จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น
ตอน: บทที่ 8
บทที่ 8
พวกนั้นขับรถนานเป็นชั่วโมง กว่าจะมาหยุดจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่กว่าของเซทเป็นเท่าตัว ถ้าฉันเดาไม่ผิดที่นี่คงเป็นบ้านพ่อเขา ฉันถูกลากให้ลงจากรถก่อนจะถูกผลักให้เข้าไปข้างใน แต่เมื่อฉันเดินเข้ามาถึงฉันกับพบผู้หญิงที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะไม้สักลายมังกรฝังด้วยเพชรเม็ดใหญ่ข้างๆ กับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งแค่เพียงได้สบตาฉันก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
"คุณป้า!!"
"สวัสดีคุณลีเขาก่อนสิขมิ้น"
" …" คุณลี! ตาแก่นี่เองเหรอที่คุณป้าจะเอาฉันมาขัดดอก ไม่นะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันมั้ย (แล้วเธอหวังจะพบหนุ่มน้อยหน้าใสสไตล์เกาหลีหรือไงยะ)
"ไม่ต้องพีธีรีตองให้มากความหรอก มานั่งข้างๆ ฉันสิ"
ตาแก่หัวล้านท่าทางชีกอ แต่ก็น่ากลัวเกินกว่าที่จะเป็นพวกหัวงูธรรมดาเรียกฉันให้เข้าไปนั่งข้างๆ หวังว่าตาแก่นี่คงจะไม่ใช่พ่อของเซทหรอกนะเพราะหนังหน้าไม่เหมือนกันสักนิดทั้งหัวล้านทั้งพุงพุ้ย แถมถ้าทางยังกับพวกเจ้าพ่อยังไงยังงั้นเลย
ฉันเลิกคิ้วมองหน้าคุณป้า แต่เธอไม่พูดอะไรเลยได้แต่พยักหน้าให้ฉันทำตามที่ตาแก่นั่นพูด ฉันจึงจำใจต้องเดินเข้าไปนั่ง
"ว่านอนสอนง่ายอย่างที่เธอบอกไว้ไม่มีผิด แถมตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก ดีๆ ฉันชอบ ฮาๆ แบบนี้อย่าเอามาขัดดอกเลยเสียของ เธอเอาเงินฉันไปเท่าไหร่ฉันยกให้เธอหมดไม่มีอะไรติดค้างต่อกันฉันซื้อขาดเลย เธอจะตกลงมั้ย กิ่งแก้ว"
เสียงตาแก่หัวเราะปรบมือชอบใจ จนฉันรู้สึกอึดอัด ทำไมฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วต่อจากนี้ฉันกำลังจะเป็นตัวอะไร ของเล่นระบายราคะของชายแก่เหรอ แค่ฉันคิดว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาจากตาโดยไม่ทันตั้งตัว ปกติฉันเข้มแข็งกว่านี้นะแต่พอเจอเรื่องแบบนี้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ
"ถ้ายังไงดิฉันขอคุยกับเด็กเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้มั้ยคะคุณลี"
"เอาสิตามสบายแต่อย่านานนักนะ ใจร้อนน่ะ ฮาๆ"
"ไปขมิ้น"
คุณป้าเรียกฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่กำลังกวนใจเธออยู่ตอนนี้ เธอเดินนำฉันออกไปข้างนอกก่อนจะหยุดเดินตรงริมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่
"ป้าขอโทษ"
เธอสวมกอดฉันพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูไหลออกมาไม่ต่างกับฉัน
"ป้าไม่มีทางเลือกจริงๆ เธอต้องเข้าใจป้านะ ถ้าเธอไม่ทำพวกมันฆ่าป้าทิ้งแน่ๆ"
"ค่ะ T_T " ฉันตอบเพียงสั้นๆ พร้อมกับน้ำตาที่มันไหลอาบข้างแก้มทั้งสองข้าง
"ป้าขอโทษ ขอโทษจริงๆ มันเป็นความผิดป้าคนเดียวถ้าป้าไม่ถูกผีพนันเขาสิงลูกหลานก็ไม่ต้องมาพลอยลำบากขนาดนี้ เธอต้องรับคำขอโทษจากป้านะ ฮือๆ "
"คุณป้า!"
ฉันอึ้งไปชั่ววินาทีก่อนจะได้สติรีบดึงคุณป้าที่กำลังนั่งคุกเขาต่อหน้าฉันให้ลุกขึ้น
"อย่าทำแบบนี้สิคะ"
ฉันพูดไปปาดน้ำตาไป รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลับไปเป็นเด็กที่เอาแต่ร้องไห้เวลามีปัญหา แทนที่จะมีสติอยู่ตลอดเวลาอย่างที่หลวงตาเคยพร่ำสอน ไม่ว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นแค่ไหนขอเพียงมีสติเราจะพบทางออกเสมอ แต่ฉันก็ทำไม่ได้
"ให้ป้าทำเถอะเพราะป้าเป็นหนี้ชีวิตขมิ้นนะ"
"หนูต่างหากที่เป็นหนี้ชีวิตคุณป้า คุณป้าให้ที่พัก ให้การศึกษาแถมเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลานถึงเวลาที่หนูคงต้องตอบแทนบุญคุณ"
"ชีวิตเธอมีค่าแค่นี้เองเหรอ น่าสมเพชสิ้นดี"
คนที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับคุณป้าคือเซทนั่นเอง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำแถมมีเลือดซึมออกมาจากบริเวณหางคิ้วที่ฉันเพิ่งทำแผลให้ไป
"นายเลือดไหลนะเซท"
"ห่วงตัวเองก่อนเถอะโดนขายเหมือนวัวเหมือนควาย ยังจะมีหน้ามาห่วงคนอื่นอีก "
เขาตวาดเสียงกร้าวจนพวกบอดี้การ์ดวิ่งเข้ามาดู แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ได้แต่ยืนมองกันอยู่ห่างๆ
"บอกมาว่าเธอถูกขายไปเท่าไหร่"
"ฉะ ฉันไม่รู้"
"ไม่รู้! เธอนี่มันเป็นหมูชัดๆ วันๆ เอาแต่กินกับนอนรึไงถึงไม่รู้อะไรสักอย่าง ฮะ!"
เซทเขย่าที่หัวไหล่ฉันอย่างแรงจนฉันเซไปตามแรงเหวี่ยงของเขา คุณป้าทนเห็นไม่ได้เลยเข้ามาขวางทางแล้วดึงฉันให้หลบไปอยู่ด้านหลังเธอ
"คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับหลานฉัน"
"หึ! แค่ให้ที่อยู่ที่กินแค่นี้ถึงจะมีสิทธิ์ทำกับเธอเหมือนสัตว์แบบคุณใช่มั้ย ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นรู้ตัวไว้เลยว่านาทีต่อจากนี้ไปคุณไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวผู้หญิงคนนี้อีก"
พูดจบเซทก็เดินเข้ามากระชากแขนฉันอย่างแรงให้ฉันเดินตามเขาเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่นั่นอีกครั้งก่อนที่คุณป้าจะวิ่งตามเข้ามาติดๆ
"ผมต้องคุยกับป๊าเรื่องยัยเป๋นี่"
"ทำไมฉันต้องคุย"
“เพราะผมเป็นลูกของป๊า”
"ช่างน่าขำ ตลอดเวลาแกไม่อยากมีพ่อแบบฉัน แล้ววันนี้มันอะไรอยู่ๆ ก็มาอ้างสิทธิ์อยากเป็นลูกคนที่แกเกลียดขึ้นมา"
"เข้าเรื่องเถอะป๊า ผมอยากซื้อตัวผู้หญิงคนนี้ต่อจากป๊า ป๊าซื้อเธอมาเท่าไหร่"
"ฮาๆ ฉันชักสนใจเรื่องนี้แล้วสิ"
ตาแก่นั่นที่ฉันเพิ่งรู้ว่าเป็นพ่อของเซทจริงๆ ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเพราะหนังหน้าผิดกันไกลลิบ แสยะยิ้มมองมาที่ฉันอย่างมีเลศนัย
"ผมถามว่าป๊าซื้อเธอมาเท่าไหร่! "
"ฉันจะซื้อมาเท่าไหร่มันไม่สำคัญเท่ากับแกจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อต่อจากฉัน"
"ผมมีเงิน"
"ฉันรู้ว่าแกมี แต่ที่ฉันสงสัยคือเงินที่แกมีมันเป็นของใครถ้าไม่ใช่ของที่ฉันให้แก "
"สรุปป๊าจะไม่ขาย แต่ต้องการให้ผม…."
"…แกไม่ใช่คนโง่ นั่นแหละคือสาเหตุที่ฉันต้องการมากกว่าเงิน"
ตาแก่หัวล้านตบหน้าเซทเบาๆ พลางหัวเราะชอบใจอย่างผู้ที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
"แต่นี่มันคนละเรื่องนะป๊า"
"ตอนแรกน่ะไม่ใช่ แต่เผอิญแกดันเดือนร้อนแทนผู้หญิงคนนี้ฉันก็เลยเพิ่งคิดได้ว่าใช่ดีกว่า ฮาๆ ว่ายังไงแกจะตกลงมั้ยถ้าแกโอเค ฉันก็จะยกผู้หญิงคนนี้ให้แกทันที"
เมื่อพ่อเขาพูดแบบนั้น เซทถึงกับลังเลก่อนจะหันมามองหน้าฉัน ฉันเดาใจเขาไม่ถูกว่าเขาจะตัดสินใจยังไงเพราะฉันแทบไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาหรือเข้าใจง่ายๆ ฉันไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดที่เขาจะต้องแลกกับอะไรบ้างอย่างที่แค่ฉันมองตาก็รู้ว่าต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจและพยายามหลีกหนีมันมาตลอดชีวิตก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังมีหวังทั้งๆ ที่ความจริงแล้วชีวิตฉันจบไปตั้งแต่วินาทีที่คุณป้าขายฉันเหมือนสัตว์ แต่ฟ้าก็ยังเมตตาเห็นในความกตัญญูที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ส่งเขามาทำให้ฉันมีความหวังอีกครั้ง
"ถ้าอย่างนั้นผมขอเวลาตัดสินใจก่อน"
"ปกติฉันไม่ใช่คนใจดีสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเป็นคำขอของแกฉันก็จะรับไว้ แต่เด็กนั้นต้องอยู่กับฉันจนกว่าแกจะตัดสินใจได้"
"ตกลงตามนั้น แต่ป๊าต้องรับปากกับผมได้มั้ยว่าจะไม่แตะต้องเธอ"
"ฮาๆ แกอย่าสับสนสิ ทุกอย่างที่ฉันทำมันคือเกม ฉันเป็นคนตั้งกฎแกเป็นคนเล่น เพราะฉะนั้นกติกาต้องเป็นของฉัน ถ้าแกคิดช้าแล้วตันหาฉันดันกำเริบก็ช่วยไม่ได้"
"ป๊าพูดแบบนี้ก็เท่ากับ จะใช้เธอเป็นเวลาบีบผมในการตัดสินใจ"
"ฉันชอบแกก็ตรงนี้แหละ รู้ทันความต้องการฉันทุกเรื่อง ฮาๆ เอาล่ะ จบกติกาต่อจากนี้ไปก็ถึงเวลาเล่นเกมสักที"
เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินมาแกะมือฉันจากเซท แล้วพาฉันขึ้นบันใดที่ถูกประดับประดาไปด้วยทองคำงดงามราวกับฉันกำลังย่างกรายขึ้นสู่สรวงสวรรค์ แต่ฉันกับรู้สึกตรงกันข้ามทุกย่างก้าวที่ฉันเดินผ่านขั้นบันใด มันเหมือนกับฉันหันหลังให้กับอนาคต ความสุข ความเป็นตัวเอง และความรัก เพราะเมื่อฉันก้าวผ่านพ้นบันไดทุกขั้น สุดท้ายแล้วเบื่องหน้าหลังประตูสีขาวฝังมุขนั้นก็คือขุมนรกที่พ่อของเซทกำลังจะหยิบยื่นให้ฉันต่างหาก
สำหรับเขาแล้วทุกอย่างมันคือเกมและการเดิมพันที่ต้องแลกบางอย่างที่เขาต้องการจากเซท ซึ่งฉันไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร แต่สำหรับฉันนี่ไม่ใช่เกมแต่มันคือชีวิตที่ฉันต้องเสียไป เพื่อตอบแทนบุญคุณ และถ้าหากฉันมีโชคเซทอาจตัดสินใจช่วยฉันแม้ว่าความเป็นไปได้มันจะน้อยนิด แต่ฉันก็ยังแอบหวัง
ทำไมต้องเป็นเธอด้วยยัยเป๋…
ผมรู้สึกสับสนว่าทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบขึ้นมาทันที ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินไปกับพ่อบังเกิดก้าวของตัวเองต่อหน้าต่อตา แค่ผมจินตนาการถึงภาพใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาวินาทีที่เธออยู่บนเตียงกับชายแก่คราวพ่อ ความร้อนก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเหมือนกับมีใครมาจุดชนวนระเบิดที่หัวใจของผมที่กำลังเต้นรัวเหมือนดังเสียงกลองที่ถูกตีผิดจังหวะ ผมทนเห็นภาพแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมแต่หัวใจและสัญชาตญาณมันดังก้องอยู่ในหัวว่าผมไม่อาจปล่อยมือผู้หญิงคนนั้นไปได้ ถึงแม้ผมจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม
"ผมตกลง!"
ทั้งฉันและพ่อของเซทชะงักฝีเท้าทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นจากด้านล่าง หัวใจฉันเต้นเร็วด้วยความดีใจที่ตัวเองกำลังจะรอดพ้นจากโรงฆ่าสัตว์ เพราะมีผู้ใจบุญมาไถ่ชีวิตสัตว์โลกที่น่าสงสารอย่างฉัน สิ่งที่ฉันหวังเป็นจริงสิ่งที่ฉันร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เขาช่วยฉันทั้งๆ ที่ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแต่เขาก็ยอมช่วย ฉันไม่รู้จะขอบคุณในสิ่งที่เขาช่วยยังไงดี ชาตินี้ทั้งชาติฉันคงไม่มีอะไรชดใช้หนี้ชีวิตครั้งนี้ให้เขาได้
"ถ้าแกตกลงแกก็เอาผู้หญิงของแกกลับไปได้เลย"
พ่อของเซทปล่อยมือฉันให้เป็นอิสละในทันที ฉันถึงกับยิ้มออกทั้งน้ำตาแต่คนตรงหน้ากับทำหน้าขมขื่นใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เขาต้องแลกกับฉันมันคืออะไรนะทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดขนาดนั้น
"เธอมันคุ้มค่าแก่การลงทุนจริงๆ " แต่ก่อนที่พ่อของเขาจะไป เขากลับหันมากระซิบเบาๆ เหมือนกับว่าอยากให้ฉันได้ยินเพียงคนเดียว ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์สุดๆ เท่าที่ฉันเคยพบมา แล้วเดินขึ้นบันไดไปพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะเหมือนพวกผู้ร้ายในละครไม่มีผิด
แต่วินาทีนี้ฉันแทบไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ฉันคิดมีเพียงเรื่องเดียวฉันอยากจะวิ่งลงไปแล้วขอบคุณผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แต่ขาฉันก็ก้าวช้าเกินกว่าเขาเพราะเพียงไม่กี่ก้าวเซทก็มาถึงตัวฉัน และยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเขาก็ยกตัวฉันจนลอยขึ้นจากพื้นก่อนที่ฉันจะโดนเขาแบกพาดบ่า
"ฉะ ฉันเดินเองได้น่ะ"
"น่ารำคาญจริง ขืนรอยัยเป๋อย่างเธอเดินเองครึ่งคืนฉันก็กลับไม่ถึงบ้าน"
เขาบอกว่าฉันน่ารำคาญแต่ไม่รู้ทำไมฉันก็อดยิ้มในสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ ถึงแม้เขาจะปากร้ายแต่เขาเป็นผู้ชายที่ใจดีไม่ต่างจากความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาเลยสักนิด
"รู้ตัวบ้างมั้ยว่าเธอหนักยิ่งกว่ากระสอบข้าวสารซะอีก"
">///<" แล้วใครใช้ให้แบกฉันล่ะยะ
เขาวางฉันลงช้าๆ ที่เบาะข้างคนขับแล้วปิดประตูใส่หน้าฉันดังปังก่อนจะเดินอ้อมหน้ารถมายังฝังคนขับแล้วขับออกไปด้วยความเร็วจนฉันคาดเข็มขัดนิรภัยแทบไม่ทัน ตลอดทางเขาก็เอาแต่นั่งเงียบจนฉันรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะเริ่มพูดขอบคุณเขายังไง ก็เล่นนั่งขรึมซะ! ว่าแต่ถ้าเกิดมีเสียงมาจากฉันสักนิด อาทิเช่นเสียงตดเขาจะถีบฉันออกจากนอกรถมั้ยอ่ะ เอาฟะ! วินาทีนี้บรรยากาศมาคุเอาไว้ขอบคุณวันหลังก็คงไม่เสียหายเท่าไหร่ แต่ด้วยความเย็นของแอร์รถบวกกับความเงียบฉันคิดอะไรออกได้แค่ไม่กี่อย่างหลังจากนั้นลมหาวปากกว้างก็มาเยือน ปกติฉันก็ไม่ใช่เด็กอานามัยนอนเร็วหรอกนะ แต่ฉันแพ้แอร์รถนั่งนานทีไรเป็นอันต้องผล็อยหลับไปทุกที และตอนนี้ก็เช่นกัน (.. ) ZZzz ZZzz
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่เซทเขย่าตัวฉันเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น แต่ด้วยความง่วงฉันจึงแค่ปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า…
"ถึงหอฉันแล้วเหรอ"
"เปล่า นี่บ้านฉันเอง"
"ฮะ! บ้านนาย" ฉันถึงกับลืมตาโพลงขึ้นมาความง่วงหายไปในทันที ทะ ทำไมนายไม่พาฉันกลับหออ่ะพามาบ้านตัวเองทำม่ายยย เอ๊ะ! หรือว่าเขาอาจจะจำทางไม่ได้ แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ปลุกกันเซ่
"ก็ฉันง่วงนี่"
ฉันย่นจมูกขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
"ง่วงไม่ขับไม่เคยได้ยินเหรอ"
"แต่ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวกระเทียมรีบนะ ฉันก็เป็นเด็กมีผู้ปกครองเพราะฉะนั้นฉันจะอยู่ที่ไหนก็ต้องได้รับการอนุญาตเสียก่อน อยู่ๆ จะมาอยู่กับนายได้ไงที่สำคัญนายก็เป็นผู้ชายฉันก็เป็นผู้หญิงจะมาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมันไม่เหมาะสม ถึงจะไม่คิดอะไรกันก็เถอะ"
"ผู้ปกครองที่ว่าหมายถึงป้าที่จูงเธอไปขายเหมือนวัวเหมือนควายน่ะเหรอ" โธ่! นายก็ตอกย้ำฉันเกินไปถึงฟังแล้วมันจะคล้ายว่าฉันเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าดูดีๆ ฉันก็ไม่ได้มีเขางอกเขาย้อยออกมาซะหน่อยจะเป็นวัวเป็นควายได้ยังไงกันเล่า " ถ้าอย่างนั้นเธอเข้าใจใหม่ได้เลยว่าผู้ปกครองของเธอคือฉัน ไม่ใช่ป้าเธอเพราะผู้หญิงคนนั้นหมดสิทธิ์ในตัวเธอตั้งแต่ที่รับเงินจากป๊าฉันแล้ว เธอลืมไปรึเปล่าว่าฉันเป็นคนไถ่ชีวิตเธอกลับมา แล้วถ้าเธอรู้ว่าฉันต้องแลกกับอะไรเพื่อช่วยเธอ เธอจะไม่มีทางพูดแบบนี้เด็ดขาด"
ฉันมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ ที่อยู่ๆ เขาก็ดูหัวเสียขึ้นมา แล้วไอ้ที่เขาพูดมันก็ถูกทุกอย่าง แต่ถ้าฉันมาอยู่กับเขาตอนนี้พี่เกลต้องจับได้แน่ว่าคุณป้าทำอะไรกับฉัน ถ้าเป็นแบบนั้นพี่เกลไม่มีทางให้อภัยคุณป้าแน่ๆ เรื่องนี้เธอรู้ดีถึงได้ตั้งใจจะเก็บเป็นความลับ
"แต่…"
"ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอแล้วนอนดีกว่า"
เซทเดินลงจากรถไปอย่างหน้าตาเฉย อะไรฟะ เมื่อกี้ยังทำหน้าจริงจังพูดจาขึงขังอยู่เลยเปลี่ยนซีนเร็วมากจนฉันเปลี่ยนสีแทบไม่ทัน (คนเหรอจิ๊งจกกันยะ) ฉันจึงได้แต่เดินตามเขาพร้อมกับตะโกนไล่หลัง..
"นี่! ฟังกันก่อนสิ พรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียนเสื้อผ้าก็ไม่มีการบ้านก็ยังไม่ได้ทำ…"
"พรุ่งนี้วันเสาร์"
ฉึก!
"ถึงจะเป็นวันหยุดมันก็ไม่ใช่เหตุผล ยังไงฉันก็ต้องกลับอยู่ดี"
แต่คนข้างหน้าไม่สนใจฉันสักนิด กลับเดินเร็วยิ่งกว่าเก่าอีก หน็อย! เป็นเด็กอนามัยต้องรีบเข้านอนแต่หัวค่ำรึไง แต่พอฉันเดินเข้าไปถึง หมอนั้นก็หลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาไปแล้ว เป็นไปได้ไงคนอะไรจะหลับง่ายขนาดนี้ แล้วนี้จะนอนทั้งสภาพแบบนี้ใช่มั้ยเนี่ย เลือดก็ไหลหน้าก็ช้ำ เฮ้อ!
"นี่ลุกขึ้นมาทำแผลก่อนแล้วค่อยนอน"
"…"
"นี่! > < "
"…"
ไม่ว่าฉันจะเรียกยังไงเขาก็เอาแต่เงียบ ฉันก็เลยต้องจำใจทำแผลให้ทั้งๆ ที่เขายังหลับถ้าขืนปล่อยให้เลือดไหลแบบนี้ทั้งคืนมีหวังเช้ามาหมอนี้ได้กลายเป็นแวมไพร์ตัวซีดแน่ๆ
พอทำแผลเสร็จเขาก็ยังนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนไม่ไหวติง ฉันก็เลยได้แต่นั่งมองเขาอย่างเงียบๆ ตามไปด้วยจนกระทั่งตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
พวกนั้นขับรถนานเป็นชั่วโมง กว่าจะมาหยุดจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่กว่าของเซทเป็นเท่าตัว ถ้าฉันเดาไม่ผิดที่นี่คงเป็นบ้านพ่อเขา ฉันถูกลากให้ลงจากรถก่อนจะถูกผลักให้เข้าไปข้างใน แต่เมื่อฉันเดินเข้ามาถึงฉันกับพบผู้หญิงที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะไม้สักลายมังกรฝังด้วยเพชรเม็ดใหญ่ข้างๆ กับผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งแค่เพียงได้สบตาฉันก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
"คุณป้า!!"
"สวัสดีคุณลีเขาก่อนสิขมิ้น"
" …" คุณลี! ตาแก่นี่เองเหรอที่คุณป้าจะเอาฉันมาขัดดอก ไม่นะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันมั้ย (แล้วเธอหวังจะพบหนุ่มน้อยหน้าใสสไตล์เกาหลีหรือไงยะ)
"ไม่ต้องพีธีรีตองให้มากความหรอก มานั่งข้างๆ ฉันสิ"
ตาแก่หัวล้านท่าทางชีกอ แต่ก็น่ากลัวเกินกว่าที่จะเป็นพวกหัวงูธรรมดาเรียกฉันให้เข้าไปนั่งข้างๆ หวังว่าตาแก่นี่คงจะไม่ใช่พ่อของเซทหรอกนะเพราะหนังหน้าไม่เหมือนกันสักนิดทั้งหัวล้านทั้งพุงพุ้ย แถมถ้าทางยังกับพวกเจ้าพ่อยังไงยังงั้นเลย
ฉันเลิกคิ้วมองหน้าคุณป้า แต่เธอไม่พูดอะไรเลยได้แต่พยักหน้าให้ฉันทำตามที่ตาแก่นั่นพูด ฉันจึงจำใจต้องเดินเข้าไปนั่ง
"ว่านอนสอนง่ายอย่างที่เธอบอกไว้ไม่มีผิด แถมตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก ดีๆ ฉันชอบ ฮาๆ แบบนี้อย่าเอามาขัดดอกเลยเสียของ เธอเอาเงินฉันไปเท่าไหร่ฉันยกให้เธอหมดไม่มีอะไรติดค้างต่อกันฉันซื้อขาดเลย เธอจะตกลงมั้ย กิ่งแก้ว"
เสียงตาแก่หัวเราะปรบมือชอบใจ จนฉันรู้สึกอึดอัด ทำไมฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วต่อจากนี้ฉันกำลังจะเป็นตัวอะไร ของเล่นระบายราคะของชายแก่เหรอ แค่ฉันคิดว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองอยู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาจากตาโดยไม่ทันตั้งตัว ปกติฉันเข้มแข็งกว่านี้นะแต่พอเจอเรื่องแบบนี้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ
"ถ้ายังไงดิฉันขอคุยกับเด็กเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้มั้ยคะคุณลี"
"เอาสิตามสบายแต่อย่านานนักนะ ใจร้อนน่ะ ฮาๆ"
"ไปขมิ้น"
คุณป้าเรียกฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่กำลังกวนใจเธออยู่ตอนนี้ เธอเดินนำฉันออกไปข้างนอกก่อนจะหยุดเดินตรงริมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่
"ป้าขอโทษ"
เธอสวมกอดฉันพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูไหลออกมาไม่ต่างกับฉัน
"ป้าไม่มีทางเลือกจริงๆ เธอต้องเข้าใจป้านะ ถ้าเธอไม่ทำพวกมันฆ่าป้าทิ้งแน่ๆ"
"ค่ะ T_T " ฉันตอบเพียงสั้นๆ พร้อมกับน้ำตาที่มันไหลอาบข้างแก้มทั้งสองข้าง
"ป้าขอโทษ ขอโทษจริงๆ มันเป็นความผิดป้าคนเดียวถ้าป้าไม่ถูกผีพนันเขาสิงลูกหลานก็ไม่ต้องมาพลอยลำบากขนาดนี้ เธอต้องรับคำขอโทษจากป้านะ ฮือๆ "
"คุณป้า!"
ฉันอึ้งไปชั่ววินาทีก่อนจะได้สติรีบดึงคุณป้าที่กำลังนั่งคุกเขาต่อหน้าฉันให้ลุกขึ้น
"อย่าทำแบบนี้สิคะ"
ฉันพูดไปปาดน้ำตาไป รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลับไปเป็นเด็กที่เอาแต่ร้องไห้เวลามีปัญหา แทนที่จะมีสติอยู่ตลอดเวลาอย่างที่หลวงตาเคยพร่ำสอน ไม่ว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นแค่ไหนขอเพียงมีสติเราจะพบทางออกเสมอ แต่ฉันก็ทำไม่ได้
"ให้ป้าทำเถอะเพราะป้าเป็นหนี้ชีวิตขมิ้นนะ"
"หนูต่างหากที่เป็นหนี้ชีวิตคุณป้า คุณป้าให้ที่พัก ให้การศึกษาแถมเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลานถึงเวลาที่หนูคงต้องตอบแทนบุญคุณ"
"ชีวิตเธอมีค่าแค่นี้เองเหรอ น่าสมเพชสิ้นดี"
คนที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับคุณป้าคือเซทนั่นเอง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำแถมมีเลือดซึมออกมาจากบริเวณหางคิ้วที่ฉันเพิ่งทำแผลให้ไป
"นายเลือดไหลนะเซท"
"ห่วงตัวเองก่อนเถอะโดนขายเหมือนวัวเหมือนควาย ยังจะมีหน้ามาห่วงคนอื่นอีก "
เขาตวาดเสียงกร้าวจนพวกบอดี้การ์ดวิ่งเข้ามาดู แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ได้แต่ยืนมองกันอยู่ห่างๆ
"บอกมาว่าเธอถูกขายไปเท่าไหร่"
"ฉะ ฉันไม่รู้"
"ไม่รู้! เธอนี่มันเป็นหมูชัดๆ วันๆ เอาแต่กินกับนอนรึไงถึงไม่รู้อะไรสักอย่าง ฮะ!"
เซทเขย่าที่หัวไหล่ฉันอย่างแรงจนฉันเซไปตามแรงเหวี่ยงของเขา คุณป้าทนเห็นไม่ได้เลยเข้ามาขวางทางแล้วดึงฉันให้หลบไปอยู่ด้านหลังเธอ
"คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับหลานฉัน"
"หึ! แค่ให้ที่อยู่ที่กินแค่นี้ถึงจะมีสิทธิ์ทำกับเธอเหมือนสัตว์แบบคุณใช่มั้ย ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นรู้ตัวไว้เลยว่านาทีต่อจากนี้ไปคุณไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวผู้หญิงคนนี้อีก"
พูดจบเซทก็เดินเข้ามากระชากแขนฉันอย่างแรงให้ฉันเดินตามเขาเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่นั่นอีกครั้งก่อนที่คุณป้าจะวิ่งตามเข้ามาติดๆ
"ผมต้องคุยกับป๊าเรื่องยัยเป๋นี่"
"ทำไมฉันต้องคุย"
“เพราะผมเป็นลูกของป๊า”
"ช่างน่าขำ ตลอดเวลาแกไม่อยากมีพ่อแบบฉัน แล้ววันนี้มันอะไรอยู่ๆ ก็มาอ้างสิทธิ์อยากเป็นลูกคนที่แกเกลียดขึ้นมา"
"เข้าเรื่องเถอะป๊า ผมอยากซื้อตัวผู้หญิงคนนี้ต่อจากป๊า ป๊าซื้อเธอมาเท่าไหร่"
"ฮาๆ ฉันชักสนใจเรื่องนี้แล้วสิ"
ตาแก่นั่นที่ฉันเพิ่งรู้ว่าเป็นพ่อของเซทจริงๆ ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเพราะหนังหน้าผิดกันไกลลิบ แสยะยิ้มมองมาที่ฉันอย่างมีเลศนัย
"ผมถามว่าป๊าซื้อเธอมาเท่าไหร่! "
"ฉันจะซื้อมาเท่าไหร่มันไม่สำคัญเท่ากับแกจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อต่อจากฉัน"
"ผมมีเงิน"
"ฉันรู้ว่าแกมี แต่ที่ฉันสงสัยคือเงินที่แกมีมันเป็นของใครถ้าไม่ใช่ของที่ฉันให้แก "
"สรุปป๊าจะไม่ขาย แต่ต้องการให้ผม…."
"…แกไม่ใช่คนโง่ นั่นแหละคือสาเหตุที่ฉันต้องการมากกว่าเงิน"
ตาแก่หัวล้านตบหน้าเซทเบาๆ พลางหัวเราะชอบใจอย่างผู้ที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
"แต่นี่มันคนละเรื่องนะป๊า"
"ตอนแรกน่ะไม่ใช่ แต่เผอิญแกดันเดือนร้อนแทนผู้หญิงคนนี้ฉันก็เลยเพิ่งคิดได้ว่าใช่ดีกว่า ฮาๆ ว่ายังไงแกจะตกลงมั้ยถ้าแกโอเค ฉันก็จะยกผู้หญิงคนนี้ให้แกทันที"
เมื่อพ่อเขาพูดแบบนั้น เซทถึงกับลังเลก่อนจะหันมามองหน้าฉัน ฉันเดาใจเขาไม่ถูกว่าเขาจะตัดสินใจยังไงเพราะฉันแทบไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาหรือเข้าใจง่ายๆ ฉันไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดที่เขาจะต้องแลกกับอะไรบ้างอย่างที่แค่ฉันมองตาก็รู้ว่าต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจและพยายามหลีกหนีมันมาตลอดชีวิตก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังมีหวังทั้งๆ ที่ความจริงแล้วชีวิตฉันจบไปตั้งแต่วินาทีที่คุณป้าขายฉันเหมือนสัตว์ แต่ฟ้าก็ยังเมตตาเห็นในความกตัญญูที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ส่งเขามาทำให้ฉันมีความหวังอีกครั้ง
"ถ้าอย่างนั้นผมขอเวลาตัดสินใจก่อน"
"ปกติฉันไม่ใช่คนใจดีสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเป็นคำขอของแกฉันก็จะรับไว้ แต่เด็กนั้นต้องอยู่กับฉันจนกว่าแกจะตัดสินใจได้"
"ตกลงตามนั้น แต่ป๊าต้องรับปากกับผมได้มั้ยว่าจะไม่แตะต้องเธอ"
"ฮาๆ แกอย่าสับสนสิ ทุกอย่างที่ฉันทำมันคือเกม ฉันเป็นคนตั้งกฎแกเป็นคนเล่น เพราะฉะนั้นกติกาต้องเป็นของฉัน ถ้าแกคิดช้าแล้วตันหาฉันดันกำเริบก็ช่วยไม่ได้"
"ป๊าพูดแบบนี้ก็เท่ากับ จะใช้เธอเป็นเวลาบีบผมในการตัดสินใจ"
"ฉันชอบแกก็ตรงนี้แหละ รู้ทันความต้องการฉันทุกเรื่อง ฮาๆ เอาล่ะ จบกติกาต่อจากนี้ไปก็ถึงเวลาเล่นเกมสักที"
เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินมาแกะมือฉันจากเซท แล้วพาฉันขึ้นบันใดที่ถูกประดับประดาไปด้วยทองคำงดงามราวกับฉันกำลังย่างกรายขึ้นสู่สรวงสวรรค์ แต่ฉันกับรู้สึกตรงกันข้ามทุกย่างก้าวที่ฉันเดินผ่านขั้นบันใด มันเหมือนกับฉันหันหลังให้กับอนาคต ความสุข ความเป็นตัวเอง และความรัก เพราะเมื่อฉันก้าวผ่านพ้นบันไดทุกขั้น สุดท้ายแล้วเบื่องหน้าหลังประตูสีขาวฝังมุขนั้นก็คือขุมนรกที่พ่อของเซทกำลังจะหยิบยื่นให้ฉันต่างหาก
สำหรับเขาแล้วทุกอย่างมันคือเกมและการเดิมพันที่ต้องแลกบางอย่างที่เขาต้องการจากเซท ซึ่งฉันไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร แต่สำหรับฉันนี่ไม่ใช่เกมแต่มันคือชีวิตที่ฉันต้องเสียไป เพื่อตอบแทนบุญคุณ และถ้าหากฉันมีโชคเซทอาจตัดสินใจช่วยฉันแม้ว่าความเป็นไปได้มันจะน้อยนิด แต่ฉันก็ยังแอบหวัง
ทำไมต้องเป็นเธอด้วยยัยเป๋…
ผมรู้สึกสับสนว่าทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบขึ้นมาทันที ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินไปกับพ่อบังเกิดก้าวของตัวเองต่อหน้าต่อตา แค่ผมจินตนาการถึงภาพใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาวินาทีที่เธออยู่บนเตียงกับชายแก่คราวพ่อ ความร้อนก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเหมือนกับมีใครมาจุดชนวนระเบิดที่หัวใจของผมที่กำลังเต้นรัวเหมือนดังเสียงกลองที่ถูกตีผิดจังหวะ ผมทนเห็นภาพแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมแต่หัวใจและสัญชาตญาณมันดังก้องอยู่ในหัวว่าผมไม่อาจปล่อยมือผู้หญิงคนนั้นไปได้ ถึงแม้ผมจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม
"ผมตกลง!"
ทั้งฉันและพ่อของเซทชะงักฝีเท้าทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นจากด้านล่าง หัวใจฉันเต้นเร็วด้วยความดีใจที่ตัวเองกำลังจะรอดพ้นจากโรงฆ่าสัตว์ เพราะมีผู้ใจบุญมาไถ่ชีวิตสัตว์โลกที่น่าสงสารอย่างฉัน สิ่งที่ฉันหวังเป็นจริงสิ่งที่ฉันร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เขาช่วยฉันทั้งๆ ที่ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแต่เขาก็ยอมช่วย ฉันไม่รู้จะขอบคุณในสิ่งที่เขาช่วยยังไงดี ชาตินี้ทั้งชาติฉันคงไม่มีอะไรชดใช้หนี้ชีวิตครั้งนี้ให้เขาได้
"ถ้าแกตกลงแกก็เอาผู้หญิงของแกกลับไปได้เลย"
พ่อของเซทปล่อยมือฉันให้เป็นอิสละในทันที ฉันถึงกับยิ้มออกทั้งน้ำตาแต่คนตรงหน้ากับทำหน้าขมขื่นใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เขาต้องแลกกับฉันมันคืออะไรนะทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดขนาดนั้น
"เธอมันคุ้มค่าแก่การลงทุนจริงๆ " แต่ก่อนที่พ่อของเขาจะไป เขากลับหันมากระซิบเบาๆ เหมือนกับว่าอยากให้ฉันได้ยินเพียงคนเดียว ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์สุดๆ เท่าที่ฉันเคยพบมา แล้วเดินขึ้นบันไดไปพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะเหมือนพวกผู้ร้ายในละครไม่มีผิด
แต่วินาทีนี้ฉันแทบไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ฉันคิดมีเพียงเรื่องเดียวฉันอยากจะวิ่งลงไปแล้วขอบคุณผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แต่ขาฉันก็ก้าวช้าเกินกว่าเขาเพราะเพียงไม่กี่ก้าวเซทก็มาถึงตัวฉัน และยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเขาก็ยกตัวฉันจนลอยขึ้นจากพื้นก่อนที่ฉันจะโดนเขาแบกพาดบ่า
"ฉะ ฉันเดินเองได้น่ะ"
"น่ารำคาญจริง ขืนรอยัยเป๋อย่างเธอเดินเองครึ่งคืนฉันก็กลับไม่ถึงบ้าน"
เขาบอกว่าฉันน่ารำคาญแต่ไม่รู้ทำไมฉันก็อดยิ้มในสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ ถึงแม้เขาจะปากร้ายแต่เขาเป็นผู้ชายที่ใจดีไม่ต่างจากความหล่อเหลาบนใบหน้าของเขาเลยสักนิด
"รู้ตัวบ้างมั้ยว่าเธอหนักยิ่งกว่ากระสอบข้าวสารซะอีก"
">///<" แล้วใครใช้ให้แบกฉันล่ะยะ
เขาวางฉันลงช้าๆ ที่เบาะข้างคนขับแล้วปิดประตูใส่หน้าฉันดังปังก่อนจะเดินอ้อมหน้ารถมายังฝังคนขับแล้วขับออกไปด้วยความเร็วจนฉันคาดเข็มขัดนิรภัยแทบไม่ทัน ตลอดทางเขาก็เอาแต่นั่งเงียบจนฉันรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะเริ่มพูดขอบคุณเขายังไง ก็เล่นนั่งขรึมซะ! ว่าแต่ถ้าเกิดมีเสียงมาจากฉันสักนิด อาทิเช่นเสียงตดเขาจะถีบฉันออกจากนอกรถมั้ยอ่ะ เอาฟะ! วินาทีนี้บรรยากาศมาคุเอาไว้ขอบคุณวันหลังก็คงไม่เสียหายเท่าไหร่ แต่ด้วยความเย็นของแอร์รถบวกกับความเงียบฉันคิดอะไรออกได้แค่ไม่กี่อย่างหลังจากนั้นลมหาวปากกว้างก็มาเยือน ปกติฉันก็ไม่ใช่เด็กอานามัยนอนเร็วหรอกนะ แต่ฉันแพ้แอร์รถนั่งนานทีไรเป็นอันต้องผล็อยหลับไปทุกที และตอนนี้ก็เช่นกัน (.. ) ZZzz ZZzz
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่เซทเขย่าตัวฉันเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น แต่ด้วยความง่วงฉันจึงแค่ปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า…
"ถึงหอฉันแล้วเหรอ"
"เปล่า นี่บ้านฉันเอง"
"ฮะ! บ้านนาย" ฉันถึงกับลืมตาโพลงขึ้นมาความง่วงหายไปในทันที ทะ ทำไมนายไม่พาฉันกลับหออ่ะพามาบ้านตัวเองทำม่ายยย เอ๊ะ! หรือว่าเขาอาจจะจำทางไม่ได้ แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ปลุกกันเซ่
"ก็ฉันง่วงนี่"
ฉันย่นจมูกขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
"ง่วงไม่ขับไม่เคยได้ยินเหรอ"
"แต่ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวกระเทียมรีบนะ ฉันก็เป็นเด็กมีผู้ปกครองเพราะฉะนั้นฉันจะอยู่ที่ไหนก็ต้องได้รับการอนุญาตเสียก่อน อยู่ๆ จะมาอยู่กับนายได้ไงที่สำคัญนายก็เป็นผู้ชายฉันก็เป็นผู้หญิงจะมาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมันไม่เหมาะสม ถึงจะไม่คิดอะไรกันก็เถอะ"
"ผู้ปกครองที่ว่าหมายถึงป้าที่จูงเธอไปขายเหมือนวัวเหมือนควายน่ะเหรอ" โธ่! นายก็ตอกย้ำฉันเกินไปถึงฟังแล้วมันจะคล้ายว่าฉันเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าดูดีๆ ฉันก็ไม่ได้มีเขางอกเขาย้อยออกมาซะหน่อยจะเป็นวัวเป็นควายได้ยังไงกันเล่า " ถ้าอย่างนั้นเธอเข้าใจใหม่ได้เลยว่าผู้ปกครองของเธอคือฉัน ไม่ใช่ป้าเธอเพราะผู้หญิงคนนั้นหมดสิทธิ์ในตัวเธอตั้งแต่ที่รับเงินจากป๊าฉันแล้ว เธอลืมไปรึเปล่าว่าฉันเป็นคนไถ่ชีวิตเธอกลับมา แล้วถ้าเธอรู้ว่าฉันต้องแลกกับอะไรเพื่อช่วยเธอ เธอจะไม่มีทางพูดแบบนี้เด็ดขาด"
ฉันมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ ที่อยู่ๆ เขาก็ดูหัวเสียขึ้นมา แล้วไอ้ที่เขาพูดมันก็ถูกทุกอย่าง แต่ถ้าฉันมาอยู่กับเขาตอนนี้พี่เกลต้องจับได้แน่ว่าคุณป้าทำอะไรกับฉัน ถ้าเป็นแบบนั้นพี่เกลไม่มีทางให้อภัยคุณป้าแน่ๆ เรื่องนี้เธอรู้ดีถึงได้ตั้งใจจะเก็บเป็นความลับ
"แต่…"
"ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอแล้วนอนดีกว่า"
เซทเดินลงจากรถไปอย่างหน้าตาเฉย อะไรฟะ เมื่อกี้ยังทำหน้าจริงจังพูดจาขึงขังอยู่เลยเปลี่ยนซีนเร็วมากจนฉันเปลี่ยนสีแทบไม่ทัน (คนเหรอจิ๊งจกกันยะ) ฉันจึงได้แต่เดินตามเขาพร้อมกับตะโกนไล่หลัง..
"นี่! ฟังกันก่อนสิ พรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียนเสื้อผ้าก็ไม่มีการบ้านก็ยังไม่ได้ทำ…"
"พรุ่งนี้วันเสาร์"
ฉึก!
"ถึงจะเป็นวันหยุดมันก็ไม่ใช่เหตุผล ยังไงฉันก็ต้องกลับอยู่ดี"
แต่คนข้างหน้าไม่สนใจฉันสักนิด กลับเดินเร็วยิ่งกว่าเก่าอีก หน็อย! เป็นเด็กอนามัยต้องรีบเข้านอนแต่หัวค่ำรึไง แต่พอฉันเดินเข้าไปถึง หมอนั้นก็หลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาไปแล้ว เป็นไปได้ไงคนอะไรจะหลับง่ายขนาดนี้ แล้วนี้จะนอนทั้งสภาพแบบนี้ใช่มั้ยเนี่ย เลือดก็ไหลหน้าก็ช้ำ เฮ้อ!
"นี่ลุกขึ้นมาทำแผลก่อนแล้วค่อยนอน"
"…"
"นี่! > < "
"…"
ไม่ว่าฉันจะเรียกยังไงเขาก็เอาแต่เงียบ ฉันก็เลยต้องจำใจทำแผลให้ทั้งๆ ที่เขายังหลับถ้าขืนปล่อยให้เลือดไหลแบบนี้ทั้งคืนมีหวังเช้ามาหมอนี้ได้กลายเป็นแวมไพร์ตัวซีดแน่ๆ
พอทำแผลเสร็จเขาก็ยังนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนไม่ไหวติง ฉันก็เลยได้แต่นั่งมองเขาอย่างเงียบๆ ตามไปด้วยจนกระทั่งตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ม.ค. 2557, 19:06:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ม.ค. 2557, 19:06:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 1042
<< บทที่ 7 | บทที่ 9 >> |