นางร้ายเจ้าน้ำตา
ชีวิตของมินตราไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ฝันไว้ว่าจะดีขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังเจอแต่อุปสรรคใหญ่หลวงรออยู่ทุกอย่างก้าว ดีที่ได้มีโอกาสเจอเขา...คิลเลี่ยนหนุ่มลูกครึ่งชาวอังกฤษก็คอยช่วยเหลือ เป็นหลักให้เธอได้มีชีวิตที่ดีขึ้น หนทางรักที่อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่จะจบด้วยความสมหวัง
Tags: นางร้าย

ตอน: Crying Villain ตอนที่ 2

นางร้ายเจ้าน้ำตา Crying Villain ตอนที่ 2

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเมื่อถึงช่วงเย็นของวัน คิลเลี่ยนพลิกตัวเองอยู่บนเตียงเพราะนึกว่าฝัน แล้วหลับตาลงอีกครั้ง ทิ้งปัญหาไปกับความง่วง แล้วเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอีกรอบ เขาก็แน่ใจว่าไม่ได้ฝันและรู้ว่าใครเคาะ จึงตะโกนบอก “เข้ามาสิ”

“วันนี้ไปทำงานไหมคะ” มินตราเปิดประตูเข้ามาก็เข้ามาถาม สีหน้าของเธอทำให้เขาใจอ่อน เพราะหน้าตาเธอดูเกรงอกเกรงใจและน่าสงสารมากทุกที

“ฉันเพิ่งออกจากคุก คงไม่ไปหรอกนะ” คิลเลี่ยนบอกแล้วก็พลิกตัวหันหลัง เขาแค่โกหกพ่อว่าจะไป แต่เจ้านายเขาให้ไปทำงานวันมะรืน เขาจึงได้พัก

“เรื่องแต่งงานน่ะ” มินตราอยากถามแต่ก็ถามไม่ถูก พยายามเรียบเรียงให้ดี

คิลเลี่ยนเลยหันหน้ามามอง เห็นเธอพยายามรวบรวมคำพูด ก็หลับตาลงอีกเพื่อรอให้เธอพร้อมจะพูดแทน เขาก็ไม่อยากเดาว่าเธอจะพูดอะไร

“คือถ้าจดทะเบียนกัน คุณก็ไม่ต้องหนีใช่ไหม” มินตราถามแล้วมีสีหน้าลำบากใจ รู้ว่าถ้าเขาหนี ก็คงทำให้เขาลำบาก และเธอก็ไม่อยากทำให้ผู้มีพระคุณต้องลำบาก

“อือ” คิลเลี่ยนตอบอย่างขอไปที อยากนอนพักมากกว่าคิดเกี่ยวกับปัญหา

“แต่คุณต้องช่วยอะไรฉันหน่อยนะ” มินตราพูดขึ้น ทำให้เขามองและพยักหน้า เธอจึงค่อยพูดต่อ “ฉันรู้ว่าฉันคงไม่สำคัญสำหรับน้องชายคุณเท่าไร แต่ฉันรู้ว่า ถ้าเขารู้ว่าฉันแต่งงานกับคุณ เขาคงโกรธน่าดู”

คิลเลี่ยนหัวเราะอย่างเข้าใจความหมาย ขยับเข้าใกล้เธอที่นั่งอยู่ที่ขอบเตียง รู้ว่าเธอหมายความว่ายังไง คนอย่างเขาถนัดเรื่องพวกนี้มากกว่าเธอแน่

“ด้วยความยินดีเลยเชียวแหละ ฉันก็อยากหยามน้ำหน้ามันเหมือนกัน งั้นพรุ่งนี้หลังจากที่เราไปจัดการเรื่องจดทะเบียนกัน ฉันจะพาเธอไปเมกโอเว่อร์ แล้วเธอต้องฝึกท่าทางให้มันเฉิดฉายมากกว่านี้ ที่สำคัญจองตั๋วกลับให้ฉันด้วย เราต้องหาที่อยู่” คิลเลี่ยนคิดง่ายๆ และเพลิดเพลิน เมื่อคิดว่าการแต่งงานของเขากับเธอนอกจากจะทำให้พ่อเลิกยุ่งกับเขาแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะเอาคืนโชติได้อีกด้วย

ช่างแสนวิเศษเสียนี่กระไร...

“คือว่า มันคงจดทะเบียนไม่ง่ายหรอกมั้งคะ ยังไงลองปรึกษาใครกับใครก่อนดีกว่าไหม เท่าที่หาข้อมูลดู ต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควรนะคะ” มินตราเตือนให้เขาใจเย็นหน่อย พอตื่นเธอก็คิดเรื่องนี้แล้วหาข้อมูลพอสมควร

“ยังไงก็คงเสร็จก่อนกลับเมืองไทย จองที่นั่งข้างๆ เธอเลยนะ” คิลเลี่ยนพลิกตัวแล้วนอนพักสายตาต่อ สบายใจได้ทุกอย่างตามที่หวังหรืออาจจะมากกว่าด้วย

สมใจเขาทุกอย่างแล้วเขาก็อยากเห็นหน้าพ่อกับน้องชายเขาด้วย

“นี่ไม่ไปไหนเลยเหรอคะ” มินตราเห็นเขามีท่าทีไม่ค่อยสนใจอะไรนักก็ถามอย่างสงสัย

“ฉันเพิ่งออกจากคุกจะให้ไปไหนล่ะ หรือจะให้ทำผิดคำสั่งศาลอีก ติดอีกทีนี้ไม่ต้องไปเมืองไทยกันเลยนะ” คิลเลี่ยนตอบแล้วพลิกตัวหันหลัง แอบยิ้มอย่างมีความสุข

“งั้นฉันไปเตรียมอาหารเย็นให้นะคะ เผื่อคุณอาบน้ำเสร็จแล้วจะหิว” มินตราลุกขึ้นแต่เขาคว้ามือเธอไว้ จึงมองเขาด้วยความประหลาดใจ

“ขอบใจ” คิลเลี่ยนพูดสั้นๆ แล้วก็ปล่อยมือเธอ กอดหมอนแล้วพักผ่อนแทน สุขใจได้ตามต้องการ

“ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ จะได้สดชื่น เดี๋ยวดึกก็นอนไม่หลับหรอกค่ะ” มินตราเตือนเขาอีกครั้ง ก่อนออกไปจากห้อง เพื่อทำตามที่พูด เห็นเขาไม่ต้องไปลำบากทำให้เธอสบายใจได้อีกมากทีเดียว เรื่องแต่งงานก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบาก อยู่กับเขาหลายเดือน เขาดูจะรู้หน้าที่รู้กาลเทศะดี

คิลเลี่ยนแอบยิ้มอย่างเงียบๆ เขาจะยังมีเธอไปอีกสามปี แม้ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาเอาเปรียบเธอที่ขอให้เธอช่วยเรื่องการแต่งงาน แต่เขาก็ไม่คิดจะกักขังเธอไว้กับเขาโดยที่เธอไม่เต็มใจ หากวันหนึ่งเธอต้องการอิสระ เขาก็ยินดีจะมอบให้ ถ้ามันทำให้เธอมีความสุข

เมื่อเขาออกมาจากห้องนอนในชุดอยู่บ้านเรียบง่าย ก็เห็นอาหารวางที่โต๊ะแล้วเป็นอาหารไทยที่เขาชอบ และเธอก็พอหาวัตถุดิบมาได้ เขามองเธอตักข้าวสวยร้อนๆ ลงจาน แล้วก็หยิบช้อนส้อมที่วางอยู่ ทานอย่างมีความสุข

“ค่อยๆ ทานก็ได้ค่ะ คุณยังต้องทานอาหารฝีมือฉันไปอีกหลายปี” มินตราบอกแล้วรู้สึกดีที่เขาเห็นคุณค่าของสิ่งที่เธอทำให้

“นี่จ่ายตลาดมารอเลยเหรอ” คิลเลี่ยนถามแล้วทานอาหารต่ออย่างสบายใจ

“ใช่สิคะ ไม่มีเวลาไปจ่ายตลาดตอนไปรับคุณหรอก ก็เลยจ่ายเตรียมไว้เลย แล้วก็ไม่คิดว่าจะง่วงอย่างนี้ ไม่งั้นจะทำอีกหลายอย่างค่ะ” มินตราบอกแล้วตักกับข้าวให้เขาอย่างเอาใจ เธอทำอย่างนี้กับทุกคนที่มีน้ำใจกับเธอ

“เธอก็กินบ้างเถอะ จริงสิ เรียกฉันพี่เหมือนที่คนไทยนิยมก็ได้นะ” คิลเลี่ยนอยากให้ความสนิทสนมมากขึ้น

คิลเลี่ยนไม่แปลกใจเลย ถ้าโชติจะยอมคบกับมินตราโดยไม่มีอะไรกับหล่อน ก็เธอช่างเอาใจอย่างนี้มีเผลอใจไปกันมั่ง แต่ดูเธอมีสติมาก ไม่เคยเผลอตัวเลยสักครั้ง หาทางถอยเมื่อจะถึงสถานการณ์ที่อาจเลยเถิดได้ตลอด

“ได้ค่ะ พี่เค” มินตราเรียกเขาว่า ‘เค’ จนติดปาก เพื่อนๆ เขาส่วนมากก็เรียกอักษรย่อชื่อเขาแบบนี้ และดูเหมือนเขาก็ชอบให้ใครๆ เรียกตัวย่อชื่อของเขาเสียด้วย

“พรุ่งนี้ว่างใช่ไหมล่ะ” คิลเลี่ยนถามให้แน่ใจอีกครั้ง เขามีแผนต้องทำใหม่ เพื่อให้โชติตาลุกวาวเมื่อเห็นมินตรา

“ว่างสิคะ คืนนี้เห็นทีจะต้องนอนให้เต็มตาสักหน่อยล่ะค่ะ ต้องรีบจัดตารางงานให้ลงตัว อีกอย่างฉันโทรจองตั๋วให้แล้วนะคะ ต้องคืนตั๋วแล้วจองใหม่ เพราะเที่ยวนั้นเต็มค่ะ” มินตราเล่าความ เพราะเธอจองตั๋วล่วงหน้านานแล้ว

“คิดค่าเสียหายกับฉันก็แล้วกัน” คิลเลี่ยนพูดตบท้าย จากนั้นก็เดินไปหยิบกระเป๋าเงิน แล้วหยิบเงินใส่มือเธอ “ค่าอาหาร แต่ค่าเครื่องกับที่เธอต้องคืนตั๋ว ฉันจะโอนให้แล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะ” มินตรายกมือไหว้อย่างสุภาพ รู้สึกนับถือเขา เพราะเขาทำให้เธออยู่ได้ไม่ลำบาก มีอาหารทานฟรี มีห้องพักฟรี แล้วบางทีก็มีรถให้ใช้ฟรี เธอจึงสำนึกบุญคุณเขาอย่างมาก

คิลเลี่ยนก็นั่งทานอาหารของเขาต่อ แล้วก็มีสายเขา เขาเห็นแล้วแต่ไม่โทรกลับ ปล่อยให้สายเงียบไปเองแล้วทานอาหารอย่างไม่ใส่ใจนัก

มินตราก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนก็คงเป็นลูกค้าเขา เธอก็พอสงสัยเรื่องผู้หญิงของเขาอยู่บ้าง แต่เขาไม่พูดอะไร เธอก็ไม่ถาม ถึงจะได้ยินเพื่อนที่ทำงานของเขาพูดบ้างก็เถอะ มันเรื่องส่วนตัวของเขา และเธอก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายตามที่เขาได้บอกเธอแต่แรกแล้วด้วย

เขาจะหาเงินด้วยวิธีไหนมันก็เรื่องของเขา...เพราะเขาไม่เคยไปบังคับใคร แต่ละคนยอมจ่ายให้เขาเอง

*****************************

เมื่อเครื่องบินถึงเมืองไทย มินตราสวมแว่นตากันแดดแล้วควงแขนคิลเลี่ยนไปขึ้นแท็กซี่ พากันเดินทางไปยังที่คอนโดฯ ซึ่งคิลเลี่ยนเช่าไว้หนึ่งเดือนระหว่างที่อยู่ที่นี่

“มีห้องนอนห้องเดียวนะ เธอจะนอนบ้านเธอไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกัน อาทิตย์หน้าค่อยไปเย้ยคน” คิลเลี่ยนบอกแล้วก็เก็บของตามสมควร ก่อนจะไปยังที่จอดรถ เอารถที่เช่าไว้ แล้วพาเธอไปยังบ้านของเธอ

มินตรามองไปรอบๆ นอกรถ ไปจากเมืองไทยหลายเดือน กลับมาอะไรก็เปลี่ยนไปมาก แต่ก็ไม่ถึงกับจำอะไรไม่ได้ หลายสถานที่เคยไปกับโชติ แต่เขากลับทิ้งเธอไปอย่างไม่มีเยื่อใย เธอพยายามติดต่อจนเมื่อคิลเลี่ยนเตือนสติ เธอก็ไม่เคยโทรหาเขาอีกเลย

“เป็นอะไร เคยไปที่ไหนกับโชติหรือไง” คิลเลี่ยนถามขึ้น เมื่อเห็นเธอเงียบนาน นึกสงสารความหลังครั้งเก่าคงมากพอดู เพราะเธอดูเศร้ามากเมื่อเห็นสถานที่บางที่

“ก็มีคิดบ้างค่ะ มันคงยากจะลืม ถ้าคบกันมานานสี่ปี แต่พี่พูดถูก ต่อให้คบกันนานแค่ไหน เขาก็ยังเป็นเขา ไม่มีทางที่เขาจะเลือกคนที่ไม่มีผลประโยชน์ให้เขา” มินตราพูดอย่างน้อยใจในชะตากรรมของตนเองนิดๆ

เธอก็แค่ลูกข้าราชการธรรมดา แม่เธอก็แค่แม่ค้าขายขนม พ่อก็เงินเดือนไม่มาก แค่ได้เรียนมหาวิทยาลัย ได้ไปถึงต่างประเทศก็นับเรื่องมหัศจรรย์แล้ว เธอไม่โทษใครนอกจากตัวเอง แต่ก็ยังดีที่ได้เจอคนดีๆ อย่างคิลเลี่ยน

คิลเลี่ยนจับมือเธอปลอบใจ รู้ว่ามันยากจะสลัดความดีที่เคยเห็น และยอมรับว่ามันกลายเป็นเรื่องหลอกลวง

มินตราพยักหน้าช้าๆ จับมือเขาแล้วถอนหายใจยาว เมื่อรถเข้าสู่ซอยแคบแล้ว มินตราก็เล็งหน้าประตู ก่อนบอกให้เขาจอดห่างออกไป เพื่อที่เธอจะได้เข้าไปเปิดประตูบ้านให้เขาจอดรถที่หน้าบ้านได้ พอถึงแล้วเธอก็ลงจากรถ แล้วไปเปิดประตูรั้ว เพื่อให้เขานำรถเข้าไปจอด

คนในบ้านตกใจ เมื่อมีรถเข้ามา ไม่คิดว่าจะมีคนมาในเวลาอย่างนี้ และไม่มีใครโทรมานัด เจ้าของบ้านก็ไปทำงานไม่น่าใช่เพื่อนเจ้าของบ้าน ก็ตกใจอยู่มาก แล้วสักพักมีเด็กหนุ่มออกมาดู แล้วก็มีผู้หญิงวัยกลางคนออกมาอีกคน ต่างก็มองผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดและแต่งตัวทันสมัยอย่างงุนงง

“สวัสดีจ๊ะ แม่” มินตราปิดประตูรั้วแล้วเข้ามาไหว้แม่ผู้ให้กำเนิดอย่างคิดถึง

บุษบามองอย่างละเอียด ก่อนจำได้ว่าเป็นลูกสาวคนโต ก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าลูกสาวจะกลับเร็วแบบนี้ ยังนึกว่าอาทิตย์หน้ามากกว่า เพราะแต่งตัวจัดจ้านก็ทำให้ต้องนึก

“ไอ้มินต์ กลับมาแล้วเหรอลูก ไอ้บอม มึงไปเก็บบ้านก่อนไป” บุษบาหันไปขยิบตากับลูกชาย

“พ่ออยู่ไหมจ๊ะ พักฟื้นอยู่สินะ” มินตราเป็นห่วงพ่อ ก็รีบเดินเข้าบ้าน แต่ถูกบุษบารีบห้ามก็ไม่ทัน ส่วนบรมก็เข้าไปเก็บห้องไม่ทัน

มินตราไม่เห็นพ่ออยู่ในบ้านก็หันไปมองหน้าแม่อย่างสงสัย “พ่อยังไม่ออกจากโรงพยาบาลอีกเหรอจ๊ะแม่”

“เอ่อ เออ” บุษบาตอบไม่ถูกว่าจะบอกยังไงดี ท่าทางเลิกลั่กชวนปวดหัว

“ว่าไงล่ะจ๊ะ แม่ พ่ออยู่โรงพยาบาลเหรอ” มินตราถามแล้วเริ่มกังวลมากขึ้น คิดว่านานแล้วพ่อเกิดโรคแทรกซ้อนเลยต้องอยู่โรงพยาบาล จึงวิตกไปกันใหญ่

คิลเลี่ยนอ่านท่าทางมีพิรุธของแม่เธอ ก็รู้แล้วว่าต้องมีอะไรไม่ชอบพามากล แต่นิ่งเฉยปล่อยให้แม่ลูกคุยกันเอง

“ว่าไงล่ะ แม่” มินตรายิ่งร้อนใจ ท่าทางพ่อจะอาการหนักกว่าที่เธอคิดไว้มาก ร้อนใจอยากไปดูพ่อ

“พ่อไปทำงาน” บรมรำคาญจึงบอก แล้วก็ออกมาจากห้องพี่สาว โดยไม่เก็บของตัวเองออกด้วย

“ทำไมพ่อไปทำงานล่ะ บอม คนที่เพิ่งผ่าตัดยังไม่ถึงเดือนก็ต้องไปทำงานแล้วเหรอ” มินตราถามน้องชายอย่างงุนงง

บรมรำคาญมากขึ้น เพราะแม่ไม่ได้เตรียมตัว เมื่อเห็นว่าพี่สาวคงกลับอาทิตย์หน้า จึงตอบไปตามตรงอย่างไม่ใส่ใจนัก “พ่อแข็งแรงดี”

“อะไรกัน คนเพิ่งผ่าตัดจะแข็งแรงได้ยังไง แล้วนี่ไปทำงานยังไง” มินตราถามอย่างร้อนใจ กลัวว่าพ่อจะเจออาการแทรกซ้อน

“พ่อไม่ได้ผ่าตัด” บรมก็โพล่งออกไปอีก เพราะยังไงพี่สาวก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี

มินตรานิ่งอึ้ง หันไปมองหน้าแม่ ก่อนจะถามให้แน่ใจ “พ่อไม่ได้ผ่าตัดเหรอ”

บุษบามีสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะกระแทกลมหายใจ “ใช่ พ่อไม่ได้ผ่าตัด คือว่าเจ้าหนี้เขามาทวงหนี้ แล้วแกก็บอกว่าหาเงินมาเร็วอย่างนั้นไม่ได้ พวกฉันเลยต้องบอกแกว่าพ่อจะผ่าตัด แกจะได้หาเงินมาให้พวกเราเร็วๆ ไงล่ะ แกต้องเข้าใจนะ ก็แกบอกว่าแกหาไม่ได้นี่นา”

มินตราถึงกับหมดแรง แล้วถอยไปชนกับคิลเลี่ยน จนเขาต้องประคองไว้ เธอกำลังมึนงงกับสิ่งที่รู้ เพราะเงินนั่นไม่ใช่หาได้ง่ายๆ แต่เมื่อสถานการณ์บีบคัน ความจำเป็นบังคับ เธอจึงต้องลำบากไปหามา

“ห้องเธออยู่ไหน” คิลเลี่ยนถามเป็นภาษาอังกฤษ จะได้พาเธอไปพัก

มินตราชี้ไปที่ห้องเดิมของเธอ แล้วปล่อยให้เขาพยุงไป อยากพักจากตรงนี้เหมือนกัน เพราะรับความจริงไม่ทัน ต้องการหาที่ตั้งหลัก

บรมรีบวิ่งไปกัน แล้วห้ามไม่ให้พี่สาวเข้าไปในห้องอย่างเห็นแก่ตัว “ตอนนี้มันเป็นห้องฉันแล้ว ก็พี่ไม่อยู่เป็นปีๆ ยังคิดจะกลับมาใช้ห้องอีกเหรอ”

“แล้วของพี่อยู่ไหน” มินตราหายใจแรงๆ รู้สึกแย่จนไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง ทั้งที่ทำเพื่อครอบครัวมาตลอด กลับไม่มีที่ยืนในบ้านของตัวเอง

เสียงเปิดประตูบ้านเข้ามาอีกรอบ เด็กหนุ่มหน้าตาเหมือนบรมเดินเข้ามา เห็นมินตราก็ตกใจ “พี่มินต์”

มินตราหมดอารมณ์จะพูดกับน้องชายไม่ว่าจะคนไหน ก็ถามอีกรอบ “ของของพี่อยู่ไหน บอม”

“อยู่ห้องผมครับ” บรรพ์รีบบอกพี่สาว ก่อนจะเปิดเข้าไป พาพี่สาวไปดูของทั้งสี่กล่อง “ผมเก็บไว้ให้ที่ห้องผมครับ”

มินตรารู้สึกแย่จนน้ำตาไหล นอกจากจะถูกพ่อแม่หลอกแล้ว ยังเหมือนถูกขับไล่ออกจากบ้านของตัวเอง แต่ก็ยังมีน้ำใจตบไหล่ของบรรพ์ ฝืนพูด เพราะของของเธอเบียดที่ทางในห้องน้องชายอยู่ “ขอบใจที่เก็บของให้พี่นะ บูม”

“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับพี่ พี่กลับมานี่ ก็พักที่ห้องผมก็ได้ เดี๋ยวผมย้ายออกมานอนที่ข้างนอกเอง” บรรพ์พูดอย่างมีน้ำใจ เพราะเขาก็นึกสงสารพี่สาวอยู่มาก

ถึงเขาจะหน้าตาเหมือนบรมแต่นิสัยแตกต่างกันมาก แม้แต่วิธีคิด เพราะเขาได้มีโอกาสอ่านหนังสือเหมือนพ่อ ทำให้เขาพยายามทำความเข้าใจโลกมากขึ้น ต่างกับคู่แฝดที่เอาแต่เล่นเกมทั้งวัน อยู่ในโลกเสมือนจริงจนฝันเฟื่อง

“คงไม่เป็นไรหรอก เห็นๆ อยู่ว่า แต่ละคนเห็นว่ามินต์เป็นแค่ตัวเงินตัวทอง หลอกหาเงินให้ใช้ไปวันๆ ก็คงไม่สำคัญเท่าไรหรอกนะ เธอไม่ต้องอยู่ที่นี่หรอก ไปอยู่กับพี่นั่นแหละดีแล้ว” คิลเลี่ยนพูดไทยชัด ตั้งใจด่าคนอื่นในครอบครัวมินตราทำให้บุษบาไม่พอใจ

“ไอ้ฝรั่งนี่ปากหมาจริงๆ มายุให้คนในครอบครัวแตกแยก มินต์เอ๊ย แม่ไม่เคยคิดอย่างนั้นนะ ไอ้ฝรั่งนี่มันหาเรื่อง” บุษบารีบเข้าไปประจบลูกสาว กลัวจะเสียคนหาเลี้ยง เธอเองก็ไม่อยากทำขนมขายแล้ว ไม่อยากเหนื่อย

มินตราเสียใจจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เมินหน้าหนี สุดท้ายคิลเลี่ยนลากเธอออกไปจากบ้าน ซึ่งตอนนี้มีแต่จะทำให้เธอเป็นทุกข์ใจ

“เดี๋ยวสิครับ คุณจะพาพี่สาวผมไปไหน” บรรพ์เป็นห่วงพี่สาวก็รีบตามออกไป รู้ว่าพี่เสียใจแต่ไม่อยากให้พี่ไปอยู่กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก

“ทำไมทุกคนถึงต้องหลอกให้พี่ส่งเงินมาด้วย รู้ไหมว่ากว่าจะหาเงินแต่ละบาทมาได้ พี่ต้องเหนื่อยแค่ไหน ถ้ารู้ว่าพี่ต้องขายตัวแลกมา ก็คงไม่รู้สึกอะไรใช่ไหม” มินตราหันมาถามน้องชายแล้วมองแม่อย่างตำหนิ ความเสียใจพุ่งแรงจนน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

บรรพ์พูดไม่ออก ส่วนบรมไม่สนใจก็เข้าห้องแล้วปิดประตูเงียบ ปล่อยให้แม่จัดการกันเอง

“แกขายตัวอย่างที่เขาว่าจริงๆ เหรอ” บุษบาถามลูกสาวและรู้สึกโมโห เพราะใครๆ ก็นินทาว่าลูกสาวไปขายตัวที่เมืองนอกเพื่อส่งเงินมาให้พวกเธอใช้

“ถ้าใช่แล้วแม่จะคืนเงินที่เอาไปให้ฉันไหมล่ะ” มินตราถามแล้วก็ร้องไห้หนักขึ้น

คิลเลี่ยนเห็นเธอไม่ยอมขึ้นรถก็ได้แต่ยืนรอ ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยอีก เรื่องของครอบครัวสุดท้ายก็ต้องจบในครอบครัวเอง

“แกจะให้ฉันเอาที่ไหนมาคืน ไอ้บอมมันโง่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด ต้องเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน ค่าเรียนก็แพง แม่ก็ต้องบอกแกไปอย่างนั้น นี่ก็เทอมแรกแล้ว ถึงไอ้บูมมันจะสอบติด แต่มันก็มีค่าใช้จ่ายนะโว๊ย แม่ขายขนมเท่าไรถึงจะหาค่าเทอมให้มันได้” บุษบาก็พยายามขอความเห็นใจ ชักหงุดหงิดที่ลูกสาวมาคาดคั้น

“แล้ววันนี้ทำไมแม่ไม่ไปขายขนม ทำไมอยู่กับบ้าน” มินตราถามแล้วก็เริ่มเข้าใจอะไรดีขึ้น

บุษบาตอบไม่ได้ เพราะเธอขี้เกียจ จึงโกรธลูกสาวแล้วตบหน้าลูกสาว รู้สึกตัวอีกที มินตรามองหน้าแม่แล้วไม่พูดสักคำ ขึ้นรถทันที

คิลเลี่ยนไปเปิดประตูรั้วเตรียมถอยรถออกอยู่แล้ว กลับมาก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป บรรพ์เข้ามาเคาะกระจกพี่สาว เมื่อมินตราเลื่อนกระจกลง เขาก็รีบยกมือไหว้ขอโทษ

“ยกโทษให้พ่อแม่ด้วยนะครับ พี่ โทษผมก็ได้” บรรพ์ไม่ได้เป็นคนเขียนอีเมลไปหาพี่สาว แต่เป็นคู่แฝดเขาที่เป็นคนเขียน เขามารู้ทีหลังก็ตอนที่เงินเข้าแล้ว พ่อเขาเอาเงินมาให้ไปจ่ายค่าเทอมเป็นค่าปิดปาก เพราะพ่อก็โดนปิดปากเหมือนกัน ทั้งหมดแม่กับบรมเป็นคนจัดการ

“พี่รู้ว่าบูมไม่ทำกับพี่แบบที่คนอื่นทำหรอก แต่ตอนนี้พี่ทำใจไม่ได้ ให้เวลาพี่หน่อยเถอะ” มินตราพูดจบก็เลื่อนกระจกขึ้น และคิลเลี่ยนก็เห็นว่าน้องชายเธอถอยแล้ว เขาก็ออกรถ

บุษบารีบเดินมาหาลูกชายอีกคน แล้วถามทันที “พี่แกยังจะส่งเงินให้เราอยู่ไหม”

บรรพ์มองหน้าแม่แล้วกระแทกลมหายใจแรงๆ พูดอย่างโมโห “แม่เห็นพี่เขาเป็นเหมือนที่ผู้ชายคนนั้นพูดจริงๆ แทนที่จะห่วงว่าพี่เขาเป็นยังไง กลับห่วงกลัวไม่มีเงินใช้ ทำไมแม่ไม่ไปขายขนมล่ะ ไหนเมื่อวานแม่บอกว่าจะไปขายขนม ฉันกลับมาก็ตั้งใจว่าเก็บของแล้วจะไปช่วยขาย”

“แกก็อีกคน ก็ฉันเหนื่อยมานาน ขอพักมั่ง อีกอย่างไอ้บอมมันไม่ช่วยแม่เลย แม่แก่แล้วนะ” บุษบาก็เถียงข้างๆ คูๆ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเธอขี้เกียจไป เบื่อต้องไปมองหน้าคนทั้งตลาดที่หาว่าลูกสาวเธอไปขายตัว

บรรพ์ถอนหายใจยาว ได้แต่ทำใจ เขาอยู่สภาพนี้มานานแล้วก็เริ่มทำใจได้ ที่ผ่านมาใครๆ ก็เกรงใจพี่สาว แต่ตอนพี่สาวไม่อยู่ แต่ละคนสุขสบายจากความลำบากของพี่สาวจนเคยตัวหมด

“ถ้าแม่ไม่ขายก็เรื่องของแม่ก็แล้วกัน ฉันจะไปเตรียมของ ขนมอะไรที่แม่ทำได้ ฉันก็ทำเป็น เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปขายเอง เพราะฉันไม่มีเรียน แล้วไอ้บูมมันมีเรียน ทำไมมันไม่ไปเรียน” บรรพ์ถามแล้วก็เห็นแม่ส่ายหน้า

“มันมีเรียนเหรอ แม่ไม่รู้” บุษบาบอกตามตรง เธอไม่รู้ตารางเรียนของลูกชายอีกคน จริงๆ ก็คือไม่รู้ตารางเรียนของลูกคนไหน รู้แต่ว่าต้องจ่ายเงินให้ลูกคนไหนเท่านั้น

“แม่!!!” บรรพ์ถอนหายใจแรงๆ อีกรอบก่อนบนอย่างหมดอารมณ์ “ค่าเทอมก็แพงกว่าผมไม่รู้เท่าไร แทนที่มันจะตั้งใจเรียน กลับทำแบบนี้ มันคงได้เรียนแค่เทอมเดียวเนี่ยแหละ พี่มินต์ไม่ส่งเงินมาอีกแน่ ต่อให้พ่อป่วยจริงก็เถอะ ก็ให้ไอ้บูมไปโกหกพี่มินต์อย่างนั้น ครั้งหน้าถ้าเป็นจริงก็เข้าข่ายเด็กเลี้ยงแกะ พี่มินต์เขาไม่เชื่อแล้วล่ะ”

บุษบาถอนหายใจยาว ไม่รู้จะพูดยังไง อะไรที่ไม่ควรทำก็ทำไปแล้ว อะไรที่ต้องทำก็ไม่ได้ทำ ทำให้เธอปวดหัว

*****************************

หญิงสาวนั่งนิ่งตลอดทางที่อยู่ในรถ จนเขาพาเลี้ยวเข้าคอนโดฯ ก็ค่อยถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ๆ จากนั้นก็ลงจากรถแล้วขนกระเป๋าเดินทางของตัวเองลงจากรถ แล้วเดินตามเขาไป

“ยังจะคิดมากอีก ของแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้น่า” คิลเลี่ยนก็ปลอบในแบบของเขา เพราะเขาก็มีปัญหาครอบครัวเหมือนกัน แต่หนักที่เมืองไทยมากกว่า

“ค่ะ” มินตราไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเขา เธอก็เดินไปที่โซฟา จัดที่นอนบนโซฟา แล้วล้มลงนอนอยากพักจากความคิด

“ใจคอจะนอนที่โซฟาจนกว่าจะกลับอังกฤษเลยเหรอ” คิลเลี่ยนหยิบน้ำดื่ม แล้วกอดอกมองร่างบางที่ยึดโซฟาเป็นที่พักใจ

“ค่ะ” มินตราหันหน้าเข้าพนักพิง แล้วพยายามไม่ร้องไห้ แต่กลั้นไม่อยู่ก็ร้องไห้เงียบๆ พยายามไม่สะอื้น

คิลเลี่ยนนั่งลงที่ปลายเท้าเธอ แล้วพิงพนัก ก่อนจะก้มลงมอง “ไปนอนในห้องก็ได้ ฉันสัญญาจะไม่ดื่มเหล้า ถ้าวันไหนดื่ม ฉันจะนอนข้างนอกนี่เอง พอใจไหม”

มินตราหันมามองแล้วขมวดคิ้ว “นอนบนเตียงเดียวกันเหรอคะ”

“ใช่ และเธอก็ต้องทำตัวให้ชิน เพราะเราอาจต้องตอบคำถามเรื่องบนเตียง จำที่เราซ้อมกันที่โน้นได้ไหม เผื่อต้องตอบ ห้ามอายด้วย ไม่งั้นอาจมีพิรุธ” คิลเลี่ยนกำชับเธอ แล้วก็ส่งขวดน้ำเปล่าให้ ซ่อนความห่วงใยที่มีให้เธอ “ร้องไห้มาเยอะ ดื่มน้ำซะ แล้วไปล้างเครื่องสำอางออกด้วย สภาพเธอตอนนี้ พิศวาสไม่ลงจริงๆ”

มินตราฟังแล้วก็งอน ตีเขาไปแรงๆ สักพักก็เริ่มทุบเขา จนคิลเลี่ยนต้องจับไว้ แล้วเธอก็ร้องไห้โฮ ปลดปล่อยอารมณ์เศร้าเสียใจที่ตกค้าง

“พี่ไม่รู้หรือไงว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง แค่กอดฉันไม่ได้หรือยังไง” มินตราตะโกนใส่หน้าเขา แล้วเขาก็รวบเธอมากอด เธอจึงหยุดพูดแล้วกอดเขาแทน

“แค่นี้ใช่ไหม” คิลเลี่ยนกอดเธอแน่นขึ้นปล่อยให้เธอร้องไห้เสียให้พอ

มินตราปลดปล่อยอารมณ์อย่างเต็มที่ คิดถึงคำพูดของคิลเลี่ยนเรื่องเธอเชื่อคนง่ายเกินไป ซื่อตรงเกินไปจนกลายเป็น ‘ซื่อบื้อ’ ในที่สุด เธอกอดเขาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นนอนซบอกเขาอย่างเหนื่อยอ่อน

คิลเลี่ยนถอนหายใจช้าๆ ปล่อยให้หล่อนคิดเอง แล้วก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่ทิ้งเข้าหาเขาเรื่อยๆ เสียงร้องไห้เบาลง ดูเหมือนเธอจะสงบจิตใจได้มากขึ้น เขาก็เบาใจ

มินตราร้องไห้พอแล้วก็มีสติ ก่อนลุกเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วก็ล้มลงนอน เมื่อเขาให้เธอยึดที่นอน เธอก็ยึดเพราะเหนื่อยล้าเต็มที

คิลเลี่ยนกอดอกมองเธอนอนบนเตียง แล้วก็เอาผ้าห่มห่มให้ เขาเอาขวดน้ำวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วจะออกไปข้างนอก หล่อนก็หันมาคว้าเสื้อเขา เขาจึงขมวดคิ้วแล้วถาม “อะไรอีกล่ะ”

“อยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม” มินตราถามแล้วยังคงหันหน้าไปอีกทาง แอบซ่อนอารมณ์อ่อนไหว แม้รู้ดีว่าซ่อนยังไงก็คงไม่ได้ แต่ก็ละอายใจเกินกว่าจะแสดงออกให้ชัดเจน

“คงต้องได้แล้วล่ะ อีกไม่นานเธอก็จะเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของพี่นี่ แล้วอีกอย่างตอนนี้เธอก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่” คิลเลี่ยนอ้อมไปนั่งที่อีกด้านแล้วเปิดโทรทัศน์ ปล่อยให้หล่อนพักสายตาอย่างเงียบๆ

ใครหลอกลวงยังเจ็บปวด...ไม่เท่าคนในครอบครัวที่เราห่วงใย

*****************************

รถเลี้ยวเข้าที่จอดรถบริษัทหรู...ดาราประดับ คิลเลี่ยนให้มินตรายื่นบัตรเพื่อแลกเข้าไปที่จอด เขาไม่มีบัตรอะไรนอกจากพาสปอร์ต เพราะงั้นเขาก็ไม่คิดจะแลกบัตรใดๆ อยู่แล้ว เขาเลี้ยวรถสปอร์ตหรูที่เช่ามาในที่จอดรถ แล้วเดินแยกจากเธอเพื่อให้เธอไปเคลียร์ปัญหาของเธอก่อน

“เสร็จธุระแล้ว โทรหาพี่นะ” คิลเลี่ยนบอกมินตราที่นัดเจอทนายความของเธอเพื่อจัดการปัญหา และคิลเลี่ยนก็เป็นคนแนะนำทนายความให้ เพราะกลัวว่าทางนี้จะเล่นตุกติก

“ค่ะ” มินตราสวมแว่นตากันแดดเรียบร้อย แล้วก็เอากระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงที่ใส่เอกสารไปยังฝ่ายกฎหมายของบริษัท หลังพบกับทนายความของเธอแล้ว

สักพักก็ถูกพาไปยังห้องประชุมเล็กที่มีฝ่ายบัญชี ฝ่ายบุคคลและฝ่ายกฎหมายของบริษัท มินตราซักซ้อมกับทนายความเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เตรียมเอกสารมาพร้อมทุกอย่าง เรียกว่ารอให้ตีความเนื้อหาในแง่ของกฎหมายจนเห็นพ้องตรงกันแล้วก็เซ็นเอกสารจากนั้นก็ยื่นเงินก็เป็นอันจบ

“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลปิดเรื่องอย่างโล่งใจ

พอเสร็จแล้ว มินตรากับทนายความก็แยกย้ายกันไป เธอเดินออกมาจากตรงนั้น แล้วนัดแนะกับทนายความอีกรอบ เพื่อจัดการกับเอกสารอื่นอีก เพราะเธอต้องไปต่างประเทศอีกนาน จึงต้องการจัดการปัญหาที่เมืองไทย

มินตราถอดเสื้อนอกออก เผยเสื้อสีขาวเกาะไหล่ เธอจึงรวบผม เพราะด้านหลังเสื้อเผยผิวเนียน เปิดกว้างมีสร้อยสวยคล้องไหวตาการเคลื่อนไหว กระโปรงสีแดงสดสั้นสูงขึ้นมาเหนือเข่า เธอเอาเสื้อคลุมตัวนอกพาดแขนแล้วโทรหาคิลเลี่ยน

“ขึ้นลิฟต์ตัวขวาสุดแล้วใส่รหัสขึ้นมาเลย” คิลเลี่ยนรอพบพ่อเขาอยู่นานมาก กว่าพ่อเขาจะให้พบ แต่ก็ทำได้แค่นั่งรออยู่ในห้องทำงานเท่านั้น

สมเจตน์มองลูกชายคุยกับปลายสายก็รู้ว่าลูกชายพูดกับภรรยาที่จะพามาให้เขาดูตัว มันจะมีประโยชน์อะไร9hv’g0vภรรยาลูกชายหลังการแต่งงานไปแล้ว ถึงเขาแก้ไขได้ แต่ก็ขี้เกียจบังคับอีก เจ้าลูกคนนี้มันตัวแสบมานานแล้ว ตั้งแต่มันได้ไปอยู่เมืองนอกกับแม่มัน ก็แทบจะไม่สนใจเขาอีก

มินตราขึ้นลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน เพราะคิลเลี่ยนสอนให้เธอค่อยๆ เดิน ห้ามรนราน ห้ามวิ่งกระหืดกระหอบ และต้องดูมีมาดตลอดเวลา ห้ามทำท่าทางตื่นๆ เด็ดขาด

เมื่อขึ้นไปได้พัก ก็มีเพื่อนร่วมทาง เธอสวมแว่นตากันแดดอยู่แล้ว ทาลิปสติกสีแดงสด แต่งหน้าในแบบที่แตกต่างออกไป โชติมองหญิงสาวในลิฟต์ เห็นส้นสูงสีขาว เมื่อมองไล่มาเรื่อยๆ ก็นึกแปลกใจ คิดว่าคงจะมาแผนกประชาสัมพันธ์เพื่อคัดตัวเป็นพรีเซนเตอร์ให้บริษัทมากกว่า

หากลิฟต์ผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นเจ็ดชั้นบนสุด ชั้นผู้บริหาร ก็เริ่มนึกสงสัยแล้วว่าอาจเป็นเมียน้อยคนใหม่ของพ่อเขา เพราะผู้ชายที่น่าสนใจบนชั้นนี้ นอกจากเขาก็มีพ่อเขาเท่านั้น และเขาไม่รู้จักเธอ เพราะฉะนั้นจึงเป็นพ่อเขาแน่ๆ

“มาพบคุณพ่อผมเหรอครับ” โชติถามอย่างสุภาพ เมื่อเธอเดินออกจากลิฟต์พร้อมเขา ต่อให้ต้องสงสัยว่าเป็นเมียน้อยคนใหม่ของพ่อ แต่เขาก็ไม่อยากโดนพ่อตบกะโหลก จึงต้องระวังไว้ก่อน

มินตราถอดแว่นตากันแดดออก ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าเขาแล้วค่อยทักทาย “ไม่พบกันหลายเดือนเลยนะคะ คุณโชติ”

โชติตะลึงงันไม่คิดว่าจะเป็นมินตรา จึงถามอย่างสงสัย “มินต์กลับเมืองไทยแล้วเหรอ”

“ขอตัวก่อนนะคะ” มินตราไม่ตอบ เธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้วุ่นวาย แล้วเดินไปตามทางที่คิลเลี่ยนบอก แต่โชติไม่ปล่อยเธอง่ายๆ เดินตามเธอไป และมั่นใจว่าเธอต้องไปหาพ่อเขาแน่ๆ

“มินต์มาหาพ่อพี่ทำไม” โชติกลัวว่าเธอจะหาเรื่องมาให้เขา จึงพยายามขวางทาง อีกทั้งกลัวว่าเธอจะกลายเป็นเมียน้อยพ่อเขา ยิ่งทำให้เขาร้อนใจ

“ไม่ใช่ธุระของคุณ” มินตราตอบแล้วสวมแว่นตากันแดดอีกรอบ เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าเขาจะพยายามถ่วงเวลายังไง

“มินต์ พี่รู้ว่ามินต์โกรธ แต่อย่าหาเรื่องมาให้พี่เลยนะ” โชติพยายามกล่อมให้เธอบอกตามตรง กลับต้องขมวดคิ้วแล้วฟังเสียงหัวเราะของเธอแทน

“อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญนักเลยค่ะ คุณโชติ สำหรับฉัน อะไรที่มันจบ มันก็คือจบ ถึงฉันจะโง่แต่ไม่หน้าด้านหรอกนะคะ ที่ฉันมาที่นี่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ กรุณาอย่าวุ่นวายค่ะ” มินตราหยุดที่โต๊ะเลขา ก่อนแจ้งขอพบตามที่คิลเลี่ยนอธิบายไว้แต่แรก

เลขาฯ รับเรื่องมาแล้วว่ามินตราจะขึ้นมาพบ จึงเชิญเข้าไปด้านในทันที

มินตราเดินเข้าไปในห้อง แต่โชติกลัวว่าจะมีปัญหา เพราะแม่เขาต้องว่าแน่ ถ้ามินตรามาเป็นเมียน้อยอีกคนของพ่อเขา แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเพราะคิลเลี่ยนอยู่กับพ่อ ท่าทางกวนๆ ของคิลเลี่ยนทำเอาเขาหงุดหงิด

“มันมาทำไมครับ” โชติถามทันทีอย่างงุนงง

“ทักทายพี่ชายได้น่าประทับใจจริงๆ” คิลเลี่ยนพูดจบก็เดินไปโอบเอวมินตรา หอมแก้มสองข้าง แล้วพาเข้ามาแนะนำให้พ่อเขารับทราบฐานะของเธอ “นี่ครับภรรยาผม มินตรา เพียร์ซ”

“อะไรนะ!!!” โชติตกใจมาก ไม่คิดว่ามินตราจะกลายเป็นเมียของไอ้พี่ชายนอกคอก

“แกฟังไม่ผิดหรอก นี่แหละพี่สะใภ้แก” คิลเลี่ยนพูดแล้วก็โอบไหล่มินตราไว้ตลอดเวลา เมื่อคิลเลี่ยนแนะนำ มินตราก็ยกมือไหว้พ่อเขา ขยับแว่นให้โชติเล็กน้อยอย่างมีจริต

ใจของมินตรานั้นพยายามเก็บท่าทีให้สงบอย่างที่คิลเลี่ยนสอน เธอเคยเจอสมเจตน์แล้ว ตอนคบกับโชติ เขาเคยพาเธอไปทานข้าวที่บ้านบ้าง แต่แพรพลอยไม่ชอบเธอเท่าไรนัก เพราะฐานะทางสังคมของเธอไม่เหมาะสมกับครอบครัว หากตอนนั้นเธอก็มองโลกอย่างสวยหรู จึงมองข้ามมันไป ยามนี้ถึงเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรมากขึ้น

“ไม่เจอกันนาน เท่าที่ฉันจำได้ เมื่อก่อนเธอดูจืดกว่านี้มากนะ สงสัยเพราะเธอเข้าไปในโลกของคิลเลี่ยนมากเกินไปสินะ สีสันถึงได้จับอย่างนี้” สมเจตน์พูดขึ้นอย่างเข้าใจสถานการณ์ เจ้าลูกชายคนโตมันคงหาเรื่องน้องชาย จึงจับผู้หญิงคนก่อนของน้องชายมาทำเมีย สุดท้ายกลายเป็นจริงจัง

จะโทษใครได้...ก็หล่อนน่าฟัดเหลือเกิน

“ต้องอย่างนั้นแหละครับ ถ้าเธอไม่เหมาะสมกับโลกของผม ก็คงไม่ได้เป็นภรรยาผมหรอก” คิลเลี่ยนเป็นฝ่ายตอบทุกอย่าง เพราะไม่ต้องการให้เธอเผยพิรุธ

“บอกพี่สิว่า นี่ก็แค่เรื่องหลอกๆ น่ะ มินต์แค่ต้องการปั่นหัวพี่ใช่ไหม” โชติถามขึ้นเพราะรู้สึกขวางที่คิลเลี่ยนได้ครอบครองเธอ ทั้งที่เขาไม่เคยผ่านประตูบานนั้นไปได้

มินตรายิ้มที่มุมปากเท่านั้นแล้วไม่ตอบอะไร หางตาเธอยังไม่มองเขาด้วยซ้ำ ทั้งหมดเพราะคิลเลี่ยนช่วยฝึกเธอ สอนให้เธอรู้จักวางตัวมากขึ้น

“มินต์เขาไม่ได้อยากปั่นหัวแกหรอกนะ เขาอยู่กินกับฉันมาหลายเดือนแล้ว เขาจะอยากปั่นหัวแกทำไม” คิลเลี่ยนเป็นคนแก้แทนทุกเรื่อง รู้ว่ามินตราไม่เคยเข้มแข็งพอที่จะทำร้ายน้ำใจคน ทั้งหมดเป็นการแสดงเท่านั้น เขารู้ว่าในใจหล่อนคงสั่นเทาด้วยความกลัวมากกว่า

สมเจตน์มองสถานการณ์แล้วได้แต่สงบ เห็นมินตรามีท่าทีต่างไปจากเดิม คาดว่าหลังจากถูกโชติทิ้ง หล่อนคงเปลี่ยนไปมาก เพราะต้องดิ้นรนเองทุกอย่าง

“ได้ยินว่ามาจัดการเรื่องชดใช้ทุนเหรอ เรียบร้อยดีใช่ไหม” สมเจตน์ถามขึ้น เปลี่ยนเรื่องทะเลาะของพี่น้องเป็นเรื่องธรรมดาแทน

“ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ” มินตราตอบสั้นๆ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ให้มากที่สุด

คิลเลี่ยนกับโชติจึงสงวนท่าที แล้วรอฟังการสนทนาของมินตรากับสมเจตน์แทน แต่เวลาที่สบตาโชติ เขาก็ยิ้มกวนอารมณ์ให้ตลอดอย่างผู้ชนะ

“เอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ คิลเลี่ยนให้เหรอ” สมเจตน์ถามอย่างสงสัย ไม่คิดว่าลูกชายที่เป็นนักดนตรีของโรงแรมจะมีเงินมากอย่างนั้น ต่อให้เป็นโรงแรมหรูก็ตาม

“ยืมมาค่ะ” มินตราตอบสั้น ดูไม่ค่อยสนใจจะตอบเท่าไรนัก เพราะรู้มาจากคิลเลี่ยนแล้วว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ได้ดีนัก เธอไม่อยากอยู่ในสถานการณ์นี้นานนัก จึงชวนคิลเลี่ยนกลับ “เสร็จธุระหรือยังคะ พี่เค”

“เสร็จแล้วจ๊ะ เดี๋ยวเราแวะทานมื้อเที่ยงแล้วกลับคอนโดฯ ดีกว่านะ พี่น่ะ อยากใช้เวลาอยู่ที่คอนโดฯ มากกว่า มีอะไรให้เร้าอารมณ์เยอะกว่านะ” คิลเลี่ยนพูดแล้วยิ้ม จากนั้นก็สบตาโชติและคงรอยยิ้มที่มุมปากไว้

เขารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้โชติคิดว่าเขาเหนือกว่า เพราะโชติคบกับมินตรามาสี่ปี ไม่เคยได้แตะต้องใกล้ชิดเท่าเขา และเขารู้มาจากมินตรา เพราะเธอเล่าให้เขาฟังทุกอย่าง เงื่อนไขที่ว่าเธอจะมีอะไรกับผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยเท่านั้น ถึงเขากับมินตราจะใช้ชีวิตคู่เหมือนเพื่อน แต่โชติไม่รู้เรื่องนี้ด้วย เพราะงั้นเขาก็ยังสะใจที่ได้หยามอีกฝ่ายเรื่องนี้

“ผมขอตัวพามินต์กลับก่อนนะครับ” คิลเลี่ยนตัดบท เพราะปัญหาเขาแก้จบแล้ว ไม่ต้องแต่งงานกับลูกสาวหุ้นส่วนของพ่ออีก ก็น่าพอใจ

“อาทิตย์หน้าวันเกิดแม่ฉัน ย่าแกน่ะ แกต้องมาด้วย” สมเจตน์พูดขึ้นแล้วโบกมือไล่ทุกคนออกไปจากห้อง

คิลเลี่ยนทำหน้าเซ็งเล็กน้อย ก่อนลาพ่อแล้วโอบเอวพามินตราออกไป แต่โชติไม่ยอมแพ้ ตามมาหาเรื่องต่อ

“มินต์ พี่อยากคุยด้วย” โชติพูดกับคิลเลี่ยนไม่รู้เรื่องแน่ จึงขอคุยกับมินตราแทน

“อะไรที่ฉันอยากจะพูดกับคุณ คุณไม่เคยให้โอกาสฉันได้พูด คิดว่าฉันคงไม่จำเป็นต้องฟังสิ่งที่คุณอยากจะพูด ขอตัวค่ะ” มินตราพูดอย่างไม่แยแส แล้วกอดแขนคิลเลี่ยนเดินไปที่ลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิดออกก็เดินเข้าไปก่อน

คิลเลี่ยนเดินตามหลัง แต่หันหน้ามาหาโชติ ก่อนจะห้าม “เลิกตามรังควานเมียฉันสักที”

โชติพูดไม่ออก เมื่อลิฟต์ปิดไป เขาก็เตะประตูลิฟต์อย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินกลับไปหาพ่อเขา ขอเข้าพบพ่อ เมื่อพ่อให้เข้า เขาก็จะพูดและชะงัก

“หยุด!!!” สมเจตน์พูดเรียบง่ายเพราะรู้ว่าลูกชายจะพูดเรื่องอะไร “ถ้าแกจะพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับแฟนเก่าแกล่ะก็ อย่าบังอาจพูดออกมา แม่นั่นไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือแกอีกแล้ว ปล่อยให้หล่อนเป็นปัญหาของพี่ชายแกเถอะ”

“แต่!!!” โชติอยากจะพูดให้เข้าใจ

“ไม่มี ‘แต่’ แกเลือกจะทิ้งแม่นั่นแล้ว แกก็คงไม่หน้าด้านไปตามตื้อหล่อนหรอกจริงไหม ไปทำงานได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องหาเมียมาทำลูกชายคนใหม่ ไปให้พ้นหน้าฉันสักที” สมเจตน์ออกปากไล่อย่างรำคาญ แล้วดูเพชรบนโต๊ะเขาต่อ

เขาไม่อยากเสียเวลากับเรื่องคาวๆ ของลูกๆ เขา ลำพังชีวิตคาวๆ ของเขาก็วุ่นวายมากพอแล้ว

โชติออกมาจากห้องพ่ออย่างหงุดหงิด นึกถึงร่างบางในรูปลักษณ์ใหม่ก็หงุดหงิดอย่างแรง เมื่อนึกไปถึงรอยสัมผัสที่พี่ชายเขาล่วงล้ำไปแล้วแต่เขาไม่เคยได้โอกาส หรือเขาจะตัดสินใจผิดพลาด

*****************************

เมื่อออกมาจากลิฟต์ เธอกับเขาก็ไปขึ้นรถ เมื่อรถออกมาจากบริษัทดาราประดับไกลพอควร มินตราถอนหายใจอย่างแรงในรถ ทำให้คิลเลี่ยนหัวเราะ เมื่อเห็นหล่อนทำท่าทางโล่งใจ

“พี่เกือบเชื่อแล้วนะว่าเธอเปลี่ยนไปแล้ว” คิลเลี่ยนพูดขึ้น แต่ก็รู้ว่าเธอต้องพยายามควบคุมตัวเองแค่ไหน

มินตราฟังที่เขาพูดแล้วก็คิดถึงความรู้สึกในขณะพูดทุกอย่าง ก่อนมั่นใจว่าเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว จึงพูดอย่างเห็นด้วย “มินต์ว่ามินต์เปลี่ยนไปค่ะ”

คิลเลี่ยนฟังน้ำเสียงออก ก็แค่ยิ้มเท่านั้น ไม่พูดมาก เพราะรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เธอแสดงออกขณะพูด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์เลวร้ายในชีวิต หรือไม่อาจเป็นแค่ปฏิกิริยาตอบสนองที่เธอเกิดขึ้นจากการถูกทำร้ายซ้ำๆ ก็เป็นได้ เธออาจไม่ได้เปลี่ยน แต่กำลังปกป้องตัวเอง

‘ดีแล้วล่ะ อย่าให้ใครทำร้ายเธออีกเลย’

*****************************

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
มรสุมชีวิตของน้องมินต์เพิ่งจะลูกแรกเท่านั้น
จะมาอีกเป็นระลอกๆ ^^" อิอิ
สู้ตายค่ะ...ขอเพียงมีพี่เคเป็นแรงใจ อิอิ

ขอบคุณคอมเม้นจาก
พี่ตุ้งแช่ - แก้ให้จ้า แต่ยังไม่แก้ในเนตเด้อค่า 555+
คุณน้องแสตมป์ - กำลังหันกลับไปแก้อยู่ค่ะ ^^
คุณkonhin - น้องมินต์ถูกแกล้งแน่ค่ะ เดี๋ยวพี่เคก็ปกป้องและร่วมแกล้งด้วย
คุณจ๊ะจ๋า - ไม่เป็นไรค่ะ เก็บไว้รออยู่ค่ะ อิอิ
คุณใบบัวน่ารัก - ต้องดูต่อไปค่ะ ว่าอะไรเกิดขึ้นต่อนะคะ ^^
คุณนอนดูดาว - ขอบคุณค่ะ หุหุ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

ป.ล. กิจกรรมแจกเฮียพายเข้าไปดูด้วยนะคะ ที่หน้าเว็บบอร์ดค่ะ
ไม่มารับก็จะเก็บไว้เองนะคะ 555+

ป.ล. ตามหา 2 ท่านเพื่อรับเสื้อนะคะ
1. Furzan
2. smallman
ให้ติดต่อกลับมาด้วยนะคะ
เพราะส่งโปสการ์ดแล้วไม่เห็นตอบกลับมาค่ะ
ภายในวันที่ 20 มกราคม 2557 เที่ยงคืนนะคะ
ไม่อย่างนั้น ขออนุญาตแจกท่านอื่นนะคะ

**********************************
eBooks ผลงานที่ผ่านมานะคะ
1. ด้วยหัวใจ...พันรัก (229 บาท / 9.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2NiI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13221/ด้วยหัวใจ...พันรัก
- http://www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=98e88e8d-1760-42f1-9fc0-68fb86d1cbf2

2. เราสามคน..หนทางเดียว (159บาท / 6.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQyNyI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13203/เราสามคน..หนทางเดียว
- http://www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=9377205d-d30b-4542-a715-8c94c244c178

3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (159฿ / 6.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2OSI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13231/ตามตะวัน_ณ_จันทร์พันดาว
- http://www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=fbca2fe2-b27a-40f2-89fc-7c13c7cef35c

4. แผนร้ายในทางรัก (139บาท / 5.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDI2MyI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13179/แผนร้ายในทางรัก
- http://www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=e5a118b1-db26-481d-92ac-39322c29ef1d

5. ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา (129บาท / 5.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjMzOCI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/16015/ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา/
- http://www.ookbee.com/bookinfo.aspx?pid=cba390dc-5dee-4cb5-9f8b-1617d0011159



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2557, 11:15:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2557, 11:15:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 2253





<< Crying Villain ตอนที่ 1   Crying Villain ตอนที่ 3 >>
ตุ๊งแช่ 21 ม.ค. 2557, 11:53:44 น.
เปรี้ยวปรี๊ดดดดเลย หนูมินท์ 5555

เวรกรรมนึกว่าครอบครัวนางเอกจะดี ดันดีแตกซะงั้น กรรมๆๆ


konhin 21 ม.ค. 2557, 14:56:23 น.
โห บ้านเธอช่าง ...


sai 21 ม.ค. 2557, 16:25:29 น.
น่าติดตามคะพี่บี ชอบๆๆๆ


น้องแสตมป์ 21 ม.ค. 2557, 17:09:06 น.
น่าสงสารนางเอกนะ พื้นฐานครอบครัวดูเหมือนจะธรรมดาแต่แอบรันทด พี่เคช่วยน้องด้วยนะคะ


ใบบัวน่ารัก 21 ม.ค. 2557, 18:59:38 น.
เป็นครอบครัวที่น่าสงสารจังทั้งคู่นั้นหละ
ใจแข็ง แข็งใจไว้นะมินตรา


นักอ่านเหนียวหนึบ 22 ม.ค. 2557, 00:28:24 น.
น่าสงสาร
ยังดีที่มีพี่เค
อยู่ข้างๆ เค้าตลอดไปนะฮับ


คิมหันตุ์ 22 ม.ค. 2557, 01:16:30 น.
เอาใจช่วยจ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account