แผนลับ นักสืบ
กอหญ้าเพิ่งมาทำงานเป็นนักข่าวได้แค่ไม่ถึงหกเดือน เธอต้องการทำข่าวนายอิทธิกรติดผู้หญิงกับมั่วยาบ่อย ๆ เธอไม่ยอมแพ้ ไปแอบอยู่ข้างบ้านนายอิทธิกรแล้วปีนต้นไม้บ้านข้าง ๆ แต่หมอหนุ่มเห็นเข้าเขาจะเรียกตำรวจ แต่เธอร้องห้ามไป ๆ มา ๆ เลยขอแอบเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเสียเลย
Tags: ึความรัก,นักข่าว,คุณหมอ,ดารา

ตอน: ตอนที่ ๑๔ ความรู้สึก

ความรู้สึก

คชินทร์เดินลงมาจากบนบันไดชั้นสอง ก็เห็นรสกรกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คกำลังพิมพ์งานอย่างตั้งอกตั้งใจ ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ที่ด้านหลังโน้มศีรษะดูว่าเธอกำลังพิมพ์อะไรอยู่ มองเห็นรสกรกำลังพิมพ์ข่าวความนิยมเรื่องบทบาทการแสดงเป็นดาราเจ้าบทบาท และข่าวที่มีจิตสาธารณะในการช่วยสังคม ในความเป็นจริงแล้วข่าวจำพวกนี้ปรากฏในพื้นที่ข่าวบันเทิงน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวรัก ๆ เลิก ๆ ของดาราคู่รักสุดฮอตมากกว่า

“คุณทำข่าวประเภทนี้ด้วยงั้นหรือ”

“ตกใจหมดเลย คุณลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

“เมื่อตะกี้นี้เอง คุณล่ะกำลังทำอะไรอยู่”

“ฉันกำลังนั่งเขียนข่าวอยู่ค่ะ กำลังจะส่งอีเมล์ให้บรรณาธิการเอาไปอ่านอยู่”

“แปลกนะ ผมคิดว่านักข่าวบันเทิงอย่างพวกคุณ นิยมทำแต่ข่าวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของบรรดาคู่รัก หรือไม่ก็ดาราตกอับแสดงเป็นตัวประกอบแทนซะอีก”

รสกรหันหน้ามามองคชินทร์ด้วยสายตาค้อน ๆ

“ฉันก็ต้องมีจริยธรรมของนักข่าวเหมือนกันนะ หลักการสื่อข่าวเราจะต้องปราศจากอคติและความรู้สึกส่วนตัวของนักข่าว ข่าวที่นำเสนอจะต้องเสนอเฉพาะข้อเท็จจริง มีความเที่ยงธรรม สมดุล ในกรณีที่เกิดการขัดแย้งเกิดขึ้น ต้องให้โอกาสในการชี้แจง และแสดงข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย ไม่ว่านักข่าวจะเห็นพ้องกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้เพื่อความเป็นกระจกเงาสะท้อนภาพสังคมที่ชัดเจน เที่ยงตรง ไม่บิดเบี้ยวต่างหาก จริงอยู่ที่นักข่าวบินเทิงพวกนี้นิยมทำข่าวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของดาราเพื่อเป็นการดึงดูดผู้อ่าน แต่อย่างน้อยในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งจะต้องมีข่าวการศึกษา หรือไม่ก็ข่าวช่วยเหลือสังคม มีจิตสาธารณะของดาราอยู่บ้าง”

“แล้วทีคุณอิทธิกลล่ะ คุณไม่ได้ทำข่าวโดยปราศจากอคติหรอกหรือ”

“นายอิทธิกลเป็นดาราที่สกปรกค่ะ ค้ายาและรังแกผู้หญิง เพราะว่าฉันเป็นนักข่าวที่เที่ยงตรง อะไรถูกฉันก็ทำให้มันถูก อะไรที่มันผิดฉันก็ทำให้มันผิดอยู่วันยังค่ำ”

“ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ”

“จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มันก็ต้องเสี่ยงเหมือนกันนั่นแหละ” เธอยอกย้อน

“ตามใจคุณก็แล้วกัน ผมไปทำงานก่อนนะ”

“รีบกลับมาเร็ว ๆ นะคะ”

“คุณพูดเหมือนกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันเลย”

“คู่รักที่กัดกันทุกวันต่างหาก” เธออมยิ้มน้อย ๆ “ฉันซื้อของบางอย่างมาให้คุณ หวังว่าคุณคงจะชอบมัน”

หญิงสาวเอาถุงที่วางไว้บนพื้นเอามาให้เขา คชินทร์ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเขาล้วงลงไปในถุงแล้วหยิบของบางอย่างขึ้นมา

“เนกไท”

“ใช่ค่ะ เนกไทสำหรับคุณ”

ชายหนุ่มมองดูเนกไทสีน้ำเงินที่เธอซื้อให้เขา มันดูเข้ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาและดูสวย เห็นได้ชัดว่าคนซื้อเลือกสรรมาเป็นอย่างดี คชินทร์ชำเลืองมองเธอแล้วยิ้มกว้าง

“คุณซื้อมาให้ผมหรือ”

“ค่ะ ก็เห็นคุณชอบใช้เนกไทแต่สีเดิมๆ ไม่เปลี่ยน” เธอตอบแบบไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญนัก “ก็เลยซื้อมาให้เป็นของขวัญแลกกับนาฬิกาไง”

“ซื้อมาแล้ว จะไม่ลองใส่ให้ผมหน่อยหรือ”

“อะไรนะ”

หมอหนุ่มเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ หญิงสาวมองหน้าเขาพลางถอนหายใจ เธอหยิบเนกไทแล้วเอื้อมมือไปรอบคอเขา ขณะที่หญิงสาวอยู่ใกล้แผ่นอกกว้าง สัมผัสอบอุ่นก็ทำให้เธอแก้มแดงปลั่ง เธอได้กลิ่นโคโลญจางๆจากตัวเขา ใบหน้าของเธอและเขาอยู่ห่างกันแค่ปลายนิ้ว เธอใจเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวไม่เคยผูกเนกไทให้ใคร ถือว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอทำให้ถึงขนาดนี้

“เสร็จแล้ว”

“ขอบคุณมาก”

“ไม่เป็นไร ถือซะว่าฉันลองสวมให้ก็แล้วกัน”

ความใกล้ชิดเธอและเขาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจอย่างไรก็ไม่รู้

“ระยะนี้คุณอย่าเพิ่งออกไปไหนเลยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำ

“ทำไมคะ”

“ไว้รอผมกลับมาก่อน แล้วเราค่อยไปตามสืบกัน”

รสกรถอนหายใจยาว นี่เขายังไม่ไว้เธออีกเหรอ

“ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นก็กลับมาเร็วๆนะคะ”

“วันพรุ่งนี้”

“ค่ะ วันพรุ่งนี้”

เธอเอ่ยถึงวันที่อิทธิกรนัดส่งยากัน เขาโน้มศีรษะมาใกล้เธอจนหญิงสาวสะดุ้งเพราะเขาจูบแก้มเนียนของเธอ ทำเอาหญิงสาวแก้มแดงปลั่ง ยกมือขึ้นจะทุบเขา ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วเบาและเดินออกจากประตูบ้านไป ทิ้งให้เธอเม้มปากแน่นด้วยความอาย

“ตาบ้า เดี๋ยวเหอะ” เธอพึมพำ

หญิงสาวนั่งเล่นที่โซฟาในตัวบ้านเปิดทีวีดูข่าว หลังจากที่คชินทร์ออกไปได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มีเสียงเคาะประตูบ้าน เธอเอียงคอมองด้วยความสงสัยเพราะถ้าเป็นคชินทร์ เขาจะไม่เคาะประตูเสียงดังขนาดนี้ เธอยืนขึ้นเดินไปยังประตูหน้าบ้าน เสียงเคาะประตูก็ยังดังไม่ยอมหยุด

“ใครน่ะ” เธอพึมพำเสียงแผ่ว เปิดประตูออกไปและต้องหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นบุคคลที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

“ตามหามาตั้งนาน ที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง” ชายผิวคล้ำร่างใหญ่หลายคนสวมเสื้อยืดสีดำสนิทมองดูรสกร ใบหน้าหวานซีดเผือด และพยายามปิดประตูใส่หน้าพวกมัน แต่ไม่ทัน เธอจึงวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน

“เฮ้ย ตามไป”

รสกรกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต พวกมันสืบรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และส่งคนมาตามเก็บเธอ หญิงสาววิ่งหนีไปยังประตูหลังบ้านพร้อมตะโกนลั่น

“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้”

“จับมันเร็ว”

“ว้าย”

แล้วหนึ่งในสองคนนั้นก็ตะครุบตัวเธอไว้แน่น เธอทั้งดิ้นทั้งร้องขณะที่มันรัดเอวบางไว้ รสกรไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่เตะไปด้านหลัง เดชะบุญดันไปถูกกล่องดวงใจเข้า จนชายคนร้ายต้องปล่อยเธอแล้วทรุดนั่งด้วยความจุก

“อูย...แก”

“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้”

หญิงสาววิ่งหนีไปชั้นสอง เธอเหวี่ยงแจกันใส่ดอกไม้ใบใหญ่ลงมาใส่พวกคนร้ายที่ตามมา แล้วยังทุ่มเก้าอี้เหล็กใส่พวกนั้นอีกหลายตัว พวกคนร้ายร้องโอดโอย แต่ก็พยายามตามขึ้นมาจับเธอ หญิงสาววิ่งหนีไปขึ้นไปตรงระเบียง เธอไม่มีเวลาคิดอีกแล้ว ตอนนี้เธอต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูออกไป มือหนาของใครบางที่ซ่อนตัวอยู่ก็รวบร่างเธอไว้ หญิงสาวร้องกรี๊ด และพยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระ เสียงพวกนั้นคำรามลั่น และอีกคนก้าวมาชกเข้าที่กลางลำตัวของเธอ จนหญิงสาวทรุดฮวบลงไป

“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ชายร่างกำยำคำรามลั่น “เอาตัวมันไป”

สติของหญิงสาวดับวูบลงไป...และชั่วเวลาหนึ่งก่อนที่จะหมดสติ ใบหน้าของคชินทร์ก็ลอยเข้ามาในความคิด และหวังว่าเขาจะมาช่วยเธอ...

หญิงสาวลืมตาขึ้นมาช้าๆภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่มืดสลัว มีเพียงแสงเล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างบานเล็กแคบ รสกรเบิกตาโต และพยายามขยับแขนที่ถูกมัดแล้วไพล่หลังไว้ที่เก้าอี้นั่งด้านหลัง หญิงสาวขยับเชือกที่มัดให้หลุด แต่ก็ไม่เป็นผล หญิงสาวหน้าซีดเผือด เลือดในกายดูจะเย็นเฉียบไปทั่วร่าง ขณะนี้เธออยู่เพียงลำพัง ไม่เหลือใครให้พึ่งได้เลยสักคนเดียว

“ทำยังไงดี” เธอกระซิบแผ่ว


เมื่อเห็นประตูทางออก หญิงสาวพยายามยืนขึ้น ยังดีที่ขาของเธอเป็นอิสระ แต่ทว่าเชือกที่มัดแขนแน่นก็ทำให้เธอล้มลงพร้อมเก้าอี้

“โอ้ย” เธอล้มลงใบหน้าแนบติดพื้น

จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เธอหน้าซีดเผือด ไม่กี่อึดใจประตูหน้าห้องถูกเปิดออกแล้วก็มีเงาร่างของใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นราวกับพญามัจจุราช

“นายอิทธิกร...” เธอพูดแต่เสียงที่พ้นออกมาจากริมฝีแทบจะเป็นเพียงเสียงกระซิบ

“ยังจำกันได้อยู่เหรอ เธอนี่มันแสบจริงๆเลย”

“อย่าแตะต้องฉันนะ”

รสกรสะบัดหน้าหนีเมื่อเขานั่งขุกเข่าลงแล้วยื่นมือหนาจะเข้ามาแตะแก้มเนียนของเธอ หญิงสาวรู้สึกสะอิดสะเอียนจึงอยากถอยห่างออกมาให้ได้มากที่สุด

“แหม...ทำเป็นดีดดิ้นนะ”

ขาดคำเขาก็ดึงปอยผมด้านหน้าของเธอขึ้นมา หญิงสาวหลับตา และกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวด

“บอกมา ว่าแกไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นนานแค่ไหนแล้ว ฉันตามหาตั้งนานกว่าจะรู้ว่าแกอยู่ที่นั่น”

“นานกว่าที่นายรู้นั่นแหละ”

“บัดซบที่สุด”

“อย่าคิดนะว่าสิ่งที่พวกแกทำ มันจะไม่รู้ถึงหูของตำรวจ ฉันภาวนาขอให้พวกแกต้องเข้าไปนอนในคุกกันให้หมด”

“นังนี่”

ขาดคำ ฝ่าหนามือหนาก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าของรสกรจนหน้าหัน แต่อิทธิกรก็ถลันเข้ามาดึงผมเธอขึ้นมาแล้วชะโงกหน้าลงมาใกล้

“ถามจริงๆเถอะ แกลงทุนไปเท่าไหร่เพื่องานนี้ นี่คงลงทุนนอนกับเจ้าของบ้านเขาด้วยหรือเปล่า เขาถึงยอมให้เธออยู่ในบ้านคอยแอบถ่ายรูปฉันได้”

รสกรเม้มปากแน่น เพราะคำพูดที่เขาดูถูกเธอ

“ลงทุนไปมากกว่าที่นายคิดซะอีก” เธอตั้งใจจะยั้วเขา

“งั้นเหรอ”

“ทำอะไรน่ะ” รสกรอุทานอย่างตกใจ เมื่อเขาจะเอื้อมมือมาที่หน้าอกของเธอ

“ฉันก็จะขอดูน่ะสิว่า ไอ้ร่างกายที่ขายบำเรอสวาทเพื่องานของเธอน่ะ มันสวยบาดใจสักแค่ไหน”

“อย่านะ ไอ้บ้า”

หญิงสาวดิ้นรนสุดชีวิต เพราะมือหนาทำท่าจะเอื้อมมาปลดกระดุมคอเสื้อเธอ สิ่งที่หญิงสาวกลัวที่สุดก็คือการตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของคนเลวนี่แหละ ระหว่างที่เธอกำลังจะยกเท้าขึ้นถีบอิทธิกร น้ำเสียงห้าวต่ำของใครบางคนก็ดังกังวานขึ้น

“ไม่เอาน่าอิทธิกร ปล่อยมันไปเถอะ”

นักข่าวสาวหันหน้าไปมองทันที

วินนั่นเอง...

สายตาของเธอมองไปที่ดาราหนุ่มอีกคนที่สวมเสื้อยืดสีดำ ทั้งสองเป็นดารานอกรีตที่ขายยาเสพติด และตอนนี้พวกเขาพยายามทำลายทุกคนที่รู้เรื่องนี้

“ว่ายังไงคนสวย จำฉันได้หรือเปล่า”

“นายวิน” เธอกระซิบแผ่ว

“ใช่ ฉันเอง เธอนี่มันดวงแข็งจริงๆนะ ถ้าเกิดว่าเธอตายตั้งแต่ที่บันไดทางหนีไฟตอนนั้นคงสบายไปแล้ว ไม่ต้องมาถูกมัดอยู่แบบนี้หรอก”

“สวรรค์ไม่เข้าข้างคนผิด ฉันถึงได้รอดมายังไงล่ะ”

“สวรรค์หรือ หึ...มีใครช่วยเธอได้บ้างล่ะ”

นักข่าวสาวเม้มปากแน่น

“ถ้าหากว่าสวรรค์ของเธอมีจริง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า จะส่งใครมาช่วยเธอ” เขาเหยียดยิ้ม

“ตำรวจต้องไม่มีทางอยู่เฉยแน่”

“ตำรวจหรือ เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเธออยู่ที่นี่...และกำลังจะกลายเป็นศพอยู่แล้ว”

เลือดในกายเธอเย็นเฉียบ ใช่ เธอรู้ดีว่าเขาพาเธอมาที่นี่ก็เพื่อที่จะกำจัดเธอทิ้ง

ที่นี่กลิ่นอับเหมือนโกดังร้างและเธอก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใด พวกมันมีกันไม่ต่ำกว่าสิบคน หากพวกมันจะทำมิดีมิร้ายกับเธอ เธอยอมตายเสียดีกว่า

“เขาต้องรู้แน่ๆ ฉันรู้ดี”

“แก…” อิทธิกรกำลังจะตบเธอให้หน้าหันอีกครั้ง รสกรก็หลับตาเตรียมรับแรงตบ แต่มือหนาถูกวินจับไว้ก่อน หญิงสาวตวัดสายตากลับไปมอง จึงเห็นวินนั่งลงต่อหน้าเธอแล้วโน้มใบหน้าลงมาหาพร้อมกับรอยยิ้ม

“ไม่มีทางหรอก...เพราะเธอกำลังจะกลายเป็นคนตายอยู่แล้ว และคนตายก็พูดอะไรไม่ได้จริงไหม”

หญิงสาวตัวแข็งไปทั่วทั้งร่าง เมื่อเขาเอื้อมมือมาสัมผัสกับเส้นผมของเธอ

“ลาก่อนนะ”

คชินทร์เปิดประตูบ้านช้าๆ สิ่งที่เขาเห็นรอบกายคือ สภาพที่ข้าวของในบ้านกระจัดกระจาย ร่างกายของเขาเย็นเฉียบ สิ่งที่นึกถึงเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัยของรสกร เขามองไปยังบันไดบ้านจึงเห็นแจกันแตกกระจายเกลื่อนและเก้าอี้เหล็กที่ล่มระเกะระกะ ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยิบเศษกระเบื้องขึ้นมามอง เขารู้ว่ารสกรจะต้องผลักมันลงมาเพื่อป้องกันตัวเองและหนีคนที่กำลังไล่ล่า

“บัดซบ…” เขาสบถเสียงดังลั่น

จากนั้นเขาเดินเข้าไปสำรวจรอบๆห้องชั้นบนที่เงียบสนิท และไม่มีวี่แววของรสกร

เธอถูกพาตัวไปแล้ว และเขาก็ต้องรีบตามไปช่วยชีวิตเธอ

คชินทร์ล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมา เขากดปุ่มไปหาหมายเลขที่ต้องการแล้วโทร.ออก

“สวัสดีครับ ผมต้องการพูดกับ...”

เธอนั่งนิ่งอยู่ภายในห้องอันมืดทึบ รสกรยังไม่ได้ทานอะไรเลยนอกจากขนมปังก้อนแข็งๆตั้งแต่เมื่อคืน เธอกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้สึกหิวหรืออยากอาหารอันเนื่องมาจากความเครียด เธอภาวนาให้ตำรวจมาช่วยเธอ...แต่สิ่งที่ได้ยินก็คือเสียงของความเงียบงัน ไม่มีใครเลยที่อยู่ที่นี่...

“ไม่มีใครเลยเหรอ” เธอพึมพำ

รสกรพยายามขยับตัว แต่เชือกที่มัดมืออยู่ข้างหลังมันแน่นเกินไป ยังดีที่เท้าไม่ได้ถูกมัดไปด้วย เธอต้องออกไปจากที่นี่เพื่อหาใครสักคนมาช่วย

“เจ็บจัง” หญิงสาวเจ็บแปลบบริเวณแก้มที่โดนอิทธิกรตบ “คอยดูเถอะ ฉันจะเอาคืนสิบเท่าเลย”

รสกรพยายามลุกขึ้น ประตูอยู่ไม่ไกล หากเธอออกไปจากประตูนี้ได้ โอกาสที่จะร้องเรียกให้คนช่วยก็มีสูง

เธอพยายามดิ้นรน จนกระทั้งล้มลงที่หน้าประตู

ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนใกล้เข้ามา เธอเงยหน้าขึ้นมองประตูเปิดออกแล้วก็ต้องหน้าซีดเผือด เมื่อคนที่เข้ามาเป็นดาราสุดฮอต

อิทธิกรเหยียดยิ้มเมื่อเห็นเธอพยายาม แต่ก็ไปไหนไม่รอด เขาเดินเข้าไปใกล้ ส่วนหญิงสาวก็พยายามขยับตัวหนี

“เป็นยังไงล่ะ พยายามหนีมากเลยสิท่า”

นักข่าวสาวเม้มปากแน่น

“อา...ไหนๆก็จะตายอยู่แล้ว ทำไมเราไม่มาทำอะไรที่มันสนุกๆกันล่ะ”

“จะทำอะไรน่ะ”

“ทำอะไรน่ะเหรอ เดี๋ยวก็รู้”

“นายอิทธิกร นายจะบ้าเหรอ คอยดูนะ ถ้าตำรวจหรือใครมาช่วยฉันล่ะก็ นายไม่มีทางรอดแน่” รสกรใช้เสียงเข้าข่ม

“ตำรวจหรือ น่าขำ...จะมีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่”

“ต้องมีสักคนแหละ ป่านนี้คุณชินต้องกำลังตามหาฉันแน่ๆ”

“คุณชินหรือ” อิทธิกรเลิกคิ้ว “อ้อ...ไอ้เจ้าของบ้านหลังที่เธอไปอยู่ด้วยน่ะนะ ป่านนี้คงกลัวจนหัวหดไปแล้ว”

หญิงสาวโมโหกรุ่น “ไม่มีทางหรอก เขาเป็นผู้ช่วยฉัน เขาต้องพาตำรวจมาที่นี่แน่ๆ”

“หึๆ เป็นผู้ช่วยเหรอ น่าขำจริงๆ”

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของอิทธิกร

“หัวเราะอะไร”

“เธอคิดจริงๆเหรอ...ว่าหมอนั่นจะมาช่วยเธอ เขาเป็นอะไรกับเธอล่ะ เป็นผู้ช่วยนักข่าวเหรอ ไม่ใช่ เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลย ทำไมจะต้องมาเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอด้วยล่ะ”

รสกรหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ คชินทร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย...ความจริงข้อนี้เธอรู้ดี

แต่ความผูกพันระหว่างเพื่อนล่ะ มันไม่มีสิทธิเลยหรือที่เขาจะมาเสี่ยงชีวิตมาช่วยเธอ

“ไม่จริง...”

“จริงหรือไม่จริง เธอน่าจะรู้ดี” อิทธิกรชำเลืองมองลงไปต่ำ “ว่าเขาจะมาจริงหรือเปล่า หรือแค่เธอเพ้อฝันไปเรื่อยๆยังไงล่ะ”

“ไม่จริง อย่าพูดนะ”

“ฮ่าๆ มานี่มา ฉันจะทำให้เธอมีความสุข”

อิทธิกรคว้าเสื้อของเธอจะปลดกระดุมออก ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของเธอ ในใจก็คิดว่า ยอมตายดีกว่าจะถูกคนเลวคนนี้ข่มขืน หญิงสาวพยายามดิ้นรนท่ามกลางเสียงหัวเราะของอิทธิกร

ในขณะที่เธอกำลังขัดขืนสุดชีวิตและเขากำลังทาบทับอยู่บนร่างเธอ หญิงสาวก็กระแทกเข่าซ้ายที่กลางลำตัวของอิทธิกรจนร้องโอดโอย

“นี่แน่ะ”

“โอ้ย...กะ แก”

“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันที”

“หุบปากนะ อ๊าก-ก-ก” อิทธิกรร้องลั่น เมื่อถูกหญิงสาวกัดมือเต็มแรงโดยไม่ยอมปล่อย เขาสะบัดมือจนหลุดแล้วตบเข้าที่แก้มเนียนหลายฉาด

“แก ฤทธิ์มากนักนะ”

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”

ช่วงเวลาที่รสกรกำลังดิ้นรนอย่างหนัก ขาของเธอถูกกดไว้แน่น หญิงสาวร้องกรี๊ดเมื่ออิทธิกรโน้มตัวลงมา แต่ทว่าประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับวินที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาหรี่ตามองมายังเธอที่น้ำตาลคลอเบ้าตัวสั่น อิทธิกรในสบถในลำคอเบาๆ ตอนที่วินเข้ามาอิทธิกรกำลังจับกดเธอลงกับพื้น หากวินไม่เข้ามาเธอก็คงจะแย่แล้วแน่ๆ

“นายยังมาห่วงนังนี่อีกงั้นหรือ นี่ใกล้จะถึงเวลาแล้วนะ” วินตะคอกใส่

“ยายนี่มันฤทธิ์มากนัก เลยอยากจะสั่งสอนสักหน่อย”

หญิงสาวได้จังหวะที่อิทธิกรคลายมือออก แล้วเธอก็กัดมือเขาอย่างแรงทันที

“โอ้ย นังนี่”

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” หญิงสาวรีบตะโกนร้องให้คนช่วย

“หุบปากนะ ไม่อย่างนั้นฉันตบแกคว่ำแน่” อิทธิกรขู่ตะคอก

รสกรปิดปากเงียบเขยิบไปนั่งด้านหลัง คอเสื้อของเธอแบะออกจนเห็นผิวเนื้อด้านใน อิทธิกรมองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ หญิงสาวขยับหัวเข่าให้บังเสื้อเธอไว้จนมิด

“ปล่อยนังนี่ไปก่อนเถอะน่า รีบไปกันเถอะ” วินหันมาบอกอย่างรำคาญ

“คอยดูนะ รอให้เสร็จงานเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าแกแน่ ไม่เชื่อคอยดู” อิทธิกรหันมาขู่สำทับอีกรอบ

“เอาไว้ให้เสร็จงานแล้ว เราค่อยคิดหาวิธีให้มันตายแบบทรมานก็ได้”

หญิงสาวหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ ฆ่าให้ตายด้วยวิธีทรมานงั้นเหรอ เธอยอมตายดีกว่าที่จะต้องรับรู้มัน

“รอก่อนเถอะ อีกไม่นานฉันจะกลับมาแน่” อิทธิกรยิ้มเหี้ยม

เมื่อสองคนออกจากห้องไปก็ปิดประตู ความมืดสลัวรอบกายทำให้หญิงสาวกลัวจนน้ำตาไหล เธอกลั้นเสียงสะอื้น...ความมืดรอบกายตอนนี้ ยังไม่เท่ากับชะตากรรมที่รอเธออยู่ข้างหน้าเลย ท่ามกลางความมืดสลัวเธอนึกถึงใบหน้าของใครบางคน....

คชินทร์

“คุณจะไม่ตามหาฉันจริงๆเหรอ” เธอกระซิบพลางสะอื้น หยดน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม...

“คุณชิน”

รถยนต์จอดสนิทแสงไฟหรี่แล้วก็ดับลง บนรถมีผู้หญิงสาวสวย ผมเหยียดตรงในชุดแจ็คเกตสีดำ กางเกงขายาวทรงเดฟสีดำเปิดประตูลงมาพร้อมกับคนขับรถอีกสองคน

น้ำค้างนำยาไอซ์มาส่งให้วินกับอิทธิกรตามที่ตกลงกันไว้ หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นสูง นอกจากแสงจันทร์สลัวลาง รอบๆบริเวณนั้นก็แทบไม่เหลือแสงไฟจากที่ไหนอีกเลย

“มาแล้วเหรอ” อิทธิกรเหยียดยิ้มเดินออกไปด้านหน้า “ไหนล่ะ ของน่ะ”

“ไม่คิดเลยนะว่าฉันจะต้องเปลี่ยนรถยนต์ตั้งหลายคัน กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ ฉันเกือบไม่รอดแน่ะ”

“มันก็ต้องเปลี่ยนกันหน่อย เดี๋ยวนี้ตำรวจไวทายาด...ไหนล่ะของที่ว่า อยู่บนรถคันนี้งั้นสิ”

น้ำค้างชำเลืองมองไปที่คนขับรถร่างใหญ่สองคนแล้วก็พยักหน้าเบาๆ พวกนั้นมองหน้ากันแล้วก็เดินไปที่ท้องรถใช้มีดคัตเตอร์กรีดห่อพลาสติกสีดำอำพรางสายตาเป็นร่องลึก ภายในเป็นห่อใส่ยาไอซ์นับหลายสิบมัด

อิทธิกรเหยียดยิ้มเมื่อเห็นยาเสพติด จากนั้นคนขับรถทั้งสองก็นำห่อยาไอซ์ออกมาวางไว้บนกระบะหน้ารถ

“นี่ยังไงล่ะ ของที่แกว่า” น้ำค้างกล่าวเชิดๆ

“เยี่ยมจริงๆ” อิทธิกรเดินตรงไปดูของ ตรวจดูความเรียบร้อย

“ไหนดูสิ” วินตรวจดูยาไอซ์ที่บรรจุลงห่ออย่างเรียบร้อยดี ชายหนุ่มหยัดยิ้มแล้วหันไปมองหน้าอิทธิกรแล้วพยักหน้าเบาๆ น้ำค้างเชิดหน้ามองดูยาเสพติดที่ตัวเองขนมา พร้อมกับเรียกร้องส่วนแบ่ง

“เอาละ ไหนๆฉันก็ขนมาให้แล้ว พวกแกจะเอาไปขายที่ไหนล่ะ”

“ก็ตามผับตามบาร์นั่นแหละ”

“แถวไหน”

“ก็แถวๆรัชโยทิน แหล่งลูกค้ามีเป็นสิบๆที่เชียวละ”

“งั้นเหรอ แล้วส่วนแบ่งที่นายจะให้ฉันล่ะ”

“เฮ้ย ส่งยาให้ผู้หญิงนี่สักห่อซิ” อิทธิกรพยักหน้าให้คนของเขาเอายาให้น้ำค้าง

หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เธอลงทุนยอมเสี่ยงไปขนยามาให้ ส่วนแบ่งแค่นี้จะไปพออะไร

“เดี๋ยวก่อน ส่วนแบ่งแค่นี้เนี่ยนะ มันจะไปพออะไร”

อิทธิกรขมวดคิ้ว หรี่ตามองเธอ

“จะเอาเท่าไหร่ล่ะ”

“หารกันคนละครึ่ง หวังว่าเราคงคุยกันลงตัวนะ”

เท่านั้นแหละ เสียงหัวเราะกึกก้องของอิทธิกรก็ดังลั่น ส่วนวินที่ยืนอยู่ข้างอิทธิกรอดขำไม่ได้ พวกที่มากับเขาก็พลอยหัวเราะกันไปด้วย น้ำค้างเม้มปากด้วยความไม่พอใจ เชิดหน้าถาม

“หัวเราะอะไร”

“หัวเราะเธอน่ะสิ คนละครึ่งหรือ น่าขำ...คนสวย เธอมันจะโลภมากเกินไปแล้ว แค่ขนยาครั้งสองครั้งมันไม่มีค่าพอให้ฉันแบ่งรายได้ให้กับเธอถึงครึ่งหรอกน่า” อิทธิกรกลาวด้วยน้ำเสียและใบหน้าเยาะๆ

“งั้นแกจะให้ฉันเท่าไหร่”

“อือ...ขอคิดดูก่อนนะ” อิทธิกรชำเลืองมองไปทางวิน “จะให้เท่าไหร่ดีล่ะ”

“สักสองกิโลก็แล้วกัน”

“เอ้า ตกลงฉันให้เธอสองกิโล มันคงจะพอเสพได้หลายเดือนเชียวละ”

น้ำค้างนัยน์ตาลุกโชน สองกิโลหรือ เธอถูกเขาหลอกให้เสพยาจนติด แล้วยังมาถูกถ่ายคลิปโป๊อีก คนเลวคนนี้มันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก....

“ทำยังไงดีนะ” รสกรพึมพำเสียงแผ่ว

นักข่าวสาวชำเลืองมองไปประตู ตอนนี้พวกนั้นคงกำลังรับยาเสพติดอยู่ข้างนอก เมื่อตกลงกันได้เร็วเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งตายเร็วเท่านั้น หญิงสาวพยายามดึงมือที่ถูกมัดไว้ข้างหลังออก โชคดีที่เหงื่อทำให้มือลื่นขึ้นมา จนเธอเกือบจะดึงมือหลุดออกมาได้ แล้วทีนี้เธอก็จะหนีให้เร็วที่สุด

“อืม...อีกนิดเดียว”

หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ และในที่สุดเธอก็สามารถดึงมือออกได้ คราวนี้เธอจับเชือกที่พันรอบตัวออก แล้วรีบลุกขึ้นเดินไปมองดูพวกค้ายาจากทางช่องประตู เธอเห็นพวกของอิทธิกรยืนหันหลังให้ ซึ่งดูแล้วเธอคงมีโอกาสหนีออกไปได้

กล้องถ่ายรูปล่ะ

รสกรหันไปมองมือถือ แค่กล้องถ่ายรูป เธอใช้มือถือถ่ายก็ได้ สิ่งที่เธออยากทำมากที่สุดตอนนี้คือการเปิดโปงความเลวร้ายพระเอกชื่อดังให้คนทั้งประเทศได้รับรู้

“ทำยังไงดี ตรงนี้ถ่ายไม่ได้ซะด้วย”

นักข่าวสาวกระซิบ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการออกไปจากห้องนี้ แล้วไปแอบอยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นใบหน้าของอิทธิกรและวินได้ชัดๆ เธอเปิดประตูออกไปช้าๆและเบากริบ โชคดีที่พวกมันไม่ได้ล็อกกุญแจ ไม่อย่างนั้นเธอคงออกไปจากที่นี่ไม่ได้แน่ๆ

หญิงสาวค่อยๆ เดินไปแอบอยู่ตรงลังไม้ และเขยิบเข้าไปใกล้ๆพอที่จะถ่ายให้เห็นใบหน้าของอิทธิกรและวิน เธอใจเต้นระรัวขณะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นจะถ่าย

“อื้อ” หญิงสาวสะดุ้งโหยงร้องเสียงอู้อี้ เมื่อมีมือหนาเอื้อมมาปิดปากเธอไว้ แล้วฉุดลากเธอเข้าไปในมุมมืด ร่างบางดึงมือเขาออก พลางคิดในใจว่าคราวนี้เธอต้องตายแน่ๆ “อย่านะ”

“ชู่...” เสียงกระซิบบอกให้เงียบเสียงดังอยู่ข้างหู “ผมเอง”

รสกรเบิกตาโตหันไปมอง ใบหน้าคมคายที่เธอปรารถนาจะได้เห็นมากที่สุด เขาอยู่ตรงนี้เอง

“คุณชิน” เธอกระซิบ

“ใช่ ผมเอง”

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉัน...คิดว่าคุณจะหาที่นี่ไม่เจอซะแล้ว”

“คุณอยู่ที่ไหน ผู้ช่วยอย่างผมก็ต้องตามหาคุณได้อยู่แล้วน่ะสิ” คชินทร์ยิ้มกว้าง

หญิงสาวมองดูเขา ในใจเธอยินดีอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา เธอไม่รู้ว่าน้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมานี้เกิดขึ้นเพราะดีใจหรือโล่งใจกันแน่

เขาสวมเสื้อแจ็คเกตสีเทาหม่นทับเสื้อยืดสีขาวข้างในกับกางเกงยีน เขาแอบลักลอบเข้ามาที่นี่แล้วกะจะไปซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของ แต่ขณะกำลังจะเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นรสกรแอบออกมาจากในนั้นพอดี

“คุณตั้งใจจะทำอะไร”

“ฉันก็จะถ่ายรูปหน้าพวกเขาน่ะสิ”

“ไม่ได้ มันอันตรายมาก”

“แล้ว...จะให้ฉันรอจนกว่าพวกมันคุยเสร็จแล้วก็ไปงั้นเหรอ”

“รอเดี๋ยว ผมกำลังรออยู่”

คำว่า ‘รอ’ จากปากคชินทร์ ทำให้เธอมองหน้าเขาด้วยความงุนงง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไร ชายหนุ่มก็จับแขนเธอไว้แน่นเพื่อให้ดูเหตุการณ์ต่อไป

น้ำค้างเหยียดยิ้ม เธอรู้อยู่แล้วละว่ามันจะต้องกลายเป็นแบบนี้ และเธอก็ไม่ได้หวังอะไรจากคนพวกนี้อยู่แล้ว เธอเป็นแค่หมากที่ใช้แล้วทิ้ง แต่หมากตัวนี้ไม่ใช่ของที่เขาจะทิ้งขว้างได้ง่ายๆ เธอเองก็เป็นคุณหญิงไฮโซเรื่องยอมแพ้แล้วยอมศิโรราบไม่มีอยู่ในหัวสมองเธออยู่แล้ว

“แปลว่าคุณจะไม่ยอมแบ่งให้ฉันคนละครึ่งสินะ”

“แน่ละ ใครจะไปยอมแบ่ง แค่ฉันแบ่งให้เท่านี้ก็มากเกินพออยู่แล้ว”

“งั้นหรือ...ถ้างั้นข้อตกลงของเราก็จบกัน”

น้ำค้างหันไปหาคนขับรถสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังแล้วก็พยักหน้า ก่อนทำท่าจะเดินเลี่ยงไปขึ้นรถทำท่าจะกลับ การเจรจาครั้งนี้ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ

อิทธิกรเห็นดังนี้ที่ต้องรีบยกมือห้ามไม่ให้เธอกลับ เขามาถึงตอนนี้แล้วจะให้น้ำค้างที่ไม่รู้ที่มาคว้าไปได้อย่างไรกัน

“เดี๋ยวก่อน” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น

“ว่าไงคะ”

“เอาละ เธอต้องการอีกเท่าไหร่”

“หารกันคนละครึ่ง ถ้าไม่ได้ตามนี้ฉันก็เอายาทั้งหมดกลับ แล้วจะเอาไปโยนทิ้งแม่น้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

“หารกันคนละครึ่งหรือ...ได้สิ” ฉับพลันวินก็หยิบปืนสีดำมะเมื่อมขึ้นมาเล็งไปที่ศีรษะของน้ำค้าง

หญิงสาวถอยหลังออกไปสามก้าว ส่วนบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเธอก็หยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะยิงสกัด น้ำค้างเชิดหน้าเธอกะอยู่แล้วว่า เขาสองคนจะต้องเก็บเธอ

“จะเล่นตุกติกเหรอ” ไฮโซสาวถามเสียงต่ำ

“หึ...ช่วยไม่ได้นะ เธอมันอยากเรื่องมากเองนี่” วินเอ่ยเสียงแหบพร่า

“ใจเย็นๆก่อน” อิทธิกรเอื้อมมือไปบังเพื่อนไว้ “ค่อยๆคุยกัน”

“คุยอะไร นังนี่มันต้องการหารกันคนละครึ่ง หรือแกอยากให้มันก็ตามใจ”

“ไม่เอาน่า ใจเย็นๆสิ” อิทธิกรถอนหายใจ “น้ำค้าง เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา ผมยอมให้คุณห้ากิโลโอเคหรือเปล่า”

“ความสัมพันธ์หรือ หรือคุณคิดว่าฉันจะปลื้มกับไอ้คลิปโป๊บ้าๆนั่น ฝันไปเถอะ”

“เรื่องมันแล้วไปแล้วน่า”

“แล้วไปแล้วสำหรับคุณ แต่ฉันไม่โอเค”

“นังนี่ ยิงมันเลย” วินตะคอก

“เสียใจด้วยนะ” อิทธิกรยักไหล่เดินหันหลังให้วิน “ผมพยายามเจรจาแล้ว แต่มันไม่สำเร็จ”

“กะอยู่แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้” เธอหยัดยิ้ม

ทันใดนั้นแสงไฟก็สาดส่องมายังบุคคลทั้งหมด อิทธิกรมองฝ่าแสงไฟไปที่รถยนต์ จากนั้นตำรวจกว่ายี่สิบนายก็ลงมาจากรถ อิทธิกรกับวินมองหน้ากันแล้วทั้งคู่ก็วิ่งหนีไปคนละทิศละทาง อิทธิกรหันไปมองด้านหลังเห็นตำรวจวิ่งเลยผ่านน้ำค้างมาทางเขา ชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มหยันจากเรียวปากเธอ น้ำค้างเล่นไม่ซื่อ เขาได้ยินเสียงตะโกนอื้ออึงและเสียงร้องของวินที่ถูกจับอยู่อีกด้านหนึ่ง ร่างสูงวิ่งมาทางกอหญ้าและชิน เขาต้องหนีไปให้ได้

“หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”

“บ้าเอ้ย บัดซบที่สุด” อิทธิกรพยายามจะหนีออกไปทางประตูรั้ว ขณะที่ตำรวจจับกุมพวกเขาไว้ได้หมดทุกคน

รสกรที่แอบดูอยู่ เห็นอิทธิกรวิ่งหนีมายังมุมที่เธออยู่ และเธอจะไม่ยอมให้เขาหนีได้เป็นอันขาด หญิงสาวยกไม้ท่อนยาวมาขวางจนเมื่ออิทธิกรวิ่งมา เขาก็วิ่งสะดุดล้มกลิ้งไปที่พื้นเสียงดังโครม ชายหนุ่มขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากอย่างเข่นเขี้ยวว่าใครกันนะที่มาขัดขวางเขา

“แก...นังกอหญ้า”

“จะหนีเหรอ ฉันไม่ให้แกหนีหรอก” รสกรร้อง

“ฝากไว้ก่อนเถอะแก” ไม่มีเวลาคิดอีกแล้ว เขาพยายามจะลุกขึ้นเพื่อวิ่งหนีต่อ แต่นักข่าวสาวคว้าขาเขาไว้ ไม่ให้หนีต่อได้อีก

“ปล่อยนะโว้ย”

“ไม่ปล่อย” หญิงสาวยึดขาเขาไว้แน่น “ฉันไม่ให้แกได้หนีหรอก”

“กอหญ้า ระวัง” คชินทร์ร้องเตือน

“ว้าย” รสกรโดนถีบจนล้มลงไป อิทธิกรทำท่าจะวิ่งหนี แต่คชินทร์คว้าคอแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้าซีกขวาของเขาเต็มแรง จนอิทธิกรกระเด็นไปชนกล่องไม้แตกกระจายเกลื่อน

รสกรหน้าซีดเผือดด้วยความจุกและเป็นห่วงคชินทร์ “คุณชิน”

“แกหนีไปไหนไม่รอดแน่” หมอหนุ่มถอนหายใจยาว พลางทรุดลงไปประคองรสกรด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ” หญิงสาวตอบ เธอเห็นอิทธิกรขบกรามแน่น และดึงปืนสีดำมะเมื่อมขึ้นมาเล็งมาที่คชินทร์ “คุณชินระวัง”

“ตายซะเถอะ”

เปรี้ยง!!

นักข่าวสาวหน้าซีดเผือดอยู่ภายในแผ่นอกหนา หูเธอได้ยินเสียงดังเหมือนปืน ใบหน้าคมคายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแปลบ และเมื่อรสกรมองดูใกล้ๆก็พบว่ามือเธอมีเลือดสีแดงสดเปรอะอยู่

คชินทร์โดนยิงที่หัวไหล่ด้านขวา

“ไม่นะ คุณชิน” เธอร้อง

“รีบหนีไป” คชินทร์ขบกรามแน่น “ไปสิ”

“ไม่ ถ้าคุณไม่ไป ฉันก็ไม่มีวันไปไหนทั้งนั้น” เธอน้ำตาเอ่อล้น

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทิ้งคนที่รักไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก

**************************






เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2557, 09:59:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2557, 09:59:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1519





<< ตอนที่ ๑๓ ความบังเอิญ   ตอนที่ ๑๕ เสียสละ >>
เบลินญา 13 ก.พ. 2557, 10:04:07 น.
เรื่องหน้าจะเอานิยายเรื่อง หงส์ซ่อนลาย ที่ได้ตีพิมพ์กะสนพ.เลิฟอีสมาให้อ่านกันนะคะ
ใครที่อยากเก็บนิยาย หวานรักนักสืบ ที่ออกกะอรุณ วางจำหน่ายเมื่อเดือนเมษาค่ะ
ขอบคุณนะคะ ^ ^


Zephyr 14 ก.พ. 2557, 13:18:32 น.
นั่นไง ยายนี่สร้างเรื่องจนได้นะ
ทำให้หมอชินเจ็บเรอะ เดี๋ยวเถอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account