จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 7

บทที่ 7
ทันทีที่ผมส่งมือถือให้ เธอก็ยิ้มเหมือนกับว่าผมเป็นเจ้านายที่เธอจะยอมเป็นทาสรับใช้ตลอดไป รอยยิ้มของเธอมันทำให้ผมคิดไปขนาดนั้นจริงๆ นะ จนผมอดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่าใครกันนะที่เธอจะโทรหาคงสำคัญกับเธอมาก ถึงดีใจขนาดนั้นปกติผมเป็นคนที่ไม่สนใจใครสักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไมเวลาเจอยัยเป๋นี่ทีไรชีวิตผมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนบางทีผมก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเอง ถึงแม้จะพยายามไม่สนเธอแต่มันก็อดไม่ได้ทุกที หลายครั้งที่ผมแกล้งทำเป็นมีธุระเพื่อที่จะได้เข้าไปหาเธอที่มหาลัย แต่พอเจอเธอทีไรก็เป็นอันว่าต้องเจอไอ้นักร้องนั่นให้ผมต้องหัวเสียอยู่เรื่อย
"ค่ะหนูยอมทุกอย่าง"
ผมชะงักฝีเท้าที่มุมห้องก่อนจะซ้อนตัวอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ เพื่อฟังบทสนทนาและน้ำเสียงที่ดูกลัดกลุ้มใจอย่างไร้ทางเลือกของเธอกับใครอีกคนที่ปลายสาย ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เธอยังดูอารมณ์ดีอยู่เลย
"ค่ะหนูจะไม่บอกเขาเด็จขาด มันจะเป็นความลับตลอดไป"
ยังไม่ทันที่ผมจะรู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มือของใครคนหนึ่งก็มาสะกิดผมจากทางด้านหลังเสียก่อน ผมหันไปมองด้วยท่าทางที่พยายามให้มันเป็นปกติที่สุด และเมื่อหันไปก็พบว่าเธอคือญาติที่ผมโทรตามให้เธอมาช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้ยัยเป๋นั่นเอง
"นายมาทำอะไรตรงนี้เซท" เธอเอ่ยทักขึ้นด้วยความสงสัยแต่มีเรอะว่าผมจะยอมรับว่ามาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์เสียฟอร์มแย่เลย ขนาดตัวผมเองยังอดสมเพชตัวเองไม่ได้ว่าทำไปได้ยังไง
"นี่มันบ้านฉันนะริช ฉันจะยืนตรงนี้ก็ไม่เห็นจะแปลก"
"ไม่แปลกก็ไม่แปลก แล้วไหนละคนที่จะให้ฉันช่วยจัดการ"
"คงอยู่แถวนี้มั้ง ฉันว่าเธอไปนั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนดีกว่า"
ผมแสร้งทำเป็นเดินนำหน้าพาเธอไป ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอรู้จักทุกซอกทุกซอยของบ้านผมเป็นอย่างดี แต่จะให้ผมทำยังไงได้เธอยิ่งจับผิดผมเก่งอยู่ด้วย เธอแทบจะรู้ทุกอย่างที่ผมคิดเผลอๆ รู้ดีกว่าตัวผมเองซะอีก
“ไหนนายบอกว่าพ่อแฟนตัวดีฝากของสำคัญมาขอโทษฉันไง” ทันทีที่เธอนั่ง เธอก็หันมาค้อนใส่ผมอันที่จริงผมก็ไปแล้วนะแต่แค่ไม่ได้เจอเธอเท่านั้น ก็ผมมีเรื่องที่สำคัญกว่านี่
"พอดีมีเรื่องนิดหน่อย"
"เรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่ฉันเรียกตัวเธอมานี่แหละ"
ยังไม่ทันที่เธอจะถามอะไรต่อ ยัยเป๋ก็โผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี
"ขมิ้น! "

"0_0" ฉันอึ้งไปเล็กน้อยที่อยู่ๆ ก็มาเจออาจารย์ของตัวเองที่นี่ ฉันเอะใจไว้แล้วเชียวว่าเขาต้องรู้จักกันเพราะขนาดวันที่อีตาเซทเอาเช็คไปฟาดหัวฉันที่โรงพยาบาลก็ยังเป็นชื่ออาจารย์นิสา เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่าเขารู้จักกันในสถานะอะไรเท่านั้น
"บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยว่านายพาลูกศิษย์ฉันมาบ้านแถมมีสภาพแบบนี้ได้ยังไง"
เธอเลิกสนใจฉันแล้วหันไปแหวใส่เขาทันที เพราะตอนที่เธอเจอฉันในห้องน้ำฉันมีสภาพดีกว่านี้เยอะ แต่เขาก็ทำเป็นตีหน้าตายพลางพูดว่า
"ก็อย่างที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ แล้วนี่จะสักถามฉันอีกนานมั้ยไอ้ที่ให้ช่วยจัดการ เขาก็มาแล้วไงรีบๆ ทำซะสิ" พูดจบเขาตัดบทด้วยการเดินออกไปข้างนอก ทิ้งให้ฉันอยู่กับอาจารย์นิสาเพียงสองคน
"นั่งสิขมิ้นจะได้ดูว่าใส่ชุดที่ฉันเอามาให้ได้หรือเปล่า"
"ค่ะ"
ฉันนั่งลงตามคำเชิญของเธอ แล้วรับถุงกระดาษมาถือไว้ในมือก่อนจะดึงชุดที่อยู่ข้างในออกมา มันเป็นชุด เดรสสีชมพูในแบบคุณหนู ปกติฉันไม่เคยใส่เสื้อผ้าแนวนี้เลยส่วนใหญ่จะเป็นกางเกงมากกว่า
"เป็นไง โอเคมั้ย"
"สวยค่ะ"
"สวยก็รีบไปเปลี่ยนสิ เดี๋ยวจะได้จัดการเรื่องผม"
ฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำตามที่เธอบอกทางให้ ดีนะที่ห้องน้ำบ้านหมอนั่นหาไม่ยากทั้งๆ ที่มันกว้างใหญ่เกิ๊น ฉันเดินเข้าไปแล้วก็ถึงกับตกใจ บ้านว่าหรูหราแล้ว ไม่คิดว่าในห้องน้ำจะสวยไม่แพ้กันแถมกว้างยิ่งกว่าขนาดของห้องฉันรวมกันสามห้องเสียอีก นายรวยเว่อร์จริงๆ นะเนี่ย แต่พอนึกถึงความรวยของเขาฉันก็อดน้อยใจในโชคชะตาตัวเองไม่ได้ ถ้าฉันมีเงินมากขนาดนี้ ฉันก็คงไม่ต้อง..
"เป็นอะไรหรือเปล่าขมิ้น หายไปนานเชียว"
เสียงเรียกของอาจารย์นิสาดังรอดเข้ามา ฉันจึงรีบกระวีกระวาดออกไปเพราะเกรงใจที่เธอต้องรอนาน แต่ก่อนจะออกจากห้องน้ำก็ไม่ลืมที่จะส่งกระจกดูสารรูปตัวเอง มันรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่ต้องมาใส่ชุดแนวนี้ถึงแม้ว่าชุดจะสวย แต่ฉันก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่เมื่อมันมาอยู่กับฉันแต่ก็เอาเถอะยังไงก็ดีกว่าใส่ไอ้ชุดเก่าที่มันขาดวิ้น
“มีอะไรรึเปล่าสีหน้าไม่ดีเลย” เธอถามฉันด้วยสีหน้าเป็นหวง แต่ฉันคงให้เธอรู้ความจริงไม่ได้ ว่าฉันกำลังจะถูกคุณป้าที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กขายใช้หนี้การพนัน
"ปะ เปล่าหรอกค่ะหนูแค่ไม่มั่นใจตัวเองว่ามันจะเหมาะกับชุดสวยหรือเปล่า"
"ไม่จริงเลยเธอใส่ชุดนี้แล้วดูดีมาก เดี๋ยวฉันจัดการผมเธออีกนิด แล้วก็แต่งหน้าหน่อยเพื่อปิดรอยช้ำตรงมุมปาก รับรองว่าเธอจะกลายเป็นเจ้าหญิงได้ไม่ยาก”
….ตอนนี้ฉันอาจจะเป็นเจ้าหญิงแต่อีกไม่นานฉันคงไม่ต่างจากโสเภณี
หลังจากฉันเปลี่ยนชุดเสร็จอาจารย์นิสาก็มาช่วยจัดการผมให้ เธอรวบผมฉันแล้วมัด ส่วนที่หลุดลุ่ยออกมาก็จัดการติดกิ๊บหลังจากนั้นเธอก็เอาวิกผมสีบลอนทองที่ถูกดัดเป็นลอนสวยงามมาคลุมให้
ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงน้อยจริงๆ นะเนี่ย!
ฉันขอบคุณเธออีกครั้งที่เธอช่วยเนรมิตฉันให้กลายเป็นเจ้าหญิงอย่างสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ แต่ฉันก็แอบสงสัยอยู่นิดๆ ว่าเสื้อผ้าหน้าผมมันอลังการเกินกว่าที่ฉันจะนั่งรถเมล์กลับบ้าน อันที่จริงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ฉันก็กลับได้แล้ว แต่ชุดนี้ฉันชักไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ดูเหมือนฉันอาจจะสวยผิดที่ผิดเวลาไปหน่อย คนบนรถเมล์อาจจะคิดว่าฉันบ้าได้ แต่ไม่เป็นไรนานๆ จะมีโอกาสแบบนี้ฉันจะยอมลงทุนนั่งแท็กซี่กลับสักวัน
"ว้าวว! เธอสวยจริงๆ"
" ^_^" ว่าแต่ที่เขาว่าความสวยช่วยให้ผู้หญิงหายเครียดสงสัยจะมีส่วนจริงเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดฉันกำลังกลุ้มพอมีคนชมว่าสวยหน่อยก็ถึงกับลืมไปชั่วขณะ
"ขนาดฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดชมเธอไม่ได้ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเซทถึงพาเธอมาที่นี่ทั้งๆ ที่…"
" …ทั้งๆ ที่อะไรเหรอคะ"
"อย่าพูดไปเชียวนะเดี๋ยวหมอนั่นจะรู้ว่าฉันเอาเรื่องเขามาเม้าท์ให้เธอฟัง แต่เผอิญว่าฉันเห็นเธอเป็นลูกศิษย์ลูกหาหรอก ถึงได้เล่านะเนี่ยถ้าเป็นคนอื่นไม่มีทาง"
อาจารย์นิสาหันซ้ายหันขวาเพื่อดูต้นทางว่าเจ้าของเรื่องจะไม่โผล่หัวมาซะก่อน ส่วนฉันไม่ต้องพูดถึงนั่งตัวตรงดิกตั้งใจฟังยิ่งกว่าตอนเธอบอกแนวข้อสอบเสียอีก ก็แหม จะไม่ให้อยากรู้ได้ไงเขาลึกลับจะตายไป
"นานมากแล้วที่เซทไม่ขับรถให้ใครนั่ง"
"หมายความว่ายังไงคะ?"
ฉันเลิกคิ้วมองหน้าเธออย่างสงสัย
"ก็เมื่อตอนเขาอายุสิบหก…"
"เสร็จธุระกันรึยัง…"เซทเดินเข้ามาขัดจังหวะ ทำให้อาจารย์นิสาหยุดชะงักกลางอากาศไปทันที ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว
"แถ่นแท้น เป็นไงขมิ้นสวยมั้ย"
"o_o"
"ไงเซทพอเห็นขมิ้นแต่งตัวแบบนี้แล้ว ถึงขนาดตาค้างพูดอะไรไม่ออกเลยเหรอ"
"พูดมากจริง หมดธุระของเธอ ก็กลับไปได้แล้ว ชิ่วๆ"
เขาโบกไม้โบกมือไล่อาจารย์นิสาอย่างไม่ใส่ใจในสิ่งที่เธอพูด ก่อนจะแกล้งเมินหน้าไปทางอื่น
"เอ๊ะ! นายนี่มันยังไงบทจะเรียกก็เรียกบทจะไล่ก็ไล่ ฉันไม่ใช่ขี้ข้านะยะ แต่ไปก็ได้ไม่อยากเป็นกอขอคอ"
" > <" ก้างขวางคอเหรอ!!!
"พูดบ้าอะไรของเธอน่ะริช"
"อย่าเถียงฉันดีกว่าเด็กน้อย แค่มองตาฉันก็รู้ไปถึงตับไตนายแล้ว งิงิ"
อาจารย์นิสาหัวเราะคิกคักขณะขยี้ผมชายตรงหน้าที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไป ถ้าไม่ติดว่าฉันเรียกเธอไว้เสียก่อน
"ขอบคุณมากเลยนะคะ แล้วหนูจะซักไปคืน"
"ไม่เป็นไรจ๊ะฉันให้"
"แต่…"
" …ไม่มีแต่ โอเค้!"
เธอตัดบทในสิ่งที่ฉันกำลังจะพูด แล้วเดินออกไปยังลานจอดรถด้วยรอยยิ้มสดใสในแบบที่แปลกตาไปจากที่อยู่ในคราบของอาจารย์อย่างสิ้นเชิง ตอนอยู่ในมหาลัยเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและก็ดุแถมเจ้าระเบียบในเวลาเดียวกัน แต่พอได้ใกล้ชิดกับเธอกลับรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก สดใสทีเดียว
"เธอเป็นญาติของฉันเอง แต่ทำตัวเหมือนจะเป็นเพื่อนฉันซะมากกว่า จนฉันเกือบลืมไปเลยว่า ยัยจอมเพี้ยนแก่กว่าฉันตั้งหลายปี ส่วนไอ้เรื่องกอขอคออะไรนั่น ไม่ต้องไปสนใจหรอก พวกดอกเตอร์ก็งี้แหละ ฉันว่ารั่ว"
ถึงนายคิดฉันก็ไม่คิดหรอกย่ะ
"นายไม่ให้ฉันคิดแต่ตัวนายก็อย่าคิดเองแล้วกัน"
"ฉันเนี่ยนะ! เป็นไปไม่ได้"
"พูดงี้หมายความว่าไง"
"ปล่าวววว"
"นายลากหางเสียง"
"แล้วไง"
"อย่ามายอกย้อนดีกว่า ทำไม ฉันเป็นยังไงก็พูดมาเลย"
"จะให้ฉันพูดตรงๆ หรือว่าโกหกดีล่ะ" เซทแตะนิ้วที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ พลางทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วก็ตั้งแต่ปลายเท้าไปจนถึงปลายเล็บขบ "อืม…ฉันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยซะจนฉันต้องห้ามใจตัวเองทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้ๆ เธอ"
เซทยิ้มกรุ่มกริ่มพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มที่กำลังเปื้อนอยู่บนใบหน้าเขามันทำให้ฉันเริ่มหวั่นไหวร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่กล้าสบตาคู่นั้นที่กำลังจ้องมองฉันเลย รู้สึกคล้ายๆ ว่าจะอายอ่ะ >///<
"ยิ่งเวลาที่ได้จ้องนัยน์ตาเธอมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่า…" ตึกตัก…ตึกตัก ว่าอะไรอะ "…เธอหลอกง่ายชะมัด ฮาๆ "
"คนบ้า! นายแกล้งฉัน"
ฉันชักใบหน้าออกห่างจากเขาทันทีที่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกหลอกจนกลายเป็นตัวตลก
หน็อย! ฉันไม่น่าไปหลงคารมผู้ชายบ้าๆ อย่างนายเลย น่าเจ็บใจชะมัด
"แกล้งที่ไหนก็ฉันถามเธอแล้วว่าจะให้พูดตรงๆ หรือว่าโกหก ก็เธอไม่ตอบเอง"
ฮึ้ย! 1…2…3….
ฉันนับเลขในใจพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้มันเดือดดาล จนเผลอไปต่อยหน้าไอ้คนกวนประสาทหน้าโมโหอย่างอีตานี่
"โห! เล่นแค่นี้ถึงกลับโกรธหน้าดำหน้าแดงเชียวเหรอ"
"ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นนายนะ"
"ไม่ใช่เพื่อนงั้นแสดงว่า…อยากเป็นอย่างอื่นใช่ม๊า" เซทยิ้มกว้างออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะใช้มือเขี่ยเล่นที่ ปลอยผมของฉันเบาๆ
ฮึ้ย!! ทนไม่ไหวแล้วคร้าขอสักทีเถอะ
ฉันใช้ไม้คำยันกระทุ้งที่หน้าแข้งเขาอย่างจัง จนเขาถึงกับร้องโอยเขย่งเท้าไปมาด้วยความเจ็บ
"ยัยโหด! ฉันเจ็บนะ"
"ดี! สมน้ำหน้าอยากมาแกล้งฉันก่อนทำไมล่ะ แบร่"
ฉันแลบลิ้นยั่วโมโหก่อนจะขยับตัวออกไปจากที่นี่ แต่ก็ถูกเขาขว้ามือไว้ซะก่อน
"จะกลับยังไงเดี๋ยวฉันไปส่ง"
ไม่ต้องมาทำใจดีเลยถึงฉันจะเสียดายค่าแท็กซี่ขนาดไหน แต่ฉันก็ไม่ขอนั่งรถไปกับนายเด็ดขาด
"ฉันกลับเองได้"
"สภาพเนี้ยนะ"
"ทำไมสภาพอย่างนี้มันเป็นยังไง"
"ก็มันสวยเกินจนฉันคิดว่าถ้าปล่อยเธอไป มีหวังแท็กซี่มันคงพาเธอไปตรวจท้องที่ที่ใต้สะพานแน่"
คิดเหรอว่าฉันจะหลงกลนายง่ายๆ ฝันไปเถอะย่ะ ฉันแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจที่เขาพูดแล้วเดินออกจากบ้านอันที่จริงต้องเรียกว่าคฤหาสน์มันน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะทั้งตัวบ้านแล้วก็สวนมันกว้างซะจนฉันเดินทั้งวันไม่รู้จะทั่วหรือเปล่า แต่ในตอนนั้นเองอยู่ๆ ก็มีรถตู้ป้ายแดงขับมาขวางหน้าฉันไว้เสียก่อน หลังจากนั้นก็มีผู้ชายใส่ชุดสูทสีดำเหมือนกันหมดแถมหน้าตารุ่นราวคราวเดียวกับเซทประมาณห้าคนเดินลงมาจากรถตู้คันนั้น
"พวกแกเข้ามาได้ยังไง"
เซทตามฉันออกมาพอดี พอเขาเห็นชายพวกนั้นที่แต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ดในซีรีส์ที่ฉันเคยดู เขาก็ตวาดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"ขอโทษครับนายน้อย แต่นี่เป็นคำสั่งของนายท่าน"
หนึ่งในนั้นเรียกเซทว่านายน้อยก่อนจะคำนับให้อย่างนอบน้อม
"แต่ฉันยื่นคำขาดกับป๊าไปแล้วไง ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ไปคุยกับเขาเรื่องนั้นอีก"
"ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ผมได้รับคำสั่งให้มาเอาตัวผู้หญิงคนนี้ไป ไม่ใช่นายน้อย"
"ฉัน!"
ฉันชี้ตัวเองอย่างงงๆ นี่มันเรื่องอะไรกันแล้วทำไมคนพวกนี้ถึงต้องการตัวฉันด้วย ฉันหันหน้าไปสบตากับเซทเพื่อหวังได้คำตอบจากเขา แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าฉันจะมึนยิ่งกว่าตัวฉันเสียอีก
"ป๊าคิดจะทำอะไร"
"ไม่ทราบจริงๆ ครับ ผมเพียงแต่ทำตามคำสั่งให้พาเธอไปให้ได้"
"ไม่นะเซทฉันไม่รู้จักกับคนพวกนี้" ฉันส่ายหน้าอย่างกลัวๆ แล้วรีบเดินไปหลบที่ข้างหลังเขา
"ฉันให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้ายังไม่อยากตายก็พูดออกมาว่าป๊าต้องการตัวผู้หญิงคนนี้ไปทำไม"
เขาจ้องตาเขม็งไปยังลูกน้องของพ่อตัวเอง จนพวกนั้นหัวหดกันเป็นแถวๆ
"ผมเสียใจครับแต่ผมไม่ทราบจริงๆ ผมได้รับคำสั่งมาแค่นี้"
พูดจบผู้ชายพวกนั้นก็คำนับเซทอีกครั้งก่อนจะเข้ามากระชากฉันอย่างง่ายดาย แล้วเตรียมจะลากขึ้นไปยังรถตู้
"เซท! "
ฉันไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้กับคนพวกนี้ แต่ฉันก็กลัวเกินกว่าที่จะไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่ฉันไม่อาจคาดเดาได้ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเขาเป็นพ่อของเซทก็ตาม
"ปล่อยเธอซะ"
" …"
"ฉันบอกให้ปล่อยเธอไง"
เซทเดินเข้ามาขวางทางด้วยสายตาเย็นเยียบ แต่เต็มไปด้วยรังสีอมหิต จนพวกนั้นชะงักก่อนจะถอยห่างไปหลายก้าวแต่ก็ไม่ลืมที่จะลากเอาฉันติดมือไปด้วย โธ่! จะลืมกันบ้างก็ได้ ปกติฉันก็ไม่ใช่คนที่น่าจดจำขนาดนี้สักหน่อย
"นายน้อยอย่าทำให้พวกผมลำบากใจเลยครับ"
"ส่งยัยเป๋นั่นมาแล้วพวกแกก็กลับไปซะ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก"
"เห็นทีจะไม่ได้จริงๆ ครับ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องออกแรงกันหน่อย"
เซทออกกำปั้นไปยังชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างแรง จนหมอนั่นหน้าหงายเงิบพวกที่เหลือจึงรีบเข้าไปช่วย แต่ก็ยังอุตส่าห์เหลือทิ้งไว้อีกคนคอยจับฉันไว้
ไอ้บ้า! ทำไมไม่เข้าไปช่วยกันให้หมดเล่าจะมาจับฉันไว้ทำไม แค่พวกนายสี่คนล้มเขาไม่ได้หรอก ขนาดมาเยอะกว่านี้ยังวิ่งหนีหางจุกตูด แต่ดูเหมือนในสิ่งที่ฉันคิดไว้จะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นเท่าไหร่เพราะดูจากท่วงท่าการต่อสู้ในแบบกังฟู เหมือนกับพวกนั้นก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้เซทกำลังเป็นฝ่ายแย่ ถึงฝีมือจะสูสีกันแต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝั่งมีมากกว่า
เอาไงละทีนี้ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ฉันจึงใช้ช่วงทีเผลอกระทืบเท้าของไอ้คนที่มันจับฉันไว้ ก่อนจะใช้ข้อศอกถองเข้าไปที่สีข้างจนหลุดออกจากการเกาะกุม แล้วพยายามจะวิ่งไปหาเซทแต่ขาฉันเนี่ยสิเป็นอุปสรรคจริ๊งๆ เพราะไปได้แค่ไม่กี่ก้าวหมอนั้นก็จับฉันได้ก่อนจะลากฉันขึ้นไปบนรถแล้วปิดประตูเสียงดังปึง แง
"ปล่อยฉันนะ" ฉันทั้งร้องทั้งดิ้นโวยวายอยู่ในรถเท่าที่จะช่วยเหลือตัวเองได้
"อยู่เฉยๆ เถอะน่า ถ้าไม่อยากเจ็บตัว"
เฮือก!
ฉันหยุดกึกเหมือนโดนนะจังงังทันทีที่มีปลายกระบอกปืนจี้อยู่ข้างๆ ลำตัว แง! ฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่เห็นต้องใช้ปืนผาหน้าไม้เลยพูดกันดีๆ ก็ได้
ฉันเข้ามานั่งอยู่ในรถได้ไม่นานพวกที่เหลือก็ตามเข้ามาสมทบ แล้วเซทล่ะพวกนายเอาเขาไปทิ้งไว้ไหน
"พวกนายทำอะไรกับเขา"
ฉันเก็บซ่อนความกลัวก่อนจะวางมาดตวาดเสียงกร้าวออกไป หวังให้เสียงฉันไปกระตุ้นต่อมความกลัวของพวกนี้บ้างแต่ไม่เลย
"ฉันไม่มีหน้าที่ที่ต้องตอบเธอ"




lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ม.ค. 2557, 19:05:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ม.ค. 2557, 19:05:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 983





<< บทที่ 6   บทที่ 8 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account