จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 5

บทที่ 5
เมื่อคืนพี่เกลมาส่งฉันที่หอก่อนจะรีบกลับไปถ่ายโฆษณา ระหว่างทางขากลับเราแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่ก่อนจะกลับเราก็ใช้เวลากว่าชั่วโมงหลังจากที่คุณป้ากลับไปแล้ว นั่งชมวิวฟังเสียงคลื่นทะเลซัดหาดทรายถึงแม้ว่ามวลหมู่เมฆจะปกคลุมท้องฟ้าจนมืดสนิท แต่ข้างกายฉันยังมีดาวดวงใหญ่ที่คอยส่องแสงในใจฉันเสมอ ดาวที่ดูเหมือนอยู่แค่เอื้อม แต่ไม่ว่าจะคว้ายังไงก็ยังไกลสำหรับฉันอยู่ดี
วันนี้ฉันมาเรียนสายกว่าทุกวัน แต่พอมานั่งเรียนหัวสมองมันก็ตื้อไปหมด แถมยัยเพื่อนสนิทตัวดีทั้งสองคนก็พร้อมใจกันไม่มาเรียนแล้วยังไม่โทรบอกกันสักคำ ยิ่งทำให้ฉันเรียนแทบไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ ขืนนั่งตัวตรงเป็นไม้บรรทัดฉันคงต้องบ้าแน่ เพราะตอนนี้จิตใจฟุ้งซ่านเหลือเกินสติแถบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะมัวแต่นึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้จะแก้ยังไงแต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่มีทางเป็นตัวต้นเหตุทำลายชีวิตคนที่ฉันรักเด็ดขาด พี่เกลต้องเดินตามความฝันของเขาโดยที่ไม่มีฉันเป็นตัวรั้งท้ายถ่วงให้เขาต้องตกต่ำ
ฉันขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ และก็โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีคน ฉันจึงไม่ต้องต่อคิวเสร็จธุรกิจแบบหญิงๆ ฉันก็ออกมาล้างมือเพื่อสุขอนามัย แต่ในขณะที่ฉันจะเดินออกจากห้องน้ำจู่ๆ ก็มีผู้หญิงสี่คนที่ฉันไม่รู้จักมายืนปิดทางออก ไม่ยักจะรู้ว่าที่นี้มีการเรียกเก็บค่าคุ้มครองเหมือนในละครตอนดึกที่ฉันชอบดู แต่ฉันก็ไม่ใช่นางเอกจอมแก่นซะหน่อย มากันขนาดนี้อยู่ก็โง่แล้ว ฉันจึงพยามลากสังขารตัวเองเดินผ่าวงล้อมออกไปแต่ว่า…
"ผู้หญิงอะไรหน้าด้าน!"
"หลบทางให้ฉันหน่อย"
"พวกฉันกำลังด่าเธออยู่ ไม่ได้ยินหรือไงยะ"
ได้ยินค่ะขนาดไม่ได้แคะขี้หูมาหลายวันยังได้ยินชัดยิ่งกว่าต่อเข้าลำโพงเสียอีก แต่ถึงจะด่ายังไงฉันก็ไม่ด่าตอบหรอกอย่าหวังว่าจะมาแหย่ให้ฉันของขึ้นได้ เพราะสภาพตอนนี้อย่าว่าแต่หาเรื่องใครเลยแค่ป้องกันตัวเองจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ดูสิขาก็ใส่เฝือกจะเดินก็ต้องมีไม้ค้ำยันแล้วนี่มากันตั้งสี่ฝันไปเถอะว่าฉันจะอยู่ยื่นหน้าใสๆ ของฉันให้พวกเธอตบเล่นเป็นลูกปิงปอง
"ขอทางหน่อย" ฉันเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำยั้วยุ แล้วเดินออกจากพื้นที่เสี่ยงโดยไม่ต่อปากต่อคำกับพวกเธอ แต่ดูเหมือนไม่ว่าฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงยังไงก็คงจะหนีไม่พ้นอยู่ดี
"หน็อย! คิดจะเดินหนีพวกฉันง่ายๆ งั้นเรอะ "
ยัยผมทองพูดขึ้นพลางหันมาคว้าผมฉันที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะออกแรงดึงจนผมฉันแทบจะหลุดออกจากหนังหัว
อ้ากกกก เจ็บอะ ยัยพวกบ้า การศึกษาไม่ได้ช่วยขัดเกลาจิตใจให้สูงขึ้นเลยนะ เอะอะอะไรก็ใช้แต่กำลังแล้วสรุปว่าฉันจะเจ็บตัวทั้งๆ ที่ยังไม่รู้สาเหตุใช่มั้ยเนี่ย
"ปล่อยฉันนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน"
"เรื่องอะไรนะเหรอ เอาไว้ให้ฉันตบแกก่อนแล้วค่อยบอก"
เฮ้ย! พูดเล่นใช่มั้ยเนี่ย แต่ดูท่าทางแล้วคงจะไม่ เพราะเมื่อมองดูจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวเสี้ยนของยัยผมทองฉันก็รับรู้ได้ทันทีว่ายัยนี่กำลังคันไม้คันมืออยากจะตบฉันล้างน้ำ ก่อนจะยัดใส่ชักโครกแล้วกดน้ำทิ้งไปพร้อมๆ กับสิ่งปฏิกูลซะเหลือเกิน
"ฉันอยากตบยัยนี่ให้หน้าเสียโฉมไปเลย เห็นหน้ามันทีไรหมั่นไส้ทุกที"
เฮือก! นี่แค้นฝังหุ่นกันถึงขั้นจะเอาให้เสียโฉมกันเลยเหรอ
"ฉันก็เหมือนกัน แต่ที่นี่มันมหาลัยนะถ้าถูกจับได้มีหวังโดนแน่"
"มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวอะไรอีก"
ในขณะที่พวกเธอทั้งสี่กำลังตกลงกันว่าจะเอายังไง ฉันก็พยายามดึงผมที่ดัดเป็นลอนยุ่งๆ ให้กลับมาแต่สงสัยมือยัยผมทองจะทากาวตาช้างมาด้วยถึงได้เกาะติดยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกผีซะอีก ดึงยังไงก็ไม่ยอมปล่อย
โธ่! หัวกบาลฉันจะพังมั้ยเนี่ย แล้วใครจะมารับผิดชอบน้องหัวของฉันล่ะ
"ยืนทำอะไรอยู่เล่า มาช่วยกันยึดยัยหน้าด้านนี่สิ"
ในขณะที่ฉันพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นยัยตุ๊กแกผีผมทอง เพื่อนของเธออีกคนก็เขามาช่วยล็อคแขนฉันทั้งสองข้างไว้ ส่วนยัยตุ๊กแกผีไม่รู้เป็นยังไงสงสัยจะถูกใจผมนุ่มสลวยสวยเก๋ของฉัน ยิ่งดิ้นยัยนั้นก็ยิ่งดึงจนฉันต้องเอนหัวตามไม่งั้นหนังหัวได้หลุดติดคามือเธอไปแน่ๆ แง มีปัญหาอะไรกับผมของช้านหนักหนายะ
"พวกเธอยึดไว้เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
ยัยผมแดงหุ่นช้างน้ำออกคำสั่งก่อนจะหยิบบางอย่างขึ้นมา
กรรไกร! นี่ฉันคงจะไม่โดนฆาตกรรมแล้วยัดศพไว้ในห้องน้ำหรอกนะ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย
"พวกเธอจะทำอะไรฉัน"
"อย่ากลัวไปเลยฉันก็แค่จะเพิ่มความสวยให้ จะได้เลิกอ่อยคอบเปอร์สักที"
อย่าบอกนะว่าที่แท้ก็เป็นแฟนคลับพี่เกล คิดไว้แล้วเชียวคงเป็นเพราะเมื่อวานตอนที่พี่เกลเข้ามาอุ้มฉันออกจากโรงอาหาร
"อยากรู้นักถ้าแกไม่สวยจะมีใครหน้าไหนมารุมแย่งแกอีกมั้ย" ยัยหัวแดงหุ่นช้างน้ำพูดเบาๆ แต่แววตาของเธอคมกริบยิ่งกว่ากรรไกรที่เธอถืออยู่เสียอีก
ฉับ!
"หยุดนะ"
ชับ!!!
ม้ายยยยยยยย นี่มันผมช้านนนนนนนน กล้าดียังไงมาทำกับผมของฉันแบบนี้ ผมที่ฉันเพียนไว้มาเนิ่นนานแรมชาติจนยาวถึงเอวแต่ตอนนี้กับถูกยัยปีศาจ ใช้กรรไกรซอย ชับๆ อย่างกับช่างมืออาชีพแต่ได้โปรดพอเถอะ พลีส! ฉันยังไม่อยากรู้สึก เหมือนตอนสิบสี่ ตอนที่ผมฉันกำลังสั้น (ใส่ทำนองเพลงของพี่เสกด้วยนะ)
"คิดว่าทำแค่เนี่ยแล้วฉันจะกลัวเหรอ" นั้นทำใจกล้าหน้าทนไปอย่างนั้นเองแหละทั้งที่จริงๆ แล้วฉันรู้สึกแย่ยิ่งกว่าโดนตบเสียอีก ทำไมน่ะเหรอโดนตบไม่กี่วันเดียวก็หายแต่ถ้าโดนตัดผมนี่สินานนับปีก็ไม่ยาวเท่านี้สรุปห่วงผมมากกว่าหน้าอ่ะ
"โดนขนาดนี้ยังจะปากดีอีก เดี๋ยวก็จับโกนหัวซะหรอก"
"ก็เอาซี่"
เราต่างมองหน้ากันอย่างเอาเรื่อง ฉันก็ไม่ยอมแล้วเหมือนกันเลือดชักขึ้นหน้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรฉันได้อีก
"หน็อย! ปากแบบนี้มันน่าเอาคัตเตอร์กรีดหน้าซะดีมั้ง"
"เฮ้ย! แต่ฉันว่าพอก่อนเถอะ แค่นี้ฉันว่ามันก็คงเข็ดไปอีกนานแล้วล่ะ"
"แต่…."
"มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะถ้าแกจะเอาถึงขั้นเลือดตกยางออก"
"ก็ได้! แต่ถ้ามันยังร่านไม่เลิกละก็คราวหน้าฉันเอาจริงแน่"
ยัยผมแดงหุ่นช้างน้ำที่ตัดผมฉันชี้นิ้วอย่างคาดโทษก่อนที่จะปล่อยฉันให้เป็นอิสละ แล้วพากันเดินโยกย้ายส่ายสะโพกออกจากห้องน้ำพร้อมกับอ้าปากหัวเราะ มั่นใจนะยะว่านั่นเขาเรียกว่าหัวเราะ กว้างซะเกือบจะเขมือบชักโครกได้อยู่แล้วแต่ไม่รู้ทำไมพอได้ยินเสียงของยัยพวกนั้นมือฉันก็ดันเผลอทำไม้ค้ำยันลอยบรื๋อ~ ติดหัวของใครบ้างก็ไม่รู้จนพวกเธอร้องโอยด้วยความเจ็บ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะก็เสียงหัวเราะของพวกเธอมันทำฉันตกใจนี่
แต่พอยัยพวกนั้นหันมาด้วยความโกรธจัด โอ้ไม่นะ! ใครก็ได้ช่วยช้านนนนนที ฉันส่งเสียงร้องโวยวายหวังให้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวที่บังเอิญกำลังนั่งปลดทุกอยู่ที่ห้องน้ำชายที่อยู่ติดๆ กันได้ยิน แต่ผิดคลาดเพราะคนที่ได้ยินกับเป็นเจ้าหญิงแสนสวยซะนี่
"พวกเธอจะทำอะไรกัน"
โชคดีจังที่มีคนเดินผ่านมาพอดี ผู้หญิงวัยเกือบสามสิบแต่หน้าเธอนี่สิเหมือนเพิ่งแค่ยี่สิบต้นๆ แถมมีดีกรีเป็นนักเรียนนอก ถ้าถามฉันว่าใครเพอร์เฟ็กต์ ณ ดินแดนแห่งนี้ขอตอบได้ทันทีว่าเป็นเธอนี่แหละ
"อาจารย์นิสา!! "
"ใช่ฉันเอง"
แค่นั้นแหละพวกยัยปีศาจก็เผ่นแนบเร็วยิ่งกว่าสายลมหายไปคนละทิศละทาง
"นี่มันเรื่องอะไรกัน"
อาจารย์นิสาถามขึ้นทันทีที่เห็นสภาพฉัน
"แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ"
“ไม่นิดมั้ง นี่ถ้าฉันเข้ามาช้าอีกนิดเธอคงถูกพวกนั้นรุมทำร้ายไปแล้ว” อาจารย์เลิกคิ้วมองฉันอย่างไม่ค่อยไว้ใจ ก็แหม! ฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะพูดอะไรฉันไม่อยากให้เธอรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องพี่เกล
"หนูต้องขอบคุณอาจารย์มากเลยนะคะ" ฉันตัดบทด้วยการยกมือไหว้ขอบคุณเธอแต่ก็ไม่กล้าสบตาเพราะกลัวว่าเธอจะจับได้ว่าฉันปิดบังความจริง
"ไม่เป็นไรคราวหน้าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน"
"ค่ะ"
ครืด!!!!
เสียงสั่นของมือถือทำให้ฉันถึงกับสะดุ้ง ฉันก้มไปหยิบกระเป๋าถือที่ตกอยู่บนพื้นตอนที่ถูกยัยปีศาจพวกนั้น ล็อคแขน แล้วควานหามันในกระเป๋าเป็นจังหวะเดียวกับที่อาจารย์นิสาก็เดินออกไปพอดี
ตี๊ด!
"ฮัลโหล"
(แกเป็นยังไงบ้าง)
"แกว่าอะไรนะ"
(ฉันถามว่าแกเป็นยังไงบ้าง) ยัยหญิงตะโกนใส่หูโทรศัพท์จนขี้หูฉันแทบกระเด็นออกมาเต้นระบำ ตอนนี้ฉันจะเป็นไงได้ก็กำลังเครียดกับผมที่ถูกตัดจนสั้นไม่เป็นทรงน่ะสิ แล้วนี้ฉันจะกล้าออกจากมหาลัยในสภาพแบบนี้ได้ยังไง แต่เอ๊ะ! แล้วหญิงรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังแย่หรือว่ายัยนี้มีผีพรายกระซิบ
"แกรู้ได้ยังไง" คำถามของฉันทำเอาหญิงอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นๆ
(กะ ก็ฉันหมายถึงเมื่อวานนี้ไงตอนที่แกโดนแฟนคลับพี่เกลทำร้ายอะ)
อ๋อ! ที่แท้ก็เรื่องนี้เองเหรอ ฉันก็เข้าใจผิดคิดว่าแกมีพรายกระซิบจริงๆ
"ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แกเถอะทำไมวันนี้ไม่มาเรียนยัยตาลก็อีกคน"
(อ๋อ! พอดีฉันมีธุระน่ะส่วนยัยตาลสงสัยท้องเสีย สมน้ำหน้าเมื่อวานอยากกินเข้าไปเยอะ เออ!
ถ้าแกไม่เป็นอะไรก็แค่นี้ก่อนนะ)
"อืม"
หลังจากที่วางสายหญิงไป ฉันก็หันกลับมาส่งกระจกอีกครั้งจนแน่ใจว่านี่คือผมฉันจริงๆ ไม่ใช่ความฝันทำไมทุเรศขนาดนี้นะ แต่ถึงจะอุบาทยังไงก็คงต้องออกจากห้องน้ำ ถ้าขืนยังยืนสิงสถิตอยู่ที่นี่ไม่นานก็ต้องมีคนเข้ามาเจอฉันในสภาพนี้อยู่ดี เพราะฉะนั้นรีบชิ่งตั้งแต่ตอนที่คนไม่ค่อยมีนี้แหละ
(o_0 )( o_0) มองซ้ายมองขวา ว่าง ย่องๆๆๆ
"จะรีบไปไหนละ"
กึก!
เสียงคุ้นๆ ใครฟะทำไมต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วย ฉันอุตส่าห์ยืนทำใจในห้องน้ำตั้งนานยังจะมีคนรู้จักโผล่มาเห็นอีก โธ่!
"ปะ…เปล่านี่" ย่องๆ ต่อไปอย่าได้หยุดไม่ต้องไปสนใจ
"ไม่อยู่คุยทักทายกับเพื่อนเก่าร่วมสถาบันเดียวกันหน่อยเหรอ" วันนี้ชั่วโมงนี้ฉันไม่ว่างคุยกับใครหน้าไหนทั้งนั้นว้อย! แต่เอ๊ะ! ว่าไงนะเพื่อนเก่าเหรอ คำพูดแบบนี้มัน…ฉันเลยหันหลังกลับไปดู แล้วก็แทบช็อกเมื่อคนที่ทักฉันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดในสามโลก ทั้งโลกมนุษย์ สวรรค์ และนรก ทำไมต้องเป็นนายด้วยไอ้เต็ม
‘คอยดูนะถ้าวันไหนที่เธอไม่มีไอ้เกลคุ้มกะลาหัว ฉันนี่แหละจะเป็นคนทำให้เธอร้องไห้บนเตียงของฉันให้ได้ ‘ เสียงคำขู่สุดท้ายยังคงก้องอยู่ในหัวของฉันตั้งแต่วันที่ไอ้เต็มโดนพี่เกลสั่งสอนชุดใหญ่ที่บังอาจมาแซวฉัน จนมาเรียนไม่ได้หลายอาทิตย์ แล้วก็ไม่คิดว่ายังจะตามมาหลอกหลอนกันไม่เลิกถึงที่นี่อีก
"ไอ้เต็ม!"
"ว้าว! ดีใจจังที่เธอยังจำชื่อฉันได้ แล้วนี่ไปฟัดกับไอ้ตูบบ้านใครมาล่ะ"
"เรื่องของฉัน"
ฉันสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง โดยที่ไม่สนใจหันไปมอง แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างสวรรค์จะไม่เห็นใจ เมื่อพวกนั้นเดินแซงหน้ามาปิดทางหนีของฉันจนมิดก่อนที่ฉันจะไปถึงบันไดซะอีก
"ในที่สุดก็หยุดคุยกันได้แล้วสินะ" เต็มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมเหมือนกับว่ารอวันแก้แค้นมานานนับสิบชาติเห็นจะได้
"ถ้าพี่เกลรู้ว่าพวกนายยังตามตอแยฉันไม่เลิกอย่าหาว่าฉันไม่เตือน"
"นี้เธอกำลังขู่ฉันเหรอขมิ้น ฮาๆๆ ขำวะ ไอ้ชา นี่งัยคำตอบของฉัน ที่นายเคยถามว่าฉันจะเอาคืนไอ้เกลมันยังงัย"
เต็มไม่ได้สนใจที่ฉันพูดสักนิดตรงกันข้ามกลับหันไปพูดกับเพื่อนอีกคนที่กำลังยืนขวางทางฉันอยู่
"ยังงัยฟะใครๆ ก็รู้ว่าไอ้เกลพวกเยอะ แกพาพวกไปถล่มมันทีไรก็โดนมันตียับกลับมาทุกทีไม่เคยเข้าถึงตัวมันสักแผล"
"นั่นมันเมื่อก่อนโว๊ย แต่ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่ามันเป็นดารายังไงมันก็ไม่กล้าซ่าให้เป็นข่าว"
"จริงด้วยว่ะ งั้นก็เข้าทางน่ะสิ ฮาๆ"
"ฉันรอวันที่จะได้แก้แค้นมันมานานแค่ไหนเธอรู้มั้ยขมิ้น!"
พูดจบไอ้เต็มก็ผลักฉันจนเซไปติดกับกำแพง ไอ้บ้า! ฉันเจ็บนะเฟ้ย
"ใครๆ ก็พากันล่ำลือว่าไอ้เกลมันหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แตะหญิงคนไหนทั้งในและนอกวงการเป็นต้องจบที่ปลายเตียง แต่ทำไมถึงปล่อยให้น้องสาวคนละพ่อคนละแม่แสนสวยยังมีจิ้นน้อยอยู่จนถึงปานนี้ ปากก็บอกว่าเป็นน้องแต่ไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ หึ น่าคิดมั้ยล่ะ"
"พี่เกลจะคิดยังไงมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย"
"ฮ่าๆ ถ้าฉันจะยุ่ง แล้วเธอจะทำไมจะไปฟ้องพี่ชายที่คิดไม่ซื่อกับเธอเหรอ! แต่ฉันว่าไม่ต้องเสียเวลาไปฟ้องหรอก เพราะทันทีที่ฉันกับเพื่อนๆ ขยี่หัวใจของมันแหลกเมื่อไหร่ฉันจะรีบส่งคลิปไปให้มันดูเป็นคนแรกเลย รับรองว่าฉันจะจัดลีลาให้เธอชนิดที่ว่าไอ้เกลเห็นต้องแทบกระอักเลือดตายไปเลยดีมั้ย ฮ่าๆ"
เต็มหัวเราะเย้ยยันพลางโน้มหน้าเขามาหาฉันจนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวที่ชวนให้รู้สึกขยะแขยง
"ชะ…ช่วยด้วย"
ทำไมไม่มีสัญญาณตอบรับ คงเป็นเพราะตอนนี้ยังไม่หมดคาบเรียนบริเวณนี้จึงเงียบสงัด ต้องมีสติ ใช่! ในเวลาแบบนี้ต้องมีสติแล้วคิดหาทางหนีให้ได้ คิด ๆๆๆๆ สิ เอ๊ะ! หรือว่าจะเอาไม้ค้ำยันกระแทกจุดโฟกัสของมันเลยดีมั้ย แต่พวกมันที่เหลือล่ะ ก็จับฉันได้อยู่ดี โธ่! ตึกล้างหรืองัยฟะ ถึงไม่มีคนเดินผ่านมาสักคนเลย
"จุ๊ๆๆ..อย่าเพิ่งร้องไปเลยป่วยการเพราะยังไงวันนี้เธอก็ไม่รอดฉันไปได้หรอกขมิ้นแสนสวย เก็บไว้ร้องตอนอยู่บนเตียงฉันดีกว่า ฮาๆ"
"พวกนายจะทำอะไรฉัน"
"ที่ฉันพูดไปมันก็ตรงตัวแล้วนะหรือว่า…จะต้องปฏิบัติให้ดูตรงนี้เลย"
"อย่านะเต็ม นายก็เป็นลูกผู้ดีมีเงิน หน้าตาก็ดี การศึกษาก็มี คงไม่ทำเรื่องอะไรแบบนั้นใช่มั้ย"
"ไอ้ที่เธอพูดมามันก็ถูกทั้งหมด ติดอยู่นิดหน่อยตรงการศึกษานี่แหละ เพราะมันอาจใช้ได้สำหรับคนอื่นแต่กับฉันมันก็แค่อะไรที่ทำแล้วแก้เซ็งแค่นั้นแหละ เพราะถึงฉันไม่ต้องเรียนฉันก็มีเงินให้ผลาญไปตลอดชีวิต ฉันว่าเราอย่าเสียเวลาอยู่เลย รีบๆ ไปขึ้นสวรรค์ด้วยกันดีกว่า ฉันสัญญาว่าจะปฏิบัติกับเธออย่างนุ่มนวลให้สมกับที่เป็นครั้งแรกของเธอเลย"
ม่ายยยยยยยยยนะ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ เอาวะวินาทีนี้ตายเป็นตาย ยังไงฉันก็จะไม่ยอมให้พวกนายมาพรากจิ้นน้อยกลอยใจของฉันเด็จขาด
ผลัก!
ฉันใช้ไม้ค้ำยันกระแทกเข้าไปที่จุดโฟกัสของเต็มจนมันหน้าเขียวปัด ตัวงอเป็นคนแก่ล้านปี เหลืออีกสองที่พวกมันพยายามยึดฉันไว้ จนเสื้อฉันขาดตามแรงดึง คนละแกวกสองแกวก แต่ตอนนี่ก็ไม่มีเวลามาตรวจสภาพร่างกายหรอกว่าชิ้นส่วนเสื้อยังอยู่ครบมั้ย รู้แต่ว่าฉันต้องไปให้พ้นจากที่นี่ให้ได้ ฉันพยายามดิ้นจนสุดแรงเกิด ทั้งขีดทั้งข่วนเท่าที่คนขาใส่เฝือกจะทำได้ ปากก็ตะโกนร้องให้คนช่วย แต่สุดท้ายฝามือใหญ่ๆ แถมหยาบนิดหนึ่ง ก็ฟาดเข้าที่แก้มฉันเต็มๆ จนฉันรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่เกิดจากปากแตก ก่อนที่หมัดหนักๆ จะรอยมาจากใครก็ไม่รู้แต่มาจบตรงที่ท้องของฉันพอดีเป๊ะแบบไม่ต้องชี้เป้า แรงกระแทกอย่างแรงทำให้ฉันถึงกับตัวงอล้มลงไปนอนกองกับพื้นอย่างหน้าอนาถ ทั้งจุกทั้งเจ็บไร้เรี้ยวแรงแม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือใดๆ ได้แต่นอนหน้ามืดฟังเสียงหัวเราะเย้ยยัน เนี่ยน่ะเหรอชะตาชีวิตฉัน ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้พร้อมๆ กันด้วย
"ปล่อยเธอซะ! "เสียงพูดแข็งกร้าวของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ฉันจึงหันไปมองตามเสียงของชายคนนั้นแล้วก็พบว่าเขาคือ
"เซท! " และนั้นก็เป็นภาพสุดท้ายที่สะท้อนในม่านแววตาของฉันก่อนที่มันจะมืดดำลงไป




lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ม.ค. 2557, 12:16:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ม.ค. 2557, 12:16:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 961





<< บทที่ 4   บทที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account