หวานรักจอมบงการ
พ่อและแม่ของเธอไว้ใจฝากลูกสาวไว้กับลูกชายของเพื่อนสนิทในขณะที่พวกเขาไม่อยู่ หารู้ไม่ว่า คนที่(คิดว่า)ปลอดภัยที่สุด อาจเป็นคนที่อันตรายที่สุดก็เป็นได้!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: กินในที่ลับ[1]

หวานรักจอมบงการ

ตอนที่ 4 : กินในที่ลับ[1]

...............................

ชายหนุ่มกอดปลอบร่างบางอยู่นาน โดยที่มีเล็กๆทั้งสองข้างกำเสื้อของชายหนุ่มไว้แน่น จนกระทั่งเสียงสะอื้นของหญิงสาวเริ่มหายไป มาลีนหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะค่อยๆผละออกจากอกแกร่งช้าๆ

“คุณดีขึ้นแล้วใช่ไหม มาลีน”

“ค่ะ” มาลีนตอบเบาๆ ก่อนที่จะหลุดหัวเราะออกมาทั้งๆที่คราบน้ำตายังติดอยู่เต็มตรงใบหน้า “ขอโทษด้วยนะคะท่านประธาน ฉันทำเสื้อคุญเปียกไปหมดเลย”

โจเซฟก้มลงมองเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของตัวเองที่เปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาของหญิงสาวเป็นวงใหญ่ ก่อนจะเงยหน้ากลับไปมองใบหน้าหวานที่กำลังเช็ดน้ำตาตัวเองอยู่อีกครั้ง

“ถ้าตอนนี้มันทำให้คุณยิ้มได้ ผมก็โอเคน่ะนะ” โจเซฟยิ้มละมุน “ว่าแต่... คุณอยากจะยิ้มอีกไหม คราวนี้ผมยอมให้คุณทำเปียกวงใหญ่กว่าเดิมเลย” ชายหนุ่มพูด แล้วหัวเราะเมื่อเห็นตากลมโตค้อนให้อย่างไม่จริงจังเท่าใดนัก

“ขอบคุณมากนะคะที่รับฟังฉัน”

“คุณก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งของผมนะมาลีน คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็มาบอกผมได้ เหมือนอย่างวันนี้น่ะถูกต้องแล้ว” มือหนาเอื้อมไปจับมือบางที่วางอยู่บนตัก แล้วบีบเบาๆให้กำลังใจ “แต่ถ้าจะให้ดี ผมอยากช่วยคุณมากกว่าแค่รับฟังนะ ปัญหานี้มันใหญ่เสียจนผมมองข้ามมันไปไม่ได้”

“คุณไม่ต้องช่วยอะไรฉันแล้วก็ได้ค่ะโจเซฟ คุณพ่อต้องการแบบนั้น และใครก็เปลี่ยนใจท่านไม่ได้ นอกจากจะมีสิ่งที่ดีกว่า”

“อย่าว่าผมอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ผมไม่ได้หมายความว่าอยากให้เมแกนแต่งงานกับเพื่อนคุณลุงแทน แต่ทำไมคนคนนั้นถึงต้องเป็นคุณด้วยล่ะ ในเมื่อเมแกนก็ไม่ได้มีใครเหมือนกัน และเขาก็เป็นพี่สาวคุณด้วยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนสงสัย

“เมแกนเป็นคนเอาแต่ใจ คุณก็รู้นี่ค่ะ ฉันไม่ได้บอกว่าฉันดีกว่าเมแกนนะ แต่ฉันก็ยอมคุณพ่อมาตลอด ไม่แปลกเลยว่าทำไมคุณพ่อถึง... ต้องเลือกฉัน” เสียงหม่นของหญิงสาวทำเอาใจเขากระตุกด้วยความสงสาร หากเขาเป็นเธอจะรู้สึกอย่างไรนะ ที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้มีความรักเข้ามาเอี่ยวด้วยเลย

“ผมว่าคุณลองพูดตรงๆกับคุณลุงก่อนดีไหมว่าคุณไม่อยากแต่งงาน”

“แต่บริษัทฉันมัน...” มาลีนหยุดพูดไปแค่นั้น แต่คู่สนทนาก็เข้าใจดีในสิ่งที่เธอไม่ได้เอ่ยมันออกมา

“คุณเชื่อใจผมไหม” หลังจากที่เงียบกันไปอยู่นาน ในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยถามคำถามออกมาเมื่อเขาเริ่มเห็นทางจะช่วยคนที่เป็นเหมือนน้องสาวแล้ว มาลีนทำหน้าฉงน ก่อนที่จะเอ่ยถามกลับไป

“ทำไมเหรอคะ”

“ตอบมาเถอะครับ เชื่อใจผมไหม” ชายหนุ่มรบเร้าเอาคำตอบ

“...ก็ต้องเชื่อสิคะ” ร่างบางทีก้มหน้างุดตอบออกมาเสียงแผ่วเบา หลังจากที่ตอนแรกยังดูลังเลอยู่ แต่โจเซฟก็เหมือนที่พึ่งสุดท้ายของเธอ ถ้าเขาช่วยเธอไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครช่วยเธอได้อีก แต่อีกใจก็นึกห่วง ไม่อยากจะเป็นภาระให้กับชายหนุ่ม

“ดีครับ ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้ผมจะเข้าไปหาคุณลุง คุณพาผมไปนะ” ชายหนุ่มบอก พลางยิ้มอ่อนโยนส่งไปให้ร่างเพรียวระหงที่มองหน้าเขาด้วยความตกใจ

“คุณจะทำอะไรเหรอคะ!?”

“ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ ไม่ต้องกังวลหรอก วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ผมคิดออกแล้วนะ ยังไงก็สำเร็จ” ชายหนุ่มพูดเจือรอยยิ้ม สีหน้าที่ดูมั่นใจเกินร้อยนั่น ทำให้หญิงสาวเริ่มวางใจว่าเขาต้องช่วยเธอได้ไม่มากก็น้อย บางทีอาจจะไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่เธอกังวลก็ได้ มาลีนมองชายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ เขาเป็นเหมือนพี่ชายแสนอบอุ่นของเธอจริงๆ

“ขอบคุณจริงๆนะคะ” แววตามาลีนสื่อออกมาอย่างจริงใจ

“อย่ามองผมแบบนั้นเลยมาลีน เหมือนผมจะดูเป็นคนดีเกินไป” ร่างหนาที่เอามือรองศีรษะเอนตัวพิงเบาะสบายๆเพราะคิดหาทางออกได้แล้ว หัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“คุณน่ะ ฉันอุตส่าห์ซึ้งแท้ๆเลย” หญิงสาวค้อนให้ชายหนุ่มอย่างไม่จริงจังเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน เพราะเขาชอบแหย่เธอเหลือเกิน

“ไหนๆวันนี้ผมก็ไม่มีประชุมแล้ว เราออกไปไหนกันดีไหม ไปฟรี กินฟรี ใช้เงินฟรี ผมออกให้หมดเลย ถือซะว่าเลี้ยงปลอบใจน้องสาวดีมั๊ย?” มาลีนมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างขอบคุณ ที่เขาพยายามจะทำให้เธอไม่คิดมาก

“ถึงไม่มีประชุม คุณก็ต้องเคลียร์เอกสารไม่ใช่เหรอคะ” หญิงสาวบุ้ยปากไปทางโต๊ะทำงานร่างสูง ที่มีแฟ้มงานกางค้างไว้อยู่จำนวนหนึ่ง ข้างๆกันก็มีแฟ้มตั้งกองเรียงไว้อยู่ไม่น้อย

“แหม่ หลังจากไปหาคุณลุงเสร็จค่อยกลับมาทำก็ได้น่า ไหนๆช่วงนี้เราก็ไม่ค่อยได้ออกไปทานข้าวกันเท่าไหร่นี่ เดี๋ยวผมโทรชวนแก๊งค์เราไปด้วยดีกว่า ไม่รู้มีคนไหนว่างบ้าง” ว่าจบ มือหนาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก เท่าที่เธอฟัง บางคนก็ว่าง บางคนก็ไม่ว่าง บางคนก็ว่าจะตามไปทีหลัง แต่สรุปแล้ว จากที่เขาโทรไปหาเพื่อนๆแล้วน่าจะซักเจ็ดแปดคน ถ้ารวมคนที่จะตามมาทีหลังแล้วก็ประมาณห้าคนเห็นจะได้ หญิงสาวคำนวณอยู่ในใจ

“ไปเถอะ ผมนัดพวกเขาไว้ที่ร้านประจำนั่นล่ะ ช่วงที่ยังไม่ถึงเวลานัดเราก็ไปเดินเที่ยวกันก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มว่า พลางยืดเส้นยืดสายไปด้วย

“ฉันว่าก่อนจะถึงเวลานัด คุณไปเคลียร์เอกสารก่อนดีกว่านะคะ ได้สักนิดหนึ่งก็ยังดี กลับมาจะได้ไม่เหลือเยอะ ฉันรอได้ค่ะ”

“ไม่เอา ผมไม่อยากทำตอนนี้ ไปเที่ยวกันเถอะ” ชายหนุ่มโอดครวญอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะฉุดข้อมือเธอให้ลุกขึ้นตาม หยิบกระเป๋าสะพายของหญิงสาวมาถือไว้เอง แล้วรุนหลังเธอให้เดินไปยังประตู

“เดี๋ยวผมจะเข้าบริษัทอีกทีตอนเย็นนะโซเฟีย มีเอกสารอะไรก็ไปวางไว้บนโต๊ะผมได้เลย ผมจะออกไปธุระข้างนอกหน่อย” โจเซฟสั่งเลขา เมื่อเดินมาถึงโต๊ะทำงานของเธอ

“ได้ค่ะบอส คุณมาลีนสวัสดีค่ะ” โซเฟียหันไปกล่าวลาเพื่อนสาวของเจ้านาย เพราะคิดว่าตอนเย็นมาลีนคงไม่ได้กลับเข้าบริษัทกับเจ้านายของเธออีกแน่ๆ

“สวัสดีค่ะคุณโซเฟีย” มาลีนยิ้มหวานตอบกลับไป โซเฟียแอบสังเกตเห็นว่าตาของมาลีนบวมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทันได้ทักอะไร

โจเซฟแตะที่เอวบางเบาๆ พาหญิงสาวข้างกายเดินไปยืนรอลิฟต์ พร้อมๆกับที่มาลีนคว้ากระเป๋าจากมือชายหนุ่มมาถือไว้เอง เลขาสาวมองตามคนทั้งคู่ไปด้วยความรู้สึกชื่นชมในความเหมาะสมของทั้งคู่ แต่ก็รู้ว่าทั้งสองเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันเท่านั้น โซเฟียจึงได้แต่แอบเชียร์อยู่เงียบๆในใจ



“มาลีน คุณตาบวมน่ะ” โจเซฟบอก เมื่อทั้งคู่ขึ้นมานั่งบนรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ตายแล้ว! ทำไมคุณไม่บอกฉันตั้งแต่อยู่ข้างบนล่ะคะ เดินผ่านพนักงานมากี่คนแล้วเนี่ย อายเขาตายเลย” มาลีนจับใต้ตาตัวเองก็ยังรู้สึกได้ว่ามันบวมตุ่ยออกมา ก่อนจะหันไปโวยใส่คนข้างๆอย่างไม่จริงจังนัก แล้วควานหารองพื้นในกระเป๋าพร้อมทั้งกระจกเล็กๆไซส์พกพาขึ้นมาจัดการปกปิดร่อยรอยบริเวณตาของตัวเอง

โจเซฟมองคนตัวเล็กแต่งหน้าอยู่ครู่หนึ่ง จนเธอหันมาถลึงตาใส่เขา ชายหนุ่มขำน้อยๆ แล้วจึงค่อยขับรถออกจากลานจอดรถไป



.................................................................................................................


ร่างบางที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงชิ้นเดียวติดกาย นอนคว่ำหน้า กางแขนกางขามุดตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่อย่างสบายเต็มที่ ก่อนจะรีบโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอน

“ไปไหนมา” เจ้าของใบหน้าหวานเอ่ยถามชายหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามา และทิ้งตัวลงนั่งอยู่ที่ขอบเตียงฝั่งที่เธอนอนอยู่

“ไปโทรสั่งงานมา เดี๋ยวตอนเที่ยงๆจะเข้าไปประชุมที่บริษัท” ร่างหนาที่ใส่เพียงกางเกงนอนตัวเดียวสอดตัวเข้ามาภายในผ้าห่มผืนเดียวกันกับหญิงสาว ก่อนจะคว้าร่างบางอันเป็นที่รักเข้ามากอดอย่างแนบแน่น แล้วจุมพิตที่หน้าผากเนียนเบาๆอย่างแสนรัก

“ทำไมไปนานจัง เขาตื่นมาก็ไม่เห็นคริสแล้ว” คริสตินสะบัดเสียงใส่ชายหนุ่มอย่างลืมตัว ก่อนจะกอดกระชับชายหนุ่มกลับไป แล้วซุกหน้าอยู่กับอกแกร่ง

“วันนี้เข้าบริษัทกับฉันไหม” คริสโตเฟอร์ไม่ได้ตอบประโยคเมื่อครู่ของหญิงสาว แต่ยิงคำถามกลับไปแทน

“ไม่เอา วันนี้นัดเพื่อนไว้ตอนสิบเอ็ดโมง” คริสตินเงยหน้าขึ้นตอบ ก่อนจะพูดดักชายหนุ่มไว้ทันที เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะอ้าปากพูด “สามคน เป็นผู้หญิงหมดเลย จะไปทำผม ทำเล็บ แล้วก็ไปทำสปาต่อ กลับไม่เกินสองทุ่มหรอก”

“งั้นเดี๋ยวไปส่ง” คริสโตเฟอร์ยิ้มขันเมื่อร่างนวลเนียนชิงตอบคำถามเขาก่อน ก่อนจะอาสาเป็นคนไปส่ง เมื่อเห็นว่าเวลาไล่เลี่ยกับที่เขาจะเข้าบริษัทพอดี

นอนกอดกันแน่นโดยไม่พูดอะไร สักพักก็เป็นชายหนุ่มที่เริ่มจะรู้สึกไม่ปกติ เมื่อสัมผัสได้ถึงหน้าอกนุ่มนิ่มที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวขวางกั้นกำลังแนบอยู่กับอกเปลือยของเขา ก้มลงมองหน้าเนียนใสก็พบว่าเธอมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อคนตัวเล็กเห็นเขามองมาก็ยิ้มหวานให้ จนคนตัวโตกว่าอดใจไม่ไหว เคลื่อนตัวขึ้นคร่อมร่างเย้ายวนไว้ จนร่างเล็กตกใจ

“ขอแบบ’เมื่อคืน’อีกครั้งนะ ที่รัก”จบคำ ร่างเล็กก็โดนปิดปากจนค้านอะไรออกไปไม่ทัน นึกถึง ‘เมื่อคืน’ คนตัวเล็กก็หน้าแดงขึ้นมาทันทีราวกับสั่งได้

อ๊ะๆๆ! อย่าเพิ่งคิดกันเชียวนะว่าคุณหนูเลสลี่อย่างเธอโดนทำอะไรๆอย่างว่าแล้วน่ะ ไม่จริ๊ง ไม่จริง เธอยังไม่ได้โดนคนเจ้าเล่ห์จับกินแต่อย่างใด เพราะชายหนุ่มเขาให้คำจำกัดความว่า ‘ชิม’ เฉยๆ แต่แค่คำว่าชิมของเขานี่เล่นเอาเธอหายใจติดขัด และรู้สึกวูบๆวาบๆแปลกๆจนตัวเองยังตกใจที่รู้สึกดีกับสัมผัสของเขาได้ขนาดนี้

เมื่อวานเธอมาดูหนังในห้องที่มีจอใหญ่ๆราวกับโรงหนังขนาดย่อมในคอนโดของเขาจนดึกดื่น ขี้เกียจกลับ จึงโทรไปบอกแม่บ้านคนสนิทของเธอว่าจะค้างกับคริสโตเฟอร์ ก่อนที่จะขโมยเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขามาใส่โดยไม่แตะชุดนอนที่เธอเคยทิ้งไว้ในห้องของเขาเลยสักนิด เพราะเคยต้องไปค้างกับคริสโตเฟอร์ที่ต่างจังหวัดโดยกะทันหันเมื่อไม่นานมานี้ เลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าไป ชายหนุ่มเลยให้ยืมเสื้อมาใส่ก่อน พอเห็นว่าใส่สบายดีเลยอยากจะใส่อีก คิดว่าชุดนอนในตู้เสื้อผ้าของเธอจะโละทิ้งให้หมด แล้วเปลี่ยนมาเป็นเสื้อเชิ้ตใส่นอนแทนแล้วเนี่ย

เอาเถอะ ช่างเรื่องชุดนอนก่อน หลังจากที่เธอเดินออกมาจากห้องแต่งตัวก็เห็นร่างสูงนั่งเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง ท่อนล่างสวมกางเกงนอนขายาวตัวเดียวกำลังเช็ดผมและนั่งหันหลังให้เธออยู่ เห็นแผ่นหลังเขาก็ใจเต้น มัดกล้ามของเขาเซ็กซี่สุดๆ จนเธอต้องเสมองไปด้านอื่นแทนแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆเขา

คริสโตเฟอร์เหลือบมองมาที่เธอแล้วชะงักไป ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดผมผืนใหม่ในห้องแต่งตัวมาเช็ดให้เธออย่างเบามือ ทำเอาคนตัวเล็กเคลิ้มจะหลับ แต่ก็ถูกปลุกด้วยจุมพิตที่ต้นคอจากด้านหลังเสียก่อน

‘อย่าเพิ่งหลับสิ ขอชิมก่อน’ หลังประโยคนี้แหละนะ ทำให้เธอรู้ว่าการชิมของเขาคืออะไร... ก็คือการจับนั่น แตะนู่น บีบนี่ แถมยังจุมพิตไปทั่วร่างเธอน่ะสิ เล่นเอาหญิงสาวแดงช้ำไปทั้งตัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเพลินไปกับสัมผัสของเขาล่ะนะ คนเจ้าเล่ห์ทำการชิมอยู่นาน ก่อนจะผละริมฝีปากและมือออกจากร่างงาม แล้วช่วยติดกระดุมบางเม็ดที่หลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ให้ครบทุกเม็ด ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบกระโดดลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรีบเร่ง

รอเกือบครึ่งชั่วโมงร่างหนาก็ยังไม่ออกมากกกอดเธอเสียที คนที่ง่วงอยู่แล้วก็สะลึมสะลือ เห็นลางๆเพียงว่าร่างแกร่งเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมถือเสื้อผ้าที่เธอถอดทิ้งไว้แล้วลืมเก็บออกมาใส่ตระกร้าเสื้อผ้าที่จะนำไปซัก อีกมือก็ถือชุดชั้นในของเธอเดินออกนอกระเบียงไป ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาซักและนำไปตากให้เธอ คิดมาถึงตรงนี้ก็อายใช่เล่น ก่อนที่จะรู้สึกเพียงว่าโดนสวมกอด จากนั้นเธอก็หลับไปเลย ตื่นมาอีกทีเขาก็ไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว

กลับเข้าสู่ปัจจุบัน คนตัวโตก็ยังซุกไซร้คอสาวไม่ยอมหยุด มือหนาทั้งสองข้างทำหน้าที่อย่างดีไม่แพ้กัน ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคนใต้ร่างบิดเร้าอย่างได้อารมณ์ ก่อนที่ปากหนาจะเคลื่อนลงต่ำอยู่แถวๆก้อนเนื้อนุ่ม กดจุมพิตผ่านเสื้อเชิ้ตบางๆจนหญิงสาวผวากอดคอแกร่งแน่น ทำนั่น ทำนี่ไปเรื่อยๆ ก็ถึงจุดที่เขาคิดว่าควรจะหยุดเสียที

ปากหนาผละออกจากทรวงอกนุ่มนิ่มไซส์ใหญ่เกินตัวของสาวเจ้าอย่างอ้อยอิ่ง ควบคุมอารมณ์ของตน ก่อนจะกระซิบเสียงพร่าใกล้ใบหูจนร่างบางขนลุกซู่

“ไปอาบน้ำเตรียมตัวทานข้าวกัน เดี๋ยวฉันจะไปใช้ห้องน้ำข้างนอกก่อน” คริสโตเฟอร์บอก ก่อนจะตัดใจหยัดตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มแล้วลงจากเตียง

“ห้องน้ำข้างนอกไม่มีที่อาบน้ำไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวก้มหน้างุด เอาผ้าห่มคลุมทั้งตัวไว้อย่างเขินอายกับสิ่งที่ปล่อยให้ชายหนุ่มกระทำกับเธออีกครั้งโดยที่ไม่ได้ห้ามปรามก่อนหน้านี้

“อย่าถามมากน่า รีบไปอาบน้ำเถอะ” จู่ๆใบหน้าคมคายก็แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างกับหญิงสาวริมีรักแรกเสียอย่างนั้นกับคำถามที่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยของเธอ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปเพราะกลัวจะอดใจไม่ไหว กระโดดตะครุบเหยื่อกินบนที่นอนเสีย

ร่างบางได้แต่นั่งทำสีหน้างงงวยอยู่บนเตียง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายตามที่ชายหนุ่มบอก หลังจากถอดเสื้อเชิ้ตที่ติดกายอยู่เพียงชิ้นเดียวออก และเดินมาหน้ากระจกเพื่อแปรงฟันก็ต้องตกใจที่เห็นรอยแดงอยู่ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นต้นคอ เนินอก หน้าท้อง หรือแม้กระทั้งต้นขาก็ไม่เว้น จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปหาชายหนุ่มให้เขาดูว่าเธอแพ้อะไรหรือเปล่า ถึงมีรอยแดงขึ้นตามตัวเยอะขนาดนี้!

เปิดประตูห้องแต่งตัวออกก็เห็นร่างแกร่งนั่งเอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่าอยู่ริมเตียง คงจะเตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำต่อจากเธอ แต่ตอนนี้ไม่สนอะไรแล้วล่ะ!

ร่างบางที่กำลังทำสีหน้าวิตกกังวล(เกินเหตุ) รีบเดินเข้าไปนั่งลงกับตักแกร่ง ก่อนจะถามถึงสาเหตุของรอยแดงตามร่างกายอย่างร้อนรน

“คริส เค้าเป็นอะไรก็ไม่รู้อ่ะ ทำไมมีรอยแดงๆขึ้นเต็มตัวเค้าไปหมดเลย ดูสิ!” ไม่พูดอย่างเดียว แต่มือเล็กก็ทำการชี้รอยแดงๆตามแขนขา ลำคอ แถมยังดึงคอเสื้อโชว์รอยแดงที่เนินอกให้ดูไปด้วย จนคริสโตเฟอร์ต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า...” ร่างสูงตอบเสียงพร่า แต่สายตาไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าหวาน เพราะกำลังจดจ้องอยู่ในตำแหน่งที่ร่างบางเปิดคอเสื้อให้ดู แม้ว่าเธอจะปิดมันแล้วก็ตาม ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีแรงปะทะที่ใบหน้าไม่เบา

เพี๊ยะ!!

“มองอะไร เดี๋ยวเหอะ!” คริสตินมองใบหน้าของคนหื่นกามตาเขียว ก่อนจะเพ่งจุดสนใจกลับไปยังรอยแดงของตนอีกครั้ง “จะไม่เป็นไรได้ไง เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ไม่รู้แพ้อะไรหรือเปล่า” ร่างเล็กยังไม่คลายความกังวล

คริสโตเฟอร์ยกมือลูบหน้าที่เพิ่งโดนมือบางตบไปเมื่อครู่ของตัวเอง พลางมองใบหน้าหวานอย่างเหลือเชื่อ ให้ตาย! ทำเอาเขาอึ้งไปเกือบนาที ชายหนุ่มที่ยังคงงงๆอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ ค่อยๆเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก มองใบหน้านวลเนียนที่พลิกแขนไปมาดูรอยที่เขาเป็นคนทำไว้ด้วยตัวเอง

“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ไม่เชื่อดูนี่...” มือหนาคว้าข้อมือเล็กขึ้นมา

“ว้าย! คริส จะทำอะไรน่ะ!?” มือบางทำท่าจะชักกลับ แต่มีหรือคนตัวโตจะยอม ดึงแขนร่างบางขึ้นก่อนจะกดจุมพิตที่แขนเรียวบางให้ดูเป็นตัวอย่าง

เมื่อชายหนุ่มถอนจุมพิตออก ก็ปรากฏรอยแดงที่เหมือนกันกับจุดต่างๆที่เธอกังวลก่อนหน้านี้จนหญิงสาวทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ

“อย่ากังวลเลย ก็แค่โรคคนมีเจ้าของแล้วเท่านั้นเอง” ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ ก่อนจะยกร่างนุ่มนิ่มออกจากตักแกร่งของตนแล้วลุกขึ้นผิวปากเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ ส่วนคนที่นั่งอยู่ในห้องก็หน้าแดง เข้าใจทันทีว่าสาเหตุของรอยแดงที่เธอกังวลมันเกิดจากอะไร ก่อนจะตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด

“วันนี้เค้าต้องไปทำสปานะ คนบ้า!”



.................................................................................................................



“สวัสดีครับคุณลุง” โจเซฟที่เดินเคียงข้างมาลีนเข้ามายังห้องนั่งเล่นเอ่ยทักทายคนที่นับถือเหมือนลุง ก่อนที่ชายแก่จะยิ้มต้อนรับ แล้วผายมือเชิญให้นั่งลงที่โซฟา ด้วยความคุ้นเคย เพราะรู้จักมักคุ้นกันพอสมควร

“ไม่ได้เจอเสียนาน เป็นไงบ้าง สบายดีนะ” ไมเคิล ผู้เป็นบิดาของมาลีนเอ่ยถามไปด้วยความเอ็นดู และตามมารยาทที่ควรจะเป็น ก่อนจะดึงแขนลูกสาวให้นั่งลงข้างๆ เท่าที่รู้จักกันมา ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนขยันทำงาน และมีหัวคิดทันสมัยดี อีกไม่กี่ปีข้างหน้าคงไม่ต้องคาดเดาให้ยาก เพราะโจเซฟคงเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจและน่ากลัวคนหนึ่งทีเดียว

“ผมสบายดีครับ คุณลุงล่ะครับ” โจเซฟตอบกลับแล้วถามคำถามตามหลังไป มองใบหน้าอ่อนโยนใจดีของชายวัยห้าสิบต้นๆก็ไม่อยากคิดว่าจะยกลูกสาวให้คนอื่นได้ง่ายๆ ใจคนยากแท้หยั่งถึง อาจจะมีอะไรที่ทำให้เขาจำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้

“...ช่วงนี้ก็ยุ่งๆหน่อยน่ะ” ชายสูงอายุกว่าตอบได้ไม่เต็มเสียง ก่อนจะเปลี่ยนประเด็น เพราะไม่อยากจะพูดถึงปัญหาภายในครอบครัวที่ตนยังหาทางแก้ไม่ได้ให้คนอื่นได้รับรู้ “แล้วที่มาหาลุงนี่มีอะไรหรือเปล่า”

โจเซฟเหลือบตามองหญิงสาวที่มองมาทางเขาก่อนอยู่แล้ว สีหน้าเธอดูกังวลกับเรื่องที่เขาจะพูด ชายหนุ่มเลือกที่จะเบนสายตากลับไปยังบิดาของมาลีนอีกครั้ง ก่อนจะพูดในสิ่งที่เขาคิดว่าพอจะช่วยเธอได้ในตอนนี้

“คุณลุงพอจะจำ ฟาเบียน เลย์มอนด์ เพื่อนนักธุรกิจของผมที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้อยู่ใช่ไหมครับ” โจเซฟเกริ่นนำ

“จำได้สิ เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ขนาดนั้น ต่อให้เราไม่เคยเล่าให้ฟัง ลุงก็ต้องรู้จักอยู่ดีน่ะแหละ” ไมเคิลเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงชื่นชม ฟาเบียน เลย์มอนด์ ถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอีกคนหนึ่งในฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ คนในแวดวงธุรกิจรู้จักเขาเป็นอย่างดี

“ครับ ตอนนี้เพื่อนผมเขาสนใจเกี่ยวกับธุรกิจดาวเทียมพอดี เลยอยากจะลองเจรจาซื้อหุ้นจากบริษัทคุณลุงจำนวนหนึ่งน่ะครับ ฟาเบียนรู้มาว่าผมรู้จักกับคุณลุงเลยอยากให้ผมมาถามคุณลุงก่อนว่าสนใจไหม”

“ว่าไงนะ!” คนทั้งสองต่างตกใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มบอก โดยเฉพาะไมเคิลที่ยังไม่แน่ใจในสิ่งที่โจเซฟพูดว่าจริงหรือไม่ ใครจะมาสนใจบริษัทที่ตอนนี้ไม่ได้ไกลห่างคำว่าจะล้มละลายเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักธุรกิจที่มีทรัพย์สินเป็นหมื่นๆล้านอย่างฟาเบียน เลย์มอนด์ด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปกันใหญ่

มาลีนที่มองหน้าชายหนุ่มอย่างเหลือเชื่อ แอบเห็นร่างสูงขยิบตาส่งมาให้ก็พอจะเข้าใจว่าเป็นการช่วยเหลือของเขาอย่างที่เขาบอกเธอไว้ ใจหนึ่งก็นึกโล่งเพราะพ่อต้องยอมตกลงอย่างแน่นอน แต่อีกใจก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณทั้งโจเซฟ และเพื่อนของเขาอย่างใหญ่หลวงจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนด้วยอะไรดีถึงจะสาสม คนที่เหมือนกำลังจะตกเหว แล้วมีมือมาคว้าไว้ให้ช่วยขึ้นไปยืนบนพื้นดินได้ใหม่อีกครั้ง เหมือนได้ชีวิตใหม่ที่สดใสขึ้นกว่าเดิม

หญิงสาวน้ำตาคลอเบ้า ความซาบซึ้งและความตื้นตันใจไหลทะลักเข้ามา จนคนที่อารมณ์อ่อนไหวง่ายอย่างมาลีนตั้งรับแทบจะไม่ทัน เห็นแววตาอ่อนโยน และรอยยิ้มมุมปากที่ส่งมาให้จากคนตัวโตทำให้มาลีนใจสั่นไหวด้วยความปีติ ก่อนที่มือบางจะรีบเช็ดน้ำตาลวกเพื่อไม่ให้คนเป็นพ่อสังเกตเห็นความอ่อนแอของตน



“สวัสดีครับมิสเตอร์แฟรงค์” เสียงทุ้มของชายสูงอายุที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเอ่ยทักทายขึ้นเมื่อปลายสายกดรับ ก่อนจะพูดต่อ เมื่อได้ยินคนปลายสายรับคำ “เอ่อ คือ อย่างนั้นผมไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะครับ”
ไมเคิลกำโทรศัพท์แน่นอย่างมั่นคง ก่อนจะตัดสินใจบอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงไม่แพ้กัน “เรื่องที่เราเคยตกลงกันไว้ ผมขอยกเลิกครับ”


.................................................................









เพชรอันดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2557, 19:36:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2557, 19:36:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1300





<< ผู้ชายขี้หวง   กินในที่ลับ[2](50%) >>
รรวโรจน์ 21 ม.ค. 2557, 19:54:11 น.
มาลีนน่าจะคู่โจเซฟนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account