ไฟรักรัญจวน โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
ซีรีย์นี้ชื่อว่า 5 อสูรคอนเนอร์ค่ะ พระนางเป็นคนธรรมดานะคะ
แต่ฉายาอสูรนี่ได้มาเพราะบุคลิกเฉพาะตัว
สำหรับเรื่องแรกที่จะเปิดตัวคือ
“รัตติกาลรัญจวน”’ เป็นภาคของแวมไพร์นะคะ เรื่องนี้เขียนจบแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนรีไรท์
ยังไม่ได้ส่งที่ไหน ดังนั้นเลยจะเอามาลงให้อ่าน 70% ก่อนนะคะ

สำหรับ 5 อสูร มีฉายาอะไรบ้าง ขอแนะนำก่อนให้เป็นน้ำจิ้มดังนี้ค่ะ

แวมไพร์
บรุษลึกลับที่ไม่เคยปรากฏโฉมต่อหน้าสื่อ
ชายหนุ่มคือจักรพรรติเงาผู้กุมอำนาจอยู่เบื้องหลังอาณาจักรคอนเนอร์อย่างเงียบๆ
ปมในอดีตทำให้เขาปิดตัวเองและไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครเลย

ฟินิกซ์
เพลย์บอยเจ้าเสน่ห์ ผู้สดใสเจิดจ้าราวกับเทพอพอลโล่ เขารักอิสระ เกลียดพันธะ สาวสวยสำหรับเขาคือคนที่เอาไว้ควงเล่น ส่วนคนขี้เหร่แต่มีสมองเอาไว้ช่วยทำงาน แล้วถ้าทั้งสวยและมีสมองล่ะทำยังไง? อย่าหวังเลยว่าจะชายตามอง นั่นน่ะตัวอันตรายชัดๆ

มังกรน้ำแข็ง
ชายหนุ่มผู้งามสง่าราวประติมากรรม เขาเงียบขรึมเย็นชาจนดูเหมือนไร้หัวใจ
แต่เพื่อความรักแล้วผู้ชายคนนี้พร้อมจะเปลี่ยนเป็นเพลิงกัลป์
เพื่อแผดเผาอุปสรรคตรงหน้าให้มอดไหม้

ไลแคนท์
สายเลือดนอกคอกของตระกูลคอนเนอร์ เจ้าของคาสิโนและธุรกิจด้านมืดหลากหลาย
คนว่าเขาเป็นอสูรร้าย แต่ภายในใจอสูรตนี้กลับเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ที่หยั่งรากลึกสุดจะหยั่ง

คราเครน
หญิงสาวหนึ่งเดียวในห้าอสูร เจ้าหล่อนงดงาม เก่งกาจ ฉลาดเฉลียว
สิ่งที่คำนึงถึงมีเพียงอำนาจและเงินตราเท่านั้น
ความรักน่ะหรือ? อารมณ์ไร้ประโยชน์แบบนั้นโยนทิ้งมันไปได้เลย


คำโปรย รัตติกาลรัญจวน



สิ่งที่ “น้ำงาม” รู้เกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่คือเขาชื่อ “เควิน โคฮาคุ คอนเนอร์”



หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันญี่ปุ่นคนนี้เป็นนักธุรกิจมากความสามารถ

แต่กลับเก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา

เขาไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้าต่อหน้าสาธารณชนเลย

จนสื่อพากันขนานนามว่า “แวมไพร์”



ใครๆ ก็ว่าปีศาจร้ายตนนี้ไร้หัวใจ

แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าน้ำงามกลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาโศก



ดวงตาสีอำพันของเขาดูดกลืนจิตวิญญาณของเธอเข้าไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น

น้ำงามหลงรักเควินหมดหัวใจ โดยไม่รู้เลยว่าสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่เกม

เธอคือของขวัญที่ญาติตัวแสบส่งมาให้เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น



“ถ้าเควินรักน้ำงาม เขาจะแพ้”



ชายหนุ่มเกลียดความพ่ายแพ้

แต่สิ่งที่ชิงชังยิ่งกว่าคือการถูกทรยศ

เขาจะทำเช่นไรเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังเผลอมอบใจให้เป็นสปาย


อ่านแล้วถูกใจรบกวนกดไลค์แฟนเพจให้ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa


Tags: โรแมนติก ดราม่าเบาๆ โรมานซ์นิดๆ พยาบาลสาว นักธุรกิจหนุ่ม แวมไพร์ โรคแพ้แดด

ตอน: บทที่ 1 เจ้าของที่ว่าง

บทที่ 1 เจ้าของที่ว่าง

คฤหาสน์ไวท์คิง เมืองแฟร์แฟกซ์ รัฐเวอร์จิเนีย

ในห้องโถงใหญ่ที่ประดาประดับไปด้วยของตกแต่งหรูหรา ไม่ไกลจากต้นคริสต์มาสนัก โทมัส คอนเนอร์ ผู้นำตระกูลวัย 87 กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกท่ามกลางวงล้อมของลูกหลานซึ่งมารวมตัวกันอยู่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

ภาพความสนุกสนานครื้นเครงกับเสียงหัวเราะที่ดังก้อง ทำให้คนที่หลบมุมพิงเสาอยู่อย่างฟินน์นึกถึงฉากครอบครัวสุขสันต์ในภาพยนตร์ขึ้นมา

สมัยที่ยังเด็ก เขาเคยหลงใหลได้ปลื้มงานรวมญาติแบบนี้เป็นอย่างมาก ฟินน์รักคุณตาโทมัสที่ใจดีราวกับซานตาคลอส หลงใหลได้ปลื้มกับขนมและอาหารมากมายที่กินได้ไม่จำกัด ไหนจะมีลูกพี่ลูกน้องวัยเดียวกันเป็นเพื่อนเล่นซุกซนเป็นโขยงอีก

ฟินน์เฝ้ารองานเลี้ยงในคืนวันรวมญาติอย่างนี้ทุกปีและสนุกสนานไปกับมันจวบจนกระทั่งโตพอรู้ความ งานเลี้ยงสุดหรรษาในสายตาก็แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นสมรภูมิรบ การแสดงความสามารถเพื่อความสนุกสนานกลายเป็นการแข่งขัน ลูกพี่ลูกน้องที่เคยรักใคร่กันดีเริ่มแสดงความเป็นอริ ทุกคนต้องเลือกข้างไม่อย่างนั้นก็จะถูกกดดันจากทุกฝ่ายและตราหน้าว่าเป็นนกสองหัว

ความแตกร้าวนี้เกิดขึ้นเพราะมีอำนาจและเงินทองเป็นตัวชี้นำแต่สิ่งที่ขับเคลื่อนมันจริงๆ คือไฟริษยา คุณตาโทมัสเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจก็เลยคิดว่าสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ท่านทำสิ่งที่ชายชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่นิยมทำกัน นั่นคือการมีภรรยาหลายคนและให้ทุกคนอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม้จะจัดสรรพื้นที่ให้เป็นส่วนตัวแต่ก็มีกฎเหล็กว่าภรรยาทั้งหลายต้องมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าเมื่อเวลาท่านเรียกตัว

ฉากหน้าทุกคนจึงสมานฉันท์กันดีเพื่อเอาใจประมุขของบ้าน แต่ลับหลังกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันตลอดเวลา

ฟินน์โชคดีที่คุณยายมาเรียของเขามีแม่เป็นลูกแค่คนเดียว แล้วคุณยายก็เป็นพวกไม่ชอบแข่งขันกับใครด้วย ภรรยาคนอื่นที่มีลูกชายก็เลยไม่ค่อยมาหาเรื่องเพราะเห็นว่าไม่ใช่คู่แข่ง ยิ่งเขากับบรรดาพี่น้องยังไม่มีใครแต่งงานไม่มีเหลนมาอวดคุณตาให้ชื่นใจ คุณยายก็ยิ่งถูกมองข้ามจนกลายเป็นสายตระกูลที่มีอำนาจน้อยที่สุดไป

นอกจากปัญหาที่เล่ามาแล้ว ฟินน์กับพี่น้องยังถูกญาติดูแคลนเพราะมีพ่อที่บริหารงานไม่ได้เรื่อง พอพ่อแม่แยกทางกันก็ถูกยัดข้อหาใช้เรื่องบ้านแตกเรียกคะแนนสงสารเพิ่มเข้าไปอีก ถูกเหน็บแนมมากเข้าก็เลยกลายเป็นปมในใจว่าสักวันจะเอาคืนให้ได้สักวัน

โอกาสที่รอคอยมาถึงฟินน์เมื่อเขาได้รู้จักกับคนคนหนึ่ง อีกฝ่ายแนะนำให้หันหลังให้ธุรกิจโทรคมนาคมซึ่งบรรพบุรุษเป็นผู้บุกเบิก แล้วไปเอาดีทางด้านอสังหาริมทรัพย์แทน ฟินน์ทำตามเพราะเห็นวิสัยทัศน์และความสามารถของคนคนนี้ ทั้งสองร่วมหุ้นกัน ช่วยกันก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาแล้วก็ทยอยซื้อหุ้นของคอนเนอร์เก็บไว้ จนในที่สุดก็สามารถเข้าไปนั่งเสนอหน้าในการประชุมของกรรมการบริหารได้

ฟินน์สะใจมากทีเดียวตอนเห็นพวกญาติทำหน้าเหวอ บางรายถึงกับโกรธจนตัวสั่นที่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเขาไปเสนอหน้าอยู่ในบอร์ดบริหารได้ จะเสียคือเรื่องเดียวเท่านั้นคือถูกคุณยายบ่นจนหูชาว่าทำอะไรไม่รู้จักคิด

การกระทำของฟินน์นั้นไม่ต่างอะไรกับการกระโดดเข้าไปร่วมศึกสายเลือดอย่างเป็นทางการเลย ถึงตอนนี้จะปฏิเสธว่าไม่สนใจตำแหน่งประมุขคนต่อไปของตระกูลก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว คุณยายโซฟีของเขาก็เลยโดนภรรยาคนอื่นของคุณตาทั้งกัดทั้งเหน็บเสียไม่มีดี

ฟินน์เหลือบไปมองผู้เป็นยาย ตอนนี้ใบหน้าท่านเปื้อนยิ้มเพราะสองข้างกายมีหลานสาวหลานชายคนโปรดอย่างเอวาและลอยด์คอยเอาใจ เห็นแล้วก็นึกดีใจที่ไม่ไปเข้าร่วมวงจนทำให้เสียบรรยากาศ

ในค่ำคืนนี้ตัวแสบประจำครอบครัวพอใจที่จะเก็บปากเก็บคำและยืนจิบไวน์หลบมุมเฝ้าสังเกตการณ์เครือญาติอยู่ห่างๆ เวลามองจากระยะไกลแล้วทุกคนหันหลังอย่างนี้ ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็ยากที่จะแยกออกว่าใครเป็นใคร เพราะพวกคอนเนอร์ส่วนใหญ่ต่างก็มีรูปร่างสูง ผมบลอนด์ ตาฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งฟินน์เองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับลักษณะเด่นประจำตระกูลมา

ในขณะที่กำลังทอดอารมณ์ไปกับบรรยากาศ หลานสาวตัวน้อยวัยหกขวบก็เข้ามาดึงชายเสื้อ

“คุณลุงฟินน์ อุ้มหนูหน่อยค่ะ” อลิซาเบธอ้อน

เด็กหญิงเป็นลูกของเกรซ ลูกพี่ลูกน้องจากอีกสายตระกูลหนึ่ง เขากับเกรซมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นฟินน์เลยไม่เกี่ยงที่จะช่วยเลี้ยงหลาน ส่วนแม่เด็กเองก็ไม่ว่าที่ลูกสาวตัวน้อยมาข้องแวะกับอาฟินน์ ตราบใดที่คุณลุงจอมป่วนไม่สอนหลานเล่นพิเรนทร์ คนเป็นแม่ก็ยังยิ้มได้อยู่

“ได้เลยครับสาวน้อย”

ฟินน์วางแก้วในมือ เขายกตัวหลานสาวขึ้นมาเหวี่ยงไปมาพอให้หัวเราะคิกคัก เสร็จแล้วจึงค่อยอุ้มดีๆ

“สาวน้อยคนสวยอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวคุณลุงสุดหล่อจะพาไปหม่ำ”

“ไม่ค่ะ หนูอิ่มแล้ว” เด็กหญิงส่ายหน้า “แต่...หนูสงสัย”

“สงสัยอะไรฮึ”

เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าจะมีคนได้ยิน พอสำรวจดีแล้วว่าไม่มีใครมองก็เอามือป้องปากแล้วกระซิบถาม

“ที่ว่างตรงข้างคุณปู่ทวดคือที่ของใครคะ หนูถามคุณย่าทวดดีๆ แต่กลับถูกดุ” เด็กหญิงเอ่ยเสียงเศร้าในประโยคสุดท้าย

“อลิซตัวน้อยที่น่าสงสาร” ฟินน์พึมพำ

เห็นเด็กหญิงน้องทำหน้าเศร้า เขาก็อดที่จะลูบหัวปลอบไม่ได้

ชายหนุ่มไม่แปลกใจเลยที่คุณยายสเตลล่าจะอารมณ์เสียใส่เหลนเพราะเรื่องนี้ เจ้าหล่อนถือตัวว่าเป็นภรรยาคนแรกของคุณตาทั้งยังให้กำเนิดบุตรชายคนแรกด้วย ก็เลยคิดว่าตัวเองมีความสำคัญและมีอิทธิพลกว่าผู้หญิงของสามีทุกคน แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด คนที่อยู่ในใจของคุณตาและมีอำนาจเหนือใครในตระกูลคือเจ้าของที่นั่งว่างเปล่าทางฝั่งซ้ายและขวาของโทมัส คอนเนอร์ต่างหาก

เก้าอี้สองตัวนั้นถูกเว้นว่างเอาไว้ในทุกงานรวมญาติ ตัวหนึ่งสำหรับคนเป็น ส่วนอีกตัวหนึ่งสำหรับคนตาย ตอนเป็นเด็กเขาก็สงสัยเหมือนกันว่าที่ว่างนั่นเว้นให้ใคร

“คุณลุงบอกหนูได้ไหมคะว่าเป็นที่ของใคร” อลิซาเบธถามซ้ำเพราะคุณลุงไม่มีท่าทีว่าจะตอบคำถามของเธอเสียที

“เสียใจด้วยที่รัก ลุงตอบคำถามหนูไม่ได้”

มันกลายเป็นกฎของตระกูลไปแล้วว่าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องของที่ว่างสองที่นั่นไม่ว่ากรณีใดๆ คนครึ่งหนึ่งไม่อยากพูดถึงเพราะมันจะนำความเศร้ามาให้ผู้นำตระกูลอย่างคุณตาโทมัส ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งชิงชังสองนามนี้เป็นอย่างยิ่ง

“ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้หรือรู้แต่ไม่ตอบคะ”

มองท่าทางของแกแล้วฟินน์ก็อมยิ้มอย่างเอ็นดู ประโยคนี้เกรซชอบพูดประจำเวลาจะเค้นความลับจากใคร ดูท่าเด็กคนนี้จะได้นิสัยเจ้าเล่ห์ของแม่แกมามากทีเดียว

“นะคะคุณลุง ได้โปรดเถอะค่ะ คุณหนูสัญญาว่าจะไม่บอกใคร”

เด็กหญิงตัวน้อยอ้อนสุดชีวิตส่งผลให้คุณลุงที่กำลังเมาแบบกรึ่มๆ ใจอ่อนในที่สุด เนื่องจากไม่สามารถเผยความลับออกมาเป็นคำพูดได้ ฟินน์เลยแก้ปัญหาด้วยการพาหลานสาวตัวน้อยไปหาคนที่เป็นเจ้าของที่นั่งทางฝั่งซ้ายมือเสียเลย



คฤหาสน์ไวท์คิงประกอบด้วยตัวตึกหลักและส่วนต่อขยายมากมาย ทุกพื้นที่มีทางเดินเชื่อมต่อกันหมดยกเว้นคฤหาสน์สีเทาที่ตั้งอยู่บนเนินเขา บ้านหลังนี้ถูกแยกออกมาอยู่โดดเดี่ยว ทั้งรูปแบบการก่อสร้างและสีสันไม่มีอะไรเข้ากันกับตัวตึกใหญ่เลย บางคนเลยเข้าใจผิดว่าคฤหาสน์หลังนั้นเป็นของคนอื่น

น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสถานที่สองแห่งนี้มีทางเดินใต้ดินเชื่อมต่อกันอยู่ พื้นที่พิเศษส่วนนี้ต้องใช้กุญแจเท่านั้นถึงจะเปิดเข้ามาได้ ฟินน์ใช้มือหนึ่งอุ้มหลานสาว ในขณะที่อีกมือไขกุญแจอย่างคล่องแคล่ว ครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี่คือเมื่อครึ่งปีก่อน ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของสถานที่ สำหรับเขาแล้วคฤหาสน์ลึกลับที่กำลังย่างก้าวเข้าไปไม่ต่างอะไรกับสนามหลังบ้านนักหรอก

ชายหนุ่มพาหนูน้อยอลิซาเบธเดินมาตามทางลับใต้ดิน จากนั้นก็ขึ้นบันไดยาวเหยียดเพื่อมุ่งสู่ประตูกลซึ่งเชื่อมกับบริเวณชั้นสองของคฤหาสน์

หลังประตูบานนี้คือห้องพักผ่อนส่วนตัวของเจ้าของสถานที่ ในห้องนี้เปิดไฟเอาไว้เพียงสลัว แต่ก็สว่างพอทำให้มองเห็นว่ามีคนยืนตากลมหนาวอยู่ตรงระเบียงในชุดเสื้อผ้าเนื้อบาง

วันนี้อุณหภูมิติดลบแท้ๆ แต่หมอนี่กลับไม่สะท้านสะเทือน พฤติกรรมอย่างนี้มันช่างเหมาะกับคำครหาว่าเป็นพวกเลือดเย็นไร้ความรู้สึกเสียจริง

“มาทำไม”

คนถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวถามโดยไม่หันมามอง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มกำลังให้ความสนใจท้องฟ้าสีหม่นมากกว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างฟินน์

“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่าทำไมนายถึงไม่ไปร่วมงานเลี้ยง”

เควินยักไหล่แทนคำตอบดังจะบอกว่าเคยใส่ใจเสียที่ไหน หลังจากมารดาเสียชีวิต เขาก็ไปปรากฏตัวในงานเลี้ยงรวมญาติเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย ด้วยเหตุผลสองประการคือเกลียดคนจำนวนมากและไม่อยากต้องอารมณ์ขุ่นมัวเพราะคำคน

“คุณคือเจ้าของเก้าอี้ข้างคุณทวดหรือคะ” อลิซาเบธโพล่งออกมา

เสียงใสๆ ของเด็กน้อยดึงความสนใจเควินให้หันมามอง

“ใช่แล้วล่ะ” ฟินน์ตอบคำถามแทน

“คุณเป็นใครคะ”

เด็กหญิงถามชายแปลกหน้าอย่างไม่กลัว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยเพราะเควินมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจผิดกับนิสัยอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นคนร่างบางแต่ก็ไม่ผอมแห้งน่าเกลียด ผมดำสนิท นัยน์ตาสีอำพัน ส่วนใบหน้านั้นสวยหวานชนิดที่สตรีโฉมงามยังต้องพ่าย

เควินก้าวอย่างสง่ามาหาเด็กน้อย ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย แม้จะเป็นเพียงการอมยิ้ม แต่ก็มีเสน่ห์ตรึงสายตา

“หนูคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ” เสียงนุ่มน่าฟังดังกังวาน

“เทพธิดาใช่ไหมคะ คุณเป็นเทพธิดาคริสต์มาส คุณทวดถึงเว้นที่ว่างเอาไว้ให้”

ฟินน์ลอบยิ้มเมื่อหลานสาวตัวน้อยใช้คำว่า ‘เทพธิดา’ แทน ‘เทวดา’ ดูท่าแม่หนูจะปักใจเชื่อไปเสียแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้หญิง

สิ่งที่เควินเกลียดเป็นอันดับต้นๆ คือการถูกเข้าใจผิดอย่างนี้ แต่จะโทษแม่หนูน้อยก็ไม่ถูกนัก ต้องโทษใบหน้าที่สวยเกินมนุษย์ กับผมยาวสลวยนั่นมากกว่า

คนถูกเข้าใจผิดเข้าใจเหตุผลดี กระนั้นปีศาจในร่างเทพบุตรก็ไม่ปรานีเด็กน้อย เขายื่นมือเย็นเฉียบมาแตะที่ข้างแก้มเด็กหญิง ทำเอาเจ้าของแก้มยุ้ยสะดุ้งโหยง

“หนูเข้าใจถูกแล้ว ฉันไม่ใช่มนุษย์หรอก แต่ไม่ใช่เทพธิดาหรอกนะ เคยได้ยินชื่อแวมไพร์ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแหบพร่าแล้วโชว์เขี้ยวที่มุมปากให้ดู

‘ให้ตายสิ...รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก’ ฟินน์ครวญในใจ

เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีเด่อะไร แต่ถ้าเทียบระดับความเหี้ยมกับคนคนนี้แล้ว เขากลายเป็นลูกเจี๊ยบไปเลย ฟินน์เป็นประเภทชอบแหย่ชอบหยอกอาจจะเล่นแรงแต่ก็ไม่ถึงตาย ตรงข้ามกับเควินที่ไม่มีรูปแบบการปฏิบัติตายตัว กระนั้นก็มักจะจบด้วยผลลัพธ์เดียวกันเสมอ นั่นคือเป้าหมายถึงฆาตทุกราย ทั้งที่ตายทั้งเป็นแล้วก็ตายแบบหมดลมหายใจไปจริงๆ

แม่หนูอลิซาเบธนิ่งงันไปเลย แกมองคนที่สวมรอยเป็นปีศาจตาค้าง ฟินน์กลัวว่าสาวน้อยในอ้อมแขนจะเบะปากร้องไห้ก็เลยพาถอยออกมา

“เขาแค่ล้อหนูเล่นเท่านั้นเอง ไม่ต้องกลัวนะ”

“’เขา’ หรือคะ? หมายความว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิง” ดวงตาสีฟ้าที่เบิกกว้างอยู่แล้วดูจะกว้างขึ้นไปอีกเมื่อรู้ความจริง

“ถูกต้องแล้วสาวน้อย ฉันเป็นปีศาจหนุ่มที่โปรดปรานเนื้อเด็กมาก”

น้ำเสียงและสีหน้าของเควินตอนนี้เปลี่ยนเป็นชวนขนลุก เด็กปกติได้ยินแบบนี้คงขวัญผวา ทว่าอลิซาเบธกลับร้องว้าวอย่างตื่นเต้น

พูดกันตามจริงสายเลือดของตระกูลคอนเนอร์มักจะไม่ใช่พวกปกติมนุษย์นัก ยิ่งเป็นลูกสาวของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเหมือนร่างอวตารของตัวแสบอย่างฟินน์ การปะทะกันครั้งนี้เลยกลายเป็นมวยถูกคู่ไป

“คุณลุงคะ หนูบอกแม่ได้ไหมว่าหนูเจอปีศาจคริสต์มาส” เด็กหญิงเอ่ยอย่างตื่นเต้น แล้วทำท่าจะขอลงไปหาคนที่พยายามขู่ให้เธอกลัว

เควินคิ้วกระตุก เขาไม่ได้ไม่พอใจหนูน้อย แต่หมั่นไส้ผู้ใหญ่ผมทองที่หัวเราะจนตัวโคลง

ฟินน์พยายามหุบยิ้มเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของคนที่มีศักดิ์เป็นอา กระนั้นก็ฝืนตัวเองไม่ได้ ภาพแวมไพร์จอมโหดโดนเด็กโต้เสียไปต่อไม่เป็นหาดูได้ง่ายเสียที่ไหน

“คริสต์มาสทั้งที ขอวันหนึ่งเถอะน่า”

เควินพ่นลมหายใจออกมาอย่างรำคาญแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ฟินน์เห็นเป็นโอกาสก็เลยปล่อยหัวเราะที่กลั้นเอาไว้ออกมาเต็มที่

“คุณลุงขำอะไรคะ” อลิซาเบธถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรจ้ะสาวน้อย ลุงแค่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ”

“หนูก็อารมณ์ดีค่ะ ขอลงหน่อยนะคะ”

ฟินน์ยอมปล่อยตัวเด็กหญิงลงกับพื้น เขายืนคุมไม่ห่างเพื่อดูว่าแกจะทำอะไรเป็นอย่างต่อไป อึดใจสาวน้อยก็ก้าวไปหาเควิน เธอส่งยิ้มหวานไปแล้วกวักมือให้อีกฝ่ายย่อตัวลงมา เมื่อเควินทำตามคำขอสาวน้อยก็โผเข้าไปกอดแล้วจูบที่ข้างแก้มเขา

“เมอร์รีคริสต์มาสค่ะคุณแวมไพร์”

สิ่งที่เควินเกลียดอีกอย่างคือการมีคนมาถือวิสาสะแตะต้องตัวเขา ต่อให้เป็นเด็กชายหนุ่มก็ไม่ปรานี ทว่าวันนี้หัวใจของปีศาจร้ายดูจะอ่อนไหวกว่าปกติมาก ชายหนุ่มก็เลยปล่อยไป อันที่จริงเขาเกือบจะยิ้มออกมาด้วยซ้ำถ้าไม่มีเสียงแซว

“โอ๊ะโอ! แวมไพร์ตัวร้ายโดนขโมยจูบเสียแล้ว”

“กลับไปได้แล้ว ที่นี่อากาศเย็นเกินไปสำหรับเด็ก” เควินทั้งเตือนทั้งไล่ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

ถึงห้องนี้เปิดฮีทเตอร์เอาไว้แต่แทบไม่ช่วยอะไรเลย เพราะเจ้าของห้องเปิดประตูระเบียงปล่อยให้ลมหนาวพัดเข้ามา

“ปิดประตูก็สิ้นเรื่อง” ฟินน์โต้พอให้ได้เถียงตามนิสัย

เขาไม่ดื้อดึงนานนักเพราะรู้ตัวดีว่าพาอลิซาเบธออกมาโดยไม่บอกใคร ป่านนี้แม่เด็กคงเป็นห่วงแย่แล้ว ก่อนจะพากลับชายหนุ่มหันไปพูดกับหลานสาวว่าให้เก็บเรื่องที่มาพบเควินวันนี้เป็นความลับ

“ทำไมคะ” แม่หนูจำไมตัวน้อยถามอีก

“เพราะทุกคนจะโกรธน่ะสิ หนูคงไม่อยากเห็นคุณย่าทวดโมโหใช่ไหม แล้วยังมีแม่หนูอีกคน ถ้ามีคนรู้ว่าลุงพาหนูมาที่นี่ไม่ใช่แค่หนูเท่านั้นที่จะโดนดุ ลุงก็จะถูกเกลียดด้วย อลิซเด็กดีคงไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นใช่ไหม”

“ไม่ค่ะ ไม่เอา” เด็กหญิงพูดเสียงดัง

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสัญญานะว่านี่จะเป็นความลับของเราสองคน”

อลิซาเบธรับปากแต่โดยดี เมื่อเกี่ยวก้อยสัญญากันเรียบร้อยแล้ว ฟินน์ก็จัดการส่งเด็กน้อยกลับด้วยการเรียกชื่อของคนคนหนึ่ง

“อยู่แถวนี้ใช่ไหมเกลิค ช่วยพาคุณหนูตัวน้อยไปส่งที่ตึกใหญ่หน่อยสิ”

ยังไม่ทันจบประโยค ชายวัยสามสิบปลายๆ ในชุดเครื่องแบบพ่อบ้านก็ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด แล้วเข้ามาประชิดตัวฟินน์ด้วยความเร็วที่น่าตะลึง

เกลิคหันไปสบตาเจ้านายแทนคำถามว่าจะให้จัดการอย่างที่แขกบอกใหม่ พอเควินพยักหน้าเขาก็ค้อมกายให้กับเด็กน้อย

“ผมจะพาคุณหนูกลับไปที่งานเลี้ยงเองครับ เชิญทางนี้”

เด็กน้อยยอมให้คนแปลกหน้าอุ้มโดยง่ายเพราะเห็นว่าเป็นคนรับใช้ มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าหน้าที่ที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อบ้านแต่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเควิน

ฟินน์รู้ความลับข้อนี้เพราะเกือบถูกหักแขนตอนแอบย่องเข้ามาหาเควินโดยไม่บอกล่วงหน้า ตอนนั้นเขาพิเรนทร์กว่านี้มาก ตั้งใจจะแกล้งด้วยการหลอกผีสักหน่อย แต่กลับกลายเป็นเขาเองที่ขวัญกระเจิง

ชายหนุ่มสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ก็เลยลองสืบประวัติดู แล้วก็ต้องตระหนกเมื่อค้นฐานข้อมูลพลเมืองสหรัฐแล้วไม่มีคนชื่อ เกลิค แม็กกี คนไหนที่มีรูปพรรณสัณฐานตรงกับผู้ชายคนนี้เลยสักคน พอสืบลึกลงไปเขาก็พบว่าผู้ชายคนนี้ถือสองสัญชาติทั้งอังกฤษแล้วก็ปาเลสไตน์ ส่วนใบหน้าที่เห็นในตอนนี้ผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามครั้ง ที่น่าตกใจไปกว่าคือเกลิคอยู่ในรายชื่อบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังของซีไอเอ

สืบได้ถึงตรงนี้ฟินน์ก็ต้องหยุด ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาจะสาวไส้เกลิคออกมาแต่ไม่กล้าผลีผลามทำอะไรเพราะเจ้าตัวเดินมาพูดเสียงนิ่มๆ ว่า

‘ถ้าอยากรู้เรื่องผมขนาดนั้นก็มาถามกันดีๆ ก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นจะต้องเปลืองเงินจ้างนักสืบเลย’

เขาคงกล้าถามไปตามตรงหรอก ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดไปพลางเช็ดมีดไปพลาง คิดถึงแววตาของหมอนั่นในตอนนั้นแล้วยังสยองไม่หาย เอาเป็นว่าทั้งเจ้านายและลูกน้องในคฤหาสน์นี้ไม่มีอะไรธรรมดาเลยสักอย่าง

เมื่อเกลิคออกไปจากห้องแล้ว เควินก็เดินไปที่โซฟาหนังสีดำ เขาทิ้งตัวลงนั่งแล้วมองไปทางฟินน์ด้วยสายตาที่บอกว่ามีอะไรก็ว่ามา

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่มาเยี่ยมเยียนคุณอาตัวน้อยเหมือนทุกที”

‘คุณอาตัวน้อย’ คือคำเรียกที่ฟินน์มักจะใช้กับเควินในยามที่เห็นว่าเจ้าตัวอารมณ์ดี ฟินน์อายุมากกว่าห้าปีแต่มีศักดิ์เป็นหลานเพราะเควินเป็นลูกของคุณตากับภรรยาคนที่สี่

อายากะ มารดาของเควินเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว คุณตาเลยทุ่มเทความรักให้กับลูกชายคนเล็กเป็นอย่างมาก ทว่าสุขภาพของเควินกลับย่ำแย่จนน่าเป็นห่วงว่าจะจากโลกนี้ไปอีกคน เขาป่วยหนักด้วยโรคระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังแพ้แสงแดดอย่างรุนแรงจนทำให้ต้องหันมาใช้ชีวิตตอนกลางคืนแทน

เด็กน้อยที่น่าสงสารไม่มีโอกาสไปโรงเรียน มีเพียงพ่อผู้ชรากับคนรับใช้คอยเป็นเพื่อนเท่านั้น คุณตากีดกันไม่ให้ลูกหลานหรือเด็กอื่นๆ มาเล่นกับลูกชายเพราะเควินเคยถูกรังแกจนบาดเจ็บและไม่สบายหนักมาก คนที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเลยโดนคาดโทษกันทั่วหน้า ทำให้ไม่มีใครกล้ามาข้องแวะด้วยอีก มีเพียงฟินน์เท่านั้นที่ยังเข้าออกที่นี่เป็นประจำอย่างไม่เคยเข็ดหลาบ มิตรภาพของสองอาหลานก็เลยยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้

“มีเรื่องเวรเรื่องกรรมอะไรจะให้จัดการก็รีบบอกมาก่อนที่ฉันจะเสียอารมณ์”

สีหน้าของเควินไม่เชื่อเลยสักนิดว่าหลานชายตัวแสบจะแค่มาเยี่ยม ถ้าไม่มีอะไรจรืงคงไม่หาเรื่องให้เกลิคออกไปจากห้องนี้หรอก

“เลิกสักทีเถอะน่า ไอ้นิสัยมองโลกในแง่ร้ายอย่างนี้” ฟินน์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

“แล้วมันจริงไหม”

คนที่ถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแสร้งทำเป็นไม่พอใจ

“ไม่คิดหรือไงว่าฉันมานี่เพราะอยากขอบคุณนาย”

“ขอบคุณเรื่องอะไร”

“เรื่องหุ้นคอนเนอร์ไง เรายังไม่ได้ฉลองเลยนะ”

ฟินน์ยอมรับแบบไม่อายเลยว่าถ้าไม่ได้เควิน เขาคงไม่มีวันได้หุ้นของบริษัทคอนเนอร์มาอยู่ในมือได้รวดเร็วขนาดนี้

“ก็แค่เรื่องทำแก้เบื่อ”

คนหลายพันล้านในโลกนี้ต่างก็ดิ้นรนให้ได้มาซึ่งเงินทองและอำนาจ ผิดกับเควินที่เกิดมาท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ก็เลยไม่ค่อยเห็นค่าของมันนัก

เควินเกิดมามีต้นทุนชีวิตที่สูงพอๆ กับมันสมองที่เข้าขั้นอัจฉริยะ ฟินน์เห็นถึงศักยภาพของเควินเลยพยายามที่จะลากคนเก็บตัวออกสู่โลกภายนอก ผลที่ได้คือชื่อเควิน คอนเนอร์เริ่มติดหูคนในแวดวงการลงทุน กระนั้นคุณอาผู้รักความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่งยวด ก็ยังไม่ยอมเดินออกมาจากเงามืดเสียที

‘นายไม่อยากครองโลกหรือไงเควิน ถ้าเราร่วมมือกันรับรองว่าทำได้แน่’ เขาในวัยเลือดร้อนเคยลองชักชวนดูครั้งหนึ่ง

‘ทำไมฉันต้องร่วมด้วย ตัวฉันคนเดียวจะขยี้โลกใบนี้เมื่อไรก็ได้’

คำพูดคุยโตนี้ชวนหมั่นไส้ กระนั้นฟินน์ก็ยังเชื่ออย่างไม่แคลงใจว่าหากเจ้าตัวต้องการครองโลกจริงๆ คงมีปัญญาทำได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

‘นายไม่เบื่อโลกมืดของนายบ้างหรือไงนะ ไอ้โรคแพ้แสงของนายถ้ารักษาดีๆ ก็หายได้ไม่ใช่เหรอ’

‘ฉันชอบชีวิตที่เป็นแบบนี้ เหมือนกับนายที่ชอบแสงสว่างนั่นแหละ’

ถึงจะเข้าใจดีแต่ฟินน์ก็ไม่หยุดตื๊อ เควินจึงตัดรำคาญด้วยการยื่นข้อเสนอให้

‘ถ้านายหลงใหลแสงสว่างนัก ก็เป็นดวงอาทิตย์เสียเลยสิ ยิ่งนายสว่างเจิดจ้าเท่าไร ฉันก็จะยิ่งเป็นเงาที่ดำมืดเท่านั้น’

คำพูดของเควินหมายถึงว่าจะคอยสนับสนุนสิ่งที่ฟินน์ทำอยู่เบื้องหลังเอง ประโยคนี้จุดประกายความคิดบางอย่างให้เกิดขึ้น ฟินน์ตัดสินใจเปิดบริษัทใหม่ชื่อเอฟเคแอสเซต (FK asset) โดยมีตัวเองเป็นซีอีโอ ส่วนเควินคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทั้งสองคนช่วยกันบริหารงานจนบริษัทเติบโตและมีกำไรมหาศาล

“ถ้าไม่อยากฉลองเรื่องหุ้น ก็มาฉลองเรื่องกำไรในไตรมาสนี้หน่อยเป็นไง ขึ้นมาตั้งสามเปอร์เซ็นต์เชียวนะ”

“ก็แค่เศษเงิน” เควินกรอกตาทำหน้าหน่าย ประหนึ่งฟินน์เป็นเด็กน้อยที่ดีใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“เทศกาลทั้งที ช่วยแกล้งดีใจกับเศษเงินร้อยล้านหน่อยเถอะน่า”

ฟินน์ตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์เพื่อหาเครื่องดื่ม อึดใจก็กลับมาพร้อมถาดอาหารว่างกับไวน์ ชายหนุ่มรินไวน์แดงส่งให้เจ้าของบ้านก่อน แล้วค่อยหันมาบริการตัวเอง

“ฉลองให้ความสำเร็จ” ชายหนุ่มยกแก้วขึ้น

เควินยอมชนแก้วด้วยไม่ใช่เพราะเห็นว่ามันเป็นเทศกาล แต่ทำเพื่อตัดรำคาญต่างหาก ชายหนุ่มนั่งจิบไวน์เงียบๆ โดยมีคนช่างจ้อพยายามชวนคุย

ฟินน์พูดเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งไวน์หมดขวดก็ขอตัวกลับ ทำเอาเจ้าของบ้านประหลาดใจที่ตัวป่วนแค่มาทักทายจริงๆ

ในขณะที่ชายหนุ่มมองส่งแขกหน้าประตูลับ ฟินน์ก็เอี้ยวตัวกลับมาเหมือนนึกอะไรได้

“ฉันส่งของขวัญคริสต์มาสมาให้นายแล้วนะ หวังว่าคงชอบ”

‘นั่นไง ในที่สุดหางของไอ้ตัวแสบก็โผล่’

“อะไร?”

“ความลับ” ฟินน์เหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จับจิต ส่งผลให้สีหน้าของเควินกระด้างขึ้นทันตา

“คงรู้ใช่ไหมว่าถ้าฉันไม่ปลื้มจะเกิดอะไรขึ้น”

ฟินน์หัวเราะร่าแล้วโบกมือลาโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง

“เมอร์รีคริสต์มาส” ญาติตัวแสบเอ่ยทิ้งท้ายก่อนที่บานประตูจะปิดลง

+++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีท้ายตอนค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านและทักทายกันนะคะ ขอแจ้งข่าวอีกรอบว่าเปิดให้เล่มเกมชิงของฝากจากเกาหลีค่ะ ใครสนใจไปเล่นได้ที่แฟนเพจโน้มนะคะ https://www.facebook.com/nomekaa อยากแจกมากค่ะ แล้วตอนนี้คนเล่นน้อยกว่าของรางวัล มีลุ้นนะคะขอบอก

สำหรับนิยายเรื่องนี้ มีคนถามด้วยว่าโน้มเขียนแนวนี้ด้วยเหรอ? แลดูซีรีย์นี้จะหื่นนะตัว เอ่อ...คำตอบคือ “ก็ไม่รู้สินะคะ” (แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์) ตั้งใจให้เป็นโรมานซ์เบาๆ สนองนี้ด แต่ไม่รู้จะมีปัญญาเขียนได้แค่ไหนนะคะ ถ้ามีวาสนาได้พิมพ์จะเอานิยายมาแจกค่า

หมายเหตุ 1 ใครชอบฟินน์ยกมือขึ้น คนเขียนชอบอ่ะ เดาได้เลยโน้มรักใครภาคของฮีรับรองว่าทั้งน่าเวทนาและฮาแตก 555

หมายเหตุ 2 ใครเคยอ่านชายิกาของเจ้าชายยกมือขึ้น ฟินน์ คือพี่ชายแท้ๆ ของลอยด์ พระเอกในเรื่องชายิกาของเจ้าชายค่ะ อ่านตอนนี้ดูจะเห็นชื่อลอยด์โผล่มาแวบๆ ไม่ต้องงงนะคะว่าทำไมพี่น้องใช้คนละนามสกุลกัน ลอยด์นามสกุล สมิธ ค่ะ เพราะว่าพ่อแม่เขาหย่ากัน




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2557, 17:06:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2557, 17:06:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2087





<< บทนำ   บทที่ 2 ท่ามกลางสายลม >>
Zephyr 20 ม.ค. 2557, 18:18:29 น.
หง่ะ เอาซะแบบ บุคลิกเหมือนเชียว
ฮ่าๆๆๆ ให้เควินกินเลือดด้วยสิ แบบเป็นโลหิตจาง อิอิ
รึฮีจะเป็น พอร์ไฟเรีย โรคกลัวแสง ครุคริ
น่าสนอ่า เฟอร์ชอบแวมไพร์ สวยๆ อุอุ


mhengjhy 20 ม.ค. 2557, 20:08:59 น.
ยกมือค่ะ ชอบฟินน์


คิมหันตุ์ 20 ม.ค. 2557, 22:39:52 น.
ลงชื่อ ปูเสื่อติดตามจ่ะ


Sukhumvit66 21 ม.ค. 2557, 11:00:02 น.
สนุกมากค่ะ
~__________~


goldensun 21 ม.ค. 2557, 20:20:45 น.
ชอบค่ะ สนุกดี ฟินน์กับเควินแตกต่าง แต่เข้ากันดีค่ะ ชอบทั้งคู่


pkka 22 ม.ค. 2557, 21:30:44 น.
รอตามยาววว แน่^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account