วิมานแสงจันทร์ (ชื่อเดิม ดวงใจศิลารัศมิ์) สนพ.คำต่อคำ
ความสุขความรื่นรมย์ในวังศิลารัศมิ์จบสิ้นลงแล้วจริงหรือ
อะไรคือสาเหตุของเรื่องร้ายๆทั้งหมด

เงื่อนงำ และเงามืดดำ ที่แอบแฝงอยู่ในวัง ยังรอทายาทที่แท้จริงกลับมาสะสาง!
Tags: กานต์ญา วิมานใจใต้ม่านดาว ลับลมคมรัก วิมานแสงจันทร์ พีเรียด โรแมนติก ซ่อนเงื่อนด้วยนะ พี่ดิน น้องศศิ

ตอน: บทที่ 4 : จุดใต้ตำตอ (รีไรท์)


“ขอบคุณมากนะครับ คุณ...” ปถวีอ้ำอึ้งเล็กน้อย เจ้าของบ้านจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเปี่ยมไมตรี

“ผมชื่อจักรครับ”

“จักร...คุณชื่อจักรอย่างนั้นเหรอครับ!” คนไข้ผุดลุกขึ้นนั่งหลังตรง หัวใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำ “ช่างบังเอิญจริง ผมมาจากพระนคร ก็เพราะจะมาหาคนที่ชื่อจักรเหมือนกันครับ”

“อย่างนั้นเหรอครับ ท่าทางจะมีคนชื่อจักรล้นจังหวัดเสียแล้วสิ” หนุ่มใหญ่หัวเราะร่วน คล้องแขนกับคอลูกสาวหลวมๆอย่างสนิทสนม “แล้วคนที่คุณมาหา จักรไหนล่ะ ให้ผมไปตามให้มั้ย”

“อ๋อ เขาไม่รู้จักผมหรอกครับ ผมมาตามหาเขา เพื่อใครคนหนึ่ง”

“อ้าว! รู้สึกตัวแล้วเหรอคะคุณ” บังอรและนงนุชถือปิ่นโตอาหารเดินเข้ามา ยิ้มละไมทั้งแม่และลูก “ทานข้าวก่อนสิคะ ฉันทำอาหารมาให้ เผื่อคุณไม่อยากทานอาหารของโรงพยาบาล”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มสุภาพ

“แม่กับพี่สาวของฉันค่ะ” นิชดาแนะนำ

ชายหนุ่มจึงได้ทำความเคารพบังอร แล้วส่งยิ้มทักทายนงนุช

“เออ ว่าแต่คุณ...” จักรเหลียวมองหาป้ายชื่อคนไข้ แต่ไม่พบ คลับคล้ายคลับคลาชื่อที่ติดอยู่หน้าประตู แต่ก็ไม่แน่ใจ

“เรียกผมว่าดินก็ได้ครับ”

“ครับคุณดิน คุณมาตามหาจักรไหนนะครับ”

“นายจักร สุรนาถ เคยได้ยินชื่อบ้างมั้ยครับ”

“นายจักร สุรนาถ!” สี่คนพ่อแม่ลูกอุทานขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่นงนุชจะหัวเราะตัวงอ น้ำตาไหลพราก แล้วเอ่ยเหมือนใจจะขาด ในระหว่างที่ไม่มีใครทันตั้งตัว

“ก็...ก็ นี่ไงคุณ นายจักร สุรนาถ ยืนอยู่นี่แล้วไง”

“หนูนุช!” มารดาหันมาปราม “ถ้าเขามาตามหาเพื่อฆ่าพ่อจะทำยังไง แม่เคยสอนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าบอกเรื่องในครอบครัวเรากับคนแปลกหน้า”

“ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ” ปถวีละล่ำละลัก “ผมยืนยันได้ คุณจักรครับ” ชายหนุ่มทำท่าจะลงจากเตียงคนไข้ แต่ขยับตัวได้ไม่เท่าไหร่ก็ร้องโอดโอย นิชดาจึงเข้าไปช่วยประคองเอาไว้ แล้วเอ่ยกึ่งตัดพ้อ

“ถ้าคุณไม่ได้มีเจตนาร้าย แล้วคุณมาตามหาพ่อฉันทำไมคะ”

“นั่นน่ะสิคะ มาตามหาทำไม” นงนุชทำท่าทีขึงขังปกป้องบิดา แก้ตัวที่ทำพลาดไปเมื่อนาทีก่อน “ถ้าไม่บอกมาดีๆ สวยแน่งานนี้”

“หม่อมประไพส่งผมมาครับ”

“ฮ้า!...หม่อมประไพ! ...หนีเร็ว!” จักรและบังอรสบตากัน สีหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะผลุนผลันจูงมือกันวิ่งออกนอกห้องพักฟื้นไปราวกับคนถูกผีหลอก ประตูห้องปิดลงเพียงชั่วอึดใจ สองสามีภรรยาก็กลับเข้ามาคว้าตัวลูกสาวสองคนที่กำลังยืนงุนงงกับท่าทีของบุพการีอยู่ให้ออกจากห้องไปด้วย

ปถวีแกะสายน้ำเกลือที่ข้อมือออก แล้ววิ่งกะโผลกกะเผลกติดตามไปทันที เห็นหลังไวๆของทั้งสี่คนตรงหัวมุมบันได เขาเร่งฝีเท้าตามไปสุดชีวิต

“พ่อคะ แม่คะ เราจะหนีทำไมคะ” นงนุชกระหืดกระหอบ

“คนพวกนั้นจะฆ่าเรา” จักรตอบกลับ

“คุณดินจะฆ่าเรา” นิชดาพึมพำด้วยความผิดหวัง

“ใช่!” จักรกระแทกคำ ในใจหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต ครั้งนี้นับเป็นหนที่สองแล้ว ที่คนจากวังศิลารัศมิ์ออกตามล่าสังหารพวกเขา
ครั้งแรกเกิดขึ้นหลังกลับมาจากงานสวดศพของคุณชายวรโชติได้ไม่นาน มีชายฉกรรจ์บุกมายังบ้านสวนที่จังหวัดพิษณุโลกสองสามคน แต่เขาไหวตัวทันจึงขับรถพาครอบครัวหลบหนีไปอยู่ยังบ้านในตัวเมืองของมารดาอย่างฉุกละหุก แล้วแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับตำรวจเอาไว้ คนร้ายจึงยอมรามือไป

จากนั้นหนุ่มใหญ่ก็อพยพครอบครัวออกห่างจากพระนครมากขึ้นทุกที เพื่อแสดงเจตจำนงให้คนร้ายได้รู้ ว่าเขาจะไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับคนในวังศิลารัศมิ์อีก และถึงแม้ตำแหน่งหน้าที่การงานของจักรจะทำให้ง่ายต่อการติดตามตัว ทว่าเพราะหน้าที่การงานอีกนั่นแหละ ทำให้คนร้ายไม่กล้าทำอะไรเอิกเกริกกับข้าราชการคนสำคัญของจังหวัดนัก เขาจึงอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงวันนี้

แต่แล้วทำไมจู่ๆถึงได้มีคนของหม่อมประไพมาตามหาพวกเขาเช่นนี้ได้ พวกมันยังต้องการอะไรจากเขาอีก!

นิชดาขึ้นนั่งเบาะหลังของรถ หญิงสาวหันมองปถวีซึ่งเสียหลักหกล้มอยู่ตรงหน้าอาคาร ความรู้สึกมากมายผุดขึ้นชวนให้สับสน ประหนึ่งมีสายใยผูกพันบางอย่างพาให้หวั่นไหว

ผู้ชายใจดีคนนั้นช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เขายังบาดเจ็บ ไม่แข็งแรง แต่...เขามาเพื่อฆ่าบิดาของเธออย่างนั้นหรือ ในตอนนี้รู้เพียงว่าต้องหลีกหนีให้ห่างไกล แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับดึงดูดให้อยากเข้าใกล้ มันบีบรัดหัวใจราวกับจะขาดรอนๆ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่นะ

“น้องศศิ... นั่นน้องศศิใช่มั้ย” ปถวีทำได้เพียงไขว่คว้าอากาศ เมื่อรถเก๋งโตโยต้าสีเขียวขี้ม้าคันใหญ่แล่นออกห่างจากเขาไปจนสุดสายตา




เพราะเหตุการณ์บานปลายมากกว่าที่คิด ปถวีจึงต้องโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือไปยังผู้กองวฤทธิ์ให้ช่วยประสานงานเป็นการภายใน ขอให้ตำรวจท้องที่ช่วยเดินทางไปยังบ้านพักของนายจักร สุรนาถ พร้อมกับเขาภายในคืนนี้ ก่อนที่จักรจะลาพักร้อน เพื่อวิ่งเต้นทำเรื่องขอย้ายด่วนไปอยู่ที่อื่น

และก็เป็นจริงดังคาดการณ์ เมื่อปถวีกับตำรวจอีกสองนายเดินทางไปถึง จักรได้จ้างวานคนงานชายสองคนให้ถือปืนลูกซองยืนคุ้มกันอยู่หน้าบ้าน ในขณะคนงานหญิงในตัวเรือนกำลังสาละวนเก็บสิ่งของเครื่องใช้ลงกล่องกระดาษ เตรียมการโยกย้ายอย่างโกลาหล

“คุณจักรครับ ผมมาดีนะครับ ผมมีตำรวจมาเป็นพยานรับรู้ด้วย ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณนะครับ” ปถวียืนตะโกนอยู่หน้าบ้านอย่างมุ่งมั่น

“ตำรวจอย่างนั้นเหรอ” จักรแง้มบานหน้าต่างออกดู เห็นนายตำรวจตงฉินซึ่งเคยพบเจอกันตามงานต่างๆของจังหวัดติดตามมาจริงก็ชักลังเล หันไปปรึกษากับภรรยา “เอาไงดีบังอร”

“ตำรวจมาก็ดีค่ะ ลงไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องไปเลย ถ้าไม่อย่างนั้นก็แจ้งความจับเสียตรงนี้แหละ”

“เอางั้นนะ” เมื่อภรรยาพยักหน้าสำทับ จักรจึงหันมาสั่งความกับลูกทั้งสอง “เดี๋ยวพ่อกับแม่จะลงไปคุยกับคนพวกนั้นให้รู้เรื่อง หนูสองคนรออยู่ในห้องนี้นะลูก ห้ามออกไปไหน จนกว่าพ่อแม่จะกลับมา”

“ค่ะ” นงนุชรับคำหน้าตื่น ไม่ต้องไตร่ตรองให้เสียเวลา แต่พอบุพการีทั้งสองคล้อยหลังออกไป หญิงสาวก็หันมาพยักพเยิดกับน้องสาว
เป็นอันรู้กัน นิชดาไม่รอช้า ย่องตามหลังนงนุชไปติดๆ ในยามนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของบิดามารดาอีกแล้ว ก่อนพึมพำตัดพ้อ

“คุณดิน...คุณตามมาที่นี่อีกทำไม...”




การเจรจาตกลงเริ่มขึ้นในห้องรับแขกกลางเรือน จักรและบังอรนั่งเคียงคู่กันอยู่บนโซฟาตัวยาว ปถวีและตำรวจทั้งสองนายนั่งเก้าอี้คนละตัวอยู่ฝั่งตรงข้าม ณ หัวมุมห้องตรงริมทางเดินเชื่อมต่อระหว่างห้องอาหารกับห้องรับแขก นงนุชและนิชดาแอบเงี่ยหูฟังอยู่อย่างตั้งใจ

“ผมขอแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ ผมชื่อปถวี พิสุทธิ์กุล เป็นลูกชายของพ่อปิยะ พิสุทธิ์กุล เจ้าของบริษัทปิยะไลติง บ้านของเราอยู่ติดกับวังศิลารัศมิ์มาตั้งแต่สมัยคุณปู่ ผมไม่ใช่คนในวังศิลารัศมิ์นะครับ”

“คุณดิน เป็นลูกชายของคุณปิยะนี่เอง” แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่จักรก็ยังพอจดจำเจ้าของบ้านหลังสวยข้างเคียงสมัยที่อาศัยอยู่ในวังศิลารัศมิ์ได้ นั่นหมายความว่าปถวีไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องและมีผลได้ผลเสียในการฆาตกรรมของคนในวังศิลารัศมิ์ หนุ่มใหญ่จึงวางใจขึ้นมาบ้าง

“ครับ ผมเพิ่งกลับจากอเมริกาได้ไม่นาน และได้มีโอกาส...จะว่าไปแล้วไม่น่าจะใช่โอกาส แต่เป็นการลักลอบมากกว่า ผมมุดรั้วจากบ้านของผม ลักลอบเข้าไปกราบเยี่ยมหม่อมประไพที่สวนหลังวัง”

“ใช่สิ ไม่มีใครสามารถเข้าออกวังศิลารัศมิ์ได้มานานแล้วนี่” จักรครุ่นคิดตาม “แล้วหม่อมป้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ท่านป่วยหนักครับ” ปถวีทอดถอนใจ “ซูบผอม จดจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ผิดกับหม่อมย่าคนเดิมราวกับคนละคน ตอนนี้คุณประพงษ์ควบคุมดูแลตำหนักใหญ่และทางเข้าออกทั้งหมด จึงไม่ค่อยสะดวกนักหากจะพาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยพลการ แล้วตัวท่านเองก็ไม่ยอมไปเสียด้วย เพราะหมดอาลัยที่จะมีชีวิตอยู่ ความต้องการสุดท้ายของท่านในตอนนี้ คือการได้พบกับ...คุณจักรอีกสักหน”

“โถ หม่อมป้า” หนุ่มใหญ่ก้มหน้าลงด้วยความเศร้าสลด

“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้คุณจักรไปพบท่านสักครั้ง หากท่านมีกำลังใจ ท่านอาจยินยอมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างจริงจังก็ได้นะครับ เพราะหม่อมย่าบอกกับผมว่า คุณจักรมีจดหมาย...”

“จดหมาย?” หนุ่มใหญ่ขมวดคิ้ว

“ครับ หม่อมย่าบอกว่า จดหมายของจักร”

“อ้อ โน้ตแผ่นนั้น ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากผมมอบกระดาษแผ่นนั้นเพื่อนัดพบกับหม่อมป้าเป็นการส่วนตัว แต่คนที่มาพบผมกลับเป็นคนร้าย นี่ไงครับรอยแผลเป็น” จักรเลิกชายเสื้อขึ้นโชว์บาดแผลตรงสีข้าง “มันใช้มีดแทงผม และขู่ว่าถ้าไม่อยากตาย อย่ากลับไปยุ่งกับเรื่องของคนในวังศิลารัศมิ์อีกเด็ดขาด”

“แบบนี้ใช่มั้ยครับ คุณจักรถึงได้หนีผม” ปถวีคราง

“บอกตามตรงนะ ผมไม่อยากกลับไปยุ่งกับคนในวังนั้นอีกแล้ว มันน่ากลัวมาก” จักรมีสีหน้าเครียดขรึม “ผมยังมีครอบครัวที่ต้องดูแล ลูกๆก็ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาสักคน”

“ได้โปรดเถิดครับคุณจักร ถ้าหม่อมย่าไม่ยอมไปโรงพยาบาล ท่านคง...จะอยู่ได้อีกไม่นาน”

“ผมบอกคุณแล้วไง ผมยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดูแล”

“แต่หม่อมย่า...ก็เคยเมตตาอุปการะคุณจักรมาก่อน คุณจักรจะทอดทิ้งท่านได้ลงคอเหรอครับ”
จักรนิ่งไปชั่วอึดใจ ปวดแปลบหัวใจกับข้อกล่าวหาว่าเขาอกตัญญู ก่อนตอบอย่างเลื่อนลอย “ผมไม่เคยทอดทิ้งท่าน ผมได้ทำหน้าที่ที่ผมควรจะทำอย่างดีที่สุดแล้ว”

“หน้าที่ที่ว่า คือการขโมยน้องศศิมาจากท่านอย่างนั้นเหรอครับ” ปถวีโต้กลับด้วยท่าทีแข็งกร้าว “ผมจำตำหนิที่นิ้วก้อยข้างซ้ายของน้องได้ หนูนิดก็คือหม่อมหลวงวรศศิ ศิลารัศมิ์ ที่หายตัวไปใช่มั้ยครับ”

เพล้ง!

บังอรสะดุ้งเฮือก มือปัดโดนแก้วน้ำตกแตกกระจายด้วยความหวั่นวิตก หากเกิดข้อสงสัยขึ้นแล้ว ท่าทางฝ่ายนั้นคงไม่ยอมยุติเรื่องนี้ง่ายๆเป็นแน่ และหากมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงขึ้นมา อย่างไรเสียเธอและสามีก็คงต้องยอมจำนนด้วยหลักฐานทั้งหมดที่สามารถบ่งชี้ตัวได้

ถึงแม้จะเผื่อใจไว้บ้างแล้ว ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง วันที่พวกเธอจะต้องสูญเสียลูกสาวคนเล็กกลับคืนไปให้ครอบครัวที่แท้จริง แต่เอาเข้าจริงกลับไม่เคยทำใจได้สักที

ส่วนนงนุชหันไปกวาดสายตาสำรวจดวงหน้าอ่อนหวานของน้องสาวด้านหลังราวกับคนเพิ่งเคยรู้จักกัน พลางถอยห่างน้องออกไปตั้งหลักหนึ่งก้าว

คนที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นหม่อมหลวงวรศศิ ศิลารัศมิ์ เอนหลังพิงฝาผนัง ทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง จับจ้องปลาสเตอร์ยาที่ปิดทับตำหนิเหนือนิ้วก้อยข้างซ้าย แค่เพียงกะพริบตาแผ่วเบา น้ำตาก็ร่วงรินลงมาเป็นสาย แต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นคร่ำครวญ
มิน่าเล่า ตั้งแต่จำความได้ ไม่ว่าญาติพี่น้องทั้งทางฝ่ายของจักรและบังอร มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าพ่อกับแม่มีลูกสาวสองคน แต่กลับหน้าตาไม่ละม้ายคล้ายกันสักนิด

บังอรจำต้องเป็นผู้แบกรับข้อกล่าวหาในเรื่องนี้มาเนิ่นนาน แม้จะเป็นการพูดเชิงสัพยอกว่าวรศศิเป็นลูกของคนข้างบ้าน แต่ถึงอย่างไรแม่บังอรก็เป็นผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่วันยังค่ำ ถึงคุณย่าน้อมจะคอยแก้ต่างและปลอบใจหญิงสาวอยู่ทุกครั้งว่าหน้าตาของเธอละม้ายคล้ายกับคุณทวดที่เสียไปแล้วก็ตาม

แต่ในตอนนั้น ถึงแม้ใครจะพูดเช่นไรหญิงสาวก็ยังอุ่นใจเมื่อสมาชิกในครอบครัวออกมาปกป้อง ในฐานะที่เธอเป็นหนึ่งในครอบครัวสุรนาถ
ทว่าความจริงซึ่งได้รับฟังในวันนี้ กลับเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เคยเป็นอยู่เดิม ให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีตัวตน แต่ตัวตนที่แท้จริงกลับเป็นเงาของใครอีกคนที่ไม่เคยรู้จัก ยิ่งคิดก็ยิ่งใจหาย หญิงสาวจึงได้แต่นั่งกอดเข่าสองข้างนิ่ง ฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่ด้วยความเคว้งคว้างและหวาดหวั่น

“ว่ายังไงล่ะครับ ผมพูดไม่ผิดใช่มั้ย” ปถวีเค้นหาความจริงท่ามกลางความเงียบสงัด “ถ้าคุณจักรไม่อธิบายเรื่องนี้ ผมอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการขั้นต่อไป”

“ผมมีหลักฐาน ว่าผมไม่ได้ลักพาตัวคุณหนูศศิมา” หนุ่มใหญ่เมินหน้าตอบอย่างเสียไม่ได้ “แต่มีคนนำเธอมาฝากไว้กับครอบครัวของเรา”

“แสดงว่า...” ปถวีหัวใจเต้นระรัว ขอบตาร้อนผ่าว “น้องศศิ...ยังไม่ตายจริงๆหรือครับ”

“ใช่ คุณหนูศศิยังไม่ตาย นายเวกเป็นคนพาคุณหนูมาฝากไว้กับผม ผมยังเก็บจดหมายฉบับนั้นของนายเวกไว้เป็นหลักฐาน และผมพยายามพาคุณหนูไปส่งคืนให้หม่อมป้าแล้ว แต่ก็ถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด” ดวงตาของหนุ่มใหญ่เริ่มแดงระเรื่อ ยามหวนนึกถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญในวันนั้น “ดังนั้นเพื่อรักษาชีวิตของคุณหนูเอาไว้ ผมจำเป็นต้องพาเธอหลบหนีให้ห่างไกลจากฆาตกร”

“ฆาตกร?”

“ครับ คุณชายใหญ่และคุณเอื้องคำถูกฆาตกรรม” พูดมาถึงตรงนี้ จักรจำต้องหยุดกลืนก้อนสะอื้นที่ทั้งแหลมคมและขมขื่นลงคอ น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่สั่นเครือด้วยความเจ็บแค้นระคนสะเทือนใจ “ฆาตกรอยู่ในวังศิลารัศมิ์ ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ต้องการอะไร และไม่มีหลักฐานอะไรจะเอาผิดพวกมัน”

“คุณอาวรโชติและคุณเอื้องคำ ถูกฆาตกรรม!” ปถวีตัวแข็งทื่อ รู้สึกหนาวจนขนลุกซู่ นึกสะท้อนใจกับชะตากรรมอันอาภัพของคุณชายใหญ่ผู้แสนใจดี และคุณเอื้องคำผู้อ่อนโยน ที่ต้องประสบเคราะห์กรรมจากผู้ประสงค์ร้าย จนเป็นเหตุให้คนดีๆต้องพบกับจุดจบก่อนวัยอันควร

“ผมทราบเรื่องนี้จากจดหมายของนายเวก พวกมันตัดสายเบรกรถของพี่ชายใหญ่จนรถเสียหลักชนต้นไม้ นายเวกติดตามไปช่วยคุณหนูออกมาได้ ก่อนที่คนร้ายจะผลักรถตกเขาเพื่ออำพรางคดี”

“คนร้ายจะทำไปเพื่ออะไรครับ”

จักรพ่นลมหายใจ แค่นหัวเราะเย้ยหยันโชคชะตา

“ก็เพราะการเสียชีวิตของคุณชายใหญ่และทายาท จะนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลจากกองมรดกให้กับคนที่เหลือในวังอีกหลายกลุ่มน่ะสิครับ ผมพยายามจะเรียนเรื่องนี้ให้หม่อมป้าทราบแล้ว แต่ท่านก็ไม่สามารถรักษาความลับระหว่างเราได้ ในเมื่อท่านไม่สามารถปกป้องคุณหนูได้ ผมจะไม่มีวันเสี่ยงให้คุณหนูกลับไปอยู่ที่วังอีกเด็ดขาด”

“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้หม่อมย่าก็กำลังตกอยู่ในอันตรายสิครับ เมื่อใดที่ท่านเสียชีวิต ทรัพย์สินก็จะตกเป็นของทายาทที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็คือคุณประพงษ์”

“เรื่องนี้มันก็มีมูลครับ แต่ไม่ทั้งหมด” จักรทอดถอนใจเฮือกใหญ่ “คืนที่ผมไปร่วมงานสวดศพของคุณชายใหญ่ คุณประพงษ์เอ่ยปากออกมาเอง ว่าทางครอบครัวของหม่อมชื่นก็ต้องการเข้าไปบริหารศิลาพร็อปเพอร์ตีอย่างเต็มตัวเช่นกัน ผมจึงชักไม่แน่ใจว่าใครอยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของพี่ชายใหญ่กันแน่”

“แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำตอนนี้ คือพาหม่อมย่าไปโรงพยาบาลให้ได้ก่อน” ปถวีวิงวอนด้วยสายตา หันมองหน้าจักรและบังอรสลับกันอย่างขอความเห็นใจ “คุณจักร ได้โปรดช่วยหม่อมย่าด้วยเถิดนะครับ และถ้าท่านทราบว่าน้องศศิยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงจะมีกำลังใจต่อสู้ ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องใครสักคน”

“มาถึงวันนี้แล้ว ผมไม่มีวันยอมให้หนูนิดไปเสี่ยงอันตรายอีกเด็ดขาด” หนุ่มใหญ่แสดงจุดยืนอย่างแน่วแน่ ยากที่ใครจะแก้ไขเปลี่ยนแปลง “หน้าที่ของผมคือปกป้องทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของพี่ชายใหญ่ให้ปลอดภัย ผมมั่นใจว่าพี่ชายใหญ่ไม่ปรารถนาทรัพย์สมบัติใดในวังศิลารัศมิ์อีกแล้ว นอกจากความปลอดภัยของ...คุณหนูศศิ”

“เอาเป็นว่า...เรื่องนี้ผมขอคุยกับน้องศศิก่อนได้มั้ยครับ” ปถวียังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สายตาของเขายังนิ่งไม่ไหวหวั่น “เธอเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับคุณจักร ไม่ใช่เด็กๆเหมือนตอนที่คุณรับตัวเธอมา ควรที่จะตัดสินใจเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง และหากเธอใคร่ครวญแล้วที่จะไม่กลับไป ผมก็จะยอมรับการตัดสินใจของเธอ”

ท่ามกลางความเงียบสงัดในขณะจักรกำลังตัดสินใจอยู่นั้น ผู้กำลังถูกกล่าวขวัญถึงก็ปรากฏกายขึ้นในห้องรับแขกด้วยกิริยางดงาม ดวงตาหวานคมมองตรงไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว

“หนูนิด!” จักรและบังอรอุทานขึ้นพร้อมกัน

“หนูนิดขอโทษนะคะที่แอบฟัง แต่หนูนิดจำเป็นที่จะต้องมาบอก...พ่อคะ...คุณดินเป็นคนอื่น...” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยังมีแก่ใจหาทางทำเพื่อคุณย่า แล้วหนูนิดเป็นหลานแท้ๆของท่าน จะรักตัวกลัวตาย นิ่งดูดายปล่อยให้ท่านมีอันเป็นไปต่อหน้าได้ยังไงคะ”

“น้องศศิ…” ปถวียิ้มกว้าง ส่วนตำรวจทั้งสองนายหันไปพยักหน้าให้กัน เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหม่อมหลวงวรศศิในครั้งนี้

“หนูนิดของแม่” บังอรลุกขึ้นเดินเข้าไปสวมกอดลูกสาวคนเล็กไว้แนบแน่น แน่น…และอบอุ่นกว่าครั้งไหนๆในความรู้สึกของวรศศิ


***************************************************

จบตอนจ้า ติดตามตอนที่ ๕ ได้ในวันพฤหัสนะคะ

ขอบคุณสำหรับการจิ้มชอบ คอมเม้นท์ และการติดตามอ่านค่า








พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2557, 08:09:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2558, 04:37:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1944





<< บทที่ 3 : แรกพบสบพักตร์นวลน้อง (รีไรท์)   บทที่ 5 : ทางช้างเผือก (รีไรท์) >>
พันธุ์แตงกวา 20 ม.ค. 2557, 08:17:00 น.
ขอตอบคอมเม้นท์

คุณ wane : งานนี้คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกค่า เจ็บกว่านี้ฮีก็ยอม^^

คุณแว่นใส : ไม่ใช่เส้นผมบังภูเขาแล้วนะคะ แต่จุดใต้ตำตอกันไปเลย 555

คุณดังปัณณ์ : ดีนี่ ฮีถนัดลูกหยอดหน้าเน็ตจ้า คอยดูกันต่อปาย คริคริ

คุณ SuKhumvit66 : ป๊ะกันจังเบ้อเร่อเลยค่า^^

คุณปลายสี : ไม่ทันได้ไปอยู่บ้านกับเค้าเลย ความแตกซะแล้ว 555

คุณ Tik : วันจันทร์มาถึงแล้วจ้า ถึงเวลาได้รู้กันแร้วววน้าาา

คุณเบญจามินทร์ : พรหมลิขิตบันดาลชักพาจริงๆด้วยค้า

คุณศกุนตลา : ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ^______^ ส่งยิ้มหน้าบานๆให้เลยค่า


แว่นใส 20 ม.ค. 2557, 09:11:49 น.
ต้องแอบพาตัวเข้าบ้านนายดินก่อนไหม


tik 20 ม.ค. 2557, 09:49:02 น.
โห น้ำตากำลังรื้นขึ้นมา ฟินอยู่ และแล้วก็จบตอน นางเอกเด็ดเดี่ยวดีจริง อยากอ่านตอนต่อไปแล้วซิค่ะ ทำไงดีเอ่ย


ดวงมาลย์ 20 ม.ค. 2557, 10:05:10 น.
จิ้มๆๆๆๆๆ ไม่ได้เมนท์ก็ขอให้ได้จิ้ม อิอิ


Sukhumvit66 20 ม.ค. 2557, 11:36:46 น.
มาต่อไวไวเน้อ....


ดังปัณณ์ 20 ม.ค. 2557, 18:59:49 น.
หู้ยยยยยยยยยยยยยย น้องศศิ โต้กลับไปเลยลูก หยอดน้าเน็ต เราตบเปรี้ยงลงเส้นพอดีโลด ฮ่าๆๆๆ

พี่แตงอ่ะ พาไปตบวอลเล่ย์ เอ๊ะ หรือแบดซะงั้น อิๆ รอดูค่ะ น้องศศิ จะยอมคุยกะพี่ดินดีๆไหมหน่ะ อิๆ


เบญจามินทร์ 20 ม.ค. 2557, 20:34:47 น.
เอาละ ลุยเลยจ้ะ เอาใจช่วยๆ ^^


goldensun 23 ม.ค. 2557, 18:10:37 น.
อ่อนหวาน แต่เข้มแข็ง ใช้ได้เลย น้องศศิ


ปลายสี 25 ม.ค. 2557, 21:43:30 น.
ความแตกอย่างไว แสดงว่าต่อไปต้องใส่เกียร์เดินหน้าเต็มกำลังแน่ๆ เอาใจช่วยหนูนิดค้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account