เกมรักกับดักพิศวาส (สนพ.มายเลิฟ)

Tags: นิยายรัก,นายแบบ

ตอน: ตอนที่ 11

ตอนที่ 11

สองร่างที่นอนกอดกันตัวเปลือยเปล่าแทบไม่สะดุ้งสะเทือนกับเสียงนาฬิกาปลุกแม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบบ่ายสองแล้วก็ตามที มันดังอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเงียบไปและกลับมาดังอีกครั้งในอีกสิบนาทีต่อมา คราวนี้บุษบันถึงได้รู้สึกตัวงัวเงียลุกขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุก ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งทั้งที่ปกติเธอไม่ใช่คนขี้เซาถ้านาฬิกาปลุกแล้วตื่นก็คือตื่นเลยไม่มีการอ้อยอิ่ง แต่วันนี้ต่างออกไปเพราะเธอเพลียจริงๆ

บุษบันนอนอ้อยอิ่งมองคนที่นอนหลับอยู่ข้างกายอย่างไม่รีบร้อนอะไรวันนี้ไปทำงานช่วงเย็น ปกติก็ตั้งเวลาเผื่ออยู่แล้วจะเรื่อยเปื่อยอีกนิดก็ไม่ใช่ปัญหา

“จ้องมากๆ ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะครับ”

เปลือกตาที่ปิดสนิทเมื่อครู่ลืมพรึบขึ้นมาพร้อมกับคำเอ่ยล้อของบอลด์วินทำให้บุษบันที่จ้องชายหนุ่มอย่างพิจารณาหลบตาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทบไม่ทัน

“ใครเขาจองคุณกัน”

“อ้าว ผมรู้สึกว่ามีคนจ้องผมแบบโลมเลียเมื่อครู่คือคุณเสียอีก สงสัยเป็นผีสาวแถวๆ นี่แน่เลย”

“พูดดีๆ ใครจ้องคุณแบบโลมเลีย” แม้ตอนแรกจะปฏิเสธแต่พอถูกใส่ร้ายคนปากแข็งก็ร้อนตัวขึ้นมาทันที

“ร้อนตัวแบบนี้แสดงว่าแอบมองจริงๆ ใช้ไหม” ชายหนุ่มที่ใบหน้ายังแนบอยู่กับหมอนใบโตพลิกมามองเจ้าของร่างบางที่ลุกขึ้นนั่งตาพราวระยับ

“ฉันไม่คุยกับคนหลงตัวเองอย่างคุณแล้ว จะบ่ายสองอยู่แล้วไม่กลับบ้านหรือไงคะ”

“ไม่”

“แต่ฉันว่าคุณควรกลับนะคะ น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบเสื้อผ้าก็ไม่มีจะเปลี่ยน”

พูดถึงเรื่องอาบน้ำบุษบันเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกับผู้ชายที่นอนหลับตาพริ้มยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ตอนนี้ยังไม่ได้อาบน้ำกันตั้งเมื่อคืนแถมตอนนี้ก็เกือบบ่ายสองเข้าไปแล้ว…

“วันนี้คุณมีงานไหม” เขาถามไปอีกเรื่อง

“มีค่ะ เดี๋ยวเย็นๆ ก็ออกไปแล้วค่ะ”

“ผมจะไปส่งคุณเองนะ”

พูดเสียงอ้อนพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นมากอดร่างบางจากด้านหลัง จูบที่ต้นคอเบาๆ แต่ก็เล่นเอาคนโดนจูบถึงกับขนลุกซู่

“คุณไม่มีงานหรือไงคะ”

“วันนี้ไม่มี ก็บอกแล้วไงว่าผมจะเลิกเดินแบบ ช่วงนี้เลยไม่รับงานเพิ่ม งานเลยน้อย แต่ก็ดีเพราะผมจะได้มีเวลาอยู่กับคุณเยอะๆ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันว่าจะขับรถไปเอง”

“ที่หมอนั่นคุณให้ไปรับไปส่ง ที่ผมคุณปฏิเสธ” เสียงอ้อนๆแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเข้มดุอยางไม่พอใจที่หญิงสาวให้ความสำคัญคนอื่นมากกว่าตัวเอง

“นั่นน่ะมันเป็นเรื่องที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ต่างหากล่ะคะ”

“ปฏิเสธไม่ได้หรือไม่ปฏิเสธกันแน่” ยิ่งพูดถึงบุคคลที่สามอย่างอริญชย์ บอลด์วินก็ยิ่งเดือดมากขึ้นอีกเท่าตัว

“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตามข้อตกลงมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณไม่ใช่เหรอคะ เราจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน”

บุษบันตอกย้ำข้อตกลงระหว่างกันให้ชายหนุ่มฟังอีกครั้ง และนั่นทำให้ท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนของอีกฝ่ายดูสงบลง

“เอาเป็นว่าผมขอโทษ ที่ละเมิดข้อตกลง แต่วันนี้ผมว่างจริงๆ ไม่รู้จะไปไหนให้ผมไปส่งคุณที่ทำงานนะๆ” บุษบันคว้าผ้าห่มพันตัวแล้วจะเดินหนี แต่บอลด์วินไม่ยอมแพ้กระโดลงจากเตียงไปยืนขวางทั้งที่ตัวล่อนจ้อน

“ว๊าย! อีตาบ้าไร้ยางอาย แต่งตัวแล้วรีบกลับบ้านไปเลยนะ” แม้จะไม่ใช่เพิ่งจะมีอะไรกันเป็นครั้งแรกแต่ประเภทที่มายืนตัวเปล่าต่อหน้ามันยังไม่ชิน

“ไม่กลับ” นอกจากไม่อายแล้วชายหนุ่มยังยืนกางขากอดอกและอมยิ้มขำคนขี้อายตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ฉันไม่ยอมให้ผู้ชายมานอนรออยู่ที่ห้องหรอกนะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่งคุณที่ทำงานแล้วถึงจะกลับน่ะ”

บอกเสียงอ่อนพลางเดินไปอีกทางที่บุษบันเบือนหน้าหนี และด้วยความอ่อนใจกับหลายๆ อย่างรวมถึงความไร้ยางอายของผู้ชายคนนี้ทำให้บุษบันต้องตกลง

“ก็ได้ๆ แต่คุณจะไปชุดเดิมเนี่ยนะ”

“ผมไม่ซกมกขนาดนั้นหรอกน่า เดินทางบ่อยผมมีเสื้อผ้าในรถอยู่สี่ห้าชุด คุณอาบน้ำไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวผมลงไปเอา” พูดจบก็หมุนตัวจะเดินไปเปิดประตูทั้งอย่างนั้นเล่นเอาบุษบันร้องห้ามแทบไม่ทัน

“เฮ้ยๆ คุณจะไปทั้งอย่างนั้นเลยเหรอ” บอลด์วินหันกลับมายิ้มแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งเกลื่อนพื้นมาใส่พร้อมกับบอกอย่าอารมณ์ดีว่า

“เปล่าแค่อยากรู้ว่าคุณกำลังแอบดูผมอยู่หรือเปล่าเท่านั้นเอง”

“บ้า!” คนโดนรู้ทันตีหน้าบึ้งแล้วสะบัดหน้าเดินหนีเข้าห้องน้ำไปอย่างอายๆ ที่โดนรู้ทัน



บอลด์วินเคลื่อนรถเข้ามาจอดเป็นจังหวะเดียวกับที่รถเก๋งสีขาวอีกคนวิ่งตามหลังไปจอดในล็อคถัดไปและเจ้าของรถคันนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

“พี่ซีนี่ ฉันลงจากรถแล้วคุณกลับไปเลยนะ”

บุษบันที่จำรถของอีกฝ่ายได้รีบบอกสารภีที่ตื้อจะมาส่งด้วยสีหน้ากังวล ไม่ใช่อะไรเธอขี้เกียจหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองและไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเธอกับนายแบบหนุ่มถูกเปิดเผย

“อื้อ” บอลด์วินเองก็นับปากอย่างว่าง่ายไม่แม้แต่จะถามหาเหตุผลนั่นทำให้บุษบันหันไปยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ

“ขอบคุณค่ะ ฉันไปนะคะ”

บุษบันลงจากรถแล้วคิดว่าจะรีบเดินให้พ้นรัศมีสายตาของอโรชาทว่า เพียงแค่เดินผละออกมาอโรชาที่ลงจากรถหันมาเจอเธอเข้าพอดิบพอดี

“สวัสดีค่ะพี่ซี” และเมื่อเลี่ยงไม่ได้บุษบันจึงตัดสินใจทักเสียเลย

“อ้าวบุษ ขับรถมาเองเหรอวันนี้”

“เปล่าค่ะ ไปธุระกับเพื่อนมาเลยให้เพื่อนมาส่งนะคะ”

พูดพลางเข้าไปเกาะแขนอีกฝ่ายแล้วรีบพาเดินออกไปจากบริเวณลานจอดรถ อย่างพยายามจะไม่เหียวหลังกลับไปมองให้มีพิรุธ ทว่า

“บุษ…”

เสียงเรียกที่แนจะคุ้นเคยทำให้คนถูกเรียกหยุดชะงักพร้อมกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ และกะว่าจะไม่หันกลับไปมอง “ผ้าเช็ดหน้าคุณหล่นบนรถน่ะ” แต่ผู้ประสงค์ดีที่หวังจะออกนามก็ก้าวยาวไปดักหนาพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าลายตารางสีเทา ซึ่งดูยังไงๆ มันก็ผ้าเช็ดหน้าผู้ชายไปให้บุษบัน

“นี่มัน…”

บุษบันที่ไม่ทันจะปฏิเสธ บอลด์วินที่เหมือนจะเตรียมการมาอย่างดีก็แสร้งตกใจหันไปทักทายอโรชาที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ บุษบัน

“อ้าว สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ คุณมาส่งยัยบุษเหรอคะ”

ถามเสียงเรียบพยายามเก็บอาการอยากรู้ตามประสาคนเข้าข้างน้งชายและอาการไม่พอใจเอาไว้ให้มากที่สุด

“ครับ และกำลังว่าจะกลับ แต่พอดีเห็นผ้าเช็ดหน้าบุษหล่นอยู่บนรถกลัวไม่มีใช้เลยเอามาคืน ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปนะครับ บุษครับเดี๋ยวเลิกงานผมมารับนะ” และก่อนไปก็ไม่ลืมทิ้งระเบิดลูกโตเอาไว้แล้วรีบเดินยิ้มจ้ำอ้าวออกไปแบบไม่เหลียวหลัง

“ดะ…เดี๋ยวสิ”

บุษบันที่หวังจะเดินตามไปต่อว่าชายหนุ่มที่เธออุตส่าห์บอกแล้วว่าให้กลับไปทันที แต่นี่เขากลับลงจากรถเพื่อเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมายัดเยียดให้เป็นของเธอ แต่อโรชากลับรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

“เพื่อนที่ว่านี่คือนายแบบสุดหล่อคนนี้เองเหรอบุษ”

“ก็…ค่ะ บังเอิญเจอหลังจากกลับทำธุระ” บุษบันพยายามตอบแบบที่คิดว่าไม่ให้อีกฝ่ายถามหรือสงสัยต่อ

“ช่างเถอะ จะยังไงมันก็เรื่องส่วนตัวของบุษ แต่พี่อยากเตือนด้วยความหวังดีนะว่าระวังตัวด้วยล่ะ คนเหล่านี้เขามีหน้าตาเป็นอาวุธ หน้าตาดีใช่นิสัยจะดีเหมือนหน้าตา ไอ้ที่หล่อๆ ทำผู้หญิงน้ำตาเช็ดหัวเขามานักต่อนัก”

“ค่ะ”

“ไม่โกรธพี่นะ พี่เตือนเพราะหวังดี” เธอไม่ได้โกหกหวังดีจริงๆ ไม่อยากให้บุษบันโดนหลอกและไม่อยากให้น้องชายผิดหวัง

“ไม่หรอกค่ะ รู้ว่าพี่ซีหวังดีกับบุษจริงๆ”

“งั้นเลิกงานเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

อาสาทั้งที่ก่อนหน้าได้ยินเต็มสองหูว่าบอลด์วินบอกบุษบันว่าจะมารับหลังเลิกงาน แต่ของแบบนี้มันไม่แน่ไม่นอนหรอก

“เอ่อ…คือ…”

แม้บอลด์วินจะมัดมือชกเรื่องการมารับหลังเลิกงานแต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้เลยวาดีใจ แต่จะให้ปฏิเสธอโรชาก็เกรงใจ

และดูเหมือนอโรชาจะรู้จึงแสร้งทำเป็นพูดเหมือนเข้าใจและยอมเสียสละแม้จะไม่อยากทำก็ตามที วิธีมักจะได้ผลนักเชียว

“ขอโทษทีพี่ลืมไปว่าเขาจะมารับใช่ไหม”

“มะ…ไม่ใช่นะคะ บุษแค่คิดว่าจะกลับเองดีกว่า”

“ก็เขาบอกว่าจะมารับไม่ใช่เหรอ” อโรชายังย้ำเพื่อต้องการ จะรู้ว่าบุษบันนั้นจะปฏิเสธบอลด์วินให้เด็ดขาด

“เดี๋ยวบุษโทร.บอกเขาก็ได้ค่ะว่าไม่ต้องมา”

“จะดีเหรอ ปฏิเสธนายแบบรูปหล่อเชียวนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะจริงๆ แล้วบุษก็กะว่าจะกลับเองอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่เหมือนโดนแกล้งมัดมือชกปฏิเสธไม่ทันเท่านั้นเองคะ” คราวแทนที่จะยืนคุยบุษบันกลับพูดไปเดินไปหวังในใจว่าเมื่อถึงที่ทำงานการคุยเรื่องนี้คงจะจบ

“พี่ตามใจบุษแล้วกัน พี่ว่าบุษน่าจะขับรถมาเองดีไหมหรือไม่ก็โทร.บอกพี่ พี่จะแวะไปรับ ทางเดียวกันไปด้วยกันประหยัดดี”

“ไม่ดีกว่าค่ะเกรงใจพี่ซี ช่วงนี้รู้สึกบุษจะรบกวนพี่บ่อยเกินไปแล้ว และตั้งใจเอาไว้แล้วว่าตั้งแต่พรุ่งนี้จะขับรถมาเองแล้วค่ะ”

ไม่อยากบอกหรอกว่าที่จริงตั้งใจจะเริ่มขับรถมาทำงานเองตั้งแต่วันนี้ด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ไม่อยากบอกเลยว่าชีวิตรู้สึกจะวุ่นวายกว่าเดิมเยอะ

“พี่ตามใจบุษก็แล้วกันนะ จะสายแล้วรีบไปเตรียมงานดีว่า”

“ค่ะ”



แล้วหลังเลิกงานบอลด์วินก็มารับบุษบันกลับตามที่ได้รับปากไว้ แม้ไม่ได้โทร.บอกเวลาล่วงหน้าแต่เขาก็มีเพื่อนนายแบบที่เดินงานนี้เลยพอรู้ว่างานเริ่มและเสร็จเวลาไหนจึงคาดเดาได้ไม่อยากกับการที่จะขับรถมารอรับบุษบัน

“ฉันคิดว่า ฉันโทร.บอกคุณแล้วนะว่าไม่ต้องมารับ” บุษบันบอกอย่างหงุดหงิดเมื่อโผล่หน้าออกมาก็เจอนายแบบหนุ่มนั่งหน้าสลอนรออยู่

“ผมรับรู้ แต่ไม่รับปากนี้ว่าจะไม่มา”

“ฉันจะกลับเอง”

“ดูเวลาบ้างนี้มันดึกแล้วนะ ผมไม่ยอมให้คุณกลับคนเดียวเด็ดขาด”

ไม่พูดเปล่าเขายังลากเธอเดินไปที่รถ แม้บุษบันพยายามจะขัดขืนแต่แรงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอหรือจะสู้แรงผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขาได้

“งั้นฉันจะกลับกับพี่ซี”

บอลด์วินหยุดเดินแม้อีกไม่ไกลก็จะถึงรถแล้วหันมาเลิกคิ้วมองบุษบันที่สะบัดแขนออกจากการเกาะกุม แล้วกอดอกเชิดหน้าใส่เขา

“เอาตามความรู้สึกจริงๆ นะ คุณทำงานเหนื่อยไหม”

“ก็เหนื่อย” ตอบทั้งที่งงว่าจู่ๆ ทำไมเขาถามเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับเรื่องท่กำลังคุยกันอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

“นั่นไง แล้วพี่ซีของคุณเขาจะไม่เหนื่อยเหรอ เหนื่อยจากงานแล้วยังต้องขับรถไปส่งคุณที่บ้านอีก ทางเดียวกันจะไม่ว่า แต่นี่มันคนละทิศเลยนะคุณ หัดเกรงใจพี่เขาบ้างถึงเขาจะใจดีก็เถอะ”

เล่นหยิบเอาเหตุผลนี้ขึ้นมาอ้างบุษบันก็ถึงกับเถี่ยงไม่ออก ก็มันเรื่องจริงคอนโดเธอกับบ้านอโรชาอยู่คนละทิศละทางกันเลยต้องขับรถย้อนไปย้อนมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากยอมแพ้ผู้ชายคนนี้

“งั้นฉันก็ต้องเกรงใจคุณ”

“โอ๊ะๆ สำหรับผมไม่ต้องเกรงใจ เพราะวันนี้ผมว่าง กลางวันก็นอนทั้งวันมาแล้ว และที่สำคัญผมไม่ต้องเสียเวลาขับรถย้อนกลับไปกลับมาด้วย ผมจะค้างกับคุณที่ห้อง”

ท้ายประโยคเขาก้มมากระซิบเสียงแผ่วเบาน้ำเสียงชวนหลงใหล แต่เรื่องอะไรเธอจะหลงใหลไปกับเรื่องนี้ด้วย

“ไม่ได้!”

“ก็นานๆ ที”

“เมื่อคืนเพิ่งค้างไปนี่”

“น่าผมค้างแค่คืนนี้แหละ พรุ่งนี้บ่ายๆ กับมะรืนนี้ผมก็มีคิวงานคงไม่ว่างมาหาคุณ”

“ไม่มาเลยยิ่งดี”

“ไม่คิดถึงเลยเหรอ” เขาเอียงหน้าถามพลางกะพริบตาปริบๆ ดูแล้วชวนหมั่นไส้มากกว่าน่าสงสาร

“บ้า จะคิดถึงทำไมไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”

“ก็นั่นสินะ พวกเราก็แค่เซ็กเฟร์น คบกันเพื่อความสนุกแล้วทำไมเราไม่สนุกกับมัน จริงไหม”

**************************************************************************************************

เรื่องนี้วาแผงแล้วนะคะ ตามหาจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ 7-11 ทั่วประเทศจ้า
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ (^_/\_^)
เกศมณี



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2557, 19:04:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2557, 19:04:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1573





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
แว่นใส 15 ก.พ. 2557, 19:43:02 น.
นายช่างคิดนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account