แผนลับ นักสืบ
กอหญ้าเพิ่งมาทำงานเป็นนักข่าวได้แค่ไม่ถึงหกเดือน เธอต้องการทำข่าวนายอิทธิกรติดผู้หญิงกับมั่วยาบ่อย ๆ เธอไม่ยอมแพ้ ไปแอบอยู่ข้างบ้านนายอิทธิกรแล้วปีนต้นไม้บ้านข้าง ๆ แต่หมอหนุ่มเห็นเข้าเขาจะเรียกตำรวจ แต่เธอร้องห้ามไป ๆ มา ๆ เลยขอแอบเข้าไปในบ้านหมอหนุ่มเสียเลย
Tags: ึความรัก,นักข่าว,คุณหมอ,ดารา

ตอน: ตอนที่ ๑๕ เสียสละ

เสียสละ

“ฉันทิ้งคุณไปไม่ได้หรอก” รสกรยืนยันเสียงหนักแน่น

“กอหญ้า...”

“ฮ่าๆ รักกันมากใช่มั้ย ดีละไปตายพร้อมๆกันเสียเลย” อิทธิกรว่าพลางยกปืนขึ้นมาเล็งอีกครั้ง

หญิงสาวหลับตาแน่น ใจเต้นระรัว ในเวลานี้เธอยินดีที่จะแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้คชินทร์รอด หูของเธอได้ยินเสียงปืนดังก้อง มันอื้ออึงไปหมด และเมื่อเธอลืมตาขึ้นก็ได้ยินเสียงตะโกนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มายืนรุมล้อมอิทธิกรและคว้ามือเขาจับไพล่หลังคล้องกุญแจมือ เธอไม่รู้ว่าปืนของอิทธิกรถูกตำรวจยิงสกัดจนกระเด็นไปอีกทาง

“ปล่อยนะโว้ย ปล่อยเซ่” อิทธิกรตะโกนก้อง

นักข่าวสาวเม้มปากแน่น เธอรีบถือโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพตอนที่อิทธิกรถูกตำรวจจับ อิทธิกรหันมามองเธอด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ทำอะไรน่ะ อย่าถ่ายนะโว้ย”

“นายอิทธิกร คราวนี้แหละ นายเสร็จแน่ จมดินแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยคอยดู”

“ยายบ้า หยุดนะ”

“เอาตัวไป” สารวัตรตำรวจสั่งลูกน้อง

ในขณะที่อิทธิกรกำลังคลุ้งคลั่ง เขาก็เหลือบไปเห็นน้ำค้างยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเธอเหยียดยิ้มสะใจ เขาพยายามดิ้นรนจากตำรวจเพื่อตะโกนเรียกเธอ

“น้ำค้าง แกมันทรยศ แกเรียกตำรวจมาเรอะ”

“เพิ่งรู้เหรอ โง่นี่นา”

“นังบ้า ฉันจะฆ่าแก จะเอาคลิปที่ถ่ายไปเผยแพร่ให้หมดเลย คอยดู” เขายังคงแค้นจัด แต่น้ำค้างหยัดยิ้ม

“เจ้าหน้าที่ตำรวจไปยึดคลิปที่แกถ่ายไว้หมดแล้ว ยังดีนะที่แกยังไม่ได้เอาไปเผยแพร่ลงอินเทอร์เน็ต”

“อะไรนะ”

“ฉันรู้ว่าแกซ่อนแฟลชไดร์ฟไว้ที่ไหน เลยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นบ้านแกกับนายวิน แล้วก็เจอกับคลิปที่ว่า...แกมันเลวจริงๆ”

“แก...บัดซบ”

“แต่อย่างว่าแหละนะ....ไอ้เสียงบันทึกตอนที่แกคุยกับฉัน มันคงจะเป็นหลักฐานที่ดีกว่าว่าไหม ลาก่อนนะคะคุณอิทธิกร”

อิทธิกรร้องโหยหวนบ้าคลั่ง แล้วเสียงเอะอะก็เงียบเสียงลงเมื่อดาราหนุ่มถูกยัดเข้าไปในรถตำรวจ

รสกรถอนหายใจยาว ตอนนี้คนที่เธอห่วงที่สุดคงคือคชินทร์ที่โดนยิง เขาหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มือเย็นเฉียบ จนเธอตกใจ

“คุณชิน คุณชินเป็นอะไรคะ” เธอร้อง “คุณชิน” เธอพยายามเรียกเพื่อให้เขาฟื้นคืนสติ “แย่แล้ว เลือดออกมากด้วย” หญิงสาวมองไปรอบกาย ร้องเรียกตำรวจดังลั่น

“ช่วยด้วยค่ะ มีคนบาดเจ็บค่ะ”

ตำรวจที่ยืนอยู่ไม่ห่างหันมาแล้ววิ่งมาพร้อมกันทันที

“เขาเสียเลือดมากค่ะ ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ทีเถอะค่ะ”

“เรียกรถพยาบาลเร็ว” นายตำรวจหันไปสั่งลูกน้อง

“คุณชิน...อย่าเป็นอะไรไปนะ” นักข่าวสาวน้ำตาเอ่อล้นถึงขอบตา

เธอเป็นห่วงเขามากที่สุด...มากกว่าชีวิตตัวเองด้วยซ้ำไป

เมื่อทราบข่าวว่าคชินทร์ถูกยิง ข้าวฟ่างกับนเรนทร์ก็รีบมาที่โรงพยาบาล พอเห็นรสกรยืนคุยกับนายแพทย์อยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ทั้งสองคนรีบเดินไปหารสกรทันที

“กอหญ้า คุณชินเป็นยังไงบ้าง” ข้าวฟ่างรีบถามเพื่อน

“เข้าห้องผ่าตัดอยู่น่ะ แต่คุณหมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว”

ข้าวฟ่างถอนหายใจอย่างโล่งอก

“นี่มันเรื่องอะไรกันกอหญ้า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”

“เรื่องมันยาว เอาไว้อธิบายกันวันหลังเถอะ”

“แล้วคุณชินตอนนี้ยังไม่ได้สติหรือครับ” นเรนทร์ถามขึ้นบ้าง

“ยังเลยค่ะ”

“เออ เธอเห็นข่าวอิทธิกรกับวินหรือยัง ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าพวกเขาจะเป็นคนค้ายา ข่าวใหญ่แบบนี้เธอไม่ได้ไปทำเหรอ”

รสกรถอนหายใจยาว ยังจะมีอะไรให้ทำข่าวอีกล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเธอได้รู้ได้เห็นมาหมดแล้ว

“ไม่ละ ฉันเฝ้าคุณชินอย่างนี้ดีกว่า”

“แล้ว...คุณหมอว่ายังไงบ้างล่ะ” ข้าวฟ่างถาม

“ยังไม่ได้บอกอะไร เขาบอกว่าให้รออยู่หน้าห้องผ่าตัด นี่ก็เข้าไปได้สองชั่วโมงแล้ว”

“เธอกินอะไรหรือยังล่ะ” ข้าวฟ่างถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

“ยังเลย”

“งั้นไปหาอะไรกินก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันกับคุณนเรนทร์เฝ้าให้เอง”

นักข่าวสาวยิ้มนิดๆให้เธอ เพราะเธอก็เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลงแล้ว

“ขอบใจจ้ะ แต่ฉันยังไม่หิวน่ะ”

ทันใดนั้นคุณหมอในห้องผ่าตัดก็เปิดประตูเดินออกมา ทั้งสามคนต่างกรูกันเข้าไปถามจนแพทย์ผู้รักษาตั้งรับไม่ทัน หมอดึงผ้าปิดจมูกออกแล้วบอกว่าคชินทร์ปลอดภัยดี ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง

รสกรถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาก็พ้นขีดอันตราย ไม่นานนักแพทย์ก็อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมได้ ทั้งสามคนจึงเปิดประตูเข้าไปเยี่ยมคนที่นอนอยู่บนเตียง

คชินทร์ยังคงหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาสลบ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ

รสกรมองเขาแล้วใจหาย เพราะเธอแท้ๆ เขาถึงต้องมารับเคราะห์แบบนี้

“คุณชิน...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว

นักข่าวสาวมองใบหน้าคมคายที่กำลังหลับสนิท บนไหล่ขวามีผ้าพันแผลพันไว้อยู่ ใบหน้าคมคายตอนนี้ดูซีดและอิดโรยเป็นอย่างมาก ริมฝีปากของเขาซีดขาวจัด หญิงสาวเดินตรงไปที่ขอบเตียง สายตาของเธอจ้องมองที่ตัวเขาและเลยไปยังผ้าพันแผล รอยเลือดที่ซึมออกมาทำให้เธอรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

“คุณชินคะ ได้ยินฉันหรือเปล่า...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”

“กอหญ้า ฉันว่าเขาไม่ได้ยินเธอหรอก เราน่าจะปล่อยให้เขาได้พักผ่อนก่อนนะ” ข้าวฟ่างเสนอ

“จริงด้วยครับ ไว้รอให้เขาฟื้นก่อนแล้วเราค่อยมาเยี่ยมเขาอีกทีดีกว่าครับ” นเรนทร์เอ่ยปาก ดูเขาเป็นห่วงคชินทร์มาก

รสกรเม้มปากแน่น “ฉันอยากอยู่เฝ้าเขามากกว่า”

“จะดีเหรอ”

“อืม”

“งั้นฉันเป็นคนเฝ้าให้นะ เธอน่ะยังไม่กินอะไรเลย ไปกินก่อนไป”

“ไม่ละ ฉันยังไม่หิว”

“แต่เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ อยู่เฝ้าแบบนี้มันจะดีเหรอ”

“จริงด้วยครับ ยังไงเสียเราก็ต้องเป็นห่วงสุขภาพเราไว้ก่อน”

“แต่ว่า...” นักข่าวสาวยังดื้อ

“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ เดี๋ยวฉันกับคุณนเรนทร์จะออกไปซื้ออะไรมาให้เธอกิน แล้วก็พวกข้าวของเครื่องใช้เวลาเฝ้าไข้ด้วยดีไหม” ข้าวฟ่างยิ้มสดใส

“ขอบใจเธอมากจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก เราเพื่อนกันนี่นา”

หลังจากที่ข้าวฟ่างออกไปกับนเรนทร์แล้ว หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ ถ้าหากว่าเธอไม่คิดจะจับอิทธิกรแบบนั้น คชินทร์ก็คงไม่ถูกยิงแบบนี้หรอก ดวงตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา อาชีพนักข่าวของเธอเทียบกับชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งแล้ว...

มันเทียบกันไม่ได้เลยจริง ๆ

“คุณชิน....คุณอย่าเป็นอะไรนะ” เธอกระซิบ

เธอไม่รู้จักกับคำว่า ‘รัก’ จนกระทั่งเจอเขา คชินทร์เป็นคนช่วยเหลือเธอทุกอย่าง เขาคอยดูแลเธอและปรากฏตัวในวันที่เธอเกือบจะถูกฆ่าตาย มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นผู้ช่วยเธอ และเธอ...ก็คงหาใครแทนที่เขาไม่ได้อีกแล้ว

เธอมองดูเขาราวกับว่ากำลังอธิษฐานขอให้เขาลืมตาขึ้นมา เพื่อที่จะได้พบกับเธออีกครั้ง และเธอก็จะเป็นฝ่ายขอโทษเขา

“ฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณเดือดร้อนแบบนี้” เธอเอ่ยเบาๆ “ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่ขอเข้าไปอยู่บ้านของคุณและขอให้คุณช่วยฉันหรอก”

หญิงสาวเอื้อมมือไปจับมือเขาแล้วบีบเบาๆ เธอเม้มปากแน่นน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม

“คุณได้ยินฉันไหมคุณชิน”

หมอหนุ่มยังคงหลับสนิท หน้าอกของเขาสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ

เธอยังมีหลายคำถามที่อยากถามเขา แต่ว่า...สิ่งเดียวที่เธอต้องการมากที่สุดในยามนี้ ก็คือการเห็นเขาลืมตาขึ้นมาเจอเธอ

“นี่...รู้ไหม ฉันน่ะยังไม่รู้เลยว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นั่น แถมคุณยังไปพร้อมคุณน้ำค้างอีกต่างหาก บอกมาเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะโกรธคุณจริงๆด้วย” รสกรเอานิ้วชี้จิ้มลงบนตัวของเขา

“รู้อะไรไหม ว่าสำหรับฉันไม่มีใครดีมากเท่าคุณอีกแล้ว...”

หญิงสาวมองหน้าเขา เธอไล่สายตาไปตามจมูกโด่งและเรียวปากได้รูปของเขา แล้วยืนขึ้น โน้มใบหน้าเข้าไปทีละนิด จนกระทั้งเรียวปากของเธอสัมผัสกับเรียวปากของเขาแผ่วเบา นุ่มละมุน และเย็นเฉียบ

“ฉันรักคุณค่ะชิน” เธอกระซิบแผ่ว “รักมาก จนแม้แต่ตัวฉันเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป”

คชินทร์ขยับปลายนิ้วแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละน้อย เขาหมดสติไปนานแค่ไหนกันนะ รอยแผลที่หัวไหล่ก็ยังเจ็บแปลบจนเขาขยับแขนขวาไม่ได้ ชายหนุ่มมองเพดานกับสายน้ำเกลือ

เขาอยู่โรงพยาบาลงั้นหรือ แล้วใครเป็นคนพาเขามา ตอนนี้อิทธิกรเป็นอย่างไรบ้าง คชินทร์รีบลุกขึ้นก่อนที่สายตาจะสะดุดอยู่ที่คนที่นอนทับแขนตัวเองอยู่ข้างเตียงเขา

“กอหญ้า...” ชายหนุ่มพูดเสียงระโหย เอื้อมมือจะไปแตะเธอ แต่หญิงสาวกำลังหลับสนิท เขาถอนหายใจยาว ถ้าอย่างนั้นอิทธิกรคงเข้าคุกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ยอมมานอนสบายอยู่อย่างนี้หรอก

คชินทร์มองดูเธอที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างๆเตียงเขา คชินทร์เอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมยาวสลวยของเธอให้ออกจากใบหน้าเนียน ดูท่าทางเธอคงเหนื่อยมาก นี่เธอคงนั่งเฝ้าเขาอยู่นานจนเผลอฟุบหลับไปที่ข้างเตียงแบบนี้

“คุณคงเหนื่อยมากสินะ”

“อืม” หญิงสาวงัวเงียพึมพำเหมือนรับรู้

เธอขับตัวไปมาแต่ก็ยังไม่ตื่น ชายหนุ่มจึงโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้จนริมฝีปากโน้มลงจะสัมผัสกับหน้าผาก

ขณะเดียวกันหญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆ แล้วก็เห็นใบหน้าคชินทร์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจแล้วถอยห่างออกมาทันที จากนั้นเธอก็รู้สึกยินดีจนน้ำตารื้นที่เห็นเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว

“คุณชิน”

“หลับสนิทเลยนะ คงจะเหนื่อยมากละสิ” เขายิ้มอบอุ่มไปให้

พอเห็นอีกฝ่ายรีบเช็ดดวงตาที่เปียกชื้น เขาก็ขมวดคิ้วแล้วถาม

“คุณร้องไห้หรือ”

“ปะ...เปล่า ฉันแค่เพิ่งตื่นนอนน่ะ” เธอแก้ตัว “ดีใจจังที่คุณฟื้นแล้ว ฉันกลัวแทบตายเลย”

“ผมมันหนังเหนียวอยู่แล้ว ไม่ตายง่ายๆหรอก” ชายหนุ่มว่ายิ้มๆ

หมอหนุ่มลองขยับหัวไหลดูเล็กน้อย รอยเจ็บแปลบที่บาดแผลทำเอาเขานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ และทำท่าจะทรุดลงไปจนรสกรต้องรีบประคองเขาไว้ด้วยความเป็นห่วง

“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“หัวไหล่ มันยังปวดอยู่น่ะ”

ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้แค่เอื้อม จนปลายจมูกอยู่ห่างกันเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส สายตาของรสกรสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อเขากอดเธอไว้แน่นแล้วโน้มกายเธอเข้าไปหาเขาจนเธอต้องยันเตียงไว้

“ทำอะไรน่ะ” เธอร้อง

เขายิ้มบางๆ ก่อนตอบว่า “ผมอยากจูบคุณ”

“นี่ อย่านะ” เธอหันหน้าหนีไปทางอื่น “คนทะลึ่ง”

ด้วยความโมโหเธอเลยทุบไปที่ไหล่ขวาของเขาอย่างลืมตัว ทำเอาชายหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแล้วปล่อยเธอทันที รสกรอ้าปากค้างรีบคว้าตัวเขาเอาไว้ก่อน

“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า”

“เจ็บสิ ถามได้ คุณนี่ใจร้ายชะมัด”

นักข่าวสาวกลั้นรอยยิ้มไว้สุดชีวิต ช่วยไม่ได้นี่ ใครใช้ให้เขาทะลึ่งก่อนทำไม…

“ช่วยไม่ได้ คุณหาเรื่องก่อนทำไมล่ะ”

“ผมเนี่ยนะหาเรื่อง”

“ก็ใช่น่ะสิ นี่มันโรงพยาบาลนะ จะมาจูบกันได้ยังไง”

“แปลว่า...ถ้าไม่ใช่ที่โรงพยาบาล คุณอนุญาตให้ผมจูบคุณได้ใช่ไหม” คชินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จนรสกรแก้มแดงจัดไปจนถึงใบหู

“บ้าน่ะสิ คุณนี่”

“ล้อเล่นนะครับ...ว่าแต่คุณมาคนเดียวเหรอ” เขาเอ่ยเป็นการเป็นงานมากขึ้น “แล้วอิทธิกรล่ะ เขาถูกจับไปหรือยัง”

“ถูกจับไปแล้วค่ะ” เธอยิ้ม “ส่วนรูปถ่ายต่างๆฉันก็ส่งไปให้กับบรรณาธิการแล้ว”

“คราวนี้ คุณคงจะได้เป็นนักข่าวเต็มตัวซะทีนะ”

หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่หรอกค่ะ นับตั้งแต่ฉันเจอคุณ ฉันก็เรียนรู้อะไรได้ตั้งเยอะ จนเปลี่ยนมุมมองบางอย่างแล้ว”

“อะไรล่ะ”

“ฉันไม่อยากทำงานที่มันจะต้องแลกด้วยชีวิตของคนอื่น...ถ้าตอนนั้นไม่ได้คุณช่วยไว้ ฉันคงเป็นฝ่ายนอนบนเตียงแทนคุณก็ได้”

คชินทร์ยิ้มบางๆ

“แต่นั่นเพราะคุณทำเพื่องานต่างหาก”

“แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้” เธอเงยหน้ามองเขา “คุณไม่ควรมารับเคราะห์แทนฉันเลย”

“กอหญ้า”

“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณเดือดร้อน”

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ดูท่าว่ารสกรจะเป็นกังวลมากที่เป็นเขาต้องเจ็บตัวแบบนี้

“ฟังนะ ที่ผมช่วยคุณ เพราะผมเป็นผู้ช่วยของคุณต่างหาก และที่โดนยิงน่ะเพราะผมไม่ระวังตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”

หญิงสาวเม้มปากแน่น “เป็นผู้ช่วย คุณก็ไม่จำเป็นต้องรับแทนฉันไปทั้งหมด ที่คุณโดนยิงแบบนี้มันเป็นเพราะฉัน”

พูดจบเธอก็ถูกดึงตัวเข้าไปกอดอีกครั้ง จนหญิงสาวตกใจ เธอพยายามยันมือออกห่างจากเขา แต่คชินทร์ไม่ยอมปล่อย พร้อมทั้งเลื่อนมือจับหลังศีรษะของเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนี

“ปล่อยสิ นี่”

“ผมไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะคุณ...อย่าคิดมาก”

“คุณชิน...” หญิงสาวเอ่ยเสียงกระซิบ เมื่อรู้สึกว่าวงแขนเขารั้งเธอไว้แน่นกว่าเดิม

“ถูกละ ที่ผมถูกยิง แต่กระสุนนัดนั้นเป็นสิ่งที่ผมยินดีที่สุด เพราะจะได้ปกป้องคุณจากอันตราย” เขากระซิบเสียงแหบพร่า

พอได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวก็น้ำตาเอ่อขึ้นมา

“ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ยิงที่หัวไหล่ แต่เป็นกลางหัวใจคุณล่ะคะ...คุณจะว่ายังไง”

“ผมก็ยินดีที่จะตายเพื่อคนที่ผมรักน่ะสิ”

“บ้าที่สุด คุณนี่มัน...”

คชินทร์ยื่นปลายนิ้วแตะเส้นผมยาวสลวยของเธอเบาๆ ก่อนจะไล้ปลายนิ้วอบอุ่นขึ้นไปตามแก้มเนียน ดวงตาสีน้ำตาลที่มองจ้องเธอราวกับมีแรงสะกดสายตาให้หญิงสาวตรึงอยู่กับที่

“ชิน...”

รสกรใจเต้นแรง สัมผัสได้ถึงไออุ่นของร่างสูงที่โน้มตัวเข้ามาหา รวมถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่เหนือหน้าผาก ริมฝีปากรุ่มร้อนจรดลงบนเรียวปากของเธอ...หนักหน่วง และอ่อนหวานเสียจนเธอเผลอไผลหลับตารับจุมพิตนั้นโดยไม่รู้ตัว

รสชาติความหวานจากเรียวปากนุ่มละมุน ลำแขนแข็งแรงกอดรัดเอวบางแนบชิดลำตัวไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสถอยหนี ริมฝีปากร้อนแนบชิดจนหญิงสาวต้องครางเสียงแผ่วในลำคอ

ความอ่อนหวานและไร้เดียงสา กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ความปรารถนาในกายชายหนุ่มร้อนระอุ ทว่าในที่สุดเขาก็ถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า และเมื่อลืมตาขึ้นมองก็พบว่าใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ

“คุณ...” รสกรพูดไม่ออก แต่เขากลับยิ้มบางๆ

“เลิกพูดได้หรือยังว่าผมบาดเจ็บเพราะคุณ”

“นี่ปล่อยนะ”

“ไม่ปล่อย ถ้าคุณจะทุบก็ทุบตรงแผลหัวไหล่นี้เลย จะได้เลิกโกรธ” เขาหัวเราะแผ่ว

“ใครจะกล้าทำได้”

“ถ้าไม่กล้า ก็คุยกับผมนานๆสิ”

นักข่าวสาวถอนหายใจยาว ยิ่งคุยกับเขานาน เธอก็จะยิ่งเสียเปรียบน่ะสิ

“ว่าแต่...คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่ที่นั่น แล้วยังตามไปช่วยทันได้อีก” เธอเปลี่ยนเรื่องถาม

“เรื่องนั้นน่ะหรือ...คุณคิดว่าใครเป็นคนเล่าให้ฟังล่ะ”

“ไม่รู้สิ”

“ผมจะบอกให้ก็ได้ คุณน้ำค้างไง”

คำตอบของคชินทร์ทำให้เธอยิ่งงุนงงหนัก

“คุณน้ำค้างเหรอคะ”

“ใช่”

“ทำไมล่ะ ก็เขาไม่รู้จักคุณนี่นา”

“ผมตามสืบจนรู้เบอร์โทรศัพท์ของเขาน่ะสิ ก่อนหน้านี้ผมแอบเข้าไปอัดเทปข้อมูลสำคัญบางอย่างของนายอิทธิกรที่บ้านคุณน้ำค้าง แล้วโทร.คุยกับเธอ ผมให้เธอเลือกระหว่างทำตามความต้องการของนายอิทธิกรโดยไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก กับให้เธอบอกสถานที่ส่งยามา แล้วบอกตำรวจเพื่อแลกกับคลิปฉาวของเธอ คุณคิดว่าเขาจะเลือกอะไรล่ะ”

“คลิปฉาวเหรอ...คุณไปได้มาจากไหน”

“ผมเป็นผู้ช่วยคุณนะ เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ”

รสกรมองเขาอย่างทึ่งๆ

“แน่นอนเธอต้องเลือกบอกสถานที่นัดส่งยากับผม แล้วผมก็โทร.ไปแจ้งตำรวจ วางแผนให้เธอเปิดโทรศัพท์ไว้แล้วแอบอัดเสียงตอนนายอิทธิกรคุยถึงเรื่องยาเสพติด เพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวเขายังไงล่ะ”

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่ที่นั่น”

“ก็ถ้าเกิดคุณหายไปตอนนี้ จะมีใครอีกล่ะที่พาคุณออกไปนอกจากนายอิทธิกร”

“อย่างนี้นี่เอง” เธอรำพึงแผ่ว “ว่าแต่ แปลกนะคะ ทำไมคุณน้ำค้างถึงได้ยอมคุณง่ายๆ”

“เพราะเขาแค้นนายอิทธิกรจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายน่ะสิ พอผมพูดออกไปเธอก็รับปากง่ายๆว่าจะยอมช่วย ขอให้ตำรวจไปช่วยค้นบ้านนายอิทธิกรและนายวิน เพื่อทำลายคลิปนั่นทิ้งให้หมด” ชายหนุ่มยื่นปลายนิ้วแตะเส้นผมยาวสลวยของเธอเบาๆแล้วไล้ปลายนิ้วอบอุ่นขึ้นไปตามแก้มเนียน

เธอไม่รู้หรอกว่าชะตาลิขิตให้เธอมารักกับชายผู้นี้หรือเปล่า แต่ถ้าถามเธอตอนนี้ เธอไม่มีวันเปิดใจรับใครได้ ถ้าไม่ใช่คชินทร์คนนี้ รสกรคิดแล้วเผลอยิ้มออกมา

“ฉัน...” นักข่าวสาวอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะจากด้านหลัง

“กลับมาแล้วจ้ะ อ๊ะ..คุณชินฟื้นแล้วเหรอ” ข้าวฟ่างเปิดประตูเข้ามาพร้อมนเรนทร์ เธอวิ่งไปที่ข้างเตียงด้วยนัยน์ตาพราวระยับ พร้อมทั้งจับมือของคนเจ็บไว้แน่น รสกรมองภาพนี้แล้วค่อยๆถอยห่างออกมา

ข้าวฟ่างถามคชินทร์หลายอย่าง และดูเป็นห่วงเขามากกว่าเธอเสียอีก

“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บไหล่หรือเปล่า”

“นิดหน่อยครับ” เขายิ้มบางๆ

“รู้ไหมคะว่าฉันเป็นห่วงคุณแค่ไหน พอรู้จากกอหญ้าว่าคุณถูกยิง ฉันนี่แทบจะร้องไห้เลยละค่ะ แล้วตอนนี้คุณอาการดีขึ้นหรือยัง เดี๋ยวฉันเอาข้าวต้มให้กินนะคะ”

“อย่าเลยครับ ผมกินเองได้”

“ไม่เอาค่ะ ให้ฉันป้อนดีกว่า”

นักข่าวสาวมองข้าวฟ่างที่พยายามจัดท่าทางของคชินทร์ให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้าของเธอกับเขาอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมและกำลังยิ้มให้กัน เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่อกซ้าย รู้ทั้งรู้ว่าข้าวฟ่างชอบคชินทร์มาก หรือเธอต้องยอมถอยให้เขาสองคน

เพื่อจะได้ไม่เสียทั้ง ‘เพื่อน’ และ ‘คนรัก’

รสกรเดินเลี่ยงออกไปโดยมีนเรนทร์มองตาม เขาจึงเดินตามเธอออกมาแล้วเอ่ยถาม

“จะไปไหนเหรอครับ”

“ฉัน...จะไปที่ออฟฟิศหน่อยค่ะ มีงานบางอย่างต้องไปเคลียร์น่ะค่ะ”

“ผมอาจเสียมารยาทไปบ้าง แต่อย่าถือสาคุณข้าวฟ่างเลยนะครับ เธอแค่ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่เท่านั้นเอง” นเรนทร์ถอนหายใจยาว

“ฉันไม่โกรธข้าวฟ่างหรอกค่ะ ในเมื่อเธอทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว”

นเรนทร์ยิ้มนิดๆ “เหรอครับ”

“ฉันว่าเขาทั้งสองคน...เหมาะสมกับดีออก” ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่เธอพูดถึงได้เจ็บแปลบหัวใจอย่างนี้ “เขาสองคนเหมาะจะเป็นคู่รักกันมากกว่าฉันซะอีก”

“ผมว่าคุณลองถามชินดูก่อนดีไหม ว่าเขารู้สึกยังไงกับข้าวฟ่าง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ” เขาเอ่ยอย่างหวังดี “และผมเอง...ก็คงต้องตัดสินใจเหมือนกัน”

“อะไรนะคะ”

“เปล่าหรอก แค่เป็นห่วงคุณน่ะ”

นักข่าวสาวยิ้มเฝือน เธอคงไม่จำเป็นต้องถามคชินทร์ว่ารู้สึกอย่างไรหรอก ในเมื่อข้าวฟ่างก็เพื่อนสนิทของเธอ เพราะฉะนั้นเธอคงหักหลังเพื่อนไม่ได้

“ฉันไปก่อนนะคะคุณนเรนทร์”

“คุณจะไม่กินอะไรก่อนเหรอครับ คุณข้าวฟ่างอุตส่าห์ไปซื้อมาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่หิว ไว้ค่อยไปกินข้างหน้าดีกว่า”

“อย่างนั้นเหรอครับ”

“ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะคุณนเรนทร์”

“ครับ ไว้วันหลังค่อยคุยกัน”

รสกรยิ้มนิดๆให้เขาแล้วเดินจากไป นเรนทร์มองตามเธอแล้วส่ายหน้าอย่างหนักใจ เขาเองก็มีเรื่องที่จะต้องทำเหมือนกัน ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้องขณะที่ข้าวฟ่างกำลังป้อนข้าวต้มให้คชินทร์พอดี สีหน้าของเขาเข้มจัดด้วยความไม่พอใจ ที่คนบนเตียงไม่รู้ว่ารสกรเดินออกไปแล้ว

“แล้วข้าวต้มนั่น คุณซื้อมาให้เฉพาะนายชินเหรอ”

“จริงด้วยสิ ลืมไปเลย” ข้าวฟ่างอุทาน “อ้าว แล้วกอหญ้าหายไปไหนแล้วล่ะ”

“นั่นสินะ เป็นแบบนี้คงจะรอกินหรอก”

“นเรนทร์ คุณกอหญ้าหายไปไหนหรือ”

“ไม่รู้สิ สงสัยจะโกรธจนไปไหนแล้วก็ได้” นเรนทร์เอ่ยเสียงต่ำ สายตามองไปที่เลขาฯคนสวยที่กะพริบตาปริบๆแย่งไม่รู้เรื่องรู้ราว

คชินทร์ขมวดคิ้วมองข้าวฟ่างและนเรนทร์ พลางคิดถึงรสกรที่แอบออกไปโดยไม่ล่ำลาสักคำ...


“ภาพข่าวของเธอได้ออกหน้าหนึ่ง ยินดีด้วยนะ”

ทรงภพบรรณาธิการหนังสือพิมพ์สตาร์อินเทรนด์ สวมแว่นตากรอบหนาเอ่ยปากชม ถือว่าเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมของรสกรเลยทีเดียว ส่งผลให้ยอดขายหนังสือพิมพ์สูงขึ้นอีกต่างหาก เพราะใครๆก็อยากอ่านข่าวของอิทธิกร ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะรสกรลงทุนแกะรอยอิทธิกรตั้งแต่แรกจนถึงตอนที่อิทธิกรโดนตำรวจจับ

ทว่าคนถูกชมได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา จนบรรณาธิการเอ่ยถาม

“เป็นอะไรล่ะ เธอไม่ดีใจหรอกเหรอ”

“ดีใจค่ะ แต่มันก็เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว”

“งั้นเหรอ ว่าแต่เย็นนี้เธอจะไปร่วมงานเลี้ยงฉลองผู้สื่อข่าวใหม่ของเราด้วยหรือเปล่า เธอได้ผ่านงาน ได้เป็นนักข่าวเต็มตัวแล้วนะ”

“งานเลี้ยงเหรอคะ” เธอตอบ “คงไม่ละค่ะ”

“เป็นอะไรไป ทำไมเธอถึงดูซึมๆ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ”

หญิงสาวก้มหน้านิ่ง เวลานี้สิ่งเดียวที่เธออยากบอกให้คนอื่นได้รับรู้ก็คือ ความสำเร็จของเธอจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากว่าไม่มีผู้ช่วยอย่างคชินทร์

“เพราะข่าวนี้ มันเกือบต้องแลกกับชีวิตของใครคนหนึ่งที่ตอนนี้ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ตำแหน่งนี้ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”

“ผู้ชายคนนั้นน่ะหรือ ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่หมอคงยังให้นอนโรงพยาบาลต่ออีกหลายวันเลยละค่ะ”

“ดีแล้วละ แล้วเธอจะไม่ไปงานจริงๆหรือ”

“ค่ะ” เธอยิ้มรับ

บรรณาธิการถอนหายใจอย่างหนักใจ

“บางครั้งงานที่เราทำก็ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่าง ฉันถึงเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้วยังไงล่ะว่า ห้ามทำข่าวนี้”
“ฉันก็เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานนี้เองค่ะ” หญิงสาวยิ้ม แล้วส่งใบลาไปให้หัวหน้า “ฉันขอลาหยุดพักผ่อนสักสองอาทิตย์ค่ะ”
“จะลาหยุดสักเดือนหนึ่งก็ได้ ไปพักผ่อนสักระยะหนึ่งแล้วค่อยกลับมาทำงาน”

“ไม่ดีกว่าค่ะ แค่สองอาทิตย์ก็พอแล้ว”

“จะไปเที่ยวที่ไหนล่ะ” ทรงภพเอ่ยถามอย่างเป็นการเป็นงานมากยิ่งขึ้น

“ว่าจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ ไม่ได้กลับไปหาท่านนานแล้ว”

“อืม ก็ดีนะ ไปเยี่ยมพวกท่านบ้าง พักผ่อนให้สบายเถอะ โชคดีนะ”

“ค่ะ”

หญิงสาวยกมือไหว้บรรณาธิการผู้เป็นหัวหน้างาน แล้วก็ลากลับ ขณะเดินไปเปิดประตูก็เกือบชนกับพุดซ้อน และพรรคพวกที่กรูกันเข้ามาแอบฟังอยู่ที่หน้าประตู หญิงสาวส่ายหน้าอย่างระอา ถ้าอยากจะฟังกันขนาดนี้นี้ก็เปิดประตูเข้าไปเลยสิ

“มาแอบฟังกันแบบนี้ มารยาทไม่ดีกันเลยนะ”

“โธ่ แหม..เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” พุดซ้อนคลี่ยิ้มหวาน “แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม ทำไมถึงได้ถ่ายภาพตอนอิทธิกรถูกตำรวจจับ”

“ก็ถือกล้อง..แล้วก็ถ่ายน่ะ”

“ไม่ไช่ย่ะ ฉันอยากรู้ว่าเธอน่ะ ไปเกี่ยวข้องกับนายอิทธิกรได้ยังไง”

รสกรถอนหายใจยาว “ก็เรื่องมันยาวน่ะ ขี้เกียจเล่า”

“บอกแค่นี้ไม่ได้เหรอ”

“เอาเป็นว่าฉันลูกพาตัวไป แล้วตำรวจก็เข้ามาช่วยเท่านั้นเอง” น้ำเสียงเธอเนือยๆ

“อุ๊แม่เจ้า ถูกลักพาตัวไป แล้ว...แล้วพวกมันทำอะไรเธอหรือเปล่า”

******************



เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2557, 11:02:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2557, 11:02:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1279





<< ตอนที่ ๑๔ ความรู้สึก   ตอนที่ ๑๖ ความฝัน (ตอนอวสานแล้วค่ะ) >>
เบลินญา 15 ก.พ. 2557, 11:04:59 น.
ตอนหน้าก็จบแล้วนะคะ ประมาณกลาง ๆ เดือนมีนาคม ก็จะลบแล้วค่ะ
ส่วนใคร ๆ ก็อ่านเรื่องนี้ รอให้หนังสือออกก่อนแล้วจะมาเล่นเกมกันนะคะ
แล้วขอฝากให้คนเม้นท์(แบบจำยอม) 555
อย่างคุณ zephyr ไว้หนึ่งคนนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ


Zephyr 18 ก.พ. 2557, 00:17:19 น.
เสียงยัยเพื่อนพุดนี่ไม่จริงใจเลยแฮะ
ข้าวฟ่างก็ไปรักกะนเรนทร์เถอะนะ
ลงตัว ครบคู่พอดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account