แผนลับ นักสืบ
กอหญ้าเพิ่งมาทำงานเป็นนักข่าวได้แค่ไม่ถึงหกเดือน เธอต้องการทำข่าวนายอิทธิกรติดผู้หญิงกับมั่วยาบ่อย ๆ เธอไม่ยอมแพ้ ไปแอบอยู่ข้างบ้านนายอิทธิกรแล้วปีนต้นไม้บ้านข้าง ๆ แต่หมอหนุ่มเห็นเข้าเขาจะเรียกตำรวจ แต่เธอร้องห้ามไป ๆ มา ๆ เลยขอแอบเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเสียเลย
Tags: ึความรัก,นักข่าว,คุณหมอ,ดารา

ตอน: ตอนที่ ๓ แผนการร้าย


แผนการร้าย

รสกรหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านและพลิกไปที่หน้าข่าวบันเทิง แล้วก็เห็นข่าวและภาพของน้ำค้าง ลูกสาวเศรษฐีคนดัง ในข่าวพูดถึงการจัดงานวันเกิดฉลองอายุสามสิบสองปีของเธอที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนสถานที่จัดงานนั้น เธอขออุบไว้ก่อน เมื่ออ่านข่าวจบ นักข่าวสาวก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะไฮโซสาวคนนี้มีเพื่อนพ้องในวงการบันเทิงมากมายและมักจะมีข่าวไปไหนกับอิทธิกรมาโดยตลอด แต่ว่าทั้งคู่ก็ปฏิเสธว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น

ข่าวที่ว่าเป็นแค่เพื่อน แต่ความสัมพันธ์จริงๆมักเกินเลยไปกว่านั้นเสมอ...

“คุณน้ำค้างจะจัดงานปาร์ตี้ที่ไหนกันนะ”

“อะไร” คชินทร์ถาม

“ก็คุณน้ำค้างลูกสาวเศรษฐีระดับพันล้านน่ะสิ รู้สึกคุ้นๆว่าฉันเคยเห็นเขาไปกับตาอิทธิกรครั้งสองครั้งยังไงนี่แหละ”

“เขาให้สัมภาษณ์ว่ายังไงล่ะ”

หญิงสาวเลิกคิ้วเป็นเชิงประหลาดใจ เพราะนึกไม่ถึงว่าคุณหมอที่วันๆมัวยุ่งอยู่แต่ในโรงพยาบาลอย่างเขา ท่าทางไม่สนใจเรื่องในวงการสังคม แล้วทำไมจู่ๆถึงได้ถามเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้กันนะ

“คุณสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”

คชินทร์หัวเราะแผ่วเบา “ดูท่าว่าคุณหมอในสายตาของคนทั่วไปจะกลายเป็นพวกหลังเขาไปแล้วสินะ ถ้าถามผมว่าสนใจพวกดาราที่ชอบเปลือยเนื้อหนังมังสาขึ้นปกหนังสือไหม บอกเลยว่า สำหรับผมแล้วภาพแบบนั้นก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการมองกายวิภาคจากซากศพ แต่ถ้าถามถึงเรื่องข่าวคราวคนดังทั่วไป ผมก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปนะครับ บางครั้งอาจมีเรื่องที่สนใจบ้างเหมือนกัน”

“อ้าว ก็เห็นวันๆคุณเอาแต่นั่งอ่านหนังสือกับอยู่ห้องแลบ ใครจะไปรู้ว่าคุณมีเวลาสนใจเรื่องสังคมดาราด้วย” รสกรรีบหาข้ออ้าง

“บอกแล้วไงว่าผมก็เป็นคนธรรมดาๆ มีความสนใจเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ”

“เหรอ” เธออดทำน้ำเสียงค่อนแคะไม่ได้ “เวลาที่เห็นสาวๆสวยๆ คุณคงจะเห็นเป็นพวกซากศพซะมากกว่างั้นสิ”

“คงเป็นอย่างนั้น ขนาดคุณลงทุนเข้าไปหาผมถึงบนเตียงนอน นุ่งกางเกงขาสั้น ผมยังรู้สึกว่าเหมือนมีครูใหญ่มานอนอยู่บนเตียงเลย”

รสกรสะดุ้งโหยง หน้าซีดเผือด ร้องว่า“นี่คุณ...”

“ล้อเล่นนะครับ ถ้าหมอทุกคนเป็นแบบนั้นกันหมด ก็คงไม่ต้องแต่งงานและผลิตทายาทกันแล้วจริงหรือเปล่าล่ะ” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มละไม

ใบหน้าของชายหนุ่มเวลายิ้มทำให้เธอรู้สึกว่าโลกน่าอยู่ขึ้นเยอะ รอยยิ้มทรงเสน่ห์ของเขา ทำเอาหัวใจเธอหวั่นไหวไปหมด บ้าจริงๆเชียวที่ดันมารู้สึกแบบนี้

“ก็รู้อยู่แล้วนี่” เธอเชิดหน้า ทำเสียงสูง

“ตกลงคุณน้ำค้างเป็นอะไรกับนายอิทธิกรล่ะ เขาเคยไปไหนมาไหนด้วยกันงั้นหรือ” ชินเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม

“ไม่รู้สิ แต่มีคนเคยเห็นทั้งคู่หายตัวไปด้วยกันสองต่อสองนี่นะ แปลก...ที่ฉันเห็นนายอิทธิกรกับนายวินวันนั้น พวกเขาเป็นเกย์นี่นา” หญิงสาวครุ่นคิด


“ถ้าแค่ผู้ชายสนิทสนมกันแล้วหาว่าเป็นพวกแอบจิต ผมว่าไม่ถูกแล้วละ เพราะผู้ชายสมัยนี้กอดกัน เล่นหัวกันยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก”

รสกรกัดริมฝีปากแน่น จะว่าไปแล้วมันก็จริงของเขาละนะ แต่เธอจะทำอย่างไรดีเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้ชายแท้ ไหนจะเรื่องยาเสพติดที่มีข่าวว่าเขาพัวพันอยู่ล่ะ จะสืบได้อย่างไร

“จะว่าไปมันก็จริงนะ นายอิทธิกรมีความสัมพันธ์กับคุณน้ำค้างแล้วก็นายวิน” นักข่าวสาวทำหน้าหนักใจ แผนการสืบข่าวที่ทำมาสองวันแล้ว แต่ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย

“คุณก็หาทางพิสูจน์สิ” เขายิ้ม

“พิสูจน์เรื่องอะไร”

“พิสูจน์ว่าเขามียาเสพติดอยู่ในร่างกายหรือเปล่าน่ะสิ”

คำพูดของหมอหนุ่มทำให้เธอถึงกับกระพริบตาถี่ๆ รสกรชี้นิ้วไปที่หน้าอกตัวเอง

“ฉันนี่นะ” เธอร้อง

“คุณพอจะมีข้อมูลผับที่นายอิทธิกรไปเที่ยวบ่อยๆไหมล่ะ ผมคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ยากสำหรับนักข่าวหรอกจริงไหม เอาละ ฟังแผนการที่ผมเสนอให้ดีละ คุณต้องแต่งตัวสวยแล้วเข้าไปหานายอิทธิกรนั่น พยายามเข้าใกล้เขา ทำตาหวานชนิดที่เรียกว่า ถ้าคุณเอ่ยปากฉันจะยอมไปกับคุณทุกเมื่อ แล้วพอประจวบเหมาะคุณก็ถามเขาว่ามียาไอซ์หรือเปล่า ถ้านายอิทธิกรมียาอยู่จริงละก็ ทีนี้ละ คุณก็จะมีหลักฐานว่าเขาซุกซ่อนยาไว้จริงๆ” ชินชะโงกหน้าเข้าไปใกล้

“หมายความว่าฉันต้องทำท่าอยากได้ยาไอซ์จริงๆด้วยงั้นเหรอ”

“ก็ตามนั้น” เขายักไหล่

“แล้วก็ต้องตาหวาน ประมาณว่าพร้อมที่จะไปกับเขาทุกเมื่อ ไม่มีทาง ฉันไม่ทำตาหวานให้เขาเด็ดขาด”

“ไม่หรือ”

“ไม่-มี-ทาง” เธอย้ำชัดทุกถ้อยคำ

“งั้นก็ไม่ทางเลือก ผมอุตส่าห์หาทางช่วยคุณให้ได้เป็นนักข่าวมืออาชีพแล้ว แค่เรื่องเล่นละครนิดหน่อยคุณยังทำไม่ได้ แล้วแบบนี้ยังจะหาข่าวดีๆได้ยังไง”

หญิงสาวอ้าปากค้าง หน้าแดงจัดไปถึงใบหู

“นี่คุณพูดดีๆนะ คุณไม่ใช่ฉันนี่”

“ถ้าเป็นผมนะ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ “ต่อให้ต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อสืบหาว่าเขามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่จริงหรือเปล่า ผมไม่แคร์หรอก”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ” นักข่าวสาวเริ่มคิดหนัก การจะสืบว่าผับประจำของนายอิทธิกลคือที่ไหนบ้าง เรื่องแค่นี้เธอหาได้อยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องให้เธอแต่งหน้าทาปาก ทำตาหวาน แถมต้องเล่นละครด้วยนี่สิ เริ่มจะหนักใจเสียแล้ว

“ว่ายังไง คุณจะยอมทำหรือเปล่า”

“ตกลง ฉันยอมทำก็ได้” เธอฮึดสู้ “แล้วอย่าคิดว่าฉันจะขอบใจคุณนะ เพราะที่จริงน่ะคุณอยากให้ฉันได้ข่าวเร็วๆ จะได้รีบออกจากบ้านนี้ไปต่างหาก”

คชิทร์เลิกคิ้วยักไหล่ “รู้เหมือนกันหรือ คิดว่าลืมไปแล้วซะอีก ถูกละที่ผมอยากได้คุณได้ข่าวเร็วๆ จะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที ตอนกลางคืนผมจะได้นอนหลับเต็มอิ่ม” ชายหนุ่มหยียดยิ้ม

“อ้อ เหรอ” รสกรเลิกคิ้ว “คอยดูนะ ถ้าฉันยังทำข่าวนายอิทธิกรไม่ได้ ฉันจะอยู่บ้านหลังเดียวกับคุณไปตลอดชีวิตเลย”

บรรยากาศภายในผับบลูเม้าท์เท่นเต็มไปด้วยแสงสี และบรรดานักท่องราตรีมากหน้าหลายตา ผู้หญิงที่อยู่ในนั้นมักใส่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อย แต่ละโต๊ะมีแก้วเหล้าและน้ำแข็งตั้งอยู่เรียงราย ควันบุหรี่ลอยฟุ้งออกมาเป็นระยะ ผับแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องผู้หญิงบริการ และยาเสพติดที่หาซื้อได้ง่ายจากคนวงใน ที่หน้าร้านมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่สองสามคน

บรรดาผู้หญิงที่แต่งตัวเปรี้ยวต่างส่งสายตาเย้ายวนบุรุษเพศ ราวกับพวกเธอเป็นผีเสื้อกลางคืนที่คอยคลี่ปีกสวยอันน่าหลงใหลในยามค่ำคืน

ที่หน้าประตูมีผู้หญิงสวยคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอแต่งกายด้วยชุดราตรีสั้นสีน้ำเงินขับผิวขาวให้เปล่งประกายยิ่งขึ้น ผมยาวสลวยรับกับดวงหน้าหวาน ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสวย ดวงตากลมโตมองหาใครคนหนึ่ง จนกระทั้งหยุดอยู่ที่เก้าอี้โซฟาตัวในสุดที่มีกลุ่มผู้ชายสามคนกำลังนั่งคลอเคลียกับบรรดาสาวสวย และกำลังหัวเราะกันอย่างครื้นเครง

แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่รสกรมาเที่ยวผับ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอแต่งลงทุนแต่งตัวยั่วยวนเช่นนี้ โดยเธอยืมชุดสุดเซ็กซี่นี้มาจากเพื่อนคนหนึ่ง ดวงตาคู่สวยมองตรงไปยังคนที่นั่งอยู่ใจกลางเก้าอี้โซฟาด้านในสุด ซึ่งเป็นดารานายแบบหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง แล้วเดินผ่านผู้คนหลายสิบคนที่รายรอบตัวเธอไปยังโต๊ะนั้น

“อิทธิกรเป็นอะไรไปวะ ทำไมหมู่นี้ชอบทำหน้าซังกะตายแบบนี้ล่ะ”

“ฉันเบื่อพวกผู้หญิง”

“อะไรกัน เบื่อพวกผู้หญิง กลายเป็นเก้งกวางซะแล้วหรือไง” เพื่อนคนที่ถามหัวเราะเสียงดัง แต่พอเห็นอิทธิกรมองตาขวาง เขาจึงหยุดหัวเราะ

“ฉันเบื่อพวกผู้หญิง ที่ดีแต่คลอเคลีย แต่งหน้าจัด แล้วก็ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการต่างหาก” อิทธิกรกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้ว

“ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งหุ่นดี ยังมีอะไรไม่ดีอีกวะ”

“มีสิ”

“ใครกัน”

“ไม่บอก หลอกให้งงเล่นๆ” อิทธิกรแค่นยิ้มนัยน์ตาพราวระยับ แน่ละ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพวกไบเซ็กชวล ที่ชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ถ้าให้เลือก เขาเลือกอย่างหลังจะดีกว่า สำหรับเขา ผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นสนุก แต่สุดท้ายก็งั้นๆ

“คืนนี้เราไปต่อที่อื่นกันดีกว่า ที่นั่นมีทั้งยาให้เสพ แถมมีพวกผู้หญิงคอยท่าให้ด้วยนา” เพื่อนของอิทธิกรยิ้มกริ่ม

“ที่ไหน” อิทธิกรอยากรู้ขึ้นมาทันที

“ที่เดิมที่เราเคยไปกันไง” เขาพูดถึงชื่อโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ให้ดาราและนายแบบเปิดห้องรวมกันแล้วเข้าไปมั่วสุมเสพยาเคล้านารีกันถึงเช้า ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว อิทธิกรปรายตามองไปยังหญิงสาวหน้าตาน่ารักหุ่นดีที่โอบกอดเพื่อนหนุ่มด้วยสายตาเหยียดๆ

“ไม่ดีกว่า วันนี้ฉันมีนัด”

“นัดกับใครวะ”

“นัดกับเพื่อนก็ต้องบอกแกด้วยเหรอวะ” อิทธิกรกระชากเสียง กระดกเหล้าเข้าปากไปอีกแก้ว เพื่อนสองคนหันไปมองหน้ากันแล้วลอบยิ้ม

“เพื่อนหรือว่าคู่ขากันแน่วะ”

“คู่ขาฉันมีกี่คน นายก็รู้ๆกันอยู่” อิทธิกรเหยียดยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย “ถ้าฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ขี้คร้านจะมีสาวมาคลอเคลียไม่ห่าง”

“ดาราชื่อดังก็อย่างนี้ อาฮะ...ดูนั่นสิ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันน่ะ หรือว่าจะเป็นสาวๆที่ตามมาคลอเคลียของนาย”

อิทธิกรเหลือบตาไปมอง เขาเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ในชุดราตรีสั้นแนบเนื้อสีน้ำเงินเข้มกำลังเดินตรงมาหาพวกเขา และเมื่อหญิงสาวคนนั้นเดินมาหยุดลงตรงหน้า เขาก็พูดว่า “ถ้าจะมาขอลายเซ็น ตอนนี้ฉันไม่ว่าง เอาไว้วันหลังเถอะ” อิทธิกรดื่มเหล้าไปอีกหนึ่งอึก

รสกรยิ้มน้อยๆก่อนกล่าวว่า “ฉันไม่ได้มาขอลายเซ็น แต่อยากมาทำความรู้จักกับดาราสุดฮอตต่างหากล่ะคะ” น้ำเสียงของเธอเย้ายวน

อิทธิกรชำเลืองมองหน้าอีกฝ่าย แล้วคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างสวยและหุ่นดี บอกตรงๆว่า ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาทำความรู้จักกับเขา ล้วนแต่จบลงที่โรงแรม เพื่อนๆสองคนที่นั่งด้านข้างยิ้มให้เธอ มองช่วงขาและเรียวแขนของเธอ แล้วหันไปกระซิบกระซาบกันเอง ซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มให้กับพวกเขา

“ฉันไม่ได้มารบกวนพวกคุณใช่ไหมคะ”

“เปล่าเลยครับ เชิญนั่งสิครับ พวกเรากำลังว่างกันพอดี จริงไหมอิทธิกร” เพื่อนคนหนึ่งของอิทธิกรรีบตอบ

นักข่าวสาวยิ้มน้อยๆ ชำเลืองมองเป้าหมายของเธอ เพื่อนๆของเขาออกอาการระริกระรี้ที่เธอเข้ามานั่งด้วย แต่อิทธิกรมีท่าทีเรียบเฉย ไม่แน่ว่าเขาอาจไม่ชอบผู้หญิงจริงๆ หรือเขาอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นดาราสุดฮอตจนไม่เห็นเธออยู่ในสายตา หญิงสาวเม้มปากเล็กน้อย อุตส่าห์มาเจอเขาถึงที่ทั้งที แต่ดูท่าจะคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว

แต่ความจริงเป็นอย่างไร เธอจะต้องรู้ให้ได้

“คุณอิทธิกรรู้ไหมคะ ฉันเฝ้ามองดูคุณและอยากรู้จักคุณมาตลอด” เธอยิ้มหวาน

“แล้วไง”

คำตอบของอิทธิกรทำเอาหญิงสาวอยากตบหน้าเขาสักฉาด

“คุณมาที่นี่บ่อยหรือเปล่าคะ”

“นานๆครั้ง”

“แหม…ดีจัง ฉันจะได้เจอคุณอีกบ่อยๆ ว่าแต่…วันนี้คุณไม่ได้มาพร้อมแฟนหรือคะ” คำว่า ‘แฟน’ ของเธอไม่ได้บอกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ถ้าหากว่าเขาตอบว่าเป็นใคร เธอก็จะได้รู้สักทีว่าใครเป็นแฟนเขา

“เขาไม่ว่าง เลยไม่ค่อยได้มา” เสียงของเขาต่ำลึก

“งั้นเหรอคะ แปลว่าเขาต้องทำงานที่เดียวกับคุณ” เธอยิ้มหวาน

“ใช่”

“ขอโทษนะคะ ถ้าฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร คุณจะพอบอกชื่อได้หรือเปล่า” หญิงสาวล้วงความลับเอาดื้อๆ

“ถามทำไม อยากรู้นักเหรอว่าใครเป็นแฟนฉัน” อิทธิกรเหมือนจะเมา แต่ก็ไม่เมา ชายหนุ่มวางแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วหันไปคว้าต้นแขนบางออกแรงดึงจนรสกรเข้ามานั่งชิดเขายิ่งขึ้น ท่ามกลางเสียงวี้ดวิ้วของบรรดาเพื่อนหนุ่ม

นักข่าวสาวหน้าแดงจัดก่อนจะเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เมื่อมีคนยื่นแก้วเบียร์ให้เธอ หญิงสาวยิ้มหวานก่อนยกมือห้ามปรามว่าไม่ดื่ม

“ขอโทษทีค่ะ ฉันไม่ดื่มดีกว่า”

“อะไร มาถึงที่นี่แล้วจะบอกว่าดื่มน้ำผลไม้งั้นเหรอ เอาน่า ดื่มเสียสิ” อิทธิกรนัยน์ตาเป็นประกาย “เธอจะรู้ไปทำไม เรื่องของชาวบ้าน เรามาสนุกกันดีกว่า”

รสกรยิ้มเฝื่อนๆ เธอเอื้อมมือรับเบียร์มาดื่มนิดๆพอเป็นมารยาท เธอคุยอยู่กับอิทธิกรกับเพื่อนของเขา ทุกครั้งที่เธอถามถึงเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานอิทธิกรก็บอกปัดไปเรื่องอื่น หมอนี่ไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาฉลาดหลักแหลม รู้หลบเป็นหลีกใช้ได้เลยละ เมื่อใช้วิธีต่อรองไม่ได้ผล เธอจึงเริ่มคลายคอเสื้อให้เปิดกว้างเพื่อใช้แผนสองต่อไป เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขามียาเสพติดซุกซ่อนกับตัวอยู่จริงๆหรือเปล่า

“ที่นี่มันร้อนจัง ดูๆแล้วอึดอัดยังไงก็ไม่รู้” รสกรเปิดคอเสื้อเล็กน้อย เพื่อนหนุ่มของนายอิทธิกรตาลุกวาว “คนมันเยอะ ก็เลยร้อนเป็นธรรมดา”

“เหรอคะ ฉันไม่ค่อยชอบเลยค่ะที่แบบนี้ นอกจาก...” สายตาของเธอจ้องมองไปยังนายอิทธิกร “จะเป็นที่ส่วนตัวอยู่กันสองคน มียาดีๆเสพ เหมือนทำให้ขึ้นสวรรค์ได้อะไรแบบนี้น่ะค่ะ”

เพื่อนๆของอิทธิกรหันไปมองหน้ากัน เธอเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของพวกเขา พวกเขาคงคิดว่าคืนนี้จะมีเหยื่อรายใหม่ เธอเอียงศีรษะเข้าซบบ่าของอิทธิกร และชายหนุ่มโอบบ่าเธอเป็นเชิงปลอบประโลม

“ที่นี่อากาศร้อนนะ ออกไปข้างนอกกันดีไหม” เขาเอ่ยเสียงกระซิบ

“คุณจะพาฉันไปที่ที่มันส่วนตัวกว่านี้ได้ไหมคะ” หญิงสาวเอนเข้ากระซิบแผ่วที่ริมหู “แล้วถ้าคุณมียาไอซ์...แบ่งให้ฉันบ้างนะคะคุณอิทธิกร”

รสกรเล่นละครได้อย่างไม่มีที่ติ

“คุณอยากเสพหรือ หึๆ ได้สิ แล้วคุณอยากไปที่ไหนล่ะ” อิทธิกรยิ้ม

“ที่ไหนก็ได้ค่ะ ที่คุณจะพาไป”

นักข่าวสาวยิ้มหวาน ในที่สุดงานเธอก็สำเร็จ ตานี่เป็นผู้ชายจริงๆ

ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินออกทางหลังร้าน อิทธิกรไล้แก้มเนียนก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวยิ้มละไม ถ้าเกิดว่าเขาให้ยาไอซ์เธอ เธอจะอาศัยเวลาที่เขาเผลอแล้วรีบหนีไปทันที แต่แล้วจู่ๆก็มีคนมาก็คว้าแขนเธอไว้ แล้วออกแรงดึงเข้าไปในมุมอับ

“คุณชิน” เธออ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนดึงเธอมาตรงนี้

“เธอจะทำอะไร” ใบหน้าคมคายขมวดคิ้ว “จะออกไปกับหมอนั่นหรือ”

“ใครจะไปกับหมอนั่น ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ ในผับในบาร์ไม่มีข้อมูลให้คุณทำวิทยานิพนธ์หรอกนะ” รสกรออกแรงดึง ถ้าใครมาเห็นเข้า เธอจะแก้ตัวว่ายังไงได้

“ผมมาตามคุณนั่นแหละ เห็นออกมานานเกินไป ที่ไหนได้เห็นคุณเดินตามหมอนั่นออกมาเสียนี่ หรือว่านี่เป็นแผนของเธอ จะตามเขาไปถึงโรงแรมเลยหรือไง”

“บ้า ใครจะวางแผนไว้แบบนั้น ฉันวางแผนเอาตัวรอดตั้งแต่แรกแล้ว”

“แผนอะไรไม่ทราบ”

“ฉันก็จะรอให้เขาเผลอแล้ววิ่งหนีน่ะสิ ปล่อยนะ เดี๋ยวอิทธิกรก็จะออกมาแล้ว” หญิงสาวสะบัดมือจนหลุดออก เป็นเวลาเดียวกับที่อิทธิกรออกมาพอดี เขายิ้มให้เธอเล็กน้อยพลางโอบเอวบางพาเดินออกไปข้างนอก คชินทร์ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าไปมา

แผนหรือ...แผนส่งตัวให้เขาล่ะสิไม่ว่า



รสกรกับอิทธิกรเดินตรงมาที่รถ ทว่าดาราหนุ่มก็หันมาคว้าแขนเรียวบางออกแรงดึงจนเธอนอนหงายไปบนฝากระโปรงรถ หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ หน้าซีดเป็นแผ่นกระดาษ

“คุณอิทธิกรจะทำอะไรคะ”

“ทำอะไรน่ะหรือ ผมชอบสถานที่ข้างนอกแบบนี้ซะด้วย” นัยน์ตาของเขาวาววับ

แย่แล้ว นักข่าวสาวไม่รู้ว่าจะต้องมาเจอกับสถานการณ์นี้มาก่อน เธอพยายามยกขาขึ้นถีบ แต่นายอิทธิกรก็แทรกตัวเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

“คุณอิทธิกร แบบนี้...มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เธออุทานเสียงดัง ใจเต้นระรัวเหมือนตีกลอง “ไหนคุณบอกว่าจะแบ่งยาไอซ์ให้ฉันไง แล้วนี่มันอะไรกันคะ”

“แถวนี้มันเงียบดีแล้วรถเราจอดอยู่ด้านหลังสุด เธอร้อนไม่ใช่หรือ เรื่องยาไอซ์น่ะรอให้เสร็จก่อนแล้วค่อยแบ่งให้เสพก็ได้” อิทธิกรหัวเราะเสียงแหบพร่า

รสกรหน้าซีดเผือดราวกับแผ่นกระดาษ เธอยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ จู่ๆจะมาถูกปลุกปล้ำตรงนี้น่ะเหรอ

“นี่อย่านะ” เธอร้องอุทานเมื่อฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปตามเรียวเขา “ปล่อยนะ ปล่อยสิ”

“อย่าดิ้นนักเลย ร่านนักไม่ใช่เหรอ ดี แบบนี้สิ ฉันชอบ”

หญิงสาวหวีดร้องเมื่อเขาโน้มศีรษะลงมาจูบลำคอลงไปถึงเนินอกอิ่ม เธอร้องไห้โฮออกมาอย่างลืมอาย แต่แล้วก็ได้ยินเสียงวัตถุกระทบกับศีรษะของอิทธิกรแล้วเขาทรุดลงไปกับไหล่ของเธอ รสกรหน้าซีดเผือด ตัวสั่นระริก เมื่อเธอเห็นคชินทร์ที่ถือไม้หน้าสามตรงหน้า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรู้สึกดีใจขนาดนี้มาก่อน

“คุณชิน” เธอทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง

“เป็นยังไงล่ะ แผนการของคุณ” ใบหน้าคมคายถอนหายใจยาว

“คุณชิน ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวว่าคุณจะไม่มาช่วยฉันซะแล้ว” กอหญ้าโผเข้ากอดคชินทร์แน่น จนเขาขมวดคิ้วมุ่นสัมผัสจากร่างกายนุ่มละมุนของเธอบนอกหนาของเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก รีบเอามือจับไหล่เธอแล้วดันออกไปทันที

“รีบไปกันเถอะ ตอนออกมาเมื่อตะกี้ ผมเห็นเพื่อนของหมอนี่กำลังเดินตามออกมาแล้ว”

รสกรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แค่อิทธิกรคนเดียวเธอก็จะแย่อยู่แล้ว นี่ถ้าพวกเขามากันหมดเธอไม่แย่ยิ่งไปกว่านี้หรอกหรือ

“ไปกันเถอะค่ะ” เธอรีบร้อน

“อืม”

คชินทร์จึงขับรถพาเธอกลับไปที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้าน รสกรเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเดินเข้าไปในบ้านในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ดวงตาของเธอยังมีรอยน้ำตา พอเธอนั่งลงบนโซฟาแล้ว ชายหนุ่มก็หาน้ำมาให้เธอดื่ม แต่รสกรส่ายหน้าเบา ๆ และบอกว่า เธอไม่อยากกินอะไรเลย ทำเอาเจ้าของใบหน้าคมคายถอนหายใจยาว นี่ถ้าเขาไม่ตามเธอออกมาช่วยไว้ทัน ป่านนี้กอหญ้าก็คงเหมือนตกนรกไปแล้ว

“ได้ทำข่าวสมใจไหมล่ะ”

นักข่าวสาวชำเลืองมองหน้าอีกฝ่าย ดูเอาเถอะ คนกำลังเสียใจยังจะมาพูดแขวะกันอยู่ได้

“มันไม่คุ้มกับที่ฉันลงทุนไปเลย อยากสมน้ำหน้าก็เชิญเลย”

“เอาเสื้อนี้ไปใส่ก่อนสิ” ชายหนุ่มถอดเสื้อแจกเก็ตสีน้ำตาลให้เธอ พอรสกรก้มลงมองเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของเธอ แก้มใสๆของเธอก็แดงปลั่งขึ้นมาทันที หญิงสาวจึงรีบรับมาคลุมตัวไว้

“ขอบคุณค่ะ”

“ผมขอโทษนะ ที่แนะนำคุณไปอย่างนั้น ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าเดินออกมากับเขาจริงๆ”

“ฉันก็ไม่รู้นี่นา ว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้” เธอเม้มปากแน่น น้ำตาจะไหลออกมาให้ได้

“แผนการล้มเหลว สุดท้ายก็ไม่ได้หลักฐานอะไรเลยที่จะช่วยคลี่คลายเรื่องของนายอิทธิกร”

รสกรพยักหน้าเบาๆ น้ำตาหยดเล็กๆรินไหล

“แค่คำพูดไม่กี่คำ มันใช้เป็นหลักฐานอะไรไม่ได้หรอก” เธอยิ้มเจื่อนๆ

คชินทร์เหยียดยิ้มบางๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแลดูอบอุ่นอ่อนโยน กอหญ้ายิ้มน้อยๆ จะว่าไปแล้วเขาก็เป็นผู้ชายที่ดูสุภาพดี

“ขอบคุณนะคะ ที่คุณอุตส่าห์ไปช่วยฉัน” เธอว่ายิ้มๆ

“ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน เห็นคุณออกไปตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับ เลยสงสัยว่าคุณอาจจะเกิดอันตรายก็เลยขับรถออกไปดู แล้วก็...” คุณหมอหนุ่มถอนหายใจยาว

“คุณมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นอะไรบ้าง”

“เห็นตั้งแต่ตอนที่คุณถูกดึงเข้าไปนั่งคลอเคลียกับนายอิทธิกรนั่นแหละ” เขาตอบยิ้มๆ “ตอนที่คุณปรายตาให้เขา พร้อมทั้งทำท่าดึงเสื้อลง จากนั้นเขาก็พาคุณออกมาหลังร้าน”

หญิงสาวหน้าแดงจัดไปถึงใบหู “ฉันหาโอกาสอยู่กับเขาสองต่อสอง เพื่อจะล่อให้เขาเอายาไอซ์ออกมาต่างหาก ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

นักข่าวสาวเม้มปากแน่น จะไปโทษว่าเป็นความผิดของอิทธิกรทั้งหมดไม่ได้ ใครจะรู้ล่ะว่า นายอิทธิกรจะฉลาดเป็นกรด แถมยังหื่นกามขนาดนี้

“ถึงยังไงคุณก็เอาตัวรอดมาได้ คุณเก่งมากนะ”

นี่เขากำลังชมเธอหรือว่าด่าเธอกันแน่ กอหญ้าเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองมาอย่างอ่อนโยน เรียวปากของเขาคลี่รอยยิ้ม ทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว

“รู้แล้วละ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว”

“เชิญเลย”

รสกรลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบน เธอเอียงคอมามองหมอหนุ่มเล็กน้อย และเห็นเขากำลังโบกมือให้เธอพร้อมรอยยิ้มบางๆ หญิงสาวหันหลังกลับ เรียวปากซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ให้เขารู้...เพิ่งคิดได้ว่า การมาอยู่กับคชินทร์มันก็ทำให้หัวใจเธออบอุ่นได้เหมือนกัน...

หลังจากที่สลบไปนาน อิทธิกรก็ฟื้นขึ้นมาได้ในสภาพเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดีนะที่พวกเพื่อนๆของเขาที่เดินตามออกมา และเห็นเขานอนสลบอยู่ที่พื้นถนนข้างรถจึงพากันไปประคองตัวขึ้นมา เพื่อนๆต้องเรียกอยู่นานกว่าเขาจะฟื้น อิทธิกรส่ายศีรษะด้วยความมึน แต่เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเข้ม คำรามด้วยความแค้น เพื่อนๆพาอิทธิกรมาส่งที่คอนโด ทั้งที่ชายหนุ่มยังแค้นใจไม่หาย

“อูย...เจ็บชะมัด ดันฟาดมาได้ ให้ตายเถอะ” อิทธิกรคำราม ตอนใกล้จะหมดสติ เขาเห็นผู้หญิงอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง

เสียงเคาะประตูเบาๆที่หน้าห้องทำให้อิทธิกรขมวดคิ้ว

“ใครน่ะ” น้ำเสียงของเขาขุ่น

“อุตส่าห์มาเยี่ยมทั้งที จะไม่เปิดประตูให้หน่อยหรือคะ” เสียงหวานของน้ำค้างดังขึ้นมา อิทธิกรถอนหายใจยาวก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้เธอ หญิงสาวสวยในชุดราตรีตัวสั้น เส้นผมยาวสลวย

“คุณน้ำค้าง”

“ใช่สิคะ นึกว่าเป็นใครกันล่ะ” เธอยิ้มพลางเดินเข้ามาในห้อง อิทธิกรสูดลมหายใจลึก

“สามีคุณไม่ว่าหรือ ออกมาค้างบ้านผมอย่างนี้”

น้ำค้างชำเลืองมองด้วยหางตา จะเป็นความไม่พอใจหรือไม่ใส่ใจก็ตาม แต่เธอชอบที่เขาแสดงอาการหึงออกมาแบบนี้

“เขาไปเมืองนอกค่ะ เห็นว่ามีธุระ อีกสองสามวันจะกลับ ทำไมคะอย่าบอกนะว่าคุณหึง”

“เปล่าหรอก ก็แค่ถาม” อิทธิกรเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ พร้อมโอบเอวบางไว้แนบตัว “ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้เขาไปนานๆ ไม่ต้องกลับมาเลย”

“ฉันก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน” เธอยิ้มแล้วโอบกอดเขาไว้แน่น จนอิทธิกรต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เนื่องจากยังรู้สึกระบมจากที่ถูกไม้หน้าสามฟาด น้ำค้างขมวดคิ้วเนื่องจากเห็นสีหน้าเขาพอดี

“หลังคุณเป็นอะไรคะ”

“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่ยุงกัดน่ะ” อิทธิกรยังอุตส่าห์เล่นลิ้น น้ำค้างจึงแกล้งบีบแรงๆจนเขาร้องโอ้ย

“ไหนว่ายุงกัดไงคะ ทำไมถึงได้ร้องขนาดนี้ล่ะ” ดวงหน้างามยิ้ม “ไปมีเรื่องมาเหรอคะ”

อิทธิกรไม่ตอบ หรือจะพูดให้ถูกคือ เขากำลังคิดหาทางอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่า น้ำค้างชำเลืองมองเขาด้วยสายตาดุขึ้น

“ผู้หญิงเหรอคะ เขาเป็นใครกัน” น้ำเสียงของเธอเข้มกว่าที่เคย

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกผู้หญิงหากินธรรมดา หัวใจของผมน่ะไม่เคยรักใครนอกจากคุณคนเดียว” อิทธิกรโน้มศีรษะลงมาใกล้เพื่อจะแนบเรียวปากลงบนริมฝีปากอิ่มสวย แต่ถูกฝ่ามือบางเลื่อนขึ้นเป็นเชิงปรามเสียก่อน นัยน์ตาของเธอเป็นประกายวาววับ

“คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าภายในใจคุณมีฉันแค่คนเดียว”

“แน่ใจสิครับ” อิทธิกรยิ้ม ยอมปดเพราะรู้ว่า สิ่งที่เขาหวังจากตัวเธอเป็นสิ่งที่คนอื่นให้ไม่ได้

เงินทองและทรัพย์สินมีค่า

มีแต่เธอเท่านั้น...ที่จะหามาให้เขาได้


“ว่ายังไงนะ นี่เธอไปที่ผับบลูเม้าเท่นคนเดียวน่ะเหรอ” ข้าวฟ่างตะโกนลั่น เธอเบิกตามองเพื่อนสนิทอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เธอทำเข้าไปได้ยังไงน่ะ”

“ก็ทำอย่างที่พูดนั่นแหละ” หญิงสาวหน้าเคร่งเครียด “ชุดเธอน่ะมันโป๊ออกจะตาย เอาคืนไปเถอะ”

“บ้าสิ นั่นมันชุดงานราตรีนะ ใครใช้ให้เธอใส่ไปงานเต้นรำแด๊นกระจายแบบนั้น”

“ขอทีเถอะ ฉันไม่ได้เต้นรำนะ แค่ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดเท่านั้น”

ข้าวฟ่างอึ้งไปพักใหญ่ ตอนแรกที่รสกรมายืมชุดเธอ หญิงสาวบอกจะใส่ไปงานๆหนึ่ง ที่แท้เธอเอาไปใส่สืบเสาะข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างนั้นเหรอ แถมยังเกือบจะโดนปลุกปล้ำ ดีนะว่าได้คนมาช่วยเอาไว้

“หาข้อมูลจนเกือบจะโดนปล้ำเนี่ยนะ”

“ใช่นะสิ”

“ฉันจะเป็นลม ให้ตายเถอะ” ข้าวฟ่างเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้

“แกจะมาเป็นลมทำไม ฉันต่างหากที่จะเป็นลม ไม่ใช่แกซะหน่อย”

“ถ้าฉันเป็นแกฉันคงกรี้ดสลบไปแล้ว นี่...ถามจริงๆเถอะ ไอ้งานนักข่าวของแกเนี่ย มันสำคัญมากเลยเหรอถึงได้ยอมพลีกายให้ผู้ชายอย่างนั้นมันชื่นชมน่ะ”

“บ้าแล้ว ใครพลีกายให้มันชื่นชม” เธออุทานลั่น

“ก็นายอิทธิกรนั่นไง ถึงจะไมได้พลีกาย แต่อย่างน้อยมันก็หอมแก้มแกแล้วไม่ใช่เหรอ” ข้าวฟ่างพูดไปขนลุกไป

“แกนี่มันปากเสียจริงๆ ใครจะยอม ตอนที่ฉันดิ้นรนคุณชินเขาก็ฟาดไม้หน้าสามมาพอดี” หญิงสาวหน้าแดงด้วยความโกรธ มีอย่างที่ไหน เพื่อนกันภาษาอะไรไม่เข้าข้างกันเลยสักนิด

“แล้วคุณชินล่ะ เขาว่าอย่างไรบ้าง” จู่ๆเพื่อนเธอก็ถามถึงเขา

รสกรอึ้งไปพักใหญ่ ทีแรกเธอนินทาเขาให้ข้าวฟ่างฟังต่างๆนานา แต่พอมาเจอเข้ากับตัวเองอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือเปล่าที่เข้าไปพักในบ้านหลังนั้น

“เขาก็เตือนๆฉันเหมือนกันแหละ”

“เขาเตือนเธอด้วยเหรอ” ข้าวฟ่างเหมือนไม่เชื่อ

“ประมาณนั้นแหละ เธออย่าไปสนใจเลย” รสกรด่วนสรุปเอาง่ายๆ หญิงสาวมองเห็นข้าวฟ่างนัยน์ตาเป็นประกาย ประสานมือเข้าด้วยกันราวกับเจ้าหญิงกำลังฝันหวาน “เป็นอะไรของเธอน่ะ”

“ฉันกำลังคิดว่าอยากจะรู้จักคุณชินสักครั้ง” ข้าวฟ่างยิ้ม แต่นักข่าวสาวแทบพ่นกาแฟไปใส่

“อะไรนะ”

“ทำไม ฉันอยากรู้จักหมอหนุ่มไม่ได้เลยหรือไง เขาอุตส่าห์ช่วยเพื่อนฉันทั้งที ฉันอยากขอบคุณเขาบ้างก็เท่านั้นเอง ว่าแต่เขาอยู่ที่บ้านเลยเหรอตอนนี้”

หญิงสาวรู้สึกอึดอัดยังไงพิกล เพื่อนของเธอคนนี้เป็นสาวน่ารักอ่อนหวาน สมัยที่เรียนก็ได้เป็นดาวคณะ นัยน์ตากลมโตน่าค้นหา เส้นผมหยักศกยาวจรดกลางหลัง แก้มเนียนทั้งสองข้างก็เรียบใสเป็นสีชมพู เธอกับข้างฟ่างเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย และตอนนี้ก็ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ในโรงแรมมีชื่อแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงเทพฯ

“เธออยากรู้จักกับคุณชินจริงๆเหรอ” รสกรถามอย่างไม่แน่ใจ

“อยากสิ ตอนนี้ฉันชักสนใจหมอหนุ่มซะแล้วสิ” ข้าวฟ่างออกอาการปลื้ม “พาฉันไปรู้จักกับคุณชินหน่อยสิ ฉันจะรู้จักทำความมักคุ้นกับเขาในฐานะเพื่อนของเธอยังไงล่ะ”

หญิงสาวยิ้มเฝื่อนๆ เอาก็เอา ยังไงเสียข้าวฟ่างก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ รับรองว่าหลังจากรู้จักกับนายคชินทร์นั่นมีหวังเพื่อนเธอคงผิดหวังจนคอตก


รสกรพาข้าวฟ่างแวะมาที่บ้าน ทว่าตอนนี้บ้านกลับปิดสนิท ดูเหมือนว่าคชินทร์จะไม่ได้อยู่บ้าน เขาออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ หญิงสาวเปิดประตูพาเพื่อนเข้าไปในบ้าน และเมื่อข้าวฟ่างเห็นว่าข้าวของในบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยเพียงไร แถมยังมีชั้นหนังสือวางเรียงเป็นตับ ผู้มาเยือนถึงกับอุทานด้วยความตะลึง

“บ้านน่าอยู่จัง ฉันคิดว่าบ้านรกกว่านี้ซะอีก”

“ใช่ น่าอยู่มาก” นักข่าวสาวยิ้มเฝื่อน “เขาเป็นคนจัดการเองหมดเลยนะ ฉันแค่ทำกับข้าวให้เท่านั้นเอง”

“ทำอย่างกับเป็นข้าวใหม่ปลามันอย่างนั้นแหละ” ข้าวฟ่างหัวเราะคิก แต่อีกฝ่ายไม่ขำด้วย

“เธอลองมาทำเองมั่งสิ แล้วจะรู้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน”

“เหรอ ฉันว่าดีออก”

“ตอนนี้คุณชินไม่อยู่บ้าน เอายังไงดี มาเสียเที่ยวซะแล้วสิ” รสกรเอ่ยปาก ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นคชินทร์กำลังเดินเข้ามาจากประตูรั้ว วันนี้เขาดูดีเป็นพิเศษในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนจรดข้อศอกผูกเนกไท ผมเผ้าก็หวีเรียบไปด้านหลังสวมกางเกงสแลกสีดำกับรองเท้าหนัง หนวดเคราก็โกนออกไปเรียบร้อย ดูดีจนเธอมองเขาตาไม่กระพริบ

“เป็นอะไรไปกอหญ้า ทำไมตาค้างขนาดนั้นล่ะ”

เสียงของข้าวฟ่างทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งโหยง ทำไมเขาถึงต้องดูดีเฉพาะวันนี้ด้วยนะ…

“เปล่านี่ นั่นคุณชินมาพอดี” นักข่าวสาวเอ่ยปากเสียงเร็วปรื๋อ ข้าวฟ่างหันกลับไปมองด้านหลังทันที สีหน้าของเธอตกใจเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลากำลังมองตรงมาพอดี ดวงหน้าหวานของแขกสาวก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที

“คุณชิน” เธอกระซิบแผ่ว

คชินทร์เดินเข้ามาภายในบ้าน พร้อมถือหนังสือหลายเล่มเข้ามาด้วย รสกรเผลอมองดูเขาอย่างลืมตัวอีกครั้งก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มหันมามองเธอ

“คุณจะไม่แนะนำเพื่อนให้ผมรู้จักหน่อยหรือ” เสียงของเขานุ่มลึก

“เอ่อ จริงด้วยนี่คุณ....” รสกรอ้าปากจะพูด ทว่าแขกสาวก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนที่เธอพูดจบ

“ข้าวฟ่างค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...ชินใช่ไหมคะ” เธอยิ้มหวานน่ารัก ยื่นมือออกไปหาเป็นเชิงทำความรู้จัก ชายหนุ่มมองดูมือบาง แล้วจับมืออีกฝ่ายประสานกันเบาๆ....

***************






เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2557, 10:21:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2557, 10:21:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1258





<< อิืทธิกร   ตอนที่ ๔ เหตุผลของการแต่งงาน >>
เบลินญา 21 ม.ค. 2557, 10:26:39 น.
คู่แข่งมาแล้วว


Zephyr 21 ม.ค. 2557, 18:31:01 น.
นั่นๆ จะแย่งกันเองไหมนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account