แผนลับ นักสืบ
กอหญ้าเพิ่งมาทำงานเป็นนักข่าวได้แค่ไม่ถึงหกเดือน เธอต้องการทำข่าวนายอิทธิกรติดผู้หญิงกับมั่วยาบ่อย ๆ เธอไม่ยอมแพ้ ไปแอบอยู่ข้างบ้านนายอิทธิกรแล้วปีนต้นไม้บ้านข้าง ๆ แต่หมอหนุ่มเห็นเข้าเขาจะเรียกตำรวจ แต่เธอร้องห้ามไป ๆ มา ๆ เลยขอแอบเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเสียเลย
Tags: ึความรัก,นักข่าว,คุณหมอ,ดารา

ตอน: ตอนที่ ๘ หลบหนี

หลบหนี

เสียงเอะอะไล่ตามหลังมา พวกมันสองสามคนวิ่งผ่านหน้าตึกที่ทั้งสองใช้หลบซ่อนอยู่ หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมานอกอก คนพวกนั้นเกี่ยวข้องยังไงกับนายอิทธิกร และคนสวมชุดสีดำพกปืนน่ากลัวแบบนั้น คงไม่มีทางเป็นแค่คนคุ้มกันธรรมดาแน่

เสียงฝีเท้าวิ่งตามไปอีก ตามด้วยเสียงตะโกนไล่หลังไป ก่อนที่เสียงของพวกมันจะหายลับไปทางขวามือ คชินทร์ไม่รอช้าจับมือเธอวิ่งหนีทันที

“พวกมันไปไหนแล้ว” เธอร้องถาม

“ไปไหนก็ช่างเถอะน่า ตามผมมาเร็วเข้า”

รสกรวิ่งตามเขาไปติดๆ เมื่อทั้งคู่ออกมาจากซอกตึกหลังร้านขายของแล้ว ก่อนจะพากันออกไปยังด้านนอกของตึกที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย รสกรเหลียวกลับมามองด้านหลังก็เห็นพวกคนชุดดำที่เห็นเธอเข้า และพวกมันก็วิ่งตามเธอมาติด ๆ หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้ามากขึ้น

“พวกมันเจอเราแล้ว”

“ตามไปเร็ว” หนึ่งในชายชุดดำตะโกนขึ้น

คชินทร์คว้ามือเธอวิ่งไปตามทางเดิน ตัดกับร้านขายเสื้อผ้าและอาหารเครื่องดื่ม โดยมีพวกมันไล่ตามมา ดวงหน้างามซีดเผือด ไม่ว่าจะวิ่งไปทางไหนก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะตามมาติดๆ

“นั่นรถแท็กซี่นี่” เธอตะโกน

“ขึ้นไปเร็ว” ชายหนุ่มผลักเธอไปที่ประตูรถทันทีที่รถแท็กซี่แล่นมาจอด

“แล้วคุณล่ะ”

“คุณขึ้นไปก่อน เดี๋ยวผมตามไป” ชายหนุ่มร้องบอก

“ไม่ ฉันไม่ไปทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ยอมไปด้วย” เธอตะโกนพลางจับแขนเขาไว้แน่น “ถ้าฉันจะไป คุณก็ต้องไปด้วย รีบไปด้วยกันเถอะ”

คชินทร์เปิดประตูรถ ชายหนุ่มผลักหญิงสาวให้เข้าไปนั่งที่ด้านใน แล้วเขาก็รีบแทรกตัวเข้าไปในรถแล้วปิดประตูตามหลังทันที พร้อมตะโกนบอกคนขับแท็กซี่เสียงดัง

“ออกไปจากที่นี่เร็วเข้า ช่วยพาเราไปส่งที่หน้าตลาดริมแม่น้ำ”

“ครับ”

รสกรเหลียวกลับไปมองที่ด้านหลังก็เห็นชายชุดดำถือปืนสั้นวิ่งตามกันออกมาสองสามช่วงตึกก่อนจะค่อยๆ ลับสายตาไป หญิงสาวถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก และหันไปมองหน้าคชินทร์ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงไม่ให้คนขับรถพาไปส่งที่บ้านเลย เพราะตอนนี้เธอไม่อยากหนีต่อไปอีกแล้วด้วย

“ทำไมคะ ทำไมไม่ให้เขาไปส่งที่บ้านคุณ”

“ถ้าผมกลับไปบ้านตอนนี้ เขาก็ต้องรู้ว่าคุณกับผมอยู่บ้านติดกับนายอิทธิกร คราวหน้าคุณนั่นแหละจะลำบาก รอให้ดึกกว่านี้สักหน่อย เราค่อยเข้าไปในบ้านตอนที่เขาไม่อยู่”

รสกรอึ้งไปพักใหญ่ เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดหรือถูกกันแน่ เธอลากเขาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งๆที่เขาไม่เกี่ยวด้วยเลยสักนิด

“ขอโทษค่ะ ฉันทำให้คุณเดือดร้อนอีกแล้ว” เธอกระซิบแผ่ว

“ช่างเถอะ ผมชินแล้ว”

รสกรมองหน้าเขา พลางคิดว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

“รู้ไหมคะว่าตอนนี้ฉันคิดว่าอะไร”

“อะไรหรือ”

“ฉันคิดว่าทำไมคุณถึงได้มาช่วยฉัน ทั้งๆที่ตอนนี้คุณควรจะอยู่กับข้าวฟ่าง กินข้าวกับเธอ ดูแลเธอทุกอย่าง รู้ไหมคะว่า การที่คุณปล่อยให้ผู้หญิงคอยอยู่ตามลำพังมันแย่แค่ไหน”

“เพราะเป็นห่วงคุณน่ะสิ” ประโยคตรงไปตรงมาของเขาทำให้รสกรได้แต่กระพริบตาถี่ๆ

“อะไรนะคะ”

“แต่คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุดการปล่อยให้ผู้หญิงตัวคนเดียวคอยอยู่ตามลำพังที่บ้านมันแย่แค่ไหน” คชินทร์เอ่ยยิ้มๆ ส่วนรสกรอ้าปากค้างไปหลายวินาที

“ฉันไม่ได้หมายถึงฉันซะหน่อย ฉันหมายถึงข้าวฟ่างที่ต้องรอคุณอยู่ตอนนี้ต่างหาก” เธอก็ทำเหมือนห่วงเพื่อนสนิทของตัวเองไปเสียอย่างนั้น

“เธอกลับบ้านไปก่อนหน้าที่ผมจะมาพบคุณซะอีก ผู้จัดการของเธอโทร.มาคุยเรื่องงาน คุณข้าวฟ่างโมโหมาก แล้วก็ขอตัวกลับไปก่อน ผมเลยมาเดินเล่นต่อ แล้วก็บังเอิญเจอคุณกำลังวิ่งหนีอยู่พอดี”

“ข้าวฟ่างกลับไปแล้ว?”

“ใช่ หรือคุณไม่เชื่อ”

“เปล่า แต่ว่า...ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาช่วยฉันไว้ตั้งหลายครั้ง” เธอเอ่ยยิ้มๆไม่รู้ว่า จะขอบคุณเขาอย่างไรดี...

เขาพูดถูกทุกอย่าง ไม่มีใครรู้ดีว่าการปล่อยผู้หญิงคนเดียวคอยอยู่ตามลำพังที่บ้านมันแย่ขนาดไหน รสกรลอบมองผู้ชายสวมแว่นตา หากดูภายนอกเขาดูเป็นคนไม่ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ แต่ความจริงเขาเป็นอบอุ่นอ่อนโยน เป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ แลเป็นสุภาพบุรุษทุกระเบียดนิ้ว

เช่นเดียวกับที่ข้าวฟ่างบอกไว้ทุกอย่าง...ซึ่งเรื่องนี้เธอเองก็รู้ดีทีเดียวละ

ท่าน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสถานที่อันสวยงาม ภาพเรือหางยาวกับเรือข้ามฝั่งที่ฝ่าเกลียวคลื่นตัดสายน้ำไปยังอีกฝากฝั่งในตอนบ่ายแก่ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินเป็นภาพที่งดงามราวกับต้องมนตร์ ผู้คนที่เดินทางกลับมาจากที่ทำงานผ่านแผงขายขนมหวานริมทางกันควักไขว่ รสกรทอดมองภาพเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกเพลิดเพลิน เธอหลงรักมัน และชอบวิธีชีวิตของผู้คนที่นี่อย่างบอกไม่ถูก

“สวยจังค่ะ” เธอพูดขึ้น ขณะที่คชินทร์พาเธอมายืนอยู่ริมแม่น้ำไหลเย็น มีสายลมพัดแผ่วมาจนผมของเธอพลิ้วไสว

”ผมชอบมาเดินเล่นที่ตลาดนี้มาก แสงสีแดงของพระอาทิตย์ตอนเย็นที่กระทบผืนน้ำสวยงามเหมือนกับภาพวาดเลยนะ”

หญิงสาวชำเลืองมองคชินทร์ รู้สึกแปลกใจที่คนเป็นหมอมีอารมณ์สุนทรีย์มากกว่าที่คิด

“คุณชอบวาดภาพรึเปล่าคะ”

“ผมชอบมองมากกว่า ไม่ค่อยชอบวาดเท่าไหร่” คชินทร์เอ่ยยิ้มๆพลางหันมามองดูเธอ “บางครั้งเวลาที่เราวาดภาพ เราพยายามเติมเต็มภาพวาดนั้นด้วยดินสอของเรา ลบแล้วเขียนใหม่ซ้ำไปซ้ำมา แต่สุดท้ายก็เหลือเพียงกระดาษที่ว่างเปล่า”

รสกรมองเขาอย่างสงสัย

“ทำไมล่ะคะ” เธอเอ่ยถาม แต่เขากลับส่ายหน้าเบาๆ

“ผมไม่เคยวาดภาพได้จนเสร็จสมบูรณ์หรอก”

“ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นภาพวาดของคุณเลยล่ะ”

“เพราะสุดท้ายมันก็เหลือเพียงกระดาษที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยน่ะสิ” คชินทร์เอ่ยยิ้มๆ

รสกรมองดูชายหนุ่มข้างๆราวกับว่าเขาเป็นผู้ชายที่อ่านยากที่สุด “ถ้าเป็นฉันนะคะ” เธอกระซิบแผ่วจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลนิ่ง “ถ้าฉันคิดว่าจะลงมือวาดบางสิ่งบางอย่างแล้วล่ะก็ ฉันไม่สนหรอกค่ะว่ามันจะออกมาแล้วสวย หรือขี้เหร่ยังไง เพราะนั่นถือเป็นสิ่งที่ฉันลองวาดดูสักครั้ง ไม่มีการมานั่งวาดรูปแล้วลบมันออกไปจากกระดาษหรอกค่ะ”

“ถ้ามันเป็นภาพที่สื่อถึงความรักล่ะ คุณจะทำยังไง”

หญิงสาวอึ้งไปพักใหญ่ ความรักเหรอ เธอเองก็ไม่รู้ว่ารูปแบบและสีสันของความรักจะเป็นนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ แต่สำหรับเธอคิดว่าความรัก คือสิ่งที่สวยงาม

“ฉันก็จะวาดความรักในแบบที่ฉันคิดว่าดีที่สุดค่ะ”

“นั่นสินะ เหมาะกับนิสัยคุณจริงๆ” คชินทร์หัวเราะเบาๆ “เอาละ คราวนี้คุณจะลองเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับชายชุดดำที่วิ่งตามคุณมาให้ผมฟังได้หรือยัง...ผมจะได้หาทางช่วยคุณ”

นักข่าวสาวส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนตอบว่า

“ฉันก็ไม่รู้อะไรมากนักหรอกค่ะ ฉันไปเดินเล่นที่ห้างนั้นแล้วเจอนายวิน ฉันไม่รู้ว่าเขาเกี่ยวกับพวกชายชุดดำพวกนั้นได้ยังไง พวกนั้นน่ะมีปืนสั้นด้วย ฉันไม่อยากคิดเลยว่าพวกเขาจะทำอะไรกับฉัน ถ้าหากว่าฉันถูกพวกมันจับได้ขึ้นมา”

“นายวินเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า คุณถึงได้หนีมา”

“เขาขู่ว่าจะฆ่าฉันค่ะ เขาเกือบจะผลักฉันจากบันไดหนีไฟให้ตกลงไปชั้นล่างอยู่แล้ว แต่พอดีหนีมาได้ซะก่อน”

“แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ”

“นายวินเป็นผู้ชายที่คุยกับนายอิทธิกรในคืนนั้นจริงๆด้วยค่ะ เขาพูดถึงแฟลชไดร์ฟ แล้วเขาก็ยังบอกอีกด้วยว่า เขารู้ว่าฉันแอบตามเขาอยู่ แม้จะยังไม่รู้ว่าฉันตามสืบเรื่องอะไร” หญิงสาวเล่าด้วยใบหน้าซีดเผือด

“เรื่องอะไรบ้างล่ะ”

“ฉัน...ไม่รู้ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าระหว่างนายอิทธิกรกับนายวินมีความลับอะไรซ่อนอยู่ แล้ววันที่ฉันเข้าไปค้นบ้านของนายอิทธิกรฉันก็เจอ...” เธอไม่กล้าบอก

“คุณเจออะไร”

“อุปกรณ์เสพยา...พวกยาบ้าหรือยาไอซ์อะไรพวกนี้”

“แล้วคุณเก็บหลักฐานมา หรือถ่ายรูปเก็บไว้บ้างไหม” เขาจับไหล่บางของเธอพร้อมทั้งเขย่าแรงๆ เธอส่ายหน้าไปมา

“ไม่ค่ะ มันฉุกละหุกมากเพราะเขาเข้าบ้านมาพอดี ฉันเลยไม่ทันได้เก็บหลักฐานอะไรเลย”

คชินทร์ถอนหายใจเบาๆ ต่อไปจากนี้ไปนายอิทธิกรจะต้องรู้ว่ามีใครบางคนคอยจับตาดูเขาอยู่ใกล้ๆ และรสกรเองก็คงแทบจะออกไปเดินเล่นนอกบ้านไม่ได้เลย เพราะชายชุดดำพวกนั้นอาจจะคอยจับตาดูบ้านของนายอิทธิกรและคอยสอดส่องหาตัวเธอแน่ๆ

“มีหลักฐานตั้งเยอะแยะ แต่คุณกลับไม่ได้ติดมือมาเลยสักอย่างเดียวน่ะหรือ”

“ก็มันฉุกละหุกนี่ ลองคุณเป็นฉันดูมั่งสิ”

“เฮ้อ...เชื่อเขาเลย” ชายหนุ่มหลับตาลงพลางถอนหายใจยาว “รู้อะไรไหมคุณกอหญ้า เห็นทีเรื่องสัญญาระหว่างเราคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว”

รสกรมองเจ้าของตาสีน้ำตาลอย่างเหลือเชื่อ

“อะไรนะคะ”

“คุณกลับไปบ้านของคุณซะเถอะ อย่ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย” เขาเอ่ยเสียงเรียบ แต่รสกรยังไม่เข้าใจความหมาย

“หมายความว่ายังไงคะ นี่มันงานทำข่าวของฉันนะ”

“มันเกี่ยวพันถึงชีวิต หรือคุณจะเสี่ยง”

“ฉันจะพยายามค่ะ ฉันทำมาตั้งขนาดนี้แล้ว ยังจะให้ฉันกลับไปมือเปล่าแบบนี้น่ะเหรอ” เธอร้องตะโกน

“ผมยอมให้คุณเสี่ยงชีวิตต่อไปไม่ได้ เรื่องครั้งนี้มันร้ายแรงจนคุณทำอะไรตามลำพังแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ขืนบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปแล้วเกิดอะไรขึ้น ใครจะไปช่วยคุณทัน”

“ก็คุณไง”

“อะไรนะ”

“ฉันรู้ว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะพูดแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ฉันทำผิดพลาดลงไป คุณก็เป็นคนช่วยฉันมาได้ตลอดไม่ใช่เหรอ ฉันทำมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้ฉันกลับไปมือเปล่าแบบนี้ แล้วฉันจะทำอะไรต่อไปได้อีกล่ะ”

“ที่ผมช่วยคุณเพราะผมไม่มีทางเลือกต่างหาก” เขาเริ่มหงุดหงิด

“แล้วงานของฉันล่ะ”

“คุณมีงานอย่างอื่นให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับพวกค้ายาเลย ปล่อยให้พวกตำรวจเขาจัดการกันเองดีกว่า”

“ไม่ ฉันจะทำ”

“กอหญ้า ผมรู้นะว่าคุณรู้สึกยังไง แต่เรื่องคราวนี้คุณไม่มีทางทำคนเดียวได้หรอก”

“ฉันขอถามอะไรคุณบางอย่างจะได้ไหมคะ”

“ถามอะไรหรือ”

“ถ้าหากว่างานของคุณใกล้จะสำเร็จแล้ว แต่อยู่ๆก็มีคนบอกให้วางมือ ถ้าเป็นคุณคุณจะว่ายังไง”

คชินทร์ชะงักกึก เขารู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร

“ถ้าเป็นผม ผมก็จะดูความเหมาะสม แต่ถ้ามันไม่สำเร็จผมก็จะยกให้คุณอื่นดูแลต่อ”

“ทั้งๆที่ผลงานนั้นคุณเป็นคนคิดตั้งแต่แรกงั้นเหรอคะ”

“คุณกอหญ้า”

“ฉันรู้ค่ะว่ามันอันตรายมากแค่ไหน....แต่ว่ามันก็เหมือนกับการวาดภาพนั่นแหละ ลองฉันได้วาดดูแล้วก็ต้องวาดภาพให้เสร็จ แม้มันจะสวยงามหรือขี้เหร่ขนาดไหน ฉันก็ต้องวาดมัน แม้ว่าอาจจะต้องพบกับความลำบากแค่ไหนก็ตาม คุณเข้าใจหรือเปล่าคะ”

ชายหนุ่มพรูลมหายใจยาว

“แปลว่าคุณอยากจะทำต่อให้เสร็จ แม้ว่าอาจจะต้องพบกับอันตรายน่ะหรือ”

“ค่ะ”

“นี่แปลว่าคุณตั้งใจจะทำคนเดียว” หน้าตาของเขาบ่งบอกถึงความไม่เชื่อใจ แต่รสกรเหยียดยิ้มและส่งมือให้เขา คชินทร์ชำเลืองมองมือบางของเธอพร้อมทั้งถามว่า “หมายความว่ายังไงกัน”

“คุณกับฉันเราสองคนจะร่วมมือกันทำงานนี้ค่ะ อ๊ะๆ ไม่ต้องมาปฏิเสธเลยนะคะ ฉันไม่มีทางทำคนเดียวได้ถ้าปราศจากการช่วยเหลือจากคุณ ทำอะไรสองคนก็ยังดีกว่าทำคนเดียว จริงไหมคะ”

“นี่คุณ แปลว่า...”

“ใช่ค่ะ คุณกับฉันจะร่วมมือกัน อาชีพนักข่าวดีเด่นจะหาผู้ช่วยที่ดีกว่าคุณหมอได้ยังไงกันคะ” รสกรยิ้มกว้าง “ฉันยื่นมือให้คุณจับแล้ว คุณจะไม่จับเลยหรือคะ”

“ทำไมผมจะต้องเชื่อคุณ” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง เขาขมวดคิ้วเข้มยกมือขึ้นท้าวเอว “ผู้หญิงที่ดื้อรั้นอวดดีไปกว่าคุณยังมีอีกหรือเปล่า”

“ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆมีฉันคนหนึ่งล่ะที่ดื้อมาก”

“พวกปาปารัชซี่” ชินพึมพำเบาๆ

“ช่วยไมได้นี่คะ พวกเราผู้สื่อข่าวย่อมต้องตัแผ่ความจริงให้คนทั่วไปได้รับรู้มากที่สุด เพื่อให้ความกระจ่างกับสังคม”

“เอาละ โอเค ผมยอมช่วยคุณแล้วก็ได้” หมอหนุ่มยื่นมือไปจับมือบางบีบแล้วบีบเบาๆ “ต่อจากนี้ไป หากว่าคุณจะทำอะไรก็ให้ต้องปรึกษาผมก่อน ไม่ใช่ตัดสินใจทำอะไรบุ่มบ่าม อย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกั

“ตกลงค่ะ” เธอยิ้มหวาน

มือของเขาและเธอจับกันแน่น ท่ามกลางแสงสลัวของท้องฟ้าที่เริ่มมืด คชินทร์จึงชวนเธอเดินกลับบ้าน หญิงสาวก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงได้ปลอดโปรงใจนัก หรือเป็นเพราะเขามีรอยยิ้มให้กับเธอตลอดเวลาก็ไม่รู้....

***************

ภายในห้องคอนโดสุดหรูแห่งหนึ่ง หญิงสาวที่แต่งกายด้วยเดรสสั้นสีดำคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้โซฟาที่นำเข้ามาจากต่างประเทศสีเทาลายดอกไม้ บนโต๊ะกระจกมีอุปกรณ์เสพยาไอซ์และโคเคนวางอยู่อย่างระเกะระกะ กลิ่นของมันลอยล่องไปทั่ว คล้ายกับประสาทของผู้เสพในยามนี้ที่เริ่มจะมึนเมา เธอหลับตาลงปล่อยให้สติเลือนรางไปทุกขณะ

น้ำค้างเริ่มเสพยาอย่างหนักมาเมื่อไม่นานมานี้ แรกๆเธอแค่จะทดลองดูเท่านั้น แต่พักหลังๆเธอก็เริ่มติดมันขนาดหนัก จนต้องขอยาจากอิทธิกรเพิ่มอีกเรื่อยๆ

“อิทธิ…กร มันล่องลอยไปหมดเลย สนุกดีจริง ๆ”

อิทธิกรเหยียดยิ้มแล้วเดินไปยังน้ำค้างที่ใกล้หมดสติอยู่บนโซฟาท่ามกลางอุปกรณ์เสพยาที่เขาเป็นคนจัดหามาให้ เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างลำตัวของเธอ เรียวแขนบางยกขึ้นโอบกอดคอเขาเหยียดยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย

“คุณมียาดีอย่างนี้ ไม่เห็นบอกฉันเลยคะ”

“ก็ยามันดีอย่างนี้ บอกคนอื่นผมก็เสียชื่อแย่นะสิ” เขาเหยียดยิ้ม

“แหม...ใครจะกล้าล่ะคะ คุณน่ะดังออกจะตายไป”

“คนดังๆเดี๋ยวนี้ก็เสพยาพวกนี้ทั้งนั้นแหละ ว่าแต่วันนี้คุณเสพมากไปแล้วนะ”

น้ำค้างส่ายหน้าเบาๆด้วยท่าทางหงุดหงิด

“ไม่ค่ะ ฉันน่ะเสพนิดเดียวเอง ถ้าให้ดี...คุณมาลองเสพยากับฉันสักครั้งนะคะ” น้ำค้างยิ้มหวาน ยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากของอิทธิกร แต่เขาหันหน้าหนี

“มีคุณอยู่ใกล้ๆแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว”

“คุณนี่ปากหวานจัง” หญิงสาวหัวเราะแผ่วเบา

“แล้วข่าวที่คุณควงไอ้ดีเจหน้าหวานไปกินข้าวดูหนังล่ะ มีอะไรจะบอกผมไหม” น้ำเสียงของเขาต่ำลึก น้ำค้างปรายตาขึ้นมองเขาพร้อมกับยิ้มหวาน

“ใครเหรอคะ”

“อย่าให้ผมพูดจะดีกว่า บอกผมมาเร็วๆเข้า”

“อืม...ก็แค่น้องที่ทำงานน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คบไปงั้นๆเอง”

“คบไปแค่งั้นๆ หรือว่าแก้เซ็งที่ผัวไปเมืองนอกนานๆกลับมาทีกันแน่”

น้ำค้างโอบแขนกอดคอเขา กระแซะเข้าไปแนบชิดอย่างอ่อนหวานราวกับเธอเป็นหญิงสาวผู้แสนบริสุทธ์

“ไม่เอาน่า คุณนี่หึงกว่าที่ฉันคิดอีกนะนี่” เธอเอ่ยๆ “ใครจะกล้านอกใจคุณกัน คุณน่ะทั้งหล่อ ทั้งดัง แถมยังมียาให้เสพอีกตั้งเยอะแยะ อีกอย่าง...” น้ำค้างช้อนสายตาขึ้นมองเขา “เก่งเรื่องบนเตียงอีกต่างหาก”

อิทธิกรก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม

“ถ้างั้นวันนี้เตรียมเงินมาให้ผมสักล้านสองล้านได้หรือเปล่าล่ะ”

น้ำค้างขมวดคิ้ว ถึงเธอจะมึนเมายาแค่ไหน ก็มั่นใจว่าจำนวนเงินที่เขาพูดมาเธอฟังไม่ผิด

“อะไรนะคะ” เธอหัวเราะเมื่อคิดว่าเขาคงล้อเล่น

“คือของผมหมด แต่ยังต้องส่งของให้ลูกค้าที่ผับอีกตั้งหลายราย ผมขอยืมคุณสักล้านสองล้านก่อนได้ไหม”

“แหม...เงินตั้งเยอะแยะ ยืมไปแล้วเมื่อไหร่จะเอามาคืนล่ะคะ”

“งั้นผมไม่ยืมก็ได้ เชิญคุณตามสบายเถอะ”

“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว” น้ำค้างเอื้อมมือไปจับแขนของอิทธิกรไว้ ขณะที่เขากำลังจะลุกออกไปจากเก้าอี้และเดินออกไปจากห้อง ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้มแล้วหันกลับไปมองอีกฝ่าย

ผู้หญิงคนนี้ไปไหนไม่รอดแล้ว

น้ำค้างติดยา และยาเสพติดนี้เองที่ทำให้เธอต้องเทเงินออกมาจนหมดกระเป๋า

“ว่ายังไงล่ะ” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ “ผมกำลังรีบนะคุณ ถ้าหากว่าคุณไม่ให้ผมยืมล่ะก็ ผมจะไปหาเอาจากเพื่อนหรือไม่ก็เพื่อนผู้หญิงสาวๆสวยๆที่ผมพามาที่นี่บ่อยๆไง”

“มันเป็นใคร” เธอเริ่มหึงขึ้นมาแล้ว

“เป็นใครก็ได้ที่มีเงินมากพอ”

“คุณอิทธิกรคะ น้ำค้างยอมคุณแล้วค่ะ เงินล้านสองล้านแค่นี้ เดี๋ยวฉันเขียนเช็คให้คุณก็ได้” น้ำค้างโอบกอดร่างเขาจากเบื้องหลังพลางแนบหน้าลงไปกับแผ่นหลังซุกไซ้ราวกับเด็ก “คุณอย่าพาผู้หญิงพวกนั้นอีกนะคะ ฉันไม่ชอบที่คุณมีคนอื่นเลย”

“ทำไมเหรอ ก็แค่เด็กๆในสังกัดเท่านั้นเอง”

น้ำค้างชำเลืองมองหน้าเขาพร้อมกับยิ้ม

“คุณนี่ประชดฉันไม่เก่งเลยนะคะ”

“เปล่าประชด แต่จะทำจริงๆ”

“คุณนี่ ไม่เอาละค่ะ....อูย” น้ำค้างเดินโซซัดโซเซไปทางขวา อิทธิกรคว้าแขนเธอไว้ก่อน

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ฉันมึนหัวค่ะ มึนมากเสียจนอยากหลับ”

“ไม่ได้นะ คุณต้องเขียนเช็คให้ผมก่อน ผมจะได้รีบเอาไปส่งให้เขา” น้ำเสียงของอิทธิกรร้อนรน ประคองร่างบางไปนั่งบนโต๊ะ น้ำค้างบอกให้เขาหยิบกระเป๋ามาให้ แล้วเธอก็หยิบเช็คขึ้นมาเปิดไปยังหน้าที่ว่าง อิทธิกรนัยน์ตาเป็นประกายขณะมองดูเธอเขียนตัวเลขจำนวนสองล้านลงในเช็ค

“พอไหมคะ หรือจะเอาอีก” เธอยิ้มนัยน์ตาพราวระยับ

“พอครับ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว” อิทธิกรเอื้อมมือไปหยิบเช็คที่เธอยื่นมาให้ แต่ว่าเช็คถูกดึงกลับ เขาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด

“จูบก่อนสิคะ”

อิทธิกรหัวเราะนิดๆ ก่อนโน้มตัวไปจูบเรียวปากแสนหวาน พลางดึงเช็คไปนั้นไปจากมือของน้ำค้าง

“เดี๋ยวมาต่อกันทีหลังนะ ผมขอเอาเช็คใบนี้ไปให้เขาก่อน”

“แล้วรีบมานะคะ อย่าให้ฉันต้องรอนานล่ะ” เธอยิ้ม

อิทธิกรชำเลืองมองไปยังร่างบางที่สวมเดรสสีดำเปิดไหล่พลางเหยียดยิ้ม

“ผมไม่ให้คุณต้องรอนานแน่” เขากระซิบเสียงแผ่ว

หลังจากที่อิทธิกรหายไปสักพัก น้ำค้างก็เสพยาต่อกระทั่งเมามายจนไม่สามารถครองสติอยู่ได้เลยหลับไปนาน อีกชั่วโมงต่อมาประตูห้องก็เปิดออก จากนั้นก็มีใครหลายคนเดินเข้ามา น้ำค้างพลิกหน้าไปมาบนโซฟา ยามนี้ศีรษะของเธอหนักอึ้งไปหมด อิทธิกรเหยียดยิ้ม พยักหน้าให้ชายหนุ่มตัวใหญ่สองคนเดินเข้าไปใกล้น้ำค้าง

จากนั้นชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพไฮโซสาวที่กำลังระเริงรักมั่วกามอยู่กับชายอีกสองคน...

“อืม....” แสงแดดตอนเช้าทำให้น้ำค้างรู้สึกตัวและค่อยๆกะพริบตาขึ้นมา หญิงสาวเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดทั้งร่าง “อิทธิกร นี่มันเช้าแล้วเหรอคะเนี่ย”

“ใช่ มันเช้าแล้ว เกือบสว่างคาตาเลยด้วย” อิทธิกรนั่งตรงเก้าอี้ข้างเตียง มีแก้วบรั่นดีวางอยู่บนโต๊ะ

“ฉันมึนหัวไปหมดเลย” น้ำค้างยกมือขึ้นกุมหน้าผาก แล้วดันแขนลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องตกใจเพราะเธอไม่สวมใส่อะไรเลย “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมฉันถึงได้โป๊แบบนี้ล่ะ”

“คุณจำอะไรไม่ได้เลยหรือ”

“จำอะไรคะ”

“ก็...นี่ไง” อิทธิกรชำเลืองมองในโทรศัพท์มือถือ ภาพในนั้นแสดงภาพหญิงสาวไฮโซกำลังกอดก่ายกับหนุ่มร่างใหญ่สองคน ส่งเสียงครางแผ่ว น้ำค้างเบิกตากว้างมองดูภาพในโทรศัพท์มือถืออย่างไม่อยากเชื่อ นั่นมันเธอไม่ใช่เหรอ “ถ่ายได้ชัดเจนดีนะ ชัดทั้งภาพ…และเสียง”

“เอามานี่นะ” น้ำค้างกระโจนเข้าใส่โทรศัพท์มือถือ แต่อิทธิกรหลบได้ไวกว่า

“ของอย่างนี้หายากนะ คุณว่าไหม”

“กะ...แก เป็นฝีมือของแกเหรอ ไหนบอกว่าจะมาหาฉัน แล้วทำไมถึง...” เสียงของน้ำค้างโกรธจัด แทบจะแผดเผาเขาให้เป็นจุณ

“ผมเห็นคุณกำลังร่านก็เลยหาผู้ช่วยมาให้ไง ไม่ดีเหรอ”

“แก ไอ้คนชั่ว อย่าอยู่เลย”

น้ำค้างกระโจนบีบคอของอิทธิกร เธอทั้งโกรธและแค้นสุดจนแทบฆ่าเขาให้ตายด้วยซ้ำ แต่ถูกอิทธิกรผลักเธอจนล้มลงไปกับเตียงนอน หน้าตาของเธอซีดเผือดราวกับกระดาษ ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันของอิทธิกร

“จุ๊ๆ ไม่เอาน่า ผมอุตส่าห์วางแผนมาตั้งนาน กว่าจะได้วิดีโอนี้”

“แก ไอ้คนเลวฉันไม่น่าหลงกลแกเลย”

“ไม่เอาน่า เรามันก็เปรียบเสมือนคนคนเดียวกันแล้ว จะเอาอะไรมากมาย ว่าแต่คุณเถอะ ผมมีคลิปนี้อยู่ในมือ แบบนี้แล้วคุณไม่กลัวผมจะเอาไปขายต่อให้ร้านซีดีมือสองเหรอ หรือว่าประจานให้ชาวบ้านเขารู้กันทั่วว่าไฮโซสาวมั่วกามกับหนุ่มๆ จนถึงขั้นถ่ายคลิปไว้ดูเล่น”

“แกไม่กล้าหรอก ฉันจะฟ้องแกคอยดูสิ”

“ผมเหรอ เอาเลยสิ ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก อย่างมากก็แค่ปรับไม่กี่หมื่น ส่วนคุณ...ต้องอายขายขี้หน้าชาวโลก คนไทยตั้งหกสิบหกล้านคนนะคุณ ไหนจะสามีคุณที่อยู่ต่างประเทศล่ะ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“กรี้ด ไอ้บ้า ไอ้ ไอ้”

น้ำค้างเดือดดาลจัดจนแทบอยากจะกลายเป็นไฟแผดเผาเขาให้จุณ หากมีปืนสักกระบอกเธอคงจะยิงเขาให้ตายลงไปเดี๋ยวนี้เลย

“ผมแค่จะเก็บไว้ดูเล่นน่ะ แต่ถ้าหากว่าคุณอยากได้ มันก็ต้องแลกกันหน่อย”

“แกจะเอาเท่าไหร่ สองล้านพอไหม” น้ำค้างเม้มปากแน่น

“สองล้านมันน้อยไป ผมขอสักสิบล้านก็แล้วกัน”

“สิบล้าน มันจะเกินไปแล้วนะ ไอ้ที่ฉันเซ็นเช็คให้แกไปเมื่อคืนน่ะมันยังไม่พออีกเหรอ”

“สองล้านน่ะ ผมเอาไปใช้หมดแล้ว”

“อะไรนะ”

“เมื่อคืนผมเอาเงินไปจ่ายค่ายาไอซ์ที่คุณเสพนั่นแหละ” อิทธิกรเหยียดยิ้ม

หญิงสาวร้องกรี๊ดระดมทุบบ่าเขาอย่างบ้าคลั่ง เธอยอมตายดีกว่าจะยอมเสียรู้คนคนนี้ แต่ทว่าอิทธิกรจับมือเธอไว้แน่นแล้วเหวี่ยงลงโครมใหญ่บนเตียงนอน ทำเอาเธอจุกไปหมด

“เลิกโวยวายซะทีได้ไหม งี่เง่าชะมัด” น้ำเสียงเขาเริ่มหงุดหงิด

“ไอ้บ้า ไอ้คนเลว หัวใจของแกมันทำด้วยอะไร” เธอตวาด

“หัวใจผมเหรอ ก็เหมือนกันคุณนั่นแหละ คนสวย”

“แก ไอ้...”

“ป่านนี้แล้ว ยังใส่หน้ากากแสร้งว่าตัวเองเป็นคนดีอีกเหรอ น่าหัวเราะเยาะ คลิปนี่เป็นหลักฐานที่ผมจะประจานให้โลกรู้ว่าคุณมันร่านแค่ไหน อ้อ แล้วจะส่งไปให้สามีคุณดูด้วยละ”

“อย่านะ” ดวงหน้างามซีดเผือด “แกจะเอาเท่าไหร่ ฉันยอมทั้งนั้น ขออย่างเดียวอย่าเอาคลิปนั่นไปเผยแพร่นะ”

“น่าเสียดายจัง ผมกำลังจะเอาไปลงยูทูปเลยทีเดียว”

“ฉันจะฆ่าแก ไอ้อิทธิกร” เธอตะโกน

“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นนอกจากผมจะไปเอาเผยแพร่ตามยูทูปแล้ว ผมจะไปขายให้ร้านวีซีดีโป๊เปลือยอีกด้วย” เสียงหัวเราะของอิทธิกรไม่ต่างอะไรจากเงามัจจุราช

“อย่านะ ได้โปรดเถอะ แกจะให้ฉันทำอะไรฉันยอมทั้งนั้น” เธอกลืนน้ำลายเบาๆในลำคอ

“สิบล้านเป็นค่าแลกคลิปนี้ ไม่อย่างนั้นวันพรุ่งนี้มันจะกลายเป็นสินค้าในตลาดมืด”

“พรุ่งนี้” น้ำค้างลืมตาโต “ก็เมื่อคืนฉันเพิ่งจ่ายเช็คให้แกไปตั้งสองล้าน ยังจะเอาอะไรนักหนา”

อิทธิกรส่ายหน้าไปมาพร้อมกับทำปากเบ้

“เงินนั่นใช้ไม่กี่นาทีมันก็หมดแล้ว คุณออกจะร่ำรวยเป็นลูกสาวเศรษฐี เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก ดูพวกเครื่องเพชรของคุณใส่มาล่อหน้าล่อตาสิ มันตั้งกี่ล้านเข้าไปแล้ว อย่ามาทำเป็นเสียดายไปหน่อยเลย”

น้ำค้างแค้นแทบกระอัก เธอไม่เสียดายเงินจำนวนกว่าสิบล้านนั่นหรอก แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุดก็คือคนทรยศที่ชื่ออิทธิกร มันหลอกให้เธอเสพยาจนติดงอมแงม แล้วหลอกให้เธอทุ่มเงินในกระเป๋าไปซื้อยามากมาย คราวนี้เขายังถ่ายคลิปตอนเธอร่วมหลับนอนกับผู้ชายที่เขาพามาอีก เลวจริงๆ

“ได้” เธอเข่นเขี้ยว “แต่แกต้องเอาคลิปนั่นมาให้ฉัน ห้ามก็อปปี้ไปไว้ที่ไหนอีก”

อิทธิกรทำท่าถอนหายใจยาว

“เฮ้อ...น่าเสียดาย ทั้งๆที่ผมมีแค่คลิปเดียวในเครื่องโทรศัพท์แท้ๆ แต่ก็เอาเถอะ พอเงินเข้าบัญชีธนาคารของผมปุ๊บ คุณจะเอาคลิปนี้ไปดูเล่น หรือจะเอาไปขายต่อก็ไม่มีใครหวงหรอกนะ”

“แก ไอ้เลว…” เธอสบถ แล้วก็ต้องกล้ำกลืนคำด่าอื่นๆไว้ในใจ เพราะเกิดอิทธิกรโมโหขึ้นมาแล้วไม่ยอมให้คลิป เธอคงจบเห่กันพอดี “ไปหยิบกระเป๋ามาสิ”

อิทธิกรเหยียดยิ้มแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าราคาหลายแสนบาทให้เธอ น้ำค้างจ้องหน้าเขาราวกับจะเกินเลือดกินเนื้อ เธอหยิบสมุดเช็คออกมา แล้วตวัดปากกาเขียนตัวเลขที่เขาต้องการลงไป จากนั้นก็ยื่นให้อิทธิกร ชายหนุ่มเหยียดยิ้มพลางเอื้อมมือไปหยิบเช็ค แต่เธอรีบชักกลับมาทันที

“ไหนล่ะคลิปที่คุณว่า” เธอกระชากเสียง

“นี่ไงครับ” เขาชูโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “หรือคุณจะดูอีกรอบ”

“ไม่ต้องแล้ว รีบลบทิ้งไปเสีย อย่าให้มันมาประจานฉันอีก”

“ได้ครับ คนสวย”

อิทธิกรเลื่อนปลายนิ้วไปกดปุ่มตรงลบภาพ น้ำค้างถอนหายใจยาวเมื่อเห็นไฟล์วีดิโอที่เก็บไว้ในโทรศัพท์ถูกโยนลงไปลงในถังขยะแล้ว เธอถลึงตามองอิทธิกรราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกครั้ง ต่อจากนี้ไปเธอไม่ขอมาเหยียบที่นี่อีกเลย และไม่คิดจะมองหน้าเขาอีกด้วย...

คนทรยศ

*************
ช่วงนี้อากาศหนาวแล้ว ทำเอาคนเขียนเป็นหวัดไอแค่ก ๆ เลยค่ะ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ....





เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ม.ค. 2557, 11:00:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ม.ค. 2557, 11:00:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1357





<< ตอนที่ ๗ ซองสีน้ำตาล   ตอนที่ ๙ เพราะเธอคือคนเดียวในหัวใจ >>
เบลินญา 30 ม.ค. 2557, 11:04:52 น.
เรื่องนี้ออกกับสนพ.อรุณ ประมาณเดือนมีนาคมนะคะ
หวัึงไว้เหมือนกัน ว่าจะพัฒนางานเขียนได้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ ได้เอาลงให้คนอ่านก็ความสุขมากแล้วค่ะ
ขอฝากไวัด้วยนะคะ


Zephyr 30 ม.ค. 2557, 18:39:02 น.
ยายกอหญ้าหาเรื่องให้หมอชินอีกละ เหมือนมัดมือชกไงไม่รุ
บังคับจับมือ หลังจากนี้นางคงสบาย มีคนช่วยคิด
เหมือนที่ผ่านมา ทำอะไรแต่ละอย่าง ไม่ได้คิดก่อนทำเลยจริงๆฮ่าๆๆๆ


เบลินญา 30 ม.ค. 2557, 21:09:19 น.
เหมือนคนเขียนใจร้ายยังไงก็ไม่รู้สิคะ เหอๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account