จุดชนวนรัก อุบัติเหตุเลิฟ
บางครั้งเราทุกคนก็ต้องยอมรับความจริงในเรื่องของหัวใจ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป ฉันเคยคิดว่ารัก ‘พี่เกล’ แต่ฉันกลับได้รู้จักความรักจริงๆ ในวันที่สายไปกับคนที่ได้ตายจากไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกความในใจให้เขารู้ด้วยซ้ำ และวันนี้ฉันมีโอกาสจะไปหาเขาแม้ว่าหัวใจของเขาจะนิ่งสงบไปแล้วก็ตามแต่ฉันก็ร้อนใจเหลือเกินที่จะไป ไม่อยากจะช้าสักวินาทีเดียว
Tags: วัยรุ่น

ตอน: บทที่ 17

บทที่ 17
ณ MT Production
"พรุ่งนี้ได้เป็นข่าวใหญ่แน่ " หญิงสาวพูดขึ้นอย่างหัวเสียแทบจะเป็นฟืนเป็นไฟทันทีที่รู้เรื่อง
"ก็เหมือนอย่างเดิมๆ นั่นแหละ"
"นายว่าไงนะ เดิมๆ เหรอ! พรุ่งนี้นายจะได้เป็นข่าวเหมาหมดทุกมุมทุกคอลัมน์ ยังมีหน้ามาพูดง่ายๆ แบบนี้อีกเหรอ นี่มันชักไม่สนุกแล้วนะ คราวที่แล้วฉันหมดเงินไปเท่าไหร่กว่าพวกนั้นจะเชื่อว่าคนที่นายกระโดดลงไปอุ้มกลางงานคอนเสิร์ตเป็นแค่แฟนคลับ ถ้าครั้งนี้ใช้มุขเดิมๆ แบบนั้นอีกฉันว่านายพลาดแน่ พวกเขาไม่ได้โง่มองไม่ออกหรอกนะว่าผู้หญิงทั้งสามเหตุการณ์ตั้งแต่รถชน งานคอนเสิร์ต ล่าสุดกลางถนน เป็นคนเดียวกัน"
"ถ้าพวกเขาอยากจะเชื่อแบบไหนพี่ก็ปล่อยเขาไปสิ"
"นายหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่า…"
"อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด"
"นายเป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ยเกล! ถึงได้พูดจาเพ้อเจอแบบนี้ พวกเราเหนื่อยกันมาแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ คิดให้มันดีนะว่าสิ่งที่นายเลือกมันคุ้มกันมั้ย ถ้านายเลือกผิดไม่เพียงแต่พังแค่คนเดียว แต่ยังหมายถึง Monster King ต้องพังตามไปด้วย นายคงไม่เห็นแก่ตัวแบบนั้นหรอกใช่มั้ย!"
เห็นแก่ตัวเหรอ เกลทวนคำอยู่ในใจอย่างเหลืออด ทำไมทุกคนถึงคิดว่าเขาเป็นแบบนั้นกันหมด ทั้งๆ ที่เขาอยากจะทิ้งทุกอย่างทิ้งทุกคน ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจเหมือนเดิม แต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังมีอีกหลายชีวิตที่ฝากความหวังไว้กับเขาในฐานะนักร้องนำที่กำลังโด่งดังที่สุดในตอนนี้ เขาต้องแบกความรับผิดชอบนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว ที่ผ่านมาเขาพยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะทำเพื่อทุกคน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็นว่าเขากำลังทำร้ายหัวใจตัวเองและคนที่เขารัก แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
"ผมไม่อยากทำร้ายหัวใจขมิ้นอีกแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายไป"
"หมายความว่ายังไง!"
"ผมจะไม่ไปเดบิวต์ที่เกาหลี ผมจะถอนตัว"
"ถอนตัว! เพื่อผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักนายเนี่ยนะเกล"
"พี่หมายความว่ายังไง"
"ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนนายเกล นายประคบประหงมจนยัยเด็กนั้นอ่อนต่อโลก แยกแยะความรู้สึกรักระหว่างพี่ชายกับผู้ชายไม่ออก ฉันถามนายจริงๆ จะปิดกั้นผู้ชายบนโลกใบนี้ไม่ให้เข้ามาในโลกของเธอได้ทุกคนเหรอ สักวันเธอก็ต้องเจอกับใครสักคนที่ทำให้เธอรู้จักความรักที่แท้จริง นายหลอกเธอไม่ได้ตลอดชีวิตหลอกเกล นายต้องยอมรับความจริงข้อนี้ สุดท้ายก็ต้องเสียเธอไปไม่ช้าก็เร็ว"
"…"
"นายควรทำใจ อย่าปล่อยให้ความรักมากมายมันเลยเถิดจนต้องกลายเป็นคนเห็นแกตัวไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมาฉันอาจจะร้ายคอยจ้องขัดขวางนาย แต่จริงๆ ที่ฉันทำไปก็เพราะฉันสงสารต่างหาก ฉันไม่อยากให้นายถลำลึกไปไกลจนถอนตัวกลับมารับความจริงไม่ได้"
"แต่ถึงยังไงผมก็จะขอเสี่ยงอีกครั้ง"
เกลยืนยันเจตนารมณ์อย่างหนักแน่น จนทำให้อีกฝ่ายถึงกับเก็บอาการโมโหไว้ไม่อยู่
"ได้จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ย! เอาเลย! ถ้าคิดดีแล้วก็ทำไปเลย ต่อจากนี้ไปนายอยากจะทำอะไรก็ทำไป จะได้พังกันทั้งหมดนี่แหละรวมทั้งฉันด้วย อย่าว่าแต่นายเหนื่อยเลยฉันก็เหนื่อย แล้วก็เบื่อกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี้เต็มทนแล้วด้วย"
เธอระเบิดอารมณ์อย่างหัวเสียก่อนจะเดินขออกจากห้องไป เธอผิดหวังจริงๆ เด็กที่เธอปั้นมากลับมือ ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อพาเขามายืนจนถึงจุดนี้ได้แต่เขากลับทิ้งเธอทิ้งเพื่อนร่วมวงไปอย่างง่ายได้ ทั้งๆ ที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ใช่แค่นักร้องที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศแต่เขากำลังจะเป็นนักร้องของคนทั้งเอเชีย แต่เขากลับจะทำลายทุกอย่างเพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว ความคลั่งรักแบบเด็กๆ มันช่างไร้สาระสิ้นดี

"ผมขอโทษ"
ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ทั้งๆ ที่พี่เข็มเธอเดินออกจากห้องไปนานแล้ว ผมรับรู้ได้จากน้ำเสียงและสีหน้าของเธอว่าผิดหวังในตัวผมขนาดไหน แต่ต่อจากนี้ไปผมจะขอทำตามหัวใจตัวเองบ้าง ผมรักขมิ้นรักเธอคนเดียวมาตลอด และมันถึงเวลาแล้วที่ผมจะมีโอกาสแสดงความรักทั้งหมดที่มีอยู่เต็มหัวใจให้เธอได้รับรู้ สักเสี้ยวความรู้สึกที่ผมมีก็ยังดี ถึงแม้ว่าคนทั้งโลกจะมองว่าผมเห็นแก่ตัวหรือบ้าแค่ไหนผมก็ยอม ขอเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่อย่าคิดอย่างนั้นก็พอ ผมไม่อยากให้เธอคิดว่าความรักของผมมันเห็นแก่ตัว เพราะมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยทุกอย่างที่ผมทำไปก็เพราะรักทั้งนั้น ถึงแม้ว่าวันนี้มันอาจจะสายไปที่ผมจะกลับไปหาเธอแต่ผมก็จะทำเพราะเธอคือหัวใจของผม จะมีความฝันไปเพื่ออะไรถ้าไร้รอยยิ้มของเธอเคียงข้าง

สายฝนที่เคยพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งได้จางหายไปแล้ว แต่ยังคงทิ้งไว้ซึ่งร่องรอยไปทั่วทุกแห่ง เช่นเดียวกับความทรงจำแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านร่วงเลยไปนานแต่ทุกๆ ที่ที่เวลาได้เดินผ่านต้องเกิดเรื่องราวเสมอและเมื่อมันผ่านไปก็จะเหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำเราเท่านั้น เหมือนเช่นภาพในวัยเยาว์ที่กำลังหวนคืนกลับมาในความคิดฉันอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ฉันแทบจะลืมเลือนมันไปเกือบหมด อาจเป็นเพราะจากไปนาน ก็ตั้งแต่ที่คุณป้ารับฉันไปเลี้ยงดูได้แค่ไม่ กี่เดือนหลวงตาที่เปรียบเสมือนแสงสว่างแห่งชีวิตฉันก็ได้มอดดับไปด้วยโรคแก่ชรา ฉันจึงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย แต่แล้ววันนี้อะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับฉันมันกลับทำให้ฉันหวนคืนนึกถึงสถานที่เก่าๆ ที่ฉันเคยจากมา ‘วัด’ ใช่แล้วอาจฟังดูแปลกแต่ฉันก็ไม่มีที่ไปที่ไหนที่ดีกว่านี้แล้วนี่
ฉันทิ้งตัวนั่งลงที่ศาลาริมน้ำข้างๆ วัดตั้งแต่สายจรดเย็นจนเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนตอนนี้แห้งไปซะสนิทแล้ว ฉันทอดสายตามองออกไปยังแม่น้ำ มีเรือเพียงไม่กี่ลำที่ยังใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางอยู่ อาจเป็นเพราะความเจริญได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ผิดแปลกไปจากเดิมมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่วันที่ฉันจากที่นี่ไป ก็สายน้ำไงมันยังคงไหลไปตามเส้นทางของมันโดยที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับมาเสมอ ผิดกับฉันไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหนฉันก็กลับย้อนคิดถึงใครคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่ฉันพยายามบอกตัวเองว่าควรจะเกลียดและไม่ต้องพบเจอกับเขาอีก
"มานั่งรอใครอยู่คนเดี่ยวจ๊ะคนสวย ฮาๆๆ"
ความเงียบงันถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงพูดแหลมๆ ปนหัวเราะของคนกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกให้ฉันหันขวับไปมองยังต้นเสียงที่ยืนรายล้อมฉันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผู้ชายพวกนั้นมองฉันด้วยสายตาหื่นๆ จนฉันรู้สึกกลัว กลัวจริงๆ นะก็ดูรูปร่างหน้าตาพวกนั้นสิคล้ายๆ กับพวกบ้ากามสุดๆ ไม่ทราบว่าไปขึ้นเขียงให้หมอผ่าที่คลีนิคไหนกันมาถึงได้กอบปี้ความหื่นกระหายบนใบหน้ากันมาเหมือนเดี๊ยกันทั้งกลุ่มแบบนั้นอะ
"มานั่งรอพ่อน่ะ พอดีพ่อเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อขอพรที่วันนี้ได้เลื่อนยศเป็นผู้พันค่ะ"
เอร๊ย! พูดไปได้ว่าตัวเองมีพ่อเป็นตำรวจกระดากเหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะเพื่อความปลอดภัยเลยต้องจำใจผิดศิลสักข้อ
"เฮ้ย! ลูกสาวตำรวจฟะยศใหญ่ด้วยเอาไงดีวะ"
ไอ้หื่นจิตคนหนึ่งสีหน้าปอดแหกขึ้นมาทันทีที่เจอฉันอำเข้าไป มันเลยหันไปขอความคิดเห็นจากอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าหื่นจิต เพราะสันนิษฐานจากใบหน้าแห้งกร้านเหมือนแก่ลมแก่แดดแล้วดูหน้าจะเป็นพวก สว. (สูงวัย) ที่สุดในกลุ่ม
"เฮ้ย! เมิงงงง อย่าป๊อดดดด ไปหน่อยเลยนะ นานๆ จะมีนางกว้าให้พวกเราได้สะ…สอยตกสวรรค์ทั้งที ให้มานนน กล้าๆ หน่อย"
"แต่มันมีพ่อเป็นตำรวจนะพี่"
สองหื่นนั้นยังเถียงกันไปมาไม่เลิก ไอ้หื่นที่เหลือก็เลยได้แต่ยืนฟังข้อสรุป แต่ใครจะรอก็รอไปเถอะฉันคนหนึ่งละที่ขอบายก่อน ฉันเลยอาศัยช่วงวุ่นๆ รีบเดินออกจากพื้นที่เขตอันตรายแต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนไกลนัก มือหยาบๆ ของไอ้หัวหน้าหื่นแถมติดอ่างก็ยื้นมาจับข้อมือฉันไว้เสียก่อน
"จะ จะรีบไปหนายละ หนายบอกว่ามะมารอพ่อ ไม่ใช่เหรอ"
"ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกให้คุณพ่อมาช่วย"
"โอ๊ะโอ! นะ…น่ากลัวจัง ถ้าคะ…คะ…คิดว่ามีแรงตะโกนนนน ก็เอาสิ"
จบเสียงหื่นๆ ในแบบยานๆ เหมือนแผ่นหนังสะดุด หมัดหนักๆ สามทีติดก็ปะทะเข้าที่หน้าท้องของฉันจนตัวงอลงไปนอนกองกับพื้นทันที
"ไอ้โง่! แล้วพวกเมิงงงง จะยืนบื่อ ให้พ่อออ มานนนมาเหรอวะ รากนางนี้ไปที่อื่น ข้าจะได้ไปขะ…ขึ้นสวรรค์กะ…กาบนางกว้าดู สักทีโว๊ย ฮาๆๆ "
กรี๊ด!!!!! ขึ้นสะวงขึ้นสวรรค์อะไรกันฉันไม่ได้เต็มใจกับพวกนายน่ะถามฉันสักคำหรือยัง มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ ใครก็ได้ช่วยฉันทีช่วยฉันด้วยได้โปรด ช่วยฉันด้วย แต่ด้วยฤทธิ์ของความเจ็บมันทำให้เสียงของฉันไม่ได้ดังกว่าเสียงของมดสักเท่าไหร่ พวกมันจึงรากฉันขึ้นรถอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ฉันพยายามที่จะดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือตัวเองให้พ้นจากพวกเศษคนพวกนี้แต่แล้วภาพที่ออกมาก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่คล้ายๆ กับเป็นอัมพาตแล้วพยายามจะกระดุกกระดิกตัวเลย
ไม่นานใบหน้าหื่นจัดพวกนั้นก็เริ่มเลือนรางหายไปคล้ายๆ กับภาพฉายหนังเก่าๆ เบลอๆ เสียงก็เริ่มอู้อี้ขาดๆ หายๆ จนฉันจับใจความแทบไม่ได้ และในที่สุดทุกอย่างก็ตกอยู่ในความมืดมิดทันทีหลังจากนั้นฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
มันไม่ใช่เรื่องจริง ฉันแค่ฝันไป…
"ขมิ้นฟื้นแล้ว!"
ทันทีที่ฉันเห็นหน้าพี่เกลฉันก็โผเข้ากอดเขาทันที น้ำตามากมายไหลอาบแก้มเป็นทางยาวแม้ฉันจะหลอกตัวเองว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน แต่เรื่องจริงที่ฉันต้องยอมรับคือฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ตอนที่ฉันสลบไปพวกนั้นคงจะ…
ทำไมเรื่องเลวร้ายพวกนี้ต้องเกิดกับฉันทำไม...
"พี่เกลช่วยขมิ้นด้วย"
"โอ๋ๆ อย่าร้องนะขมิ้นปลอดภัยแล้ว "
"ไม่ๆ…" ฉันส่ายหัวไปมาทั้งน้ำตา ฉันไม่อยากปลอดภัยฉันอยากหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย ถ้ารู้ว่าต้องตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องราวอันโหดร้ายสู้ให้ฉันตายไปซะยังดีกว่าที่จะยังมีลมหายใจอยู่แบบนี้ ฉันรับไม่ได้รับไม่ไหวด้วยที่จะต้องทนแบกหน้ารับความเจ็บปวดแบบนี้เอาไว้ตลอดไป "…ขมิ้นไม่อยากอยู่แล้วพี่เกล"
"ใจเย็นๆ ฟังพี่นะเรื่องมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ขมิ้นเข้าใจนะ"
"ไม่ได้เลวร้าย! หมายความว่ายังไงคะ"
"พวกมันยังไม่ทันได้ทำอะไรขมิ้น โชคดีมีคนไปช่วยไว้ได้ทัน"
มีคนช่วยแสดงว่าฉันยังไม่ได้โดนพวกนั้นทำมิดีมิร้ายใช่มั้ย…
"จริงเหรอคะ"
"จริงสิ"
พอได้รับคำยืนยันฉันก็โผเข้ากอดพี่เกลทั้งน้ำตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันรู้สึกแตกต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิงฉันรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ใครกันนะที่ช่วยฉันไว้ หรือว่าจะเป็น…
"พี่เกล! ไปช่วยขมิ้นไว้ใช่มั้ยคะ"
ฉันเขย่าแขนเขาเบาๆ ด้วยความดีใจต้องเป็นเขาแน่ๆ ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร ไม่มีใครรู้ว่าฉันเคยอยู่ที่นั้นเขาคงตามฉันมาตลอดทางถึงได้เข้ามาช่วยฉันไว้ได้ทันเวลา
"เปล่า"
"ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนช่วยขมิ้นไว้ค่ะ"
"คนที่ช่วยขมิ้นโทรไปหาพี่ เขาบอกว่าขมิ้นอยู่ที่นี่พอพี่มาถึงก็เห็นเขาเข้าไปทำแผลมั้ง"
"แล้วเขาเป็นยังไงบ้างคะ แล้วพี่เกลรู้จักเขารึเปล่า"
"ก็ช้ำอยู่เหมือนกัน"
"คงโดนพวกนั้นทำร้าย"
"ก็คงไม่ถูกทีเดียวเพราะพี่ได้ข่าวว่าพาวกมันแทบจะยอดน้ำข้าวต้มกันเลยล่ะ"
"ถึงจะไม่เป็นอะไรมาก แต่เขาก็ต้องมาเจ็บตัวเพราะขมิ้นแท้ๆ "
"อย่าคิดแบบนั้นสิถ้าคนที่เขาช่วยได้ยินเข้าคงเสียใจที่ขมิ้นมานั่งโทษตัวเองอยู่แบบนี้"
"ก็มันจริงนี่คะ"
"เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่าไม่ว่าความผิดใครก็โยงเอามาเป็นความผิดตัวเองตลอด คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุบ้างก็ได้ จะได้สบายใจขึ้น "
"(- -)(_ _)(- -)(_ _) ก็ได้ค่ะ ว่าแต่ แล้วขมิ้นจะมีโอกาสได้พบเขาอีกมั้ยอยากจะไปขอบคุณเขา ขมิ้นเป็นหนี้ชีวิตเขาเหลือเกิน"
"ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรทั้งนั้น เพราะขมิ้นต้องไปกับพี่ที่หนึ่งส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยว่ากัน""
"จะไปไหนคะ เดี๋ยวนักข่าวเห็นเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่อีก"
"ก็ช่างสิ"
"…"
พี่เกลเรียกพยาบาลให้นำรถเข็นผู้ป่วยมาให้ แต่เพียงแค่ฉันและเขาก้าวออกจากห้องแสงแฟลชมากมายก็ยิงรัวจนฉันรู้สึกแสบตาไปหมด
"นั่นคอบเปอร์จริงๆ ด้วย"
พวกนักข่าวกรูกันเข้ามาที่ฉันกับพี่เกลพร้อมกับยิงคำถามรัวราวกับกดชัตเตอร์กล้องจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
"จริงหรือเปล่าคะที่มีข่าวรือออกมาจากคนวงใน ว่าคอบเปอร์จะไม่ยอมไปเดบิวต์ที่เกาหลีเพราะผู้หญิงคนนี้"
"แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ คอบเปอร์วิ่งลงจากรถกลางถนนเพื่อตามไปง้อเธอ อย่างที่เป็นข่าวใช่มั้ยคะ"
"ผู้หญิงที่คอบเปอร์ช่วยไว้ตอนถูกรถชนจนไปเซ็นสัญญาไม่ทัน กับคนที่ทำให้คอบเปอร์ทิ้งไมกระโดดลงกลางเวที จริงๆ แล้วเป็นคนเดียวกัน ที่ผ่านมาพวกเราโดนหลอกว่าเป็นแค่แฟนคลับแต่จริงๆ แล้วเธอมีความสำคัญมากกว่านั้นถึงขั้นทำให้วง Monster king กำลังจะแตกใช่มั้ยคะ"
"ถ้าทุกคนอยากรู้ฉันจะจัดงานแถลงข่าววันพรุ่งนี้"
"พี่เข็ม!" พี่เกล
"เจ๊เข็ม!!" ฉัน
ฉันไม่เคยรู้สึกดีกับการปรากฏตัวแบบไม่ได้นัดหมายของเจ๊เข็มเลยสักครั้ง แต่คราวนี้ฉันกับยินดีที่เธอมาได้ถูกที่และทันเวลา
"นั่นผู้จัดการส่วนตัวของคอบเปอร์นี่"
"ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวคุณคิดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ"
"เอาอย่างนี้นะคะทุกข้อสงสัย ฉันจะให้คอบเปอร์ตอบทุกข้อในวันแถลงข่าวพรุ่งนี้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเราขอตัวก่อนค่ะ"
เจ็เข็มยิ้มหวานๆ ให้พวกนักข่าวในแบบที่ฉันเห็นประจำเวลาที่เธอไม่พอใจฉันอย่างแรง ก่อนจะแหวกทางให้ฉันกับพี่เกลฝ่าวงล้อมออกไปอย่างง่ายดาย
"เกลเสร็จธุระทางนี้แล้ว ไปหาฉันที่ค่ายหน่อย ฉันกับเพื่อนๆ ของนายมีเรื่องอยากจะคุยด้วยเป็นครั้งสุดท้าย"
"ครับ"
พี่เกลตอบเพียงสั้นๆ หลังจากนั้นเจ๊เข็มก็เดินจากไปเธอดูเครียดมาก มากกว่าครั้งไหนๆ ที่เธอเคยเป็นและที่น่าแปลกใจจนขนหัวแทบลุกคือเธอไม่โวยวายใส่ฉันอย่างทุกที ไม่แม้จะทักสักคำด้วยซ้ำ
"พี่จะไม่ไปเดบิวต์ที่เกาหลีจริงๆ เหรอ"
ฉันถามขึ้นด้วยความรู้สึกผิดนึกถึงคำแย่ๆ ที่พูดออกไปกับพี่เกลลในรถเมื่อเช้านี้ ในขณะที่เขายังคงเข็นรถไปเรื่อยๆ
"อืม"
"เพราะขมิ้นใช่มั้ย"
"…อะ! ถึงแล้ว"
พี่เกลเลี่ยงไม่ตอบคำถาม แต่กลับเข็นรถมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่ง
"คนที่ช่วยขมิ้นเขาอยู่ที่ห้องนี้เหรอคะ"
"เปล่า"
"แล้วพี่มาขมิ้นมาทำไมคะ"
"ก็มาเอาไอ้เฝือกสับปะลังเคนี่ออกไง เห็นแล้วเกะกะลูกตาชะมัด"
"แต่ขมิ้นอยากพบคนที่ช่วย…"
"ไอ้คนที่ช่วยขมิ้นมันคงไม่ชิ่งหนีตายไปก่อนหรอกน่า"
"ก็ได้ค่ะ H_H "
สุดท้ายฉันก็ต้องยอมจำนนจนได้ คุณหมอใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นักก็ผ่าเอาเฝือกออกรู้สึกใจหายเหมือนกันที่ต้องเอามันออกไป ก็อยู่ด้วยกันจนฉันแทบจะลืมไปแล้วว่าการกลับมาเดินแบบปกติมันเป็นยังไง แต่ก็ดีไหนๆ ก็อยากจะลืมไอ้คนต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องใส่มันอยู่แล้ว เอาออกไปซะจะได้ไม่ต้องนึกถึงใครบางคนอีก
"สบายขึ้นมั้ย"
พี่เกลทักขึ้นทันทีที่ฉันก้าวออกมาจากห้อง
"มากเลยค่ะ ว่าแต่คนที่ช่วยขมิ้นเขาอยู่ที่ไหนคะ"
"กลับไปแล้ว"
"ไปแล้ว!"
"เมื่อกี้นี่เอง เขาฝากสิ่งนี้ให้ขมิ้นด้วยนะ"
พี่เกลยืนซองจดหมายให้ ฉันรับมันไว้แล้วรีบเกะอ่านด้วยความสงสัย ลายมือหวัดๆ คล้ายๆ กับเด็ก ป.1 ที่กำลังหัดเขียนหนังสือทำเอาฉันยิ่งงงเหมือนไก่ตาแตกเข้าไปใหญ่ ในเนื้อความนั้นเขียนไว้ว่า
ฉันรู้ ว่าเธอต้องรีบมาเพื่อขอบคุณคนที่ช่วยเธอไว้แน่ เพราะมันคือนิสัยเธอ (ป่านนี้ผู้มีบุญคุณคงจะเต็มหน้ากระดาษเอสี่ไปแล้วมั้ง) แต่ถ้าเธอมาถึงแล้วพบว่าคนที่ช่วยเธอไว้เป็นฉัน เธอคงจะ…ฉันเลยคิดเอาเองว่ามันคงจะดีเสียกว่าถ้าฉันไม่อยู่ให้เธอเห็นหน้า
แม้ว่าฉันจะเคยตั้งใจไว้ไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีทางปล่อยมือเด็ดขาดถึงเธอจะไม่รักฉันก็ตาม แต่ฉันก็จะไม่มีวันยอมแพ้เธอง่ายๆ แต่การที่เธอเกลียดฉันจนต้องหนีไปเกือบจะเจอกับเรื่องร้ายๆ ถ้าฉันตามไปไม่ทันฉันคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง บางทีฉันคงต้องยอมรับว่าฉันสมควรที่จะแพ้ เธอจะได้ไม่ต้องหนีฉันอีก ฉัน..ขอโทษได้มั้ยกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ฉันรู้ว่าคำขอโทษมันคงไม่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นหรือว่าเกลียดฉันน้อยลง แต่มันคือความรู้สึกของฉันในตอนนี้ที่อยากจะบอกเธอ
จากเซท
"พี่เกลเจอเขา…"
"…แล้วทำไมถึงนั่งใจเย็นอยู่นะเหรอ ก็เพราะขมิ้นไงถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนช่วยขมิ้นไว้พี่ต้องเอาคืนแน่ แต่สำหรับเรื่องนี้พี่คิดว่าคงจะนั่งใจเย็นไม่ไหว"
พี่เกลยื่นซองเอกสารสีตาลให้ฉัน มันมีร่องรอยของคนเปิดอ่านก่อนหน้านี้ แล้วก็คงไม่ใช่ใครนอกจากเขาฉันล่วงเอาเอกสารข้างในออกมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
"ถ้าพี่เดาเรื่องไม่ผิดแม่คงขายบ้านเพื่อเอาเงินไปใช้หนีพนัน แต่ที่พี่แปลกใจทำไมไอ้หน้าขาวมันถึงยกบ้านหลังนั้นให้ขมิ้น มีอะไรปิดบังพี่อยู่หรือเปล่า"
"ปะ…เปล่านี่คะ"
ฉันหลบสายตาทันทีที่ตอบออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะจับพิรุธได้
"คิดหรือว่าตอบง่ายๆ แค่นี้พี่จะเชื่อ"
พูจบพี่เกลก็แย้งจดหมายที่ฉันถือในมือเอาไปอ่าน ฉันพยายามแย้งคืนแต่เพียงแค่เขามองหน้าฉันด้วยสายตาที่ทำเอาฉันถึงกับเสียวสันหลังวาบ ฉันก็เลยต้องจำใจ เขาใช่เวลาเพียงไม่กี่วิอ่านมันก่อนจะขยำแล้วขว้างมันทิ้งอย่างแรง
"เรื่องคืนนั้น! หมายความว่ายังไง"
"…"
ฉันได้แต่เงียบหลบตาพี่เกล
"พี่ถามไม่ได้ยินเหรอ"
"…"
"ได้ ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แต่อยากให้รู้ไว้พี่ไม่ปล่อยมันไว้แน่"
จบประโยคพี่เกลก็เดินหายไปอย่างรวดเร็ว ฉันวิ่งตามเขาไปที่ลานจอดรถแต่มันก็มากมายเหลือเกินจนไม่รู้ว่ารถเขาจอดอยู่ที่ไหน ฉันเลยต้องวิ่งกลับมาที่หน้าโรงพยาบาลเพื่อเรียกรถแท็กซี่ไปยังบ้านของเซท ฉันแน่ใจว่าเขาต้องไปที่นั่นแน่
รถแท็กซี่วิ่งไม่นานนักสักพักก็มาจอดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ฉันคุ้นตา พอฉันมองเข้าไปก็พบรถพี่เกลจอดอยู่ที่นั้นจริงๆ ด้วยสาวใช้ที่ฉันรู้จักวิ่งออกมารับฉันที่หน้าประตูด้วยสีหน้าตื่นๆ ก่อนจะพูดว่า
"เกิดเรื่องอีกแล้วค่ะ"
ฉันรีบวิ่งเข้าไปแม้จะไม่เร็วอย่างที่ใจคิดเพราะยังรู้สึกไม่ชินที่กลับมาวิ่งได้อีกครั้ง พอเข้าไปถึงก็พบว่าพี่เกลกำลังต่อยเซทเหมือนคนบ้าจนเขาตั้งตัวไม่ติด ฉันไม่เคยเห็นเขาโมโหใครขนาดนี้มาก่อนและไม่เคยเห็นเขาต่อยแบบเอาเป็นเอาตายอย่างนี้ด้วย
"ฉันเฝ้าถนอมรักษาเธออย่างดี แกกล้าดียังไงถึงมาแย้งไปอย่างหน้าด้านๆ วันนี้แกได้ตายคามือฉันแน่!"
พี่เกลคว้าขวดที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ใกล้มือ แล้วกำลังจะฟาดมันลงไปที่เซท วินาทีนั้นฉันแทบไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากวิ่งเข้าไปบังเซทไว้พลางหลับตาปี๋
เพล้ง!!
เฮือก
กรี๊ด!!!!
เสียงขวดแตกพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องของสาวใช้ในบ้าน แต่ทำไมฉันไม่ยักจะเจ็บทั้งๆ ที่ฉันรู้สึกว่าหน้าฉันเต็มไปด้วยเลือด หรือว่าแรกๆ มันอาจจะยังชาอยู่นะ ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วก็พบว่าเซทมายืนอยู่ตรงหน้าฉันได้ยังไงทั้งๆ ที่เมื่อกี้เขายังยืนอยู่ข้างหลังฉันถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…เซทพลิกตัวเองกลับมาบังฉันไว้อีกทีแล้วนี่เองคือสาเหตุที่ทำไมฉันไม่รู้สึกเจ็บ ส่วนเลือดที่เปรอะอยู่ที่ใบหน้าฉันก็ไม่ใช่เลือดของตัวเองแต่เป็นของเขากระเด็นมาต่างหาก
เซทมองหน้าฉันอย่างเบลอๆ คล้ายๆ กับคนกำลังจะหมดสติแต่ก็ยังกัดฟันยืนหันหน้าไปประจันกับพี่เกล
ส่วนพี่เกลตอนนี้ยืนนิ่งสงบจนฉันไม่อาจเดาได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกยังไง
"เมื่อกี้ที่ขมิ้นวิ่งไปบังมันไว้ พี่จะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่พี่ให้เวลาสามวิถ้าขมิ้นยังยืนอยู่ตรงนั้นพี่จะถือว่าขมิ้นได้เลือกแล้ว 1…2…"
"…"
"…3"
น้ำตาพี่เกลหยดลงทันทีที่พบว่านับสามแล้วแต่ฉันยังยืนอยู่กับที่ และวินาทีนั้นเองที่ฉันสัมผัสได้ว่าไม่เพียงแต่ขวดแก้วนั้นหรองที่แตก แต่เป็นหัวใจของเขาด้วยต่างหากที่กำลังแตกสลายไม่ต่างกัน หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่หันหลังกลับมาอีก



lovezombie
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2557, 13:59:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2557, 13:59:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 970





<< บทที่ 16   บทที่ 18 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account