หวานเล่ห์เสน่หา (เปลี่ยนชื่อเรื่องจากมนต์รักไผทค่ะ)
เรื่องราวของวิศวกรสาวกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะ เส้นทางของทั้งคู่ไม่น่าจะมาพบกันได้ แต่กามเทพก็แผลงศรให้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย ต้องมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไม่ตั้งใจ เรื่องราวทุกอย่างจบลงเพียงแค่คืนนั้น...หากเมื่อคู่กันแล้วต่อให้ห่างไกลกันสักเพียงไหน เมื่อถึงเวลาคนสองคนก็ต้องโคจรกลับมาพบกันอยู่ดี และการพบกันในครั้งนี้จะสร้างความรักให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ไปช่วยกันลุ้นค่ะ
Tags: เกาะ

ตอน: บทที่ 7

บทที่ 7

ไผทเดินไปที่บ้านน้องสาวเพียงลำพัง ส่วนคณิตาเขาขอให้เธอกลับบ้านไปก่อน สภาพดวงตาแดงก่ำเพราะอาการโศกาก่อนหน้านี้ คงไม่เหมาะที่จะพบบุคคลที่สาม แม้ว่าจะเป็นน้องสาวของเขาก็ตาม อีกทั้งเขายังให้เหตุผลกับเธอว่าต้องการปรับความเข้าใจกับลูกสาวเพียงลำพัง หากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จะพานาฏศิลป์ไปส่งถึงบ้านไม่ต้องเป็นห่วง เมียเก็บตกของเขาจึงยอมผละไปแต่โดยดี

“อ้าว! พี่ไทย แล้วคุณเลขล่ะคะ” ทิฆัมพรถาม เมื่อเปิดประตูมาเจอพี่ชาย ไม่ใช่แม่ของเด็กน้อยอย่างที่คิดไว้

“กลับบ้านไปแล้ว”

“อ้าว!” ทิฆัมพรอุทานอีกครั้งอย่างประหลาดใจ ที่ผ่านมาคณิตาไม่เคยทิ้งบุตรสาวไว้กับใครเลย ถ้าไม่จำเป็น

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” และเพราะความสงสัยนั้นทำให้น้องสาวคนเล็กของตระกูลเอ่ยปากถาม

“มี ส่งน้องนาฏมาให้พี่”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ไทย เดี๋ยวพุทธไปส่งเองก็ได้” ทิฆัมพรอาสาอย่างเต็มใจ ด้วยรู้ดีว่ามนุษย์ต่างไซด์ทั้งสองคนไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่

“ไม่ต้อง พี่มีเรื่องต้องเคลียร์กับผู้ยิ่งใหญ่ของเรา เคลียร์เสร็จพี่จะพาไปส่งเอง โอเคไหม” ไผทกล่าวเรียบๆ

“อ้อ! ทำเป็นเสียงเข้ม ที่แท้ก็จะง้อน้องนาฏนี่เอง แต่แม่สาวน้อยของเราจะยอมให้ง้อหรือเปล่านี่สิคะเรื่องใหญ่” คุณครูใหญ่กล่าวยิ้มๆ

“กับเราพี่ก็ปราบมาตั้งแต่เด็ก ทำไมกับน้องนาฏพี่จะจัดการให้อยู่หมัดไม่ได้”

“ค่า รู้ค่าว่าหัวหน้าเผ่าเก่งที่สุด รอสักครู่นะคะ” ทิฆัมพรค้อนพี่ชายอย่างเคืองๆ ที่เอ่ยถึงเรื่องในอดีต เพราะตอนเด็กๆ เธอซนเกินเด็กหญิง ทำให้เธอเจอกฎเหล็กจนเกรงและหงอกับพี่ชายคนนี้ที่สุด ส่วนพี่ชายคนรองก็คอยปลุกปลอบเธอยามถูกดุ เธอจึงเติบโตมาอย่างเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน แต่ตอนนี้เธออยากรู้ว่าพี่ชายจะปราบเจ้าตัวเล็กแสนงอนได้อยู่หมัดอย่างที่ว่าหรือเปล่า ถ้าอยากพิสูจน์ก็ต้องรีบส่งตัวผู้ยิ่งใหญ่ให้กับหัวหน้าเผ่า

ทิฆัมพรจูงเด็กหญิงมาเพื่อส่งต่อให้ไผท แต่แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ เมื่อเด็กน้อยเกาะขาเธอแน่น แววตาจ้องเขม็งไปที่ไผท และแม้จะส่ออาการหวาดหวั่นแค่ไหน เด็กน้อยก็ยังกล้าทำในสิ่งที่เด็กในวัยเดียวกันไม่กล้ากับผู้ชายตรงหน้า

“ป้อหนูอยู่ไหน”

“โยนทิ้งทะเลไปแล้ว” เพราะน้ำเสียงเอาเรื่องของคนตัวเล็ก ทำให้ไผทอยากเห็นปฏิกิริยาตอบโต้ของบุตรสาว ในขณะที่ทิฆัมพรมองพี่ชายอย่างแปลกใจ ตกลงจะมาง้อหรือหาเรื่องกันแน่เนี่ย

“ลุงไทยใจร้าย เอาป้อหนูคืนมานะ ป้อหนูอยู่ไหน เอาป้อหนูคืนมา หนูจะไม่รักลุงไทยอีกแล้ว ฮือๆๆ” นาฏศิลป์ปล่อยมือจากขาของอาสาว พุ่งตัวไปตีขาคนตัวใหญ่ ร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดตัดพ้อต่อว่าคนตัวโตอย่างเหลืออด

ไผทตวัดร่างเล็กขึ้นอุ้มไม่สนใจอาการอาระวาดของเจ้าตัวเล็กสักนิด ปล่อยให้ดิ้นให้ทุบตีเขาไปเรื่อยๆ ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เสียขวัญ และน้อยใจเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

“หมดหน้าที่ของเราแล้ว จะไปทำอะไรก็ไป สำหรับเจ้าตัวเล็กนี่เดี๋ยวพี่จัดการเอง” น้องสาวมองหน้าพี่ชายอย่างไม่แน่ใจ

“แน่ใจนะคะว่านี่กำลังง้อ ไม่ใช่เพิ่มคดีขึ้นอีก” ไผทไม่ตอบได้แต่ยิ้ม แล้วหันหลังเดินกลับไปยังบ้านของตัวเอง ทิ้งให้น้องสาวมองตามอย่างงงๆ

“เจ้าตัวเล็กหยุดได้แล้ว มาสงบศึกกันก่อน” ชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากพาลูกสาวเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว

“เอาป้อหนูคืนมานะ ฮือๆ” นาฏศิลป์ยังคงร้องอย่างเสียขวัญ ไม่มีครั้งไหนที่คณิตาทิ้งเธอไว้กับคนอื่นแบบนี้ แล้วผู้ใหญ่คนนี้ก็ดุและใจร้ายมากๆ ทำให้กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พบ ‘ป้อ’ อีก

“หยุดร้องก่อนตกลงไหม” ไผทไม่รู้ว่าเด็กตัวแค่นี้จะเข้าใจคำพูดของเขาหรือเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ร้องไห้ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่ได้พูดจากันพอดี

“ลุงไทยไม่ได้ใจร้ายจริงๆ ใช่ไหมคะ” ถามไปกลั้นสะอื้นไป แม้ปากจะบอกว่าไม่รักผู้ชายตรงหน้า แต่จริงๆ แล้วไม่ว่ายังไงเธอก็ยังรู้สึกรักอยู่ดี

“ก็ขึ้นอยู่กับหนูดื้อหรือเปล่า”

“หนูไม่ดื้อ ป้อบอกว่าหนูไม่เคยดื้อ ลุงไทยพาหนูไปหาป้อนะคะ” เสียงสะอื้นค่อยๆ ห่างออกไป แต่คำพูดที่ออกจากปากเล็กก็ยังอู้อี้อยู่

“คุยกับลุงไทยก่อนได้ไหมคะ” เด็กน้อยพยักหน้าตกลงทันที เพราะเข้าใจว่าหากยอมคุยกับเขาจะได้พบ ‘ป้อ’ ของตัวเอง

ไผทพาลูกสาวไปล้างหน้าล้างตา ลบคราบน้ำตาน้ำมูกออกจนหมด เด็กน้อยก็ไม่เกี่ยงงอน ยิ่งกิริยาที่แสนนุ่มนวล น้ำเสียงก็อ่อนโยน ไม่ดุอย่างเคย ทำให้นาฏศิลป์รู้สึกดีกับคุณลุงมากขึ้นมาอีกนิด

“เอาล่ะ เรามาทำสัญญาสงบศึกกันก่อน” เด็กหญิงไม่เข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่เท่าไหร่นัก แต่อาการยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า ก็ทำให้เธอรู้ว่า ต่อจากนี้ไปเราจะไม่โกรธกัน เราจะดีกัน เราจะรักกัน นิ้วก้อยเล็กๆ จึงยื่นไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยใหญ่ด้วยความยินดี พร้อมแจกร้อยยิ้มหวานให้ลุงไทยได้ชื่นใจอีก

“น้องนาฏไม่รักลุงไทยจริงๆ หรือครับ” ไผทถาม

“ก็ลุงไทยไม่รักหนู” เด็กหญิงตอบเสียงเศร้า

“แล้วหนูรู้ได้ยังไงว่าลุงไทยไม่รัก”

“ลุงไทย ไม่ยอมเป็นแม่ ทั้งๆ ที่หนูคิดว่าลุงไทยเป็นแม่” นาฏศิลป์ตอบภาษาซื่อ

“แล้วถ้าลุงไทยบอกหนูว่า ลุงไทยรักหนูมากที่สุด แต่อยากเป็นพ่อ ไม่อยากเป็นแม่ หนูจะให้ลุงไทยเป็นพ่อได้ไหมครับ”

“แต่หนูมีป้อแล้ว” นาฏศิลป์แย้งอย่างเด็กๆ

“เอาอย่างนี้ดีไหม เราไปถามป้อของหนูกันว่า ให้ลุงไทยเป็นพ่อของหนูได้ไหม แล้วเปลี่ยนให้ป้อของหนูมาเป็นแม่แทน” คำพูดนั้นแสนวกวน ขนาดผู้ใหญ่อย่างเขายังมึน แล้วเด็กที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นี่จะไม่งงได้อย่างไร

“เอาใหม่ เดี๋ยวเราไปถามป้อของหนูกันว่า ต่อไปหนูจะเรียกลุงไทยว่าพ่อไทย แล้วเรียกป้อว่าแม่เลขได้ไหม”

“ป้อไทยกับแม่เลขหรือคะ”

“ใช่! คราวนี้หนูก็จะมีทั้งพ่อและแม่ แล้วลุงไทยก็เต็มใจเป็นพ่อไทยของหนูด้วย”

“ถ้าป้อไม่อยากเป็นแม่เลขล่ะคะ” เด็กน้อยยังคงสงสัยอีก ไผทอยากหัวเราะออกมาให้ดังลั่น เขากล้าฟันธง
เลยว่าคณิตาไม่อยากเป็น ‘ป้อ’ มากกว่า แต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมาจริงๆ กลัวลูกสาวงอนอีกรอบ

“ก็ไม่เห็นเป็นไร หนูก็มีพ่อสองคนเลยก็แล้วกัน มีป้อกับพ่อไทย ดีไหม” เด็กน้อยเริ่มสับสนอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นหนูบอกลุงไทยก่อนว่า หนูจะเรียกลุงไทยว่าพ่อไทยได้หรือเปล่าครับ” เด็กน้อยพยักหน้ารับ ขอแค่ลุงไทยรักเธอจะให้เรียกว่ายังไงก็ได้

“ลองเรียกดูสิครับ”

“ป้อไทย” ไผทยิ้ม เมื่อบุตรสาวออกเสียงคำว่าพ่อไม่ชัด หากมันก็เป็นความปิติยินดี เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินบุตรสาวเรียกเขาว่าพ่อ
“คนเก่งของพ่อไทย” ไผทตวัดร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตัก หอมแก้มซ้ายขวาเป็นรางวัล “พ่อไทยมีของขวัญให้หนูด้วย ไปดูกันไหม” เด็กน้อยพยักหน้าอีกครั้ง ใครบ้างไม่อยากได้ของขวัญ

ตุ๊กตาหมีตัวโตกว่าตัวเองสองเท่า นั่งพิงอยู่บนเตียงใหญ่ เพียงแค่เห็นนาฏศิลป์ก็ปล่อยมือจากคนจูง วิ่งไปกระโดดขึ้นเตียงคว้าแขนหมีมากอดอย่างตื่นเต้น

“ของหนูใช่ไหมคะป้อไทย” ไผทมองกิริยานั้นอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เดินตรงไปนั่งข้าง

“มันเป็นของหนู ชอบไหม”

“ชอบค่ะ หนูอยากได้มานานแล้ว ป้อสัญญาว่าจะซื้อให้ แต่ก็ไม่ได้ซื้อสักที” เด็กหญิงตอบเสียงอ่อย

“พ่อไทยว่าหนูควรหัดเรียกป้อว่าแม่เลขนะลูก”

“แต่เรายังไม่ได้ถามป้อเลยนี่คะ”

“แต่พ่อไทยเชื่อว่าแม่เลขต้องดีใจที่หนูเรียกแบบนี้ ไหนลองเรียกพ่อไทยกับแม่เลขสิคะ” ชายหนุ่มพยายามสอนบุตรสาว แม้จะคล้ายกับเป็นการบังคับ แต่ก็ยังดีกว่ามานั่งบอกเหตุผลให้เด็กสามขวบทราบว่าทำไมคนนี้ต้องเรียกพ่อ ทำไมคนนี้ต้องเรียกแม่ เขาเชื่อว่าเมื่อลูกโตกว่านี้ ลูกจะเข้าใจทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

“ป้อไทย แม่เลข” เพราะความใจดีของผู้ใหญ่ตรงหน้าในวันนี้ ทำให้นาฏศิลป์ยอมปฏิบัติตามทุกอย่างอย่างเต็มใจ

“เก่งมากลูกสาวของพ่อไทย คราวนี้หนูลองเล่าเรื่องของหนูกับแม่เลขให้พ่อไทยฟังหน่อยสิคะ เมื่อก่อนแม่เลขทำอะไรให้หนูบ้าง” ไผทขยับขึ้นไปนั่งบนเตียงทั้งตัว เอนหลังไปที่หัวเตียง แขนข้างหนึ่งก็โอบบุตรสาวตัวเล็กมากอดเอาไว้

“ป้อ...”

“แม่เลขค่ะ” เด็กหญิงยิ้มตาหยีเมื่อผู้เป็นพ่อแก้สรรพนามใหม่ให้

“แม่เลขชอบร้องเพลงให้หนูฟัง เวลามีคุณลุงเอาเงินมาให้ป้อ...”

“แม่เลขค่ะ” นาฏศิลป์หัวเราะคิก เมื่อผู้เป็นพ่อต้องแก้สรรพนามให้ตนอีกครั้ง

“แม่เลขก็จะวิ่งเข้ามาหาหนู แล้วบอกว่าวันนี้แม่เลขทำงานได้เงินเยอะ เดี๋ยวเราไปทานไอศกรีมกันนะ ถ้าวันไหนที่แม่เลขทอดไข่ แม่เลขก็จะบอกหนูว่า วันนี้กินไข่เจียวก่อนนะน้องนาฏไว้พรุ่งนี้เราค่อยไปทานของอร่อยๆ กัน” เด็กน้อยเล่าเสียงเจื้อยแจ้ว สรรพนามที่ไผทแก้ให้สองสามครั้งเริ่มชินปาก หนูน้อยจึงเรียกผู้เป็นแม่จริงๆ ได้คล่องปากมากขึ้น

“แม่เลขพาหนูไปเที่ยวบ่อยไหม” แม้ก่อนหน้านี้จะรู้ว่าสองแม่ลูกจะอยู่กันอย่างไม่ลำบากมากก็ตามที แต่เสียงเล็กๆ ที่พูดจ้อยๆ อยู่นี่ก็ทำให้เขาอดสงสารไม่ได้ เด็กตัวเล็กๆ คงไม่รู้จักความลำบากเท่าไหร่หรอก และคงไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้ถึงได้ทานไอศกรีม ทำไมวันต่อไปถึงเหลือแค่ไข่เจียวกับข้าวสวย

“แม่เลขชอบพาหนูไปซื้อของที่ห้าง แต่ไม่ค่อยซื้อของเล่นให้หนู เวลาหนูอยากได้ของเล่น แม่เลขก็จะบอกว่าเอาไว้คราวหน้าแม่จะพาหนูมาซื้อ วันนี้ไม่ได้เอาตังค์ค่าของเล่นมา แล้วแม่เลขก็ชอบผิดสัญญากับหนูบ่อยๆ พี่หมีแบบนี้ แม่เลขก็สัญญาเอาไว้นานแล้ว แต่ก็ยังไม่ซื้อให้หนูสักที” นาฏศิลป์บ่นอย่างเด็กๆ ที่ไม่รู้ว่าเงินแต่ละบาทที่มารดาหามาได้นั้นมันยากเย็นเพียงใด

“แล้วหนูรักแม่เลขหรือเปล่า”

“รักค่ะ รักเท่าฟ้า น้าน๊อตบอกหนูว่าที่แม่เลขต้องมือดำๆ หน้าเปื้อนๆ ใส่เสื้อสกปรก ก็เพื่อหาตังค์มาซื้อของให้หนู ถ้าหนูรักแม่เลขก็ต้องไม่งอแงและต้องเป็นเด็กดี แล้วน้าน๊อตจะซื้อของเล่นมาฝาก” เด็กน้อยจำคำสั่งสอนของเพื่อนแม่ได้ขึ้นใจ เพราะทุกครั้งที่เจอกันน้าน๊อตก็มักจะพูดแบบนี้เสมอ และน้าน๊อตก็จะหิ้วของเล่นมาฝากเธอทุกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นต่อไปหนูอยากได้อะไร หนูก็มาบอกพ่อไทย แต่หนูจะไม่ได้อย่างที่หนูอยากได้ทุกอย่างนะลูก แล้วพ่อไทยจะบอกว่าทำไมสิ่งนี้หนูถึงได้ สิ่งนั้นทำไมหนูไม่ควรได้ ตกลงไหมครับ”

“ตกลงค่ะ ป้อไทยใจดีที่สุดเลย” เด็กน้อยพลิกตัวขึ้นไปนอนบนตัวผู้เป็นพ่อ มือเล็กจับแก้มไผทเอาไว้ก่อนบรรจงหอมฟอดใหญ่ เอาอกเอาใจคุณพ่อคนใหม่สุดฤทธิ์ ทำให้ชายหนุ่มหลงลูกสาวไปในบันดล ในเวลานี้หากลูกต้องการดาวเดือนเขาก็คงสอยลงมาให้จนได้


คณิตาเปิดประตูบ้านออกมาเจอสามีฉุกเฉินกับลูกสาวตัวน้อยของเธอ จากการสำรวจคาดว่าสองหนุ่มสาวต่างวัยคงตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่ลูกสาวของเธอจะยอมให้ไผทเดินจูงมือมาส่งแบบนี้หรอก

“ลูกมีอะไรจะถามคุณ” ไผทเกริ่นนำให้บุตรสาว โดยไม่มีพิธีรีตอง คุณแม่ลูกหนึ่งจึงก้มหน้ามองบุตรสาวที่ยืนหน้าเครียดอยู่

“หนูรียกป้อไทยได้ไหมคะ” คณิตายิ้มให้กับคำถามพร้อมตอบทันที

“ได้ค่ะ”

“แล้วหนูเรียกป้อว่าแม่เลขได้ไหมคะ” ประโยคนี้ดูอ่อนลง ไม่เข้มแข็งเหมือนประโยคแรก แต่ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มกว้างกว่าเดิมเป็นสิบเท่า

“ได้สิคะ”

“แม่เลข” เด็กน้อยดีใจที่มารดายอมโดยไม่เกี่ยงงอน ก่อนหน้านี้เธอออกจะกังวลกลัว ‘ป้อ’ จะไม่พอใจ

คณิตารับร่างบุตรสาวที่โผเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น คำว่า ‘แม่เลข’ จากปากนาฏศิลป์ให้ความรู้สึกตื้นตันและตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าร่างเล็กๆ ในอ้อมกอด เพราะเธอรอฟังคำนี้จากปากจิ้มลิ้มมาตั้งแต่บุตรีเริ่มหัดพูด

“คุณทำยังไงน้องนาฏถึงยอม” หญิงสาวอดถามพ่อของเด็กไม่ได้

“เพราะลูกรักผมมากว่าคุณมั้ง” ไผทตอบยิ้มๆ

“ไม่จริง”

“อ้าว! ก็ถ้าลูกรักคุณมากกว่าผม ทำไมลูกเชื่อผมมากกว่าคุณล่ะ คุณสอนให้แกเรียกว่าแม่มากี่ปีแล้ว แกยังไม่ยอมเรียกเลย อยู่กับผมไม่กี่ชั่วโมง แกก็ยอมทำตามที่ผมบอกแล้ว แบบนี้ไม่เรียกว่ารักผมมากว่าได้ยังไง” คณิตาถึงกับพูดไม่ออก เพราะหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ ครานี้นึกอยากตีก้นบุตรสาวที่ทำให้ตนต้องขายหน้า

“แม่เลขขา ป้อไทยซื้อพี่หมีให้หนูด้วย” เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดนึกได้จึงรีบพูดอวด ในขณะที่คณิตามองไผทอย่างนึกสงสัย เธอรู้สึกว่าบุตรสาวเรียกเธอได้คล่องปากเกินไปหรือเปล่า

“สอนให้เรียกอยู่นานเหมือนกัน พอพามาส่งก็เลยเรียกได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้”

“ขอบคุณค่ะ คุณไทย” คณิตารู้สึกซาบซึ้งในการกระทำของอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไร ผมถือว่าผมได้ประโยชน์เช่นกัน อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องไปเป็นแม่ของแกอีก น้องนาฏอยู่กับแม่เลขไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพ่อไทยจะไปพาพี่หมีมาส่ง” พูดกับแม่ของเด็กน้อยเสร็จ ก็หันไปพูดกับลูกสาว

“หนูรอนะคะ”

“ค่า” คนเป็นพ่อขานรับเสียงนุ่ม หันไปพูดคุยกับคณิตาอีกสองสามประโยค ก็เดินกลับไปบ้านของตนเพื่อแบกของกำนัลมาให้ลูกสาว

“น้องนาฏคุยอะไรกับพ่อไทยบ้างคะ” คณิตาปล่อยร่างของบุตรสาวให้ยืนกับพื้น ก่อนย่อตัวลงถาม

“คุยว่าแม่เลขชอบร้องเพลงให้ฟัง ชอบทอดไข่เจียว ชอบพาหนูไปเดินเที่ยว แต่ไม่ชอบซื้อของเล่นให้หนู ที่แม่เลขสัญญาว่าจะซื้อพี่หมีให้ไม่ต้องแล้วนะคะ เพราะป้อไทยซื้อให้แล้ว ตัวย้ายหย่าย แล้วป้อไทยก็บอกว่ารักหนูที่สุดในโลกเลย” เด็กน้อยโอ้อวดในสิ่งที่ตนได้รับ คณิตาถึงกับน้ำตาซึมไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่บุตรสาวได้รับการยอมรับจากคนเป็นพ่ออย่างเต็มหัวใจ ได้พบพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง ไม่ว่าวันนี้นาฏศิลป์จะเรียกบิดาของตัวเองเพราะเหตุผลอะไร ในวันหนึ่งที่ลูกเข้าใจอะไรมากกว่านี้ เธอจะบอกว่า พ่อไทยของหนู เป็นพ่อจริงๆ ไม่ใช่แค่อยากให้หนูเรียกว่าพ่อ

“แล้วหนูรักพ่อไทยหรือเปล่า”

“รักค่ะ เพราะป้อไทยเลิกใจร้ายแล้ว แล้วป้อไทยก็ไม่ได้จับแม่เลขไปโยนทะเลจริงๆ” เพราะคำว่าโยนทะเล ทำให้หญิงสาวสงสัยจึงได้ถามไถ่ต่อไป บุตรสาวก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ คณิตาทั้งขำ ทั้งหมั่นไส้พ่อของเด็ก แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็พอใจที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ส่วนเรื่องเธอกับเขาคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต


ปล. ในที่สุดเฮียไทยก็ได้เป็นพ่อเต็มตัวสักที...^^ หลายคนคงสงสัยทำไมน้องนาฏยอมง่ายจัง...ในจิตนาการของหนึ่งมิได้อิง วิชาการ...คิดว่าที่น้องเรียกแม่ว่าพ่อ เพราะโหยหาความรักจากพ่อตั้งแต่อยู่ในท้อง เขาเคยได้รับสัมผัสจากคนเป็นแม่เพียงฝ่ายเดียว การเรียกแม่ว่าพ่อก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักจากพ่อและแม่ในครา เดียวกัน....เมื่อมาพบพ่อตัวจริงก็ทำให้สรรพนามที่เรียกมันผิดเพื้ยนไป เพราะตัวเองมีพ่ออยู่แล้ว และเมื่อไม่ได้รับการยอมรับจากผู้เป็นพ่อแท้ๆ ก็ทำให้ตัวเองยังโหยหาความรักจากบุคคลนั้นอยู่ แต่เมื่อได้รับการยอมรับจากผู้เป็นพ่อแท้ๆ พ่อตัวเป็นๆ ความรักถูกเติมเต็มหัวใจ สรรพนามที่ต้องใช้เรียกแม้จะเปลี่ยนไปหรือสลับขั้วก็ไม่มีความสำคัญอะไรอีก เพราะไม่ว่าจะเรียกอะไร พ่อไทยกับแม่เลขก็รักน้องนาฎที่สุดในดวงใจ

หวังว่าเมื่ออ่านบทนี้จบทุกคนจะได้รับรอยยิ้มจากพ่อไทยและน้องนาฏนะคะ แล้วพบกันวันพฤหัสบดีค่า ^^



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2557, 08:58:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2557, 08:58:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1567





<< บทที่ 6   บทที่ 8 >>
เดิมเดิม 21 ม.ค. 2557, 12:26:58 น.
น้องนาฏน่ารักมากๆ ค่ะ ชอบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account