บ้านนราธร (ภาคต่อของทรัพย์สิดีฯ)
ถ้าใครเคยอ่านทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก นี่คือภาคต่อ ที่มีตัวละครคือลูกๆทั้งสามค่ะ การแหกกฏของตระกูลนราธรได้เริ่มขึ้นในรุ่นนี้ มีตัวเอก 3 คน คือ นรนทร์ ลูกชายคนโต ที่ไม่ต้องการดูแลบริษัท นราธิป ลูกชายคนรองที่ไม่ได้เป็นที่คาดหวังของใคร และสิดาริน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่คุณย่าต้องการให้สวยสมบูรณ์แบบ แต่เธอกลับแก่นเซี้ยว ห่างไกลคำว่ากุลสตรี

แล้วบ้านนราธร รุ่นที่ 5 จะเป็นอย่างไร

ปฏิบัติการความเป็นแม่ของทรัพย์สิดี เริ่มขึ้นแล้ว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: (11)หลักฐาน

ตอนที่ 11

20 มกราคม วันเสาร์
สมุดบันทึกที่รัก
ฉันไม่ได้เขียนบันทึกตั้งสัปดาห์หนึ่งแน่ะ มีเรื่องยุ่งมากมาย ฉันต้องสอบ ต้องเลี้ยงวิดเจี้ยน อาบน้ำ ให้อาหาร และฝึกวินัย แถมตอนนี้สถานการณ์ที่บ้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไร คุณปู่กะพี่รนทร์บึ้งตึงใส่กัน คุณพ่อมีธุระบ่อย ไม่ค่อยอยู่บ้านเล่นเกมกับฉันเหมือนเมื่อก่อนเลย พี่ธิปก็ซ้อมบาสเกือบทุกวัน คุณปู่ก็ไม่ค่อยสนใจฉันอยู่แล้ว เอาแต่ออกรอบตีกอล์ฟ ก็คงมีแต่คุณย่าล่ะที่ร่าเริงออกงานสังคมนู่นนี่ และคุณแม่ที่ดูจะทำตัวร่าเริงผิดปกติ ช่วยฉันเลี้ยงหมาเหมือนเดิม แต่ก็นะ...คุณน้าหนูเล็กก็มาหาแม่บ่อยเหลือเกิน บางที่พี่ดีน่าก็มาด้วยบ้าง แต่พี่ดีน่าไม่ค่อยชอบหมาเท่าไรนัก ฉันเลยรู้สึกว่าช่วงนี้ ฉันออกจะเหงาไปเสียหน่อย...

จำได้ไหมที่ฉันบอกว่าต้องสอบท่องอาขยานน่ะ ปรากฏว่าฉันสอบไม่ผ่านล่ะ ครูบอกว่าถึงฉันจะจำเนื้อหาได้ แต่ฉันเอื้อนเสียงผิดคีย์ และดูไม่ใส่ใจ ฉันถามคุณครูกลับว่า ฉันดูไม่ใส่ใจอย่างไรเหรอ คุณครูก็ตอบให้ฉันหงายหลังเลยทีเดียวว่า

“เธอท่องไป ยิ้มกรุ้มกริ้ม มองหน้าเพื่อนซ้ายที ขวาที เหมือนจะล้อฉันเล่นอย่างนั้นละ ยัยสิดาริน"

เอาเข้าไป เอาเข้าไป!!! ฉันสอบตกท่องอาขยาน เพราะฉันยิ้มให้เพื่อนอย่างนั้นเหรอ!!! แต่เอาเถอะ ฉันไม่ปฏิเสธหรอกว่าทำอย่างนั้นเพราะกำลังตลกขบขันเรื่องที่ฉันกับแพรวาและเพื่อนอีกคนเตี๊ยมกันมาก่อนว่า เราจะนั่งพับเพียบกุมมือเรียบร้อยดั่งสาวไทยโบราณ ก็ไม่ปานนั่นเอง ก็มันตลกจริงๆนี่

“เอาน่าริน อย่างน้อยฉันกับส้ม ก็สอบผ่านนะ" นี่คือคำปลอบใจที่แปลกประหลาดของแพรวา

“แต่ฉันไม่ผ่านเนี่ยนะ ไม่ยุติธรรม" ฉันบ่น แต่แล้วแพรวาก็หัวเราะเบาๆ

“ดาริน แต่เพราะเธอเองไม่ใช่เหรอที่วางแผนว่าให้ทุกคนทำตัวเรียบร้อยดั่งสาวโบราณ พวกเราเลยรอดไง ฉันรอดเพราะเธอ เธอต้องภูมิใจนะ" นี่ล่ะแพรวา เพื่อนที่แสนจะน่ารักและมองโลกแง่ดีเสมอ

เอาเถอะ จะอย่างไรก็ตาม ฉันสอบย่อยเลขผ่านนะ ส่วนหนึ่งเพราะพี่ส้มเช้งติวให้ด้วย พี่รนทร์ไม่ค่อยว่างแล้ว เพราะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย และคงต้องส่งใบสมัครไปมหาวิทยาลัยในอเมริกาตามที่คุณปู่สั่งด้วย สองคนนี้ทะเลากะกันหลายครั้ง ท้ังแบบเงียบๆ และแบบขโมงโฉงเฉง จนสุดท้ายคุณปู่แน่นหน้าอกด้วยความโกรธ ทุกคนในบ้านตกใจกันใหญ่ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่รนทร์ถึงยอมส่งใบสมัครและต้องเดินทางไปดูลู่ทางและทำธุระเรื่องรียนต่อที่อเมริกาเดือนหน้า

แต่จะบอกอะไรให้นะ ฉันว่าคุณปู่ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันเคยไปโรงพยาบาลกับคุณปู่เมื่อเดือนที่แล้ว ผลตรวจเลือดและความดันดีหมด อีกอย่าง ฉันแอบเห็นคุณปู่อมยิ้ม ตอนล้มลงไปแล้วพี่รนทร์ตัดสินใจ ณ นาทีนั้นว่าจะสมัครเรียน
ไม่รู้สินะ แต่ นราธร ก็ตลกร้ายกันทั้งบ้านล่ะ หึหึ

จริงๆพี่ส้มเช้งก็น่ารักดีนะ อะไรที่พี่รนทร์เคยช่วยฉัน พี่ส้มเช้งก็มาทำแทนเกือบหมด เช่นสอนการบ้าน แบบฝึกหัด ช่วยเลี้ยงหมาอย่างที่พี่รนทร์สัญญาไว้ ยิ่งกว่านั้นพี่ส้มเช้งเล่นเกมส์เก่งนะ เห็นนิ่งๆ เนิร์ดๆ ก็เถอะ เล่นเกมแข่งรถฝีมือดีทีเดียว

ส่วนพี่ธิปตอนนี้น่าจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในบ้าน เพราะไม่มีเรื่องเดือดร้อนใจใดใดเลย ไม่มีคนคาดหวังว่าพี่ธิปต้องทำนู่น ทำนี่ พี่ธิปจะแข่งบาสกลับบ้านกี่โมงก็ไม่มีใครว่า มีแต่คุณแม่ที่คอยโทรตามด้วยความรักใคร่ ไม่เคยตวาดหรือดุให้เคืองหูแบบที่ฉันเคยโดนเลย แถมได้ตำแหน่งกัปตันทีมบาสของโรงเรียนต่อจากรุ่นพี่ซึ่งกำลังจะเรียนจบอีกต่างหาก แถมฉันแอบได้ยินสาวๆโรงเรียนฉันพูดถึงพี่ธิปกันใหญ่ เพราะโรงเรียนฉันเป็นโรงเรียนหญิงล้วนคู่กับโรงเรียนชายล้วนของพี่ธิปนั่นเอง เรื่องความป๊อปปูล่าของพี่ชายจึงได้ยินเข้ามาในหูฉันบ่อยๆ ที่น่ารำคาญก็คือ ทุกคนรู้ว่าฉันคือน้องสาวของพี่ธิป ดังนั้นทุกๆเวลากลางวัน มักจะมีเพื่อนๆ รุ่นน้อง หรือรุ่นพี่นำขนมมาเส้นฉัน มาตีสนิททำความรู้จักกับฉัน บางคนก็ฝากของต่างๆนาให้พี่ธิป อย่างที่ฉันบอกล่ะว่าพี่ธิปเป็นคนที่โชคดีที่สุดในบ้านเราตอนนี้ เพราะมีขนมให้กินเยอะแยะ ได้ของจากสาวๆมากมาย

แพรวาดูจะรำคาญสาวๆพวกนี้มากไม่แพ้ฉัน เธอมักจะเบะปากและบ่นลับหลังเวลาพวกหล่อนมานั่งคุยแล้วจากไป ตินู่น ตินี่ ไม่สวยบ้าง ก้นใหญ่บ้าง กระแดะบ้างล่ะ ขนมไม่อร่อยบ้างล่ะ(บางทีฉันกับแพรวาก็แอบกินขนมก่อนพี่ธิปล่ะ) ฉันก็ฟังขำๆ ไม่ได้คิดอะไร จนวันหนึ่งแพรวาพูดขึ้นมาหลังจากพลิกดูนาฬิกาในกล่องพลาสติกซึ่งเป็นอันที่รุ่นพี่คนหนึ่งฝากฉันไปให้พี่ธิป

“ไม่เห็นจะสวย ของฉันสวยกว่าอีก"

ทีแรกฉันไม่ได้สนใจ แต่พอมองไปที่ข้อมือของแพรวาก็นึกออกว่า แพรวาไม่เคยใส่นาฬิกาข้อมือเลยนี่นา

“เอ แพรไม่เคยซื้อนาฬิกานี่นา สวยกว่าเรือนไหนเหรอ" ฉันถามซื่อๆ แต่หัวสมองอันชาญฉลาดของฉันนึกไปถึงนาฬิกาที่พี่ธิปแกะออกจากกล่องของขวัญหลังงานปีใหม่ และฉันแอบไปเห็นเข้า

แพรวาเริ่มพูดตะกุกตะกัก "อ๋อ ฉัน ฉันหมายถึง นาฬิกาที่บ้านตัวเองน่ะ เอ่อ แล้ว ปกติพี่ธิปเขาใส่นาฬิกาบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ใส่ ก็โชคดีเลยนะ ได้ของฟรี" หล่อนพูดไปหน้าแดงไป
ฉันนิ่งไปนิดหนึ่ง ฉันเข้าใจว่าที่แพรวาถามหมายถึงอะไร "ก็...ไม่เห็นใส่นะ เพราะเวลาเล่นบาสต้องถอดน่ะ เหงื่อจะไปโดน เดี๋ยวเสียเปล่าๆ" ฉันพูดเสร็จ แพรวาก็หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง ฉันไม่อยากโกหกเพื่อทำร้ายเพื่อนนะ พี่ธิปเป็นคนไม่ใส่นาฬิกา เพราะเรื่องนี้จริงๆ
“แต่เอ ฉันแอบเห็นนะว่าหลังช่วงปีใหม่ พี่ธิป ได้นาฬิกาจากสาวไหนไม่รู้มาเป็นของขวัญ ตอนนี้ก็ยังเก็บรักษาไว้อย่างดี น่าเบื่อจริง ได้แต่ของดีดีมากกว่าพี่น้องคนอื่น" พูดเสร็จก็แอบเหล่เพื่อนสาว แล้วก็ได้เห็นว่าหล่อนอมยิ้มหน้าแดง ด้วยความดีใจเพียงไร เรื่องนี้ฉันก็ไม่ได้โกหกนะ พี่ธิปก็เก็บรักษาดีเหมือนของอื่นๆที่ได้จากสาวๆทุกคนนั่นล่ะ คือยังอยู่ในกล่องตั้งเก็บไว้ในตู้อย่างดี ไม่แตะต้องแม้แต่น้อย

แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ถ้าแพรวาชอบพี่ธิปมากขึ้น แต่พี่ธิปไม่ได้ชอบด้วย เพื่อนฉันจะต้องเสียใจมากไหมนี่ หรือฉันควรจะทำเรืองนี้ให้สำเร็จเสียที แพรว่าเป็นเพื่อนรักฉันนะ ได้เธอเป็นพี่สะใภ้ ก็ดีกว่าได้ใครไม่รู้ละ

อีกคนหนึ่งในบ้านที่ฉันคิดว่าแปลกไป นั่นคือ คุณแม่ของฉันนั่นเอง ปกติคุณแม่ก็มีความสุขในแบบของตัวเองอยู่แล้ว ตลกธรรมชาติในแบบของตัวเองอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ดูตลกมากขึ้น ทำตัวป้ำๆเป๋อๆมากขึ้น ดูยุ่งกับคุณพ่อน้อยลง แต่กลับมาจุกจิกกับพวกเรามากขึ้น คงเป็นเพราะว่าช่วงนี้คุณพ่อก็ยุ่งมากเช่นกัน แต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ผิดสังเกตุ นั่นคือ คุณน้าหนูเล็กมักจะมาที่บ้านเราบ่อยๆในวันที่คุณพ่อไม่อยู่ แล้วก็จะนั่งจับเข่าคุยกัน คือนั่งจับเข่าจริงๆนะ คุณแม่มักจะวางมือบนเข่าน้าหนูเล็กพร้อมกับลูบเบาๆอย่างเห็นใจ(ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรกัน) จากนั้น น้าหนูเล็กก็จะลูบเข่าคุณแม่กลับด้วยความเห็นใจเช่นกัน(ฉันก็ไม่เข้าใจอีกล่ะ ว่าเรื่องอะไร) เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 1 สัปดาห์ จนในที่สุดฉันทนไม่ไหวเลยถามคุณแม่ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ให้ฉันช่วยได้ไหม

คุณแม่ที่กำลังทำอาหารกับพวกป้าๆอยู่ในครัวก็หัวเราะดังกว่าปกติ "ฮ่าๆๆๆๆ ปัญหาะไรกันจ๊ะสิดาริน น้าหนูเล็กเหงาน่ะ คุณจิทัศน์เขายุ่ง เลยมาคุยกับแม่แก้เบื่อเท่านั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นล่ะจ้ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮะ??????”

สงสัยคุณแม่จะหัวเราะมากไปหน่อย เลยลืมกลับปลาในกระทะจนควันขึ้นเป็นสัญญาณว่าปลาไหม้ ป้าๆในครัวกรีดร้องโวยวายเข้ามาแย่งกระทะไปเสียเอง "ว้ายยยคุณสิดีค้าา ป้าจะอกแตกตาย โอ๊ยๆๆๆ ทอดปลาไหม้ตั้งแต่สาวจนแก่เลยนะคะเนี่ย" ยายเนียร แม่ครัวใหญ่ของบ้าน โวยวายใหญ่ ยายคงเสียดายกระทะน่ะ ยายหวงเครื่องครัวในบ้านทุกชนิดเลยล่ะ ระหว่างนั้นแม่ฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วรีบปลีกตัวออกมาจากห้องครัว ฉันรู้สึกว่าคุณแม่เปลี่ยนไปจริงๆ ดูเหมือนจะหัวเราะมากขึ้น แต่ก็เหมือนไม่ใช่ของจริง เย็นวันเดียวกันนั้น คุณพ่อกลับมาบ้าน ฉันเลยรีบปรี่เข้าไปหาแล้วทำทีช่วยเก็บกระเป๋ากับเสื้อสูท ฉันดูอ้อนมากเกินความจริง จนพวกพี่ๆคิดว่าฉันคงจะประจบขออะไรสักอย่าง ส่วนคุณแม่ พอเห็นคุณพ่อเดินเข้ามาก็ลุกจากโต๊ะอาหาร(เย็นวันนั้นคุณพ่อทานข้าวมาจากข้างนอก) เข้าไปในครัวทันที

“เหนื่อยไหมคะคุณพ่อ มาค่ะรินช่วย คุณพ่อไปทานที่ไหนมาเหรอคะวันนี้" ฉันก็ถามๆไปเรื่อยเปื่อย แล้วเดินตามคุณพ่อมาที่ห้องนอน

“พ่อไปทานกับลุงทัศน์มาน่ะลูก แล้วเป็นไงล่ะเราช่วงนี้ ได้ข่าวว่าใกล้สอบกับมีงานกีฬาสีไม่ใช่เหรอเรา อ่านหนังสือทันหรือเปล่่่า" คุณพ่อพูดพลางถอดถุงเท้า ส่วนฉันก็นอนเล่นบนเตียง ฉันเฝ้าสังเกตุคุณพ่อที่นานๆจะทำสักครั้งหนึ่ง คุณพ่อยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ไม่ลงพุง สูงโปร่งเหมือนรูปสมัยหนุ่มๆไม่ผิด

“ก็อ่านทันนะคะ มีพี่ส้มเช้งช่วยติวด้วยค่ะ พี่รนทร์กับพี่ธิปไม่ว่างแล้ว เอ้อคุณพ่อคะ คุณพ่อว่าหมู่นี้คุณแม่แปลกไปไหมคะ" สิ้นเสียงฉัน คุณพ่อชะงักนิดหนึ่ง
“แปลกไปยังไงเหรอลูก ช่วงนี้พ่อยุ่งไม่ค่อยได้คุยกับแม่เขาเลย" พูดเสร็จคุณพ่อดูเศร้าๆไป
ฉันนอนกลิ้งไปมา "เอ แปลกนะคะ นอนห้องเดียวกัน ไม่ค่อยได้คุยเหรอคะ"
คุณพ่อเดินไปวางมือถือที่โต๊ะหัวเตียงแล้วถอดเนคไท "ก็...ช่วงนี้พ่อกลับดึก มาถึงแม่เขาก็นอนแล้ว หรือบางทีพ่อกลับเร็ว แม่เขาก็ยุ่งกับงานในครัวจนขึ้นมามืด เลยไม่ได้คุยกัน แล้วรินว่าแม่เขาแปลกไปยังไงล่ะลูก"
ฉันได้ฟังเรื่องห่างเหินของสามี ภรรยาแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้ชักมีกลิ่นไม่ดี "ก็คุณแม่ดูหัวเราะมากกว่าปกติ แล้วน้าหนูเล็กชอบมาหาบ่อยๆ เวลาคุยก็ดูเครียดๆ"
คุณพ่อหันหน้าเข้าหากระจกแล้วปลดเนคไทออก ฉันอ่านท่าทางและสีหน้าของคุณพ่อที่สะท้อนจากกระจกนั้น และรู้สึกได้ว่ามีความไม่สบายใจแฝงอยู่
ด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ห่างเหินกัน ปกติคู่นี้ก็ไม่ได้หวานแหววอะไรหรอก แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในบ้าน พ่อแม่ฉันมักจะรับรู้ทุกเรื่องพร้อมๆกัน และไม่ว่าหนึ่งในสองคนนี้จะไปไหน จะทำอะไร มีปัญหาอะไร ไม่มีใครรู้ดีมากกว่าสองคนนี้เป็นแน่

“คุณพ่อยังไม่ตอบรินเลยนะคะ" แล้วหัวสมองฉันก็คิดไปเรื่อยๆ หรือเพราะงานบริษัทมีปัญหา แต่ก็ไม่มีนะ ไม่อย่างนั้นคุณแม่ก็จะอธิบายแล้ว เวลาคุณพ่อกลับดึก ช่วงนี้คุณแม่ตอบแค่ว่า "แม่ก็ไม่รู้จ้ะ" แล้วฉีกยิ้มนางงาม

คุณพ่อสะดุ้งเบาๆ ขณะเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนอน

นี่ก็ผิดสังเกตุอีกล่ะ ปกติคุณแม่จะวางชุดนอนบนเตียงให้คุณพ่อเสมอ ฉันเห็นประจำ เวลาเข้ามานอนเล่น

“แม่เขาก็ชอบทำอะไรตลกๆอยู่แล้วหรือเปล่าลูก น้าหนูเล็กคงเหงา เพราะลุงจิทัศน์ก็งานมาก เลยมาหาเพื่อนคุย พ่อว่าไม่น่าจะมีอะไรนะ เดี๋ยวคืนนี้พ่อจะถามให้ ดีไหม พ่อว่าเราน่ะไปอาบน้ำนอนได้แล้ว"
แล้วคุณพ่อก็หันมายิ้มอย่างอบอุ่นเหมือนที่เคยเป็นให้ฉัน
ฉันรู้มาตลอดนะ ว่าฉันมีชีวิตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ฉันก็ได้เรียนรู้ตอนเรียนวิชาพุทธศาสนาว่าโลกนี้ไม่มีความแน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นกับเราได้เสมอ และถ้าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตฉันจริงๆ ฉันคิดว่ายังไม่พร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้น ฉันอายุแค่ 16 ปี นะ ฉันต้องค่อยๆเรียนรู้สิ จะให้อยู่ดีดีเกิดระเบิดตู้ม ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปทันทีไม่ได้นะ ไม่ได้!!!!
ฉันเลยลุกขึ้นไปกอดคุณพ่อ แล้วซุกศีรษะกับอกอบอุ่นที่ฉันคุ้นเคยมาตลอดตั้งแต่เด็ก รู้สึกไม่สบายใจอย่างไรพิกล
“คุณพ่อคะ...” น้ำเสียงฉันเบาลง แล้วกระชับอ้อมแขนกอดคุณพ่อแน่นขึ้น คุณพ่อก็กอดฉันแน่นเหมือนกัน
“มี...อะไรหรือเปล่าลูก" เสียงคุณพ่อเหมือนจะปลอบโยน แต่ก็กังวล กลิ่นตัวเดิมๆของคุณพ่อ หอมอย่างไรก็หอมอย่างนั้น
“ริน...รินกลัวค่ะ" ฉันสารภาพออกไป ใจฉันมันสั่นหวิวๆ กลัวว่าสิ่งที่คิด ที่กังวลมาทั้งหมด มันจะเป็นจริง
คุณพ่อหอมผมฉันแล้วเชยคางฉันขึ้น "ไม่เอาน่าลูก ลูกกลัวอะไรจ๊ะ...ไหนบอกพ่อซิ...”
ฉันเริ่มน้ำตาปริ่ม แล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา หวังว่าคุณพ่อจะเข้าใจและยอมรับความจริงที่ฉันจะพูดได้
“รินกลัว...คุณแม่เป็นบ้า...”
คุณพ่อเบิกตามองฉันอย่างประหลาดใจ ก่อนที่สีหน้าตกใจผสมงงงวยนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นอ้าปากกว้างระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ แม่เขาไม่เป็นบ้าหรอกลูก เรื่องนี้พ่อยืนยัน เอาเถอะๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว พ่อจะจัดการแม่เขาให้หายบ้าเอง เอ้ย พ่อหมายความว่า พ่อจะคุยกับแม่เขาเอง"
นั่นล่ะ ฉันกำลังคิดว่าเรื่องนี้มันยังมีอะไรเคลือบแคลงอยู่ ถ้าคุณแม่ไม่เป็นบ้า แล้วคุณแม่จะเป็นอะไร หวังว่าคุณพ่อจะรีบๆพิสูจน์ให้ฉันนะ

สิดาริน

มันชักจะไปกันใหญ่แล้วบ้านนี้ อันดับแรกคือคุณพ่อบังคับให้ลูกชายฉันไปเรียนต่างประเทศจนได้ แล้วนรนทร์ก็ยอมแต่โดยดี คงเหนื่อยที่จะโต้แย้งแล้วล่ะมั้ง ฉันก็คงเป็นแม่ที่ไม่ดีเท่าไรนัก ฉันช่วยเถียงแทนลูกไม่ได้ เพราะฉันเป็นสะใภ้ ฉันพูดอะไรไปก็ไม่เคยมีน้ำหนักเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายแล้วฉันต้องทนเห็นลูกทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ นรนทร์ดูไม่มีความสุขเลยในช่วงใกล้สอบนี้ แถมต้องเตรียมตัวไปติดต่อเรื่องเรียนต่อเดือนหน้าอีก เราสองคนแม่ลูกเลยไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร เพราะนรนทร์กลับจากที่เรียนพิเศษมืดทุกวัน พอกลางคืนฉันจะเข้าไปคุยก็นอนหลับเร็วกว่าปกติ

เรื่องที่สองคือยัยดารินก็หมกมุ่นเรื่องสอบเก็บคะแนนไม่แพ้กัน ฉันเลยต้องเลี้ยงวิดเจี้ยน คอยจับตาดูมันว่ามันปวดถ่ายตอนไหน เพราะฉันต้องรีบคว้าตัวมันไปขับถ่ายหลังบ้านจนมันเป็นนิสัย และหวังว่ามันจะเริ่มระลึกได้เองว่าตรงไหนควรขับถ่าย ไม่ใช่เท่านั้น ฉันต้องคอยตามเก็บของทุกอย่างที่มันทำรก ฉันโดนคุณแม่และพี่ๆแม่ครัวคอยบ่นเรื่องนี้ทุกวัน ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ตอนตาซันส่งมาให้ คุณแม่ดูกระตู้วู้ดีใจมาก แล้วดูตอนนี้สิ แทบจะถลกหนังศีรษะของฉันเอาไปต้มกินได้แล้วมั้ง เพราะมีวันหนึ่งเจ้าวิดเจี้ยนดันไปปัสสาวะรดพรมเปอร์เซียสุดหรูเข้า ให้ตายสิ!!! โชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่พี่ส้มเช้งคอยช่วยบ้าง

นราธิปนี่ปัญหาน้อยหน่อย แต่ช่วงนี้ก็ซ้อมบาสหนักทุกวัน ใกล้สอบอีก เห็นกลับมาก็ต้องรีบทานอาหารแล้วทำการบ้านอ่านหนังสือดึกดื่น คนเป็นแม่ที่พยายามจะทำให้ทุกอย่างมันดีที่สุดอย่างฉันก็ต้องคอยหาของกินที่บำรุงร่างกายและสมอง ไหนจะของว่างตอนอ่านหนังสือดึกอีก แต่เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหา เมื่อเทียบกับเรื่องที่ว่ามีโทรศัพท์ลึกลับจากสาวๆต่างโรงเรียนโทรเข้ามาบ้านฉันไม่เว้นแต่ละวัน ขอสายนราธิปบ้างล่ะ พอฉันบอกว่าลูกชายฉันยังไม่กลับมา หรือขึ้นไปนอนแล้ว พวกหล่อนบางคนที่มีมารยาทก็ดีไป แต่บางก็ด่าฉันฉอดๆว่าฉันเป็นยายแก่หวงลูก นราธิปก็ตกใจพอควรเมื่อรู้เรื่องนี้ เพราะธิปไม่มีมือถือ และไม่รู้ว่าสาวๆพวกนั้นไปได้เบอร์ที่บ้านมาได้อย่างไร แต่ในที่สุดฉันก็แก้ปัญหานี้ด้วยวิธีสุดคลาสสิคของฉันเอง นั่นคือดึงสายโทรศัพท์ออกเสียเลย เพราะทุกคนในบ้านมีมือถือกันหมดแล้ว เว้นแต่ลูุกๆฉันเท่านั้น

แต่ปัญหาทุกอย่างที่กล่าวไปทั้งหมด ก็เทียบไม่ได้กับปัญหาที่กำลังเกิดใกล้ตัวฉันเอง คุณนรินทร์อย่างไรล่ะ ตั้งแต่วันที่ฉันเช็คโทรศัพท์เขา ฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงเขาให้มากที่สุด ฉันผิดหวังในตัวเขามาก ฉันไม่รู้จะหาอะไรมาแก้ต่างให้กับเรื่องนี้ ตอนแรกฉันก็พยายามหาเหตุผลทั้งหมด ว่าตอนนั้นฉันอาจจะโทรผิด ก็ไม่น่าเป็นไปได้ อีกทั้งพฤติกรรมของเขาที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือกลับดึก เสาร์ อาทิตย์บางทีก็ไม่อยู่บ้าน แถมเก็บมือถือไว้มิดชิดมากขึ้น มันก็ดูจะตอบโจทย์หลายข้ออยู่

หนูเล็กก็ประสบปัญหานี้เหมือนกัน เราสองคนกำลังอยู่ในช่วงทำใจ และคิดวางแผน นี่แปลว่าคุณนรินทร์กับคุณจิทัศน์มีเมียน้อยชื่อ อรรถวิทย์ คนเดียวกัน หรือไม่ก็ เป็นเอเย่นคอยหาเด็กให้ ทำนองนั้น ฉันคิดไปคิดมาแล้วไม่อยากจะเชื่อ ว่าคุณนรินทร์ที่หยิ่งผยองในศักดิ์ศรี และรักครอบครัวนักหนา จะทำอะไรแบบนี้ได้
ฉันกับหนูเล็กเลยรวบรวมหลักฐานให้เพียงพอที่จะมัดตัวสามีให้อยู่หมัดเสียก่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว นอกจากเรื่องที่ว่ากลับดึก มีเวลาให้น้อยลง ก็ไม่เห็นจะเจออะไรอย่างว่า เช่น ลิปสติก เส้นผมที่ตัว หรือบนรถ
“ฉันได้กลิ่นแป้งเด็กแคร์" หนูเล็กพูดขึ้นมาในวันหนึ่ง แต่ฉันไม่ได้กลิ่นอะไรหรอก เพราะจมูกฉันไม่ค่อยจะดี แต่นั่นก็ทให้ฉันนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
“ฉันเคยเจอเศษแป้งที่ปกเสื้อ กับไหล่ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นแป้งของเขาเอง แต่ความจริงคือ คุณนรินทร์ไม่เคยทำแป้งหกพร่ำเพรื่อ"
หนูเล็กกอดอกครุ่นคิดอย่างหนัก ใบหน้าสวยๆของเธอช่วงนี้หม่นหมองลง
“ไม่พอ หลักฐานแค่นี้ไม่พอ ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดีสิดี ฉันกลัวว่าถ้าเราตามต่อไปเรื่อยๆ แล้วจับได้คาหนังคาเขา ฉันคงจะทนเห็นภาพนั้นไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่อยากอยู่โง่ๆ แบบนี้" แล้วเธอก็เริ่มร้องไห้
ฉันยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ พอลองนึกภาพตามอย่างที่หนูเล็กว่า
“นี่พวกเราแน่ใจกันจริงๆใช่ไหม ว่าสามีของเรามีเมียน้อย เธอเคยลองโทรเบอร์ อรรถวิทย์ หรือยัง ฉันว่าถ้าสบโอกาสฉันจะลองกดโทรซ้ำ เพื่อความแน่ใจ"
หนูเล็กสะอื้นเข้าไปใหญ่ "ไม่ต้องโทรหรอก ฉันขับรถตามเขาไปเลยต่างหาก คุณจิทัศน์น่ะ ขับรถเข้าไปในซอยที่ไม่คุ้นเคยเลย และย่านนั้นไม่มีเพื่อนของเขาอยู่แน่ๆ เพราะมันเป็นชุมชนแออัด"
ฉันตาเบิกกว้าง "อะไรนะ!!! แล้วสุดท้ายเธอได้เห็นไหมว่าเขาไปไหน”
หนูเล็กก้มหน้าซบฝ่ามือ สะอึกสะอื้น ฉันปลอบแทบไม่อยู่ "เด็กแว้นมันชนรถฉันก่อนนะสิ เลยต้องเคลียร์ประกันกันอีก ตามไม่ทันเลยทีนี้ เด็กบ้า!!!” มาถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าหนูเล็กโกรธคุณจิทัศน์ หรือเด็กแว้นมากกว่ากัน
ยิ่งคิดเรื่องนี้ ฉันก็ยิ่งหม่นหมองใจ ฉันถามตัวเองว่า เมื่อพิสูจน์ได้จริงแล้วว่าเขานอกใจ ฉันจะทำอย่างไรต่อ จะเลิกกับเขา? จะอกจากบ้านนี้? จะปล่อยให้ลูกๆไม่อบอุ่น กลายเป็นเด็กบ้านแตก?
ฉันต้องการอย่างนั้นจริงๆหรือ?
“ผมรอคุณเป็นชั่วโมง" ฉันเปิดประตูห้องนอนเขาไปเป็นเวลาเกือบตีหนึ่ง ซึ่งตามปกติคุณนรินทร์จะนอนหลับไปนานแล้ว
ฉันตกใจที่เขานั่งไขว่ห้างเรียบร้อยบนเตียง รอฉัน เหมือนสมัยเรายังเป็นหนุ่มสาวที่เขามักจะรอฉันกลับจากงานครัวไม่มีผิด
ฉันประหลาดใจ แต่ก็รีบๆเดินผ่านไปหยิบผ้าขนหนู เตรียมอาบน้ำ
“งานครัวมันยุ่งมากเลยหรือ เป็นสัปดาห์แล้วนะ" เขาซักถามฉัน ราวกับฉันทำอะไรน่าสงสัย ทั้งๆที่ตัวเขาต่างหากล่ะ ที่ควรจะโดนฉันสอบสวน
“ก็เจ้าวิดเจี้ยนทำรกไปหมด ฉันก็ต้องเก็บ" ฉันตอบห้วนๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ แอบเหลือบมองไปที่โต๊ะข้างเตียง แต่ไม่เห็นว่ามีโทรศัพท์เขาวางอยู่ คงจะเก็บมิดชิดสินะ
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน" เขาลุกจากเตียง กระโดดมาขวางทางฉันไว้
ฉันไม่ยอมสบตา และทำทีไม่ใส่ใจ "ฉันจะไปอาบน้ำค่ะ"
แล้วคุณนรินทร์ก็จับแขนสองข้างของฉันแน่น และดึงตัวเข้าไปหา "ไม่เอาน่าสิดี คุณเปลี่ยนไปนะ คุณไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า รู้ไหมว่ายัยรินกลัวคุณจะเป็น...”
คุณนรินทร์พูดค้างไว้ แล้วทำท่าเหมือนกลั้นหัวเราะ อะไรของอีตาบ้านี่!
“ฉันเจ็บนะ...โอ๊ย..ลูกกลัวฉันเป็นอะไร??”
“กลัวคุณเป็นบ้า...” แล้วเขาก็หลุดขำนิดนหนึ่งก่อนจะตีหน้านิ่ง "สิดี คุณเป็นอะไร คุณหลบหน้าผมมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว ดารินบอกว่าคุณดูเปลี่ยนไปด้วย"
ฉันหัวเราะเบาๆด้วยความเสียใจ "ต้องให้ยัยรินมาบอกเหรอคะ ถึงรู้ว่าฉันเปลี่ยนไปน่ะ" ฉันประชด
คุณนรินทร์ถอนหายใจเบาๆ คลายมือที่จับแขนฉันไว้ แล้วเชยคางฉันขึ้นมาสบตา คนเป็นภรรยาน่ะนะ สามีทำแค่นี้ ก็ใจอ่อนจะแย่แล้ว
“คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกผมสิ อย่าเก็บเงียบอย่างนี้เลย ผม...รักคุณนะ" แล้วเขาก็ก้มหน้าลงมาจูบปากฉัน จู่ๆเขาก็มาทำหวาน ทั้งๆที่เป็นคนไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้
คุณนรินทร์...คุณอย่าทำอย่างนี้สิ...ฉันก็รักคุณนะ...แต่คุณ...ดูที่คุณทำกับฉันและลูกๆสิ...แล้วคุณยังมีหน้ามาพูดอะไรอย่างนี้อีกเหรอ...ฉันชักจะเริ่มตัวอ่อน แต่แล้วก็คิดได้ว่า ริมฝีปากคู่นี้ของเขา นอกจากจะจูบฉันแล้ว คงไปจูบผู้หญิงอื่นอีกสินะ ฉันจะไม่ยอมใช้ของร่วมกับใครเด็ดขาด!
“โอ๊ย!!!!!!!! สิดี!!!!” คุณนรินทร์ร้องลั่น หลังจากฉันเตะผ่ากลางหว่างขา
“ก็แหม....คุณจูบฉันไม่ทันตั้งตัว ฉันก็ตกใจแบบสมัยสาวๆสิคะ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ รีบนอนเสียล่ะ" แล้วฉันก็เดินราวกับนาพญาเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้คุณนรินทร์นอนร้องครางกุมเป้าบนพื้นอยู่อย่างนั้น คิดแล้วก็สมน้ำหน้า นี่ยังน้อยไปนะ ไว้ให้ฉันหาหลักฐานมามัดตัวให้ได้ก่อนเถอะ!
คุณคิดจะอ้อนให้ฉันใจอ่อนอย่างนั้นเหรอ คิดผิดแล้วล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะสะกดรอยตามคุณ พ่อตัวดี!!!

Email:
ถึงน้องริน
อากาศที่นี่เริ่มหนาวจัด หิมะโปรยลงมาทุกวัน ทำให้รู้สึกเหงาๆชอบกล พี่แทบออกไปข้างนอกไม่ไหว เพราะมันหนาวเหลือเกิน แต่ก็ต้องไปเรียนจะได้จบไวไว รีบกลับเมืองไทย
อากาศเมืองไทยคงเย็นกำลังดีใช่ไหม น้องรินใกล้สอบแล้วนี่ หวังว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่มัวแต่เลี้ยงวิดเจี้ยนนะ พูดถึงวิดเจี้ยน ตอนนี้ฝึกนิสัยจนเป็นผู้ดีแล้วหรือยัง ว่างๆก็ถ่ายรูปวิดเจี้ยนคู่กับเจ้าของส่งมาให้พี่ดูบ้าง
เดี๋ยวพี่ต้องออกไปหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์กับเพื่อนๆก่อน แต่ตอนนี้ที่เมืองไทยคงจะดึกมากแล้ว รินคงหลับไปแล้วสินะ ว่างเมื่อไรก็เมลตอบพี่บ้าง
คิดถึง
ซัน
email sent

inbox(1): Dina Sitra – พี่ซััน^^
Email: สวัสดีค่ะพี่ซัน
พีซันเป็นอย่างไรบ้างคะ ที่อังกฤษตอนนี้คงจะหนาวมากเลยใช่ไหมคะ หวังว่าพี่ซันคงจะมีแรงเรียนหนังสือ ไม่ใช่ตัวแข็งไปก่อนนะคะ ดีมีเรื่องสำคัญอยากบอกพี่ซันค่ะ คุณแม่ตัดสินใจส่งดีไปเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษค่ะ ตอนแรกดีไม่อยากไปเลย และกังวลมาก แต่คุณแม่กับคุณพ่อก็ยืนยันที่จะให้ดีไปค่ะ ดีก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า อย่างน้อยก็ยังมีพี่ซันที่รู้จักกันอยู่ที่นี่ ดีเลยเมลมาฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อน และถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปดีคงจะขอคำแนะนำพี่ซันเกี่ยวกับเรื่องเรียนและที่พักในอนาคตอันใกล้นี้นะคะ
ดึกมากแล้ว เดี๋ยวดีต้องรีบนอนก่อน แล้วดีจะเมลมาบอกรายละเอียดอีกทีนะคะ
ฝันดีค่ะ
ดีน่า
ปล. หวังว่านี่จะไม่เป็นการรบกวนพี่ซันมากไปนะคะ แต่ดีกลัวมากจริงๆค่ะ ถ้าต้องไปเรียนต่างประเทศคนเดียว ><





อุอิๆๆๆๆ




ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2557, 23:38:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 23:38:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1274





<< (10)จับผิด   (12)สะกดรอย >>
ใบบัวน่ารัก 6 ต.ค. 2557, 07:22:59 น.
น่านไงไปกันคนละมุมของแต่ละคน
รินยังเด็กน้อยจริงๆต้องให้เวลาเยอะๆๆ
เอาเรื่องพ่อกะแม่ก่อนเกิดอะไรเนี่ย บอกความจริงมาดิ


konhin 6 ต.ค. 2557, 07:41:18 น.
อ้าว ทีตัวเองยังมองออกว่าเมียเปลี่ยนไป แล้วทำไมไม่คิดกลับกันบ้างว่าปิดเองไม่มิดหรอก


แว่นใส 6 ต.ค. 2557, 08:35:32 น.
ทำเป็นมีลับลมคมในนะ


agentaja 6 ต.ค. 2557, 21:06:56 น.
ตกลงลับลมคมในเรื่องไรเนี้ย


ลายเส้น 6 ต.ค. 2557, 21:09:14 น.
กี๊ดดดด มีคนมาเม้นสี่คนแว้ววว คิดถึงงง เก๊าจาพยายามเขียนทุกสัปดาห์


เคสิยาห์ 7 ต.ค. 2557, 00:44:25 น.
สิดาริน หล่อนหายไปเป็นชาติเลยนะยะ ชั้นคิดว่าหล่อนแต่งงานกับพี่ซันไปแล้วซะอีกนะเนี่ย


ผักหวาน 8 ต.ค. 2557, 16:16:36 น.
นั่นๆๆๆ เจอผ่าหมากเข้าให้ ระวังในหมากกระเด็นนะคะคุณนรินทร์ขา


ling 14 ต.ค. 2557, 20:45:36 น.
คุณเคสิยาห์ พูดได้ใจมากเลยคะ หายไปนานมั่กกกกกกกกก อิอิ



เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account