นางฟ้าล่ารัก โดย เทเรน่า
เพราะความที่กรองขวัญอยากเอาชนะมณีมาลาคู่ปรับตลอดกาล
เธอจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่ยอมแพ้....มาเป็นผู้ล่า....
และเป้าหมายก็คือ พิชิตหัวใจหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายอย่างตุลธร….ให้ได้!!
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ที่ผ่านมา กรองขวัญ มักตกเป็นรองและพ่ายแพ้ให้กับ มณีมาลา อยู่เสมอ
คนรักของเธอถูกหล่อนแย่งไป...ทิ้งเพียงความเจ็บปวดร้าวรานไว้ให้
และวันนี้ ตุลธร หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายคือเป้าหมายใหม่ของคู่ปรับ
ฉะนั้น กรองขวัญจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ให้กลายมาเป็นผู้ล่า...
เพื่อพิชิตหัวใจของตุลธร...และเอาชนะมณีมาลา
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่ง
และแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาตีแผ่...
ความรักที่เริ่มก่อตัวจึงพังทลายลงไม่เป็นท่า
ความหวานชื่นกลับกลายเป็นขม...ความรักกลับกลายเป็นความแค้น
เมื่อความรักไม่ได้เริ่มต้นด้วยใจอันบริสุทธิ์
ผลที่ตามมาจึงมีแต่ความเจ็บช้ำที่จำต้องยอมรับ
สุดท้าย...เขาและเธอจะทำเช่นไร
แล้วความรักครั้งนี้ใครเป็นคนล่าหัวใจใคร...
ติดตามบทสรุปของภารกิจล่ารักที่สุดแสนชุลมุนนี้ได้ใน...นางฟ้าล่ารัก
เธอจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่ยอมแพ้....มาเป็นผู้ล่า....
และเป้าหมายก็คือ พิชิตหัวใจหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายอย่างตุลธร….ให้ได้!!
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ที่ผ่านมา กรองขวัญ มักตกเป็นรองและพ่ายแพ้ให้กับ มณีมาลา อยู่เสมอ
คนรักของเธอถูกหล่อนแย่งไป...ทิ้งเพียงความเจ็บปวดร้าวรานไว้ให้
และวันนี้ ตุลธร หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายคือเป้าหมายใหม่ของคู่ปรับ
ฉะนั้น กรองขวัญจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ให้กลายมาเป็นผู้ล่า...
เพื่อพิชิตหัวใจของตุลธร...และเอาชนะมณีมาลา
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่ง
และแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาตีแผ่...
ความรักที่เริ่มก่อตัวจึงพังทลายลงไม่เป็นท่า
ความหวานชื่นกลับกลายเป็นขม...ความรักกลับกลายเป็นความแค้น
เมื่อความรักไม่ได้เริ่มต้นด้วยใจอันบริสุทธิ์
ผลที่ตามมาจึงมีแต่ความเจ็บช้ำที่จำต้องยอมรับ
สุดท้าย...เขาและเธอจะทำเช่นไร
แล้วความรักครั้งนี้ใครเป็นคนล่าหัวใจใคร...
ติดตามบทสรุปของภารกิจล่ารักที่สุดแสนชุลมุนนี้ได้ใน...นางฟ้าล่ารัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 1 100%
“ค่ะ นายหญิง”
“ข้าวโพดล็อตนี้ฝักงาม เม็ดเยอะ เดี๋ยวฉันจะให้คนลงเพิ่ม ให้ทันหน้าหนาว นักท่องเที่ยวคงจะเยอะ” หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่วไร่ข้าวโพดที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่ไกลนั้นคนงานกำลังปลูกต้นไม้ดอกอยู่เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูป
การทำไร่อย่างเดียวในสมัยนี้เห็นจะเอาชนะคู่แข่งไม่ได้ หากมีอะไรดึงดูดให้คนจอดรถเที่ยวชมก็ย่อมได้เปรียบ มีโครงการสารพัดอย่างในหัวเพียงแต่เธอไม่มีเงินมากพอ
เธอเซ็นชื่อในบัญชีที่พนักงานทำไว้ให้แล้วบอกลา เพราะเธอต้องแวะไปยังโรงบ่มไวน์ต่ออีกที่หนึ่งถึงจะเสร็จงานในไร่ของวันนี้ ช่วงเย็นจะได้แวะเข้าเมืองติดต่อเรื่องปุ๋ยล็อตใหม่ที่จะสั่งเข้ามาลงหลุมองุ่นก่อนปลูก
เวลาสำหรับคนอื่นอาจจะเดินไปอย่างเชื่องช้าแต่สำหรับเธอเวลาแต่ละวันช่างผ่านไปรวดเร็ว เผลอไม่ทันไรเวลาก็ผ่านมาจนเธออายุยี่สิบแปดปี เพื่อนในวัยเดียวกันมีคู่กันไปจนหมด หลายครั้งที่เธอได้ยินคนงานเอ่ยถาม
“คุณมณีมาลาไร่ข้างๆ ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า นายหญิงของเราสวยก็สวยกว่า ดีก็ดีกว่าทำไมถึงไม่ยอมมีแฟนเสียทีก็ไม่รู้”
“ก็มันไม่มีคนมาจีบนี่นาอ้อย ถ้ามีละก็จะรีบจับ” เธอว่าแล้วหัวเราะ ปากว่าแต่มือยังทำงาน วันนั้นว่างเธอจึงมาช่วยคนงานเก็บองุ่น
“พูดไปค่ะ คนสวยๆ อย่างนายหญิงผู้ชายที่ไหนก็อยากได้ นายหญิงต่างหากที่ไม่มองใคร” คนงานคนหนึ่งแทรกขึ้นบ้าง
การพูดคุยไปด้วยในระหว่างการทำงานทำให้ไม่รู้สึกว่างานที่ทำเหน็ดเหนื่อย เผลอแป๊บเดียวองุ่นพวงโตก็วางเต็มถาด เธอคัดพันธุ์นี้พิเศษเพื่อทำไวน์ส่งออก
“พอแล้วจ้ะ สรุปว่าเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิด”
“อย่างนั้นเนื้อคู่คุณมณีมาลาคงเกิดมามากไปหน่อย แต่ก็คงแย่งกันเกิดถึงได้ไม่เหลือสักคน”
“พูดเข้า เลิกนินทาได้แล้ว เดี๋ยวแม่มณีมาลาแขนอ่อนก็สะดุ้งจามต่อหน้าหนุ่มๆ เข้าหรอก” กรองขวัญหัวเราะขึ้นแล้วตัดบทด้วยการยกถาดองุ่นไปขึ้นรถกระบะเพื่อเอาไปยังโรงบ่มไวน์
เมื่อนึกถึงมณีมาลากรองขวัญก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เธอกับมณีมาลานั้นจัดเป็นคู่แข่งกันในทุกๆ เรื่อง อายุเท่ากัน เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แทนที่จะผูกสมัครรักใคร่เป็นเพื่อนแต่กลับตรงข้าม อาจเป็นเพราะถูกปลูกฝังมาแต่จำความได้กระมังว่าสองตระกูลไม่ถูกกัน
ปู่เธอทำไร่ดวงตะวันขึ้นมา ทางนั้นก็ทำไร่มณีสวาทเช่นเดียวกัน
ปู่เธอกับปู่ของมณีมาลาเป็นคู่แข่งกันมาแต่รุ่นหนุ่มเพราะรักผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือลีลา ย่าของเธอ ท่านเป็นคนสวยเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ในสมัยนั้นแต่คนที่ชนะใจได้ก็คือปู่เทพของเธอจึงสร้างรอยแผลใจให้กับปู่ชิดของมณีมาลามาก จนแก่ป่านนี้ก็ยังไม่ลดราวาศอกให้กัน
กิจการของปู่เธอเจริญรุ่งเรืองมาก สามารถขยายไร่จากเล็กๆ จนมีหลายร้อยไร่ในเวลาไม่นาน แต่ก็มาตกม้าตายเอาในรุ่นของพ่อเธอ เพราะท่านไม่สนใจการทำไร่ จบบริหารมาแต่ไม่คิดบริหารอะไรนอกจากผลาญเงินที่ปู่เทพหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงจนร่อยหรอ
พ่อของเธอเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ มีสาวๆ มาชอบมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือรัญญา แม่ของมณีมาลา แต่พ่อเธอก็ทิ้งไปจนรัญญาต้องหันไปซบอกมานพพ่อของมณีมาลา ส่วนพ่อเธอหนีไปเรียนต่อเมืองนอก ปู่เทพก็ตามใจเพราะเห็นเป็นลูกชายคนเดียว แต่เรียนไม่ทันจบพ่อก็หอบเธอมาให้ปู่เลี้ยง
เด็กหญิงผิวขาวจัด หน้าตาจิ้มลิ้ม แค่ดูปราดเดียวก็มองออกว่าเป็นลูกผสมของสองชนชาติ หญิงสาวจึงมีความงามคมขำแบบผสมระหว่างตะวันออกกับตะวันตกอย่างลงตัว
เธอไม่เคยเห็นหน้าแม่ ไม่รู้ว่าแม่เป็นใคร เมื่อมีใครชมว่าสวยเธอก็จะตอบว่าสวยเหมือนย่า
หญิงสาวปัดความฟุ้งซ่านให้ออกไปจากสมอง ยื่นบัญชีให้แป๋วแล้วขึ้นหลังม้าโผนทะยานตัดถนนเล็กๆ ของไร่ข้าวโพดกลับไปยังโรงบ่มไวน์
เป็นภาพสง่างดงามจนใครคนหนึ่งอดไม่ไหวที่จะยกกล้องถ่ายรูปในมือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกทำให้คนขับเอี้ยวตัวมามอง
“ถ่ายอะไรของแก” ตุลธรถามขึ้น เจ้าของกล้องจึงชี้มือออกไปนอกกระจกรถ
ตุลธรมองตามก็เห็นแค่เพียงแผ่นหลังตรงสง่าควบม้าออกไปไกลลิบแล้วทิ้งไว้เพียงฝุ่นไล่หลัง
“หุ่นดี” เขาบอกสั้นๆ แล้วละความสนใจเอาไว้แค่นั้น ชะลอรถเพื่อมองไร่ข้าวโพดติดถนนใหญ่ให้ถนัดตา นี่หากได้ที่ดินสักสิบหรือยี่สิบไร่มาทำรีสอร์ตคงจะเหมาะมาก
“ใช่…หุ่นดีแล้วก็ท่าทางจะสวยมากด้วย”
“ท่าทางจะสวย หมายความว่าไงวะ”
“ก็เห็นแค่เสี้ยวเดียวเลยฟันธงไม่ได้ ขนาดเห็นแค่นั้นยังดูสวยสะบัดเลยว่ะ” กันต์นธีมองตามตาปรอย ฝุ่นจากแรงถีบของม้าจึงเห็นเพียงเงาคนบนหลังม้ารางเลือนไปด้วย สายตาเพ้อฝันนั้นทำให้คนขับส่ายหน้า
“ให้มาดูที่ ไม่ได้ให้มาดูผู้หญิง”
“แหม…เจ้านาย มันก็เป็นผลพลอยได้ นางฟ้าผ่านมาให้เห็นก็ต้องมอง ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนเหมือนเจ้านายนะครับ” กันต์นธีหัวเราะแล้วยักคิ้ว
กันต์นธีเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของตุลธร ที่บ้านของเจ้านายอันเป็นเพื่อนสนิทแนบแน่นของเขาทำธุรกิจหลายอย่าง ทำบ้านจัดสรร สร้างคอนโด และกำลังคิดทำรีสอร์ตใกล้เขาใหญ่ เพราะนักท่องเทียวมีตลอดทั้งปี ติดที่ว่ายังหาที่ดินสวยติดภูเขาที่ถูกใจไม่ได้
“ที่แปลงนี้สวย” ชายหนุ่มจอดรถ แล้วสั่งให้ผู้ช่วยถ่ายรูป แต่กันต์นธีหน้านิ่ว
“ถ่ายทำไมวะก็เห็นอยู่ว่าเขาทำไร่ข้าวโพดกันอยู่ ไม่มีใครเขาขายให้หรอก”
“ก็ไม่แน่ หากเราให้ราคางามเขาก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ที่แปลงนี้หากปลูกรีสอร์ตละก็เจ๋งไปเลย ด้านหลังเป็นภูเขา ใกล้แหล่งท่องเที่ยวด้วย”
“กลัวจะโดนเฉ่งมานะสิ”
“ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ เป็นหน้าที่ของนายที่ต้องไปสืบมาว่าใครเป็นเจ้าของที่ แล้วก็อีกที่หนึ่งไร่มณีสวาท ลองติดต่อดูสักหน่อย ขอแบ่งมาแค่นิดหน่อยแต่ให้ราคาสูงๆ เขาก็อาจจะขายให้” ตุลธรสั่งงาน ลูกน้องอย่างเขาจึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแม้ไม่เห็นทางเป็นไปได้ก็ตาม
ตุลธรเป็นคนหัวดื้ออยากได้อะไรแล้วต้องได้อย่างใจ เห็นว่าอำนาจเงินซื้อได้ทุกอย่างแต่เขาเห็นว่างานนี้น่าจะยาก ไร่สวยแบบนี้ใครจะปล่อยขายง่ายๆ
“แต่ก่อนอื่นไปหาอะไรกินในเมืองกันก่อนดีกว่าว่ะ แกใช้งานฉันหนักมาตั้งแต่เช้าแล้ว” ลูกน้องโอดครวญชายหนุ่มจึงผลักไหล่จนหน้าคะมำ
“ฉันนี่เหรอใช้งานแกหนัก ฉันเป็นคนขับรถพาแกตระเวนหาที่ดินทั้งที่ฉันเป็นเจ้านายแก ลืมไปหรือเปล่า”
“เออ…จริงด้วย เอาน่า แกเป็นเจ้านายฉันแต่แกก็เป็นเพื่อนฉันด้วย ฉันเพิ่งหัดขับรถได้ไม่กี่วันก็ไม่อยากให้แกเอาชีวิตมาเสี่ยง เดี๋ยวป๊าแกจะมาว่าฉันเอาได้”
ตุลธรส่ายหน้าให้กับข้อแก้ตัวนั้นแล้วขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อหาอะไรกินตามคำสั่งของลูกน้อง
เอี๊ยด!!
เสียงล้อบดถนนดังขึ้นแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อรถยนต์ของกรองขวัญจูบเข้ากับท้ายรถของคู่กรณีไปเต็มรัก พยายามเบรกแล้วแต่ก็ไม่ทันจนได้เพราะเธอขับรถมาด้วยความเร็วค่อนข้างมากเพราะเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดกับร้านขายปุ๋ยที่ค่อนข้างตรงเวลามากเสียด้วย
คู่กรณีของเธอเป็นชายหนุ่มสองคน ที่อีกคนดูท่าทางใจดีแต่อีกคนหน้าบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์เพราะรถคันนี้เขาเพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูมไม่ถึงสองอาทิตย์ดี ยังรักยังเห่ออยู่แท้ๆ ก็ต้องมาบอบช้ำเพราะฝีมือผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ
“อะไรกันเนี่ยคุณ ท้ายรถผมบุบหมด” ชายหนุ่มบ่นขึ้นแล้วตวัดสายตามามองกรองขวัญที่หน้าเสียอยู่ไม่ไกล รถสปอร์ตคันนี้ราคาน่าจะแพงมากแต่เขาเองก็ผิดที่เบรกกะทันหัน
“รถฉันก็บุบเหมือนกัน”
“เอ๊ะคุณ!” ตุลธรชักหงุดหงิด เธอเป็นคนชนเขาแท้ๆ กลับทำเหมือนตัวเองไม่ผิด
“ใจเย็นๆ น่านายตุล” กันต์นธีแตะแขนเจ้านายเอาไว้ เมื่อมองหญิงสาวคู่กรณีให้ชัดๆ จึงได้เลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงตื่นเต้น
“เจ้าหญิงแสนสวยที่อยู่บนหลังม้า”
“คะ?”
“ผมเห็นคุณที่ไร่ข้าวโพด”
“อ้อ…ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ แล้วมองรอยบุบของรถเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หากเขาเอาเรื่อง เงินในกระเป๋าของเธอคงแฟบไปหลายวัน ช่วงนี้ยิ่งมีภาระค่าใช้จ่ายมากมายหลายทาง
อะไรหนอ…บทจะซวยทำไมถึงได้ซวยพร้อมๆ กันแบบนี้
ส่วนตุลธรก็หงุดหงิดเรื่องรถเกินกว่าจะสนใจความงามของคู่กรณีสาวที่เพื่อนรักถึงขั้นออกปากว่าเป็นเจ้าหญิงแสนสวย
“คุณจะรับผิดชอบยังไง”
“คุณเองก็ผิดที่เบรกกะทันหัน ฉันขับของฉันมาดีๆ มันก็ต้องชนนะสิ” กรองขวัญแก้ หากเธอผิดจริงก็พร้อมจะรับผิดชอบ แต่นี่เธอไม่ได้ผิดคนเดียวสักนิด ต้องผิดด้วยกันต่างคนต่างซ่อมรถตัวเองถึงจะถูก
“ผมแค่ชะลอไม่ได้เบรก”
“ก็นั่นแหละ ชะลอกะทันหันใครจะตั้งตัวทัน หากฉันผิดคุณก็ต้องผิด”
“อะไรกันคุณ คุณเป็นคนชนท้ายรถผมนะ จะโยนความผิดมาให้ผมได้ยังไง” ตุลธรเสียงดัง ผู้หญิงคนนี้ดื้อแพ่งอย่างเหลือร้าย
“ฉันชนคุณฉันผิด” เธอยอมรับทำให้เขาพยักหน้า สีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็เท่านั้น”
“แต่คุณผิดมากกว่าที่ทำให้ฉันชน ดูสิเนี่ย…รถของฉันบุบจนทะเบียนรถหลุด” หญิงสาวชี้มือไปยังหน้ารถตัวเองทำให้ชายหนุ่มต้องมองอย่างคาดไม่ถึง
“นี่คุณโยนความผิดมาให้ผมเหรอ”
“ไม่ได้โยน ก็ของมันเห็นๆ อยู่ คุณ…” กรองขวัญเห็นว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบจึงหันมาหาชายหนุ่มอีกคนที่ท่าทางเป็นมิตรมากกว่า “จริงไหมคุณ…”
“กันต์นธีครับ เรียกผมว่ากันต์ก็ได้”
“ค่ะคุณกันต์ ถึงคุณจะนั่งรถมาด้วยกันกับผู้ชายคนนี้แต่ฉันเชื่อในความยุติธรรมของคุณ คุณก็คิดเหมือนฉันใช่ไหมคะว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนผิด”
“เอ่อ…”
คนกลางอึกอัก นั่นก็เพื่อน นี่ก็ผู้หญิงที่แอบหมายตาเอาไว้ จะพูดอะไรออกไปก็เหมือนน้ำท่วมปากจึงได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ว่าไงนายกันต์ แกลองบอกมาซิว่าใครผิด” ตุลธรกอดอกแต่ออกคำสั่งด้วยสายตา หญิงสาวเองก็มองกันต์นธีด้วยประกายตาบางอย่างที่ทำให้หัวใจชายชาตรีอย่างเขาอ่อนยวบปานขี้ผึ้งถูกลนไฟ
“คือ”
“ว่าไง…”
“ตอบมาเถอะค่ะคุณกันต์ ฉันยอมรับการตัดสินของคุณ เพราะรู้ว่าคุณเป็นคนมีความยุติธรรม” หญิงสาวบอกขึ้นอย่างนั้นทำให้คนกลางปาดเหงื่อ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนสุดจึงได้บอกขึ้น
“ผิดทั้งคู่ครับ”
“ว่าไงนะ”
คู่กรณีทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกัน กันต์ธีจึงยกมือกางออกซ้ายขวาห้ามทัพ
“ฟังก่อนครับ นายตุลผิดที่เบรกหรือชะลอรถก็แล้วแต่แต่มันก็กะทันหันเกินกว่าที่คนขับตามหลังจะเบรกทัน แต่คุณผู้หญิงก็ผิดที่ขับรถมาเร็ว เอาเป็นว่าให้มันแล้วไปนะครับ”
คำตอบนี้ทำให้กรองขวัญพอใจแต่ตุลธรโวยวาย
“ได้ยังไง รถฉันราคาตั้งเท่าไหร่ เทียบอะไรกับรถญี่ปุ่นคันนี้”
“นี่…อย่ามาดูถูกรถของฉันนะ ถึงจะเป็นแค่รถญี่ปุ่นเก่าๆ แต่ฉันก็รักของฉัน หากเทียบคุณค่าทางจิตใจมันมากกว่ารถราคาเป็นล้านของคุณซะอีก”
“แล้วนี่จะเอายังไง ผมว่าเรียกประกันเลยดีกว่า” ตรีธรบอกขึ้นทำให้หญิงสาวหน้าเสีย เหตุเพราะเธอยุ่งจนลืมต่อประกัน พอนึกได้ทีไรก็ลืมเอาทีหลังทุกที
“เอ่อ…”
“นี่อย่าบอกนะว่ารถคุณไม่มีประกัน” ชายหนุ่มเพิ่มความหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก ไม่สนใจว่าเธอจะสะสวยแค่ไหนเพราะสนใจรถราคาแพงของเขามากกว่า
“อย่าขึ้นเสียงกับฉันนะ คุณนี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ค่อยๆ คุยกัน นายตุล….ฉันว่าแกเองก็ผิด ให้มันแล้วกันเถอะนะ” กันต์นธีบอกแล้วขยับเข้ามากระซิบ “ถือว่าเห็นแก่ความสวยของเธอ”
“แต่รถฉัน…”
“คุณผู้หญิงครับ รถคุณเองก็บุบไปมากแต่ก็ไม่มากไปกว่ารถของเพื่อนผม ผมว่าต่างคนต่างซ่อมยุติธรรมดีไหมครับ” กันต์นธีหันมาหาคู่กรณีสาว หญิงสาวจึงพยักหน้า
“แบบนี้ก็ดีค่ะ ยุติธรรมดี”
“นี่นะเหรอยุติธรรม” ตุลธรส่ายหน้า แต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำเพราะถึงอย่างไรเจ้าเพื่อนตัวดีของเขาก็เข้าข้างเจ้าหล่อนอยู่ดี
“เอาน่า…เพื่อมิตรภาพ” คนกลางพยายามไกล่เกลี่ยแต่คู่กรณีทั้งสองมองหน้ากันราวกับขยะแขยงคำว่ามิตรภาพที่กันต์นธีว่า
“คุณกันต์นี่เป็นคนดีจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับความยุติธรรมของคุณ ถ้าเดาไม่ผิดคุณต้องทำอาชีพทนายความแน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ”
คนถูกชมเกาท้ายทอยทำหน้าเขินๆ แล้วส่ายหน้า
“เปล่าหรอกครับ ผมเป็นผู้ช่วยของนายตุล อ้อ…เพื่อนผมชื่อตุลธรนะครับ แล้วคุณ…”
“กรองขวัญค่ะ เรียกขวัญเฉยๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หญิงสาวยื่นมือออกไปก่อน กันต์นธีเช็ดมือกับกางเกงแล้วจับมือตอบ มองเธอตาหวานเชื่อมจนตุลธรหมั่นไส้
“ไหนว่าหิว จะไปได้หรือยัง”
“ตอนนี้อิ่มแล้ว”
“ตามใจ งั้นฉันไปกินคนเดียว” ตุลธรว่าแล้วทำท่าจะผละจากไปขึ้นรถจริงๆ กันต์นธีจึงคว้าชายเสื้อเอาไว้แล้วกระทุ้งศอกเข้าใส่
“พวกเรากำลังจะไปกินข้าวกัน เชิญคุณขวัญด้วยนะครับ”
กรองขวัญมองหน้าตุลธร เห็นท่าทางหยิ่งยโสของเขาแล้วก็ยิ่งหมั่นไส้หนักกว่าเดิม จึงหันมาส่งยิ้มหวานให้กับกันต์นธีแทน
“ต้องขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณกันต์นะคะ แต่ขวัญมีธุระต้องทำหลายอย่าง ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ อ้อ…เพื่อตอบแทนในความมีน้ำใจของคุณ ถ้าว่างเชิญทานอาหารที่บ้านนะคะ ว่างวันไหนโทรหาขวัญได้ตลอดเวลา ” หญิงสาวเปิดประตูรถเพื่อหยิบนามบัตรขนาดครึ่งฝ่ามือส่งให้กับเขา
กันต์นธีรับมาด้วยความดีใจแล้วโค้งตัวลงต่ำ
“ไปแน่ๆ ครับ”
“อย่างนั้นขอตัวนะคะ” หญิงสาวเอ่ยลากันต์นธี แต่ไม่แม้แต่จะปรายตามองตุลธร ผู้ชายที่เธอเห็นว่าไร้ความเป็นสุภาพบุรุษที่สุด
ผู้ชายอะไร…ตัวเป็นคนผิดแท้ๆ
หญิงสาวขึ้นรถแล้วขับออกไป สู้อุตส่าห์ประหยัดแทบตายต้องมาซวยเพราะเขา ค่าซ่อมรถบุบไปเท่านี้ก็คงเกือบหมื่น ดูเถอะทำประกันชั้นหนึ่งเอาไว้มาหลายปีไม่เคยมีปัญหาให้ต้องเคลม พอลืมแค่สามเดือนเท่านั้นได้เรื่อง
นายตุลธรเธอจะจำชื่อนี้ให้ขึ้นใจ
เมื่อรถญี่ปุ่นของกรองขวัญเคลื่อนผ่านออกไป ตุลธรจึงตบไหล่เพื่อนจนหลังกระแทกกับตัวรถด้วยความเจ็บใจแล้วชี้มือไปยังร่องรอยบุบสลาย
“แกดูซิว่ารถฉันเป็นยังไง เห็นผู้หญิงสวยหน่อยเป็นไม่ได้”
“เออน่า….แกก็ออกจะรวยล้นฟ้า แค่เงินซ่อมรถไม่กี่หมื่นเอง อีกอย่างแกเองก็ผิดเหมือนกัน”
“นี่ถ้าแกบอกว่าฉันผิดอีกคำเดียวฉันจะให้แกเป็นคนจ่ายค่าซ่อมรถให้” ตุลธรชี้หน้าอย่างคาดโทษ ผู้ช่วยคนสนิทจึงบีบนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ
“ใจเย็นน่าเจ้านาย ถือว่าเห็นแก่ความรักของเพื่อน ฉันชอบคุณขวัญจริงๆ นะโว้ย หลงรักตั้งแต่แรกเห็น ร่างสวยสง่าทรงตัวอยู่บนหลังม้า เหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ ผู้งามสง่า” กันต์นธีทำหน้าเพ้อฝันแต่ตุลธรส่ายหน้า
ที่จริงเขาก็เห็นว่าเจ้าหล่อนสวยดีอยู่หรอก หากเจอกันที่อื่นไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้เขาก็อาจจะชอบเธอเหมือนกับเพื่อนสนิทเขาแล้วก็ได้ หากตัดความหงุดหงิดออกไปกรองขวัญก็สวยชวนให้ผู้ชายตะลึงลานอยู่เหมือนกันแต่พอเอาเรื่องวันนี้เข้ามาตัดสิน ความสวยของเธอจึงเหลือแค่เพียง ‘พอดูได้’
“อย่ามัวแต่เพ้อ ฉันหิว” ตุลธรเดินหน้ามุ่ยกลับไปขึ้นรถ แล้วกระชากออกไป รถสปอร์ตคันสวยชวนให้อวดสาวๆ ของเขาเป็นแค่เหล็กบุบๆ เบี้ยวๆ ก็เพราะเธอ แม่กรองขวัญจอมดันทุรัง
“ข้าวโพดล็อตนี้ฝักงาม เม็ดเยอะ เดี๋ยวฉันจะให้คนลงเพิ่ม ให้ทันหน้าหนาว นักท่องเที่ยวคงจะเยอะ” หญิงสาวกวาดสายตามองไปทั่วไร่ข้าวโพดที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่ไกลนั้นคนงานกำลังปลูกต้นไม้ดอกอยู่เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูป
การทำไร่อย่างเดียวในสมัยนี้เห็นจะเอาชนะคู่แข่งไม่ได้ หากมีอะไรดึงดูดให้คนจอดรถเที่ยวชมก็ย่อมได้เปรียบ มีโครงการสารพัดอย่างในหัวเพียงแต่เธอไม่มีเงินมากพอ
เธอเซ็นชื่อในบัญชีที่พนักงานทำไว้ให้แล้วบอกลา เพราะเธอต้องแวะไปยังโรงบ่มไวน์ต่ออีกที่หนึ่งถึงจะเสร็จงานในไร่ของวันนี้ ช่วงเย็นจะได้แวะเข้าเมืองติดต่อเรื่องปุ๋ยล็อตใหม่ที่จะสั่งเข้ามาลงหลุมองุ่นก่อนปลูก
เวลาสำหรับคนอื่นอาจจะเดินไปอย่างเชื่องช้าแต่สำหรับเธอเวลาแต่ละวันช่างผ่านไปรวดเร็ว เผลอไม่ทันไรเวลาก็ผ่านมาจนเธออายุยี่สิบแปดปี เพื่อนในวัยเดียวกันมีคู่กันไปจนหมด หลายครั้งที่เธอได้ยินคนงานเอ่ยถาม
“คุณมณีมาลาไร่ข้างๆ ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า นายหญิงของเราสวยก็สวยกว่า ดีก็ดีกว่าทำไมถึงไม่ยอมมีแฟนเสียทีก็ไม่รู้”
“ก็มันไม่มีคนมาจีบนี่นาอ้อย ถ้ามีละก็จะรีบจับ” เธอว่าแล้วหัวเราะ ปากว่าแต่มือยังทำงาน วันนั้นว่างเธอจึงมาช่วยคนงานเก็บองุ่น
“พูดไปค่ะ คนสวยๆ อย่างนายหญิงผู้ชายที่ไหนก็อยากได้ นายหญิงต่างหากที่ไม่มองใคร” คนงานคนหนึ่งแทรกขึ้นบ้าง
การพูดคุยไปด้วยในระหว่างการทำงานทำให้ไม่รู้สึกว่างานที่ทำเหน็ดเหนื่อย เผลอแป๊บเดียวองุ่นพวงโตก็วางเต็มถาด เธอคัดพันธุ์นี้พิเศษเพื่อทำไวน์ส่งออก
“พอแล้วจ้ะ สรุปว่าเนื้อคู่ฉันยังไม่เกิด”
“อย่างนั้นเนื้อคู่คุณมณีมาลาคงเกิดมามากไปหน่อย แต่ก็คงแย่งกันเกิดถึงได้ไม่เหลือสักคน”
“พูดเข้า เลิกนินทาได้แล้ว เดี๋ยวแม่มณีมาลาแขนอ่อนก็สะดุ้งจามต่อหน้าหนุ่มๆ เข้าหรอก” กรองขวัญหัวเราะขึ้นแล้วตัดบทด้วยการยกถาดองุ่นไปขึ้นรถกระบะเพื่อเอาไปยังโรงบ่มไวน์
เมื่อนึกถึงมณีมาลากรองขวัญก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เธอกับมณีมาลานั้นจัดเป็นคู่แข่งกันในทุกๆ เรื่อง อายุเท่ากัน เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แทนที่จะผูกสมัครรักใคร่เป็นเพื่อนแต่กลับตรงข้าม อาจเป็นเพราะถูกปลูกฝังมาแต่จำความได้กระมังว่าสองตระกูลไม่ถูกกัน
ปู่เธอทำไร่ดวงตะวันขึ้นมา ทางนั้นก็ทำไร่มณีสวาทเช่นเดียวกัน
ปู่เธอกับปู่ของมณีมาลาเป็นคู่แข่งกันมาแต่รุ่นหนุ่มเพราะรักผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือลีลา ย่าของเธอ ท่านเป็นคนสวยเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ในสมัยนั้นแต่คนที่ชนะใจได้ก็คือปู่เทพของเธอจึงสร้างรอยแผลใจให้กับปู่ชิดของมณีมาลามาก จนแก่ป่านนี้ก็ยังไม่ลดราวาศอกให้กัน
กิจการของปู่เธอเจริญรุ่งเรืองมาก สามารถขยายไร่จากเล็กๆ จนมีหลายร้อยไร่ในเวลาไม่นาน แต่ก็มาตกม้าตายเอาในรุ่นของพ่อเธอ เพราะท่านไม่สนใจการทำไร่ จบบริหารมาแต่ไม่คิดบริหารอะไรนอกจากผลาญเงินที่ปู่เทพหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงจนร่อยหรอ
พ่อของเธอเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ มีสาวๆ มาชอบมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือรัญญา แม่ของมณีมาลา แต่พ่อเธอก็ทิ้งไปจนรัญญาต้องหันไปซบอกมานพพ่อของมณีมาลา ส่วนพ่อเธอหนีไปเรียนต่อเมืองนอก ปู่เทพก็ตามใจเพราะเห็นเป็นลูกชายคนเดียว แต่เรียนไม่ทันจบพ่อก็หอบเธอมาให้ปู่เลี้ยง
เด็กหญิงผิวขาวจัด หน้าตาจิ้มลิ้ม แค่ดูปราดเดียวก็มองออกว่าเป็นลูกผสมของสองชนชาติ หญิงสาวจึงมีความงามคมขำแบบผสมระหว่างตะวันออกกับตะวันตกอย่างลงตัว
เธอไม่เคยเห็นหน้าแม่ ไม่รู้ว่าแม่เป็นใคร เมื่อมีใครชมว่าสวยเธอก็จะตอบว่าสวยเหมือนย่า
หญิงสาวปัดความฟุ้งซ่านให้ออกไปจากสมอง ยื่นบัญชีให้แป๋วแล้วขึ้นหลังม้าโผนทะยานตัดถนนเล็กๆ ของไร่ข้าวโพดกลับไปยังโรงบ่มไวน์
เป็นภาพสง่างดงามจนใครคนหนึ่งอดไม่ไหวที่จะยกกล้องถ่ายรูปในมือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกทำให้คนขับเอี้ยวตัวมามอง
“ถ่ายอะไรของแก” ตุลธรถามขึ้น เจ้าของกล้องจึงชี้มือออกไปนอกกระจกรถ
ตุลธรมองตามก็เห็นแค่เพียงแผ่นหลังตรงสง่าควบม้าออกไปไกลลิบแล้วทิ้งไว้เพียงฝุ่นไล่หลัง
“หุ่นดี” เขาบอกสั้นๆ แล้วละความสนใจเอาไว้แค่นั้น ชะลอรถเพื่อมองไร่ข้าวโพดติดถนนใหญ่ให้ถนัดตา นี่หากได้ที่ดินสักสิบหรือยี่สิบไร่มาทำรีสอร์ตคงจะเหมาะมาก
“ใช่…หุ่นดีแล้วก็ท่าทางจะสวยมากด้วย”
“ท่าทางจะสวย หมายความว่าไงวะ”
“ก็เห็นแค่เสี้ยวเดียวเลยฟันธงไม่ได้ ขนาดเห็นแค่นั้นยังดูสวยสะบัดเลยว่ะ” กันต์นธีมองตามตาปรอย ฝุ่นจากแรงถีบของม้าจึงเห็นเพียงเงาคนบนหลังม้ารางเลือนไปด้วย สายตาเพ้อฝันนั้นทำให้คนขับส่ายหน้า
“ให้มาดูที่ ไม่ได้ให้มาดูผู้หญิง”
“แหม…เจ้านาย มันก็เป็นผลพลอยได้ นางฟ้าผ่านมาให้เห็นก็ต้องมอง ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนเหมือนเจ้านายนะครับ” กันต์นธีหัวเราะแล้วยักคิ้ว
กันต์นธีเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของตุลธร ที่บ้านของเจ้านายอันเป็นเพื่อนสนิทแนบแน่นของเขาทำธุรกิจหลายอย่าง ทำบ้านจัดสรร สร้างคอนโด และกำลังคิดทำรีสอร์ตใกล้เขาใหญ่ เพราะนักท่องเทียวมีตลอดทั้งปี ติดที่ว่ายังหาที่ดินสวยติดภูเขาที่ถูกใจไม่ได้
“ที่แปลงนี้สวย” ชายหนุ่มจอดรถ แล้วสั่งให้ผู้ช่วยถ่ายรูป แต่กันต์นธีหน้านิ่ว
“ถ่ายทำไมวะก็เห็นอยู่ว่าเขาทำไร่ข้าวโพดกันอยู่ ไม่มีใครเขาขายให้หรอก”
“ก็ไม่แน่ หากเราให้ราคางามเขาก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ที่แปลงนี้หากปลูกรีสอร์ตละก็เจ๋งไปเลย ด้านหลังเป็นภูเขา ใกล้แหล่งท่องเที่ยวด้วย”
“กลัวจะโดนเฉ่งมานะสิ”
“ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ เป็นหน้าที่ของนายที่ต้องไปสืบมาว่าใครเป็นเจ้าของที่ แล้วก็อีกที่หนึ่งไร่มณีสวาท ลองติดต่อดูสักหน่อย ขอแบ่งมาแค่นิดหน่อยแต่ให้ราคาสูงๆ เขาก็อาจจะขายให้” ตุลธรสั่งงาน ลูกน้องอย่างเขาจึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแม้ไม่เห็นทางเป็นไปได้ก็ตาม
ตุลธรเป็นคนหัวดื้ออยากได้อะไรแล้วต้องได้อย่างใจ เห็นว่าอำนาจเงินซื้อได้ทุกอย่างแต่เขาเห็นว่างานนี้น่าจะยาก ไร่สวยแบบนี้ใครจะปล่อยขายง่ายๆ
“แต่ก่อนอื่นไปหาอะไรกินในเมืองกันก่อนดีกว่าว่ะ แกใช้งานฉันหนักมาตั้งแต่เช้าแล้ว” ลูกน้องโอดครวญชายหนุ่มจึงผลักไหล่จนหน้าคะมำ
“ฉันนี่เหรอใช้งานแกหนัก ฉันเป็นคนขับรถพาแกตระเวนหาที่ดินทั้งที่ฉันเป็นเจ้านายแก ลืมไปหรือเปล่า”
“เออ…จริงด้วย เอาน่า แกเป็นเจ้านายฉันแต่แกก็เป็นเพื่อนฉันด้วย ฉันเพิ่งหัดขับรถได้ไม่กี่วันก็ไม่อยากให้แกเอาชีวิตมาเสี่ยง เดี๋ยวป๊าแกจะมาว่าฉันเอาได้”
ตุลธรส่ายหน้าให้กับข้อแก้ตัวนั้นแล้วขับรถมุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อหาอะไรกินตามคำสั่งของลูกน้อง
เอี๊ยด!!
เสียงล้อบดถนนดังขึ้นแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อรถยนต์ของกรองขวัญจูบเข้ากับท้ายรถของคู่กรณีไปเต็มรัก พยายามเบรกแล้วแต่ก็ไม่ทันจนได้เพราะเธอขับรถมาด้วยความเร็วค่อนข้างมากเพราะเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดกับร้านขายปุ๋ยที่ค่อนข้างตรงเวลามากเสียด้วย
คู่กรณีของเธอเป็นชายหนุ่มสองคน ที่อีกคนดูท่าทางใจดีแต่อีกคนหน้าบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์เพราะรถคันนี้เขาเพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูมไม่ถึงสองอาทิตย์ดี ยังรักยังเห่ออยู่แท้ๆ ก็ต้องมาบอบช้ำเพราะฝีมือผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ
“อะไรกันเนี่ยคุณ ท้ายรถผมบุบหมด” ชายหนุ่มบ่นขึ้นแล้วตวัดสายตามามองกรองขวัญที่หน้าเสียอยู่ไม่ไกล รถสปอร์ตคันนี้ราคาน่าจะแพงมากแต่เขาเองก็ผิดที่เบรกกะทันหัน
“รถฉันก็บุบเหมือนกัน”
“เอ๊ะคุณ!” ตุลธรชักหงุดหงิด เธอเป็นคนชนเขาแท้ๆ กลับทำเหมือนตัวเองไม่ผิด
“ใจเย็นๆ น่านายตุล” กันต์นธีแตะแขนเจ้านายเอาไว้ เมื่อมองหญิงสาวคู่กรณีให้ชัดๆ จึงได้เลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงตื่นเต้น
“เจ้าหญิงแสนสวยที่อยู่บนหลังม้า”
“คะ?”
“ผมเห็นคุณที่ไร่ข้าวโพด”
“อ้อ…ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ แล้วมองรอยบุบของรถเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หากเขาเอาเรื่อง เงินในกระเป๋าของเธอคงแฟบไปหลายวัน ช่วงนี้ยิ่งมีภาระค่าใช้จ่ายมากมายหลายทาง
อะไรหนอ…บทจะซวยทำไมถึงได้ซวยพร้อมๆ กันแบบนี้
ส่วนตุลธรก็หงุดหงิดเรื่องรถเกินกว่าจะสนใจความงามของคู่กรณีสาวที่เพื่อนรักถึงขั้นออกปากว่าเป็นเจ้าหญิงแสนสวย
“คุณจะรับผิดชอบยังไง”
“คุณเองก็ผิดที่เบรกกะทันหัน ฉันขับของฉันมาดีๆ มันก็ต้องชนนะสิ” กรองขวัญแก้ หากเธอผิดจริงก็พร้อมจะรับผิดชอบ แต่นี่เธอไม่ได้ผิดคนเดียวสักนิด ต้องผิดด้วยกันต่างคนต่างซ่อมรถตัวเองถึงจะถูก
“ผมแค่ชะลอไม่ได้เบรก”
“ก็นั่นแหละ ชะลอกะทันหันใครจะตั้งตัวทัน หากฉันผิดคุณก็ต้องผิด”
“อะไรกันคุณ คุณเป็นคนชนท้ายรถผมนะ จะโยนความผิดมาให้ผมได้ยังไง” ตุลธรเสียงดัง ผู้หญิงคนนี้ดื้อแพ่งอย่างเหลือร้าย
“ฉันชนคุณฉันผิด” เธอยอมรับทำให้เขาพยักหน้า สีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็เท่านั้น”
“แต่คุณผิดมากกว่าที่ทำให้ฉันชน ดูสิเนี่ย…รถของฉันบุบจนทะเบียนรถหลุด” หญิงสาวชี้มือไปยังหน้ารถตัวเองทำให้ชายหนุ่มต้องมองอย่างคาดไม่ถึง
“นี่คุณโยนความผิดมาให้ผมเหรอ”
“ไม่ได้โยน ก็ของมันเห็นๆ อยู่ คุณ…” กรองขวัญเห็นว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบจึงหันมาหาชายหนุ่มอีกคนที่ท่าทางเป็นมิตรมากกว่า “จริงไหมคุณ…”
“กันต์นธีครับ เรียกผมว่ากันต์ก็ได้”
“ค่ะคุณกันต์ ถึงคุณจะนั่งรถมาด้วยกันกับผู้ชายคนนี้แต่ฉันเชื่อในความยุติธรรมของคุณ คุณก็คิดเหมือนฉันใช่ไหมคะว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนผิด”
“เอ่อ…”
คนกลางอึกอัก นั่นก็เพื่อน นี่ก็ผู้หญิงที่แอบหมายตาเอาไว้ จะพูดอะไรออกไปก็เหมือนน้ำท่วมปากจึงได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ว่าไงนายกันต์ แกลองบอกมาซิว่าใครผิด” ตุลธรกอดอกแต่ออกคำสั่งด้วยสายตา หญิงสาวเองก็มองกันต์นธีด้วยประกายตาบางอย่างที่ทำให้หัวใจชายชาตรีอย่างเขาอ่อนยวบปานขี้ผึ้งถูกลนไฟ
“คือ”
“ว่าไง…”
“ตอบมาเถอะค่ะคุณกันต์ ฉันยอมรับการตัดสินของคุณ เพราะรู้ว่าคุณเป็นคนมีความยุติธรรม” หญิงสาวบอกขึ้นอย่างนั้นทำให้คนกลางปาดเหงื่อ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนสุดจึงได้บอกขึ้น
“ผิดทั้งคู่ครับ”
“ว่าไงนะ”
คู่กรณีทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกัน กันต์ธีจึงยกมือกางออกซ้ายขวาห้ามทัพ
“ฟังก่อนครับ นายตุลผิดที่เบรกหรือชะลอรถก็แล้วแต่แต่มันก็กะทันหันเกินกว่าที่คนขับตามหลังจะเบรกทัน แต่คุณผู้หญิงก็ผิดที่ขับรถมาเร็ว เอาเป็นว่าให้มันแล้วไปนะครับ”
คำตอบนี้ทำให้กรองขวัญพอใจแต่ตุลธรโวยวาย
“ได้ยังไง รถฉันราคาตั้งเท่าไหร่ เทียบอะไรกับรถญี่ปุ่นคันนี้”
“นี่…อย่ามาดูถูกรถของฉันนะ ถึงจะเป็นแค่รถญี่ปุ่นเก่าๆ แต่ฉันก็รักของฉัน หากเทียบคุณค่าทางจิตใจมันมากกว่ารถราคาเป็นล้านของคุณซะอีก”
“แล้วนี่จะเอายังไง ผมว่าเรียกประกันเลยดีกว่า” ตรีธรบอกขึ้นทำให้หญิงสาวหน้าเสีย เหตุเพราะเธอยุ่งจนลืมต่อประกัน พอนึกได้ทีไรก็ลืมเอาทีหลังทุกที
“เอ่อ…”
“นี่อย่าบอกนะว่ารถคุณไม่มีประกัน” ชายหนุ่มเพิ่มความหงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก ไม่สนใจว่าเธอจะสะสวยแค่ไหนเพราะสนใจรถราคาแพงของเขามากกว่า
“อย่าขึ้นเสียงกับฉันนะ คุณนี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ค่อยๆ คุยกัน นายตุล….ฉันว่าแกเองก็ผิด ให้มันแล้วกันเถอะนะ” กันต์นธีบอกแล้วขยับเข้ามากระซิบ “ถือว่าเห็นแก่ความสวยของเธอ”
“แต่รถฉัน…”
“คุณผู้หญิงครับ รถคุณเองก็บุบไปมากแต่ก็ไม่มากไปกว่ารถของเพื่อนผม ผมว่าต่างคนต่างซ่อมยุติธรรมดีไหมครับ” กันต์นธีหันมาหาคู่กรณีสาว หญิงสาวจึงพยักหน้า
“แบบนี้ก็ดีค่ะ ยุติธรรมดี”
“นี่นะเหรอยุติธรรม” ตุลธรส่ายหน้า แต่ก็คร้านจะต่อปากต่อคำเพราะถึงอย่างไรเจ้าเพื่อนตัวดีของเขาก็เข้าข้างเจ้าหล่อนอยู่ดี
“เอาน่า…เพื่อมิตรภาพ” คนกลางพยายามไกล่เกลี่ยแต่คู่กรณีทั้งสองมองหน้ากันราวกับขยะแขยงคำว่ามิตรภาพที่กันต์นธีว่า
“คุณกันต์นี่เป็นคนดีจริงๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับความยุติธรรมของคุณ ถ้าเดาไม่ผิดคุณต้องทำอาชีพทนายความแน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ”
คนถูกชมเกาท้ายทอยทำหน้าเขินๆ แล้วส่ายหน้า
“เปล่าหรอกครับ ผมเป็นผู้ช่วยของนายตุล อ้อ…เพื่อนผมชื่อตุลธรนะครับ แล้วคุณ…”
“กรองขวัญค่ะ เรียกขวัญเฉยๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หญิงสาวยื่นมือออกไปก่อน กันต์นธีเช็ดมือกับกางเกงแล้วจับมือตอบ มองเธอตาหวานเชื่อมจนตุลธรหมั่นไส้
“ไหนว่าหิว จะไปได้หรือยัง”
“ตอนนี้อิ่มแล้ว”
“ตามใจ งั้นฉันไปกินคนเดียว” ตุลธรว่าแล้วทำท่าจะผละจากไปขึ้นรถจริงๆ กันต์นธีจึงคว้าชายเสื้อเอาไว้แล้วกระทุ้งศอกเข้าใส่
“พวกเรากำลังจะไปกินข้าวกัน เชิญคุณขวัญด้วยนะครับ”
กรองขวัญมองหน้าตุลธร เห็นท่าทางหยิ่งยโสของเขาแล้วก็ยิ่งหมั่นไส้หนักกว่าเดิม จึงหันมาส่งยิ้มหวานให้กับกันต์นธีแทน
“ต้องขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณกันต์นะคะ แต่ขวัญมีธุระต้องทำหลายอย่าง ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ อ้อ…เพื่อตอบแทนในความมีน้ำใจของคุณ ถ้าว่างเชิญทานอาหารที่บ้านนะคะ ว่างวันไหนโทรหาขวัญได้ตลอดเวลา ” หญิงสาวเปิดประตูรถเพื่อหยิบนามบัตรขนาดครึ่งฝ่ามือส่งให้กับเขา
กันต์นธีรับมาด้วยความดีใจแล้วโค้งตัวลงต่ำ
“ไปแน่ๆ ครับ”
“อย่างนั้นขอตัวนะคะ” หญิงสาวเอ่ยลากันต์นธี แต่ไม่แม้แต่จะปรายตามองตุลธร ผู้ชายที่เธอเห็นว่าไร้ความเป็นสุภาพบุรุษที่สุด
ผู้ชายอะไร…ตัวเป็นคนผิดแท้ๆ
หญิงสาวขึ้นรถแล้วขับออกไป สู้อุตส่าห์ประหยัดแทบตายต้องมาซวยเพราะเขา ค่าซ่อมรถบุบไปเท่านี้ก็คงเกือบหมื่น ดูเถอะทำประกันชั้นหนึ่งเอาไว้มาหลายปีไม่เคยมีปัญหาให้ต้องเคลม พอลืมแค่สามเดือนเท่านั้นได้เรื่อง
นายตุลธรเธอจะจำชื่อนี้ให้ขึ้นใจ
เมื่อรถญี่ปุ่นของกรองขวัญเคลื่อนผ่านออกไป ตุลธรจึงตบไหล่เพื่อนจนหลังกระแทกกับตัวรถด้วยความเจ็บใจแล้วชี้มือไปยังร่องรอยบุบสลาย
“แกดูซิว่ารถฉันเป็นยังไง เห็นผู้หญิงสวยหน่อยเป็นไม่ได้”
“เออน่า….แกก็ออกจะรวยล้นฟ้า แค่เงินซ่อมรถไม่กี่หมื่นเอง อีกอย่างแกเองก็ผิดเหมือนกัน”
“นี่ถ้าแกบอกว่าฉันผิดอีกคำเดียวฉันจะให้แกเป็นคนจ่ายค่าซ่อมรถให้” ตุลธรชี้หน้าอย่างคาดโทษ ผู้ช่วยคนสนิทจึงบีบนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ
“ใจเย็นน่าเจ้านาย ถือว่าเห็นแก่ความรักของเพื่อน ฉันชอบคุณขวัญจริงๆ นะโว้ย หลงรักตั้งแต่แรกเห็น ร่างสวยสง่าทรงตัวอยู่บนหลังม้า เหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ ผู้งามสง่า” กันต์นธีทำหน้าเพ้อฝันแต่ตุลธรส่ายหน้า
ที่จริงเขาก็เห็นว่าเจ้าหล่อนสวยดีอยู่หรอก หากเจอกันที่อื่นไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้เขาก็อาจจะชอบเธอเหมือนกับเพื่อนสนิทเขาแล้วก็ได้ หากตัดความหงุดหงิดออกไปกรองขวัญก็สวยชวนให้ผู้ชายตะลึงลานอยู่เหมือนกันแต่พอเอาเรื่องวันนี้เข้ามาตัดสิน ความสวยของเธอจึงเหลือแค่เพียง ‘พอดูได้’
“อย่ามัวแต่เพ้อ ฉันหิว” ตุลธรเดินหน้ามุ่ยกลับไปขึ้นรถ แล้วกระชากออกไป รถสปอร์ตคันสวยชวนให้อวดสาวๆ ของเขาเป็นแค่เหล็กบุบๆ เบี้ยวๆ ก็เพราะเธอ แม่กรองขวัญจอมดันทุรัง
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.พ. 2557, 22:44:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.พ. 2557, 22:44:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 953
<< ตอนที่ 1 40% | ตอนที่ 2 50% >> |
tookta 14 ก.พ. 2557, 23:01:50 น.
สนุกค่ะ เเค่ตอนเเรกก็อยากให้รวมเล่มขายเสียเเล้ว
สนุกค่ะ เเค่ตอนเเรกก็อยากให้รวมเล่มขายเสียเเล้ว
สาริน 14 ก.พ. 2557, 23:21:55 น.
วางจำหน่ายแล้วค่า สำนักพิมพ์สมาร์ทบุ๊ค ^^ ฝากอุดหนุนด้วยนะคะ
วางจำหน่ายแล้วค่า สำนักพิมพ์สมาร์ทบุ๊ค ^^ ฝากอุดหนุนด้วยนะคะ
สาริน 14 ก.พ. 2557, 23:30:37 น.
เข้าดูที่เพจสมาร์ทบุ๊กได้เลยค่า
เข้าดูที่เพจสมาร์ทบุ๊กได้เลยค่า
ree 18 เม.ย. 2557, 02:17:46 น.
ขับรถชนท้าย ยังไงก็เสียเปรียบ ว่าตามกฎหมายไทยนะ
ขับรถชนท้าย ยังไงก็เสียเปรียบ ว่าตามกฎหมายไทยนะ