ดวงใจอธิษฐาน ซีรีส์ชุด รอยรักข้ามกาลเวลา
คำอธิษฐานก่อนตายของเธอ ส่งผลมาทุกภพทุกชาติ และไม่ว่าชาติไหนเธอก็ยังเกลียดผู้ชายคนนี้สุดหัวใจ
Tags: ลินิน สาริน พีเรียเ อรุณ

ตอน: ตอนที่ 2 70%

“อย่าเพิ่งพูดถึงราคา เอาแค่ว่าหนูอยากได้หรือเปล่า” ผู้มากวัยกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงช้าเนิบ หยิบสร้อยข้อมือมาอีกครั้งแล้วยื่นให้ใหม่ คราวนี้กัณฐิกาไม่รอช้าที่จะรับมาดู ยิ่งมองก็ยิ่งอยากได้ แต่ก็นั่นแหละแค่กระจกโบราณราคาเก้าพันบาทเธอยังปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นซื้อตัดหน้าไปได้ นับประสาอะไรกับของมีค่ามากอย่างนี้
“อยากค่ะ อยากมาก”
“อย่างนั้นก็เอาไปเถอะ มันเป็นของหนู” ปู่สุนทรบอกง่ายๆ ทำราวกับว่าซื้อหามันมาด้วยราคาไม่กี่สตางค์ ทว่าคนอยากได้ส่ายหน้าดิก
“กัณรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะคุณปู่”
“ทำไมล่ะ ผู้ใหญ่ให้ของไม่รับได้อย่างไร” ปู่สุนทรเอนกายลงกับเก้าอี้โยกมองจับไปยังใบหน้าสวยที่ร่องรอยกังวลปรากฏชัดของกัณฐิกาแล้วคลี่ยิ้มบางๆ สร้อยข้อมือเส้นนี้ท่านรับซื้อมาด้วยราคาสูงพอสมควร แต่แค่เห็นก็ชอบตามประสาคนรักของเก่า คิดจะเก็บไว้เองไม่เอาไปขายในร้าน
แต่เมื่อคืน….
ท่านฝัน ฝันถึงเจ้าของสร้อยข้อมือเส้นนี้ แม้จะเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่รางเลือนทว่าจิตใต้สำนึกของชายชราบอกว่าสตรีที่ยืนพินิจสร้อยข้อมือทองอย่างหลงใหลอยู่นี้คือเจ้าของมัน
คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ ร้อยพ่อพันแม่ เกิดเป็นคนบ้าง เดรัจฉานบ้างแล้วแต่ผลบุญผลกรรมในชาตินั้นๆ และสร้อยข้อมือเส้นนี้ก็อาจจะเคยเป็นของกัณฐิกามาก่อนเขาถึงได้ฝันอย่างนั้น
“กัณอยากจะรับนะคะคุณปู่ ถ้าสร้อยข้อมือเส้นนี้ราคาแค่ไม่กี่สตางค์แต่นี่…กี่หมื่นก็ไม่รู้ จะให้กัณรับมาได้อย่างไรกันคะ”
“ปู่ก็ยังให้แหวนเจ้าเอื้องไป”
“แต่ว่ากัณ….” คนอยากได้ยังอิดออดก่อนตัดสินใจ “อย่างนั้นกัณขอซื้อนะคะ แต่ว่า…คงต้องขอผ่อนกับคุณปู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด”
“เอาเถอะๆ อย่างไรก็เอา เจ้านี่มันดื้อดีจริงๆ ได้ไปแล้วก็เก็บเอาไว้ให้ดีๆ สร้อยข้อมือเส้นนี้มันเป็นของเจ้าไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้เป็นเจ้าของมันง่ายดายอย่างนี้หรอกนะ ปู่เต็มใจให้แต่หากอยากจะซื้อขายกันจริงๆ ก็จะขายให้ในราคาแค่ครึ่งเดียวจากที่ปู่ซื้อมา อีกครึ่งปู่ออกให้”
“แต่…”
“หยุด!” ผู้มากวัยกว่ามองดุ หญิงสาวจึงจำต้องหุบปากโดยฉับพลัน มือลูบคลำสร้อยข้อมือเส้นนั้นอย่างหลงใหลทองคำสุกปลั่งในมือสวยจนตาพร่า
จริงหรือที่เธอมีวาสนากับมัน….
“สร้อยข้อมือเส้นนี้ดูแล้วน่าจะเป็นของสมัยอยุธยาช่วงปลาย ดูจากลวดลายการแกะสลักตัวสร้อยที่มักเชื่อมเส้นทองคำควั่นเป็นเกรียวขดลวดลายติดกับแผ่นทองแล้วฝังอัญมณีลงไปเป็นรูปดอกไม้แล้วหุ้มตรงขอบ ตรงที่เป็นทองเอาความร้อนเชื่อมให้ทองคำละลายติดกัน รอยแกะสลักก็เป็นนูนสูงต่ำ วิธีขึ้นรูปใช้ค้อน พวกนี้จะเด่นชัดในช่วงปลายอยุธยา ถูกใจใช่ไหมล่ะ” ผู้มากวัยกว่าย้อนถามยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวชอบสะสมของในยุคนี้
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณปู่” หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้แล้วกราบไปบนตักของท่าน มือเหี่ยวย่นตามวัยวางทาบมาบนศีรษะปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำสนิทนั้นก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้า
“ของบางอย่างมันก็มีวาสนากับเรา”
“นี่เป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดเท่าที่คนอย่างกัณจะหามาได้เลยล่ะค่ะ” หญิงสาวลูบคลำสร้อยข้อมืออย่างหลงใหล ความร้อนที่ฝ่ามือจางหายเหลือก็แต่ความอุ่นซ่าน

“เปลว ข้าให้เอ็ง” หมื่นกล้าวางสร้อยข้อมือประดับด้วยอัญมณีมีค่ามากลงบนหมอน ตรงหน้าเปลว หญิงอันเป็นที่รักและได้ชื่อว่าเป็นเมีย ถึงจะแค่เมียบ่าวแต่เขาก็รักมันเพียงคนเดียวและไม่คิดว่าหัวใจจะรักใครได้อีก
เปลวเป็นคนดี ซื่อไม่มีพิษมีภัย เมื่อยังเด็กอาจจะมีดื้อรั้นให้คุณหญิงพะยอมดุว่าไปบ้าง แต่เมื่อโตขึ้นจนเป็นสาว เขาก็เห็นว่าเปลวว่านอนสอนง่ายขึ้นมาก เชื่อแน่ว่าอีกไม่นานความน่ารักช่างฉอเลาะของเปลวจะทำให้ท่านหลงรักอย่างที่เขาเป็น
“หะ…ให้บ่าวหรือเจ้าคะ” หญิงสาวมองของมีค่าตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ ทาสในเรือนเบี้ยอย่างเธอนั่นหรือจะมีโอกาสได้ครอบครองสร้อยข้อมือทองเส้นนี้
“ทำหน้าอย่างกับเห็นผี” ชายหนุ่มหัวเราะขันเมื่อเห็นเปลวทำหน้าตาตื่น ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตเข้าไปใหญ่ จึงอดไม่ได้ที่จะดึงตัวเข้ามากอด “ไม่ชอบหรือ”
“ชอบเจ้าค่ะ แต่…มันมีค่ามากเกินไป”
“ไม่มากเกินไปหรอกสำหรับผู้หญิงที่ข้ารัก เราเป็นผัวเมียกัน ของๆ ข้าก็เหมือนกับของของเอ็ง เอาไว้ใส่เวลาไปทำบุญที่วัดแล้วก็เวลาออกงานอย่างไรล่ะจะได้ไม่อายใคร” เขาบอกขึ้นทว่าคนฟังทำหน้าเจื่อนๆ หมื่นกล้าจึงเลิกคิ้ว “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ”
“เปล่าดอกเจ้าค่ะ แต่บ่าวเป็นแค่เมียบ่าวที่ไหนจะได้ออกงาน” หญิงสาวบอกเสียงเบาแต่ไม่ได้มีร่องรอยน้อยอกน้อยใจในน้ำเสียง เป็นเพียงทาสในเรือนเบี้ยแต่กลับมีบุญวาสนาได้เป็นเมียของหมื่นกล้า เพียงเท่านี้ก็พอใจกับฐานะตัวเองดีอยู่แล้ว
“อยากออกรึ อย่างนั้น…”
“ไม่เจ้าค่ะ” หญิงสาววางฝ่ามือปิดปากเขาเอาไว้พลางส่ายหน้า “บ่าวไม่เคยคิดอาจเอื้อมถึงเพียงนั้น บ่าวอยู่แบบนี้ก็สบายใจดีแล้วเจ้าค่ะ”
“มักน้อยจริง เอาเถอะตามใจเอ็ง จะใส่ไปทำบุญที่วัดหรือจะเก็บเอาไว้ก็ได้ ถือว่ามันเป็นของที่ข้าให้ เก็บรักษาให้ดี มันเป็นตัวแทนความรักที่ข้ามีให้เอ็ง” เขาเชยคางเปลวให้ขึ้นมามองสบตา ประทับจูบบนเปลือกตาคู่นั้นแล้วทำท่าจะทำมากกว่านั้น มือบางจึงยั้งเอาไว้
“อย่าเจ้าค่ะ กลางวัน” คนถูกรังแกก้มหน้างุดแล้วรีบผละตัวเองออกจากอ้อมกอด ถึงเขาไม่เคยถือแต่เธอก็ถือ กลางวันอย่างนี้อายผีสางเทวดา
“กลางวันแล้วทำไม ผัวจะกอดจูบเมียไม่ได้รึ” ยิ่งเห็นเปลวอายเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง แต่ก่อนเห็นมันวิ่งแก้ผ้าเล่นน้ำโทงๆ พอโตเป็นสาวอะไรนิดอะไรหน่อยก็ทำกิริยาเหนียมอายแต่ยิ่งอายเขาก็ว่ามันยิ่งน่ารัก
“อายผีบ้านผีเรือน เทวดาด้วยเจ้าค่ะ”
“โธ่…กลางวันแบบนี้ท่านพักผ่อนกันหมดแล้ว ไม่มีใครเห็นหรอก ขอให้ข้าได้ชื่นใจที เพราะวันพรุ่งก็ต้องตามท่านลุงไปราชการที่หัวเมือง”
“ไปราชการ นานรึเจ้าคะ”
“ก็…คงสักสิบวัน ข้าคงคิดถึงเอ็งแย่ ขอผ้าแพรของเอ็งมาให้ข้าสักผืน จะเอาไว้ห่มเวลาคิดถึง ผ้าคลุมกายของเอ็งนั้นหอมชื่นใจนัก กลิ่นตัวก็หอม แป้งสารภีดมแล้วหอมไปถึงไหนๆ” ชายหนุ่มหยอดคำหวานเท่านั้นคนขัดขืนก็อ่อนระทวย หัวใจพองโตคับอกราวกับว่ามันจะติดปีกออกมาบินข้างนอก เธอรักเขาเหลือเกิน รักมากจนคิดไม่ออกเลยว่าหากวันใดเขาหมดรัก จะทนได้อย่างไร
“ผู้ชายนี่ปากหวานเหมือนกันทุกคนหรือเปล่าเจ้าคะ” หญิงสาวค้อนให้แต่ก็ยอมซุกตัวลงกับอกเขาแต่โดยดี หลับตาเมื่อริมฝีปากร้อนๆ นาบลงมาที่แก้มท้ายสุดประทับตรึงตรามาหาริมฝีปากสีกลีบบัวชุ่มช่ำของวัยแรกสาวเนิ่นนานราวกับจะดูดกลืนคำว่ารักจากเมียรักไปด้วย
“ข้าไม่ได้ปากหวานดอกเปลว ข้ารักเอ็งและจะรักอย่างนี้ไปทุกๆ ชาติ ข้าสาบาน” เขาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังหญิงสาวจึงช้อนสายตาขึ้นมองสบ
“บ่าวก็รักหมื่นกล้า รักจนตายแทนได้และขอสาบานเช่นเดียวกันว่าจะรักหมื่นกล้าไปจนวันตายตราบที่ท่านยังรักบ่าวอยู่”
“หืม?...คำสาบานของเอ็งดูแปลกๆ” หมื่นกล้าเลิกคิ้ว หญิงสาวจึงหัวเราะ แววตาสุกใสระยับพราวราวเด็กๆ จะว่าไปเปลวก็อายุเพียงสิบหกปีเท่านั้นเอง เพิ่งถึงวัยแรกสาว ดอกไม้งามดอกนี้เพิ่งจะบานให้เหล่าแมลงได้มองอย่างชื่นชมแต่ก็ถูกเจ้าของตัดมาประดับแจกันไว้เสียตั้งแต่เพิ่งเริ่มบาน
หมื่นกล้าประกาศกับคนทั้งเรือนว่านังบ่าวหน้าสวย ทาสในเรือนเบี้ยเพราะพ่อแม่ของมันเป็นทาสมาแต่สมัยปู่ย่าเป็นเมีย เหล่าทาสชายที่หมายตาเปลวไว้ก็เสียดายไปตามๆ กัน
“ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยนี่เจ้าคะ” หญิงสาวทำหน้าทะเล้น แม้จะมีผัวแล้วก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเด็กชอบเล่นหยอกเย้า
“เอ็งสาบานว่าจะรักข้าไปจนตาย อันนี้ข้าพอจะเข้าใจแต่ที่ว่าตราบที่ข้ายังรักเอ็งนี่มันอย่างไรแน่”
“ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยนี่เจ้าคะ บ่าวจะรักหมื่นกล้าไปจนตายถ้าท่านยังรักบ่าวอยู่ แต่ถ้าท่านหมดรักบ่าวเมื่อไหร่ บ่าวก็เลิกรักท่านนะสิเจ้าคะ” คนตอบทำปากยื่นเลยโดนหยิกแก้มไปทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว เจ้าตัวร้องโอดโอยทำหน้ายุ่ง “เจ็บนะเจ้าคะ”
“คำสาบานบ้าอะไรของเอ็ง”
“อ้าว…รึไม่จริงเจ้าคะ ถ้าหมื่นกล้าไม่รักบ่าวแล้วบ่าวจะรักท่านไปทำไม ถ้าอยากให้บ่าวรักไปจนวันตายท่านก็ต้องรักบ่าวไปจนวันตายเหมือนกันสิเจ้าคะ” หญิงสาวส่งสายตาแสนซื่อพร้อมกะพริบแพขนตาหนามาหลายปริบจนเขาต้องส่ายหน้า
“เอ็งนี่มันชอบเล่นลิ้น”
“พูดจริงไม่ได้เล่นเจ้าค่ะ” หญิงสาวขยับลุกแต่ถูกกระตุกหางโจงกระเบนเจนเซล้มมานั่งบนตักคนตัวโต ขยับจะหนีแต่ลำแขนหมื่นกล้าตวัดเอาไว้แล้วผลักให้นอนลงบนฟูกตามติดมาด้วยปากและจมูกอย่างมันเขี้ยวนังคนชอบยั่วเย้าแต่ก็ปั่นหัวจนเขารักหลงหมดหัวใจ
“ข้าจะรักเอ็งจนวันตาย พอใจหรือยัง” เขางึมงำบอกเพราะมีอย่างอื่นให้สนใจมากกว่า แต่เท่านั้นหญิงสาวก็พออกพอใจ
ถ้อยคำรักหวานหูแทรกซึมสู่หัวใจของเปลวทุกอณูเนื้อ มีสร้อยข้อมือทองคำล้อมทับทิมเป็นพยาน หมื่นกล้าสาบานแล้วว่าจะรักเธอจนวันตาย

“กัณ…หนูกัณ!”
เสียงเรียกเครือแหบของปู่สุนทรปลุกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์ ทั้งที่หลังร้านมีลมธรรมชาติพัดแรงจนต้องห่อตัวทว่าเหงื่อกลับจับพราวไปทั่ววงหน้า
ภาพเมื่อครู่นี้จู่ๆ ก็วาบผ่าน เป็นภาพพร่ามัวขาดๆ วิ่นๆ ไม่ปะติดปะต่อ มองไม่ออกว่าชายหญิงที่กำลังพลอดรักกันอยู่นั้นคือใครกันแน่ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนจนติดตา
สร้อยข้อมือเส้นนั้น!
สร้อยข้อมือทำจากทองคำขึ้นรูปเป็นลวดลายใบไม้ ฝังอัญมณีมีค่าเป็นรูปดอกไม้ งดงามตรึงตาตรึงใจ และมันเหมือนกับสร้อยข้อมือเส้นที่อยู่ในมือของเธอไม่ผิดเพี้ยน
“เป็นอะไรไป” ปู่สุนทรเลิกคิ้วกับอาการของกัณฐิกา หญิงสาวกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้อย่างไรจึงสั่นหน้าแทนคำตอบ
“ไม่มีอะไรค่ะคุณปู่ เมื่อคืนนอนน้อยเลยเบลอไปหน่อย แหม…มาวันนี้ไม่เสียเที่ยวนะคะ กัณแวะมาดูกระจกบานนั้นเสียดายที่ผู้ชายคนนั้นได้มันไป แต่ก็…ได้สร้อยข้อมือเส้นนี้มาแทน”
“ถือว่ามันเป็นวาสนาของเขา กระจกบานนั้นเก่าแก่พอๆ กับสร้อยข้อมือเส้นนี้ ของเก่าผลัดกันชมถ้ามันมีวาสนากับเรา เดี๋ยวมันก็กลับมา” ผู้มากวัยกว่ากล่าวเนิบๆ แต่หญิงสาวส่ายหน้า
“แค่สร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะผ่อนคุณปู่เสร็จ แต่มันสวยจับใจจริงๆ ค่ะ ถ้าคุณปู่ไม่ให้กัณผ่อนกัณก็คงไม่มีปัญญาซื้อ”
“ไม่เป็นไรหรอก ปู่ทำไมจะให้หลานไม่ได้ล่ะจริงไหม” ชายชราหัวเราะขึ้น หญิงสาวทั้งสี่คน กัณฐิกา เอื้องลดา พิมลมาสและอักษร ไม่ใช่ลูกหลานแต่ก็รักเหมือนญาติสนิท
หญิงสาวมองตอบชายสูงวัยด้วยความซาบซึ้งใจ กราบไปบนตักท่านอีกครั้ง แล้วนั่งลงพับเพียบฟังท่านเล่าเรื่องราวเก่าๆ ให้ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจจนเวลาล่วงผ่านไปหลายชั่วโมงจึงได้เวลาบอกลา เธอใช้ผ้าสีแดงห่อสร้อยข้อมือทองเส้นนั้นอย่างทะนุถนอมแล้วใส่ในหีบไม้แกะสลักใบเล็กของเก่าอายุแปดสิบปีที่ซื้อไว้นานแล้วและพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยตลอดด้วยว่าขนาดของมันกะทัดรัด ลั่นกุญแจเล็กๆ ไว้ด้านนอกแน่นหนาก่อนใส่ไว้ในกระเป๋าแต่ก็ยังไม่สบายใจ ของเก่ามีค่าแบบนี้พกไว้ในกระเป๋าเป้แล้วขับมอเตอร์ไซค์ หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางจะทำอย่างไร
“จะให้เด็กที่ร้านเอาไปส่งให้ไหม” ปู่สุนทรเดาใจเธอออกจึงถามขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่ กัณท่าทางซอมซ่อไม่มีใครรู้หรอกว่าพกสร้อยข้อมือล้อมทับทิม” หญิงสาวหัวเราะขึ้นแล้วบอกลาเจ้าของร้าน ผ่านหน้าลุงอานนท์ที่ยังยุ่งอยู่กับลูกค้าที่วันนี้ดูจะมากเป็นพิเศษ คนเราเมื่อเต็มอิ่มกับวัตถุสมัยใหม่ก็อยากย้อนรอยหาอดีตเก่าๆ เช่นเดียวกับเธอ
หญิงสาวบอกลาลุงอานนท์ เกรงใจอยู่ไม่น้อยที่ปู่สุนทรให้ของมีค่านี้กับเธอ ถึงจะไม่ได้ให้เปล่าแต่ราคาของมันก็ถูกมากหากเทียบกับราคาจริง ไม่รู้ว่าหากลุงอานนท์ทราบว่าเธอซื้อไปในราคาต่ำกว่าทุนเกินครึ่งจะว่าอย่างไร แต่เธอก็อยากได้เกินกว่าจะปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง
กัณฐิกาเดินมาถึงรถ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันเก่งแล้วมุ่นคิ้วก่อนก้มลงมองด้านล่าง พ่นลมหายใจยาวเหยียดเมื่อเห็นว่าล้อรถแบนติดพื้นทั้งสองล้อ
“อะไรเนี่ย” มือเรียววางทาบมาบนหน้าผาก ลุกออกมาแล้วเตะไปยังตัวรถเต็มแรงแล้วต้องสะดุ้งโหยงเมื่อคนที่เจ็บเป็นตัวเอง หันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไร “นังชมพู่ ก่อนมาแกยังดีๆ อยู่เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา”
หญิงสาวเดินวนรอบรถเมื่อไม่เห็นทางเลือกอื่นใดจึงคิดจะย้อนกลับเข้าไปในร้านแต่ผู้ชายที่เธอสุดแสนจะเกลียดขี้หน้าก็โผล่พรวดออกมาราวกับรอจังหวะอยู่แล้ว
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับคุณกัณ” เอกลิขิตถามแล้วยิ้มเผล่เห็นฟันขาวสะอาดแทบจะทุกซี่ทำให้หญิงสาวแอบเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ไม่รู้ทำไมเห็นแล้วเกิดอาการศรศิลป์ไม่อยากจะกินกันมาแต่แรกเห็น ที่สำคัญเขาถือวิสาสะอะไรมาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนมอย่างนี้
“ไม่มี” กัณฐิกาตอบสั้นห้วนทว่าได้ใจความ
“แต่รถคุณยางแบน” เขาทำพยักพเยิดไปยังล้อรถที่แบนติดพื้นทั้งสองล้อของเธอ หญิงสาวมองตามปลดกระเป๋าเป้ที่หลังมากอดแน่นอย่างไม่ไว้ใจพร้อมกันนั้นก็เริ่มหวาดระแวง
ผู้ชายคนนี้เข้ามาหาเธออย่างรู้จังหวะ หรือว่าเขารู้ว่าเธอมีของมีค่าแล้วเป็นคนปล่อยลมรถของเธอ…
“เรื่องของฉัน” เมื่อคิดได้อย่างนั้นหญิงสาวจึงไม่เหลือความเกรงใจเอาไว้ให้ ต้องใช่แน่ เธอเห็นเขาซื้อของเสร็จตั้งนานแล้วแต่กลับยืนรีรออยู่หน้าร้าน ต้องมาดักรอปล้นใครสักคนที่ออกมาจากร้าน และเขาอาจจะรู้ว่าเธอเพิ่งได้สร้อยข้อมือราคาแพงมา
หน้าตาก็ดีไม่น่าคิดหาเงินทางลัดอย่างนี้เลย
ชายหนุ่มถอนหายใจ จากสายตาของเธอเมื่อครู่มีทั้งความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจผสมปนเป ไม่มีส่วนไหนในตัวเขาที่มองแล้วเป็นคนดีเลยสักนิด หน้าตาดีออกขนาดนี้ไม่รู้ว่าเธอมองเขาเป็นผู้ร้ายไปได้อย่างไร
เฮ้อ…หากแม่รู้ว่าลูกชายถูกมองเป็นโจรร้ายไปคงลมแทบจับ
“ผมไปส่งให้เอาไหม” ชายหนุ่มรับอาสา พยายามทำหน้าตาให้ดูซื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใบหน้าออกเหลี่ยมเกลี้ยงเกลา ผิวค่อนไปทางขาว จมูกโด่งรับกับใบหน้าและดวงตาสีสนิม เมื่อมีลักยิ้มบุ๋มทั้งสองข้างจึงส่งผลให้ดูอ่อนเยาว์ยากแก่การคาดเดาอายุ
แต่…คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ถึงจะหล่อระดับขั้นเทพก็ใช่จะไว้ใจได้



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2557, 22:47:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2557, 22:47:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1195





<< ตอนที่ 2 50%   ตอนที่ 2 80% >>
แว่นใส 14 ก.พ. 2557, 12:53:22 น.
เขาคือใครในอดีต


สาริน 14 ก.พ. 2557, 12:55:57 น.
ต้องติดตามค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account