กุหลาบซ่อนเพลิง‏
เพราะพวกมันพรากชีวิตลูกเมียเขา

จึงเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของสุจริตชนคนหนึ่งให้มุ่งหน้าสู่เพลิงโลกันต์

'ปภพ' ต้องชำระแค้นนี้ให้ได้ ต่อให้ต้องข้ามผ่านกี่ชีวิตคน

รวมทั้งชีวิตของเด็กสาวอย่าง 'อัมพิกา' ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขศัตรู

กุหลาบแรกแย้มกำลังไหม้ไฟ ไฟที่เธอเต็มใจเข้าใกล้

แม้สุดท้ายทั้งกุหลาบและไฟอาจมอดไหม้เหลือเพียงเถ้าธุลี
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๔ คนของพ่อเลี้ยง



"เฮ้ย ทำอะไรวะปภพ" สมหมายร้องถามเมื่อเห็นชายหนุ่มรุ่นน้องกำลังรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากตู้ หลังเขาเพิ่งกลับมาพร้อมพ่อเลี้ยงเรืองเดช

"ผมไปลาออกกับคุณวิเชียรแล้วพี่"

คนฟังทั้งแปลกใจและโล่งใจพอกันที่น้องเขยจะลดความโกรธแค้นออกไปจากใจอย่างที่เขากำลังพยายามเช่นกัน

"ดีแล้ว ฉันไม่อยากให้นายถลำลึกไปกว่านี้ นายเป็นคนดีเกินกว่าจะทำงานที่นี่ได้"

ปภพไม่ได้ตอบว่าเขามีที่หมายใหม่ แล้วก็ไม่ใช่คนดีอีกต่อไปอย่างที่ใครคิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าคำชมนั้นบาดหูเสียด้วยซ้ำ เขารูดซิปกระเป๋าเดินทางก่อนโยนไว้ปลายเตียง พร้อมกับมีเสียงเคาะประตูห้องพอดี

"ปภพ อยู่ไหม ท่านเรียกไปพบ"

สมหมายเปิดประตูออกไป เห็นร่างสูงหนาของเพื่อนร่วมงานยืนอยู่หน้าห้องพอดี มันใส่แว่นตาดำเป็นเอกลักษณ์อย่างคุ้นเคยทั้งที่ฟ้าเริ่มมืด แขนหนายื่นมาขวางเมื่อสมหมายทำท่าว่าจะตามไปด้วย

"พี่หมายไม่ต้อง ท่านเรียกคนเดียว"

ผู้ถูกตามตัวสบตาพี่ภรรยาให้วางใจ ก่อนตนจะตามคนงานชายที่สมหมายเคยเล่าเรื่องราวให้ฟังคร่าวๆ ไป

'ยอดธง' อายุสามสิบสามปีเท่ากันกับเขา แต่อยู่ที่นี่มาก่อนสมหมายเสียอีก เพราะพ่อของเขาเคยทำงานให้พ่อเลี้ยงเรืองเดชกระทั่งเสียชีวิต เจ้านายของพ่อจึงส่งเสียให้เขาเรียนต่อจนจบมัธยมปลาย แล้วเขาก็ตัดสินใจออกมาทำงานชดใช้พระคุณแต่นั้นมา

ปภพถูกพาไปพบเจ้าของบ้านยังห้องพักผ่อนติดสระว่ายน้ำ โดยคนที่นำมายืนรออยู่ภายนอก พ่อเลี้ยงเรืองเดชกำลังขัดเช็ดนาฬิกายี่ห้อหรูอันเป็นของสะสม เขาทักทั้งที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดถูต่อไป

"ทำไมถึงลาออก"

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบทว่าคิดถึงโอกาสอันดีที่มีเพียงเขากับมันอยู่ด้วยกันลำพัง หากเขาลงมือตอนนี้ก็ดีสินะ แต่ต้องมั่นใจว่าการจู่โจมเพียงครั้งจะปลิดชีวิตมันได้ แล้วหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาก็ยอม

"เอ้า ฉันถามไม่ได้ยินรึ"

ชายหนุ่มค่อยคืนสติ เขายืนกุมมือไว้ข้างหน้าอย่างสุภาพ ซ่อนแววตาอาฆาตได้ทันก่อนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา

เขาตอบคำตอบที่คิดไว้แล้ว "ผมคงไม่ถูกโรคกับเด็กเท่าไร"

พ่อของ 'เด็ก' หัวเราะลั่น "ยัยอ้อมแผลงฤทธิ์ล่ะซี"

เขาเงียบแทนคำตอบ พ่อเลี้ยงเรืองเดชเก็บนาฬิกาเรือนทองใส่กล่องอย่างดีพลางเอ่ยต่ออย่างไม่ยี่หระ

"เอาอย่างนี้แล้วกัน นายมาทำงานกับฉัน แล้วฉันจะให้วิเชียรหาคนใหม่มาแทนนาย พอใจไหม" ผู้อาวุโสกว่าเสนอ

ปภพไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำนี้ ข้อเสนอนั้นน่าสนใจจนเขาแทบตะครุบไว้ แต่จำต้องเก็บอาการ

"ขอบคุณที่ท่านให้โอกาส..."

"แปลว่าตกลง" อีกฝ่ายสรุปเสร็จสรรพพลางกดปุ่มหมายเลขโทรศัพท์ตัวเดียวบนโต๊ะข้างๆ กรอกเสียงเรียกผู้จัดการวัยกลางคนมาที่นี่ "ฉันเสียดายท่าทางเด็ดเดี่ยวของนาย ปภพ แล้วนายก็เป็นคนของสมหมายที่ฉันไว้ใจ น่าเสียดายถ้าต้องเสียคนอย่างนี้ไป"

เขาค้อมศีรษะเล็กน้อยแทนคำขอบคุณอีกรอบ ไม่อยากเชื่อเลยว่าตนจะได้โอกาสอันดีนี้ทั้งที่ถอดใจไปแล้ว

"แล้วฉันก็สัญญากับนายแล้วไงว่าจะไม่ยอมให้ลูกสาวฉันไล่หรือกดดันนายออกได้ ฉันไม่ลืม" ผู้รักษาสัจจะมองมาจริงจัง

ใบหน้าคมคร้ามมีรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหายไปเมื่อไพล่นึกถึงตัวต้นเหตุทั้งหมด เจ้าหล่อนคงนึกว่าเขารู้ไม่เท่าทันว่าเธอจงใจหนีไปให้เขาตามหา จากปากคำของคู่สามีภรรยา

แต่เรื่องร้ายกลายเป็นดี นี่เขาคงไม่ต้องขอบคุณอัมพิกากระมัง ที่ฤทธิ์เดชของเจ้าหล่อนพาเขามาถึงจุดนี้ได้ในที่สุด

....................................

"อ้าว กลับขึ้นมาทำไม บอกคนขับรถแล้วจะไปทำอะไรก็ไปซี่" คุณหนูของบ้านตวาดไล่สาวใช้เมื่อมันมาเคาะประตูขณะเธอยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ เตรียมแต่งตัวออกไปข้างนอก

"เอ่อ คือคุณวิเชียรยังหาคนขับรถไม่ได้น่ะค่ะ คุณท่านให้พี่ปภพไปทำงานกับท่าน"

"บ้า! บ้าที่สุด นั่นมันคนของฉัน" อัมพิกาโวย ทำท่าจะเขวี้ยงไม้แขวนเสื้อใส่คนรับใช้ หากยังยั้งมือได้ทัน "แล้วพ่อฉันอยู่ไหม"

"อยู่ค่ะ พี่ปภพออกไปกับพี่หมาย"

เธอกระแทกประตูเลื่อนห้องแต่งตัวปิดแรง ก่อนจะรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงบันไดไป แว่วเสียงหยอกล้อสนุกสนานดังมาจากสระว่ายน้ำนั่นเอง

ภาพที่เด็กสาวเห็นจนชินตาคือภาพผู้หญิงของพ่อกำลังทำตัวประหนึ่งนางเงือกแหวกว่ายในน้ำ โดยมีพ่อที่เธอมองว่าอายุมากแล้วแต่กลับทำตัวราวเด็กหนุ่มคอยเกี้ยวพาอยู่บนขอบสระ ไม่อายคนงานที่คอยรับใช้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

"ขอความกรุณา 'นังเงือก' กลับถ้ำไปก่อนได้ไหม พ่อกับลูกเขาจะคุยกัน" เธอเอ่ยขัดบรรยากาศ

เสียงหัวเราะคิกคักขาดช่วงกลางคัน คู่ขาคนสวยว่ายมาเกาะแขนผู้ที่มั่นใจว่าสามารถปกป้องคุ้มครองตนได้ พ่อเลี้ยงเรืองเดชตบหลังมือบางแผ่วเบา ก่อนลุกจากขอบสระเดินนำลูกบังเกิดเกล้าเข้าบ้านไป

อัมพิกาตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น ไม่วายเอ่ยกระแนะกระแหนแทนที่ธุระตน

"ดีจัง เป็นเจ้าของบ้านต้องหลบให้นังเมียน้อย ไม่ใช่สิ แค่กิ๊ก... หรือว่าแค่โสเภณีด้วยซ้ำ"

"น้อยๆ หน่อยนังอ้อม แกมันดีกว่าเขาสักเท่าไร ดูสารรูปตัวเองซิ มันเหมือนอะไร!"

ผู้เป็นพ่อมองกวาดลูกสาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มันเจ็บยิ่งกว่าคำของเพื่อนชั่วหลายร้อยหลายพันเท่า ที่แม้แต่พ่อแท้ๆ ของตัวเองยังดูถูกไม่ต่างกัน

"เอาคนขับรถของหนูคืนมา" เธอเอ่ยเข้าเรื่อง ไม่อยากอยู่ให้โดนดูถูกอีกสักวินาที

"แกไปทำอะไรแสบไว้ล่ะ มันมาลาออกไปแล้ว"

"ไม่จริง ก็นังสร้อยมันบอกเองว่าพ่อดึงเขาไปทำงานด้วย" เธอเถียง

"ใช่สิ ก็เขาจะลาออกเพราะแกไงล่ะ พอฉันเสนองานใหม่ให้มันเลยเปลี่ยนใจ อายไหมล่ะที่ใครเขาก็ไม่ทนแก"

อัมพิกาสั่นศีรษะ ไม่เชื่อทั้งคำพูดของพ่อและไม่เชื่อว่านายคนขับรถนั่นจะโกรธเธอจริง เว้นแต่เขาจะรู้...ว่าเมื่อวานเป็นแผนการของเธอที่ตั้งใจทำให้เขาเดือดร้อน

เด็กสาวไม่รู้ว่าทำไมตนจึงต้องรู้สึกผิด อาลัยอาวรณ์กับแค่คนงานคนหนึ่งด้วย ในหัวมีภาพเขาคอยปกป้องเธอ ดูแลเธอ

"ถ้าจะให้มันไปทำงานให้ แกก็พูดกับมันเอง แต่แค่ชั่วคราวระหว่างรอวิเชียรหาคนใหม่ จบนะ" เรืองเดชบอกทิ้งท้าย

ร่างบางพลิ้วไหล่หนีจากการบีบของพ่อ หางตาสองคู่เหล่มองกันอย่างไม่พอใจ ก่อนผู้เป็นพ่อจะถอนใจแล้วเดินออกไป

อัมพิกาอยู่รอกลางห้องจนกระทั่งเห็นท่านถอดชุดคลุมออกอย่างหัวเสียแล้วหย่อนตัวลงในสระว่ายน้ำ หญิงสาวในชุดบิกินี่ลอยคอโอบกอดอยู่ข้างๆ เธอต้องเบือนหน้าหนีเมื่อเจ้าหล่อนยืดตัวขึ้นจุมพิตข้างแก้มพ่อของเธอ

.........................

ครั้งหนึ่งนานมาแล้วพ่อเคยบอกเธอว่าแม่ทิ้งเธอไปกับชายชู้ มันเป็นคำบอกเล่าที่ถูกปลูกฝังแทนคำสอน แล้วเธอก็รักพ่อเหลือเกินก่อนที่จะทราบความจริง...

เมื่อเธอโตพอที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆ คำลือต่างๆ นานาจากคนในบ้านหลังนี้ก็ลอยมาเข้าหูเป็นระยะ แม่ไม่ทันได้เสวยสุขกับชู้รักก็มีอันเป็นไปจากอุบัติเหตุ หากหนึ่งในผู้คุมกันของพ่อคนหนึ่งได้หลุดปากในวงเหล้า ว่าพ่อที่เธอรักมากคนนี้คือผู้บงการให้เขาจัดฉากอุบัติเหตุครั้งนั้นเอง

แล้วชื่อของพ่อ สิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่สังคมสงสัยว่าพ่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังก็ค่อยๆ ผ่านการรับรู้ของเธอ จากสื่อบ้าง คำของเพื่อนบ้าง แม้ท่านจะหลบเลี่ยงความผิดได้ทุกครั้ง แต่ไม่เคยเลี่ยงสายตาจับผิดของเธอได้เลย อัมพิกาได้รู้ว่าตนสูญเสียพ่อที่เคยรัก ศรัทธาไปเสียแล้ว...อย่างไม่มีวันหวนคืน

เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ บุหรี่ไส้กัญชามวนสุดท้ายร้อนไหม้ง่ามนิ้วตนจึงค่อยรู้สึกตัว เธอทิ้งก้นมันลงโถชักโครก ก่อนพ้นควันโขมงอวลไปทั่วห้องน้ำทีเดียว

เด็กสาวเกาะอ่างล้างหน้าพลางลุกยืน เธอสะบัดศีรษะขับไล่ความมึนงง ก่อนพาร่างสะโหลสะเหลเดินออกจากห้อง เกาะราวบันไดลงมา

ใจเป็นนายเหนือสมองสั่ง เธอมาหยุดยืนหน้าเรือนพักคนงานหลังบ้าน ประตูสีน้ำตาลหลายบานของห้องพักที่ติดกันเป็นแถบชวนให้สับสนจนต้องขยี้ตา ห้องใครเป็นห้องใครไม่รู้ เธอกำลังจะเคาะประตูทีละบาน ทว่าประตูของห้องที่ถัดไปอีกสองห้องก็เปิดออก อัมพิกาเผลอยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นคนที่นึกถึงก้าวออกมาพร้อมเสื้อผ้าในมือ

"สมจิตร!" เธอชี้นิ้วเรียกพลางหัวเราะน้อยๆ

ปภพประหลาดใจจนลืมความโกรธ นึกรู้ทันทีว่าหากเป็นยามมีสติครบถ้วนแล้วเธอคงไม่เหยียบมาที่นี่เป็นแน่

เขาเดินนำเจ้าหล่อนกลับไปส่งข้างตึกใหญ่โดยไม่พูดอะไร คอยมองหลังว่าคุณหนูตามมา

"ขึ้นไปซะ" เขาบอกเธอเมื่อมาถึงบันไดเล็กข้างๆ

เด็กสาวชี้นิ้วส่ายไปมา "กล้าดียังไงมาออกคำสั่งกับฉัน"

"อยากให้มีคนมาเห็นคุณเมายาอย่างนี้ก็ตามใจ" ชายหนุ่มตอบห้วน

เขาเดินหนีกลับ เด็กสาวคิดได้ว่าตนมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา สำคัญขนาดที่เธอต้องใช้ยานั่นย้อมใจ เพื่อรวบรวมความกล้าบอกเขาให้ได้

"ฉันขอโทษ"

ปภพชะงักเท้าอย่างคาดไม่ถึงที่ได้ยินคำนี้จากปากเธอ อัมพิการีบเดินมาดักหน้า เธอต้องหลับตาเพ่งสมาธิไม่ให้อารมณ์ความรู้สึกเคลิ้มลอยด้วยฤทธิ์ยา ก่อนแสงไฟสลัวข้างตัวบ้านจะดับมืดลง พื้นที่เธอยืนไม่มั่นคงอีกต่อไป

"นี่คุณ..." ชายหนุ่มตกใจทว่ารับร่างบางไว้ได้ทัน "อ้อม... คุณอ้อม"

เขาตบหน้าเธอเรียกสติพร้อมกับเหลียวซ้ายแลขวา กลัวคนมาเห็นเจ้าหล่อนพิงซบอกเขาจะเข้าใจผิด แม้รอบกายจะค่อนข้างมืดก็ตาม

"อ้อม อัมพิกา..."

แก้มซีดเซียวเย็นชืดเหมือนคนตากแอร์ อัมพิกาค่อยปรือตาขึ้น เมื่อแน่ใจว่าไม่วิงเวียนแล้วจึงขยับกายถอยจากแผ่นอกหนา พลอยสะบัดร้อนสะบัดหนาวบริเวณผิวสัมผัสที่อีกฝ่ายช่วยประคอง

"ปวดหัว หัวจะระเบิด"

"คุณก็กลับขึ้นบ้านไปซะสิ ไม่ก็รอแถวนี้ จะไปตามพี่เลี้ยงให้" เขาเอ่ยตัดรำคาญ

"นายห่วงฉันรึไง"

คราวนี้มือบางเป็นฝ่ายยึดท่อนแขนล่ำสันไว้มั่น หลังเขาทำท่าจะผละไป ทว่าก็ถูกปลดออกอย่างไร้เยื่อใย ชายหนุ่มมองเห็นแววเยิ้มหยาดในดวงตาอย่างคนเมาได้ที่ของเจ้าหล่อนแล้วก็ให้อ่อนใจ

"ผมจะไปตามพี่เลี้ยงให้"

"ไม่ต้อง ฉันลงมาเองก็กลับเองได้" เธอตอบเสียงแข็ง

ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ ปภพโคลงศีรษะ ไม่สนใจคนปากเก่งดังที่เธอบอกไว้จริงๆ

อัมพิกากำมือแน่นแทบกระทืบเท้าเร่า เขากล้าปฏิเสธเธอได้อย่างไร ทั้งที่เธออุตส่าห์ขอโทษ ยอมลงให้ถึงเพียงนี้ หรือเธอมันไร้ค่า น่าเอือมระอาอย่างที่ใครเขาบอกจริงๆ

เด็กสาวลืมคิดไปว่าเธอจะหวังให้ทุกคนรักและให้ความสำคัญกับเธอได้อย่างไร ในเมื่อเธอยังรังเกียจ ไม่เคยรักตัวเองเลย

............................


"นี่ล่ะมั้ง คนขับรถคนใหม่ของคุณอ้อม" เสียงชายชราที่ขับรถให้เจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นลอยๆ บนโต๊ะอาหาร

ปภพซึ่งกำลังทานข้าวเงยหน้ามองตาม ผู้ชายคนนั้นมีใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา อายุยังไม่มากเท่าไรเลย เขาบิดขี้เกียจขณะเดินไปตักอาหาร ยกมานั่งกินสุดปลายโต๊ะอีกข้างกับกลุ่มคนงานสาว

"เป็นไงพี่พงษ์ ไม่โดนคุณหนูแว้ดเอาเหรอ" คำถามนั้นเหมือนมีธงคำตอบในใจอยู่แล้ว

"ไม่เห็นมีอะไรเลย สนุกดีออก" พงษ์ศักดิ์ตอบพลางไหวไหล่

"แล้วไปไหนกันมาล่ะ"

"น้ำตกนู่น... เธอให้แวะรับเพื่อนๆ ด้วย"

"เจริญตาล่ะสิ"

น้ำเสียงนั้นกระเง้ากระงอดจนปภพต้องปรายตามอง ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดนั้นออกมาจากปากพี่เลี้ยงของอัมพิกา แม้เขาจะพอทราบมาบ้างว่าสร้อยเป็นคนชักชวนชายผู้นี้เข้าทำงาน และคงมีสายสัมพันธ์เป็นคนรักกัน

"แก๊งคุณเธอยิ่งชอบโชว์อยู่ด้วย"

"โธ่ เธอเป็นคนบอกให้ฉันมาทำงานนี้เองนะ จะมาอะไรอีกล่ะ"

"งั้นออกไปเลยไป" หญิงสาวแสร้งตัดพ้อ

ทว่าชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ดวงตาเปล่งประกายซุกซนอย่างที่ผู้ชายด้วยกันแอบมองยังนึกรังเกียจ

"เรื่องอะไรล่ะ งานสบายเงินดีอีกต่างหาก" มันหัวเราะเสียงพลิ้ว ก่อนยกแขนหลบฝ่ามือที่ฟาดลงมา

ปภพได้เรียนรู้อีกอย่างว่าหาความจริงใจจากคนในบ้านหลังนี้ได้ยากเหลือเกิน...

......................................

ผับชื่อดังในตัวเมืองคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ เสียงดนตรีอึกทึกครึกโครมดังก้องเข้าไปถึงใจ แสงไฟสปอร์ตไลท์หมุนวนเป็นเส้นสีต่างๆ ตัดกับผนังมืดรอบด้าน

ทันทีที่หนุ่มใหญ่ย่างเท้าเข้าไปพร้อมผู้คุมกันคนหนึ่งตามหลัง ผู้จัดการร้านก็รีบรี่มาต้อนรับทันที หากพ่อเลี้ยงเรืองเดชโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

"มีอะไรก็ไปทำเถอะนะ เบื่อๆ เลยแวะมาดูเฉยๆ"

บุรุษวัยกลางคนค้อมศีรษะซึ่งมีผมมันเยิ้มหวีเรียบแปะอยู่พลางถอยออกไป ก่อนคนที่เพิ่งมาถึงจะผงกศีรษะให้ลูกน้องคู่ใจคนใหม่ตามขึ้นไปด้วยกัน

ปภพก้าวขึ้นบันไดเหล็กหลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ตามเจ้านายขึ้นไป ชั้นบนเป็นห้องสำนักงานผนังทึบเก็บเสียง พ่อเลี้ยงเรืองเดชเปิดประตูห้องหนึ่งเข้าไปโดยไม่เคาะ แล้วเขาก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งบนเก้าอี้สำนักงานอ้าปากค้างราวเห็นผี ก่อนใบหน้าซีดนั้นจะเก็บอาการด้วยการลุกมาต้อนรับ

"ท่าน อุตส่าห์มาถึงนี่"

"แน่นอนซี ก็หนี้ก้อนโตขนาดนี้ ฉันก็ให้เกียรติลูกหนี้เป็นธรรมดา"

"แต่ผมให้คนโทรไปบอกแล้วนะครับว่าขอจะจ่ายสิ้นเดือน"

"มันก็ใช่น่ะนะ แต่เงินฉันมันงอกงามทุกวัน จะให้รอเฉยๆ สิบกว่าวันมันก็กระไร แต่ถ้านายทำยอดให้ฉัน..." เจ้าหนี้เอ่ยพลางทำท่าดีดนิ้วนับเงิน "มันก็โอเค้"

ปภพยืนมองผู้ที่แทบยกมือไหว้อ้อนวอนด้วยความเห็นใจ แต่มันเกินขอบเขตหน้าที่เขาจะช่วยใครได้ เขากำลังสนุกกับความไว้วางใจที่อีกฝ่ายมอบให้มากขึ้น ถึงขั้นยอมให้เขาติดตามไปไหนมาไหนลำพัง

โอกาสเปิดกว้างมากขึ้นทุกขณะสำหรับเขา เหลือเพียงรวบรวมความกล้าลั่นไก!

"โธ่ พ่อเลี้ยง อย่าให้ผมทำอะไรเสี่ยงไปกว่านี้เลย ผมไม่ถนัดจริงๆ ถ้าเกิดเรื่องจะพาท่านเดือดร้อนไปอีกคน พักนี้ตำรวจขยันแวะมาบ่อยๆ"

พ่อเลี้ยงเรืองเดชกอดอกนิ่งขรึม ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวออกมาอย่างตัดใจ

"เห็นแก่ที่เรารู้จักกันมานานนะ"

"โอ ขอบคุณครับท่าน ขอบคุณครับ" ลูกหนี้รีบคว้ามือหนามาเขย่าอย่างโล่งใจ

เขากลับลงมาเมื่อเสร็จธุระ ปฏิเสธเจ้าของสถานที่อโคจรแห่งนี้ซึ่งอาสามาส่ง นายผู้จัดการร้านรออยู่ขั้นสุดท้ายปลายบันได ค้อมตัวนอบน้อมทันทีที่พ่อเลี้ยงตะปบมือลงมาบนไหล่ตน

"ฝากด้วย"

"ครับท่าน"

ผู้ทรงอิทธิพลผงกศีรษะพอใจ แล้วจึงเดินลิ่วกลับออกไปทันที

ปภพรู้ว่าท่าทางความมีน้ำใจเมื่อครู่เป็นเพียงการแสดง เพราะเมื่อกลับขึ้นรถแล้ว ดวงตาของเจ้านายตนก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์เสียจนขนคอเขาลุกซู่ เขาต้องชักสายตากลับ เกรงจะถูกจับได้ว่าแอบมองผ่านกระจกหลัง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายต้องกดเก็บความไม่พอใจจนแทบระเบิดออกมา แล้วก็เข้าใจทันทีว่าทำไมทุกคนจึงได้กลัวและยำเกรงบุรุษผู้นี้นัก เรืองเดชมีคุณสมบัติแห่งผู้มีอำนาจทุกประการ

น่าแปลกที่เขานึกชื่นชม!
....................................

ได้รู้อดีตของอัมพิกากันแล้ว จะมีใครใจอ่อนสงสารอ้อมไหมคะ
ส่วนปภพ เขากำลังเห็นผิดเป็นชอบ
มาลุ้นให้เขาไม่ถลำลึกไปกว่านี้กันต่อตอนหน้านะคะ



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2557, 16:40:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.พ. 2557, 16:40:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1171





<< บทที่ ๓ เด็กนิสัยเสีย   บทที่ ๕ สร้างศัตรู >>
ปริยาธร 9 ก.พ. 2557, 18:17:00 น.
ปภพจะหาคนจริงใจได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อตัวเองก็เข้ามาอย่างมีแผนเหมือนกัน


ภาพิมล_พิมลภา 9 ก.พ. 2557, 19:11:56 น.
พี่นุ้ย - จริงสิเนอะ อิอิ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้ว่าไว้ใจใครไม่ได้เลย จึงไม่ค่อยสุงสิงกับใครด้วยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account