกว่าเขารังแกเธออย่างไงบ้าง แค่เธอป่วยไม่สบาย เขายังกล้าใจร้ายกับเธอเหลือเกิน

“น่ารำคาญ พาออกไปได้แล้ว ทาติน่า” เมดทาติน่าแทบค้อนใส่ให้เจ้านาย รังแกสาวน้อยเสร็จ ก็เอ่ยปากไล่ออกจากห้องทันที ไหนบอกว่ารักนักหนา ทำไมไม่ค่อยจะทะนุถนอมบ้างเลยนะ



ดานิลมองตามหลังเมดทาติน่า ก่อนจะเอามือทุบที่นอนตนเอง เพราะเมื่อคืนเขาเผลอปล่อยให้ตัวเอง หลงเข้าไปอยู่อ้อมกอดของเธอ และแผ่ความอบอุ่นของร่างกายให้กับหญิงสาวที่หนาวเหน็บ ได้รู้สึกว่าผ่อนคลายจนไร้กังวล

“ข้าต้องรออีกนานแค่นานไหน...กว่านางจะหาหัวใจของข้าพบ” ดานิลเก็บกดกับความรู้สึกอันรุนแรงนี้ต่อไปแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว การรอคอย...อย่างยาวนาน มันควรจะจบลงได้เสียที ตลอดสองร้อยหกสิบปีที่ผ่านมา เขาอยากรู้ความจริงนัก ว่าหญิงสาวทรมานเขาเอาไว้แบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน



ณ หมู่บ้านริมทะเลดำ

“บัดซบ” มาร์ตินนี่ สเปโร่ คำรามลั่น เมื่อเป้าหมายที่เขาตามอยู่นั้น กลับไม่มีตัวตน ไม่รู้ด้วยว่าหายหัวไปไหน มีเพียงนายวอนก้าขับรถมาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าตามลำพัง โดยไม่มีคนเจ้านายอยู่ในรถคันดังกล่าว พอรถสปอร์ตสีฟ้าถอยหลังแล่นกลับออกไป วอนก้าจึงโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังเจ้านายตนเอง

“อืม นายกลับมาได้แล้ว วอนก้า ตอนนี้ ฉันอยู่ที่คฤหาสน์แล้ว” วอนก้าขานรับอย่างงุนงง เจ้านายของเขากลับไปยังคฤหาสน์แล้วหรือเนี่ย วอนก้าก็เป็นอีกหลายๆ คน ที่อยากรู้ปริศนาของตระกูลวาดิน อเล็กซานดรูว์ แต่เมื่อถ้าได้รับรู้แล้ว เขาจะขอคุ้มครองความลับเหล่านี้ไว้ จนวันตายเชียวแหละ



“นอนพักให้มากๆ นะคะ นายหญิง เฮ้อ...อากาศติดลบแบบนี้ ท่านดานิล คิดอย่างไงเนี่ย ถึงพาไปเล่นน้ำทะเล” อันนาอยากจะบอกว่า เธอเป็นคนกระโดดลงเองต่างหาก แต่ปล่อยให้เมดวัยชราเข้าใจผิดอย่างนี้ดีกว่า เธออยากให้คุณยายมองนายมิสเตอร์ดานิลว่าเป็นคนจิตใจร้ายบ้าง

ดานิลยืนกอดอกแกร่งอยู่หน้าห้องนอนของหญิงสาว หลังจากเอ่ยไล่ แต่สุดท้าย เขากลับเป็นคนอยากอยู่ใกล้ๆ เธอ เจ้าแมวเรเวนเดินคอเคียไปมา บริเวณระหว่างขาของเจ้านาย ดานิลจึงเอามือมาลูบหัวมัน ก่อนจะเอ่ยพูดว่า

“เข้าไปดูแลนางด้วย เรเวน” มันรับรู้ ดานิลจึงเคาะประตูให้เมดทาติน่ามาเปิด หญิงวัยชราเห็นก็อมยิ้ม ก่อนจะพาเจ้าแมวเรเวนเมาอยู่เป็นเพื่อนนายหญิงของคฤหาสน์

“ทำไมท่านถึงใช้เจ้าเรเวน ไปดูแลนายหญิงละคะ หึๆ คนอะไรปากไม่ตรงกับหัวใจ” เมดวัยชราถาม เมื่อออกมาพบเจ้านายหนุ่มในห้องทำงาน

“ทาติน่า วางกาแฟเอาไว้แล้ว อยากไปไหนก็ไปเลย” ดานิลมีอาการหงุดหงิดให้เมดวัยชรา แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะจากคนวัยแก่ได้มากพอสมควร

“ถ้าถึงเวลาของท่านเมื่อไหร่ ข้าจะเอาคืนให้ได้เลย คอยดูสิ” ดานิลยังคาดแค้นเอาไว้อีกด้วย

“ว้ายๆ ทาติน่า คงไม่มีวาสนาหรอกค่ะ แก่จนจะลงโลงอยู่แล้ว ขอเป็นโสดต่อไปดีกว่า คิกๆ” เมดวัยชรา ทำตัวร่าเริงกับชีวิตวัยที่เหลือของตน

“หึๆ อนาคตมันไม่แน่นอน เคยได้ไหม ทาติน่า” ดานิลกลับเอ่ยบอก...ให้ทาติน่าแปลกใจ จนคิวย่นเป็นกังวล

“เคยได้ยินค่ะ” เมดทาติน่าแค่ยักไหล่ราวกับไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แล้วก็ถือทานของว่างที่จัดแจงหมดแล้ว ออกจากห้องทำงานของเจ้านายวัยใหญ่ไป

“อนาคตมันไม่แน่นอน อืม...ใช่สินะ หวังว่า อันนาคงจะคิดได้ เมื่อถึงเวลานั้น” ดานิลพึมพำกับตนเองอีกแล้ว ช่วงนี้เขาคงโดนรอยตราอัคคี เล่นงานบ่อยเหลือเกิน...ความร้อนรุ่มและแรงถวิลหา...แทบมโนเป็นภาพเพ้อฝันอันอบอุ่นในหัวใจ และอันนา คือ คนที่เขาเลือก และไม่ยอมยกให้ชายอื่นเด็ดขาด

เสียงครางสะลืมสะลือ พลิกตัวไปมาอย่างช้าๆ ก่อนจะสะดุ้งตัวตื่น ด้วยเพราะว่ามีตัวอะไรนุ่นนิ่มทับตัวเธอเอาไว้

“ว้าย! เรเวน” อันนาร้องตกใจ เมื่อเจ้าแมวเรเวนมานอนอยู่ข้างๆ บนเตียงนอน และมันได้กระโดดหนี เพราะเจอแรงปัดจากหญิงสาว ก่อนจะส่งเสียงเสียงขู่ฟ่อๆ ราวกับไม่พอใจอย่างยิ่ง

“ขะ...ขอโทษ...ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันนึกว่า...เป็นเจ้านายของแก” อันนาเผลอคิดถึงเขา...เจ้าแมวเรเวนค้อนอย่างไม่สนใจหญิงสาวอีกแล้ว มันเดินไปหามุมอื่นๆ นอนดีกว่า

อันนาสำรวจร่างกายตนเอง จึงพบว่าได้อยู่ในชุดนอน แล้วก็ต้องโล่งอกหายใจสะดวกขึ้น เพราะเธอไม่อยากอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เมื่อตื่นขึ้นมา

“เราหลับไปนาน แค่ไหนเนี่ย” การตื่นขึ้นในรอบนี้ บ่งบอกว่าสภาพอากาศไม่ได้สดใสเหมือนวันที่ผ่านมาเลย ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีครึ้มๆ อีกแล้ว เธอรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวกับอุณหภูมิของที่นี่นัก

“นานพอ...จนเจ้าหายป่วยได้เลยแหละ อันนาที่รัก” แค่ได้ยินเสียงทุ้มนี้กระซิบที่ข้างหู ร่างกายอันนาแทบแข็งทื่อเป็นหิน ก่อนจะถูกสวมกอดจากด้านหลัง...อย่างไม่ทันตั้งตัว

“ปล่อยนะ...” มือเล็กๆ พยายามแกะวงแขนแกร่งหนาที่โอบรัดคุกคามตัวเธออย่างถือสิทธิ์ตามชอบธรรม

“ข้ากอดแค่นี้ ทำเป็นหวงตัวอีกแล้วนะ อันนา ทีคืนนั้น เจ้าแทบกอดข้าไม่ปล่อยเลยนะ หึๆ”

‘ไม่จริงหรอก’ อันนาค้านเสียงอยู่ในใจ ทว่าชายหนุ่มกลับล่วงรู้และได้ยิน

“จริงสิ ที่รัก” ดานิลกำลังสนุกกับการแกล้งหญิงสาวอีกแล้ว เขาพึงพอใจอย่างมาก

“ได้โปรด...ปล่อยฉันเถอะ...ค่ะ” อันนาเอ่ยวิงวอน ก่อนน้ำตาจะไหลรินอาบแก้ม ด้วยความหวาดหวั่น ผู้ชายที่ได้ครอบครองเรือนร่างของเธอ...เป็นคนแรกและอาจจะเป็นคนเดียวตลอดชีวิต เพราะเขาได้กำหนดเส้นทางชีวิตเอาไว้ให้เธออยู่แล้วเกือบทุกวัน

เฮือก! อันนาสะดุ้งตื่นนอนกลางดึก...ทั้งน้ำตา...ความฝันอย่างั้นเหรอ...การถูกสัมผัสเมื่อครู่มันเป็นเพีบงภาพความเพ้อฝันจริงๆ หรือเนี่ย ทว่าน้ำเสียงทุ้มของเขานั้นช่างอ่อนโยน...จนทำให้หัวใจของเธอเต้นกระตุกอย่างรุนแรง แม้แต่ยามตื่นเสียงหัวใจของยังคงเต้นผิดปกตินัก เขากำลังทำอะไรกับความรู้สึกของเธอกันแน่

ด้านฝั่งของดานิลนั้น ได้หายใจระรัวถี่ยิบกับภาพที่ถูกดึงด้วยรอยตราอัคคีแห่งเพลิงสิเน่หา มันกำลังกัดกินร่างกายเขาจนห้ามไม่ได้ และนี่คือผลข้างเคียงของมันสินะ ทว่าอ้อมกอดจากหญิงสาวแห่งชวนฝันเมื่อครู่นั้น ช่างทำให้เขารู้สึกเปี่ยมสุขยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สักวันหนึ่ง เขาจะต้องครอบครองเธอให้จงได้

โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 7 สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น



“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ผมชื่อ มาร์ตินนี่ สเปโร่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“อันนาค่ะ อันนา วรเวช ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มี.ค. 2557, 14:22:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มี.ค. 2557, 13:56:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1648





<< บทที่ 5 หัวใจที่กรีดร้อง...   บทที่ 7 สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account