จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 13

บทที่ 13
หลังจากเรื่องร้ายๆ จบลงด้วยเลือด จนหลีหลินบ่นอุบที่ต้องมานั่งทำความสะอาดกลางดึกกลางดื่น ก็เลยต้องลงมือช่วยเธอทำความสะอาดอีกแรง ตอนแรกก็ตัดสินใจอยู่นานกลัวว่าจะโดนเธอกัดจิกเหมือนทุกทีแต่กับตรงกันข้ามเธอยอมสงบศึกชั่วคราวให้ฉันช่วยเธอทำความสะอาดแต่โดยดี แต่พอเซทเดินลงมาจากชั้นบนเห็นฉันเข้าเขาก็รีบเข้ามาแย้งไม้ถูพื้นในมือไปทันที แถมยังหันมาดุฉันอีก
"ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่หลีหลิน"
"ก็มันดึกแล้วก็เลยอยากจะช่วย" ฉันตอบพลางแย่งไม้ถูจากเซทกลับมาถือไว้ในมือ แล้วก้มหน้าก้มตาถูต่อไปแต่เขาก็ยังไม่ยอมเข้ามายืนขวางทางฉันไว้
ให้ตายเถอะ! ฉันเลยต้องเงยหน้าขึ้นแต่พอได้สบกับดวงตาคู่สวยนั้น ฉันก็โมโหไม่ลงทุกทีสิน่า
"นูนาเป็นยังไงบ้าง"
"วางไม้ถูพื้นก่อนแล้วจะบอก" เขายังไม่ละความพยายามจนฉันรู้สึกเอือมก็เลยหันไปค้อนเขาหนึ่งทีก่อนจะวางไม้ถูลง
"เอ้า! คราวนี้จะบอกได้หรือยัง"
"ยัง…"
"ทำไม?"
ฉันยืนเถียงกันไปเถียงกันมาไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมใครแน่ จนคนข้างๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นานคงรู้สึกรำคาญก็เลยโพลงขึ้นมาว่า…
"พี่สองคนไปจีบกันที่อื่นเลยไป ฉันง่วงแย่แล้วเนี่ย จะรีบทำให้เสร็จๆ"
"มันไม่ใช่อย่างนั้นนะหลีหลิน"
ฉันส่ายหัวเป็นพันละวัน แต่อีตาเซทกลับไม่ปฏิเสธอะไรเลย แถมยังอมยิ้มเดินขึ้นบันใดไปยังชั้นสองหน้าตาเฉย ส่วนฉันก็รู้สึกว่าอยู่ๆ ใบหน้ามันก็ร้อนแปลกๆ ยังไงชอบกล (เขินละสิ) ก็เลยเดินขึ้นบันไดไปบ้างกะว่าจะเข้าไปในห้องของตัวเอง แต่พอกำลังจะเปิดประตูฝ่ามือหนานุ่มก็คว้าข้อมือฉันไว้เสียก่อน
"ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่านูนาเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่อยากรู้แล้วจะนอน ง่วง!" ฉันตอบแบบขอผ่านไปทีพลางสะบัดมือให้หลุดออกจากการเกาะกุมของชายตรงหน้า แล้วเปิดประตูห้องอีกครั้ง แต่ให้ตายสิ! เขาก็ยังมาขวางทางฉันไว้อีก ตกลงฉันจะไม่ได้นอนใช่มั้ยเนี่ย
"นายมาขวางทางฉันทำไมคนจะเข้าไปนอนนนน"
"เธอตกใจมั้ย"
"ฮะ!"
"ฉันหมายถึงเรื่องที่ฉันยิงน้องชายตัวเองน่ะ"
น้ำเสียงที่เคยขบขันก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปเป็นความหวงใยเจือความรู้สึกผิด ที่เขาทำร้ายเจทต่อหน้าฉัน
"ก็มีบ้าง แต่…" ฉันชะงักไปเพราะไม่แน่ใจว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี
"แต่อะไร" เซทยังมองฉันด้วยสายตาอ่อนโยนเช่นเดิม มันเลยทำให้ฉันรู้สึกกล้ามากขึ้น
"ทำไมน้องชายนายถึงไม่ชอบขี้หน้านายละ แถมยังลากฉันเข้าไปเอี่ยวด้วย"
พอฉันถามออกไปเซทก็ถึงกับถอนหายใจ เขาดูลังเลที่จะตอบอยู่พักใหญ่ๆ แต่ฉันก็เว้าวอนต่อ…
"ถ้ามันเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะได้รู้ไม่ใช่เหรอ"
"เจทคิดว่าเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันยอมรับตำแหน่งต่อจากป๊าทั้งๆ ที่ฉันยืนยันตลอดมาว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจเปื้อนเลือดหรือเรียกอีกอย่างก็พวก…"
"มาเฟีย" ฉันพึมพำเบาๆ
"ใช่ แต่มันเป็นสิ่งที่เจทต้องการเพราะเขาเข้าใจอะไรผิดๆ เขาคิดแบบเด็กๆ เอาแต่ใจว่าป๊ารักฉันมากกว่าถึงยกทุกอย่างให้ทั้งที่จริงๆ แล้ว ที่ป๊าไม่ยอมยกให้เพราะต้องการให้เจทมือสะอาดไม่อยากให้เปื้อนเลือดตากหาก ป๊าจึงอยากให้ฉันดูแลธุรกิจนี้แทนเพราะคิดว่า…" เซทยังพูดไม่ทันจบจู่ๆ เขาก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาพูดต่อว่า "คนอย่างฉันสมควรแล้วที่จะต้องเดินเส้นทางนี้"
"แล้วทำไมต้องเป็นนายด้วย" ฉันมองไม่เห็นความจำเป็นเลยสักนิด ยังไงก็ลูกชายเหมือนกัน แถมสำเนาถูกต้องอย่างกับคนเดียวกันอีกต่างหาก ก็แหงล่ะเขาเป็นแฝดกันนี่
"เพราะฉันเป็นฆาตกร พรากผู้หญิงที่เขารักจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา"
"แต่นั่นมันเป็นอุบัติเหตุ"
"แต่ฉันก็เป็นคนขับรถคันนั้น และฉันก็คงหลีกหนีข้อกล่าวหานี้ไม่ได้"
"ถ้านายไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกมาเฟีย นายก็ไม่ต้องเป็นก็หมดเรื่อง"
"แต่ฉันตกลงไปแล้ว "
ตอนไหน…
ยังไง…
แล้วทำไม….
"ทำไม? "
"เพื่อแลกกับตัวเธอ"
ฉันถึงกับหน้าซีดเผือด เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าทันควัน ฉันรู้ว่าเขาต้องแลกอะไรบางอย่างเพื่อแลกกับอิสระภาพของฉัน แต่ฉันก็ไม่เคยถามว่ามันคืออะไรเกือบจะไม่ค่อยสนใจเขาด้วยซ้ำ ว่าอิสระภาพในครั้งนั้น มีผลร้ายต่อเขาขนาดไหน พอได้ยินแบบนี้ฉันก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้เหมือนฉันเห็นแก่ตัวยังไงก็ไม่รู้ วงการมาเฟียบั้นปลายชีวิตจะมีสักกี่ทางกันให้เลือก ถ้าไม่ตายก่อนวัยอันควรสุดท้ายก็อาจต้องแก่ตายในคุก
ในขณะที่ฉันรู้สึกผิด อับอายปนความอัดอั้นตันใจ ต่อสิ่งที่เขาตัดสินใจไปแล้ว แต่ใบหน้าที่สบตากับฉันกลับเฉยเมย ไม่ได้ฉายแววถึงความรู้สึกใดๆ นอกจากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบใจแทน
"อย่าคิดมาก เพราะถ้าไม่มีเรื่องเธอป๊าก็หาเรื่องอื่นให้ฉันยอมอยู่ดี เข้านอนเถอะพรุ่งนี้ต้องรีบกลับเดี๋ยวไปไม่ทันคอนเสิร์ตแสดง ก็อย่ามาโวยวายใส่ฉันแล้วกัน"
เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับไปห้องของตัวเอง ปากเรียวสวยนั้นเม้มสนิทไม่มีวี่แววของรอยยิ้มขี้แกล้งเหมือนเช่นทุกที ฉันได้แต่มองตามข้างหลังชายร่างสูงนั้นจนบานประตูถูกปิดลงอย่างเงียบๆ

เวลาผ่านเลยไปหลายชั่วโมง ฉันพยายามข่มตาให้หลับแต่ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่หลับสักทีพลางพลิกไปพลิกมาเพราะรู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเป็นอย่างนี้ แต่แล้วจู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินมาหยุดทีหน้าห้องฉันแล้วเคาะประตูอย่างรีบร้อนจนฉันถึงกับสะดุ้งโหยง วิ่งไปจ่อที่หน้าประตูแทบไม่ทันแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอยถามก่อนว่าใคร
"นั่นใครคะ"
"ฉันเอง เปิดประตูหน่อยสิ"
ฉันยืนชั่งใจอยู่ชั่วครู่พลางหันไปมองนาฬิกา นี่มันก็ปาเข้าไปตีสามอีตาบ้านี่ไม่หลับไม่นอนรึไง แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง แถมหนักกว่าเดิมอีกต่างหาก ฉันเลยต้องรีบเปิดให้เขาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
แต่พอประตูถูกเปิดออกเขาก็ถลันเข้ามาในห้องฉันอย่างถือวิสาสะ แถมปิดประตูอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าฉันทำได้แค่อ้าปากค้างมองชายร่างสูงตรงหน้า หายใจหอบด้วยความเหนื่อยเหมือนกับวิ่งหนีผีมาอย่างนั้นแหละ
"นายจะบ้าเหรอ ดึกๆ ดื่นๆ วิ่งเข้าห้องคนอื่นได้ยังไง"
แต่เขากลับไม่ตอบแถมเดินเข้าไปทิ้งตัวนอนหงายบนเตียงฉันอย่างหน้าตาเฉย แถมยังทำท่าทางสบายสุดๆ
"เฮ้ย! นายจะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะ"
ฉันแหวใส่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย จนฉันต้องเข้าไปดึงตัวให้เขาลุกขึ้นจากเตียงแต่เขากับใช้กำลังที่มีมากกว่าของเขาดึงจนฉันเซล้มไปนอนทับที่อกกว้างของเขา จนฉันได้กลิ่นหอมจางๆ เล่นเอาหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว
"ปล่อยฉันนะ!"
"ไม่ปล่อย"
ฉันพยายามลุกขึ้นเพราะกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่มันกำลังเต้นจนแทบจะทะลุออกมานอกอก แต่พอฉันขยับจะลุกขึ้นเขากับยิ่งกอดรัดฉันไว้แน่นยิ่งกว่าเก่าจนคราวนี้ฉันแทบขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้
"บอกให้ปล่อยไง"
"อย่าดิ้นสิ รู้มั้ยว่าอะไรต่อมิอะไรของเธอมันถูไถไปมา จนฉันชักจะห้ามใจไม่อยู่แล้วรู้มั้ย"
กรี๊ดดดดดดดดดด \\ ฉันถึงกับปรี๊ดแตกในใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้อะไรต่อมิอะไรที่เข้าพูดหมายถึงอะไร
"ชู่ อย่าเสียงดังสิเดี๋ยวข้างห้องเข้าใจผิดคิดว่าเราแบบว่า….รุนแรงนะ คิคิ"
"หยุดพูดบ้าๆ เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะกัดปากนายให้พูดไม่ได้อีกต่อไป"
"งั้นก็กัดเลยสิ"
เซทกดหัวฉันให้โน้มหน้าลงมาจนริมฝีปากของเราแทบจะชนกัน ถ้าไม่ติดว่าฉันฝืนไว้เต็มแรง
"ไหนว่าจะกัดปากฉันให้พูดไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ทำละ"
พูดจบเขาก็กดศีรษะฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันฝืนไว้ไม่ทัน เลยทำให้ริมฝีปากของฉันทาบทับกับริมฝีปากของเขาอย่างจัง ฉันถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่พอได้สติฉันก็เลยจำใจต้องกัดริมฝีปากสวยได้รูปเต็มแรง จนเขาถึงกับร้องโอย
"ยัยโหด! เอาจริงเหรอเนี่ย"
"ฉันเอาจริงและถ้ายังไม่อยากตายก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแกมโมโห แต่ชายตรงกับหัวเราะอย่างขบขัน
"เก่งจริง งั้นลองมาดูกันว่าใครมันจะแน่กว่า"
ชั่ววินาทีเดียวเขาก็พลิกตัวเองขึ้นมากดทับร่างฉันให้นอนแน่นิ่งอยู่ข้างล่างแทนแถมขยับไปไหนก็ไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าหัวใจฉันมันจะขยับได้เพราะตอนนี้มันเต้นแรงจนฉันเองยังตกใจ
"นะ…นายอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ"
ฉันได้แต่พึมพำเบาๆ ในขณะที่เขาโน้มหน้าลงมาจนฉันต้องเบี่ยงหน้าหลบพลางหลับตาปี๋ แต่มันก็ยังใกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เริ่มร้อนผ่าวรดอยู่ที่ข้างแก้มฉันอยู่ดี
"เธอนี่ตลกชะมัด"
"ทำไมต้องตลกด้วย"
ฉันทวนคำขึ้นอย่างอายๆ
"ก็ดูเธอทำหน้าสิ อย่างกับฉันกำลังจะทำแบบว่า…"
เป็นใครก็คิดทั้งนั้นแหละไม่ใช่แค่ฉันคนอ่านก็ยังคิด จริงมั้ย
"ก็นาย…"
"ฉันก็แค่แกล้งให้เธอตกใจเล่นๆ แค่นั้นเองไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซะหน่อย เอ! หรือว่าเธอจะคิด…"
"ฝันไปเถอะ"
ฉันหันหน้ากลับมาแหวใส่เขา แต่ไม่คิดเลยว่าสายตาของเราจะประสานกันพอดีทำให้เหมือนกับเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ จนฉันต้องหันหน้าหนีอีกครั้งเพื่อหลบสายตาคู่สวยนั้น ทำไมฉันต้องหลบสายตาคู่นั้นก่อนทุกทีสิน่า
"ฉันไม่ทำอะไรหรอก ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ เธอในเวลาแบบนี้ได้มั้ย…" เซทกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ก่อนจะพลิกตัวลงมานอนตะแคงเบียดชิดฉันด้วยอาการคล้ายเด็ก "อยู่ๆ มันก็นอนไม่หลับ คิดไปต่างๆ นาๆ เป็นห่วงเธอ กลัวเจทจะสั่งลูกน้องย้อนกลับมาทำร้ายเธออีก มันก็เลยทำให้ฉันฟุ้งซ่านจนต้องวิ่งมานี่แหละ"
ฉันมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ แต่แววตาคู่สวยก็ฉายแสงแห่งความห่วงใยมากกว่าจะคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ จึงทำให้ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นว่าเขาไม่ได้คิดจะมาทำรุ่มร่ามกับฉันจริงๆ
แต่…
"ถึงนายจะอ้างว่าห่วงฉันแค่ไหน แต่ยังไงฉันก็คิดว่ามันไม่เหมาะอยู่ดี"
"ฉันรู้ ฉันจึงต้องขอร้องเธอไงถ้าคืนนี้เธอไล่ฉันกลับ ยังไงซะฉันก็ต้องมาคอยเคาะประตูเรียกเธออยู่ดี ถ้าเป็นอย่างนั้นคืนนี้ทั้งคืนก็คงไม่ได้นอนกัน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะขับรถพาเธอกลับกรุงเทพไหวได้ยังไง ดีไม่ดีเกิดหลับในชนหลักกิโลเมตรรถคว่ำตายซะก่อน อดไปเห็นหน้าไอ้นักร้องแล้วเธอจะมาโวยวายโทษฉันในยมโลกไม่ได้นะ"
"อย่าพูดแบบนั้นเขาถือ มันจะเป็นรางไม่ดีนะ"
ฉันโพลงจะลุกขึ้น แต่เซทก็ดึงฉันกลับไปนอนกอดอย่างถือวิสาสะเช่นเดิม
"ไม่พูดแล้วก็ได้ แต่เธอต้องโอเคนะ"
คราวนี้เขาเปลี่ยนมาพูดเป็นน้ำเสียงอ้อนเหมือนเด็กๆ ที่ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดมาก่อน ปกติถ้าไม่สั่งก็บังคับ หรือไม่ก็ต้องประมาณว่านี่มันบ้านฉันนะยัยเป๋ ฉันจะนอนตรงไหนมันก็สิทธิ์ของฉันอะไรแบบนี้อ่ะ ก็เลยอดที่จะยิ้มนิดๆ ไม่ได้ ทำไมหมู่นี้ฉันถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขามันน่ารักขึ้นทุกครั้งนะ
"เลิกบ้าแล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว" นายเป็นผู้ชายนะแถมหล่อมากอีกต่างหากเป็นใครก็ต้องหวั่นไหวบ้างละ โดยเฉพาะต้องมานอนห้องเดียวกันสองต่อสองในเวลาแบบนี้ (เริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง)
"เธอตกลงก่อนสิ นะๆ แล้วฉันจะปล่อย"
"ไหงเป็นงั้นอ่ะ อย่างนี้ฉันก็เสียทั้งขึ้นทั้งร่องนี่"
"แล้วยอมยังละ"
น้ำเสียงที่พูดขึ้นกึ่งหัวเราะ ทำให้ฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองหน้าแดงขึ้นไม่รู้ด้วยความอายหรือโมโหที่ถูกเขาแกล้งกันแน่
"พูดให้มันดีๆ ยอมอะไรของนาย"
"ก็ยอมให้ฉันนอน…ห้องเดียวกับเธอไง"
"แค่นั้น"
"ชัวร์"
ฉันยืนตัดสินใจอยู่สักพัก แต่นัยน์ตาคู่นั้นก็ไม่มีทีท่าฉายแววความเจ้าเล่ห์แบบทุกที ตรงกันข้ามกับมองมาด้วยความรู้สึกโล่งใจมากกว่า เหมือนกับว่าเขาห่วงฉันจริงๆ จนนอนไม่หลับ แต่พอคิดดูถึงความเหมาะสมมันก็ไม่ถูกอยู่ดีถึงจะห่วงยังไง ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ แต่ถ้าไม่ยอมเขาก็คงไม่ได้นอนแล้วพอนึกถึงคำขู่ที่ว่าเขาต้องขับรถตอนเช้าก็ทำเอาฉันใจอ่อนอย่างน่าโมโห และที่ยิ่งโกรธตัวเองคือแทนที่จะกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ไปดูพี่เกลขึ้นร้องเพลงอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ทัน แต่กลับกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายเพราะอาจหลับในตอนขับรถ มันก็ยิ่งทำให้ฉันอยากจะเอาหัวโคกกับต้นเสาให้มันหายขับข้องใจเสียที
"ก็ได้ แต่ถ้านายตุกติกฉันฆ่านายแน่"
ฉันกำชับแกมขู่ แต่เขากลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น เฮ้ย! แบบนี้ไปๆ มาๆ ฉันนี่แหละจะนอนไม่หลับเอง
เพราะต้องคอยระวังไอ้หน้าหล่อนี่ แต่พอฉันตกลง เขาก็ปล่อยฉันให้เป็นอิสละทันที แถมเดินไปนอนที่โซฟาอย่างไม่ต้องสั่ง แล้วหันกลับมาพูดกับฉันว่า
"อย่าแอบมาปล้ำฉันนะยัยเป๋! ฉันไม่อยากมีเมียพิการ แบร่"
หน็อย! นายอยากตายใช่มั้ย
ฉันคว้าหมอนติดหมับก่อนจะขว้างใส่หัวเขา แต่ไม่ยักจะโดนเพราะหมอนั้นรับไว้ได้เสียก่อน แถมยังยิ้มอย่างเยาะเย้ยฉันอีกต่างหาก
"ขอบใจนะที่อุตส่าห์ส่งหมอนมาให้ ราตรีสวัสดิ์ยัยชูชกขาเป๋"
ว้ากกกก นายเรียกฉันว่าอะไรนะ ยัยชูชกขาเป๋งั้นเหรอ หึย!
เซทวางหมอนลงแล้วล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ แถมหันหน้าหนีฉันอีกต่างหาก แบบนี้มันยั่วโมโหกันชัดๆ

ฉันเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาข้างผนังห้อง แม้ว่ามันจะเห็นรางๆ แต่ก็ยังพอมองออกว่าตอนนี้เวลาผ่านเลยไปจนถึงตีสี่ครึ่งแล้วแต่ฉันก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี สงสัยจะคอยระแวงมากไปหน่อย ผิดกับหมอนั่นที่หัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยไปเลย ชิ แล้วบอกว่านอนไม่หลับ
ฉันมองเซทนอนขดตัวอยู่บนโซฟาผ่านความมืดแต่ก็ยังเห็นดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ปิดสนิท กับริมฝีปากหยักได้รูปที่กำลังเผยออกนิดๆ นี่เป็นอีกครั้งที่ฉันเหมือนโดนมนต์สะกดไม่สามารถละสายตาไปที่อื่นได้เลย เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ยิ่งได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงเขามากขึ้นเรื่อยๆ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นทีเดียวแต่พยามเก็บซ้อนมันไว้ด้วยมาดคุณชายตัวร้ายปากเสีย ฉันนอนชื่นชมใบหน้างดงามอยู่นาน จนกระทั้งฉันได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งที่ฉันผูกพันตั้งแต่วัยเยาว์ร้องเตือนขึ้นในความทรงจำ ทำให้ฉันต้องส่ายหน้าไล่ความรู้สึกบ้าๆ ที่มีต่อเซทออกไปจากความคิด
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ ทำไมนับวันความรู้สึกของฉันที่มีต่อเซทมันจะยิ่งแปลกขึ้นทุกที หวังว่าฉันคงไม่ได้หวั่นไหวตกหลุมรักไอ้หน้าหล่อขี้แกล้งปากร้ายนั้นหรอกนะ เพราะฉันจะนอกใจ ลี มินโฮ ไม่ได้เด็จขาด ฉันรักเกาหลี~

"อย่าน่า!!! ลี มินโฮ คิคิ"
มินโฮยื่นปากเข้ามาหวังจะประทับจูบ แต่ฉันก็หลบด้วยความเอียงอายเสียก่อนพลางกระซิบเบาๆ ว่า
"ไม่เอาน่า"
แต่แล้วเวลาความสุขก็ต้องหมดลงเมื่อจู่ๆ ยัยหน้าสวย พัค นังยองยอง ก็เดินเข้ามาแทรกกลาง
"อย่ามายุ่งกับแฟนฉัน"
"ไม่จริง! เธอเลิกรากันไปแล้วไม่ใช่เหรอ ยังมีหน้ามาขี้ตู่อีกทำไม เพราะตอนนี้ ลี มินโฮ เป็นของฉันต่างหาก ฉันชอบเขาก่อนเธอด้วยซ้ำยัยหน้าสวย"
"หน็อย! พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องใช่มั้ยยัยขมิ้นเด็กเหลือขอ อาศัยวัดแทนบ้านอย่ามาเจ๋อ แบบนี้มันต้องสั่งสอนเจอลูกแตะทอนาโดหน่อยเป็นไง ย๊ากกกกกกก"
แล้วยัยหน้าสวยพัคก็ใช้เท้าน้อยๆ ของเธอถีบเข้าไปบนใบหน้าของฉันเต็มทีน
พลัก!
ตุ๊บ!
แอ็ก!
"อ๊ายยยยยยยย ถึงยังไง ลี มินโฮ ก็ยังเป็นของช้านนนนนนนนนน"
" (0_0+ ) ( +0_0 )" มองซ้ายแลขวา
เอ๊ะ! ไม่เห็นมีใคร อ๊ายยยยยยยยย >///< นี่ฉันนอนละเมอน้ำลายยืดอีกแล้วเหรอเนี่ย แง




lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2557, 13:55:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2557, 13:55:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 886





<< บทที่ 12   บทที่ 14 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account