แผนลับ นักสืบ
กอหญ้าเพิ่งมาทำงานเป็นนักข่าวได้แค่ไม่ถึงหกเดือน เธอต้องการทำข่าวนายอิทธิกรติดผู้หญิงกับมั่วยาบ่อย ๆ เธอไม่ยอมแพ้ ไปแอบอยู่ข้างบ้านนายอิทธิกรแล้วปีนต้นไม้บ้านข้าง ๆ แต่หมอหนุ่มเห็นเข้าเขาจะเรียกตำรวจ แต่เธอร้องห้ามไป ๆ มา ๆ เลยขอแอบเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเสียเลย
Tags: ึความรัก,นักข่าว,คุณหมอ,ดารา

ตอน: ตอนที่ ๑๐ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

เจ้าของใบหน้าอันคุ้นเคยที่ยืนพิงกรอบหน้าต่างในตอนนี้หล่อเหลาราวกับเป็นนายแบบที่ยืนถ่ายแบบอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มกำลังเหยียดยิ้มนิดๆ จมูกโด่งและเรียวปากบางเฉียบ เส้นผมของเขาหวีเสยเรียบขึ้นไปด้านหลังอย่างดูดี เสื้อสูทสามชิ้นสีดำกางเกงสแล็คกับรองเท้าหนังดูดีไปหมด แผ่นอกของเขาดูผึ่งผาย และเมื่อได้สูทที่เหมาะสมก็ยิ่งเสริมให้เขาดูโดดเด่นและหล่อเหลามากกว่าที่เคย

“คุณชิน...” หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง “นั่นคุณเหรอ”

“ใช่น่ะสิ ผมมาคอยคุณอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว”

รสกรใจเต้นตึกตัก เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพอคชินทร์แต่งตัวขึ้นมาแล้วจะดูดีได้ขนาดนี้ ร่างสูงหล่อเหลาเป็นเหตุให้หัวใจเธอหวั่นไหว รอยยิ้มทรงเสน่ห์ของของเขาทำเอาเธอแทบจะละลายไปเลย

“เป็นอะไรไปน่ะ” เขาขมวดคิ้วสงสัย

“เอ่อ...เปล่า ไม่มีอะไรค่ะ”

“หน้าตาคุณออกจะแดง ๆ ไปนะ”

หญิงสาวหน้าแดงจัดไปถึงใบหู

“ฉันไม่ได้สนใจคุณหรอกนะ ที่หน้าแดงก็เพราะอากาศมันร้อนต่างหาก” เธอร้องบ่น พยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาสีน้ำตาลนั่น

แต่ทำไมแก้มถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ

“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย ที่ผมบอกว่าหน้าคุณแปลกไปก็คือคุณสวมแว่นตากับใส่วิกผมต่างหาก ไม่ได้พูดถึงแก้มคุณซะหน่อย” คชินทร์หัวเราะเสียงแผ่ว

“งั้นเหรอ ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นๆเอง กลัวคุณเข้าใจผิด”

“คุณไปเอาวิกกับแว่นตาที่ไหนมา อย่าบอกนะว่าไอ้อาชีพนักข่าวอย่างคุณนี่ ต้องพกของอย่างนี้ไว้ตลอดน่ะ” หมอหนุ่มเหยียดยิ้ม

“ซื้อไว้ตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้เอาออกมาใช้สักที วันนี้ได้ฤกษ์เอาออกมาใช้ก็ดีเหมือนกัน”

“งั้นเหรอ”

“คุณชิน” รสกรมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “นี่คุณตั้งใจจะเข้าไปเป็นผู้ช่วยฉันจริงๆน่ะเหรอ แต่ฉันว่าคุณแต่งตัวแบบว่า...เอ่อ ฉันว่ามันไม่ค่อยจะเหมาะนะ”

“ทำไมหรือ หรือว่ามันไม่เข้ากับคุณ”

“เปล่าหรอก คือว่าการที่เราเข้าไปในงานก็เพื่อหาข่าว คือต้องกลมกลืนไปกับคนอื่นๆในงานจะได้ไม่สะดุดุตา แต่คุณดูดีมากขนาดนี้ แบบนี้มันจะไม่โดดเด่นไปหน่อยเหรอ”

“จะไปงานเลี้ยง ผมก็ต้องแต่งตัวให้มันเหมาะสมกันหน่อย” เขายิ้มบางๆ

“ก็ถูกละ แต่ว่าเวลาคุณเดินไปกับฉัน มันจะเหมาะเหรอ” หญิงสาวยิ้มเฝื่อน ดูแล้วมันไม่ค่อยจะเหมาะยังไงก็ไม่รู้ เธอออกจะดูเป็นนักข่าวธรรมดา แต่ผู้ช่วยกลับหล่อเหลาและดูดีเป็นพิเศษอย่างนี้

“อย่าห่วงไปเลย ผมจะตามคุณทุกฝีก้าว ไม่ให้ห่างเลยแม้แต่ก้าวเดียว”

คำพูดของชายหนุ่มทำให้รสกรใจเต้นตึกตัก ทำไมนะ เวลาที่เขาพูดอะไรแบบนี้ออกมาหัวใจเธอจะต้องหวั่นไหวไปด้วยก็ไม่รู้

“คุณน่ารักมากเลยเวลาสวมแว่นตา” จู่ๆเขาก็พูดออกมา จนนักข่าวสาวต้องกะพริบตาถี่ๆ “ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้ามีผู้หญิงแบบนี้อยู่ใกล้ๆแล้วผมยังจะทำเฉยชาได้แค่ไหน”

“คุณชิน”

“ล้อเล่นน่ะ เอาละ ไปกันได้หรือยัง”

รสกรเม้มเรียวปากแน่น แก้มแดงเป็นสีระเรื่อ

“งั้นคุณตามฉันมาดีๆล่ะ”

“ครับ คุณผู้หญิง”

บรรยากาศภายในคฤหาสน์สุดหรูหราที่ตกแต่งไปด้วยโคมไฟและพรมแดงสด ฝ้าเพดานมีโคมไฟระย้าที่นำเข้ามาจากประเทศในแถบยุโรปส่องสว่างเป็นแสงสีเหลืองนวลตา เสียงเพลงจากไวโอลินทำให้บรรยากาศหรูหรามีระดับท่ามกลางแขกหลายคนที่ค่อยๆทยอยกันเข้ามาในงาน บรรดาคุณหญิงคุณนายสวมเครื่องเพชรราคาแพงยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส ส่วนแขกผู้ชายก็ถือแก้วบรั่นดียืนคุยกันเบาๆ มีนักข่าวจากหลายสำนักข่าวมารอสัมภาษณ์น้ำค้างจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง

รสกรเข้ามาในงานนี้โดยผ่านยามเข้ามาได้อย่างสบาย เธอยกแว่นตามองหาอิทธิกรกับวินที่น่าจะมางานนี้ด้วย หญิงสาวเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับผู้ชายอย่างแนบชิดโดยไม่สนสายตาใคร ด้านหลังของรสกรมีชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาสวมชุดสูทสามชิ้นสีดำ ดูโดดเด่นและเป็นสุภาพบุรุษ

“เป็นงานเลี้ยงที่ดูไฮโซจังนะ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมากระซิบที่ใบหูของเธอ

“คุณน้ำค้างเป็นลูกสาวเศรษฐีนี่คะ”

“ผมอยากเห็นซะแล้วสิ ว่าตัวจริงเธอจะสวยแล้วก็หยิ่งขนาดไหน”

นักข่าวสาวส่งสายตาขุ่นๆกลับไปมองคชินทร์

“เดี๋ยวก็เห็นเองนั่นแหละ ตอนนี้ฉันกำลังมองหานายอิทธิกรอยู่ ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“เขาคงยังไม่มาล่ะมั้ง”

อิทธิกรไม่มาหรือ มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร

“เดี๋ยวฉันมานะ ขอไปดูทางโน้นหน่อย”

รสกรห้ามไม่ให้คชินทร์เดินตามมา ขืนเขาเดินตามเธอแบบนี้มีหวังงานคงไม่สำเร็จแน่ เธอเดินไปถึงบริเวณที่จัดวางเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ซึ่งมีแก้วทรงสูงวางอยู่ใกล้ๆกับช่อดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงาม เธอมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของอิทธิกร ขณะที่เธอกำลังเดินไปเลียบๆเคียงๆถามนักข่าวที่อยู่ในบริเวณนั้น เธอก็เดินชนชายคนหนึ่งที่เดินสวนมาพอดี ทำเอากอหญ้าแทบแว่นตาหลุด

“ขะ...ขอโทษค่ะ เป็นยังไงบ้าง...” เธอเงยหน้ามองชายหนุ่มแล้วก็แทบช็อกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือวินนั่นเอง

“ไม่เป็นไรครับ คุณล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า”

“คุณวิน” เธอเอ่ยอย่างลืมตัว

วินขมวดคิ้ว เขาจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกับสาวแว่นคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“เรารู้จักกันเหรอครับ”

“เปล่าค่ะ ไม่เคยรู้จักกันเลย” เธอยิ้มเฝื่อน วันนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อสูทสีเทา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่ดูอย่างไรก็ไม่เห็นแววอำมหิตเลยสักนิด “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ฉันนี่แย่จริงๆเลย” เธอชวนคุย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่คุณเป็นนักข่าวหรือ”

“ค่ะ” เธอยิ้ม

“น่าแปลกนะ ผมดูคุ้นๆหน้าคุณยังไงก็ไม่รู้” เขาขมวดคิ้ว

ไม่แปลกหรอกที่เขาจะคุ้นหน้าเธอ ในเมื่อเขาเกือบจะฆ่าเธอมาแล้ว

“ไม่มั้งคะ ฉันเพิ่งเข้าทำงานมาเป็นวันแรก หน้าฉันคงคล้ายกับคนที่คุณรู้จักมั้งคะ”

“คงอย่างนั้น” วินพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย “ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”

“ฉันมาสัมภาษณ์เจ้าของงานน่ะค่ะ”

เขาหัวเราะ นัยน์ตาเป็นประกาย

“คุณมาได้จังหวะเหมาะเลย วันพรุ่งนี้ต้องมีข่าวใหญ่แน่ๆ”

“คุณรู้ได้ยังไงคะ” เธอเอียงคอถามอย่างสงสัย “ก็แค่งานเลี้ยงวันเกิดธรรมดา ไม่เห็นจะเป็นข่าวใหญ่ตรงไหนเลย”

“เอาเถอะ เดี๋ยวคุณก็รู้เอง รอให้คุณน้ำค้างเธอออกมาก่อนเถอะ”

“งั้นเหรอคะ ถ้างั้นคุณพอจะบอกฉันได้มั้ยล่ะคะว่า ข่าวใหญ่ที่เกี่ยวกับคุณน้ำค้างมันเกี่ยวกับอะไรบ้าง” เธอยิ้มหวานให้เขา

“ขืนผมบอกคุณไปก็ไม่สนุกน่ะสิ”

“งั้นเหรอคะ น่าเสียดายจัง”

“ผมไปก่อนนะ ตามสบาย”

“ค่ะ”

รสกรยิ้มหวานให้เขา เธอถอนหายใจยาว วินจำเธอไม่ได้เพราะเธอปลอมตัวนั่นเอง หญิงสาวมองหาคชินทร์ที่ยืนหลบอยู่ทางด้านหลังแล้วก็เห็นเขายืนกอดอกหันหน้าไปทางฝั่งซ้าย เธอกำลังจะเดินไปหาเขา แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก เพราะร่างสูงไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่มีหญิงสาวสวยผมเป็นลอนเป็นคลื่น สวมกระโปรงชุดดำสั้นเหนือเข่ามาคลอเคลีย

“สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มหวานปานจะหยด “บรรยากาศที่นี่ดีนะคะ”

“สวัสดีครับ”

“ฉันชื่ออัญมณีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เธอเอียงคอยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย “...คุณเป็นนายแบบเหรอคะ ทำไมฉันไม่เห็นคุณเลยล่ะ”

“ครับผมคชินทร์ เรียกว่าชินก็ได้” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆ “คุณคงจะเข้าใจผิดแล้วละครับ”

“เข้าใจผิดว่าอะไรเหรอคะ”

“ผมเป็นผู้ช่วยผู้สื่อข่าวไม่ใช่นายแบบที่ไหนหรอกครับ”

อัญมณีมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจมูกโด่งเป็นสันกำลังคลี่ยิ้ม ดูอย่างไรเขาก็ไม่น่าหลุดรอดไปจากสายตาของพวกแมวมองไปได้ หากว่าเขาต้องการเสนอตัวเข้ามาเป็นนายแบบหรือพระเอกชื่อดัง เธอก็คิดว่าเขาน่าจะมีผู้หลักผู้ใหญ่การสนับสนุนอยู่...

“แปลกนะคะ ฉันคิดว่าคุณเป็นนายแบบซะอีก หรือว่า...คุณไม่ชอบวงการมายาคะ”

“ผมไม่สนใจ”

“กะแล้วเชียว” อัญมณีหัวเราะแผ่ว “แต่ฉันสนใจคนแบบคุณนะคะ หล่อแล้วก็เท่...น่าอิจฉาผู้สื่อข่าวของคุณจริง ๆเลย”

หญิงสาวเยื้องกายเข้าไปใกล้บริเวณที่ชายหนุ่มยืนอยู่ มันค่อนข้างเป็นที่มืดสลัวเหมาะจะออกปากจีบเขาอย่างเปิดเผย เธอส่งยิ้ม และส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้เขา เอื้อมมือขึ้นแตะหน้าอกแกร่ง อัญมณีเอียงศีรษะแล้วเอ่ยเสียงแผ่วบาง

“ฉันรู้จักกับผู้กำกับหนังฝีมือดีหลายคนนะคะ ถ้าหากว่าคุณสนใจ ฉันจะไปคุยให้คุณก็ได้นะ”

“ขอบคุณ แต่ไม่ดีกว่าครับ”

“ทำไมล่ะคะ” ดูเธอแปลกใจเล็กน้อย

“เพราะผมไม่เหมาะกับวงการนี้น่ะสิ ผมไม่พอใจอะไรก็ด่าแบบไม่เกรงใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ชอบหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชาย ผมไม่ชอบ”

คำพูดตรงไปตรงมาของคชินทร์แสลงหูของอัญมณีเป็นอย่างมาก เธอหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาพราวระยับตั้งแต่เข้าวงการมายังไม่เคยมีใครด่าเธอขนาดนี้มาก่อน

“แปลกดีนะคะ เขามีแต่ชอบกันทั้งนั้น” เธอแสร้งหัวเราะแผ่ว

“ผมถึงบอกไงว่าไม่เหมาะที่จะอยู่ในวงการนี้”

“เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ให้โทร.มาเบอร์นี้นะคะ” เธอยื่นนามบัตรใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขา พลางช้อนสายตามองเขาพร้อมกับรอยยิ้ม “อย่าลืมโทร.มานะคะ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ เธอจึงเยื้องกรายไปที่อื่น คชินทร์ถอนหายใจยาวยกมือขึ้นแกะเน็คไทที่ผูกไว้หลวมๆ แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเหลือบไปเห็นใบหน้างามที่จ้องมองมา ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก ชายหนุ่มเลิกคิ้วพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“กะแล้ว ก็ต้องกลายเป็นแบบนี้” เขายิ้มพลางเดินออกไป

รสกรเดินออกมาข้างนอก เธอทั้งหัวเสียและโกรธคชินทร์มากที่เขามีท่าทางสนิทสนมกับอัญมณีนางแบบลูกครึ่งสาวคนสวยเมื่อครู่นี้ เธอเม้มปากแน่นไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้โกรธนัก ทั้งๆที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอด้วยซ้ำ

“บ้า คนบ้า เชิญไปสนิทสนมกับคนอื่นให้พอเลยนะ” เธอขว้างก้อนหินลงไปบนทางเดิน

เธอนั่งหน้าหงิกหน้างอลงบนเก้าอี้ม้านั่งในสวนหย่อม ตรงนี่อยู่ห่างจากคฤหาสน์อยู่ราวๆสักสิบห้าเมตรเห็นจะได้ เธอไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น และไม่อยากยุ่งกับใคร เธอต้องการอยู่เงียบๆคนเดียว จนกว่านายอิทธิกรจะมางาน แล้วเธอก็จะกลับเสียที

“เมื่อไหร่งานจะเลิกสักที เบื่อจะแย่อยู่แล้ว” เธอบ่นพึมพำพลางยกมือท้าวคาง “เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเราซะหน่อย แล้วทำไมต้องโกรธแบบนี้ด้วยนะ ไม่เข้าใจจริงๆ”

โกรธเหรอ หรือแค่ไม่พอใจที่เห็นเขาดูไม่สนใจกับการที่ต้องคอยระวังตัวให้เธอกันแน่นะ

“หรือว่า...เราจะชอบเขาจริงๆเหรอเนี่ย”

“อะไรหรือ”

รสกรสะดุ้งโหยง หันกลับไปมองด้านหลังท่ามกลางใจเต้นแรง เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และเมื่อกี้เขาได้ยินอะไรจากปากของเธอบ้าง

“คุณชิน คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เธออึกอัก

“เมื่อกี้นี้เอง ตั้งแต่คุณออกมาจากคฤหาสน์ผมก็เดินตามคุณมา” คชินทร์สูดอากาศบริสุทธิ์รอบกาย “ที่นี่อากาศดีนะ บรรยากาศดีกว่าข้างในอีก”

“เมื่อกี้ คุณได้ยินอะไรบ้าง” เธอกลืนก้อนแข็งๆลงไปในลำคออย่างยากลำบาก

“อะไรหรือ”

“ก็เมื่อกี้นี้ไง ที่คุณแอบตามหลังฉันมาน่ะ”

“อะไรเหรอ ผมไม่เห็นได้ยินอะไร” ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม ขณะที่อีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจยาวเหยียด

“ช่างเถอะ ไม่ได้ยินก็ช่าง”

“คุณมาเดินทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ”

“เดินเล่น...เบื่อขี้หน้าใครบางคน” เธอแสร้งบ่นไปเรื่อยเปื่อย ทว่ากะจะประชดประชันให้เขาได้ยินเต็มสองรูหู คชินทร์เลิกคิ้วแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ แต่หญิงสาวกลับยืนกอดอกแล้วหันหน้าไปทางอื่น

“ใครกันนะ ที่ทำให้คุณเบื่อได้ขนาดนั้น”

“ฉันเข้าไปข้างในก่อนดีกว่า” นักข่าวสาวเปรยเบาๆ และทำท่าจะเดินหันหลังกลับไป แต่ถูกมือหนาคว้าต้นแขนไว้ก่อน พร้อมทั้งออกแรงดึงรั้งไว้

“เดี๋ยวก่อนสิ คุณโกรธผมเรื่องอะไร”

“ฉันไม่ได้โกรธซะหน่อย” เธอยอกย้อน

“โกรธก็บอกว่าโกรธสิ อย่าบอกนะว่าคุณโกรธที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาคุยกับผม” คชินทร์เหยียดยิ้มอย่างรู้ทัน ส่วนเธอสะดุ้งโหยงทันที

“ใครว่า คุณจะไปจีบกับผู้หญิงคนไหนมันก็ไม่ใช่ธุระของฉัน คุณอัญมณีน่ะเป็นถึงนางแบบลูกครึ่งสาวสวย รวยและรับงานโฆษณาเยอะแยะ ถ้าเขาสนใจคุณก็ถือซะว่าโชคดีก็แล้วกัน”

“ผมยังไม่ได้พูดว่าถึงคุณอัญมณีซะหน่อย”

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น นี่เธอโดนหลอกให้พูดงั้นเหรอ

“ก็…นั่นแหละ ฉันบังเอิญไปเห็นเองไม่ได้ตั้งใจแอบฟังซะหน่อย”

“แล้วคุณโกรธผมเรื่องอะไรล่ะ”

คำถามของเขา ทำให้รสกรถึงกับเม้มปากแน่นด้วยความอึดอัด จะให้เธอบอกได้อย่างไรล่ะ ว่าเธอโกรธที่เห็นเขายืนคุยสนิทสนมกับผู้หญิงอื่น

“ฉันโกรธที่คุณไม่ยอมระวังตัวให้ฉันต่างหาก เรามากันสองคน แต่คุณจะปล่อยให้ฉันทำงานคนเดียวอย่างนั้นเหรอ”

คชินทร์เหยียดยิ้ม

“แต่เมื่อกี้ผมจะตามไป แต่คุณบอกให้ผมอยู่เฉยๆไม่ใช่เหรอ”

“นั่นมัน...เอ่อ มันก็ใช่ แต่ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้แปลว่าคุณไม่ต้องสนใจก็ได้นี่นา”

“สรุปแล้ว คุณแค่โกรธ แต่ไม่ได้หึงผมใช่ไหม” ใบหน้าคมคายโน้มลงมากระซิบแผ่วที่ใบหู

จนรสกรแก้มแดงจัดเป็นลูกตำลึงสุก



“พูดบ้าๆ ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วย” เธอร้องเสียงดัง

“เบาๆสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินเข้า” คชินทร์ยกปลายนิ้วชี้ขึ้นจรดเรียวปาก “ผมล้อเล่นน่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ถึงคุณจะว่ายังไง ผมก็มีสิทธิ์ที่จะตามคุณไปทุกหนแห่งได้ใช่ไหม”

“ก็คงอย่างนั้น...แล้วเมื่อกี้เขาคุยกับคุณว่ายังไงบ้างล่ะ”

“ไหนว่าไม่สนใจยังไงล่ะ”

“ก็...ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” หญิงสาวพูดไปอย่างนั้น แต่ใจจริงอยากให้เขาเล่าจะแย่

“คุณอัญมณีมาถามว่าผมไม่สนจะเข้าวงการบ้างเหรอ เขารู้จักกับผู้กำกับหลายคนอยู่” ชายหนุ่มเล่าแบบไม่ใส่ใจอะไร แต่รสกรตาโต

“แล้วคุณว่ายังไง”

“ผมก็เฉยๆ ตอบปฏิเสธไป”

“ถ้าเกิดมีแมวมองมาทาบทามคุณไปเล่นหนังหรือโฆษณา แบบนี้จะเรียกว่าบุญหล่นทับได้หรือเปล่านะ”

“ผมไม่สนใจ เลยบอกเขาไปว่าผมไม่เหมาะกับวงการนี้ เพราะเวลาผมไม่พอใจอะไรก็ด่าแบบไม่เกรงใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิงที่ชอบหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชาย ผมไม่ชอบ” คชินทร์เหยียดยิ้ม “ผมบอกแล้วว่าด่าแบบไม่เกรงใจไม่ว่าจะเป็นสาวสวยหรือผู้กำกับ”

รสกรอ้าปากค้าง เธอไม่อยากจะเชื่อเลย

“คุณบอกเขาไปว่าอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่”

“จะบ้าตาย คุณนี่บ้าจริงๆเลย...” นักข่าวสาวกุมหน้าผากแล้วถอนหายใจยาว “จริงสิ ฉันเห็นตอนที่เขาเดินจากคุณไป เขาให้อะไรคุณมาหรือเปล่า”

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ดูท่าแล้วรสกรคงไม่บังเอิญมาเห็นเขาหรอก แต่แบบนี้มันจงใจดูต่างหาก

“ก็นิดหน่อย” ชายหนุ่มเปรยเบาๆ

“อะไรเหรอ ขอดูมั่งสิ”

“ขอดูก่อนนะ หายไปไหนแล้ว ผมหาไม่เจอซะด้วยสิ” คชินทร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ รสกรขยับใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว ทำท่าจะช่วยหา แต่ร่างบางไม่ได้สนใจเรื่องความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น เพราะเธออยากรู้ว่าอัญมณีให้อะไรแก่คชินทร์

“หายไปไหนนะ คุณเอาไปไว้ที่ไหนน่ะ”

“ก็ได้ มันต้องมีของแลกเปลี่ยนหน่อยนะ”

รสกรเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วริมฝีปากร้อนระอุก็ทาบทับบนเรียวปากจนไร้ช่องว่าง หญิงสาวเบิกตาโต นี่เขาจูบเธออยู่งั้นเหรอ เธอพยายามเลื่อนมือขึ้นจับไหล่หนาแล้วผลักออก แต่ถูกฝ่ามือหนาดึงมือไว้แน่น ท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นแรงด้วยสัมผัสอบอุ่นวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก เธอเบี่ยงหน้าหลบ แต่คชินทร์ก็เลื่อนริมฝีปากไปตามใบหู จนรสกรเผลอตัวครางแผ่ว เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มวกกลับขึ้นมาแทรกปลายลิ้นอุ่นจัดเข้าไปชิมรสหวานภายในตามความปรารถนา

“อืม...”

หญิงสาวครางแผ่วในลำคอตัวสั่นสะท้าน...ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้สัมผัสลึกซึ้งจากผู้ชายคนไหนมาก่อนในชีวิต มือใหญ่เลื่อนขึ้นมากระชับหลังศีรษะแน่น บดเบียดริมฝีปากร้อนระอุจนแทบไม่มีที่ว่างสำหรับหายใจ กลีบปากนุ่มถูกรุกรานแนบสนิท รุ่มร้อนเสียจนเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ เรี่ยวแรงที่เคยผลักดันร่างหนาออกบัดนี้หายไปเกือบหมดสิ้นจนเธอตาลายใกล้จะเป็นลมเสียให้ได้

“ของสิ่งนั้นก็คือนามบัตร คุณจะดูไหมล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาทอประกาย หลังจากที่เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้ว

รสกรลืมตาโต ใบหน้าของเธอกำลังร้อนจัด

“คุณ…”

“นับหนึ่งถึงสาม ถ้าคุณไม่ดูผมจะเก็บแล้วนะ” เขาทำท่าจะเก็บนามบัตรใส่ลงไปในกระเป๋า

“อีตาบ้า นี่แน่ะๆๆ ไม่ดูแล้ว” เธอตะโกนด่าทั้งโมโหทั้งอาย จึงทุบเขาไม่มียั้ง แต่คชินทร์กลับหัวเราะแล้วรีบจับมือบางไว้แน่น

“ผมเจ็บนะคุณ”

“เจ็บสิดี คนผีทะเล บ้าที่สุดเลย” รสกรเม้มเรียวปากแน่นด้วยความโมโหสารพัด

ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงรวบจับมือบางเข้าไว้ด้วยกัน

“หรือว่านี่จะเป็นจูบแรกของคุณ”

“ก็ใช่น่ะสิ ใครจะไปกร้านโลกเหมือนคุณล่ะ” เธอแหวเสียงดัง เท่านั้นเอง ชายหนุ่มก็รวบร่างบางเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนแน่น หญิงสาวตาโตไม่คิดว่าตัวเองจะถูกกอดมาก่อน และตอนนี้เสียงหัวใจของเขาก็เต้นแรงเสียจนเธอรู้สึกได้ ความอบอุ่นอ่อนโยนจากอ้อมกอดของเขาทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกอดเขาไว้เช่นกัน

“ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอีก”

นักข่าวสาวเม้มริมฝีปากแน่น บอกไม่ถูกว่ากำลังดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่

“รู้ก็ดีแล้วนี่ ถ้าครั้งหน้าเกิดคุณทำอย่างนี้อีก ฉันจะไม่มองหน้าคุณอีกเลย

หมอหนุ่มหัวเราะแผ่ว คลายวงแขนออกจากหญิงสาว ส่วนรสกรก็เอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมมองดวงตาสีน้ำตาลของเขา จวบจนกระทั่งคนเริ่มเข้าไปในงานมากขึ้น ทันใดนั้นเธอก็เห็นอิทธิกรเดินลงจากรถ และกำลังเดินเข้ามาในงาน คชินทร์และรสกรมองหน้ากัน จากนั้นก็เดินเข้าไปในงานอีกครั้ง...

ในห้องส่วนตัวของน้ำค้าง เธอยืนดูเงาตัวเองในชุดราตรีสีดำเปิดไหล่ที่สะท้อนจากในกระจก เธอสวยสดงดงามอย่างที่คิด คืนนี้เธอจะต้องเจิดจรัสและสวยยิ่งกว่าใคร หญิงสาวเอียงคอมองสามีนักธุรกิจหนุ่มสูงวัย สวมแว่นตามีสีหน้าที่อ่อนโยน เขาเพิ่งกลับมาเพื่อมาฉลองวันเกิดให้ภรรยาสาวโดยเฉพาะ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นสามีที่ดีสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ แต่ว่าเธอกลับปรารถนาในสิ่งที่ต่ำกว่า

“คุณสวยจังเลยวันนี้” นักธุรกิจสูงวัยเอ่ยชมพลางบีบไหล่ของเธอ “สุขสันต์วันเกิดนะ”

“ขอบคุณนะคะคุณจอห์น ที่อุตส่าห์กลับมาวันนี้”

“ผมทิ้งทุกอย่างได้เพื่อคุณ”

น้ำค้างเหยียดยิ้ม เพราะเขาทำทุกอย่างได้เพื่อเธอจริงๆ แต่ไม่เคยอยู่กับเธอยามเมื่อเธอต้องการเขา

“นี่อะไรคะ” น้ำค้างตาโตเมื่อสามีเปิดกล่องแล้วหยิบสร้อยคอประดับเพชรสวยงามส่งประกายเจิดจรัสสวมให้เธอ
“ผมซื้อมาให้คุณ ชอบไหมล่ะ”

“โอ...ชอบสิคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ”

“เส้นนี้เหมาะกับคุณมากเลย รู้หรือเปล่า”

“ค่ะ มันสวยมากเลย”

น้ำค้างเอียงคอขึ้นไปจูบแก้มสากของสามี เขาเป็นคนที่โรแมนติกและสร้างเซอร์ไพร้ส์ให้เธออยู่เสมอ เพราะแบบนี้แหละ เธอถึงได้แต่งงานกับเขา จอห์นจะทำธุรกิจมากมาย และเขาก็ใจกว้างพอที่ให้ยอมเธออยู่ที่นี่โดยไม่ต้องติดตามเขาไปยังต่างประเทศด้วย น้ำค้างตวัดสายตามองเขาด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย พลางใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มสากของสามีพร้อมกับเอ่ยว่า

“ฉันรักคุณค่ะ” เธอยิ้มบาง

“ผมก็เหมือนกัน” จอห์นยิ้มพลางจูบแก้มภรรยาสาว “ผมลงไปรอด้านล่างนะ ใกล้จะได้เวลาเปิดงานแล้ว เสร็จแล้วคุณลงไปหาผมล่ะ”

“โอเคค่ะ”

จอห์นออกไปจากห้องแล้ว น้ำค้างก็ถอนหายใจยาวเบาๆ นัยน์ตาชำเลืองมองไปยังประตูอย่างดูแคลน สร้อยเส้นนี้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่สิ่งที่เขาไม่สามารถให้เธอได้เลยนั่นก็คือการเติมเต็มความปรารถนาอันรุนแรงจนยากที่จะดับลงได้ของเธอ

“เสียดาย ถ้าคุณไม่แก่ ฉันคงจะเป็นภรรยาที่ดีสำหรับคุณไปแล้ว”

น้ำค้างตรวจดูความพร้อมของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย แต่แล้วจู่ เธอก็นิ่วหน้า เพราะความกระหายอยากเสพยาที่เพิ่มขึ้นทุกที มือบางของเธอสั่นระริกควานหาของในลิ้นชักใต้โต๊ะ และเธอก็เจอยาเม็ดเล็กๆที่เธอซ่อนไว้ น้ำค้างหอบหายใจแรง หยิบยาเข้าปากแล้วกลืนมันลงไป หน้าตาของเธอซีดเผือดราวกับกระดาษ ไม่นานฤทธิ์ยาก็ทำให้เธอเมามายและเป็นสุขมากยิ่งขึ้น

“ถึงขนาดหายาเสพเองเลยเหรอ”

น้ำค้างสะดุ้งเฮือก เบิกตามองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังที่สะท้อนอยู่ในกระจก เขาเหยียดยิ้มสะใจ

“แก ไอ้อิทธิกร....ทำไมแกถึงยังอยู่”

“ทำไมหรือ แล้วเธอคิดว่าผมจะเป็นยังไงล่ะ คิดว่าผมคงจะถูกมือปืนของคุณฆ่าไปแล้วสินะ”

“แกพูดอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

ไม่จริง...นี่มันเป็นความฝันชัดๆ ก็เธอจ้างมือปืนไปฆ่าเขาแล้วนี่

“คุณน้ำค้าง ผมมาทวงเงินคุณยี่สิบล้านตามที่เราได้ตกลงกันไว้” อิทธิกรสืบปลายเท้าเข้ามาใกล้เธอ ทำเอาน้ำค้างถอยหลังกรูด เธอเหลียวมองไปยังประตูเพื่อหวังว่าจะมีใครเข้ามาช่วยสักคน

“ฉันไม่ให้แกหรอก เงินตั้งยี่สิบล้านฉันจะไปหามาจากไหน”

“งั้นคุณก็ปฏิเสธสินะ” อิทธิกรย่นคิ้ว

“ใช่ ฉันนึกภาวนาอยู่ทุกวัน ขอให้แกรีบตายๆไปซะ แผ่นดินนี้มันถึงได้สูงขึ้นบ้าง”

“ปากดีนักนะ”

อิทธิกรกระชากคอเสื้อของน้ำค้างเข้ามาหาแล้วบีบคอ เธอไอแค่กๆราวกับคนขาดอากาศหายใจ และใบหน้าซีดก็เผือดขึ้นไปอีก

“นึกเหรอว่าโลกนี้มีคนอย่างคุณอยู่ แล้วแผ่นดินนี้มันจะสูงขึ้นได้ หญิงชั่วกับชายชู้มันก็เลวพอๆกันนั้นแหละ” อิทธิกรเหยียดยิ้มเย้ยหยัน

“แค่กๆ…ปล่อยฉันนะ”

“อ๋อ ผมปล่อยแน่ หลังจากจัดการไอ้คนจ้างมือปืนที่ทำให้ผมเสียเงินไปตั้งสองแสนบาท” เขาคำรามเสียงต่ำ

น้ำค้างหน้าซีดเผือด

“อะไรนะ”

“อะไรน่ะเหรอ มือปืนของคุณมันจัดการผมเกือบตายมาหลายครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายผมเสนอเงินให้มันมากกว่าที่คุณจ้างหนึ่งเท่าแล้วมันก็เชิดเงินหนีหายไป ปล่อยให้ผมมาจัดการกับคุณยังไงล่ะ คราวนี้ซึ้งหรือยัง”

เลือดในกายของน้ำค้างจับตัวเป็นก้อนแข็ง ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ไอ้มือปืนนั่นมันกล้าหักหลังเธอ เลวสิ้นดี

“อย่านะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เขาใส่ร้ายฉัน”

“ไม่รู้เหรอ ได้สิ ฉันจะบีบคอเธอให้หายแค้น”

“อย่านะ อย่าทำแบบนี้ คิดดูสิ นี่เป็นงานของฉันนะ แขกเหรื่อก็อยู่ด้านล่างเต็มไปหมด ถ้าเกิดอะไรขึ้นบนนี้ คิดดูว่าแกจะออกไปได้ยังไง คนเขาต้องสืบหาตัวแกได้แน่”

อิทธิกรขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขามีรอยเหยียดยิ้มที่มุมปาก

“ฉลาดนักนะ...” เขาชำเลืองมองเศษยาที่ตกอยู่บนพื้น “ว่าแต่...คุณจะซ่อนยาพวกนี้ไว้ได้เรอะ มันเป็นยาไอซ์นี่นา”

“อย่ามายุ่งกับฉันนะ”

“เสพหนักเลยล่ะสิท่า เป็นยังไงล่ะทีนี้ ไม่มีคนป้อนยาให้ถึงกับลงแดงเลยงั้นสิ”

“ที่ฉันเป็นแบบนี้ เพราะแกนั่นแหละ”

น้ำค้างมองเขาราวกับจะแผดเผาให้เป็นจุณ เพราะอิทธิกรนั่นแหละที่เป็นคนชักชวนให้ลองเสพแล้วเธอก็ติดยางอมแงมจนถึงทุกวันนี้

“เพราะผมหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณคิดจะลองยา คุณก็คงไม่ติดมันขนาดนี้หรอก”

“ไอ้บ้า ปล่อยนะ” อิทธิกรผละมือออกจากลำคอของน้ำค้าง เธอไอแค่กๆ หอบจนตัวโยน ในช่วงเวลาอย่างนี้กลับไม่มีใครสักคนที่พอจะช่วยได้ “แกจะทำยังไง”

“ผมเหรอ ผมก็มาคอยดูว่าคุณจะเป็นยังไงนะสิ”

“หมายความว่ายังไง”

“ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะฆ่าคุณตอนนี้ เพราะคุณมันไร้ค่าไม่มีราคาขนาดนั้น คอยดูเถอะ แล้วคุณจะรู้ว่าการโดนทรยศหักหลังน่ะ มันเป็นยังไง” อิทธิกรเหยียดยิ้ม นัยน์ตาพราวระยับ “เงินแค่ยี่สิบล้านน่ะ มันแลกกับชื่อเสียงและเงินทองของตัวเองไม่ได้หรอกนะ”

เสียงหัวเราะกึกก้องของอิทธิกรดังไปทั่วห้อง น้ำค้างรู้สึกหนาวเยือกไปถึงสันหลัง คำพูดของเขาเมื่อกี้หมายความว่าอย่างไรกัน หรือเขาวางแผนจะฆ่าเธออย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง เขาไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก...

“คุณน้ำค้างเป็นอะไรไปคะ” คนรับใช้หันไปเห็นน้ำค้างที่เดินโซซัดโซเซลงบันไดมา จึงรีบเข้าไปประคองร่างบางไว้

น้ำค้างส่ายหน้าไม่ตอบ ในตอนนี้เธอไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว หลังจากอิทธิกรหลบออกไปจากห้อง ทิ้งให้เธอหน้าซีดตัวสั่นเทาอยู่ในห้อง และเธอก็อยากให้งานนี้จบลงเร็วๆ เธอจะได้ไปพักผ่อนเสียที

“ไม่มีอะไร แค่หน้ามืดเป็นลมนิดหน่อยเท่านั้น”

“เป็นลมหรือคะ ไปหาหมอไหม”

“ไม่ต้อง บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ” น้ำเสียงของเธอแข็งขึ้นมาทันใด

“แต่ว่า...” เห็นรอยมือที่ต้นคอระหง ดูเหมือนว่าน้ำค้างจะรู้ตัวจึงใช้มือทั้งสองข้างจับคอเสื้อขึ้นมาปิดไว้แน่น ดีนะที่เป็นกลางคืน ถ้าเป็นตอนกลางวันละก็ ต้องมีอีกหลายคนถามแน่ๆว่าคอของเธอไปโดนอะไรมา

“แขกมากันเยอะหรือยัง”

“มากันตั้งเยอะแล้วค่ะ”

“ดี”

กล่าวจบ หญิงสาวก็เดินไปยังบนเวทีที่มีจอห์นยิ้ม ท่ามกลางเสียงปรบมือเกรียวกราว เธอยิ้มหวานพลางวางมือลงบนฝ่ามือของนักธุรกิจวัยชรา ทั้งคู่ดูจะเป็นคู่รักที่หวานชื่นท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองด้วยความยินดี จากนั้นน้ำค้างก็เอ่ยถึงความดีใจที่ได้จัดงานพิเศษในคืนนี้ และเธอยังได้คัดเลือกให้เป็นพรีเซนเตอร์ในโฆษณาโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหญ่

รสกรยืนอยู่ด้านหลังของบรรดาแขกเหรื่อคู่กับคชินทร์ ทั้งคู่หันไปมองหน้ากันพลางปรบมือแสดงความยินดีกับไฮโซสาวด้วย

“หวังว่าทุกคนคงจะมีความสุขในงานเลี้ยงนะคะ” น้ำค้างยิ้มหวาน

“ค่าตัวนางแบบในโฆษณาหมู่บ้านจัดสรรนี้เท่าไหร่คะ” ผู้สื่อข่าวถาม

“ประมาณเลขหกหลักค่ะ ไม่มากเกินไปใช่ไหมคะ”

“แล้วข่าวที่ว่าคุณออกไปกินข้าวกับคุณอิทธิกรล่ะครับ คุณจะว่ายังไง”

“ไม่ขอตอบดีกว่าค่ะ ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำค่ะ”

“แปลว่าคุณปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพระเอกหนุ่มน่ะสิครับ”

“ไม่มีอะไรต้องพูดค่ะ ฉันมีจอห์นอยู่แล้ว แล้วเขาก็เป็นสามีที่น่ารักที่สุดเลยค่ะ” น้ำค้างยิ้มหวาน พลางจูบแก้มจอห์นที่ยืนเคียงคู่กันท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยความยินดี “ฉันเป็นภรรยาที่โชคดีที่สุดเลยค่ะ”

“เชิญทุกคนสนุกสนานกันต่อ ขอบคุณที่มาร่วมงานนะคะ”

หญิงสาวร่างบางหัวเราะต่อกระซิกกับสามีวัยชรา ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในงาน รสกรถอนหายใจยาว น้ำค้างสามารถเอาตัวรอดจากบรรดาสื่อมวลชนได้อย่างหน้าซื่อบริสุทธ์ผุดผ่อง เธอมองหาอิทธิกรที่น่าจะอยู่ในงาน แต่ก็หาไม่เจอ ชั่วขณะนั้นเธอมองเห็นวินยืนกอดอกเหยียดยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายอยู่ในเงามืดสลัว เธอขมวดคิ้วเพราะเห็นอิทธิกรเดินเข้าไปกระซิบกับชายผู้นั้น เธอจึงคิดจะเดินเข้าไปหาเขา

แต่ทว่า..

“คุณกอหญ้า ดูนั่นสิ”

เสียงเรียกที่ด้านหลังทำให้เธอหันกลับไปมอง...





เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.พ. 2557, 11:13:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2557, 11:13:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1246





<< ตอนที่ ๙ เพราะเธอคือคนเดียวในหัวใจ   ตอนที่ ๑๑ คนทรยศ >>
เบลินญา 3 ก.พ. 2557, 11:14:31 น.
ติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^


lookpud 3 ก.พ. 2557, 21:03:14 น.


Zephyr 3 ก.พ. 2557, 22:21:30 น.
รูปนั่นต้องมาฉายบนจอแหงๆ ใช่มะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account