ใต้ร่มดอกรัก
ปฏิบัติการตามล่าหา "ผู้ชายในฝัน"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ร...เริ่ม

ใต้ร่มดอกรัก
6
ร...เริ่ม

“คุณการัณย์ !”

ไอยเรศอุทานเสียงหลงตะลึงมองชายหนุ่มซึ่งเดินตรงมาสีหน้าบูดบึ้งของเขาไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เมื่อเดินมาถึงโดยไม่เอ่ยคำใดมือใหญ่ก็คว้าหยิบกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวที่ยังคงยืนนิ่งอ้าปากค้างอย่างถือวิสาสะก่อนหันกลับไปโยนกระเป๋าใส่กระบะท้ายรถอย่างไม่เกรงใจเจ้าของซึ่งแม้จะเดินตามมา แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนสงสัย

“คุณ...” คำเรียกค้างอยู่เพียงเท่านั้น เพราะชายหนุ่มเดินมาเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสาร

“เชิญ!” น้ำเสียงห้วนห้าวไม่ต่างจากสีหน้า ไอยเรศซึ่งอยู่ในความสงสัยได้แต่ก้าวขึ้นนั่งอย่างงง ๆ สะดุ้งน้อย ๆ เมื่อชายหนุ่มกระแทกประตูปิดดังปึง ได้แต่ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดและรอจนชายหนุ่มนั่งประจำที่คนขับและพารถเคลื่อนผ่านการจราจรค่อนข้างจอแจในตัวเมืองจนรถเริ่มบางตาแล้ว หญิงสาวจึงกระแอมเรียกความสนใจ

“อะแฮ่ม...เอ่อ...จริง ๆ ฉันว่าจะไปรีสอร์ทตามกำหนดเดิมนั่นแหละค่ะ แต่คือ...อยากมาดูนั่นดูนี่ก่อน อีกอย่างวันนี้ฉันนัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปค้างด้วย...แต่แบบว่า....เพื่อนติดธุระยังมารับไม่ได้ก็เลยว่าจะไปเองน่ะค่ะ...เอ่อ...ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันจะมาวันนี้ ?” หล่อนก็ว่าเสียงอ่อนเสียงหวานพอใช้ได้ แต่ทำไมคนขับเพียงแค่ปรายตามองอย่างขุ่นเคืองเสียก็ไม่รู้

“ผีมาเข้าฝันบอกมั้ง !!” คำตอบนั้นเล่นเอาคนฟังสะดุ้งเฮือกส่งตาตื่น ๆ มองคนพูด เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างซึ่งเกลื่อนไปด้วยความหงุดหงิดก็พอเดาออกว่า...โดนประชดเข้าเต็ม ๆ

“ถ้าคราวหน้าผีมาอีกอย่าลืมขอหวยนะคุณ” หญิงสาวบอกกลั้วยิ้ม “แล้วอย่าลืมบอกฉันด้วยนะ ถึงไม่เคยซื้อก็จะซื้อเป็นครั้งแรก เผื่อถูก” พูดจบก็หัวเราะคิกคักเห็นอีกฝ่ายยังเงียบจึงปรายตามอง ใบหน้าบูดบึ้งของชายหนุ่มทำให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหล่อนแผ่วลงแทบจะทันที

“ไม่ตลก” เขาบอกห้วน ๆ หลังจากเสียงคิกคักของหญิงสาวหายไป “ถ้าผมไม่บังเอิญโทรไปถามคุณไอซ์เรื่องอุปกรณ์ที่จำเป็น คงยังไม่ทราบว่าคุณเดินทางมาแล้ว...มาก่อนกำหนดด้วย !” ท้ายประโยคชายหนุ่มลงเสียงหนักเป็นพิเศษ

“ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันจะไปรีสอร์ทตามกำหนดเดิม” ไอยเรศย้ำคำตอบความตื่นเต้นจากการพบชายหนุ่มลดหายไปกว่าครึ่งเมื่อเห็นแววไม่เป็นมิตรของเขา หล่อนเองก็เริ่มอารมณ์กรุ่นบ้างเหมือนกัน “ฉันมาก่อนแต่ไม่แจ้ง...ฉันผิดตรงไหน ?” หญิงสาวถามตีรวน

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นขณะที่ทางคุณไอซ์เข้าใจว่าคุณอยู่ที่รีสอร์ทผม ผมก็เสียเครดิตสิ” น้ำเสียงของชายหนุ่มยังคงขุ่นมัว ไอยเรศได้แต่ตวัดตามองค้อน

“พี่ฉันเขาก็รู้ว่าฉันมาก่อน และเขาก็รู้จักฉันดีว่าเอาตัวรอดได้ ตายยาก เพราะฉะนั้นถึงจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็คงไม่กล่าวหาคุณให้เสียเครดิตหรอก...ตอนแรกฉันว่าจะแวะไปยลรีสอร์ทคุณก่อนแต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว เอาไว้เจอตามหมายกำหนดที่คุณต้องการเถอะ คุณจอดรถแถวนี้แหละ เดี๋ยวฉันโทรบอกเพื่อนให้มารับ” พูดพลางคว้าหยิบกระเป๋าถือ อีกมือก็ปลดล็อกสายเข็มขัดนิรภัย ทั้งถ้อยคำใจความประโยคของหล่อนชายหนุ่มคนขับเพียงฟังเงียบ ๆ ขับรถด้วยความเร็วระดับเดิมไม่มีทีท่าว่าจะจอด ครู่ใหญ่จึงเหลือบตามองผู้โดยสารซึ่งตอนนี้ค้นกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กำลังจะกดหมายเลขมือใหญ่ของคนขับก็คว้าดึงไปเก็บในช่องเก็บของข้างประตูรถฝั่งเขาเสียก่อน

“เฮ้ย ! คุณ !” ไอยเรศอุทานอย่างตกใจระคนไม่พอใจ เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างนิ่งเฉยของคนขับแล้วก็ได้แต่หงุดหงิด ร่องรอยไม่พอใจบนสีหน้านั้นเลือนไปแล้ว อาจเพราะฉุกคิดได้จากคำพูดหล่อนเมื่อครู่ และดูเหมือนว่าเจ้าความไม่พอใจนั้นมันจะย้ายข้างมาอยู่ฝั่งหล่อนเสียแล้ว “เอาของฉันคืนมา !”

“ไปถึงสงบสุขแล้วจะคืน ไม่ต้องโทรบอกเพื่อนคุณหรอก ไหน ๆ เรื่องก็จะจบลงที่คุณมาพักกับผมจะต้องเสียเวลาขนข้าวของทำไมให้ยุ่งยาก” การัณย์บอกเรียบ ๆ

“ที่ยุ่งยากน่ะมันคุณมากกว่ามั้ง ?!” หญิงสาวโวยวาย

“มันคงไม่ยุ่ง...ถ้าคุณไอซ์จะบอกผมสักหน่อยว่าคนที่จะมาสร้างเรือนกล้วยไม้ให้ผม...เป็นคุณ” คำย้อนกลับเจือแววตำหนิ แต่คนฟังกลับควันออกหู

“ทำไม ?! เป็นฉันแล้วจะทำไมมิทราบ ?!” คำถามตึงทั้งเสียงและหน้า

“ก็เป็นผู้หญิง” ชายหนุ่มตอบพลางไหวไหล่ ครั้งนี้หญิงสาวดีดตัวจากเบาะนั่งเอียงข้างไปมองคนขับอย่างเอาเรื่อง

“ผู้หญิงแล้วไง !!” การัณย์เหลือบมองกิริยาฉุนเฉียวของหญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยคำ

“คุณไอซ์ไม่ได้แจ้งว่าใครจะมา ผมเองก็ไม่ได้ถามก่อนแต่ก็เดาเอาเองว่าคนที่จะมาดูแลการสร้างโรงเรือนให้ผมน่าจะเป็นผู้ชาย พอทราบเมื่อเช้าว่าเป็นคุณผมก็เลยต้องปรับเปลี่ยนที่พักให้เหมาะสม วันนี้อาจจะฉุกละหุกหน่อยแต่ผมรับรองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยไม่เกินพรุ่งนี้” คำอธิบายของเขาทำให้ไอยเรศคลายสีหน้าขุ่นเคืองลงได้บ้าง หญิงสาวเอนหลังพิงเบาะเช่นเคยก่อนพึมพำ

“แล้วไป นึกว่าเห็นเป็นผู้หญิงแล้วจะทำอะไรเหยาะแหยะ”

“ผมไม่คิดว่าคุณเหยาะแหยะหรอก ตอนไปที่สวนกล้วยไม้คราวนั้นอาจารย์กับคุณไอซ์ก็บอกว่าทั้งสวนนั่นฝีมือคุณ” เขาบอก หญิงสาวกอดอกอมยิ้มพยักหน้ารับคำคล้ายชมอย่างภาคภูมิ

“อย่าเพิ่งชมฉันเลย ให้ทุกอย่างเป็นรูปเป็นร่างก่อนค่อยชมตอนนั้นก็ไม่สาย” หล่อนว่าอวด ๆ

“ผมก็ยังไม่คิดจะชมตอนนี้หรอก” ชายหนุ่มบอกทื่อ ๆ

“แรง” หญิงสาวพึมพำต่อคำของเขา มองคนขับไม่เห็นท่าทีจะชวนคุยอะไรอีกจึงเลือกหันมองทิวทัศน์ข้างทาง ไม่นานนักเสียงทุ้ม ๆ ก็ดังมาอีกครั้ง

“คาดเข็มขัดด้วย เดี๋ยวเจอควาย” หญิงสาวสะดุ้งกับคำเน้นท้ายประโยค มือปฏิบัติตามขณะสายตาหันมองคนพูดอย่างสงสัย เสี้ยวหน้าที่เห็นยังเรียบนิ่งจนยากจะบอกได้ว่าเมื่อครู่หล่อนถูกประชดหรือไม่ “เย็นแล้ว วัวควายเข้าคอกเผื่อเบรกกะทันหันจะได้ไม่หน้าทิ่ม” เขาอธิบายต่อ ผู้โดยสารพยักหน้ารับหงึกหงักพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาปฏิบัติการตามคำสั่งของคนขับก่อนหันไปมองทิวทัศน์ข้างทางเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีท่าทีชวนคุย

ทัศนียภาพข้างทางเริ่มเข้าสู่ป่าเขา ต้นไม้ร่มครึ้ม ผ่านป่าโปร่งบางระยะ ถนนค่อนข้างโล่งนาน ๆ จะมีรถยนต์ขับสวนมาสักคัน พักใหญ่ต่อมาคนขับก็ชะลอรถเลี้ยวเข้าทางแยกซึ่งมีป้ายบอกชื่อรีสอร์ทสงบสุขโดดเด่นอยู่เพียงป้ายเดียว จากถนนใหญ่ผ่านถนนคอนกรีต ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ สองสามหมู่บ้านก่อนรถจะเคลื่อนเข้าสู่ถนนโรยกรวดค่อนข้างคดเคี้ยว รถเคลื่อนช้าทว่าคล่องแคล่ว ตลอดทางมีป้ายชี้บอกเป็นระยะ ลักษณะของป้ายค่อนข้างใหม่พอจะเดาได้ว่าน่าจะได้รับการปรับปรุงเมื่อไม่นานมานี้ ครู่ใหญ่ป้ายไม้แกะสลักระบุชื่อรีสอร์ทสงบสุขก็ปรากฏโดดเด่นเนื้อไม้ดูเหมือนจะผ่านช่วงเวลามาพอสมควรเมื่อรถขับผ่านเข้าสู่บริเวณรีสอร์ท ไอยเรศซึ่งตื่นตามาตลอดทางก็เผลออุทานเบา ๆ

บ้านไม้สองชั้นใต้ถุนสูงโล่งหลังใหญ่ โดดเด่นสะดุดตา บริเวณใต้ถุนปูด้วยกระเบื้องสีเหลืองนวล บริเวณกลางลานใต้ถุนมีเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม มองเลยไปยังบนบ้านซึ่งเป็นโกงกว้างครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งถูกกันไว้คล้ายเป็นห้องพัก ยืนสังเกตอยู่ไม่นานพนักงานแต่งกายในชุดเสื้อยืดคอโปโลสีเขียวก็เดินตรงมาหาท่าทีนอบน้อมมองชายหนุ่มสลับกับหญิงสาวอย่างสนใจ

“ตอนคุณรัณย์ไม่อยู่ คุณท่านโทรศัพท์มาครับ เห็นว่าโทรเข้ามือถือแล้วคุณรัณย์ไม่รับ”

“ลืมหยิบมือถือไป...แล้วว่าไงล่ะ ?” ชายหนุ่มถามอย่างไม่ใส่ใจ

“พอบอกว่าคุณรัณย์ไม่อยู่ท่านเลยให้เรียนว่าให้คุณรัณย์โทรกลับด้วยครับ” การัณย์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนหันมาทางหญิงสาว “รอตรงนี้สักครู่ เดี๋ยวผมมา” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบรับ ชายหนุ่มก็เดินดุ่มจากไปทางท้ายเรือนพร้อมกวักมือเรียกคนงานหนุ่มให้เดินตาม ไอยเรศได้แต่ยิ้มค้าง หญิงสาวบ่นพึมพำไล่หลังก่อนจะส่งสายตาสำรวจบรรยากาศต่อไป

บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังเล็กปลูกกระจายเป็นระยะรายรอบเรือนไม้หลังใหญ่ มีต้นไม้ร่มครึ้มปลูกคั่นระหว่างบ้านเพิ่มความเป็นส่วนตัว หน้าบ้านแต่ละหลังมีแผ่นหินวางเว้นระยะเรียงเป็นทางเดิน บ้างมุ่งตรงมายังเรือนหลังใหญ่ บ้างแยกสายไปหลังอื่น ๆ หรือไปจุดชมวิวซึ่งทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ บ้านแต่ละหลังปลูกสร้างแตกต่างกัน บางหลังเป็นบ้านปูนธรรมดา บางหลังเป็นเรือนไม้ยกพื้นสูง บางหลังเป็นบ้านหลังคามุงแฝก เรียกได้ว่ามีบ้านพักหลายแบบตอบสนองความต้องการของคนมาพักได้เต็มที่ ไอยเรศมองบ้านพักแต่ละหลังแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้...หล่อนรู้สึกถูกใจอย่างบอกไม่ถูก...ถูกใจจนถึงขั้นมองบ้านพักแล้วเห็นภาพกล้วยไม้แต่ละสายพันธุ์บานสะพรั่งอยู่เลยทีเดียว

เมื่อมองกวาดสายตารอบบริเวณที่พักแล้ว ไอยเรศก็สังเกตเห็นว่าเยื้องกับสวนหย่อมซึ่งมีป้ายหินสลักชื่อรีสอร์ทล้อมรอบด้วยไม้ดอกไม้ประดับจัดตกแต่งพุ่มใบให้สวยงาม มีสิ่งก่อสร้างคล้ายจะเคยเป็นโรงเรือนมาก่อน หญิงสาวนึกคาดเดาว่านั่นน่าจะเป็นจุดซึ่งเจ้าของรีสอร์ทอยากปรับปรุงให้สวยงามสมบูรณ์แบบ มีกระถางเก่าวางระเกะระกะพอให้มอเห็นอยู่หน้าโรงเรือนตอกย้ำความเข้าใจของหล่อนให้มั่นใจยิ่งขึ้น คิดเองเออเองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ สภาพพื้นที่นั้นไม่เหมาะกับการสร้างโรงเรือนกล้วยไม้เอาเสียเลย หากเจ้าของต้องการปรับปรุงในพื้นที่เดิม คงต้องมีการงัดข้อกับหล่อนเป็นแน่แท้

“สวัสดีครับ” คำทักทายนั้นปลุกไอยเรศให้ตื่นจากภวังค์คิด หญิงสาวหันกลับมายังต้นเสียง ชายหนุ่มร่างผอมสูงคนหนึ่งยืนยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีอ่อนเก็บชายไว้ในกางเกงแสลคสีเทา แถมรองเท้าหนังมันปลาบ ท่าทีคุ้นเคยกับสถานที่ไม่เหมือนแขกทั่วไปทำให้ไอยเรศนึกเดาว่าชายหนุ่มน่าจะเป็นบุคคลสำคัญของรีสอร์ท

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวตอบรับ ค้อมศีรษะเล็กน้อยพอเป็นพิธีเพราะดูจากใบหน้าของอีกฝ่ายแล้ว อายุน่าจะไม่มากไม่น้อยไปกว่าหล่อนนัก

“รีสอร์ทสงบสุขยินดีต้อนรับนะครับ ไม่ทราบว่าคุณได้จองที่พักไว้ไหมครับ ?” คำถามพร้อมรอยยิ้มนั้นพลอยทำให้ไอยเรศยิ้มตอบ

“คือ...ยังไงดีล่ะ...คือ...ฉันจะมาทำเรือนกล้วยไม้น่ะค่ะ” หญิงสาวอธิบาย รอยยิ้มของชายหนุ่มตรงหน้ากระตุกไปแวบหนึ่งพอจับสังเกตุได้ ดวงตาวาบแววสีหน้าครุ่นคิดก่อนพยักหน้ารับ

“อ๋อ คุณนั่นเอง...เอ๊ะ ? ที่ผมทราบคุณต้องมาสัปดาห์หน้าไม่ใช่หรือครับ ?” เขาถามอย่างสงสัย ไอยเรศยิ้มรับเรี่ย ๆ

“คือ...พอดีฉันว่างอยากมาก่อนน่ะค่ะ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับอีกครั้ง สีหน้าคลายสงสัย

“ถ้าอย่างนั้นก็...ยินดีต้อนรับนะครับ ผมโมทนา ผู้จัดการของที่นี่ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวพลางค้อมศีรษะ

“ยินดีค่ะ ฉันไอยเรศ เรียกอายก็ได้ค่ะ” ไอยเรศตอบรับด้วยกิริยาเดียวกัน

“โอ๊ะ ? ชื่อเดียวกับสวนกล้วยไม้ไอยเรศเลยนะครับ” โมทนาว่ากลั้วยิ้ม

“ฉันเกิดตอนเริ่มทำกล้วยไม้พอดี พ่อเลยเอาชื่อไปใช้เป็นอนุสรณ์ค่ะ”

“ทราบตอนแรกว่าสวนไอยเรศจะส่งคนมาช่วย ผมนึกว่าคนที่มาจะ...เอ่อ...เป็นผู้ชายเสียอีก” เขาบอกพลางยิ้มเก้อ ๆ ไอยเรศไหวไหล่ก่อนตอบ

“ฉันก็ทำได้ไม่แพ้ผู้ชายค่ะ” อาจเป็นเพราะน้ำเสียงและสีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปจาก่อนหน้านั้น โมทนาจึงรีบละล่ำละลัก

“ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอกนะครับ แต่ตอนได้ยินนายรัณย์เขาบอก เราก็คิดว่าคนที่จะมาดูแลการสร้างโรงเรือนน่าจะเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง นายรัณย์ถึงขั้นจัดห้องพักใกล้กับห้องเขาไว้รอเลยนะครับ ถึงว่าเมื่อเช้าสั่งให้แม่บ้านทำความสะอาดบ้านไม้แถมให้หาข้าวของเครื่องใช้ไปเสริมด้วย เพราะคนที่มาเป็นคุณอายนี่เอง” ไอยเรศหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยิน หญิงสาวครุ่นคิดถึงท่าทีของชายหนุ่มผู้ถูกเอ่ยถึง...มิน่า...พอรู้ว่าเป็นหล่อนเขาถึงได้หงุดหงิดนัก เพราะเรื่องจัดห้องพักนี่เอง หญิงสาวอมยิ้มเมื่อคิดต่อ...จะบอกเขาว่าไม่ต้องเปลี่ยนห้อง เขาจะยอมรับไหมนะ ?

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ เดี๋ยวจะทำให้ดูค่ะว่าผู้หญิงก็ทำได้ดี อย่ากังวลเลยคุณ” ไอยเรศว่าอย่างอารมณ์ดี โมทนาถอนหายใจเมื่อเห็นอารมณ์หญิงสาวเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นก่อนเขาจะเอ่ยถามต่อเมื่อนึกขึ้นได้

“ว่าแต่ คุณอายมาถึงรีสอร์ทได้ยังไงครับ ?”

“ฉันเป็นคนไปรับมาเอง” คนตอบคำถามของโมทนาก้าวเข้ามาร่วมวงสนทนา ในมือมีกุญแจพวงเล็กยื่นส่งให้หญิงสาวซึ่งรับมาถืออย่างงง ๆ “รู้จักกันแล้วสินะ” เขาถามต่อ พยักพเยิดไปยังทั้งคู่โมทนายิ้มรับ

“รู้จักแล้ว กำลังถามคุณอายว่ามาถึงรีสอร์ทเราได้ยังไง ทางเข้าลึกอย่างนี้ถ้าไม่โทรติดต่อให้คนของเราไปรับ มาไม่ถูกแน่ ๆ ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าต้องไปรับคุณอายวันนี้ ?” ท้ายประโยคเขาหันไปถามชายหนุ่มอีกคนซึ่งปรายตามองหญิงสาวคนข้าง ๆ ก่อนตอบ

“โทรไปหาคุณไอซ์เลยรู้” การัณย์บอกสั้น ๆ ก่อนหันมาทางหญิงสาว “กุญแจห้องพัก อยู่ก่อนชั่วคราวพรุ่งนี้บ้านพักคงเรียบร้อยให้เข้าอยู่ได้ ตอนนี้ผมให้คนยกกระเป๋าคุณไปไว้ที่ห้องพักแล้ว...แล้วนี่...มือถือคุณ” ท้ายประโยคชายหนุ่มเอ่ยพร้อมส่งโทรศัพท์มือถือให้ ไอยเรศรีบคว้าราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจริบของหล่อนไว้ หญิงสาวอดมองส่งค้อนให้คนหน้าเฉยไม่ได้

“ท่านโทรมา เห็นว่ามีเรื่องจะคุย อย่าลืมโทรหาท่านนะ” โมทนาเอ่ยขัดบรรยากาศแปลก ๆ นั้น การัณย์พยักหน้ารับเนือย ๆ ก่อนตอบว่า

“เดี๋ยวโทร จะไปดูงานก่อน...พักตามสบายนะคุณ อาหารเย็นเริ่มตอนหกโมงเย็นเชิญที่ห้องอาหารหรือจะสั่งให้ไปส่งที่ห้องก็ได้ตามสะดวก แล้วค่อยคุยกันเรื่องโรงเรือน” พูดจบเขาก็ไม่รอให้หญิงสาวได้ตอบรับหรือปฏิเสธเช่นเคย ชายหนุ่มหมุนตัวเดินจากไป ไอยเรศได้แต่มองร่างสูงใหญ่เดินขึ้นบันไดหายไปจากคลองสายตา หญิงสาวขยับพวงกุญแจในมือมองค้อนสิ่งไม่มีชีวิตคล้ายจะส่งให้ถึงคนเมื่อครู่

“อย่าถือสาหมอนี่เลยนะครับ เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว” โมทนาเอ่ยกลั้วยิ้ม “มาครับผมจะพาไปห้องพัก” เขาว่าพลางผายมือเชื้อเชิญ หญิงสาวพยักหน้ายิ้มรับก่อนออกเดินตามชายหนุ่ม

“ที่นี่สร้างมานานหรือยังคะ ?” ไอยเรศชวนคุยระหว่างเดิน หล่องมองบรรยากาศภายในรีสอร์ทแล้วเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ชนิดที่หล่อนเองยังหาสาเหตุไม่ได้

“ถ้านับจาการำแบบจริงจังปีนี้ก็ย่างเข้าปีที่ห้าแล้วครับ แต่ถ้านับตั้งแต่เริ่มมีรีสอร์ทแบบเล่น ๆ สนุก ๆ มาจนถึงตอนนี้ก็ราว ๆ สิบปีเห็นจะได้ครับ”

“โห...ทำเล่น ๆ นานจังค่ะ” หล่อนเย้าตาโต โมทนาไหวไหล่ มุมปากเหยียดแวบหนึ่งก่อนตอบ

“คนมีเงินทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอกครับ” ไอยเรศอดเหลือบมองคนพูดไม่ได้ ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าจับสังเกตได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง

“คุณโมทนาทำงานที่นี่มานานแล้วสิคะ”

“ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่จำความได้ครับ” คำตอบของชายหนุ่ม ไอยเรศได้แต่ห่อปากพยักหน้ารับหงึกหงัก “ถ้าคุณอายอยากไปเที่ยวที่ไหนแถวนี้เป็นพิเศษบอกผมได้นะครับ นอกจากจะแนะนำได้แล้วเผลอ ๆ ผมอาจพาเที่ยวได้ด้วย” โมทนาชวนคุยต่อ

“ขอฉันทำงานให้เสร็จก่อนก็แล้วกันค่ะ เรื่องเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ “ว่าแต่...ตรงไหนคะที่จะให้ฉันทำโรงเรือนกล้วยไม้ ?”

“อย่าเพิ่งไฟแรงเลยครับ” โมทนาเอ่ยกลั้วหัวเราะ “เพิ่งมาถึง ผมว่าพักผ่อนให้สบายใจก่อนดีกว่าผมรับรองว่าพรุ่งนี้คุณอายได้เห็นสถานที่แน่ ๆ” เขาว่าพร้อมหยุดเดินหน้าบ้านหลังเล็ก หลังคาเป็นทรงโค้งมนระบายสีสดใสมองไกล ๆ เหมือนเห็ดดอกใหญ่ “ถึงแล้วครับที่พักสำหรับคืนนี้ของคุณ” เขาว่าพลางผายมือ ไอยเรศอ้าปากค้างกับบ้านหลังน่ารักตรงหน้า

“โอ้โห ! ฉันว่าบ้านตรงทางเข้าน่ารักแล้วนะ หลังนี้เหมือนบ้านคนแคระในเรื่องสโนไวท์เลย !” โมทนาหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีตื่นเต้นของหญิงสาวก่อนเอ่ยว่า

“จริง ๆ แล้วหลังนี้สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กมาด้วยครับ แต่...เหลือหลังนี้ที่ว่างสำหรับคืนนี้ครับ หวังว่าบ้านเห็ดคงพอทำให้คุณอายหลับพักผ่อนได้เต็มที่นะครับ” ไอยเรศพยักหน้ารับเร็ว ๆ ก่อนเดินไปใช้กุญแจในมือไขเปิดเข้าบ้าน หญิงสาวหันมาขอบคุณคนเดินมาส่งซึ่งค้อมศีรษะรับก่อนเดินจากไป รอจนชายหนุ่มเดินลับสายตาไปแล้วจึงหันกลับเข้าบ้านพักพร้อมปิดประตู

ไอยเรศสำรวจห้องพักแสนน่ารักตกแต่งด้วยสีลูกกวาดออกแนวหวาน ๆ อย่างชอบใจ หญิงสาวเปิดกระเป๋าซึ่งวางอยู่กลางห้องหยิบเสื้อผ้าออกมาหวังอาบน้ำผลัดเปลี่ยน แต่นึกขึ้นได้ว่าต้องโทรรายงานทางบ้าน แม่และพี่ชายมีน้ำเสียงโล่งใจเมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ได้ไปพักกับรุ่นพี่แต่มาอยู่ที่รีสอร์ทสงบสุขแทน หญิงสาวตอบรับคำห่วงใยด้วยรอยยิ้มก่อนวางสาย ไม่ลืมจะโทรศัพท์หารุ่นพี่ซึ่งเข้าอกเข้าใจสถานการณ์และยอมรับการตัดสินใจของหล่อนเป็นอย่างดี ไอยเรศวางโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกสบายใจก่อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สดชื่นสบายตัว

แรกทีเดียวหญิงสาวตั้งใจจะออกไปเดินเล่นก่อนถึงเวลาอาหารเย็นแต่เมื่อมองเห็นอากาศเริ่มขมุกขมัว แสงแห่งวันเริ่มโรยราจึงเปลี่ยนใจ โทรศัพท์สั่งอาหารจากเบอร์ที่ติดอยู่ข้างโทรศัพท์ นั่งรออยู่ไม่นานอาหารก็มาส่ง รสชาติอาหารอร่อยจนหล่อนกินเกลี้ยงจาน หลังนำจานไปวางไว้หน้าห้องแล้วก็กลับมาเปิดทีวีดู อากาศเย็นสบายจนไอยเรศเลือกเปิดหน้าต่างรับเอาลมธรรมชาติแทนการเปิดแอร์ มุ้งลวดและเล็กดัดดูแน่นหนาทำให้หล่อนวางใจได้ว่าน่าจะปลอดภัยทั้งจากคนและยุง เอนหลังครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียงไม่นานหญิงสาวก็เริ่มเคลิ้มสุดท้ายก็ไถลตัวลงนอนทั้งที่ไฟยังสว่างและยังไม่ปิดโทรทัศน์




อากาศเย็นสบายชวนสดชื่นยิ่งนัก ทุ่งโล่งกว้างสีเขียวปรากฏทันทีเมื่อลืมตา รอยยิ้มผุดพรายเต็มเรียวปากเมื่อรับรู้ว่าอยู่ ณ สถานที่ใด ต้นไม้ใหญ่โดดเด่นกลางลานกว้างกิ่งเล็กบางกิ่งสั่นไหวตามแรงลมพัดคล้ายดังกวักมือเรียกให้หล่อนเข้าไปหา และหญิงสาวก็ไม่รอช้ารีบวิ่งตรงไปอย่างร่าเริง ความรู้สึกของหล่อนตอนนี้ตื่นเต้นยิ่งนัก อกใจไหวระรัวเมื่อความรู้สึกสุดท้ายในความฝันย้อนมาเยือน...ความอบอุ่นบนหลังมือเหมือนจะผุดวาบให้รู้สึก...คล้ายดังว่าเพิ่งถูกมือของใครคนนั้นสัมผัสอีกครั้ง...

หญิงสาวมาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ แหงนเงยส่งยิ้มตายิบหยีแทนคำทักทาย มือเรียวทาบทับบนเปลือกตะปุ่มตะป่ำราวกับให้ต้นไม้รับรู้ ดอกไม้สีขาวดอกหนึ่งร่วงหล่นมาตรงหน้าเหมือนดังว่าต้นไม้รับรู้การมาของหล่อนแล้ว หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ก้มลงเก็บดอกไม้พร้อมทรุดนั่งเอนหลังเกลือกกลิ้งเปลือกไม้อย่างแสนรัก

“มาไหมน้อ...อยู่ไหมน้อ...คิดถึงจังเลยน้อ” หลังส่งคำถาม มีเพียงเสียงลมพัดแผ่ว เสียงใบไม้เสียดสีเป็นคำตอบ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างผิดหวัง ยกดอกไม้ในมือขึ้นสูดดมกลิ่นหอมเย็น

“มา...อยู่...คิดถึง...ด้วย” เสียงตอบแทรกบรรยากาศทำให้หญิงสาวสะดุ้งจนทำดอกไม้หลุดมือ หล่อนผุดลุกหันหน้าเข้าหาต้นไม้สีหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“คุณ !!” หญิงสาวตะโกนน้ำเสียงตื้นตัน เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ แสนคุ้นเคยดังมาสำทับความมั่นใจในการมาของเขา

“คิดถึงนะครับ” เขาเอ่ยมาอีกครั้ง

“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ มือกุมประสานไว้แนบอก ขบเม้มริมฝีปากไตร่ตรองคำพูดของตัวเองก่อนเอ่ยอย่างขัดเขิน “เอ่อ...คุณจำครั้งที่แล้วได้ไหมคะ ?” ตัดใจถามออกไปแล้วก็ได้แต่ยกมือกุมแก้มอย่างเขินอาย เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ดังขึ้นก่อนคำตอบจะตามมา

“จำอะไรครับ ? จำว่าเราสัมผัสมือกัน...หรือจำความอุ่นของมือเราได้ ?” ประโยคนั้นแทงใจดำจนทำให้คนฟังตัวเบาโหวงด้วยความตื่นเต้นระคนขัดเขิน

“ทั้งหมดนั่นแหละค่ะ !” หญิงสาวตอบรัวเร็วพลางส่ายหน้าเร็ว ๆ เสียงทุ้ม ๆ นั้นดังตอบมาอีกครั้ง

“ถึงอยากลืม...ก็ลืมไม่ลงหรอกครับ” เสียงตอบกลั้วยิ้มพลอยทำให้หล่อนยิ้มตาม

“เรา...ลองดูอีกครั้งได้ไหมคะ ?” หญิงสาวกัดฟันข่มความเขินถาม รอคำตอบด้วยใจไหวระทึก

“ผมกำลังจะชวน” เขาตอบเจือเสียงหัวเราะ นั่นทำให้ความประหม่าของหล่อนหล่นหายไปจนสิ้น “ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่นำเรามารู้จักทักทายกัน จะย่นช่องว่างของเรานะครับ...ลองหน่อยก็ไม่เสียหาย” เขาพูดยาวจนหญิงสาวอดยิ้มกว้างกับเปลือกไม้ไม่ได้

“งั้น...มาเริ่มกันดีกว่าค่ะ” หล่อนชวนและรอคำตอบ

“คุณคงไม่รู้...ว่าผมรออยู่ก่อนแล้ว” คำตอบนั้นหญิงสาวได้แต่อ้าปากค้าง...ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าเขาวางมือบนเปลือกไม้แล้วใช่ไหมนะ ? เร็วเท่าความคิด หญิงสาววาดวงแขนกางออกจนสุดความกว้างก่อนวางลงไป หล่อนไม่ต้องเสียเวลาควานหาเลย เพราะดูเหมือนว่าทันทีที่วางมือ...ความอุ่นของหลังมือนั้นก็ส่งวาบแล่นสู่หัวใจ

เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเอาเสียเดี๋ยวนั้น หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะขยับมือด้วยกลัวเหลือเกินว่าหากผิดเพี้ยนแม้แต่องศาเดียว ทุกสิ่งจะมลายหายไปเหมือนครั้งที่แล้ว ความอบอุ่นของผิวหนังใต้อุ้งมือหล่อนตอนนี้แม้อยากปฏิเสธก็ไม่สามารถทำได้...ช่างเหมือนจริงเหลือเกิน...หญิงสาวคิด ความต้องการซึ่งยังมองไม่เห็นทางสิ้นสุด...ถ้าสิ่งชักนำให้หล่อนและเขามาพบกันเริ่มทลายปราการลงบ้างแล้ว จะต้องทำได้มากกว่าสัมผัสมือ คิดได้ดังนั้นจึงค่อย ๆ ชะโงกหน้าโดยรักษาระยะการสัมผัสหลังมือไว้อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าจะยากมากก็ตาม

หญิงสาวเขย่งเท้าจนรู้สึกเจ็บ สายตาเหลือบมองผ่านโค้งของเปลือกไม้ตะปุ่มตะป่ำเต็มที่ ดูเหมือนชายหนุ่มเองก็รับรู้ในสิ่งที่หล่อนคิด สังเกตได้จากการเสียดสีเบา ๆ ของเนื้อผ้า ปลายเท้าจิกลงบนพื้นหญ้า ดวงตาแทบถลนเมื่อเหลือกมอง...ส่วนปลายเส้นผมของเขาปรากฏแวบวาบ...เพียงแค่นั้นหญิงสาวก็อุทานอย่างยินดี พลันลมก็พัดมาวูบใหญ่หอบฝุ่นเม็ดเล็กมาระรานใบหน้าและดวงตา เผลอยกมือขึ้นปัดป้องกลับเกิดอาการวูบคล้ายตกจากที่สูงหญิงสาวหวีดร้องอย่างตกใจ...

ไอยเรศสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกแผ่นหลังสัมผัสกับความนุ่มเรียบของที่นอน หญิงสาวค่อย ๆ เผยอเปลือกตาก่อนกะพริบปรับให้สู้กับแสงไฟสว่างนวล โทรทัศน์ยังคงส่งภาพและเสียงตามรายการ มองไปรอบ ๆ แล้วจึงระลึกได้ว่านี่คือห้องพักก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

...หญิงสาวก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองอย่างแสนเสียดาย...



รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ม.ค. 2557, 18:58:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ม.ค. 2557, 18:58:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1761





<< ๕ ก่อการ...รุก   ๗ : ลงมือ >>
รัมย์ 12 ม.ค. 2557, 19:06:46 น.
สวัสดีค่ะ คุณคนอ่านที่น่ารัก

เอาตอนที่หกของสาวกล้วยไม้มาส่งค่ะ ขอบคุณสำหรับคำทักทายจากตอนที่แล้วนะคะ สำหรับคนที่เพิ่งผ่านมาพบเจออ่านกันตอนนี้...

สวัสดีปีใหม่แข็งแรงสดใสกันทุกคนนะคะ

คาดว่ารูปเล่มของสาวกล้วยไม้คงได้เห็นกันเร็ว ๆ นี้ ณ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนอีดิทค่ะ

สำหรับตอนนี้หากพบคำผิด จุดแปลกประหลาด บอกกล่าวกันมาได้เช่นเคยค่ะ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะค้าาาาา

รัมย์


mhengjhy 12 ม.ค. 2557, 19:33:08 น.
ชอบค่ะ น่ารักมาก


จิงโกะ 12 ม.ค. 2557, 20:06:53 น.
... ต๊กใจตื่นมาเสียนี่ แหม เสียดายจัง เฮ้อ เสียดายจัง... อิอิ


ใบบัวน่ารัก 12 ม.ค. 2557, 21:13:41 น.
บ้านน่ารักๆทั้งนั้น
พรุ่งนี้จะไปพักบ้านแบบไหนกันน้า


Sukhumvit66 12 ม.ค. 2557, 21:54:43 น.
ลุ้น ๆ


askan 12 ม.ค. 2557, 22:34:33 น.
รอๆๆๆ


กาซะลองพลัดถิ่น 12 ม.ค. 2557, 23:22:18 น.
แหม!! เสียดายจัง (คงต้องร้องเพลงพุ่มพวงประกอบในตอนนี้)
ี่คาดเข็มขัดด้วย เดี๋ยวเจอควาย ขำตรงนี้จริง ๆ ....แล้วคุณโมทนานี่คือพระรองหรือพระร้ายกันล่ะเนี่ยะ ไม่น่าจะใช่พระเอก


น้ำค้าง 17 ม.ค. 2557, 23:32:41 น.
ขอบคุณที่กลับมาลงต่อคะ รอรอ. ในที่สุดก้อได้อ่านแล้ว


Zephyr 21 ม.ค. 2557, 21:43:48 น.
ไม่เห็นเจอควายเลย คุณรัณย์หลอกด่าป่ะนี่ ฮ่าๆๆๆ
แต่นางแรงอ่ะ อิอิ พระเอกคงปวดหัวแย่เลย
โมทนานี่แปลกๆนะ


pin 22 ม.ค. 2557, 18:15:17 น.
มารอลุ้นต่อค่ะ..


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account