หวานรักจอมบงการ
พ่อและแม่ของเธอไว้ใจฝากลูกสาวไว้กับลูกชายของเพื่อนสนิทในขณะที่พวกเขาไม่อยู่ หารู้ไม่ว่า คนที่(คิดว่า)ปลอดภัยที่สุด อาจเป็นคนที่อันตรายที่สุดก็เป็นได้!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ใครที่ร้ายกว่ากัน

หวานรักจอมบงการ


ตอนที่ 2 : ใครที่ร้ายกว่ากัน

............................

แม้คริสโตเฟอร์จะทำใจไว้แล้วว่าจะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกไปเกินพอดี แต่ก็อดตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นร่างสวยงามในชุดราตรียาวสีนํ้าเงินขับผิวคนตัวเล็กที่ตัวเองเป็นคนเลือกเองกับมือ เดินลงมาจากบันไดตรงลงมาหาเขา ที่มายืนรอรับหญิงสาวอยู่ที่ทางขึ้น
"คริส วันนี้เค้าสวยใช่ไหมล่ะ" หญิงสาวร่างเล็กที่เดินลงมาจากบันไดมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม หมุนตัวหนึ่งที ก่อนเสียงหวานจะถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานบ่งบอกความอารมณ์ดีบนใบหน้า
"อืม สวย" คนตัวโตพูดออกมาราวกับละเมอ ก่อนที่จะขมวดคิ้วเรียกสติให้กับตัวเอง เมื่อสังเกตว่าตนเหม่อไปเดินเล่นในความคิดมากเกินไปจนพูดอะไรออกมาตามใจคิด
"มากเลยใช่ไหมล่ะ"
"มากมั้ง ไม่มากมั้ง ไปกันได้แล้ว" คริสโตเฟอร์ตอบแบบขอไปที ก่อนจะโอบเอวบางเข้าหาตัว พาเดินไปที่รถที่คนขับรถจอดรออยู่หน้าบ้าน
มีเสียงคนตัวเล็กจิ๊ปากอย่างไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ ก่อนจะบ่นร่างสูงอยู่สองสามคำ ซึ่งเขาก็ไม่ตอบโต้ ทำเพียงแค่หัวเราะในลำคออย่างคนอารมณ์ดีเท่านั้น

"คุณชายเบอร์นาร์ด คุณหนูเลสลี่คะ ขออนุญาตถ่ายรูปคู่หน่อยนะคะ" เสียงช่างภาพคนหนึ่งพูดขึ้น เมื่อทายาทมหาเศรษฐีทั้งสองตระกูลดังเดินควงแขนกันถึงหน้างานเลี้ยงของสังคมระดับสูง ซึ่งทันทีที่พูดจบ ทั้งช่างภาพ และนักข่าวก็กรูกันเข้ามาล้อมคนทั้งสองเอาไว้ บ่งบอกถึงความมีชื่อเสียงของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
คริสโตเฟอร์โอบเอวบางแสดงความเป็นเจ้าของ ขณะที่หันไปยิ้มบางๆให้กล้อง โดยที่คนร่างเล็กก็ยิ้มหวานโชว์ฟันเรียงสวยให้กล้องเช่นกัน
"ขออนุญาตสัมภาษณ์นะคะ มีข่าวออกมาว่าคุณชายเบอร์นาร์ด พาคุณหนูเลสลี่ไปดูคฤหาสน์ราคาหลักร้อยล้านเพื่อเอาไว้เป็นเรือนหอ จริงเท็จอย่างไรคะ!?" นักข่าวคนหนึ่งถามเสียงดัง แข่งกับเสียงกดชัตเตอร์ที่ยังไม่หยุดเก็บภาพ คริสตินอยากจะขำกับคำถาม เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองร่างสูง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่นั่นทำไม
"ผมพาคริสตินไปดูจริงครับ เรื่องราคาก็ถึงหลักร้อยล้านจริงๆเหมือนกัน ส่วนผมจะซื้อไว้ทำอะไร ขอยังไม่ชี้แจงตอนนี้นะครับ เอาไว้ถึงเวลาแล้วผมจะพูดเรื่องนี้อีกทีละกัน" คริสโตเฟอร์บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม ไม่ใช่เพราะอยากเก็บเงียบ แต่แค่ยังไม่อยากให้ร่างบางมารับรู้ตอนนี้ก็เท่านั้นเอง
"แล้วความสัมพันธ์ของพวกคุณทั้งคู่ล่ะครับ ถึงแม้จะมีภาพพวกคุณไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆจนเป็นข่าวออกมา แต่ก็ยังไม่ได้รับคำยืนยันจริงๆจังๆสักที พอจะอธิบายได้ไหมครับ" นักข่าวอีกคนถามขึ้น
"พ่อของพวกเราเป็นเพื่อนรักกันครับ เราเลยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมยอมรับว่าเราสนิทกันมากอย่างที่เป็นข่าว และเธอก็เป็นคนสำคัญที่ผมใส่ใจมากที่สุดคนหนึ่งครับ" คริสตินตอบไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคำตอบที่ชายหนุ่มพูดออกมา แม้เขาจะบอกว่าเธอคือคนสำคัญ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างที่เธออยากให้เขาพูดอีก จะว่าปกติก็ไม่ใช่ จะว่าเจ็บก็ไม่เชิง แต่มันรู้สึกแน่นๆหน้าอกจนอยากจะระบายความรู้สึกนั้นออกมาให้มันหมดไป ทั้งที่ปกติเคยเจอคำตอบแบบนี้ แบบที่ชายหนุ่มจะตอบคลุมเครือไม่ชัดเจน แม้จะรู้สึกแปลกๆทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนความรู้สึกจะชัดเจนมากกว่าครั้งไหนๆ...
"แล้วคุณหนูเลสลี่ล่ะครับ ว่ายังไงบ้าง?"
"เอ่อ..." ปกติ คำถามส่วนใหญ่คริสโตเฟอร์มักจะเป็นคนที่ตอบ แทนเธอทั้งนั้น แต่ครั้งนี้นักข่าวกับถามเจาะจงมาที่เธอโดยตรง ทำให้หญิงสาวอึดอัดกับคำถามเล็กน้อย มือหนาสะกิดเอวเล็กเบาๆ ให้ร่างเล็กตอบคำถามนักข่าว เมื่อเห็นเธอเงียบไป "ตั้งแต่ฉันจำความได้ ผู้ช้ายที่ฉันสนิทและให้ความไว้วางใจมากที่สุดรองลงมาจากคุณพ่อก็คือคริสโตเฟอร์ค่ะ ตั้งแต่โตมา ฉันก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะไปทำความรู้จักกับผู้ชายคนอื่นๆมากนัก ซึ่งจะบอกว่าคริสโตเฟอร์เป็นผู้ชายคนพิเศษของฉันก็คงไม่ผิดค่ะ" คริสตินตอบตามความรู้สึกไป เพราะคำถามที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้เธอประดิษฐ์คำสวยๆไม่ทัน
"พวกเราขอตัวเข้าไปในงานก่อนนะครับ" ร่างสูงค้อมศีรษะเล็กน้อย ทันทีที่พูดจบประโยค การ์ดส่วนตัวของคริสโตเฟอร์ก็เข้ามากันนักข่าวให้ออกห่าง เพื่อที่ร่างสูงจะได้พาคุณหนูเลสลี่เดินเข้าไปในงานได้อย่างสะดวก

"คริส เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหนไหม หืม" หลังจากทักทายบรรดาผู้มาร่วมงานเลี้ยงได้สักพัก คนตัวโตก็ผละออกมาจากวงสนทนาเพื่อพาคนตัวเล็กมานั่งพักที่โต๊ะ เพราะสังเกตเห็นใบหน้าซีดๆของร่างบางตั้งแต่ออกมาจากวงล้อมของนักข่าวแล้ว
คนตัวสูงกว่าก้มหน้าลงมาหาร่างบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จนใบหน้าแทบชิด ก่อนจะเอื้อมมือไปอังหน้าผากและแก้มนวล พลางกวาดตามองทั่วใบหน้าหวานเพื่อหาความผิดปกติ
"เค้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คริสก็ เป็นห่วงเกินไปแล้ว" หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบมือใหญ่ และสายตาอบอุ่นที่มองมา
"ก็บอกแล้วไงว่าคริสเป็นคนสำคัญที่ฉันใส่ใจมากที่สุดคนหนึ่ง เธอผิดปกตินิดเดียวฉันก็ต้องรู้สิ" ชายหนุ่มประคองใบหน้าหญิงสาวด้วยสองมือให้หันมาทางตนเอง
"คนหนึ่ง? แสดงว่ามีคนสอง คนสาม คนสี่ คนห้าด้วยหรือเปล่า"
ร่างบางหรี่ตามองคนตัวโตอย่างจับผิด ทำเอาคริสโตเฟอร์หัวเราะออกมาอย่างขำขันกับท่าทีของเธอ ก่อนจะขยับตัวออกห่างคนตัวเล็ก แล้วทิ้งนํ้าหนักนั่งลงกับเก้าอี้ตัวใกล้ๆกัน
"ก็พ่อกับแม่ฉันไง นอกนั้นก็มีแต่เธอ คน-เดียว" เสียงทุ้มพูดเน้นคำ ทำเอาหญิงสาวใจเต้น หน้าร้อนขึ้นมา ทั้งกับคำพูด สายตา และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่คนตัวโตส่งมาให้
"แหวะ! ทำเป็นพูดดี"
"มาแหวะอะไรเล่า เธอเองก็ให้สัมภาษณ์ไม่ใช่เหรอ คริส ว่าอะไรน้า... 'คริสโตเฟอร์เป็นคนพิเศษของฉัน' ประมาณนี้หรือเปล่า?"ร่างกำยำส่งยิ้มกวนๆให้ร่างบาง ที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
"หยุดเดี๋ยวนี้เลยคริส นี่แหนะ!" มือเรียวสวยเอื้อมมือไปบิดเนื้อที่แขนแกร่งแรงๆ จนคนตัวโตร้องโอดโอย คว้าหมับที่มือบางเพื่อไม่ให้มันทำร้ายตัวเองอีก จนเมื่อหญิงสาวหยุด มือหนาก็ยังไม่ปล่อย เลยปล่อยเลยตามเลย ทั้งสองหยอกล้อแหย่เย้ากันเล่นอีกเล็กน้อย จนกระทั่ง...
"ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ คริสโตเฟอร์"
ทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับการมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวที่ชื่อเมแกน จะไม่ให้แปลกใจได้ไงล่ะ เพราะหลังจากที่เมแกนตามจีบคริสโตเฟอร์อยู่นานนับครึ่งปี จู่ๆก็หายไปอย่างกระทันหัน โดยเฉพาะคริสตินที่ดูจะแปลกใจกว่าชายหนุ่มพอสมควร เพราะเธอไม่รู้ถึงสาเหตุของการหายตัวไปตลอดสี่ปีที่ผ่านมาของสาวใบหน้าสวยเฉี่ยวคนนี้เลยแม้แต่น้อย
"เชิญครับ" แม้จะลำบากใจ เพราะรู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้า และคนตัวเล็กของเขาเคยไม่ถูกกันมาก่อน แต่ก็เอ่ยปากอนุญาตออกไปตามมารยาทในสังคมที่พึงมี และดูเหมือนเจ้าของมือเล็กที่เขากุมอยู่จะขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่พอใจที่เขายอมอย่างง่ายดาย แต่ก็เลือกที่จะไม่แสดงออกจนน่าเกลียด
คริสโตเฟอร์ยิ้มบางๆส่งให้คริสติน ก่อนจะบีบมือบางให้เธอใจเย็นลง สายตาที่ส่งมาให้เหมือนปลอบใจอยู่ในที นั่นทำให้ร่างเล็กผ่อนคลายลง และปรับสีหน้าให้เป็นปกติตามเดิม
"ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คริสโตเฟอร์ สบายดีนะคะ" เมแกนที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งใกล้ๆร่างแกร่งอย่างจงใจ เอ่ยขึ้นเสียงหวานหยด ส่วนคริสตินก็ทำหน้าปูเลี่ยน หันหน้าไปอีกทางพลางเบ้ปากมันไส้ คริสโตเฟอร์ที่เห็นท่าทางของหญิงสาวพอดี ถึงกับหลุดขำออกมาเบาๆในลำคอกับท่าทางเหมือนเด็กๆนั่น
"สบายดีครับ" ชายหนุ่มหยุดปากเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ตนเองจะหลุดถามคำถามตามมารยาทที่ติดเป็นนิสัยกลับไป ไม่งั้นเขาคงได้ทะเลาะกับคนตัวเล็กซักยกสองยกเป็นแน่
"แล้วคุณหนูเลสลี่ล่ะคะ สบายดีเหมือนกันใช่ไหมคะ" ทักทายคนตัวโตเสร็จ เมแกนก็รีบเปิดบทสนทนากับคนที่นั่งอีกด้านของคริสโตเฟอร์ทันทีอย่างต้องการจะปูทางในการชวนทะเลาะ
"ก็ดีค่ะ แล้วคุณล่ะคะเป็นไงบ้าง หายหน้าหายตาไปนานเลยนี่คะ นานจนแทบจะลืมไปแล้วด้วย" คริสตินหน้าตึง ไม่รู้จะชวนเธอคุยทำไม ทำเป็นไม่เห็นอย่างตอนแรกก็ดีแล้วนี่
เมื่อก่อน เมแกนมักจะชอบจิกกัดเธอทางสายตาเป็นประจำ เวลาที่เธอมานั่งเล่นอยู่ที่ห้องทำงานของคริสโตเฟอร์ในเวลาที่เมแกนก็มาหาชายหนุ่มพอดี จนบางครั้งทำให้เธอทนไม่ได้ เผลอเปิดศึกนํ้าลายกับหล่อนตลอด ดีที่ว่ามีคริสโตเฟอร์มาห้ามอยู่ทุกครั้ง ไม่งั้นก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้นก็เป็นได้
"ถ้างั้นก็ขอบคุณที่ยังจำกันได้ค่ะ สี่ปีที่ผ่านมาฉันไปเรียนต่อที่อเมริกาน่ะค่ะ เรียนจบก็เลยทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ที่นั่นอีกประมาณสองปี เป็นช่วงเวลาที่ดีกว่าตอนที่ต้องมาเสียสุขภาพจิตอยู่ที่นี่มากเลยค่ะ" เมแกนจิกตาใส่ร่างเล็กจนเธอรู้สึกได้ ยิ่งหล่อนเน้นเสียงคำว่าเสียสุขภาพจิต ก็รู้ได้ทันทีว่าคู่สนทนาต้องการจะกระทบกระเทียบเธอเรื่องที่เคยทะเลาะมีปากเสียงกันมาก่อน
"ไม่ต้องไปตรวจก็รู้เลยค่ะว่าสุขภาพจิตของคุณเสียจริงๆ" คริสตินพูดเหน็บแนมกลับไปติดตลกทั้งที่ถ้าใครได้ยินก็รู้ว่าไม่ตลก "แล้วจะกลับมาทำไมล่ะคะ ถ้าอยู่ที่นั่นแล้วมีความสุขดี"
"มาทวง'ของ'ค่ะ" เมแกนที่หน้าตึงกับคำสวนกลับของคุณหนูจอมเชิด ฉาบใบหน้าของตัวเองให้แย้มยิ้มเหมือนเดิม ก่อนจะตอบคำถามนั้นกลับไป
ร่างเล็กรู้ทันทีว่าของที่ว่านั้นหมายถึงคริสโตเฟอร์ แต่ไม่อยากที่จะเถียงให้เปลืองนํ้าลายอีก จึงหันไปหาชายหนุ่มที่คอยบีบมือเธอให้ใจเย็นๆตลอดบทสนทนาของเธอกับเมแกนแทน
"คริส เค้าหิวอ่ะ ไปหาอะไรทานกันเถอะนะ"
"ไปสิ ขอตัวนะครับ" คริสโตเฟอร์รับคำ ก่อนจะหันไปพูดกับเมแกนแล้วประคองโอบเอวร่างบางให้ยืนขึ้น
"หิวพอดีเลยค่ะ ถ้างั้นขอเดินไปด้วยคนนะคะ" เมแกนลุกขึ้นมาควงแขนอีกข้างของคริสโตเฟอร์โดยไม่ได้ขออนุญาต
"คริส เอาแขนออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" คริสตินกระซิบเสียงหนักใส่ร่างสูงที่กำลังทำสีหน้าลำบากใจ
"ในงานคนเยอะนะคริส เดี๋ยวเมแกนจะเสียหน้า มีเหตุผลหน่อยสิ" เสียงทุ้มตอบกลับไปเบาๆอย่างหนักใจ ขณะพาสองสาวเดินไปยังซุ้มจัดอาหาร
"อ๋อ นี่คุณจะบอกว่าฉันไม่มีเหตุผลเหรอ คริสโตเฟอร์ ถ้าคุณไม่ปล่อยเธอ งั้นคุณก็ต้องปล่อยฉัน ปล่อยสิ!" คริสตินพยายามแกะมือหนาออกจากเอว แต่เจ้าของมือกับยึดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จนคยตัวเล็กหน้ามุ่ย ยกมือขึ้นกอดอกอย่างเอาแต่ใจ
"พูดให้ดีๆนะ คริส ทำไมต้องประชดประชันกันด้วย" ร่างหนาเริ่มมีนํ้าโหที่หญิงสาวใช้คําพูดห่างเหินกับตน
"จะปล่อยไม่ปล่อย!" ถามมาแบบนี้ เจ้าของใบหน้าคมเข้มรู้ทันทีเลยว่าถ้าเขาไม่ยอมปล่อย คนตัวเล็กต้องแผลงฤทธิ์อะไรสักอย่างเป็นแน่ เขาไม่ได้กลัวที่ตัวเองจะเดือดร้อนเพราะร่างเล็ก แต่เขาแคร์เธอ เพราะเธอคงจะโกรธเขามากแน่ๆ และคงจะง้อยากกว่าการงอนธรรมดา
เห็นนํ้าตาซึมออกจากดวงตาหวาน ถึงตรงนี้ มารยาททางสังคมที่มีหายไปหมด ความรู้สึกแคร์ผู้หญิงที่เขารักมีมากกว่าอะไรทั้งสิ้น จึงเลือกที่จะถอนแขนแกร่งออกจากมือเรียวเล็กที่ควงแขนเขาอยู่ออก ก่อนจะรีบโอบเอวบางเดินริ่วหนีเมแกนที่หยุดยืนพูดคุยกับคนรู้จักอยู่จนเธอหน้าเสีย ก่อนจะหัวเราะเบาๆกลบเกลื่อนอาการ ทั้งที่ในใจไม่ค่อยจะสบอารมณ์นักที่ชายหนุ่มไม่ไว้หน้าเธอเลย

.................................................................................................................

"เดี๋ยวสิ คริส ยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ" คริสโตเฟอร์รีบคว้าต้นแขนเรียวเล็ก ก่อนที่เธอจะทันได้เปิดประตูรถลงไป
หลังจากที่เขาพาหญิงสาวเดินมาไกลเมแกนแล้ว เธอก็หน้าบึ้งตักอาหารไปสองสามจาน โดยมีเขาช่วยถือ ก่อนจะนั่งทานอาหารเงียบๆอยู่ที่โต๊ะ แต่แอบมองค้อนเขาอยู่หลายที ในยามที่เขาพูดคุยด้วย เจ้าของใบหน้าหวานก็จะตอบกลับมาสั้นๆอย่างแง่งอน แต่ก็เจือความรู้สึกน้อยใจปนมาด้วยจนเขารู้สึกได้
คริสตินหันกลับมามองด้วยใบหน้าหงุดหงิดคิ้วขมวด แต่ก็ไม่ยอมตอบอะไรคนตัวโตเลย นอกจากมองอย่างชวนหาเรื่อง มองกันไปมองกันมา ไม่นาน แววตาคู่สวยก็สั่นระริก ก่อนที่นํ้าตาจะเอ่อคลอออกมาจนร่างสูงตกใจ รีบคว้าเธอมากอดแนบอก ความอบอุ่นที่ได้รับ กับเสียงนุ่มๆที่คอยปลอบโยนข้างหู ทำให้หญิงสาวหลุดเสียงสะอื้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้
"ขอโทษนะ ฉันผิดเอง ไม่เอาๆ ไม่ร้องแล้วนะคนดี" คริสโตเฟอร์กอดร่างบางไว้แน่น นึกโทษตัวเองที่ไม่น่าปล่อยให้เมแกนควงแขนจนร่างบางเสียใจที่เขายอมปล่อยให้เมแกนควงแขนขนาดนี้
ชายหนุ่มดันร่างเล็กออกห่างจากแผ่นอกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ และก็ได้รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ
"คริส นี่เธอไม่สบายเหรอ ทำไมตัวร้อน" ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ก่อนจะจับตัวคริสตินไปมาดูอาการ ตัวเย็นเฉียบ แต่ใบหน้าและลำคอร้อนผ่าวจนน่าตกใจ "ปวดหัวไหม ไหวหรือเปล่า"
"มึนๆนิดหน่อย แต่เค้าเจ็บคอ" คนตัวเล็กตอบ ก่อนจะพิงศีรษะไว้กับอกแกร่งพลางหลับตาลง
"ขับรถกลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้ฉัน แล้วก็กลับไปเลยนะ พรุ่งนี้ตอนสายๆค่อยมารับฉัน ถ้าพ่อหรือแม่ฉันถามก็บอกท่านด้วยว่าคริสตินไม่สบาย แค่นั้นแหละ" คริสโตเฟอร์หันไปสั่งคนขับรถ ก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นแนบอกแล้วพาขึ้นไปยังห้องนอนของหญิงสาว
คริสโตเฟอร์วางร่างเล็กบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะคลี่ผ้าห่มขึ้นมาห่มให้หญิงสาว แล้วเดินไปเปิดแอร์ให้ แต่ปรับอุญหภูมิให้ไม่หนาวจนเกินไป รอจนแม่บ้านที่เจอกันข้างล่างยกนํ้าอุ่นพร้อมผ้าขึ้นมาเช็ดตัวให้หญิงสาว เขาจึงเดินหลบออกมาอยู่นอกห้อง
ทุกครั้งที่คริสตินป่วย เธอจะงอแง และอารมณ์อ่อนไหวง่าย ไม่น่า ทำไมวันนี้ดูขี้แยกว่าปกติ ชายหนุ่มอมยิ้มและส่ายหน้าเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจอย่างเป็นห่วงร่างบาง
ตั้งแต่เด็กๆ คริสตินติดเขามาก ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร ก็จะคอยเรียกหาเขาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งครั้งใดที่หญิงสาวไม่สบาย เขาก็จะมีหน้าที่มานอนเฝ้าร่างเล็กอยู่เป็นประจำจนติดเป็นนิสัย จนเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น อังเดร และเจเน็ท ผู้เป็นพ่อแม่ของคริสตินก็เริ่มเป็นห่วง ไม่อยากให้ลูกสาวนอนกับผู้ชาย แต่เมื่อเธอเริ่มร้องไห้งอแง ในที่สุดก็ต้องยอม เพราะผู้ใหญ่ไว้ใจเขา และก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางทำให้เธอเสียหายเป็นแน่ จนเมื่อโตมาอีกระดับหนึ่ง เขาเริ่มย้ายไปอยู่คอนโด หรือต้องไปอยู่ในที่พักที่สะดวกต่อการทำงาน คนตัวเล็กก็จะตามไปค้างด้วย แรกๆอังเดรและเจเน็ทก็ไม่ยอม เพราะเริ่มจะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่พอคนตัวเล็กงอแงขึ้นมาอีก สุดท้ายก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ จนตอนนี้เสื้อผ้า หรือแม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆของหญิงสาวก็มีอยู่ในคอนโดและบ้านพักทุกๆที่ที่มีชื่อของตระกูลเขาเลยก็ว่าได้
คริสโตเฟอร์ยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไปหาเจ้าของคฤหาสน์ที่อยู่ต่างแดน ก่อนจะบอกถึงอาการของคุณหนูเลสลี่ พร้อมทั้งขออนุญาตอยู่เฝ้า ซึ่งผู้เป็นพ่อของคนป่วยก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากจะกำชับให้เขาดูแลคนตัวเล็กให้ดีๆ

คริสโตเฟอร์ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนคริสติน เมื่อแม่บ้านเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า เอายาให้ร่างเล็กกินและออกไปแล้ว ร่างสูงนั่งอยู่ริมเตียง ฝั่งที่หญิงสาวนอนอยู่ ใช้มือปัดปอยผมที่คลอเคลียอยู่บนหน้าผากมนออกให้เบาๆ ก้มลงจุมพิตที่หน้าผาก ก่อนจะเลื่อนลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากบางหนักๆ ค้างไว้อย่างนั้นซักพัก ก่อนจะถอนริมฝีปากออก หยิบหมอนข้างมาไว้ข้างกายสาว เพราะจำได้ว่าเธอติดหมอนข้าง ถึงจะหลับไปแล้ว แต่ก็จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาหาหมอนข้างตลอด
"ฝันดีนะครับ ยัยตัวแสบของคริสโตเฟอร์"

กลางดึก ดวงตาหวานที่แทบจะลืมไม่ขึ้นค่อยๆฝืนตัวเองจนมองเห็นความมืดรอบๆห้องตัวเอง
"คริส คริส..." ปากบางร้องเรียกหาชายหนุ่ม ที่ปกติ ถ้าเธอไม่สบายจะประคองกอดเธอไว้แนบอก แต่ครั้งนี้เขาหายไปไหน คอยดูนะ ถ้าหนีกลับบ้านไปแล้วล่ะหน้าดู ร่างบางคิดพลางนํ้าตาซึม
"คริส อยู่ไหนน่ะ ฮือ" เสียงร้องไห้คุ้นหูทำให้คริสโตเฟอร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟารีบเดินไปที่เตียง เมื่อเห็นเจ้าของเสียงพยายามชันกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
"ฉันอยู่นี่แล้วนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น นอนซะ" คริสโตเฟอร์ดึงร่างบางเข้ามากอด พลางตบเบาๆที่ข้างแขนเพื่อกล่อม
"ทำไมไม่นอนกอดเค้า ฮือๆ" หญิงสาวพูดพลางสะอื้นไปด้วย
"ก็กลัวเธอจะอึดอัด หยุดร้องซะนะ มา เดี๋ยวฉันนอนเป็นเพื่อน" ปากหนาจูบหน้าผากหญิงสาวทีหนึ่ง ก่อนจะประคองร่างเล็กให้นอนลงหนุนแขนเขา แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของเขาและเธอ มืออีกข้างก็ลูบหลังเธอเบาๆจนหญิงสาวเคลิ้ม เสียงสะอื้นจึงค่อยๆหายไป
คริสโตเฟอร์ก้มลงมองใบหน้าหวานในอ้อมแขน พลางมือก็เช็ดนํ้าตาที่เปื้อนใบหน้าเธอไปด้วย ไม่เคยนึกรำคาญหรือเหนื่อยเลยสักครั้งที่ต้องมาดูแลหญิงสาวที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าใคร เขากลับมีความสุขที่ได้ดูแลเธอมากกว่า ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาจะเต็มใจทำให้ใครได้เท่านี้ไหมก็ไม่รู้ มองใบหน้าสวยอยู่นาน ก่อนที่ความง่วงจะเข้าครอบงำ แล้วหลับตามหญิงสาวไปอย่างง่ายดาย

คริสโตเฟอร์หยีตา เมื่อแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านทางช่องผ้าม่านแยงตา มือหนายกขึ้นป้อง ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น ก้มลงมองคนที่ใช้แขนเขาหนุนนอนมาตลอดทั้งคืนพร้อมยิ้มจางๆ ก่อนจะใช้มืออังหน้าผากและข้างแก้ม เห็นอุญหภูมิลดลงกว่าเดิม แม้จะยังอุ่นๆอยู่แต่ก็ดีใจที่อาการดีขึ้น ไม่ได้แย่ลงไปกว่าเดิม
ร่างสูงขยับตัว จับศีรษะเล็กให้หนุนบนหมอนแทน ก่อนที่ตัวเองจะค่อยๆขยับตัวลงจากเตียง เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนคนป่วยที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงกว้าง
หลังจากยืมใช้ห้องนํ้าคนตัวเล็กชำระร่างกายเสร็จแล้ว เขาก็หยิบเสื้อผ้าที่ให้คนรถนำมาให้เมื่อคืนขึ้นมาสวม ก่อนจะลงไปข้างล่าง เพื่ออาสายกข้าวต้มขึ้นมาให้หญิงสาวพร้อมยาลดไข้
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนจะวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะข้างเตียงที่ร่างบางนอนคุดคู้ตัวอยู่ในผ้าห่ม เข้าไปนั่งใกล้ๆกับที่หญิงสาวหลับอยู่ ก่อนจะเอื้อมมือดึงผ้าห่มที่ปิดใบหน้าหวานอยู่เกือบครึ่งหน้าร่นลงมาจนถึงอก ก่อนจะแทบชักผ้าห่มขึ้นมาปิดไม่ทัน เมื่อเห็นว่าชุดนอนที่หญิงสาวใส่อยู่บางแค่ไหน แถมแสงแดดที่ผ่านเข้ามาแทบจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน เขาทราบอยู่แล้วว่าเธอไม่ใส่ชั้นในนอน แต่เวลาที่เธอไปค้างกับเขา มักจะใส่เสื้อที่มีความหนา และสีเข้มมากกว่านี้
คริสโตเฟอร์ดึงสติกลับมา ก่อนจะรีบปลุกหญิงสาวให้ตื่น ก่อนที่เขาจะคิดอะไรเตลิดไปไกลกว่าที่ควร
"อื้อ!" เสียงหวานครางในคออย่างขัดใจ ก่อนจะขมวดคิ้วและลืมตาขึ้นในที่สุด เมื่อรับรู้ถึงแรงสะกิดที่ไหล่
"สายแล้วนะคริส ลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาก่อน แล้วถ้าไม่ไหวก็ค่อยนอนพักต่อ" คริสโตเฟอร์ค่อยๆพยุงร่างบางให้ขึ้นนั่ง จับหมอนให้พิงกับหัวเตียง ก่อนจะจับร่างบางนั่งพิงหมอนไว้อีกที เห็นแวบๆว่าผ้าห่มร่นลงมาอยู่ช่วงเอวก็รีบดึงขึ้นปิดของสงวนให้
"วันนี้คริสจะไปไหนไหม" คริสตินถามขึ้น พร้อมๆกับที่มือหนาใช้ผ้าชุบนํ้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้พอดี
"ไปงานเปิดตัวอัญมณีล็อตใหม่ที่เคยชวนไปไง แต่ถ้าเธอไม่ไหวก็นอนพักอยู่นี่เถอะ แล้วจะรีบกลับมาหา" คริสโตเฟอร์บอก พลางเป่าข้าวต้ม และป้อนให้หญิงสาว ซึ่งเธอก็อ้าปากรับอย่างว่าง่าย
ดีนะที่พ่อของเขายังไม่ยกบริษัทให้เขาดูแลอย่างเต็มตัว เพราะตอนนี้เขายังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทายาทอยู่เช่นเดิม ไม่งั้นคงต้องอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบงานเป็นแน่ ซึ่งก็เป็นการยาก เพราะยิ่งคริสตินป่วย เธอก็จะยิ่งติดเขายิ่งกว่าตอนปกติเป็นเท่าตัว ดีไม่ดีอาจจะร้องไห้งอแงไม่ยอมกินยาจนกว่าเขาจะกลับมาเลยก็ได้
"ออกจากที่นี่กี่โมงเหรอ"
"เที่ยงครับ งานเริ่มบ่ายโมง ไหนจะต้องเผื่อเวลาไป เผื่อเวลาตรวจดูงานอีก" คริสโตเฟอร์ยังคงทำหน้าที่ป้อนข้าวหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง "อ๋อใช่ อีกซักประมาณสามเดือนฉันจะเปิดตัวอัญมณีอีกชุดหนึ่งล่ะ โปรเจกต์นี้ฉันดูแลเองทุกขั้นตอนเลยเชียวนะ"
"จริงเหรอ ดีจังนะ ชื่อโปรเจกต์คืออะไรเหรอ"
"ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรซ์สิ แล้วถ้าถึงวันนั้น ต่อให้คริสป่วยคริสก็ต้องไปงานให้ได้เลยนะ รู้ไหม"
"สัญญาเลย แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ วันนี้คริสจะกลับกี่โมง"
"...งานเลิกประมาณสามทุ่มน่ะ เพราะมีงานเลี้ยงต่อ" ชายหนุ่มเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบไม่เต็มเสียง
"ไม่เอาอ่ะ ไปแค่สองสามชั่วโมงไม่ได้เหรอ" คริสตินเบี่ยงหน้าหลบช้อนที่มือหนาเอามาจ่อปากเพราะอิ่มแล้ว และเริ่มงอแง ก่อนจะจ้องมองร่างหนาเป็นเชิงบอกว่าห้ามขัดใจเธอเชียว
"ไม่เอาสิ ฉันต้องไปทำงานนะ บอกแล้วไงว่าจะรีบกลับ" ร่างสูงปล่อยช้อนข้าวต้มลงในชาม ก่อนจะวางไว้ในถาด แล้วหันมาพูด
"แต่เค้าอยากให้คริสอยู่ด้วยนี่" ร่างบางหน้าหงอย ก่อนจะทำเสียงออดอ้อน แล้วขยับตัวเข้ามาซบกับอกแกร่งที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆเธอ เมื่อรู้สึกว่าเสียงของชายหนุ่มแข็งขึ้นจนเธอหวาดๆ
"ฉันก็อยากอยู่กับเธอ แต่ฉันต้องไปทำงานก่อน เข้าใจหรือเปล่า หืม?" คริสโตเฟอร์รวบร่างเล็กเข้ามากอด ก่อนจะจุมพิตเข้าที่เรือนผมนุ่มสลวยอย่างเอาใจ และก็ต้องอึ้งกับประโยคต่อมาของเธอ
"งานมันสำคัญกว่าเค้าอีกเหรอ?"
"ทำไมพูดแบบนี้ เธอต้องสำคัญที่สุดอยู่แล้วสิ ไม่เอาน่า ฉันจะกลับมาให้ทันเวลาอาหารเย็นนะ แบบนี้ดีหรือเปล่า?" ตอนแรกเกือบจะดุว่าหญิงสาวไม่มีเหตุผลไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าจะต้องมานั่งทะเลาะกันอีก และตอนนี้คนตัวเล็กก็กำลังไม่สบาย ความงอแงไร้เหตุผลก็มากขึ้นเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว มั่นใจว่าในเวลาปกติเธอคงจะไม่ถามคำถามนี้ออกมา จึงไม่เก็บเอาคำพูดของเธอมาใส่ใจ
"ยังไงมันก็เกินสามชั่วโมงอยู่ดีนี่นา" เสียงเล็กเริ่มงอแงพูดไม่รู้เรื่อง ขณะที่หน้ากำลังมุดอยู่กับอกแกร่งอย่างออดอ้อนเอาแต่ใจ
"ฉันไปทำงานนะ ทำงานเก็บเงินมาเลี้ยงเธอไง ชอบช๊อปไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อของให้เธอล่ะ"
นับวันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงเด็กตัวเล็กๆเข้าไปทุกวัน เหตุผลที่เขาบอกเธอไป เหมือนเหตุผลที่พวกผู้ใหญ่ใช้กับเด็กเล็กๆที่งอแงเวลาพ่อแม่จะไปทำงานก็ไม่ปาน
"งั้นเค้าจะไปด้วย"
"แต่เธอไม่สบายอยู่นะ ทำไมไม่นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน"
"เค้าไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้นซักหน่อย หัวก็ไม่ปวดแล้ว เหลือแค่ตัวอุ่นๆ แล้วก็นํ้ามูกไหนแค่นี้เอง... คริส นํ้ามูกเค้าไหลอ่า" พูดไม่ทันขาดคำ นํ้ามูกของร่างเล็กก็ไหลออกมาราวกับสั่งได้ ใบหน้าหวานรีบขยับออกจากอกแกร่ง กลัวว่านํ้ามูกจะเลอะเสื้อคนตัวโต แล้วใช้มือปิดครึ่งล่างของใบหน้าไว้
คริสโตเฟอร์รีบหยิบกระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนมาไว้ในมือ จับมือบางที่ปิดจมูกกับปากของตัวเองอยู่ออก ก่อนจะเช็ดนํ้ามูกให้ แล้วบอกเบาๆให้หญิงสาวสั่งนํ้ามูกออกมา ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูอีกจำนวนหนึ่งออกมาห่อกระดาษทิชชูที่ใช้แล้ว แล้วใช้ผ้าชุบนํ้าที่ไว้เช็ดหน้าหญิงสาวมาเช็ดทำความสะอาดใบหน้าหวาน แล้วจับมือบางข้างที่เธอใช้มือปิดจมูกตัวเองขึ้นมาเช็ดให้ด้วย
ร่างแกร่งไม่มีทีท่าว่ารังเกียจหรือลำบากใจสื่อออกมาเลย มีแต่แววตาเป็นห่วง และใส่ใจกับการกระทำของตัวเอง จนร่างบางที่รอบมองใบหน้าคมเข้มถึงกับอดใจเต้นไม่ได้
"เห็นไหมว่ายังไม่หายดีเลย รอให้เธอปกติกว่านี้แล้วฉันค่อยพาออกไปเที่ยวไม่ดีกว่าเหรอ" เสียงทุ้มพูดขึ้น ระหว่างจับให้ร่างบางนอนลงบนเตียง แล้วยกผ้าห่มขึ้นคลุมร่างบางให้
"พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากให้เค้าไปด้วยใช่ไหมล่ะ ต้องมีอะไรปิดบังเค้าแน่ๆเลย ซุกผู้หญิงไว้หรือเปล่า" คริสตินขมวดคิ้วแก้มป่อง รู้ทั้งรู้ว่าพูดไปก็เหมือนเป็นการหาเรื่องชวนทะเลาะ แต่ปากหนอปากก็ไวเกินกว่าสมองเล็กๆของเธอจะได้ไตร่ตรอง...
"จะเอาเวลาที่ไหนไปมีล่ะ เวลาทั้งหมดของฉันก็อยู่ที่งานกับเธอทั้งนั้น ทำตัวเป็นภรรยาขี้หึงชอบจับผิดไปได้" เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆอย่างถูกใจกับอาการที่คนตัวเล็กแสดงออกมา พร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มนุ่มให้รางวัลกับท่าทางน่ารักน่าหยอกของเธอ
"ไม่ตลกเลยนะ! ไม่เอา ยังไงเค้าก็จะไปด้วย คุณห้ามไม่ได้หรอก ไม่เชื่อก็ลองดู" ร่างบางบอกเสียงเขียว
"เรื่องนั้นค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ต้องนอนพักก่อนนะ แล้วเดี๋ยวตอนเที่ยงจะปลุกมาทานข้าวทานยา" ชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงคิงไซส์พูดขึ้น มือก็ทำหน้าที่เกลี่ยปอยผมบนหน้าผากนวล ก่อนจะจุมพิตที่ปากบางเบาๆ แล้วลูบหลังกล่อมให้เธอหลับ
"ถ้าเค้าตื่นมาแล้วไม่เจอคริสนะ ไม่ว่าคริสจะไปอยู่ที่ไหน หรือทำอะไรอยู่กับใคร เค้าจะตามไปอาละวาดทุกที่เลย คอยดู..." เสียงหวานใสบ่นงึมงำ ก่อนจะค่อยๆหลับไปเพราะฤทธิ์ยา
ชายหนุ่มก็ได้แต่คลี่ยิ้มบางๆนอนมองใบหน้าหวานอยู่อย่างนั้น ขณะที่มือก็ยังไม่หยุดลูบหลังเบาๆให้ร่างบาง นึกขอบคุณทุกๆอย่างที่ทำให้เขาได้เกิดมาอยู่ในตระกูลเบอร์นาร์ด ตระกูลที่ทำให้เขาได้รู้จักและสนิทสนมกับเธอ ได้เป็นผู้ชายคนเดียวที่ได้รับสิทธิ์ให้คอยดูแลผู้หญิงคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาในตอนนี้ ได้เป็นผู้ชายที่ได้รับความไว้วางใจจากเธอ และขอบคุณสวรรค์ที่ส่งผู้หญิงอย่างคริสตินมาให้เขารัก ผู้หญิง ที่นอกจากแม่ของเขาแล้ว ก็จะไม่มีผู้หญิงคนไหนได้ส่วนแบ่งจากความรักที่เขามีให้เธอไปแม่แต่เศษเสี้ยว...

.................................................................................................................

ในที่สุด คริสโตเฟอร์ก็ประคองโอบเอวบางของคนตัวเล็กเข้ามาหลังเวทีของงานเปิดตัวอัญมณี ที่บิดา และมารดาของเขาได้มาถึงก่อนหน้านี้แล้วประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากที่ป้อนข้าวป้อนนํ้าหญิงสาวเสร็จ ก็ต้องมาสู้รบปรบมือกับคริสตินอีกยกใหญ่ ด้วยความที่เธอดื้อแพ่งจะตามเขามาด้วยให้ได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่หายดี สุดท้ายก็เป็นเขาเองนี่ล่ะที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพียงแค่เธอเบะปากนํ้าตาคลอ และกล่าวหาว่าเขาซุกซ่อนผู้หญิงเอาไว้เลยไม่ยอมให้เธอไปด้วย เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ ยอมจำนนต่อหญิงสาวผู้ทรงอิทธิพลต่อเขา และพาเธอมาด้วยจนได้
"สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า" เสียงหวานสดใสเอ่ยทักทายบิดามารดาของชายหนุ่มผู้ที่โอบเอวเธออยู่อย่างอารมณ์ดี หลังจากที่เธอเถียงกับคริสโตเฟอร์จนเขายอมให้เธอตามมาด้วย
"อ้าวหนู สวัสดีจ้ะ ไหนตาคริสบอกว่าหนูป่วยอยู่ไงลูก ทำไมไม่นอนพักผ่อนล่ะจ้ะ ดูซิตัวยังรุมๆอยู่เลย ตายจริง" เอลิซาเบธจับเนื้อจับตัวหญิงสาวร่างบางที่คริสโตเฟอร์ปล่อยมือที่โอบเอวบางไว้ให้เดินมาหาเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"นั่นสิลูก วันหลังนอนพักผ่อนให้หายสนิทก่อนรู้ไหม เกิดเป็นลมเป็นแล้งไปจะแย่เอานะ" ไมเคิล ผู้เป็นบิดาของคริสโตเฟอร์ยกมือขึ้นลูบหัวคริสตินอย่างแสดงความเอ็นดู หญิงสาวก็ได้แต่ยิ้มแหยๆส่งไปให้
"เอาเป็นว่าคริสก็ดูแลน้องให้ดีๆแล้วกันนะลูก พาน้องไปนั่งพักก่อนไป วันนี้ก็ไม่ต้องอยู่ยันงานเลิกก็ได้ จะได้พาน้องกลับไปพักผ่อน" เอลิซาเบธหันไปบอกลูกชาย แล้วส่งมือบางของร่างเล็กไปให้คริสโตเฟอร์เป็นคนดูแลต่อ ร่างสูงรับคำ ก่อนที่สองสามีภรรยาจะขอตัวไปตระเตรียมงานให้เรียบร้อย โดยไมเคิลไม่ลืมหันมากำชับให้ดูแลคริสตินให้ดี
"ตกลงฉันหรือเธอที่เป็นลูกท่านเนี่ย" คริสโตเฟอร์บ่นเบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะหวานใส ร่างแข็งแรงจับจูงมือร่างบางมานั่งเก้าอี้ในห้องที่มีป้ายข้างหน้าห้องว่า Staff Only ก่อนจะพูดคุยกับสตาฟฟ์เกี่ยวกับงาน แต่ก็วนเวียนดูแลหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง จนคนในห้องต่างพากันอมยิ้มให้กับภาพความน่ารักที่ชายหนุ่มรูปงามปฏิบัติกับหญิงสาวผู้เพรียบพร้อมอย่างชื่นชม
"คริส เดี๋ยวฉันมานะ ต้องไปหาป๋าก่อน แล้วจะรีบมา" ตอนแรกหญิงสาวจะขอตามไปด้วย แต่กลัวว่าจะไปเกะกะคริสโตเฟอร์ จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายไป "อ่ะ เอาโทรศัพท์ฉันไปเล่นก่อนก็ได้ เธอไม่ได้หยิบมันมาจากบนรถนี่" คริสโตเฟอร์ยื่นโทรศัพท์ส่วนตัวส่งให้มือบาง ก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตที่หน้าผากแล้วเดินผละออกไป
สตาฟฟ์ต่างพากันแปลกใจ ไม่ใช่แปลกใจแต่เพียงคริสโตเฟอร์จุมพิตที่หน้าผากหญิงสาวต่อหน้าต่อตาคนในห้องเท่านั้น แต่ยังแปลกใจที่ร่างสูงให้หญิงสาวยืมโทรศัพท์ไว้เล่นอย่างเปิดเผย ดูแล้วทั้งคู่คงไม่มีความลับอะไรต่อกันเลยเสียกระมัง
คริสตินได้แต่นั่งเขินอายหน้าแดง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจูบเธอต่อหน้าคนอื่น ก่อนจะแกล้งหันไปให้ความสนใจโทรศัพท์มือถือที่เจ้าตัวทิ้งไว้ให้แทน มือบางกดโหลดแอพพลิเคชั่นเกมเพื่อไว้เล่นฆ่าเวลา เล่นไปสักพัก หน้าจอก็ขึ้นสายคนโทรเข้า เห็นเป็นเบอร์ที่ชายหนุ่มไม่ได้บันทึกเอาไว้จึงไม่กล้ากดรับ ได้แต่กดปิดเสียงรอให้สายดับไปเอง แต่เมื่อสายดับยังไม่ทันถึงห้าวินาที เบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอีก ร่างบางเกรงว่าปรายสายอาจมีธุระด่วนจึงตัดสินใจกดรับสายให้แทน
"สวัดดีค่ะ คริสโตเฟอร์ ฉันเมแกนนะคะ ฉันขอเบอร์คุณมาจากคุณพ่อน่ะค่ะ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไร" ยังไม่ทันจะได้เอ่ย เสียงหวานราวกับตั้งใจดัดเสียงก็ดังผ่านลำโพงโทรศัพท์ พร้อมบอกชื่อให้เสร็จศัพท์
"ฉันจะโทรมาแสดงความยินดีเรื่องวันนี้ที่มีงานเปิดตัวอัญมณีของคุณน่ะค่ะ ต้องขอโทษที่ไม่ได้ไปแสดงความยินดีด้วยตัวเองนะคะ พอดีฉันไม่ว่างไป ไว้คราวหน้าคุณคงให้เกียรติไปทานข้าวฉลองกับฉันสักมื้อนะคะ" เสียงหวานจ๋อยยังคงพูดเจื้อยแจ่ว
"ดิฉันคริสตินค่ะ เป็นคนรับสาย ไม่ใช่คุณคริสโตเฟอร์ ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ" ร่างบางตอบกลับไป แต่ปิดเสียงแข็งไม่มิด มีสิทธิ์อะไรมาโทรหาคริสโตเฟอร์ของฉันกันยะ
"คุณหนูเลสลี่..." ปลายสายอึ้งและเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ "ถ้างั้นฝากบอกคริสโตเฟอร์ให้ด้วยนะคะว่าเมแกนโทรมา แล้วฉันจะโทรกลับไปหาใหม่" เสียงไม่สบอารมณ์ตอบกลับมา
"แล้วจะบอกให้ครบทุกคำพูดเลยค่ะ แต่ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้ยินเสียงฉันรับสายอีก สวัสดีค่ะ" คริสตินวางสายทันทีที่พูดจบ ซึ่งเป็นเวลาที่คริสโตเฟอร์เดินเข้ามาหาพอดี ก็ได้แต่มองค้อนใส่ ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้างง แล้วแบมือขอโทรศัพท์คืน แต่มือบางกับกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"คริส เป็นอะไรอีกล่ะ หืม ฉันขอโทรศัพท์หาลูกค้าแปปเดียวนะ เดี๋ยวค่อยเล่นต่อ"
"ก็ได้ แต่ต้องคุยตรงนี้" ร่างบางสะบัดเสียงใส่ แต่ก็ยอมยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของแต่โดยดี
คริสโตเฟอร์ก็ได้แต่ทำหน้างง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นั่งลงข้างๆคนตัวเล็ก แล้วกดโทรออกหาลูกค้า คุยได้สักพักก็วางสาย ก่อนจะลืมตัว เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงด้วยความเคยชิน
"จะเก็บทำไม เอาโทรศัพท์มาให้เค้านี่!" เสียงหวานดุขึ้นมาทัน ตาจนร่างแกร่งเสียวสันหลังวาบ นึกสงสัยว่าไปทำอะไรให้ร่างบางไม่พอใจอีก มองไปรอบๆก็ยังใจชื้นที่คนในห้องเหลือแค่ไม่กี่คน ไม่งั้นเขาคงเสียหน้ามากกว่านี้แน่ที่มีคนเห็นว่าเขาหงอให้ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง
ชายหนุ่มส่งสายตาดุๆไปยังบรรดาสตาฟฟ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้อง เป็นสัญญาณให้พวกเขาหายตัวไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนจะหันมาพูดคุยกับร่างบางเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว
"เป็นอะไรคริส ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย" ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อนอย่างเกรงๆ ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงส่งให้มือบาง
"ต่อไปนี้เค้าจะเป็นคนเก็บโทรศัพท์ให้คริสเอง เข้าใจมั๊ย!?" ปากที่กำลังจะถามกลับว่าทำไม ต้องหยุดลง เมื่อเจอสายตาดุๆของคนตรงหน้า นึกเจ็บใจที่ต้องมากลัวผู้หญิงแค่คนเดียว
"เข้าใจครับ" ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อน
"เมื่อกี้เมแกนโทรมาหาคุณ แล้วบอกจะโทรกลับมาใหม่ เธอจะชวนคุณไปทานข้าว" คริสตินบอกหน้าตึง
"โถ่ เรื่องแค่นี้เอง ฉันไม่ไปอยู่แล้วน่า" คริสโตเฟอร์ดึงร่างบางให้ลุกขึ้น พร้อมกอดเอวให้เธอเข้ามาประชิดตัวแล้วจูบแก้มเอาใจ
"ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ! แต่ยังไงเค้าก็จะเป็นคนเก็บโทรศัพท์ไว้ให้เอง เผื่อเมแกนจะโทรกลับมาอีก"
"โอเคครับๆ ตอนนี้ออกไปข้างนอกกันดีกว่านะ งานเริ่มแล้ว" คริสโตเฟอร์ลอบกลืนนํ้าลายแล้วโอบเอวบางให้เดินออกจากห้องไปด้วยกัน นึกระแวงอยู่ในใจ เมแกนเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่าร้ายที่สุด ถ้าจะต้องมาเจอกับคนที่ร้ายลึก คนภายนอกมองมาว่าอ่อนหวานอย่างคริสติน ไม่ต้องถามเลยว่าใครที่ร้ายกว่ากัน!!



เพชรอันดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2557, 21:52:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2557, 21:52:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 902





<< ความเปลี่ยนแปลง   ผู้ชายขี้หวง >>
รรวโรจน์ 21 ม.ค. 2557, 01:16:20 น.
คริสขี้หึงมากเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account