เกมรักกับดักพิศวาส (สนพ.มายเลิฟ)
Tags: นิยายรัก,นายแบบ
ตอน: ตอนที่ 12
ตอนที่ 12
แม้จะตั้งใจขับรถไปทำงานเองแต่บุษบันก็ทำได้เฉพาะวันที่บอลด์วินมีงานเท่าไหร่ ซึ่งก็น้อยมากเพราะอย่างที่รู้กันว่าช่วงนี้ชายหนุ่มไม่รับงานเพิ่มนอกจากงานที่รับเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ที่ว่างบอลด์วินก็จะมาค้างและยึดกุญแจรถบังคับไปส่งเธอถึงที่ทำงานประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน
“คุณไม่ค่อยกลับไปนอนที่บ้าน พ่อแม่คุณไม่ว่าอะไรเลยเหรอคะ”
บุษบันที่นั่งเงียบมาเกือบครึ่งทางถามคล้ายอ่อนใจระคนอยากรู้ หลังจากที่หลายวันมานี้เธอไม่สามารถปฏิเสธบอลด์วินเรื่องการไปรับมาส่งเธอที่ทำงานได้เลยม้แต่ครั้งเดียว ถึงอย่างนั้นเธอกับเขาก็ยังเถียงกันเรื่องนี้อยู่ได้ทุกวัน
“จะว่าอะไรล่ะครับ ผมสามสิบกว่าแล้วนะครับไม่ใช่เพิ่งสิบสาม” บอลด์วินตอบเสียงกลั้วหัวเราะพลางปรายตามองบุษบันที่หันมาเบ้ปากใส่แล้วเบือนหน้าหนี
“ก็ใครจะไปรู้ละคะ ก็คุณเล่นมาค้างกับฉันทุกวัน ที่ถามก็กลัวคนที่บ้านเป็นห่วงเดี๋ยวจะหาว่าฉันเป็นต้นเหตุ”
“ไม่มีใครว่าคุณหรอกครับ เพราะปกติผมก็มั้งค้างที่คอนโดส่วนตัวมากกว่าที่บ้านอยู่แล้ว แต่จะว่าไปช่วงนี้ผมก็กลับบ่อยกว่าแต่ก่อนเยอะนะ และวันนี้ผมก็ว่าระหว่างที่รอคุณเลิกงานผมจะกลับบ้านเสียหน่อยพ่อโทร.มาบ่นแต่เช้า”
“นั่นไง โตแค่ไหนพ่อแม่ก็ห่วงอยู่เหมือนเดิมแหละ”
“แล้วคุณล่ะมาอยู่คนเดียวพ่อแม่ไม่หวงหรือไง” ชายหนุ่มหันมาถามอย่างสนใจ เพราะจะว่าไปแล้วเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของบุษบันเลย
“โดนบ่นประจำแหละค่ะ ว่ามาเป็นผู้หญิงมาอยู่ตัวคนเดียวมันอันตราย ท่านอยากให้กลับไปอยู่ที่บ้านกับท่านมากกว่านะคะ”
บอกพลางถอนหายใจ แต่ก็มียิ้มที่อาบอยู่บนใบหน้าที่แสดงถึงความสุขเวลาได้เอ่ยถึงครอบครัว พลอยทำให้บอลด์วินที่หันมาเจอพอดีเผลอยิ้มตามไปด้วย
“แล้วทำไมคุณไม่ตามใจท่านล่ะครับ”
“เอาไว้ให้แก่ตัวก่อนดีกว่าคะ ตอนนี้ยังมีกำลังอยากทำงานเก็บเงินเอาไว้เยอะๆ และอีกอย่างฉันก็ยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ยังไม่อยากเลิก”
“ทำงานเก็บเงิน นี่คุณไม่คิดจะหาใครสักคนมาดูแลเลยหรือไง” ถามแล้วก็หูผึ่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“แหม…ไอ้อยากมีมันก็อยากมีอยู่หรอก แต่ของแบบนี้ใช่จะหากันได้ง่ายๆ ผู้ชายสมัยนี้ยิ่งดูยาก” บุษบันหมายถึงในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือว่าการเป็นชายแท้ ซึ่งสมัยนี้ต้องยอมรับว่าดูยากจริงๆ
“ผมไงดูง่ายออก” ว่าพลางเสยผมขยับคอเสื้อ
“ค่ะง่าย ดูแค่หางตาก็รู้ว่าเจ้าชู้”
“แสดงว่าไม่รู้จริง” ชายหนุ่มบอกเสียงเยาะ
“แล้วเรื่องจริงที่ว่าเป็นยังไงล่ะคะ” บุษบันก็ถามอย่างรู้สึกสนุกมากกว่าจริงจัง เพราะดูยังไงๆ ผู้ชายคนนี้ก็เจ้าชู้ตัวพ่ออยู่แล้ว
“คุณอาจจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินใครพูดมาว่าผมเปลี่ยนผู้หญิงบ่อย แต่คุณคงไม่รู้สิว่า ผมถึงจะคบเล่นๆ หรือจริงจังผมก็คบทีละคนนะครับ ใครไม่พอใจเลิก เลิกผมก็หาคนใหม่”
บอกอย่างภูมิอกภูมิใจในความจริงใจของตนเอง แต่คนฟังอย่างบุษบันกลับรู้สึกว่ามันขัดแย้งกันเองแปลกๆ
“คบจริงจัง แต่คบคนใหม่ได้เร็วขนาดนั้น”
“เพราะที่ผ่านมาผมยังไม่เคยคบจริงจังสักคนต่างหากเล่า และผู้หญิงเองผมก็รู้สึกนะว่าเขาไม่ได้จริงจังกับผมเหมือนกัน” เขาไม่ได้เข้าข้างหรือพูดให้ตัวเองดูดีแต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“ไม่จริงหรอกมั้ง จากที่คุณคบมาฉันว่ามีผู้หญิงเหล่านั้นเกินกว่าครึ่งอยากจริงจังกับคุณ แต่คุณสิไม่คิดจริงจังกับพวกเธอ” บุษบันก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่เป็นหนึ่งในผู้หญิงเหล่านั้น
“อ้าว เหรอผมไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย สงสัยยังไม่เจอคนที่ใช่มั้ง” เขาพูดติดตลกพร้อมกับตีโค้งวิ่งเข้าลานจอดรถ
“ถ้ายังทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยอยู่อย่างนี้ชาตินี้คงเจอคนที่ใช่หรอก” บุษบันบอกเสียงขึ้นจมูกอย่างหมั่นไส้
“รู้ได้ไงว่าผมยังไม่เจอ”
บุษบันอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนสงบสติอารมณ์ที่มันวิ่งพล่านอยู่ภายในใจเมื่อรู้ว่าบอลด์วินอาจจะเจอคนที่ถูกใจแล้ว เธอไม่ควรแสดงท่าทีเจ็บปวดหรือเสียใจให้ชายหนุ่มได้เห็น แต่ส่งที่ควรทำตามกติกาคือ
“งั้นความสัมพันธ์ของเราจบกันแค่นี้” พูดจบก็เปิดประตูจะลงจากรถ แต่บอลด์วินก็รีบคว้าต้นแขนกลมกลึงเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวๆ สิคุณ จู่ๆมาตัดสัมพันธ์กันง่ายๆ อย่างนี้ได้ไง”
“ก็ตามข้อตกลง ใครเจอคนที่ใช่ ระหว่างเราถือว่าจบ” บุษบันหันมามองคู่สนทนาแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีพร้อมทั้งสะบัดให้หลุดออกจากมือใหญ่
“ใครเจอคุณเหรอ” เขายังมีอารมณ์ถามกลับมาอย่างล้อเลียน
“อย่ามาทำเป็นไก๋ คุณเพิ่งบอกว่าคุณเจอคนที่ใช่แล้ว”
“เมื่อไหร่ ตอนไหน กี่โมง กี่นาที กี่วินาที”
“อย่ามากวนทำเป็นความจำไม่ดี ก็คุณบอกเองเมื่อกี้ว่า ฉันรู้ได้ไงว่าคุณยังไม่เจอคนที่ใช่” จากที่พยายามสงบสติอารมณืบุษบันก็เริ่มที่จะเสียงดังมากขึ้น
“แค่นี้คุณก็ตีความหมายว่าผมเจอใช่ไหม”
“หรือไม่ใช่”
“ไม่ใช่” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงสูง
“แต่…”
“ผมแค่ถามว่าคุณรู้ได้ไงว่าผมยังไม่เจอ ไม่ได้หมายความว่าผมเจอแล้ว เอ…ดูท่าคุณอยากจะสลัดผมออกไปจากชีวิตเหลือเกิน เพราะไอ้หมอนั่นใช่ไหม” บอลด์วินขยายความในคำพูดของตัวเอง ก่อนจะมาจบลงที่การหาเรื่องบุษบัน
“หมอไหน”
“เพื่อนสนิทของคุณไง” จากน้ำเสียงและท่าทางบุษบันพอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มคงหมายถึงอริญชย์อย่างไม่ต้องสงสัย
“ก็บอกว่าแค่เพื่อนสนิท”
“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อล่ะสิ รู้หรอกน่า”
“อย่างนั้นเหรอคะ น่าสนใจดี”
บุษบันยิ้มรับแล้วเออออรับอย่างเห็นด้วย ก่อนจะรีบลงจากรถก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยแย้งเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ขัดตา
บอลด์วินที่วันนี้อารมณ์ดีรับปากคนเป็นพ่อว่าจะเข้าไปมาหาที่บริษัท ต้องกลับกลายเป็นอารมณ์เสียเมื่อทุกไม่ได้ดั่งใจ เดินเข้าห้องทำงานผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เฮ้ย! มีใครบังคับให้แกมาที่นี่หรือเปล่า”
นั่นคือเสียงทักทายจากเจ้าของห้องที่ทำให้คนโดนทักยิ่งหน้าบึ้งหนักขึ้นไปอีกและก็ยังเงียบคนเป็นพ่อจึงถามต่อ
“อารมณ์ไม่ดีเพราะงานหรือผู้หญิง”
“เปล่าครับ แค่เข้ามาที่นี้แล้วรู้สึกอึดอัดกับสายตาพนักงานที่มองมากไปหน่อย” บอลด์วินจำต้องหาแก้ตัวอะไรสักอย่างมาทั้งที่รู้ว่ามันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
“ต่างกันตรงไหน แล้วไอ้ที่แกไปเดินแบบใส่แค่กางเกงในตัวเดียวไม่มีคนมองหรือไง”
“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ”
“ข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้น และที่สำคัญวันนี้แกบอกพ่อว่าจะมาที่บริษัทเอง”
“ก็พ่อโทร.ตามผม” แย้งด้วยท่าทีเซ็งๆ พลางเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
“ฉันโทร.หาเฉยๆ เป็นห่วงเห็นไม่กลับบ้านหลายวันนึก กลัวโดนแกถูกลวงไปฆ่าข่มขืน” ถึงคนเป็นลูกจะดูอารมณ์เสีย แต่คนเป็นพ่อก็พูดล้ออย่างอารมณ์ดี
“พูดไปเรื่อย”
“แล้วจุดประสงค์ที่แกอยากมาที่บริษัทวันนี้เพราะ…” เรื่องนี้ท่านถามเพราะอยากรู้จริงๆ
“ก็ผมว่างๆ เลยอยากมาดูงานว่าวันๆ พ่อทำอะไรบ้างก็เท่านั้นเองครับ”
“อยากมาเรียนรู้งานก่อนเวลาว่างั้นเถอะ ไม่น่าเชื่อ” กลายเป็นว่าคนเป็นพ่อที่ถามอย่างแปลกใจถึงกับต้องลุกจากโต๊ะทำงานมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ลูกชาย
“งั้นผมกลับก็ได้”
บอลด์วินที่เหมือนมาให้คุณพ่อปั่นหัวเล่นไม่คิดอยากจะอยู่ต่อแล้วอยากจะกลับบ้านไปนอนหรือไม่ก็ไปเดินแกร่วในห้างฆ่าเวลาระหว่างรอบุษบันเลิกงาน
“เฮ้ยๆๆ ล้อเล่นน่า ไหนก็มาแล้วก็เอาซะหน่อย เริ่มจากการทัวร์บริษัทก่อนแล้วกัน”
“โอเคครับ”
แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ และอีกไม่นานก็จะต้องมาทำงานที่นี่อยู่แล้วก็ดูซะหน่อย
หลังจากทัวร์รอบๆบริษัทโดยมีคนเป็นพ่ออาสาเป็นไกด์แนะนำส่วนต่างๆ พร้อมทั้งแนะนำพนักงานทุกคนให้รู้จักลูกชายสุดหล่อที่ทำให้พนักงานสาวๆ มองตาปรอยหวานฉ่ำตามเป็นแถวๆ แถมมีหลายคนจำชายหนุ่มได้ส่วนมากจะเป็นสาวๆ ถึงกับเผลอกรี๊ดออกมาอย่างลืมตัว เล่นเอาไกด์จำเป็นมึนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตำหนิลูกชายแต่อย่างได้เพราะว่ากันตามจริงมันไม่ใช่ความผิดของบอลด์วินด้วยซ้ำ และตัวชายหนุ่มเองก็ถือว่าวางตัวได้อย่างเหมาะสม
“เป็นบริษัทที่การทำงานดูเป็นระบบระเบียบดีนะครับไม่น่าเชื่อว่าเกือบจะเคยล้มมาก่อน”
“เรื่องนั้นต้องขอบคุณพี่เขยเราที่เขาเข้ามาช่วยจัดการดูแลจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและมั่นคงจนทุกวันนี้” นายสุชายหมายถึงสามีของลูกเลี้ยงที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษถาวรแล้ว นานๆ จะมาเที่ยวเมืองไทยที
“ช่วงนี้เวลาว่างแกเยอะไม่ใช่เหรอ ถ้าขยันก็ลองแวะๆ เข้ามาช่วยงานพ่อก่อนเวลาก็ได้นะ”
“เอาไว้ดูก่อนแล้วกันครับ ไม่อยากรับปากเพราะเวลาว่างของช่วงนี้ ผมอยากเที่ยวเล่นให้หน่ำใจก่อนจะที่เวลาทั้งหมดมันจะถูกพันธนาการด้วยคำว่างาน”
ได้ยินอย่างนี้นายสุชายก็พอจะยิ้มออก การไม่ตอบรับหรือปฏิเสธทำให้ท่านพอจะมีความหวังว่าลูกชายอาจจะนึกครึ้มอกครึ้มใจมาเรียนรู้วานจากท่านก่อนเวลาที่กำหนดก็เป็นได้
“แล้วเย็นนี้จะกลับไปทานข้าวที่บ้านไหม”
“ไม่ละครับ ผมมีนัดแล้ว”
“กับผู้หญิงอีกล่ะสิ” คนเป็นพ่อบ่นเสียงเบื่อหน่ายพลางส่ายหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้
“ก็ไม่แปลกนี่ครับ”
“มันก็ไม่แปลกหรอก แต่เมื่อไหร่จะมีคนที่จริงจังด้วยเสียที อายุแกก็เยอะแล้วนะ”
และนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ท่านและภรรยาห่วง อยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีเผื่อนิสัยอย่างทุกวันนี้มันจะได้หยุดเสียที
“เยอะที่ไหนกันผมเพิ่งจะสามสิบนิดๆ เองครับ”
“สามสิบกว่าๆ ก็ถือว่าเยอะแล้ว ลูกชายบ้านอื่นรุ่นราวคราวเดียวกับแกมีลูกมีเมียก็แยะ แต่ลูกชายบ้านนี้อะไรก็ไม่รู้ลอยเป็นพ่อพวงมาลัยไปวันๆ”
“โธ่พ่อ ของแบบนี้มันก็ต้องเลือกเฟ้นดีๆ กันหน่อย เจอแล้วคว้าเหมือนคู่นอนได้ที่ไหนกันเล่า”
ก็หาข้ออ้างไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีผู้หญิงอย่างที่ว่ามาหลุดมาถึงมือเขาหรือเปล่า ที่ผ่านๆ มาก็พวกเดียวกันรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน…แล้วบุษบันล่ะ บอลด์วินฉุกคิด และเป็นจังหวะเดียวกับที่คนเป็นพ่อถามขึ้นมาพอดี
“แล้วคนทุกวันนี้ไม่ดีหรือไง”
คนถูกถามเลยคิดหนัก ถามว่าดีไหมตอบได้ทันทีเลยว่าดีเลยล่ะ บุษบันไม่เหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆ มา รู้จักกันมาได้ระยะหนึ่งรู้ได้เลยว่าเธอยังไม่เดียงสาเท่าไหร่ ยังไม่ได้สักเสี้ยวของเขาที่ประสบการณ์โชกโชนผ่านมร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
และในขณะที่คิดพิจารณาถึงบุษบันผู้หญิงคนปัจจุบันของตนอย่างเพลินๆ พ่อที่ยืนรอฟังคำตอบก็หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วถามยิ้มๆ ว่า
“เอาแล้วไง ทำหน้าคิดหนัก”
“เปล่าซะหน่อย ผมแค่คิดว่าระหว่างผมกับเธอความสัมพันธ์อย่างตอนนี้เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว”
บอลด์วินแก้ตัวพลางหลบสายตาหยิบน้ำที่เลขาของพ่อนำมาเสิร์ฟก่อนหน้าไม่นานขึ้นดื่มอักๆ ราวกับคนอดน้ำมาเป็นวันๆ
“อาจจะดีสำหรับแก แต่ผู้หญิงเขาอาจจะไม่ดีด้วยก็ได้”
ท่านเดาตามประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา ผู้หญิงแม้ส่วนใหญ่จะบอกว่าแค่สนุกไม่จริงจัง แต่ใจจริงแล้วก็อยากจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของผู้ชายที่ตัวเองผูกพันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางความรู้สึกหรือเหตุผลจากวัตถุเงินทองของอีกฝ่าย
“ไม่มีทางครับ เพราะเงื่อนไขความสัมพันธ์เธอเป็นคนกำหนดเอง ไม่ใช่ผมซะหน่อย” ชายหนุ่มปฏิเสธพร้อมกับวางแก้วเปล่าในมือลง ขณะที่มือีกข้างโบกไหวประกอบคำพูด
ทำเอาคนเป็นพ่อที่ยืนกอดอกพิงขอบโต๊ะทำงานเลิกคิ้วแวเดินตรงเข้ามานั่งลงข้างๆ ลูกชายอย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้จะยังไม่รรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขของลูกสาวกับหญิงสาวอีกคน แต่เงื่อนไขความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยมันก็คงไม่มีอะไรแปลกหรือแตกต่างไปจากการสนุกแต่ไม่ผูกพันหรอกมัน ก็มันเหมือนเป็นกฏสากลไปแล้วด้วยซ้ำ
“อย่างนี้ก็เข้าทางแกเลยสิ คงไม่เคยทำผิดเงื่อนไขเลยสิท่า”
“ก็มั้งครับ”
บอลด์วินรับเสียงแผ่วไม่กล้าตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ใครจะกล้บอกล่ะว่าก็เขานี่แหละที่ชอบแหกเงื่อนไขประจำ ว่าจะไม่แล้วเชียวแต่เห็นบุษบันกับไอ้หมอนั่นทีไรมันอดไม่ได้ ขวางหูขวางตาเป็นบ้า
“แกนี่มันจริงๆ เลยน่า ระวังสักวันกรรมจะตามสนอง”
“ต่างฝ่ายต่างพอใจในข้อตกลงไม่ถือว่าเป็นเวรกรรมหรอกครับ ยิ่งพูดยิ่งไปเรื่อย ผมไม่คุยกับพ่อแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ผมกลับเลยแล้วกัน”
เมื่อยิ่งพูดก็เหมือนจะยิ่งเข้าตัวไปๆ มาๆ ได้หลุดอะไรที่ไม่ควรออกไป บอลด์วินจึงคิดว่ารีบหนีไปตอนนี้น่าจะดีที่สุด
แต่คนเป็นพ่อก็ใช่จะปล่อยง่ายๆ ไหนๆ ลูกชายก็มาหาทั้งที ก็รั้งเอาไว้นานๆ หน่อยเผื่อจะได้พูดสั่งได้สอนอะไรบ้าง ช่วงนี้แทบเจอหน้ากันทำราวกับอยู่กันคนละทีทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน
“ข้าวเย็นก็ไม่กลับไปทานที่บ้าน งั้นทานข้าวเที่ยงกับพ่อหน่อยเป็นไร หรือเที่ยงก็มีนัดกับอีกคน”
“เห็นผมเป็นคนยังไงครับ”
บอลด์วินถามเพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ในสายตาคในครอบครัวเขาคงทำตัวเละเทะคั่วผู้หญิงไม่เลือกล่ะสิ
“ถามได้ก็รู้ๆ กันอยู่”
“ว่าร้ายกันจริงเห็นผมอย่างนี้ คบผู้หญิงก็คบทีละคนนะครับ” อันนี้ว่ากันตามความจริง คบทีละคนแต่ว่าแต่ละคนระยะเวลาในการคบนั้นมันสั้น
“งั้นแสดงว่าเที่ยงนี้แกไม่มีนัด”
“ก็…คงงั้นมั้งครับ” เมื่อโดนต้อนจนจนมุมแบบไม่รู้ตัวบอลด์วินเองก็ไม่สามารถปฏิเสธคนเป็นพ่อได้
“งั้นไปทานข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนพ่อ ตกลงไหม”
“นานๆ ทีได้ทานข้าวกับพ่อก็ดีครับ”
“ดี…เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ดูสิว่าทนข้าวกับพ่อมันจะอร่อยเหมือนทางกับสาวๆ หรือเปล่า” ท่านล้อเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เกี่ยวกันที่ไหนล่ะครับ ไปกันเถอะครับผมชักหิวแล้ว”
“ไปๆๆๆ ว่าแต่แกจะไปกับพ่อหรือขับรถไปเองล่ะ”
“ประหยัดช่วยชาติหน่อย พ่อไปรถผมดีกว่า และจะไปทานที่ไหนพ่อบอกล่ะกันวันนี้ผมเลี้ยงเอง”
“ทำเป็นป๋า จะทับให้แบนเชียว”
“เลี้ยงสาวๆ มาเป็นร้อย แค่พ่อคนเดียวผมไม่กลัวหรอกน่า” ชายหนุ่มบอกพลางยักคิ้วพร้อมกับเปิดประตูผายมือเชิญคนเป็นพ่อให้เดินนำไปก่อน
******************************************************************************************************************************
ได้ฤกษณ์อัพเสียที ว่าจะอัพหลายวันแล้วแต่ก็ติดๆ ขัดๆ และช่วงนี้ก็ขยันอัพเรื่อง เพียงขวัญ เป็นพิเศษ นิดหนึ่ง (อัพกระตุ้นต่อมความขยันจะได้ปั่นๆ ให้เสร็จเสียที อิอิอิ)
เดี๋ยวจะพยายามอัพให้ครบ 70% ในเร็ววันนี้นะคะ จะได้เล่นเกมแจกหนังสือกันอีก เพราะตอนนี้มีคนบ่นว่าหาซื้อไม่ได้อีกแล้ว ยังไงก็ลองหาหลาย 7-11 ดูนะคะ ถามพนักงานก็ได้ค่ะเผื่อมันจะหลบจะซ่อนอยู่ในซอกหลืบ หรือไม่ก้หาซื้อตามร้านออนไลน์ก็น่าจะมีขายนะ ลองหาดูค่ะ
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ (^_/\_^)
เกศมณี
04/03/57
แม้จะตั้งใจขับรถไปทำงานเองแต่บุษบันก็ทำได้เฉพาะวันที่บอลด์วินมีงานเท่าไหร่ ซึ่งก็น้อยมากเพราะอย่างที่รู้กันว่าช่วงนี้ชายหนุ่มไม่รับงานเพิ่มนอกจากงานที่รับเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ที่ว่างบอลด์วินก็จะมาค้างและยึดกุญแจรถบังคับไปส่งเธอถึงที่ทำงานประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน
“คุณไม่ค่อยกลับไปนอนที่บ้าน พ่อแม่คุณไม่ว่าอะไรเลยเหรอคะ”
บุษบันที่นั่งเงียบมาเกือบครึ่งทางถามคล้ายอ่อนใจระคนอยากรู้ หลังจากที่หลายวันมานี้เธอไม่สามารถปฏิเสธบอลด์วินเรื่องการไปรับมาส่งเธอที่ทำงานได้เลยม้แต่ครั้งเดียว ถึงอย่างนั้นเธอกับเขาก็ยังเถียงกันเรื่องนี้อยู่ได้ทุกวัน
“จะว่าอะไรล่ะครับ ผมสามสิบกว่าแล้วนะครับไม่ใช่เพิ่งสิบสาม” บอลด์วินตอบเสียงกลั้วหัวเราะพลางปรายตามองบุษบันที่หันมาเบ้ปากใส่แล้วเบือนหน้าหนี
“ก็ใครจะไปรู้ละคะ ก็คุณเล่นมาค้างกับฉันทุกวัน ที่ถามก็กลัวคนที่บ้านเป็นห่วงเดี๋ยวจะหาว่าฉันเป็นต้นเหตุ”
“ไม่มีใครว่าคุณหรอกครับ เพราะปกติผมก็มั้งค้างที่คอนโดส่วนตัวมากกว่าที่บ้านอยู่แล้ว แต่จะว่าไปช่วงนี้ผมก็กลับบ่อยกว่าแต่ก่อนเยอะนะ และวันนี้ผมก็ว่าระหว่างที่รอคุณเลิกงานผมจะกลับบ้านเสียหน่อยพ่อโทร.มาบ่นแต่เช้า”
“นั่นไง โตแค่ไหนพ่อแม่ก็ห่วงอยู่เหมือนเดิมแหละ”
“แล้วคุณล่ะมาอยู่คนเดียวพ่อแม่ไม่หวงหรือไง” ชายหนุ่มหันมาถามอย่างสนใจ เพราะจะว่าไปแล้วเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของบุษบันเลย
“โดนบ่นประจำแหละค่ะ ว่ามาเป็นผู้หญิงมาอยู่ตัวคนเดียวมันอันตราย ท่านอยากให้กลับไปอยู่ที่บ้านกับท่านมากกว่านะคะ”
บอกพลางถอนหายใจ แต่ก็มียิ้มที่อาบอยู่บนใบหน้าที่แสดงถึงความสุขเวลาได้เอ่ยถึงครอบครัว พลอยทำให้บอลด์วินที่หันมาเจอพอดีเผลอยิ้มตามไปด้วย
“แล้วทำไมคุณไม่ตามใจท่านล่ะครับ”
“เอาไว้ให้แก่ตัวก่อนดีกว่าคะ ตอนนี้ยังมีกำลังอยากทำงานเก็บเงินเอาไว้เยอะๆ และอีกอย่างฉันก็ยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ยังไม่อยากเลิก”
“ทำงานเก็บเงิน นี่คุณไม่คิดจะหาใครสักคนมาดูแลเลยหรือไง” ถามแล้วก็หูผึ่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“แหม…ไอ้อยากมีมันก็อยากมีอยู่หรอก แต่ของแบบนี้ใช่จะหากันได้ง่ายๆ ผู้ชายสมัยนี้ยิ่งดูยาก” บุษบันหมายถึงในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือว่าการเป็นชายแท้ ซึ่งสมัยนี้ต้องยอมรับว่าดูยากจริงๆ
“ผมไงดูง่ายออก” ว่าพลางเสยผมขยับคอเสื้อ
“ค่ะง่าย ดูแค่หางตาก็รู้ว่าเจ้าชู้”
“แสดงว่าไม่รู้จริง” ชายหนุ่มบอกเสียงเยาะ
“แล้วเรื่องจริงที่ว่าเป็นยังไงล่ะคะ” บุษบันก็ถามอย่างรู้สึกสนุกมากกว่าจริงจัง เพราะดูยังไงๆ ผู้ชายคนนี้ก็เจ้าชู้ตัวพ่ออยู่แล้ว
“คุณอาจจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินใครพูดมาว่าผมเปลี่ยนผู้หญิงบ่อย แต่คุณคงไม่รู้สิว่า ผมถึงจะคบเล่นๆ หรือจริงจังผมก็คบทีละคนนะครับ ใครไม่พอใจเลิก เลิกผมก็หาคนใหม่”
บอกอย่างภูมิอกภูมิใจในความจริงใจของตนเอง แต่คนฟังอย่างบุษบันกลับรู้สึกว่ามันขัดแย้งกันเองแปลกๆ
“คบจริงจัง แต่คบคนใหม่ได้เร็วขนาดนั้น”
“เพราะที่ผ่านมาผมยังไม่เคยคบจริงจังสักคนต่างหากเล่า และผู้หญิงเองผมก็รู้สึกนะว่าเขาไม่ได้จริงจังกับผมเหมือนกัน” เขาไม่ได้เข้าข้างหรือพูดให้ตัวเองดูดีแต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“ไม่จริงหรอกมั้ง จากที่คุณคบมาฉันว่ามีผู้หญิงเหล่านั้นเกินกว่าครึ่งอยากจริงจังกับคุณ แต่คุณสิไม่คิดจริงจังกับพวกเธอ” บุษบันก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่เป็นหนึ่งในผู้หญิงเหล่านั้น
“อ้าว เหรอผมไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย สงสัยยังไม่เจอคนที่ใช่มั้ง” เขาพูดติดตลกพร้อมกับตีโค้งวิ่งเข้าลานจอดรถ
“ถ้ายังทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยอยู่อย่างนี้ชาตินี้คงเจอคนที่ใช่หรอก” บุษบันบอกเสียงขึ้นจมูกอย่างหมั่นไส้
“รู้ได้ไงว่าผมยังไม่เจอ”
บุษบันอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนสงบสติอารมณ์ที่มันวิ่งพล่านอยู่ภายในใจเมื่อรู้ว่าบอลด์วินอาจจะเจอคนที่ถูกใจแล้ว เธอไม่ควรแสดงท่าทีเจ็บปวดหรือเสียใจให้ชายหนุ่มได้เห็น แต่ส่งที่ควรทำตามกติกาคือ
“งั้นความสัมพันธ์ของเราจบกันแค่นี้” พูดจบก็เปิดประตูจะลงจากรถ แต่บอลด์วินก็รีบคว้าต้นแขนกลมกลึงเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวๆ สิคุณ จู่ๆมาตัดสัมพันธ์กันง่ายๆ อย่างนี้ได้ไง”
“ก็ตามข้อตกลง ใครเจอคนที่ใช่ ระหว่างเราถือว่าจบ” บุษบันหันมามองคู่สนทนาแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีพร้อมทั้งสะบัดให้หลุดออกจากมือใหญ่
“ใครเจอคุณเหรอ” เขายังมีอารมณ์ถามกลับมาอย่างล้อเลียน
“อย่ามาทำเป็นไก๋ คุณเพิ่งบอกว่าคุณเจอคนที่ใช่แล้ว”
“เมื่อไหร่ ตอนไหน กี่โมง กี่นาที กี่วินาที”
“อย่ามากวนทำเป็นความจำไม่ดี ก็คุณบอกเองเมื่อกี้ว่า ฉันรู้ได้ไงว่าคุณยังไม่เจอคนที่ใช่” จากที่พยายามสงบสติอารมณืบุษบันก็เริ่มที่จะเสียงดังมากขึ้น
“แค่นี้คุณก็ตีความหมายว่าผมเจอใช่ไหม”
“หรือไม่ใช่”
“ไม่ใช่” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงสูง
“แต่…”
“ผมแค่ถามว่าคุณรู้ได้ไงว่าผมยังไม่เจอ ไม่ได้หมายความว่าผมเจอแล้ว เอ…ดูท่าคุณอยากจะสลัดผมออกไปจากชีวิตเหลือเกิน เพราะไอ้หมอนั่นใช่ไหม” บอลด์วินขยายความในคำพูดของตัวเอง ก่อนจะมาจบลงที่การหาเรื่องบุษบัน
“หมอไหน”
“เพื่อนสนิทของคุณไง” จากน้ำเสียงและท่าทางบุษบันพอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มคงหมายถึงอริญชย์อย่างไม่ต้องสงสัย
“ก็บอกว่าแค่เพื่อนสนิท”
“เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อล่ะสิ รู้หรอกน่า”
“อย่างนั้นเหรอคะ น่าสนใจดี”
บุษบันยิ้มรับแล้วเออออรับอย่างเห็นด้วย ก่อนจะรีบลงจากรถก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยแย้งเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ขัดตา
บอลด์วินที่วันนี้อารมณ์ดีรับปากคนเป็นพ่อว่าจะเข้าไปมาหาที่บริษัท ต้องกลับกลายเป็นอารมณ์เสียเมื่อทุกไม่ได้ดั่งใจ เดินเข้าห้องทำงานผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เฮ้ย! มีใครบังคับให้แกมาที่นี่หรือเปล่า”
นั่นคือเสียงทักทายจากเจ้าของห้องที่ทำให้คนโดนทักยิ่งหน้าบึ้งหนักขึ้นไปอีกและก็ยังเงียบคนเป็นพ่อจึงถามต่อ
“อารมณ์ไม่ดีเพราะงานหรือผู้หญิง”
“เปล่าครับ แค่เข้ามาที่นี้แล้วรู้สึกอึดอัดกับสายตาพนักงานที่มองมากไปหน่อย” บอลด์วินจำต้องหาแก้ตัวอะไรสักอย่างมาทั้งที่รู้ว่ามันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
“ต่างกันตรงไหน แล้วไอ้ที่แกไปเดินแบบใส่แค่กางเกงในตัวเดียวไม่มีคนมองหรือไง”
“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ”
“ข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้น และที่สำคัญวันนี้แกบอกพ่อว่าจะมาที่บริษัทเอง”
“ก็พ่อโทร.ตามผม” แย้งด้วยท่าทีเซ็งๆ พลางเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
“ฉันโทร.หาเฉยๆ เป็นห่วงเห็นไม่กลับบ้านหลายวันนึก กลัวโดนแกถูกลวงไปฆ่าข่มขืน” ถึงคนเป็นลูกจะดูอารมณ์เสีย แต่คนเป็นพ่อก็พูดล้ออย่างอารมณ์ดี
“พูดไปเรื่อย”
“แล้วจุดประสงค์ที่แกอยากมาที่บริษัทวันนี้เพราะ…” เรื่องนี้ท่านถามเพราะอยากรู้จริงๆ
“ก็ผมว่างๆ เลยอยากมาดูงานว่าวันๆ พ่อทำอะไรบ้างก็เท่านั้นเองครับ”
“อยากมาเรียนรู้งานก่อนเวลาว่างั้นเถอะ ไม่น่าเชื่อ” กลายเป็นว่าคนเป็นพ่อที่ถามอย่างแปลกใจถึงกับต้องลุกจากโต๊ะทำงานมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ลูกชาย
“งั้นผมกลับก็ได้”
บอลด์วินที่เหมือนมาให้คุณพ่อปั่นหัวเล่นไม่คิดอยากจะอยู่ต่อแล้วอยากจะกลับบ้านไปนอนหรือไม่ก็ไปเดินแกร่วในห้างฆ่าเวลาระหว่างรอบุษบันเลิกงาน
“เฮ้ยๆๆ ล้อเล่นน่า ไหนก็มาแล้วก็เอาซะหน่อย เริ่มจากการทัวร์บริษัทก่อนแล้วกัน”
“โอเคครับ”
แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ และอีกไม่นานก็จะต้องมาทำงานที่นี่อยู่แล้วก็ดูซะหน่อย
หลังจากทัวร์รอบๆบริษัทโดยมีคนเป็นพ่ออาสาเป็นไกด์แนะนำส่วนต่างๆ พร้อมทั้งแนะนำพนักงานทุกคนให้รู้จักลูกชายสุดหล่อที่ทำให้พนักงานสาวๆ มองตาปรอยหวานฉ่ำตามเป็นแถวๆ แถมมีหลายคนจำชายหนุ่มได้ส่วนมากจะเป็นสาวๆ ถึงกับเผลอกรี๊ดออกมาอย่างลืมตัว เล่นเอาไกด์จำเป็นมึนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตำหนิลูกชายแต่อย่างได้เพราะว่ากันตามจริงมันไม่ใช่ความผิดของบอลด์วินด้วยซ้ำ และตัวชายหนุ่มเองก็ถือว่าวางตัวได้อย่างเหมาะสม
“เป็นบริษัทที่การทำงานดูเป็นระบบระเบียบดีนะครับไม่น่าเชื่อว่าเกือบจะเคยล้มมาก่อน”
“เรื่องนั้นต้องขอบคุณพี่เขยเราที่เขาเข้ามาช่วยจัดการดูแลจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและมั่นคงจนทุกวันนี้” นายสุชายหมายถึงสามีของลูกเลี้ยงที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษถาวรแล้ว นานๆ จะมาเที่ยวเมืองไทยที
“ช่วงนี้เวลาว่างแกเยอะไม่ใช่เหรอ ถ้าขยันก็ลองแวะๆ เข้ามาช่วยงานพ่อก่อนเวลาก็ได้นะ”
“เอาไว้ดูก่อนแล้วกันครับ ไม่อยากรับปากเพราะเวลาว่างของช่วงนี้ ผมอยากเที่ยวเล่นให้หน่ำใจก่อนจะที่เวลาทั้งหมดมันจะถูกพันธนาการด้วยคำว่างาน”
ได้ยินอย่างนี้นายสุชายก็พอจะยิ้มออก การไม่ตอบรับหรือปฏิเสธทำให้ท่านพอจะมีความหวังว่าลูกชายอาจจะนึกครึ้มอกครึ้มใจมาเรียนรู้วานจากท่านก่อนเวลาที่กำหนดก็เป็นได้
“แล้วเย็นนี้จะกลับไปทานข้าวที่บ้านไหม”
“ไม่ละครับ ผมมีนัดแล้ว”
“กับผู้หญิงอีกล่ะสิ” คนเป็นพ่อบ่นเสียงเบื่อหน่ายพลางส่ายหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้
“ก็ไม่แปลกนี่ครับ”
“มันก็ไม่แปลกหรอก แต่เมื่อไหร่จะมีคนที่จริงจังด้วยเสียที อายุแกก็เยอะแล้วนะ”
และนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ท่านและภรรยาห่วง อยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีเผื่อนิสัยอย่างทุกวันนี้มันจะได้หยุดเสียที
“เยอะที่ไหนกันผมเพิ่งจะสามสิบนิดๆ เองครับ”
“สามสิบกว่าๆ ก็ถือว่าเยอะแล้ว ลูกชายบ้านอื่นรุ่นราวคราวเดียวกับแกมีลูกมีเมียก็แยะ แต่ลูกชายบ้านนี้อะไรก็ไม่รู้ลอยเป็นพ่อพวงมาลัยไปวันๆ”
“โธ่พ่อ ของแบบนี้มันก็ต้องเลือกเฟ้นดีๆ กันหน่อย เจอแล้วคว้าเหมือนคู่นอนได้ที่ไหนกันเล่า”
ก็หาข้ออ้างไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีผู้หญิงอย่างที่ว่ามาหลุดมาถึงมือเขาหรือเปล่า ที่ผ่านๆ มาก็พวกเดียวกันรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน…แล้วบุษบันล่ะ บอลด์วินฉุกคิด และเป็นจังหวะเดียวกับที่คนเป็นพ่อถามขึ้นมาพอดี
“แล้วคนทุกวันนี้ไม่ดีหรือไง”
คนถูกถามเลยคิดหนัก ถามว่าดีไหมตอบได้ทันทีเลยว่าดีเลยล่ะ บุษบันไม่เหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆ มา รู้จักกันมาได้ระยะหนึ่งรู้ได้เลยว่าเธอยังไม่เดียงสาเท่าไหร่ ยังไม่ได้สักเสี้ยวของเขาที่ประสบการณ์โชกโชนผ่านมร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
และในขณะที่คิดพิจารณาถึงบุษบันผู้หญิงคนปัจจุบันของตนอย่างเพลินๆ พ่อที่ยืนรอฟังคำตอบก็หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วถามยิ้มๆ ว่า
“เอาแล้วไง ทำหน้าคิดหนัก”
“เปล่าซะหน่อย ผมแค่คิดว่าระหว่างผมกับเธอความสัมพันธ์อย่างตอนนี้เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว”
บอลด์วินแก้ตัวพลางหลบสายตาหยิบน้ำที่เลขาของพ่อนำมาเสิร์ฟก่อนหน้าไม่นานขึ้นดื่มอักๆ ราวกับคนอดน้ำมาเป็นวันๆ
“อาจจะดีสำหรับแก แต่ผู้หญิงเขาอาจจะไม่ดีด้วยก็ได้”
ท่านเดาตามประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา ผู้หญิงแม้ส่วนใหญ่จะบอกว่าแค่สนุกไม่จริงจัง แต่ใจจริงแล้วก็อยากจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของผู้ชายที่ตัวเองผูกพันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางความรู้สึกหรือเหตุผลจากวัตถุเงินทองของอีกฝ่าย
“ไม่มีทางครับ เพราะเงื่อนไขความสัมพันธ์เธอเป็นคนกำหนดเอง ไม่ใช่ผมซะหน่อย” ชายหนุ่มปฏิเสธพร้อมกับวางแก้วเปล่าในมือลง ขณะที่มือีกข้างโบกไหวประกอบคำพูด
ทำเอาคนเป็นพ่อที่ยืนกอดอกพิงขอบโต๊ะทำงานเลิกคิ้วแวเดินตรงเข้ามานั่งลงข้างๆ ลูกชายอย่างไม่อยากจะเชื่อ แม้จะยังไม่รรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขของลูกสาวกับหญิงสาวอีกคน แต่เงื่อนไขความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยมันก็คงไม่มีอะไรแปลกหรือแตกต่างไปจากการสนุกแต่ไม่ผูกพันหรอกมัน ก็มันเหมือนเป็นกฏสากลไปแล้วด้วยซ้ำ
“อย่างนี้ก็เข้าทางแกเลยสิ คงไม่เคยทำผิดเงื่อนไขเลยสิท่า”
“ก็มั้งครับ”
บอลด์วินรับเสียงแผ่วไม่กล้าตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ใครจะกล้บอกล่ะว่าก็เขานี่แหละที่ชอบแหกเงื่อนไขประจำ ว่าจะไม่แล้วเชียวแต่เห็นบุษบันกับไอ้หมอนั่นทีไรมันอดไม่ได้ ขวางหูขวางตาเป็นบ้า
“แกนี่มันจริงๆ เลยน่า ระวังสักวันกรรมจะตามสนอง”
“ต่างฝ่ายต่างพอใจในข้อตกลงไม่ถือว่าเป็นเวรกรรมหรอกครับ ยิ่งพูดยิ่งไปเรื่อย ผมไม่คุยกับพ่อแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ผมกลับเลยแล้วกัน”
เมื่อยิ่งพูดก็เหมือนจะยิ่งเข้าตัวไปๆ มาๆ ได้หลุดอะไรที่ไม่ควรออกไป บอลด์วินจึงคิดว่ารีบหนีไปตอนนี้น่าจะดีที่สุด
แต่คนเป็นพ่อก็ใช่จะปล่อยง่ายๆ ไหนๆ ลูกชายก็มาหาทั้งที ก็รั้งเอาไว้นานๆ หน่อยเผื่อจะได้พูดสั่งได้สอนอะไรบ้าง ช่วงนี้แทบเจอหน้ากันทำราวกับอยู่กันคนละทีทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน
“ข้าวเย็นก็ไม่กลับไปทานที่บ้าน งั้นทานข้าวเที่ยงกับพ่อหน่อยเป็นไร หรือเที่ยงก็มีนัดกับอีกคน”
“เห็นผมเป็นคนยังไงครับ”
บอลด์วินถามเพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ในสายตาคในครอบครัวเขาคงทำตัวเละเทะคั่วผู้หญิงไม่เลือกล่ะสิ
“ถามได้ก็รู้ๆ กันอยู่”
“ว่าร้ายกันจริงเห็นผมอย่างนี้ คบผู้หญิงก็คบทีละคนนะครับ” อันนี้ว่ากันตามความจริง คบทีละคนแต่ว่าแต่ละคนระยะเวลาในการคบนั้นมันสั้น
“งั้นแสดงว่าเที่ยงนี้แกไม่มีนัด”
“ก็…คงงั้นมั้งครับ” เมื่อโดนต้อนจนจนมุมแบบไม่รู้ตัวบอลด์วินเองก็ไม่สามารถปฏิเสธคนเป็นพ่อได้
“งั้นไปทานข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนพ่อ ตกลงไหม”
“นานๆ ทีได้ทานข้าวกับพ่อก็ดีครับ”
“ดี…เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ดูสิว่าทนข้าวกับพ่อมันจะอร่อยเหมือนทางกับสาวๆ หรือเปล่า” ท่านล้อเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เกี่ยวกันที่ไหนล่ะครับ ไปกันเถอะครับผมชักหิวแล้ว”
“ไปๆๆๆ ว่าแต่แกจะไปกับพ่อหรือขับรถไปเองล่ะ”
“ประหยัดช่วยชาติหน่อย พ่อไปรถผมดีกว่า และจะไปทานที่ไหนพ่อบอกล่ะกันวันนี้ผมเลี้ยงเอง”
“ทำเป็นป๋า จะทับให้แบนเชียว”
“เลี้ยงสาวๆ มาเป็นร้อย แค่พ่อคนเดียวผมไม่กลัวหรอกน่า” ชายหนุ่มบอกพลางยักคิ้วพร้อมกับเปิดประตูผายมือเชิญคนเป็นพ่อให้เดินนำไปก่อน
******************************************************************************************************************************
ได้ฤกษณ์อัพเสียที ว่าจะอัพหลายวันแล้วแต่ก็ติดๆ ขัดๆ และช่วงนี้ก็ขยันอัพเรื่อง เพียงขวัญ เป็นพิเศษ นิดหนึ่ง (อัพกระตุ้นต่อมความขยันจะได้ปั่นๆ ให้เสร็จเสียที อิอิอิ)
เดี๋ยวจะพยายามอัพให้ครบ 70% ในเร็ววันนี้นะคะ จะได้เล่นเกมแจกหนังสือกันอีก เพราะตอนนี้มีคนบ่นว่าหาซื้อไม่ได้อีกแล้ว ยังไงก็ลองหาหลาย 7-11 ดูนะคะ ถามพนักงานก็ได้ค่ะเผื่อมันจะหลบจะซ่อนอยู่ในซอกหลืบ หรือไม่ก้หาซื้อตามร้านออนไลน์ก็น่าจะมีขายนะ ลองหาดูค่ะ
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ (^_/\_^)
เกศมณี
04/03/57
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2557, 23:31:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มี.ค. 2557, 23:31:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 1660
<< ตอนที่ 11 | ตอนที่ 13 >> |
alecigor 5 มี.ค. 2557, 04:02:17 น.
ดีนะนี่ที่ฝากแม่ซื้อไว้แล้วตอนหนังสือออกใหม่ๆ แต่ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ เสียดายค่าส่งแพงกว่าค่าหนังสือ
ดีนะนี่ที่ฝากแม่ซื้อไว้แล้วตอนหนังสือออกใหม่ๆ แต่ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ เสียดายค่าส่งแพงกว่าค่าหนังสือ
แว่นใส 5 มี.ค. 2557, 12:21:04 น.
ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกนะ
ยังไม่รู้ใจตัวเองอีกนะ