ใต้ร่มดอกรัก
ปฏิบัติการตามล่าหา "ผู้ชายในฝัน"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๗ : ลงมือ

ใต้ร่มดอกรัก ๗
ลงมือ


ความสว่างเริ่มเจือจับขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกพอให้สังเกตเห็นในตอนแรก และเริ่มเรื่อเรืองด้วยแสงสีทองพร้อมพระอาทิตย์กลมสีส้มอมแดง อากาศเย็นสบายกระไอหมอกลอยอ้อยอิ่งเป็นสายเบาบางแผ่วพริ้วอยู่ในบรรยากาศชวนชื่นชมโดยมิกล้าแตะต้องด้วยเกรงสลายหายไป

ไอยเรศนั่งเท้าคางมองความสว่างที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เงาตะคุ่มของสิ่งปลูกสร้างก่อนหน้านั้นเริ่มปรากฏโครงร่างชัดเจนและเริ่มมีสีสันขึ้นตามความสว่าง หญิงสาวถอนหายใจรับอรุณเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ เพราะตั้งแต่สะดุ้งตื่นหลังจากฝันนั้น หล่อนก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลง ตัดสินใจหอบผ้าห่มห่อหุ้มร่างกายจนคล้ายตัวหนอน มีเพียงส่วนศีรษะโผล่พ้นออกมาให้พอหายใจได้ หล่อนลากเก้าอี้ออกมาตรงระเบียงหน้าบ้านและนั่งมองความเปลี่ยนแปลงแรกของวันอย่างเลื่อนลอย

บ้านเห็ดที่หล่อนพักอยู่ไกลจากจุดจอดรถเมื่อวานพอสมควรแต่ก็พอมองเห็นเรือนรับรองหลังใหญ่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นจุดศูนย์กลาง ความเปลี่ยนแปลงแทรกความเงียบที่เห็นเป็นสิ่งแรกคือแสงไฟสว่างวาบจากชั้นสองของเรือนหลังนั้น ได้แต่จับจ้องมองหน้าต่างเรือนคิดไปต่าง ๆ นานาว่าในสักวินาทีใดหน้าต่างจะเปิดออกพร้อมกับเจ้าของชั้นนั้นโผล่ออกมา แต่จนแล้วจนรอดหล่อนก็เห็นเพียงแสงไฟซึ่งปิดไปเมื่อสว่างเต็มที่

ความเคลื่อนไหวรอบกายเริ่มส่งเสียงบอกการเริ่มต้นการทำงาน ไอยเรศพาตัวเองในห่อผ้าห่มกลับเข้าข้างในบ้านเห็ดโดยไม่ลืมลากเก้าอี้กลับเข้ามาด้วย หญิงสาวจัดการเก็บที่นอนพอเป็นระเบียบก่อนจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมรับสถานการณ์สำหรับวันแรกเริ่ม เมื่อออกจากห้องพักหล่อนก็ตรงดิ่งมายังเรือนหลังใหญ่ ใต้ถุนโล่งกว้างตอนนี้เต็มไปด้วยชุดโต๊ะเก้าอี้ มีลูกค้าของรีสอร์ทนั่งรับประทานอาหารกระจายไปตามจุดตั้งโต๊ะ พนักงานกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารเพื่อบริการ ความตั้งใจแรกสำหรับไอยเรศคือการหาที่นั่ง ทว่าเพียงแค่เดินไปถึงกลับถูกรั้งไว้จากเสียงทุ้มห้าว

“หลับสบายดีไหมคุณ” คำทักทายนั้นพาลให้มองหาคนพูด ซึ่งเมื่อหันไปจึงเห็นว่าเขากำลังเดินลงมาจากชั้นบนของเรือนใหญ่

“ก็...ดี...คิดว่านะ” ท้ายประโยคหญิงสาวพึมพำกับตัวเอง

“เชิญทางนี้ผมสั่งให้แม่บ้านเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว ผมอยากคุยกับคุณเรื่องเวลาทำงาน กินไปคุยไปก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูดเองเออเองพลางผายมือเชื้อเชิญ ไอยเรศพยักหน้ารับเนือย ๆ ก่อนเดินตามไปติด ๆ หล่อนสังเกตเห็นพนักงานหลายคนมองตามหล่อนอย่างสนใจ บางรายที่บังเอิญมองสบตาด้วยหญิงสาวส่งยิ้มให้อย่างมิตร ทว่าคนถูกมองกลับสะดุ้งราวถูกไฟช็อตก่อนลนลานหันไปทำงานของตัวเอง กิริยาเหล่านั้นไอยเรศอดขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้

“แม่บ้านจัดบ้านพักให้คุณเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จคุณไปสำรวจได้เลย” การัณย์เอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งเรียบร้อยแล้ว

“จริง ๆ บ้านเห็ดก็อยู่สบายดีนะคุณ ไม่เห็นต้องจัดเตรียมย้ายวุ่นวายเลย” หล่อนแย้ง

“บ้านพักผมอยู่สบายทุกหลังนั่นแหละ แต่บ้านเห็ดที่คุณอยู่น่ะลูกค้าครอบครัวผมชอบ ผมไม่อยากขาดรายได้” เขาบอกพลางหยิบขนมปังปิ้งซึ่งพนักงานยกมาวางให้ทันทีที่เขานั่งลง ไอยเรศมองหน้าคนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หญิงสาวมองใบหน้าคมเข้มดูสะอาดสะอ้านอย่างสังเกต กลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งหล่อนเคยได้กลิ่นยามพ่อและพี่ชายโกนหนวดเสร็จโชยมาพอให้นึกเดาว่าเขาคงผ่านกรรมวิธีนั้นมาแล้ว คิ้วเข้มพาดเฉียงเป็นโหงวเฮ้งดีตามที่หล่อนได้รู้มายามผู้เป็นแม่พาไปออกงานดูหมอ ดวงตายาวเรียว จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับ ลูกแก้วสีสนิมกำลังมองตอบสายตาหล่อนอย่างสังเกต

“ไม่หิวหรือคุณ ? แม่ครัวผมฝีมือดีนะ” เขาเอ่ยถามพลางพยักพเยิดไปยังจานอาหารซึ่งพนักงานทยอยเอามาเสิร์ฟเรื่อย ๆ

“ไม่หิวหรอก แต่จะพิสูจน์ฝีมือแม่ครัวให้” หญิงสาวว่ามือก็หยิบช้อนส้อมเตรียมปฏิบัติ แต่ต้องชะงักเมื่อชายหนุ่มเอ่ยถามต่อ

“แล้วเมื่อกี้มองอะไร ?” ไอยเรศเบือนสายตามองคนถามเห็นว่าไม่มีแววก่อกวนเหมือนอย่างที่นึกจึงตอบตรง ๆ ว่า

“คือ...มองหน้าประกอบคำพูดคุณน่ะ...แบบว่าไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักว่าคนหน้าตาดีจะปาก หะ...เอ่อ...จะพูดจาตรง ๆ แบบนั้นน่ะ” คราวนี้คนที่นิ่งเป็นชายหนุ่ม เขาหรี่ตามองอย่างหาเรื่อง

“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคุณจะเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่กระโจนมาจับเนื้อต้องตัวผมวันนั้น” เขาพูดหน้าตาเฉยพลางหยิบขนมปังปิ้งเข้าปากเคี้ยว ไอยเรศได้แต่นิ่งมองก่อนส่งส้อมจิ้มไข่ดาวแรง ๆ จนไข่แดงแตกทะลักเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีใด ๆ กับคำพูดที่เอ่ยออกมาแล้ว

“ฉันยังไม่เริ่มงานจนกว่าจะสอนเด็กเป็นมวยนะ ซึ่งนั่นก็ประมาณสองอาทิตย์” หญิงสาวเริ่มเรื่องเมื่อหนังท้องเริ่มตึงบ้างแล้ว การัณย์ซึ่งรู้เรื่องการเป็นโค้ชพิเศษจากไอราพตพยักหน้ารับ

“ก็สอนไปสิ ไม่ต้องไปพักที่โรงเรียนด้วยเดี๋ยวผมให้คนขับรถไปรับไปส่ง”

“โอย ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้ง...ไปพักที่โรงเรียนก็สะดวกดีไม่ลำบากใคร” หญิงสาวแย้ง

“ไม่ดี ผมลำบากใจ รับปากคุณไอซ์ดิบดีว่าจะดูแลคนมาทำเรือนกล้วยไม้ให้ จะทิ้งขว้างข้างทางก็ไม่ได้...ถึงจะอยากทำก็เถอะ” ท้ายประโยคเขาพึมพำกับขนมปังในมือ กระนั้นคนนั่งร่วมโต๊ะก็วางส้อมแรง ๆ ให้รู้สึก

“ฉันดูแลตัวเองได้ ! อีกอย่างทางโรงเรียนเขาก็เตรียมบ้านพักรับรองไว้ให้แล้ว” ไอยเรศเสียงขุ่น หล่อนไม่ชอบทำอะไรให้มันยุ่งยากวุ่นวาย

“ก็บอกยกเลิกเขาไปสิ ถ้าคุณไม่กล้าบอกผมบอกให้เอง ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินทางเหนื่อยเพราะโรงเรียนที่คุณต้องไปกับรีสอร์ทผมอยู่ไม่ไกลกันหรอกนะ ขับรถบนถนนใหญ่แค่ยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว ไม่ต้องปฏิเสธผมตัดสินใจแล้ว” การัณย์บอกยาว ๆ ยกมือขึ้นห้ามเมื่อเห็นหญิงสาวอ้าปากคล้ายอยากแย้ง “เอาตรง ๆ ผมไม่อยากเสียเวลา ถ้ารับคุณกลับมาพักที่รีสอร์ทอย่างน้อยคุณก็เริ่มงานได้เร็ว เสร็จเร็ว กลับเร็ว แต่ราคาเท่าเดิม...ไม่ชอบเหรอ ?” เขานำเสนอข้อได้เปรียบ ไอยเรศวางช้อน ยกมือขึ้นประสานหลวม ๆ ไว้ใต้คาง มองสวนสายตากับชายหนุ่มไม่ลดละ หญิงสาวยกยิ้มมุมปาก กิริยาที่เพื่อนในกลุ่มลงความเห็นว่าเป็นรอยยิ้มที่กวนอวัยวะใช้เดินได้ค่อนข้างดี และมันก็ส่งผลถึงคนมองหล่อนในตอนนี้ด้วย

“ฉันไม่อยากเสร็จงานเร็วนักหรอกคุณ...งานลวก ๆ ทำแบบขอไปทีไม่ใช่สไตล์ของสวนไอยเรศ โดยเฉพาะฉัน เห็นอย่างนี้ฉันละเอียดมากนะ วางกระถางไม่ได้องศาที่พอดีฉันก็ไม่ปล่อย คนจะเรียนรู้เรื่องกล้วยไม้จะมาเรียนแบบกาก ๆ เอาแค่วิธีรดน้ำน่ะ ฉันไม่สอนหรอกนะ...จะเป็นคนกล้วยไม้ได้ต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ลองผิดลองถูก...ถามก่อนว่าคุณคิดว่ากระบวนการทั้งหมดนี้กินเวลาเท่าไหร่ ?” หญิงสาวถามยิ้ม ๆ

“เดือนเดียวมั้ง” การัณย์ตอบอย่างขอไปที คนฟังคำตอบห่อปากส่ายหน้าด้วยท่าที่เขารู้สึกว่า...กวนอารมณ์เป็นที่สุด

“หูย ดูผิดเห็น ๆ แค่เดือนเดียวสร้างโรงเรือนยังไม่เสร็จเลย นี่ไม่นับรวมการจัดหาอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ นะ ขั้นต่ำต้องเป็นปีนู่น” หล่อนว่าพลางยกมือกอดอกอย่างอมภูมิ

“หา ?! หนึ่งปี ? ทำไมคุณไอซ์บอกผมว่าแค่สามเดือนก็พอ ?!” ชายหนุ่มตกใจจริงจัง

“โอ้ย พี่ไอซ์จะรู้อะไรล่ะคุณ นั่นน่ะเขามีหน้าที่หาตลาด คิดตังค์ คนทำน่ะฉัน ซึ่งรู้ดีว่าขั้นตอนมันเป็นยังไงสำหรับการเริ่ม แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะดี ฉันรู้ !” พูดจบก็ตบอกตัวเองเบา ๆ

“แล้วตกลงต้องใช้เวลานานแค่ไหน ? แล้วงบประมาณผมจะบานปลายมากน้อยแค่ไหน ?” การัณย์ถามอย่างเริ่มฉุน

“งบไม่บานปลายแน่นอน ถึงฉันจะถนัดงานกรรมกรแต่เรื่องคุมงานให้อยู่ในงบสบายมาก...ส่วนเรื่องเวลาฉันว่าคงต้องนานพอสมควรแหละ...บางทีอาจจะนานจนกระทั่ง....” หญิงสาวเว้นระยะทำท่าครุ่นคิด ก่อนอมยิ้มส่งตาวาวราวแม่เสือสาวเห็นชายหนุ่มตรงหน้าเป็นสมันเนื้อหวาน “...จนกระทั่งเรารู้ใจกันจนคุณขอฉันแต่งงานอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าไปเลยก็ได้ !”

สิ้นคำของหญิงสาวมีเสียงข้าวของตกจากเคาน์เตอร์ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ พนักงานสาวซึ่งคงยืนทำงานไปแอบฟังเจ้านายคุยกันไปจนตกใจเผลอทำของหลุดมือได้แต่ก้มหน้างุดก่อนเดินหายไปทางหลังเรือน ขณะที่ชายหนุ่มผู้ร่วมโต๊ะก็นั่งนิ่งจ้องคนพูดตาแทบไม่กะพริบ ปฏิกิริยาจากคนรอบข้างพลอยทำให้ไอยเรศรู้สึกเริงรื่นในอารมณ์โดยเฉพาะคนตรงหน้าหล่อนตอนนี้ ทำให้หล่อนรู้สึกดีที่ได้เอาคืนเขาได้บ้าง

“เงียบไปเลย คิดว่าฉันพูดจริงเหรอเนี่ย” หล่อนถามกลั้วหัวเราะ ชายหนุ่มซึ่งเพิ่งดึงตัวเองกลับมาจากภาวะตะลึงได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อได้ยิน เสยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนสำลักเมื่อหญิงสาวพูดต่อ “แต่ฉันก็หมายความอย่างนั้นจริง ๆ นะ”

“คุณ...คือผู้หญิงต๊องวันฝนตกจริง ๆ ด้วย !” การัณย์ยกมือชี้หน้าเอ่ยกระท่อนกระแท่นจากการสำลัก คนถูกกล่าวหาไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระคล้ายกับยอมรับอยู่ในที ก่อนมีสีหน้าฉุกคิด หญิงสาวอมยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มหน้าเข้าไปใกล้ก่อนเอ่ยคำกลั้วยิ้ม

“เอ...ชักสงสัยแล้วสิ...คุณจำฉันได้แม่นอย่างนี้ คิดอะไรกับฉันอยู่แน่ ๆ เลยใช่มะ ? ถ้าคิดจริงอย่าปิดกันนะ เปิดเผยเลยฉันชอบ ! ฉันยินดี ! ฉันเต็มใจ !” ไอยเรศบอกอย่างร่าเริง หล่อนกางแขนออกสุดความกว้างประกอบความยินดีและเต็มใจของตัวเอง ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับไอไม่หยุดก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นยืน

“ผมจะพาไปดูรอบ ๆ รีสอร์ท !” เขาพูดพร้อมกับหันหลังพร้อมออกเดินทันที

“แต่ฉันยังกินไม่อิ่มเลยนะ” หญิงสาวแสร้งก่อกวน

“ช่างหัวคุณสิ !” คำขวานผ่าซากจากเขาถูกทิ้งไว้ที่โต๊ะอาหารก่อนที่เขาจะเดินดุ่มออกไปโดยไม่หันกลับมามองว่าหญิงสาวผู้ร่วมโต๊ะจะมีกิริยาอย่างไร

ไอยเรศหัวเราะชอบใจกับปฏิกิริยาตอบรับของชายหนุ่ม ก่อนจะผุดลุกกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไปติด ๆ ความคิดที่ว่าเขาอาจจะฝังหล่อนเข้าสู่ฐานสมองแล้วนั่นเอง ฉุดดึงความฝันเมื่อตอนใกล้รุ่งให้หวนกลับมา นั่นทำให้หญิงสาวเผลอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมองสลับกับมองมือใหญ่ซึ่งกำลังแกว่งไกวของคนเดินอยู่ข้างหน้า

เพราะมัวแต่มองมือใหญ่เพลินจนลืมดูว่าเจ้าของมือหยุดเดิน และหันกลับมา ประจวบเหมาะกับหญิงสาวซึ่งมัวแต่ก้มหน้ามองมือก้าวเข้าหาจึงกลายเป็นว่า ศีรษะของหญิงสาวพุ่งเข้าไปซุกแผงอกกว้างเต็มแรง

“อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ !” ไอยเรศเอ่ยพลางสะดุ้งตัวออกจากจุดเกิดเหตุ เงยหน้ามองเจ้าของแผงอกกว้างซึ่งยังคงยืนนิ่งหน้าเรียบเฉยเช่นเคย

“นี่บ้านพักคุณ” การัณย์เอ่ยพร้อมผายมือเป็นเชิงบอก หญิงสาวมองตามก่อนตาโตยิ้มกว้าง สีหน้าไม่ปิดบังความชื่นชมนั้น แม้ไม่มีคำพูดก็ทำให้เจ้าของผลงานอดรู้สึกยินดีไม่ได้

บ้านพักชั้นเดียวหลังนั้นอยู่ไม่ไกลจากเรือนใหญ่มากนัก แต่ดูเป็นส่วนตัวมากกว่าหลังอื่น ๆ ตัวบ้านเป็นเรือนไม้ทั้งหลัง ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดอกสีสันสดใส มีไม้พุ่มปลูกรอบบริเวณบ้านคล้ายบ่งบอกอาณาเขตกลาย ๆ ข้าง ๆ เป็นพื้นที่โล่งกว้างค่อนข้างรกด้วยหญ้าขึ้นสูง มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเป็นแนวทางปลายพื้นที่ ลักษณะของต้นหญ้าขึ้นสูงดูคล้ายกับว่าพื้นที่นั้นไม่ได้รับการดูแลนัก

“ฉันชอบนะ” หญิงสาวเอ่ยนัยน์ตาเป็นประกาย

“ขอบคุณที่ชอบ” การัณย์บอกยิ้ม ๆ ก่อนรีบกลับมาตีหน้าขรึมเมื่อเห็นหญิงสาวเผื่อแผ่สายตา ‘ชื่นชอบ’ ส่งมาให้ “ผมสั่งแม่บ้านให้เก็บของคุณมาไว้ที่นี่แล้ว คุณเข้าอยู่ได้เลย...ส่วนพื้นที่ข้าง ๆ นี่” ท้ายประโยคชายหนุ่มผายมือไปยังพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเห็นหญิงสาวมองตามเขาจึงเอ่ยต่อ “ผมตั้งใจว่าจะให้สร้างเรือนกล้วยไม้ตรงนี้ คุณว่าพอได้ไหม ?” เขาถามเชิงปรึกษา

“ก็พอได้ แต่ยังไม่เหมาะเท่าไหร่” ไอยเรศตอบหลังจากมองตาม “แรกสุดอยู่ไกลจุดจ่ายน้ำมากไป กว่าจะต่อท่อ ต่อสายยางส่งมาถึงแรงน้ำก็แผ่ว อีกอย่างถ้าสร้างโรงเรือนตรงนี้ ดูจากทางลมแล้ว รีสอร์ทคุณอาจจะต้องติดแอร์เพิ่มนะ เพราะฉันมองว่าโรงเรือนจะบังทางลมพอสมควรทีเดียว” น้ำเสียงเป็นการเป็นงานและคำอธิบายของหญิงสาว ทำให้การัณย์อดมองคนพูดด้วยความรู้สึกชนิดใหม่ไม่ได้ ประกายตาวับวาวประหลาดที่ส่งมาให้เขาเมื่อครู่ไม่เหลืออยู่แล้ว ใบหน้าทะเล้นที่เขามองว่าดูยั่วอารมณ์โมโหตลอดเวลาก็หายไป สีหน้ามุ่งมั่นสายตาแน่วแน่ที่แลมองไปยังพื้นที่ตรงหน้าสร้างความรู้สึกชวนมองเป็นพิเศษ “แต่ถ้าคุณยืนยันอยากจะได้ตรงนี้จริง ฉันอยากให้ต่อท่อน้ำใหม่ ใช้เฉพาะจุดนี้ แล้วคุณก็ควรเริ่มปรับพื้นที่ได้แล้ว กว่าฉันจะเสร็จจากการสอนเด็ก ดินก็คงปรับสภาพเสร็จพอดี” พูดจบก็หันมามองเจ้าของที่ทันที ความรวดเร็วพาลทำให้ชายหนุ่มปรับสีหน้าไม่ทัน และนั่นส่งผลให้รอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายของไอยเรศกลับมาอีกครั้ง

“ฮั่นแน่ มองฉันแบบนี้คิดอะไรอยู่ใช่ม้า ?” หล่อนว่าพลางชี้หน้าล้อเลียน การัณย์ซึ่งตอนนี้ปรับสีหน้าเป็นปกติได้แล้วเสมองเมินไปทางอื่นกลบเกลื่อน

“เพ้อเจ้อ” เขาว่าเสียงไม่มั่นคงนัก

“แหม ปากแข็งเสียด้วย...ถามจริงตอบตรงนะคุณมีแฟนหรือยัง ?” คำถามลงท้ายดูไม่เกี่ยวข้องจนคนถูกถามต้องหันไปมองหน้า

“ทำไมผมต้องตอบคุณด้วย” ชายหนุ่มถามกลับเสียงห้วน

“ก็เพราะว่ามันเป็นคำถามจากฉัน และที่สำคัญมันส่งผลต่องานด้วยนะจะบอกให้” หญิงสาวบอกจริงจังซึ่งขัดกับสีหน้าเจือแววเจ้าเล่ห์ “ว่าไง...คุณมีแฟนหรือยัง ?” หล่อนเร่งเร้า นัยน์ตาทอประกายวับวาว

การัณย์ไม่ตอบทันที เขาถอนหายใจเบา ๆ ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมหรี่ตามองหญิงสาวครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

“แล้วคุณคิดว่าอย่างผมนี่ น่าจะมีไหมล่ะ ?” คำถามย้อนกลับส่งผลให้เกิดรอยยิ้มกว้างขวางบนเรียวปากของหญิงสาว

“ขอบคุณนะที่สารภาพว่าคุณไม่มีแฟน” ไอยเรศตีขลุม หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“ทฤษฏีอะไรของคุณเนี่ย ?!” ชายหนุ่มถามฉุน ๆ แทนคำตอบ ไอยเรศซึ่งยังหัวเราะขลุกขลักยกมือขึ้นลูบคางเบา ๆ หญิงสาวแสร้งเอียงหน้าหรี่ตามอง

“อืม...ดูจากการแต่งตัว เสื้อเชิ้ตลายสก็อตแบบนี้ฉันเจอคุณมาสองครั้งใส่แบบนี้ตลอด คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สไตล์แบบคุณฉันชอบนะ...แต่ไม่ใช่ผู้หญิงส่วนใหญ่หรอก เชื่อฉัน” หล่อนพูดไปก็ถูคางไปท่าทางเหมือนผู้ทรงภูมิเรื่องความรัก ขณะที่ชายหนุ่มยิ่งทำหน้าเหวอ คลายมือที่กอดอกก้มลงมองเสื้อตัวเองอย่างสงสัย ไอยเรศไม่ปล่อยให้โอกาสที่หล่อนพยายามสร้างหลุดลอย...เป้าหมายหล่อนคือ...มือของเขา ! “ยิ่งถ้าผ่านการสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแล้วเกิดปฏิกิริยาตรงกันข้ามล่ะก็...ชัวร์ !!”

เร็วเท่าความคิดและคำพูดหญิงสาวคว้าเอามือใหญ่ข้างที่ใกล้ที่สุดมาเกาะกุม อาจเพราะยังอยู่ในภาวะงุนงงชายหนุ่มจึงไม่ได้ชักมือออกทันทีเหมือนอย่างที่นึกหวั่น...ไอยเรศกำลังจะยิ้มกระหยิ่มใจ พลันกระแสอบอุ่นจากมือข้างที่หล่อนกุมอยู่นั้นกลับคล้ายเป็นประกายไฟแล่นปลาบวาบผ่านฝ่ามือวิ่งลิ่วตรงเข้าสูบฉีดหัวใจให้เต้นรัวเร็วยิ่งขึ้น หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกตื่น ภาพตรงหน้าหล่อนตอนนี้ไม่ใช่ใบหน้าชายหนุ่มหากแต่เป็นความพร่าเลือนคล้ายโลกบิดเบี้ยวไม่ได้สัดส่วน...จมูกได้กลิ่นรวยรินของดอกไม้หอม...กลิ่นที่หล่อนจดจำได้เสมอ เมื่ออยู่ใน...ความฝัน !

หญิงสาวกะพริบตาถี่เพื่อปรับความพร่ามัวในคลองสายตาให้ชัดเจนขึ้น ปากอยากขยับเอ่ยถามคนอยู่ตรงหน้า ทว่าเหมือนโดนหินกดทับไม่ให้สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดได้ ความอบอุ่นจากมือข้างนั้นแผ่ซ่าน...คุ้นเคยเสียยิ่งกว่าคุ้น...เพราะเป็นความอุ่นที่หล่อนได้สัมผัสมาเมื่อคืนนี้...ในฝัน !

“ปล่อยมือพี่รัณย์เดี๋ยวนี้นะ !”

เสียงแว้ดดังสนั่นแทรกบรรยากาศคุกคามนั้น ไอยเรศเผลอปล่อยมือชายหนุ่มด้วยความตกใจมากกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่ง และเพราะมัวหันไปหาที่มาของเสียง หล่อนจึงไม่เห็นว่ามือใหญ่ข้างที่ถูกเกาะกุมอยู่เมื่อครู่ยังรั้งรออยู่ใกล้ ๆ มือหล่อน...ดูอ้อยอิ่งราวกับว่าไม่อยากผละจากความอุ่นนุ่มของอุ้งมือนั้น...


ร่างสูงเพรียวสมส่วนของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นในคลองสายตาทันทีที่หันไป แม้อยู่ในระยะไกลไอยเรศก็สามารถมองเห็นในสิ่งที่เจ้าตัวต้องการโชว์ ร่างนั้นอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีเขียวหัวเป็ด ความยาวของชายกระโปรงอยู่เลยสะโพกเพียงไม่กี่นิ้ว ยามก้าวเท้าเดินรวดเร็วชายกระโปรงจึงรั้งขึ้น บางจังหวะเห็นถึงต้นขาขาวเนียน คอเสื้อแหลมลึกเห็นเนินเนื้อขาวเนียนเบียดอัดจนล้น ยิ่งหญิงสาวหายใจหอบแรงทั้งด้วยแรงอารมณ์และความเหนื่อย หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ใบหน้ายาวเรียวเคลือบฉาบด้วยเครื่องสำอางสีฉูดฉาดโดยเฉพาะริมฝีปากอิ่ม ลิปสติกสีแดงสดโดดเด่น ดูเย้ายวนเมื่อเจ้าตัวเผยอน้อย ๆ เพื่อระบายความเหนื่อยหอบ แม้เป็นผู้หญิงด้วยกันไอยเรศก็อดร้อง ‘อู้หู’ ด้วยความชื่นชมไม่ได้

เพราะมัวแต่มองชื่นชม ไอยเรศจึงลืมสังเกตไปว่าใบหน้าตกแต่งสวยงามนั้นจ้องเขม็งมายังหล่อนอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ กระทั่งร่างสวยก้าวมาใกล้มือเรียวขาวผ่องยื่นมาผลักไหล่หล่อนจนเซนั่นแหละ ไอยเรศถึงได้รู้สึกตัว เพราะความตกใจหญิงสาวจึงไม่เห็นว่าชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทผวาตามเมื่อหล่อนโดนผลักแต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้ล้มเขาจึงดึงตัวเองกลับมายืนเช่นเดิม...ทว่าหญิงสาวผู้มาใหม่เห็นและจับสังเกตได้ และนั่นเพิ่มความไม่พอใจให้กับเจ้าหล่อนมากขึ้น

“หล่อนเป็นใครยะ ถือสิทธิ์อะไรมาจับมือถือแขนพี่รัณย์ของฉัน !!” เสียงแหลมชวนแสบแก้วหูและถ้อยคำจิกกัดนั้น ลบความสวยสะดุดตาออกจากความรู้สึกของไอยเรศจนเกือบหมด เมื่อทรงตัวหลังจากถูกผลักได้แล้ว หญิงสาวก็ตวัดสายตาเอาเรื่องไปมองคนปฏิบัติการซึ่งตอนนี้ก้าวไปยืนประชิดชายหนุ่มคนต้นเรื่องและถือวิสาสะสอดแขนเรียวสวยคล้องแขนชายหนุ่มอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่ชายหนุ่มเองไม่ได้มีท่าทีสะบัดออกเหมือนเช่นตอนที่หล่อน ‘เผลอ’ จับ

“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะพี่รัณย์ ?!” หญิงสาวแสนสวยถามด้วยความไม่พอใจเมื่อคำถามแรกยังไม่ได้รับคำตอบ มือยื่นชี้มายังไอยเรศซึ่งตอนนี้ยืนกอดอกนิ่งมองอย่างประเมินสถานการณ์

“เนตรเก่งนะที่มองออกว่าเป็นผู้หญิง” การัณย์เอ่ยกลั้วหัวเราะ มองหญิงสาวทั้งคู่สลับกัน ก่อนสะดุดสายตาที่ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงแววก่อกวนของหญิงสาวอีกคน...เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ก็ถอยมือตัวเองออกจากการถือสิทธิ์ของหญิงสาวคนข้าง ๆ แทบจะทันทีเมื่อเห็นสายตานั้น

“เนตร...นี่คุณอาย จะมาทำเรือนกล้วยไม้ให้รีสอร์ทพี่...คุณ...นี่นงเนตร น้องสาวผมเอง” ชายหนุ่มแนะนำพลางขยับไปยืนคั่นกลางหญิงสาวทั้งสอง ผายมือประกอบการแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน

“ไม่ใช่น้องสิคะพี่รัณย์...เนตรเป็นมากกว่าน้องนะคะ !” นงเนตรพ้อเสียงเข้ม ยื่นมือหมายไปคว้าแขนชายหนุ่มอีกครั้ง ทว่าเมื่อเห็นชายหนุ่มถอยออกห่างหล่อนจึงทิ้งแขนลงข้างตัวอย่างขัดใจ

“มากกว่าน้อง ? เป็น น้อง ๆ หรือน้อง น้อง น้อง ?” ไอยเรศเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่ดูเหมือนความสงสัยบนสีหน้าหล่อนคนมองกลับเห็นว่าเป็นแววยั่วยวนกวนอารมณ์ นงเนตรกระทืบเท้าเบา ๆ อย่างขัดใจ

“อย่ามาล้อเล่น ! ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอ ! ไม่มีมารยาท !” คำกราดเกรี้ยวของหญิงสาแสนสวย ไอยเรศเพียงพยักหน้ารับก่อนเบือนหน้าไปยังชายหนุ่มซึ่งยืนสังเกตการณ์อยู่ตรงกลาง

“คุณ...ฉันเพิ่งรู้ว่าคนมีมารยาทดีเขาส่งเสียงกรี๊ด ๆ แล้วก็เดินมาผลักไหล่คนไม่รู้จักกันแบบที่น้อง น้อง น้องของคุณทำ...ช่วยบอกฉันทีว่านี่คือการทักทายของคนแถวนี้ฉันจะได้ทำบ้าง” ไอยเรศมั่นอกมั่นใจว่าหล่อนคุยกับเจ้าของรีสอร์ทสงบสุข และมั่นใจว่าไม่ได้ประชดประชันใครแต่อย่างใด ทว่า หญิงสาวอีกคนก็ทำหน้าบิดเบี้ยวเหยเกราวกับกินของเปรี้ยว ก่อนกำมือกระทืบเท้าขัดใจ พร้อมส่งเสียงบาดหูอีกครั้ง

“อ๊ายยยยยยย พี่รัณย์ ! มันว่าเนตรได้ยินไหมคะ ?! มันว่าเนตร !” พูดพลางนงเนตรก็ตรงเข้าไปจับแขนชายหนุ่มเขย่าแรง ๆ ไอยเรศมองภาพตรงหน้าอดหัวเราะไม่ได้

“ให้ตายสิ...น้อง น้อง น้องของคุณนี่เหมือนนางร้ายในละครหลังข่าวเลยนะ...แบบ...ปรากฏตัวปุ๊บ กรี๊ดแตกอย่างเดียวน่ะ” ไอยเรศว่ากลั้วหัวเราะ ก่อนทำหน้าตื่นชี้หน้าหญิงสาวฝั่งตรงข้ามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับปากคล้ายจะส่งเสียง “แน่ะ ๆ จะเริ่มอีกแล้ว !” หล่อนว่าอย่างตื่นเต้นเบิกตาโตพร้อมรอยยิ้มรอชม

“พอเถอะ...ทั้งคู่นั่นแหละ” การัณย์เอ่ยขึ้นในที่สุด เหมือนเป็นปะกาศิต เพราะนงเนตรหุบปากที่อ้าเตรียมเปล่งเสียงทันที ขณะที่ไอยเรศไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “เพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ ทำไมถึงแยกเขี้ยวกัด...เอ่อ...ทำไมถึงแว้ด ๆ ใส่กันอย่างกับเป็นศัตรูมาแต่ชาติที่แล้ว” คำตำหนิของชายหนุ่มส่งบอกหญิงสาวทั้งคู่พร้อมสายตา

“ไม่รู้ล่ะ ผู้หญิงที่อยู่ใกล้พี่รัณย์เป็นศัตรูกับเนตรหมดทุกคน !” นงเนตรบอกอย่างดื้อดึง การัณย์ได้แต่กลอกตาถอนหายใจอย่างระอา ขณะที่หญิงสาวอีกคนตาโตอ้าปากค้างอย่างแกล้งทำ

“เนตร...เราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ พี่ไม่อยากพูดบ่อย” การัณย์เอ่ยเสียงเรียบ ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้หญิงสาวที่เกาะแขนเขาอยู่สงบลงได้บ้าง นงเนตรค่อย ๆ คลายมือออกจากแขนหันมามองชายหนุ่มอย่างตัดพ้อ “คุณอายเป็นแขกของพี่ เนตรควรให้เกียรติแขกพี่บ้าง” เขาพูดต่อเมื่อเห็นความสงบเกิดขึ้น นงเนตรตวัดตาคมสวยจากการกรีดอายไลเนอร์ไปมองแขกสาวของชายหนุ่มแวบหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงแค่แวบเดียวหล่อนก็ทิ้งความหมิ่นแคลนให้คนถูกมองรู้สึกตัวเต็มพิกัด

“แต่แขกของพี่รัณย์มาว่าเนตรก่อนนะ” สาวสวยยังดื้อดึง

“คิดดี ๆ นะเนตร คนเริ่มก่อนพี่ว่าคือเนตรมากกว่า...อย่าโตแต่ตัว แสดงออกให้เหมาะสมด้วยว่าสมองหย่านมแล้ว” คำพูดของชายหนุ่มกระโดดกระแทกมองของหญิงสาวทั้งสองคนเข้าเต็มที่ ไอยเรศซึ่งกำลังกระหยิ่มจากการเห็นคู่กรณีถูกดุสะดุ้งน้อย ๆ ...สายตาคนพูดหล่อนก็เห็นล่ะว่ามองไปยังน้องคนสวยของเขา แต่ทำไมหล่อนกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเชือดเฉือนกระทบไปกับคำพูดนั้นด้วยก็ไม่รู้...ผู้ชายปากร้าย...หล่อนคิดในใจ

“แต่...เนตร...” สาวสวยเสียงอ่อย คอตกอย่างรู้สึกผิด

“ขอโทษซะ” การัณย์ว่าพลางพยักพเยิดไปทางหญิงสาวอีกคน นงเนตรทำคอแข็ง สะบัดหน้าน้อย ๆ บอกเป็นนัยว่าหล่อนไม่ทำตาม “ถ้าไม่ทำก็...ไม่ต้องมาที่นี่อีก พี่ไม่ชอบคนไม่รู้จักกาลเทศะ” ชายหนุ่มพูดต่อ และนั่นทำให้หญิงสาวแสนสวยหน้าเสีย มองเจ้าของรีสอร์ทสงบสุขอย่างตัดพ้อ เมื่อเห็นเขาไม่มีทีท่าโอนอ่อนผ่อนตามจึงได้แต่กระทืบเท้าเบา ๆ อย่างขัดใจ หญิงสาวหันขวับมาทางคู่กรณีซึ่งตอนนี้ยืนกอดอกเชิดหน้ารออยู่แล้ว มุมปากเหยียดยิ้มนิด ๆ นั้น หล่อนมองเห็นแววเยาะเย้ย แต่เมื่อเทียงกับการเอาใจชายหนุ่มคนข้าง ๆ แล้ว หล่อนก็แข็งใจกัดฟันเอ่ยคำ

“ขอโทษ” แม้จะฟังแล้วเหมือนพูดอย่างขอไปที แต่ไอยเรศก็คร้านจะต่อความยาว หญิงสาวเพียงพยักหน้ารับคำนั้นอย่างแกน ๆ

“ไม่เป็นไรฉันไม่ถือ คิดเสียว่าเป็นการทักทายทำความรู้จักกันนะ” หล่อนพูดเหมือนปลอบใจตัวเอง “ก็เอาเป็นว่าเลิกแล้วต่อกันสินะ...งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อน” ไอยเรศหันมาบอกชายหนุ่มซึ่งยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หญิงสาวแสร้งหลุบตาลงมองมือใหญ่ซึ่งทิ้งแนบลำตัวอยู่อย่างจงใจ และดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้ตัว เขารีบซุกมือเก็บในกระเป๋ากางเกงทันที กิริยานั้นทำให้ไอยเรศหัวเราะเบา ๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือ ใบหน้าเรียบนิ่งของเขายิ่งทำให้หล่อนหัวเราะอย่างพอใจ ขณะที่หญิงสาวผู้มาใหม่มองอย่างงุนงง ไอยเรศยกมือขึ้นโยกเบา ๆ ก่อนเดินหัวเราะจากไป ทิ้งเจ้าของรีสอร์ทหนุ่มกับหญิงสาวแสนสวยไว้เบื้องหลัง

“พี่รัณย์...โกรธเนตรหรือเปล่าคะ ?” นงเนตรเอ่ยถามเบา ๆ หลังจากพ้นร่างของหญิงสาวอีกคน อารมณ์ฉุนเฉียวก่อนหน้านั้นเลือนหายไปหมดแล้ว ที่หลงเหลือเต็มสีหน้าแววตาหล่อนตอนนี้คือ ความหวั่นหวาดและชายหนุ่มดูเหมือนจะรับรู้ได้

การัณย์ถอนหายใจหนักหน่วง เขารู้จักนงเนตรมานานแทบจะเรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมกัน ตั้งแต่ครอบครัวเขาอยากมีบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติและได้เพื่อนร่วมรุ่นอย่างกำนันสมบัติซึ่งเป็นพ่อของนงเนตรเป็นคนติดต่อซื้อหาที่ดินผืนนี้ให้ เมื่อเริ่มมาพักจริงจังเขาจึงเริ่มรู้จักกับเด็กหญิงนงเนตรในตอนนั้น ความที่เป็นลูกคนเล็กและเขามีความใฝ่ฝันว่าอยากมีน้องให้ดูแลปกป้องบ้าง จึงเทความรู้สึกนั้นไปถึงนงเนตร โชคร้ายที่เจ้าหล่อนไม่ได้คิดกับเขาแบบพี่ชายเพราะยิ่งโต นงเนตรก็แสดงออกชัดเจนว่าอยากเปลี่ยนสถานะจากคนรู้จักเป็นคนรู้ใจ แม้รู้ว่าตบมือข้างเดียวไม่ดังแต่นงเนตรก็ยังคงเกาะติดหนึบพยายามยื่นมือมาตบกับเขาอยู่จนถึงตอนนี้...ความที่คุ้นเคยรู้จักนิสัยกันดีนี่แหละที่ทำให้เขาโกรธไม่ลง

“ไม่โกรธ แต่ไม่ชอบ” เขาบอกเรียบ ๆ หญิงสาวส่งยิ้มสวยทันทีเมื่อฟังจบ ทว่าดูคล้ายหล่อนจะซึมซับเอาเฉพาะ ‘ไม่’ แรก ส่วนไม่อันหลังหล่อนทำเป็นไม่รับรู้ไปเสียอย่างนั้น

“เนตรดีใจจังที่พี่รัณย์ไม่โกรธ เอางี้ เพื่อเป็นการฉลองเย็นนี้พี่รัณย์ไปกินข้าวบ้านเนตรนะคะ พ่อเองก็บ่นคิดถึงพี่รัณย์เหมือนกันเพราะตั้งแต่พี่รัณย์กลับมาทำรีสอร์ทจริงจังก็ไม่ค่อยไปเยี่ยมบ้านเนตรเลย...ไปนะคะ” หญิงสาวส่งเสียงอ้อน

“เอาไว้วันหลังได้ไหม แขกพี่ยังไม่คุ้นกับที่ทางพี่ไม่อยากทิ้ง” เขาพูดเหมารวมไปถึงลูกค้าที่มาเข้าพัก แต่หญิงสาวกลับคิดถึงแขกคู่กรณีของหล่อน นงเนตรหน้าง้ำริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสดสวยบูดบึ้ง

“ท่าทางคล่องแคล่วออกอย่างนั้น ที่น่าห่วงคืออย่างอื่นมากกว่านะคะ” หล่อนว่าเสียงสะบัด ก่อนหันมาทำเสียงอ้อนต่อเมื่อเห็นชายหนุ่มเหลือบมองปราม ๆ “งั้นเนตรเปลี่ยนโปรแกรมก็ได้...เปลี่ยนเป็นเนตรขอฝากท้องมื้อเที่ยงกับพี่รัณย์นะคะ”

“ก็เอาสิ เที่ยงนี้พี่สิงห์จะแวะมาพอดี เห็นบ่นถึงเนตรเหมือนกันนะ” ชื่อคนถูกกล่าวอ้างเหมือนเป็นยาขมขื่นคอเพราะรอยยิ้มของนงเนตรเลือนหายไปทันที

“ไม่เห็นจะอยากเจอเลยสักนิด” พูดพลางมองส่งค้อนไปกับลมราวกับจะส่งไปให้คนดังกล่าว การัณย์หัวเราะเบา ๆ

“ไม่อยากเจอก็กลับ ง่าย ๆ” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระ นงเนตรได้แต่หน้าง้ำกับข้อเสนอไร้ทางเลือกของเขา กระนั้นหล่อนก็ไม่ยอมกลับแต่อย่างใด ยังคงเกาะติดชายหนุ่มชนิดเหนียวแน่นหนึบ เดินตามกันแทบจะกลายเป็นเงาไปกับเขาแทบทุกที่

ภาพหญิงสาวแสนสวยยวนใจเกาะติดชายหนุ่มรูปงาม ตกเป็นเป้าสายตาของคนงานซึ่งแม้จะเห็นอยู่บ่อยครั้งแต่ก็อดมองแล้วมองอีกไม่ได้ สายตาทุกคู่ต่างมองอย่างชื่นชมด้วยเห็นความเหมาะสมทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะของทั้งคู่...ทว่ายังมีสายตาอีกคู่หนึ่งจับจ้องมาจากเงามืดของมุมลับตาคน สายตานั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม เต็มไปด้วยความรัก...และริษยา !




สวัสดีค่ะคุณคนอ่านที่น่ารัก

พาหนุ่มคนนั้น กับสาวคนนี้มาส่งค่ะ...ขอโทษที่ขาดช่วงนานไปหน่อย งานหลวงกระชากวิญญาณมากค่ะช่วงนี้
ตอนหน้า สาวดอกไม้จะลาจอแล้วนะคะ เตรียมตัวเป็นรูปเล่ม ตอนนี้กำลังตัดชุดวัดขนาดตัวเป็นการใหญ่ มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมอย่างไรจะมาแจ้งให้ทราบเป็นระยะค่ะ

สำหรับตอนนี้ก็เหมือนเช่นเคย พบจุดบกพร่อง คำผิดหกตกหล่นประการใดแจ้งกันมาได้เลยนะคะ

ชอบไม่ชอบอย่างไรจัดมาเลยค่ะ คนเขียนยินดีน้อมรับทุกความคิดเห็น

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ คนเขียนผ่านการเสียตังค์ค่ายา แถมใช้เสียงไม่ได้มาเป็นเดือน เตือนด้วยความเป็นห่วงค่ะ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ

คิดถึงและคิดถึงมากนะ
จุ๊บ ๆ

รัมย์



รัมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2557, 22:49:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2557, 22:49:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1594





<< ร...เริ่ม   ๘ : เร่ิม...เรียนรู้ >>
chuwub 15 ก.พ. 2557, 23:55:35 น.
คิดถึงมากๆเลยค่ะคุณรัมย์ หายไปนานเลย
ชอบประโยคเด็ดพระเอกมากเลย 555 รอตอนต่อไปนะคะ


Sukhumvit66 16 ก.พ. 2557, 03:07:35 น.
พระเอกพูดตรงได้ใจมากเลยค่ะ..


ใบบัวน่ารัก 16 ก.พ. 2557, 07:50:34 น.
ไปให้ความหวังเนตรอะดิ
นางร้ายละครไทยฝุดๆๆ มีเงาริษยาด้วยวี๊ดวิ้วววววส
ครบเครื่อง อายเราเค้าเป็นมวยด้วย สนุกจริงๆคิริๆๆๆ


askan 16 ก.พ. 2557, 12:24:23 น.
ใครในเงามืด..


Zephyr 23 ก.พ. 2557, 23:24:06 น.
เอิ่ม นางเิกกวนประสาทดีแท้ๆ
พระเอกก็ใช่ย่อยเลย
ก่อนโรงเรือนจะเสร็จจะตีกันตายก่อนมั้ยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account