ลมหวนรัก(จบแล้วค่ะ)
เธอ...หญิงสาวผู้อ่อนหวานและอ่อนไหว ควรลงเอยกับผู้ชายที่เข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ความรักไม่ปล่อยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขนาดนั้น ส่งโจทย์ยากมาให้ด้วยสองชายหนุ่มที่แตกต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งเป็นคุณหมอหนุ่มแสนดี และมีในทุกสิ่งที่ผู้หญิงทั้งโลกต้องการ อีกคนยียวน แสนกวน แต่มั่นคงในรัก เธอเปิดใจให้ชายคนแรกเพราะความเหมาะสม ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เธอรักเหมือนน้องชายก็เข้ามากร่อนกำแพงหัวใจไม่หยุด นานวันเข้า...หัวใจก็เริ่มลังเล เมื่อหัวใจเลือกได้เพียงหนึ่ง...เธอจะเลือกใคร ชายในฝันของใครๆ หรือหนุ่มรุ่นน้องที่เธอปฏิเสธนักหนาว่า "ไม่มีวัน"
Tags: ดอกนางพญาเสือโคร่ง

ตอน: ตอนที่ 3






การเลี้ยงฉลองวันเกิดของเต็มใจและตั้งใจ พร้อมการทำบุญครบรอบวันก่อตั้งมูลนิธิ ควบด้วยการฉลองให้กับนักศึกษาชายป้ายแดงทั้งสองเป็นไปอย่างรื่นรมย์ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานวันเกิด ปกติปีก่อนๆ ก็แค่ทำอาหารกินกันเงียบๆ แต่คราวนี้คำปันอยากให้เด็กๆ ในบ้านปันน้ำใจได้ครึกครื้นกันบ้างจึงตัดสินใจจัดงานขึ้น มีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน

เต็มใจกำลังทอดกุ้งชุบแป้งในกระทะ เมื่อยุวดีพยาบาลสาวหมวยร่างท้วมเพื่อนรักโผล่เข้ามาในครัวส่งยิ้มกว้างขณะปรี่เข้ามาหา

“ทำอะไรน่ะเต็ม ฉันมาช่วยแล้ว โทษทีนะ เพิ่งออกเวรน่ะ”

“ไม่ต้องช่วยเลยยายยุ้ย แกเป็นแขก ไปนั่งคุยกับคนอื่นข้างนอกโน่น”

เต็มใจออกปากไล่พร้อมทำมือให้เพื่อนออกไปห่างๆ กระทะ เป็นที่รู้กันดีว่ายุวดีถนัดแต่กินเท่านั้น เรื่องเข้าครัวทำอาหารเป็นของต้องห้าม สมัยเป็นนักศึกษาเจ้าหล่อนเคยทำหม้อข้าวต้มที่เต็มใจอุตส่าห์ทำให้กินหกไปทั้งหม้อมาแล้ว น่ากลัวมาก

“ฉันไม่ค่อยรู้จักใครนี่ มีแต่เด็กวัยรุ่นทั้งนั้น เพื่อนตั้งกับฆ้องคุยกันสนุกเชียวเรื่องข้อสอบโควตา แล้วแกว่าฉันจะคุยด้วยรู้เรื่องมั้ย”

“งั้นก็ยืนดูอย่างเดียวพอ”

คนพูดช้อนกุ้งชุบแป้งฟูกรอบขึ้นมาจากกระทะเทลงบนจานซึ่งมีทิชชูซับน้ำมันวางอยู่

“เฮ้ย! แกทำไงเนี่ย แป้งน่ากินมาก เป็นแพเชียว เหมือนกุ้งเทมปุระตามร้านเลย”

“ฉันไม่มีปัญญาไปกินตามร้านอย่างแกก็ต้องหาวิธีกันหน่อย ค้นทั้งในเน็ต ในหนังสืออีกต่างหาก ทอดแบบเทมปุระเนี่ยฉันว่าสวยดี แป้งกระจายๆ ตัว น่ากินเนอะ” คนพูดมองผลงานในจานอย่างภูมิใจ

“มากเลย ขอชิมหน่อย”

ยังไม่ทันได้อนุญาต กุ้งเทมปุระก็เข้าปากเพื่อนไปแล้ว เต็มใจหัวเราะลั่นเมื่อยุวดีโอดโอยถึงความร้อนที่ลวกปาก

“ตะกละดีนัก โดนซะแล้วยายยุ้ยเอ๊ย”

“อร่อยอะ ร้อนก็ยอม นี่ขนาดยังไม่ได้จิ้มนะ” คนตะกละห่อปากพ่นความร้อนออกมา

“เสร็จพอดี แกยกออกไปวางบนโต๊ะเลย เดี๋ยวฉันตามออกไป”

อีกครู่หนึ่ง เต็มใจก็ออกไปสมทบกับทุกคนที่สนามหญ้าข้างบ้านซึ่งจัดสวนไว้อย่างร่มรื่นด้วยฝีมือของตั้งใจกับฆ้อง ซุ้มพวงชมพูเหนือโต๊ะไม้ที่เต็มไปด้วยอาหารช่วยให้บรรยากาศร่มรื่นสดใส เสียงพูดคุยแทรกสลับกับเสียงหัวเราะของกลุ่มเด็กมัธยมปลายที่เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ดังมาเป็นระยะ เด็กๆ วัยก่อนอนุบาลส่วนใหญ่วิ่งเล่นในสนามหญ้าโดยมีคนดูแลลงไปวิ่งด้วย มีเพียงสองสามคนที่อยู่ในสนามเด็กเล่น สาละวนอยู่กับเครื่องเล่นซึ่งแม้จะเก่าแต่ก็สร้างความสนุกให้เด็กทุกรุ่นมาแล้ว

ยุวดีกวักมือเรียกให้เธอไปนั่งรวมกับกลุ่ม พอเดินเข้าไปใกล้โต๊ะม้าหิน เพื่อนๆ ของตั้งใจและฆ้องก็ยกมือไหว้กันอย่างนอบน้อม มองแวบเดียวก็รู้ว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีสาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งเต็มใจคุ้นหน้าคุ้นตาดี

“โห พี่เต็มเหนื่อยแย่ เข้าครัวมาเป็นชั่วโมงแล้ว อาหารน่ากินทุกอย่างเลยค่ะ” ขวัญชนกเอ่ยทักทาย ผมซอยสั้นและการแต่งตัวแบบลุยๆ ของเธอทำให้ความทะมัดทะแมงดูเด่นชัดขึ้น

“อ้าว ขวัญตัดผมทรงใหม่นี่” เต็มใจอดทักออกไปไม่ได้

“เตรียมรับการไปอยู่ในฝูงทโมนค่ะพี่ คณะวิศวะ มีแต่ผู้ชาย” คนพูดยกมือขึ้นแตะปลายผมอย่างเขินๆ ขวัญชนกคงไม่รู้ตัวว่าต่อให้ตัดผมสั้นแค่ไหน ความเป็นสาวน้อยสะสวยก็ไม่ได้ลดลงไปเลย

“ถ้าเป็นพี่นะ จะทำตรงข้าม ต้องไว้ยาวสิจ๊ะ หนุ่มๆ จะได้รุมทึ้ง” ยุวดีเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำให้เต็มใจรู้เลยว่าไม่จำเป็นต้องแนะนำทุกคนให้รู้จักกันแล้ว

“พี่ยุ้ยไม่รู้อะไร เท่าที่ได้ยินมา หนุ่มวิศวะไม่ค่อยมองสาวในคณะตัวเองหรอกค่ะ ไปตามจีบสาวคณะอื่นโน่น ไม่รู้ตั้งกับฆ้องจะเป็นอย่างงั้นรึเปล่า ต้องดูๆ กันไป”

ทำไมเต็มใจจะเดาไม่ออก แค่มองตาขวัญชนกเธอก็รู้แล้วว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้คิดกับตั้งใจแค่เพื่อน หลายครั้งหลายหนที่เธอกลายเป็นที่ปรึกษาของขวัญชนกในการเอาชนะใจเด็กหนุ่มซึ่งเป็นเสมือนน้องชายของเธอคนนี้ แต่เขากลับใจแข็ง เล่นตัวจนน่าหมั่นไส้ คราวนี้โชคดีได้ไปเรียนคณะเดียวกัน คาดว่าสาวสวยคมคล่องตัวคนนี้น่าจะเข้าไปอยู่ในหัวใจของตั้งใจได้สำเร็จ

คำปันเดินเข้ามาทักทายทุกคนแล้วชักชวนให้เริ่มกินอาหารก่อนจะเย็นเสียหมด แขกพากันไปตักอาหารแล้วมานั่งล้อมวงกันตรงโต๊ะม้าหินตัวใหญ่ใกล้ซุ้มพวงชมพู นั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย

“หนุ่มๆ ถูกปากกันหรือเปล่า มีแต่อาหารเมืองเป็นส่วนใหญ่ กินกันได้ใช่มั้ย” หญิงสูงวัยถามด้วยความห่วงใย

“สบายมากครับป้า” เสียงตอบรับประสานกันเซ็งแซ่ นอกจากกินได้แล้ว ท่าทางทุกคนจะอร่อยมากด้วย

“แกงฮังเลรสชาติเป็นไงตั้ง ป้าปรับให้เป็นรสที่ตั้งชอบ ออกหวานนิดหนึ่ง”

“สุดยอดครับป้า อร่อยมาก หมูเปื่อยได้ที่ เครื่องเทศหอม รสชาติกลมกล่อมลงตัว นี่ถ้าไปพักในมอผมจะหากินแบบนี้ได้ที่ไหน”

“ก็กลับมากินที่นี่สิยะ ใจคอจะไม่กลับมาหาป้าเลยหรือไง” หญิงสูงวัยดักคอ น้ำเสียงเอ็นดู

“มาแน่นอนป้า ผมก็แกล้งบ่นเรียกร้องความเห็นใจไปงั้น”

“แอ็บอ่องออล่ะเจ้าฆ้อง อร่อยมั้ย ป้าทำซ้ำให้อีกหน คงไม่เบื่อนะ” คำปันหันไปถามเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งตักอาหารพิเศษของเขาเข้าปากอยู่พอดี

“ลำแต๊ลำว่าครับป้า เห็นว่าทำยากมาก ไหนจะต้องหาตองมาห่อ ต้องเผาบนเตาไฟอีก แต่งานนี้ผมอยากกินจริงๆ แอ็บทั่วไปหากินไม่ยาก แต่แอ็บอ่องออเนี่ย ต้องฝีมือป้าคำเลย ขอบคุณมากครับป้า”

สองหนุ่มผลัดกันพูดเอาใจจนเต็มใจอดหมั่นไส้ไม่ได้

“ชมกันจริงนะ แล้วจำไว้ด้วยว่าป้าคำน่ะรักเราขนาดนี้ อย่าทำให้ท่านผิดหวัง กลับมาหาป้าบ่อยๆ กันด้วย”

“พี่เต็มมาบทคนแก่ขี้บ่นอีกแล้ว เถอะน่า พี่คอยดูนะ ผมจะกลับมาให้บ่อยกว่าพยาบาลที่ทำงานแถวนี้ก็แล้วกัน เตือนแต่คนอื่น ช่วงนี้พี่เต็มแทบหาเวลากลับบ้านไม่ได้ ทำแต่งานจริงๆ”

นั่นสินะ งานของเธอหนักหนาสาหัสมาก ยิ่งรับเฝ้าไข้พิเศษเพื่อเพิ่มรายได้ ยิ่งแทบไม่มีเวลาเลย แต่เต็มใจก็ภาคภูมิใจเพราะได้ส่งเงินให้ป้ามากขึ้น ส่วนหนึ่งให้ป้าไว้ใช้จ่ายส่วนตัว และที่เหลือก็นำไปใช้ในการเลี้ยงดูเด็กกำพร้า นี่ยังโชคดีที่พอเข้าสู่วัยประถม จะมีหน่วยงานต่างๆ ทยอยมารับเด็กออกไปเลี้ยงต่อ บ้านปันน้ำใจจึงเน้นเด็กเล็กวัยก่อนอนุบาล เหมือนเป็นที่ฟูมฟักก่อนจะส่งต่อไปให้หน่วยงานอื่นหรือผู้ที่ต้องการอุปการะ หญิงสาวตั้งใจไว้แล้วว่าจะส่งเงินมาสนับสนุนเท่าที่จะทำได้

งานเลี้ยงผ่านไปอย่างรื่นรมย์ ไม่มีเครื่องเสียงให้หนวกหู จึงดูเหมือนเป็นการกินอาหารร่วมกันมากกว่า เมื่อเพื่อนๆ ของตั้งใจและฆ้องรวมทั้งยุวดีกลับไปแล้ว เจ้าของงานทั้งสามคนก็ช่วยกันล้างจานในห้องครัว

“หนุกดีเนอะพี่เต็ม ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ เด็กๆ ตื่นเต้นมาก ได้กินของอร่อยๆ วิ่งเล่นกันทั่วบ้าน แล้วยังได้กินเค้กที่ขวัญเอามาให้อีก” ตั้งใจบอกขณะรับจานที่ฟอกแล้วจากฆ้องมาผ่านน้ำสะอาด

“นั่นสิ เค้กอร่อยมาก ยายขวัญนี่น่ารักเหมือนกันนะไอ้ตั้ง แกไม่คิดจะใจอ่อนกับมันบ้างเหรอ เป็นเพื่อนกันก็เปลี่ยนสถานะเป็นแฟนได้นะเว้ย ไม่ยากดีด้วย” ฆ้องออกปากแซวตรงๆ

เต็มใจชะงักมือที่เช็ดจานอยู่ รอฟังคำตอบจากปากตั้งใจ

“ไม่มีทางหรอก ยังไงข้าก็ทำใจให้รักขวัญแบบแฟนไม่ได้ แกคิดดูสิ รู้จักกันมาตั้งแต่ประถม รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว อีกอย่างแกก็รู้ว่าทางบ้านขวัญน่ะร่ำรวยขนาดไหน บ้านหลังใหญ่สุดแล้วในละแวกนี้ คราวก่อนที่เราเข้าเมืองแวะไปหาญาติขวัญในตัวเมืองเชียงใหม่นั่นยิ่งแล้วเลย บ้านใหญ่ยังกะวัง ตระกูลเขาร่ำรวยมาก แล้วแกคิดว่ามันเหมาะสมเหรอที่จะไปยุ่งกับเขา เป็นเพื่อนกันแหละดีที่สุด” ตั้งใจอธิบายเหตุผลยาวเหยียด

“พูดแบบนี้ได้เพราะศรรักยังไม่ปักอกอะดิ คอยดูเหอะ ถ้าเกิดรักกันขึ้นมา อุปสรรคแค่ไหนก็ไม่หวั่น” เพื่อนรักยังเชียร์ไม่หยุด

“เลิกพูดเรื่องข้าได้แล้ว ไอ้ฆ้อง ยังไงข้าก็รักพี่เต็มคนเดียว มีพี่สาวสวยๆ แบบนี้รักหมดใจ” ตั้งใจพูดทีเล่นทีจริงตามประสาจนทุกคนเริ่มชิน เข้าใจว่าเป็นคำพูดแบบแค่หมาหยอกไก่ไปวันๆ เท่านั้น เขาหันไปเอ่ยต่อกับฆ้อง “ว่าแต่แกเหอะ จีบเด็กไปถึงไหนแล้วล่ะ” เป็นที่รู้กันว่าฆ้องมักพยายามจีบเด็กสาวรุ่นน้อง แต่ยังไม่เคยสำเร็จสักราย

“อย่าไปพูดถึงอดีตเลย มันเจ็บรู้มั้ย ไม่เข้าใจ ทำไมผู้หญิงชอบผู้ชายที่แก่กว่าเยอะๆ ดูภูมิฐาน ไม่เข้าใจเลยว่ะ ไอ้คนที่จีบน้องติดน่ะ แก่กว่าน้องตั้งสิบกว่าปี สุดเซ็ง ข้าคงแก่ไม่พอละมั้ง”

พอพูดถึงคนอายุแก่กว่าเป็นสิบปี เต็มใจก็ออกจะเข้าใจได้ดี แถมเผลอไปนึกถึงนายแพทย์ธชาขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ รอยยิ้มอบอุ่นและน้ำเสียงเอ็นดูนั้นสะกดหัวใจสาวได้ชะงัดนัก ผู้ชายอายุมากกว่ามีภาษีตรงนี้

“เดี๋ยวเข้ามอแกอาจจะเจอเนื้อคู่ก็ได้ ของแบบนี้ต้องใจเย็นๆ ไอ้ฆ้อง” ตั้งใจให้กำลังใจเพื่อน

“จริงจ้ะ พี่เห็นด้วย ฆ้องไม่ต้องรีบหรอก เราก็ไม่ใช่คนขี้เหร่ แค่พยายามอย่าไปเดินกับเจ้าตั้งมาก เพราะเขาตัวสูง จะทำให้เธอดูเตี้ย จะว่าไปถ้าเทียบหน้าตาแล้ว หล่อสูสีกันนะ พี่ว่า” เต็มใจบอกเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ฆ้องโวยวาย

“โหย พี่เต็ม นี่ตกลงพี่ชมผมว่าหล่อหรือติผมว่าเตี้ยกันแน่”

“ช่างเหอะน่า ยังไงวันนี้พี่เต็มก็หลุดปากชมเราสองคนว่าหล่อก็แล้วกัน แกจับใจความได้แบบนั้นหรือเปล่าวะ”ตั้งใจตะโกนลั่นห้องครัว

“ใช่ พี่เต็มชมเรา สุดยอดพี่ กำลังใจมาเต็มๆ เลย ว่าแต่พวกเราหน้าตาดีจริงเหรอพี่ ขออีกที”

เต็มใจหัวเราะ รีบตอบย้ำ

“อืม น้องพี่หล่อมากทั้งคู่ มั่นใจในตัวเองกันหน่อยสิ สร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วยการเรียนดีๆ เดี๋ยวทุกอย่างก็ตามมาเอง เรื่องความรัก บางทีไม่ต้องไปไขว่คว้ามาก ปล่อยให้มาเองบ้างก็ได้”

“เอาละสิ พี่สาวเราเริ่มเทศนาแล้วนะไอ้ฆ้อง ข้าว่าเราเผ่นกันดีกว่า” ตั้งใจทำหน้าทะเล้น

“เดี๋ยวสิ ช่วยพี่เช็ดจานก่อน ยังไปไหนไม่ได้นะ” เต็มใจแหวลั่นจนสองหนุ่มหัวหด จากที่ทำท่าจะชิ่งก็ยืนสงบนิ่ง มือถือผ้าเช็ดจานกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เธอจึงรีบสรุป

“นี่พี่ไม่ได้พูดเล่นนะ ฆ้องกับตั้งคือสิ่งพิเศษที่ป้าคำภูมิใจ อย่าทำให้ป้าผิดหวัง”

“แน่นอนครับพี่ เรื่องนั้นผมสองคนรู้ดี” ตั้งใจตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังมั่นคง

เด็กกำพร้าสามคนยืนทำงานต่อเงียบๆ ในครัว ท่ามกลางอากาศยามค่ำที่หนาวเหน็บขึ้นทุกที แต่ต่างก็รู้ว่าในหัวใจของเด็กบ้านปันน้ำใจทุกคนนั้น...อบอุ่นเพียงใด

____________________________________________________________________


คำปันนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงานมาพักใหญ่ นางมักจะนอนดึกเป็นประจำอยู่แล้ว มีเรื่องของบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวันที่ต้องทำ เพื่อนำเสนอเวลาต้องการเงินช่วยเหลือและเพื่อแสดงต่อผู้มีอุปการคุณต่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนวัยเรียนแห่งนี้ ซึ่งแม้จะเป็นเพียงมูลนิธิเล็กๆ แต่ก็ได้รับความสนใจจากผู้ใจบุญอย่างสม่ำเสมอ เพราะความโดดเด่นในเรื่องสถานที่ตั้งกลางหุบเขา เด็กส่วนใหญ่ที่รับมาดูแลจะเป็นเด็กที่อยู่บนดอยห่างไกลซึ่งถูกทอดทิ้ง การมีลักษณะเฉพาะอย่างนี้ดึงดูดให้ผู้คนมาที่นี่มากขึ้น บางรายมาเพื่อมอบเงินและสิ่งของ บางรายมาขออุปการะเด็กไปเลี้ยงและหลายรายมาเป็นประจำในวันสำคัญที่อยากทำบุญ เพราะนอกจากจะได้ช่วยเหลือเด็กแล้ว นางคำปันมั่นใจว่าบรรยากาศแสนสวยโดยรอบ ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

งานฉลองการสอบติดโควตาของฆ้องและตั้งใจสร้างความอิ่มเอมใจให้กับหญิงสูงวัยไม่น้อย รวมทั้งงานเลี้ยงวันเกิดของตั้งใจและเต็มใจทำให้นางหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต...ที่นางไม่มีวันลืม

........


คำปันขยับตัวทันทีเมื่อเสียงพระสวดจบลง ตั้งใจจะไปยกอาหารที่จัดเตรียมไว้มาถวายพระ แม้จะไม่มากมายหลายชนิดแต่นางรู้หมดว่าพระองค์ไหนชอบฉันอะไร อย่างท่านเริญเจ้าอาวาส ต้องเป็นคั่วแคเท่านั้นที่ท่านโปรดปราน ส่วนรองเจ้าอาวาสก็ไม่พ้นตำขนุนกับไส้อั่ว โชคดีเหลือเกินที่พระวัดนี้ชอบกินอาหารเมือง ซึ่งทั้งทำง่ายและประหยัด งานฉลองวันก่อตั้งมูลนิธิปันน้ำใจทุกปีจึงนิมนต์พระมาเก้าองค์ ทำบุญกันตามมีตามเกิด ในบรรยากาศแสนอบอุ่น มีเด็กกำพร้าต่างวัยที่รับเลี้ยงดู วิ่งไปวิ่งมา ช่วยทำโน่นนี่ สร้างสีสันไม่น้อย

‘เต็ม หนูไปช่วยป้ายกจานกับข้าวมาถวายพระหน่อยสิลูก’

คำปันหันไปบอกเด็กหญิงวัยห้าขวบที่นั่งอยู่ข้างๆ จะว่าไปแม้เต็มใจจะอายุยังน้อย แต่มีความรับผิดชอบดีเกินวัย และวันนี้ก็เสมือนเป็นวันเกิดของเธอ ผู้ดูแลมูลนิธิไม่เคยลืมว่าเมื่อห้าปีที่ก่อนนางพบเด็กหญิงแรกเกิดถูกวางทิ้งไว้ตรงหน้าประตูทางเข้าบ้านไม้สองชั้นแห่งนี้ วันนั้นทันทีที่พระสวดเสร็จ เสียงร้องของเด็กทารกก็แผดลั่น เมื่อวิ่งไปดูก็พบเด็กน้อยถูกห่อในผ้าขนหนูผืนเก่า ร้องไห้หน้าดำหน้าแดง นางจึงรับเด็กที่ถูกทิ้งคนนี้ไว้ในอุปการะ พร้อมตั้งชื่อให้เธอว่า ‘เต็มใจ’ อันเป็นความรู้สึกของนางต่อเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ นางเต็มใจเลี้ยงดู อบรมอย่างดี จนย่างเข้าห้าขวบในปัจจุบัน

มือป้อมๆ ยกจานไส้อั่วไปวางข้างชามคั่วแคและตำขนุน คำปันส่งยิ้มให้เด็กหญิง ก่อนนึกขึ้นได้

‘ตายละ ป้าลืมไปได้ยังไง เต็มไปยกขวดน้ำในตู้เย็นออกมาให้ป้าหน่อยลูก ถวายอาหารแต่ไม่มีน้ำ เดี๋ยวชาติหน้าได้ไปเกิดในทะเลทรายแน่ รีบไปหยิบมาสิลูก’

‘ได้ค่า’

รับคำแล้วเด็กหญิงเต็มใจก็วิ่งไปยังตู้เย็นซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน เพียงครู่ก็ได้ยินเสียงร้องลั่น

‘น้อง! มีน้องอยู่หน้าบ้าน ป้าคำคะ น้องนอนอยู่หน้าประตู’

เสียงโหวกเหวกนั้นทำให้คำปันวิ่งพรวดออกมาที่ประตูหน้าบ้าน นางเบิกตาโพลงเมื่อพบว่าบนพื้นตรงประตูทางเข้า มีร่างของทารกน้อยหลับตาพริ้มนอนอยู่บนเบาะเปื่อยๆ ผ้าขนหนูผืนบางที่คลุมอยู่นั้นเก่าคร่ำคร่า

‘อีกแล้วเหรอเนี่ย! วันครบรอบก่อตั้งมูลนิธิอีกแล้ว ช่างเลือกวันกันจริง แม่สมัยนี้ทำไมมันช่างใจดำกันนัก เอามาฝากเลี้ยงดีๆ ก็จะรับไว้ นี่มาวางทิ้งยังกะเป็นขยะ’ ยังพูดไม่ทันจบดี นางก็นึกได้ว่ามีเด็กหญิงที่ถูกทิ้งในวันแบบนี้อีกคนยืนตาแป๋วมองมา จึงรีบตัดบท

‘ช่างเถอะ! มานี่สิเจ้าตัวน้อย นี่ผู้หญิงหรือผู้ชายกันล่ะ คราวนี้’

หญิงสูงวัยเปิดผ้าขึ้นดู เมื่อพบว่าเป็นเพศชายก็ส่งยิ้มให้เด็กหญิงเต็มใจและชาวบ้านที่มาร่วมงาน

‘เต็มจะมีน้องชายละนะ ถือว่าเกิดวันเดียวกัน อ่อนกว่ากันห้าปี” คนชอบตั้งชื่อพูดต่อแบบไม่ต้องคิดนาน‘ป้าจะตั้งชื่อให้เจ้าหนูคนนี้ว่า ‘ตั้งใจ’ จะได้คล้องกัน และป้าจะตั้งใจเลี้ยงมันให้ดี เผื่อจะเป็นกำลังหลักของบ้านได้บ้าง บ้านเรามีเด็กผู้ชายน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง’

‘ทำเหมือนดีใจนะป้า นี่มันภาระชัดๆ’ ใครคนหนึ่งท้วงขึ้นมา

‘ฉันไม่เคยคิดว่าเป็นภาระหรอก เรามาช่วยๆ กัน เลี้ยงพวกเขาให้โตขึ้นเป็นคนดี จะได้ไม่เป็นปัญหาสังคมไงล่ะ’

‘พ่อแม่สมัยนี้ทำไมมันใจร้ายนักนะ ทิ้งลูกกันแบบนี้เลย สังคมเรามันเละเทะลงทุกที’ หญิงชราอีกคนบ่นเสียงดัง

‘เอาละๆ พวกเธอไปดูแลเรื่องเลี้ยงพระต่อเถอะ เดี๋ยวฉันเอาเด็กไปนอนต่อที่ห้อง ดูดู๊ ขี้เซาจริง เขาเอามาวางทิ้งไว้ก็ไม่ยอมตื่น’ เสียงคำปันบ่งบอกถึงความเอ็นดู นางเป็นคนรักเด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่เคยรังเกียจรังงอนที่จะรับดูแลเด็กกำพร้า โดยเฉพาะเด็กที่ถูกทิ้งตอนแรกเกิดแบบนี้

เด็กหญิงเต็มใจมองตามร่างผ่ายผอมของนางคำปันที่ในอ้อมกอดมีเด็กชายตัวจิ๋วอยู่พร้อมรอยยิ้ม ดีใจที่จะได้มีน้องชาย แถมป้ายังตั้งชื่อให้คล้ายๆ ชื่อเธออีกด้วย

แล้วทั้งสองก็เติบโต งดงามสมกับที่นางรักและดูแลเหมือนลูกแท้ๆ

“ป้าคำจ๋า เปิดประตูหน่อยจ้ะ ป้าเป็นอะไรรึเปล่า เปิดประตูหน่อย”

เสียงใสที่ร้องเรียกจากด้านนอก ดึงคำปันออกจากภวังค์ รีบลุกไปเปิดประตูรับร่างบอบบางที่เดินหน้าตื่นเข้ามา

“ป้าไม่สบายรึเปล่า หนูเคาะตั้งนานแน่ะ” น้ำเสียงถามไถ่อย่างห่วงใยนั้นทำเอาหญิงสูงวัยน้ำตารื้น

“ไม่เป็นอะไรหรอกเต็ม แค่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ น่ะ แล้วนี่ล้างจานชามเสร็จแล้วเหรอ”

“เรียบร้อยจ้ะป้า”

“อ้าว เจ้าตั้ง นั่นตามมาทำไมอีกคน”

นางร้องทักเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาหา นั่งลงกับพื้น แล้วก้มลงกราบแทบเท้าแบบไม่ให้ทันตั้งตัว

“ผมมากราบขอบคุณป้าอีกครั้ง ขอบคุณที่ป้าเลี้ยงผมมาตั้งแต่เกิด ผมไม่เคยบอกป้าจริงๆ จังๆ สักครั้งว่ารักและเทิดทูนป้าขนาดไหน เอาเป็นว่าผมสัญญาจะทำตัวดีๆ เรียนให้จบแล้วรีบทำงานหาเงินมาส่งป้าอีกแรง พี่เต็มจะได้ไม่เหนื่อยมาก” น้ำเสียงและแววตาจริงจังที่ส่งมาทำเอานางคำปันอุ่นวาบในหัวใจ

“พูดจาเป็นผู้เป็นคนกับเขาก็เป็นเหรอเจ้าตั้ง นี่จะมาประจบเอาใจป้าทำไม” เต็มใจกระแนะกระแหนน้องชาย ไม่อยากให้บรรยากาศซาบซึ้งจนเกินเหตุ

“คราวนี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมตั้งใจจะมากราบป้า วันเกิดทั้งที ฤกษ์ดีขนาดนี้ สมควรบอกรักป้าได้แล้ว”

“เอ๊ะ เจ้านี่ ไม่ต้องมาทำซึ้งเลย”

ปากปรามไปอย่างนั้น แต่นางก็ยอมรับว่าซาบซึ้งจนรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่คอ ต้องสะอื้นออกมาเพื่อคลายความอึดอัด

“ไหนๆ ก็อยู่ครบทั้งสองคนที่ป้ารักเหมือนลูกแล้ว ป้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟังนิดหนึ่ง”

ทั้งตั้งใจและเต็มใจจ้องตาหญิงสูงวัย ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นน้ำตาของป้า และนับครั้งได้ที่จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้

“บ้านปันน้ำใจของเรามีคนสนใจ มาติดต่อขอซื้อที่ไปทำรีสอร์ต เพราะเขาซื้อที่ได้รอบแล้ว เหลือแค่บ้านเรานี่แหละ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สวยที่สุดเพราะอยู่กลางหุบเขา ด้านข้างก็มีลำห้วย เขาเลยยิ่งอยากได้”

“แล้วป้าตอบเขาไปว่าไงคะ” เต็มใจถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ที่ดินตรงนี้เป็นของบรรพบุรุษของป้านะ แล้วป้าเองก็ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย นอกจากบ้านหลังนี้ ป้าไม่มีวันขายหรอก ที่สำคัญมันเป็นที่ตั้งมูลนิธิเล็กๆ ของเรา”

“ทำไมเขาต้องเจาะจงมาเอาที่เราด้วย ที่ข้างๆ ก็สวยไม่แพ้กัน” ตั้งใจโพล่งออกมา

“เรื่องของเรื่องคือชาวบ้านรอบๆ นี้ส่วนใหญ่ยอมขาย เพราะเขาให้ราคาสูงมากจนน่าตกใจ บ้านเราอยู่ตรงกลางพอดี ถ้าได้ไปเขาจะทำส่วนหนึ่งเป็นทางเข้า มุ่งตรงไปทางเชิงเขา เข้ารีสอร์ตมาเจอวิวสวยๆ แขกก็จะประทับใจ แต่ถ้าเราไม่ขาย เขาต้องเลี่ยงไปเข้าด้านข้าง แถมยังมีบ้านเราตั้งกลางๆ รีสอร์ต ดูไม่สวยเลย ป้าก็เข้าใจเหตุผลนะ แต่ยังไงก็ไม่ขายหรอก ป้ารักที่นี่มาก”

“นั่นสิคะ เต็มเห็นด้วย ป้าอย่าขายเลยค่ะ ถ้าขายแล้วเด็กๆ จะไปอยู่ที่ไหน”

“เขาเสนอจะให้ป้าย้ายมูลนิธิเข้าไปอยู่ในตัวอำเภอ แต่เต็มกับตั้งก็รู้ว่าป้าชอบอยู่เงียบๆ แบบนี้ เขาก็อ้างแต่ว่ารีสอร์ตเขาดำเนินการไม่ได้เพราะบ้านเราขวางอยู่นี่แหละ โชคยังดีที่เขาไม่ถึงกับบังคับขู่เข็ญ แต่ป้าก็ไม่ค่อยสบายใจ เลยอยากเล่าให้เราสองคนรู้ไว้ ยังไงป้าก็ไม่ขายหรอก”

“งั้นก็รอดูท่าทีนะจ๊ะป้า เราปฏิเสธไปตามตรงอย่างนี้ก็ดีแล้ว เขาคงไม่กล้ามาวุ่นวายกับเราหรอก” เต็มใจปลอบ มือบอบบางคว้ามือผู้มีพระคุณไปกุมไว้

“ป้าก็หวังอย่างนั้น เอาละ เต็มกับตั้งไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้ากันทั้งคู่นี่ เต็มต้องทำงาน ตั้งก็จะไปทำธุระในมอ”

“ป้าคำไม่ต้องกลัวเหงานะ ผมจะกลับมาหาบ่อยๆ” หนุ่มน้อยยืนยัน

“เห็นเขาว่าเรียนปีแรกกิจกรรมเยอะ ไม่ต้องห่วงป้าหรอกเจ้าตั้ง ตั้งใจเรียนให้สมชื่อก็แล้วกัน”

“ครับป้า ป้าเองก็พักผ่อนบ้างนะ โรคหัวใจก็ยังเป็นอยู่ ป้าชอบทำลืม” คนพูดพยายามไม่ให้บรรยากาศหม่นเศร้า ด้วยการโฉบจมูกโด่งๆ ลงบนแก้มของนางคำปัน อันเป็นสิ่งที่เขาทำไม่บ่อยนัก

“ชื่นใจจริงๆ เพิ่งรู้ว่าแก้มสาวหอมขนาดนี้” ตั้งใจหัวเราะลั่น ตรงเข้าไปกอดเอวหญิงสูงวัยไว้แน่น

“นี่ๆ อย่าทำแบบนี้บ่อยนักนะ ป้าขนลุก”

“โธ่ ป้า ให้โอกาสผมบอกรักป้าบ้างสิ ป้าจะได้ชื่นใจไง”

ก็จริงของเด็กหนุ่ม การได้กอดได้รับการหอมจากเด็กที่นางเลี้ยงมากับมือให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน...ความรู้สึกของการเป็นแม่ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีลูกของตัวเองเป็นเช่นนี้นี่เอง

คำปันคว้าร่างของตั้งใจและเต็มใจมากอดไว้...นานแล้วที่ไม่ได้ทำแบบนี้ การกอดนี้สร้างแรงพลังมหาศาลในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อเด็กกำพร้าทั้งหลาย นางตั้งใจแล้วว่าจะขอทำหน้าที่นี้ไปตราบนานเท่านาน


จบตอนที่ 3

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ทุกไลค์ ทุกคอมเมนต์ค่ะ ^____^


_______________________________________________________________________

ตอบคอมเมนต์ ค่ะ

คุณ oleang ... ขอบคุณค่าาาา น้องสาวเกาะขอบจอ >0<

คุณ imsoul ... ดีใจที่ชอบและเข้ามาให้กำลังใจค่ะ พอเอานิยายลงเสร็จ ดาริยาก็ตั้งตารออ่านคอมเมนต์...เป็นความสุขอย่างหนึ่ง อิอิ

คุณ หมีสีชมพู ... ตั้งใจจะลงทุกวันค่ะ ถ้าไม่ติดอะไรจะพยายามทำให้ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ ตอนแรกๆ จะไม่รีบลบเร็ว เผื่อนักอ่านเพิ่งมาเห็น ^0^

คุณ Pat ... จ๊ากกกก ตั้งใจไว้ว่าจะเข้าไปแก้ไข ลืมไปได้ไงไม่รู้ แต่ตอนนี้แก้ละค่ะ หลุดปาก >0< ขอบคุณที่เข้ามาคอมเมนต์นะคะคุณ Pat ^____^

คุณ nunoi ... นั่นสิคะ เจ้าของจดหมายคือใคร อิอิ จำคุณ nunoi ได้ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นเคยค่าาาา ^__^



_______________________________________________________________________



ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2557, 05:26:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2557, 05:36:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1331





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
OhLaLa 8 ก.พ. 2557, 12:15:36 น.
อ่าน 3 ตอนรวดเลยค่ะ ลุ้นอยู่ว่าชายปริศนาที่ส่งจดหมายให้เต็มใจคือใครกันน้า เดาอยู่ในใจไม่รู้ตรงใจไรท์เตอร์หรือเปล่า จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ อ่านถึงตอนนี้แอบปลื้มคุณหมอธชา เพราะท่าทางใจดี และดูอบอุ่นค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account