จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 11

บทที่ 11

"ทำไมถึงไม่บอกว่ากลัว ฉันจะได้ไม่แกล้ง" เซทพูดขึ้นพลางแบกฉันขึ้นหลังเดินฝ่าสายฝนที่ยังเทกระหน่ำไม่ขาดสาย แต่โชคดีที่ฟ้าแค่ร้องครืนๆ ไม่ผ่าลงมาเหมือนเมื่อกี้อีก
"ถ้านายไม่ได้แกล้งฉัน นายจะมีความสุขเหรอ"
"ทำไมถึงคิดแบบนั้น"
"ก็นายบอกว่าเวลาฉันอยู่ใกล้ๆ นายจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า"
"แล้วมันเกี่ยวกับการแกล้งเธอตรงไหน"
"ก็เวลาฉันอยู่ใกล้นายทีไร ถ้าไม่กวนประสาทนายก็แกล้งให้ฉันโมโห"
"เธอก็เลยคิดว่าฉันมีความสุขเพราะได้แกล้งเธองั้นสิ ยัยบื่อ!!"
"ก็ประมาณนั้น"
"แล้วเธอไม่คิดอย่างอื่นบ้างเหรอว่าเพราะอะไร"
"ต้องคิดด้วยเหรอ"
"ก็ลองคิดดูสิ คิดให้ลึกๆ ด้วยนะ"
โห! ต้องลึกด้วย!! แล้วเขาจะมาเอาจริงเอาจังอะไรหนักหนากับอีเรื่องแค่นี้นะ แถมตอนนี้ทำท่าลุ้นตัวโก่งยังกับรอลุ้นเลขที่ออกของล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอย่างนั้นแหละ แต่ก็เอาเถอะจะลองนึกดู
แต่…
"คิดไม่ออก"
"โธ่! ทำไมเรื่องแบบนี้เธอถึงได้มึนนักนะ"
เอ้า! คิดไม่ออกก็ด่าอีก สรุปฉันผิดซะงั้น
"แล้วมีเฉลยมั้ย"
"มี! แต่เธอคงไม่อยากรู้มันหรอก"
"ต้องอยากรู้สิ"
"มากมั้ย"
"ต้องตอบด้วยเหรอ"
"อืม!"
"ก็มากอยู่นะ"
"แต่น้ำเสียงเธอมันไม่น่าเชื่อถือ"
"ได้โปรดบอกฉันเถอะ ฉันคงไม่ตายเพราะตกใจเสียงฟ้าผ่าหรอกแต่จะตายเพราะทนอยากรู้ไม่ไหวนี่แหละ เป็นไงแบบนี้พอจะบอกได้ยัง"
"คราวนี้โคตรรร จะจริงใจเลย"
โห! เยอะอ่ะ
เซทหยุดเดินแล้วเอียงคอมามองหน้าฉัน ประจวบกับที่ฉันก็มองเขาอยู่พอดีก็สงสัยอ่ะอยู่ๆ จะหยุดเดินทำไมเดี๋ยวฟ้าก็ผ่าลงมาอีกหรอกคนยิ่งกลัวๆ อยู่ แต่พอสายตาเราประสานกัน ฉันก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านไปทั้งตัว จนฉันต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเขาอีกตามเคย
ทำไมนะฉันถึงเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยเลย
"บอกเถอะน่าเพราะอะไร"
"เพราะฉัน…" โอ๊ย! ลุ้นจนหัวใจแทบจะหยุดทำงาน ที่เมื่อกี้มันยังเต้นแรงอยู่เลย ฉันได้แต่มองคนพูดแล้วกระพริบตาปริบๆ "ช่างมันเถอะ"
"โธ่! ฉันลุ้นแทบลืมหายใจ"
" ^_^จริงเหรอ"
รอยยิ้มแบบนี้มันทำให้เขาน่ารักจัง จนฉันลืมใส่ใจไปเลยว่าคำตอบของเขาคืออะไร ^^
แต่ทำไมฉันต้องไปใส่ใจกับรอยยิ้มนั่นขนาดนี้ด้วยล่ะ!
หลังจากนั้นเราก็เดินไปต่อ ไม่สิเซทเดินคนเดียวส่วนฉันสบายเหมือนกำลังเป็นเจ้าหญิงพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็เลยต้องมีคนแบก และเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนถึงบ้าน
"กรี๊ดดดด /// ทำไมต้องขี่หลังกันมาด้วยล่ะ"
หลีหลินเดินกระแทกเท้าหน้าบูดหน้าเบี้ยว ก่อนจะหยุดตรงหน้าฉันอย่างหัวเสีย แต่พอเธอเหลือบไปเห็นเซทที่เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนแค่นั้นแหละ เธอก็เปลี่ยนโหมดทันที
"แล้วทำไมเฮียถึงเปียกมาแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี"
"ฉันโตแล้ว!" เซทตอบเสียงห้วนๆ แสดงถึงความหงุดหงิดใจนิดหน่อย จนเธอถึงกับหน้าหงอยไป "ฉันว่าเธอไปเอาเสื้อผ้าที่พี่เขาพอจะใส่ได้มาให้ฉันดีกว่า"
"ไม่เอาอ่ะฉันไม่ชอบใส่เสื้อผ้าปนกับใคร โดยเฉพาะเธอ"
เอ้า! ฉันยืนตัวเปียกอยู่เฉยๆ ก็หันมากัดกันซะงั้น
"น่ารำคาญจริง แล้วนี่นูนา* ไปไหนล่ะ"
"อยู่นี่ค่ะ" o0o เอร๊ย! นั่นตัวอะไรอ่ะ เธอโผล่พรวดเข้ามาในห้อง ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าผู้หญิงที่เดินหลังค่อมถือไม้ค้ำยันเนื้อหนังเหี่ยวย่นแถมผมขาวโพลนซึ่งประเมินแล้วอายุของเธอไม่ต่ำกว่าแปดสิบอัพแน่นอน แต่ดูเธอแต่งตัวสินี่มันเกาหลีชัดๆ เพราะเธอมาแบบจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมในชุดฮันบก > < ทำได้ไงง่าไม่เดินรักเร้เปียกทั้งวันเลยเหรอแบบเนี้ย
เธอหันมามองฉันแวบหนึ่งแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจแถมเชิดใส่อีกต่างหาก ก่อนจะรีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับเซทแล้วก็ใช้ก้นฟีบๆ เหี่ยวๆ ของเธอกระแซะๆ ให้ฉันหลบไปให้พ้นทาง
"นึกว่าจะเที่ยวจนลืมนูนาแล้วซะอีก"
นูนาค้อนใส่เซทเล็กๆ แบบน่ารักน่าหยิก เหมือนสาวน้อยแรกรุ่นท่าทางของเธอทำเอาฉันต้องแอบอมยิ้ม บ้านนี้ต้องไม่มีกระจกแน่ๆ เธอถึงได้ลืมวัยขนาดนี้
"ผมจะลืมนูนาได้งัย คิดถึงจะตายไป ไหนๆ ขอผมหอมให้หายคิดถึงหน่อยสิ"
เหวอ!
แต่เซทก็ไม่ได้โกหกนะว่าคิดถึงจริงๆ เพราะทันทีที่เขาพูดจบเขาก็โน้มหน้าไปห้อมแก้มนูนาฟอดใหญ่แถมกอดอีกต่างหากแบบว่าเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นแรมชาติอะไรประมาณนั้น
"ไม่ต้องมาปากหวานเลย"
ฉันก็ว่างั้นแหละหวานเกินไปมั้ย ปกติหมอนี่ปากเสียจะตายไป รึว่าเขาจะมีรสนิยมชอบคนแก่ โอ้ม่ายยยยนะ รับไม่ได้อย่างแรง T^T
"ผมพูดจริงนะ"
"ถ้าคิดถึงกันจริงแล้วพายัยพิการหน้าสวยนี่มาทำไมล่ะ"
__________________________________________________________
*นูนา-เป็นภาษาเกาหลี ใช้สำหรับน้องชายเรียกพี่สาว
โอ๊ะ OoO หนูแค่ขาหักใส่เฝือกเฉยๆ ค่ะยังไม่ถึงขั้นพิการ
นูนาหันหน้ามาจิกใส่ฉันก่อนจะสะบัดหน้าพรืดแบบงอนๆ มีใครเคยบอกเธอมั้ยว่าน่ารักซะ (ไม่มี)
"ผมตั้งใจพาเธอมาพักผ่อนน่ะ พักนี้เธอมีแต่เรื่องยุ่งๆ ก็เลยคิดว่าน่าจะพามาสูดอากาสบริสุทธิที่นี่ แล้วก็ทานอาหารฝีมือนูนาจะได้ดีขึ้น อีกอย่างผมก็คิดถึงแม่คิดถึงนูนาด้วย"
จริงของเขาแหละหลายวันมานี้ฉันแทบตั้งตัวไม่ติดเลยมีแต่เรื่อง ถ้าไม่ได้เขาคอยช่วยฉันก็คง…เฮ้อ! ไม่
อยากนึกถึง นอกจากจะคอยช่วยฉันแล้วยังสนใจความรู้สึกของฉันอีก ผิดกับคนบางคนฉันรู้สึกดี
ด้วยจนเต็มหัวใจแต่เขาไม่เคยมีเวลาให้ฉันแบบจริงๆ จังๆ สักครั้ง เฮ้อ! คิดแล้วก็น้อยใจอ่ะ
"เห็นไม่คะออนนี ว่าเฮียเซทน่ะนอกใจเรา "
ยัยเด็กหลีหลินที่ยืนเงียบอยู่นานได้ช่องไฟก็ใส่ฟืนทับถมทันที เซทเห็นท่าไม่ดีกลัวว่าแม่นูนากับยัยเด็กแก่แดดอยากจะโตอย่างหลีหลิน จะจับมือกระชับมิตรเป็นแนวร่วมถล่มฉัน ก็เลยเบรกไว้ซะก่อน
"ผมเปียกไปหมดเลยถ้าไม่รีบไปอาบน้ำสงสัยต้องไม่สบายแน่ๆ"
"อุ๊ยตาย! จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นรีบไปเลย "
ได้ผลแฮะรู้สึกว่าคนบ้านนี้จะใส่ใจสุขภาพของเซทน่าดู นูนาก็ดูห่วงใยเหมือนเขาเป็นลูกเป็นหลานส่วน หลีหลินรายนี้ยิ่งแล้วใหญ่เลย เหมือนกับเซทคือหัวใจของเธอเชียวล่ะ
แต่จะว่าไปถึงแม้ว่าบ้านนี้จะดูเพี้ยนๆ ไปหน่อยแต่ก็น่ารักกันดีนะโดยเฉพาะเซท เวลาอยู่ที่นี่ดูเป็นคนละคนเลย เขากลายเป็นคนอ่อนโยนแม้แต่กับคนแก่ แถมดูใจดีกับเด็กคนนั้นด้วยแม้ว่าท่าทางคำพูดเขาจะเหมือนรำคาญเธอ แต่ฉันรู้สึกว่าลึกๆ ในใจเขาเอ็นดูเด็กคนนี้มาก ปกติเขาเป็นคนถือตัวจะตายไป
"แต่ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย...^$^%#^&^%*& ( " เซทหันไปกระซิบอะไรก็ไม่รู้ที่ข้างหูนูนาหน้าเหี่ยว แม้ว่าเธอจะทำท่าไม่พอใจอยู่นิดๆ แต่ก็ยอมพยักหน้าเป็นเชิงตกลง แต่ก็ช่างปะไรเขากระซิบกระซาบกันก็แปลว่าไม่ต้องการให้ฉันได้ยินแล้วฉันจะไปเจ๋อเสียมารยาทอยากรู้ทำไมเนอะ (เสียงสูง)
หลังจากนั้นเซทก็พาฉันมาที่ห้องที่ฉันต้องซุกหัวนอนคืนนี้ ใช่ฟังไม่ผิดหรอกเพราะเขานั่งยัน (ยืนยันแล้วเดี๋ยวเมื่อย) ว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่เพราะคิดถึงใครต่อใครมากมายตั้งเยอะตั้งแยะ อาทิแม่ นูนา แม่ นูนา แม่ นูนา แม่ นูนา แม่ นูนา โอ๊ยยยยยยย >.,< นับวนๆ กลับไปกลับมาก็เยอะอยู่อ่ะน่ะ ก็เลยต้องจำยอม แต่เขาก็ไม่บังคับฉันหรอกเพราะเขาเป็นคนดีมากเขาก็เลยบอกว่า ถ้าฉันอยากกลับก็เดินไปเอง
เยี่ยมไปเลย! ช่างเป็นทางเลือกที่โคตรจะประทับใจ
"อาบน้ำสระผมด้วยเดี๋ยวไม่สบาย ไปดูแฟนร้องเพลงไม่ไหวจะมานั่งร้องไห้ร้องห่มฟูมฟาย"
เขาจำได้ไงว่าพรุ่งนี้เป็นวันเล่นคอนเสิร์ตพี่เกล แต่ก็ช่างเถอะไม่เห็นสำคัญสักหน่อย
"รู้แล้วน่า ว่าแต่นายเถอะออกไปได้แล้วฉันไม่ชอบอยู่กับนายสองต่อสอง"
"กลัวฉันจะ…" เซทค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉันทีละนิดทีละนิด จนฉันต้องกระเถิบถอยหนี แต่ในที่สุดฉันก็ถูกต้อนไปจนสุดมุมห้องจนได้ พอฉันหมดทางไปเขาก็ใช้มือข้างหนึ่งเท้ากำแพงปิดทางออก แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนฉันต้องเบี่ยงหน้าหลบ
"นะ นายเข้ามาใกล้เกินไปแล้วนะ"
ฉันพูดพลางหลบสายตา แต่เขาก็ไม่ยอมแถมใช้มือช้อนคางฉันขึ้นเพื่อให้ฉันหันมาสบตากับเขาอีกต่างหาก
โธ่! อย่ามองนะได้โปรด แต่คงไม่ทันแล้วล่ะเพราะตอนนี้สายตาของฉันกับเขามัน…
อ๊ายยยยยยยยยย >///< ทนแรงต้านทานดวงตาคู่สวยนั่นไม่ได้เลยหัวใจฉันมันเต้นแรงอีกแล้ว แถมตอนนี้ฉันยังรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งใบหน้าแล้วด้วย
"ก็ฉันชอบ…อยู่ใกล้ๆ เธอไม่ได้เหรอ"
แต่ฉันไม่ชอบ!
"…"
"ฉันพูดจริงๆ นะ" คราวนี้เซทจ้องมองฉันแบบไม่ละสายตา และไม่ยอมให้ฉันหลบสายตาเขาอีกด้วย จนฉันทำอะไรไม่ถูก แค่ขยับตัวยังทำไม่ได้
" …"
"ว่าไงทำไมไม่ตอบฉันล่ะ"
เซทพูดพลางใช้นิ้วชี้ไล่ที่ข้างแก้มฉันเบาๆ ยิ่งทำให้สติฉันกระเจิดกระเจิงเข้าไปใหญ่
" …" ให้ตายเถอะอย่าทำแบบนี้ได้มั้ย รู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
"ฉันคงต้องทำให้เธอยอมเปิดปากพูดสินะ"
ก็มันกำลังอึ้งจะให้พูดอะไรเล่า แล้วไอ้ที่จะเปิดปากเนี่ยคงไม่คิดจะจับฉันแหกปากเหมือนในหนังผีฝรั่งหรอกใช่มั้ย
แต่ผิดคลาดเมื่อเขาทำท่าทางเหมือนกำลังจะจูบ ไม่ใช่แหกปากอย่างที่ฉันคิด ทำเอาฉันแทบช็อกกลางอากาศ ม่ายนะฉันจะยอมให้เขาจูบไม่ได้ ในขณะที่ริมฝีปากอมชมพูเหมือนไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รี่ของเขากำลังจะทาบทับลงมา ฉันก็รีบเอามือมาปิดปากตัวเองไว้ด้วยสัญชาตญาณพอเขาจูบก็เลยโดนฝามือฉันแทน
"อั๊นออมออบแอ๊ว"
ฉันพูดอู้อีอยู่ในลำคอเพราะติดฝามือตัวเอง แต่เขาก็ไม่ละความพยายามที่จะดึงมือฉันที่กั้นกลางระหว่างปากเราออก แต่ฉันก็ขืนมือไว้สุดชีวิต
"ออกอ่าออบแอ๊วไอ"
ฉันย้ำอีกครั้งว่าจะตอบ เขาก็เลยผละออกจากฉัน แต่ก็ไม่วายยิ้มเยาะเย้ยนัยน์ตาเต็มไปด้วยความสนุกที่แกล้งฉันได้ แต่ฉันไม่สนุกด้วยนะ
"พูดมาสิเอาให้ถูกใจนะไม่อย่างนั้นฉันจะ…"
เซททำท่าจะจูบฉันอีกรอบแต่คราวนี้ฉันรีบเอาทั้งสองมือมาปิดปากตัวเองไว้แน่น
"คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรอดเหรอ^^"
" …"
แน่นอนยังไงก็ต้องรอดเพราะฉันปิดไว้แน่นทั้งสองมือย่ะ
จุ๊บ!
กรี๊ดดดด!!!!
ปิดปากแต่ลืมปิดหน้าผาก เซทก็เลยจุ๊บที่หน้าผากฉันแทนโดยที่ฉันไม่ทันระวังตัว
O0O ไอ้เซทบ้า!!!!!!!
"หอมจัง^^"
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้ฉันยืนตาค้างแข็งทื่อเหมือนโดนแช่แข็งด้วยอุณหภูมิติดลบ แล้วนี่ฉันจะเอามือปิดปากตัวเองไว้ทำไมทั้งสองข้าง ทำไมไม่ปิดไว้ทั้งหน้า โง่จริงๆ เลย ฮือๆ
หลังจากที่หมอนั่นกลับไปฉันก็ต้องยืนเรียกขวัญที่กระเจิงไปเมื่อกี้ตั้งนานกว่าจะได้สติไปอาบน้ำ แล้วเอาฝ่ามือถูๆ ที่บริเวณหน้าผากไปมา
เซทบ้า! กล้าดีจังไงมาจุ๊บหน้าผากฉัน แต่ในขณะที่ฉันกำลังบ่นกับตัวเองที่หน้ากระจกเงา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นซะก่อน ฉันก็เลยต้องรีบขัดถูๆ อย่างรวดเร็วเพราะคนข้างนอกนั่นไม่มีทีท่าว่าจะยอมลดละจากเสียงเคาะที่ดังกึกก้องจนหลังคาบ้านแทบทรุดนั่นเลย
ฉันนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวเดินไปที่ประตู ยืนช่างใจอยู่ว่าจะเปิดดีไม่เปิดดีก็แหมเสื้อผ้าก็ไม่มีถ้าเกิดเป็นอีตาเซทขึ้นมาล่ะหมอนั่นยิ่งชอบแกล้งกันอยู่ด้วย หรือว่าลองถามก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัย
"ใครคะ"
"ฉันเองหลีหลิน!"
เสียงห้วนๆ ในแบบไร้ความเป็นมิตรอย่างแรงตอบกลับมา ที่แท้ก็ยัยเด็กแก่แดดนี่เอง พอเห็นว่าน่าจะปลอดภัยฉันก็เลยยอมเปิดประตูให้เธอเข้ามา
"เฮียเซทให้เอาเสื้อผ้ามาให้ แล้วก็ให้บอกว่ารีบลงไปทานข้าวด้วยเพราะเขารออยู่"
"ขอบใจจ๊ะ"
"ไม่ต้องหรอกเพราะไม่ใช่เสื้อผ้าฉันสักหน่อย ของออนนีต่างหาก"
สงสัยตอนที่เซทกระซิบกระซาบกับแม่นูนาหน้าเหี่ยวคงจะเป็นเรื่องนี้นี่เอง
ฉันรับเสื้อผ้าต่อจากหลีหลินมาถือไว้ก่อนที่เธอจะหวังดีปิดประตูใส่หน้าฉันดังปึ่ง โห! เกรงใจจริงๆ คราวหน้าฉันขอปิดเองดีกว่านะ
แต่พอฉันคลี่เสื้อผ้าออกแล้วก็ถึงกลับร้อง อั๊ยยะ! ผ้าถุงลายดอกกับเสื้อคอกระเช้าสีแดงแป๊ด แบบนี้ฉันจะกล้าใส่อย่างงายยยยยยยยย แง T T แต่ก็นะดีกว่าไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ เอาฟระ!
หลังจากแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินลงมาที่ห้องอาหารที่ทุกคนกำลังนั่งรออยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แต่พอเซทเห็นฉันเขาก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่พลางพูดว่า…
"น่ารัก เอิ๊กๆๆๆ "
น่ารักกับผีน่ะสิ หน็อย! จะเก็บอาการสักนิดก็ไม่มี ใช่เซ่ก็ฉันมันไม่มีทางเลือกนี่ แต่คิดไปคิดมาฉันว่าใส่ชุดนี้ก็ยังดีกว่าใส่ชุดฮันบกแบบนูนา รับไม่ได้ที่จะต้องเดินรักแร้แฉะไปทั้งวัน แต่พักเรื่องเสื้อผ้าไว้ก่อนเถอะเพราะอาหารตรงหน้านี่สิมันน่าจรรโลงใจกว่าเยอะ ทำไมหน้าตามันหน้ากินขนาดนี้ แกงสายบัว น้ำพริกปลาทู ผักลวก โอ๊ย! มีอีกเพียบแทบจะบรรยายต่อไปไม่ไหวน้ำลายสอ
ฉันรีบนั่งโดยที่ไม่มีใครเชิญ แล้วก็เนียนทำหน้าประหนึ่งว่าองค์ประชุมครบแล้วทานเถอะ เซทยิ้มที่มุมปากอย่างรู้ทันก่อนจะตักแกงสายบัวให้ฉัน เล่นเอาอีกสองสาวตรงหน้าขว้างค้อนใส่ฉันอันเบ้อเริ่มหลบแทบไม่ทัน สายตาพิฆาตนั่นน่ากลัวมาก แต่นี่มันวินาทีแห่งการกินอย่าได้สนใจ ดี! ขว้างกันเข้าไปแม่จะกินให้เรียบ
แล้วข้าวคำแรกก็ถูกตักเข้าปาก
งำ งำ อร่อยอ่ะ ฉันไม่เคยกินแกงสายบัวที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อน แต่พอฉันจะตักแกงสายบัวอีก ก็มีช้อนมาขวางทางช้อนฉันไว้เสียก่อน
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหาเจ้าของก็พบว่ามันเป็นของนูนานั่นเอง แต่ไม่เป็นไรไม่อยากขัดใจเจ้าภาพไม่อยากให้กินอันนี้ก็ตักอันอื่นก็ได้ ฉันก็เลยยื่นมือไปตักปลาทูแต่ปรากฏว่าก็มีช้อนเข้ามาขวางทางเหมือนเดิม
เฮ้ย! ตกลงจะได้กินมั้ยเนี่ย
ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้งคราวนี้ก็ยังเจ้าเดิม ไม่เป็นไรใจเย็นไว้ขมิ้นเพื่อเจ้าภาพหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปตักน้ำพริกก็ได้หวังว่าแค่น้ำพริกคงไม่หวงหรอกนะ แต่พอยื่นมือไป เฮ้ย! อะไรกันเหมือนเดิมเป๊ะ สรุปอันโน้นก็ไม่ได้อันนี้ก็ไม่ได้จะไม่ให้กินอะไรสักอย่างใช่มั้ยเนี่ย
ฉันก็เลยต้องนั่งคาบช้อนทำหน้าจ๋อยเหมือนหมานั่งมองปลากระป๋อง หิวก็หิวกับข้าวก็หน้ากินท้องก็ร้องกระจองอแงใหญ่เลย ฮึกๆ ฮือออ อยากจะร้องไห้
"ลองนี่ดูสิไก่ต้มโค้งสูตรโบราณ คุณยาย เอ้ย! นูนาทำอร่อยมากเลยนะ"
"O_O"
ฉันไม่ได้หูฟาดไปใช่มั้ย คุณยายงั้นเหรอ!! ก็หมายความว่าคนที่เขาเรียกว่านูนาคือยายของเขาเอง อ๋อ! ฉันพอเข้าใจแหละ นี่คงจะเป็นเพราะคุณยายแกไม่ยอมแก่ก็เลยต้องให้ทุกคนเรียกตัวเองว่านูนานี่เอง เออ! ดีจังเข้าใจหลอกตัวเอง ว่าแล้วทำหน้าทำตาท่าทางยังกับสาวแรกรุ่น ที่แท้ก็แอบกระชากวัยแถมเป็นแฟนคลับเกาหลีเข้าเส้นยิ่งกว่าฉันซะอีก
แต่ว่าไอ้ต้มโค้งอะไรนี่ก็หน้าตาหน้ากินจริงๆ นะ กลิ่นก็หอมต้องลองชิมหน่อยแล้ว
อ้ำ ~
งุบงับ ~ งุบงับ ~
นี่ก็อร่อยง่า แต่พอฉันจะตักขึ้นมากินเองบ้าง เฮ้ย! คราวนี้หนักกว่าเดิมแม่นูนาหน้าเหี่ยวเล่นเอาต้มโค้งทั้งถ้วยไปซดหน้าตาเฉย แต่ไม่เป็นไรกินแกงส้มยอดมะพร้าวอ่อนนี่ก็ได้ท่าทางก็น่าจะอร่อยไม่แพ้กัน แต่พอหันไปจะตัก ถ้วยแกงส้มก็หายไปอยู่ตรงหน้ายัยเด็กแกแดดหลีหลินซะงั้น -*-
อ๊ายยยยยย อยากจะกรี๊ดๆๆๆๆ
สรุปอาหารมือนี้ตกถึงท้องฉันแค่สองคำ นอกนั้นสองคนนั่นฟาดเรียบแถมทำหน้าเอร็ดอร่อยสุดๆ แง แง แล้วฉันล่ะใจคอจะไม่แบ่งกันบ้างเลยเหรอฉันเป็นแขกนะ พอฉันหันหน้าไปหาเซทหมอนั่นก็เอาแต่นั่งอมยิ้มดูสองสาวซดน้ำแกงกันพรวดๆ แล้วนี่สรุปตัวเอง ก็ไม่ได้กินเหมือนกัน สมน้ำหน้ามัวแต่นั่งทำหน้าหล่ออยู่ละสิ



lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ม.ค. 2557, 20:42:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ม.ค. 2557, 20:42:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 968





<< บทที่ 10   บทที่ 12 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account