ราคีกุหลาบ
เรื่องราวความรักของทริปท่องเที่ยวในสเปน
ระหว่างหญิงสาวชาวไทยกับหนุ่มหล่ออเมริกัน ^^

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เฝ้าดู

บทที่ 3 เฝ้าดู

“แล้วไง?” น้ำเสียงของคนที่ไม่ค่อยแคร์โลกแต่แคร์เพื่อนดังขึ้นหลังจากฟังรมิตาสาธยายมาอย่างละเอียดยิบ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ไปพนันกันในผับ ซึ่งสุดท้ายก็ต้องหอบเอาร่างสูงใหญ่นี่เข้ามาอาศัยในชายคาอพาร์ตเมนต์หลังนี้ด้วย เพราะว่าตอนเช้ามืดนั่นโมนิก้าอยากรีบกลับมาพักผ่อนมากกว่า เลยเก็บเรื่องของอเล็กซ์มาซักเอาตอนมื้อเช้าก่อนที่เธอจะออกไปทำงานต่อ เธอจึงได้รู้ว่า รมิตาถูกอเลนขอร้องไว้เรื่องอะไร และเพื่อนเธอบ้าแค่ไหนที่แอ่นอกรับเรื่องนี้ไว้ในความรับผิดชอบ

เห็นสายตาระอาของเพื่อนสาวแล้ว รมิตาเสหลบตาแล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกเข้าปากแทน อาหารอร่อยแต่ท่าทางของเพื่อนที่บอกว่าเธอมันงี่เง่านั้นทำให้รสชาติไส้กรอกชิ้นเล็กๆ กร่อยไปกว่าครึ่ง

“ก็ไม่แล้วไง ก็รับปากว่าจะดูแลให้ ฉันกลัวเขาคิดสั้น อย่างน้อยถ้าจับตาดูในห้าวันนี้ไป ฉันอาจจะเปลี่ยนความคิดเขาได้ หรืออย่างร้ายสุดก็...เปลี่ยนความคิดไม่ได้ แต่ก็ระวังป้องกันไม่ให้เขาทำอะไรโง่ๆ ได้น่ะ”

โมนิก้าเหลือกตาขึ้นเพดานกับการทำตัวเป็นแม่พระของเพื่อน เพราะว่ารมิตาใจอ่อนง่ายๆ แบบนี้น่ะสิถึงได้ถูกพี่สาวยืมเงินบ่อยๆ แล้วไม่ใช้คืน พอเครียดจัดเข้าก็บ่นยาวเหยียดใส่อีเมล์มาให้เธออ่าน เคยบอกปากเปียกปากแฉะไปตั้งหลายหนแล้วว่า ก็อย่าไปให้ยืมสิ แต่รมิตาก็ตอบกลับว่า ก็อีกฝ่ายเป็นพี่ จะให้ทิ้งคงทำไม่ได้หรอก...

เรื่องของอเลนก็เหมือนกัน นายอเลนย่อมรู้ดีว่ารมิตาใจอ่อน เธอไม่มีวันปฏิเสธคำร้องขอของเพื่อนหรอก

หญิงสาวชาวสเปนย้ำให้รมิตาตระหนักถึงการกระทำที่เหมือนเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์

“ฟังนะ อเลนไม่ใช่แฟนแก แกไม่จำเป็นต้องทุ่มทุนขนาดเอาตัวเองไปเป็นจิตแพทย์ให้พี่ชายเขาหรอก ถึงแกทำไปก็ไม่ได้ทำให้อเลนเปลี่ยนสถานะของแกจากเพื่อนไปเป็นคนรักอยู่ดี”

“ถึงอเลนไม่ใช่แฟน แต่เขาเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันจะปล่อยให้พี่ชายเขามาตายในต่างประเทศได้ยังไงกัน” รมิตาแก้ต่างให้ตัวเอง หัวคิ้วขมวดน้อยๆ เพราะถูกถ้อยคำเจ็บๆ ของเพื่อนแทงเข้าใจดำ เธอก็รู้ว่ามันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว อเลนเห็นเธอเป็นเพื่อนและไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น แต่เธอก็อดทำให้เขาไม่ได้ ยังไงเธอก็ไม่ต้องการให้อเลนเศร้าใจ

โมนิก้าถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงการกระทำที่กล้าเกินตัวและไม่คิดหน้าคิดหลังของรมิตา หากไม่ได้เธอเล่นตุกติกไว้เมื่อคืน วันนี้คงมีคนได้เป็นคนดังในยูทูปเป็นแน่

“เฮ้อ! แกน่ะนะ มันดีทุกอย่างล่ะ...”

“อยากจะว่าอะไรฉันกันแน่ พูดมาเลยสิ” เพื่อนสาวชาวไทยส่งค้อนขวับให้ เพราะรู้ว่ามีประโยคต่อท้ายที่โมนิก้ายังไม่ได้พูดออกมา โมนิก้าเลยกล่าวออกมาตามคำบอกเล่า

“ยกเว้นว่าแกตาบอดเรื่องความรัก...”

รมิตาสะอึกอึ้งไป โมนิก้าเห็นเพื่อนทำหน้าจ๋อยกว่าเก่าก็เลยเสนอไอเดียที่ตนเองคิดว่าเข้าท่าขึ้นมา

“แกอกหักจากอเลน งั้นก็เอางี้สิ จีบอเล็กซ์ซะ เป็นฝาแฝดกันนี่นา จะถือว่าแกสมหวังก็น่าจะได้นะ ช่วยรักษาแผลใจให้อเล็กซ์อะไรนั่นด้วย ได้ประโยชน์สองต่อเลย”

รมิตาร้องลั่น ทำตาโต

“จะบ้าเหรอ! อเลนกับอเล็กซ์เป็นคนละคนกันนะ แล้วฉันก็ไม่ได้จะรักษาแผลใจอะไรนั่นด้วย ฉันแค่อยากให้ช่วงที่อยู่ที่สเปนนี่ไม่เกิดเรื่องร้ายๆ เท่านั้นเอง”

“ฉันถึงบอกให้เสียสละตัวเองไง โรซี่ การอกหักน่ะแค่เอาร่างกายเข้ารักษา แค่นี้ก็ทำให้ลืมเรื่องฆ่าตัวตายไปได้เลย มามันส์กันดีกว่า รู้ไหมเซ็กส์น่ะเป็นยาดีนะ ช่วยบำบัดความเศร้า แก้เครียด ทำให้เรากระปรี้กระเปร่า”

โมนิก้าเป็นสาวสมัยใหม่ที่รักสนุกเต็มที่ ด้วยรูปร่างและหน้าตาทำให้เธอควงผู้ชายเป็นว่าเล่น แต่เพราะรักความโสดมาก เธอจึงใช้ชีวิตเป็นเพลย์เกิร์ลเต็มตัว ไม่ผูกพันกับใคร โมนิก้าจึงประหลาดใจมากตอนที่รู้จักกับรมิตาใหม่ๆ แล้วพบว่า รมิตาเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยมีอะไรไปไกลกว่าจูบ ซึ่งพอรู้ตอนแรกโมนิก้าแทบอยากจะจับเพื่อนไปสตัฟฟ์เอาไว้ในฐานะสาวพรหมจารีที่ยังเหลือรอดมาอยู่ในยุคปัจจุบัน ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นคนชอบเที่ยวไม่น้อย

“จะบ้าเรอะ!” เพื่อนสาวชาวไทยแต่หัวโบราณเหมือนหลุดออกมาจากนิยายฝรั่งสมัยเก่าหน้าแดงก่ำ

“ฉันพูดเรื่องจริงย่ะ จะอกหักอะไรมาจากไหน ขอแค่ได้มีเซ็กส์ดีๆ สักครั้ง ก็ลืมเรื่องตายไปได้เลย”

“ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้ชอบอเล็กซ์”

อันที่จริงรมิตาก็ไม่ได้หัวโบราณมากนัก เธอเคยมีแฟนมาแล้ว แต่ทุกรายมักหยุดแค่จูบเท่านั้น หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเวลาถูกฝ่ายชายแตะเนื้อต้องตัว และเมื่อไม่ชอบ เธอก็ไม่อยากฝืนใจตัวเองให้คบต่อ ประกอบกับว่าเธอชอบคนยากด้วย ทำให้หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยครองตัวเป็นโสดมาตลอด กระทั่งได้มาพบอเลนในคลาสเรียนการถ่ายภาพที่นิวยอร์ก หญิงสาวถึงได้มีรักครั้งใหม่และแอบรักอเลนเรื่อยมา

“อเล็กซ์ก็หล่อดีนะ โมนิก้า เธอ...”

“ไม่! ฉันไม่ว่างพอจะคั่วสองคน ถึงตานี่จะหล่อมากก็เถอะ” โมนิก้ารีบตัดบทด้วยการยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มหลังจากจัดการอาหารเช้าหมดแล้ว เธอมองนาฬิกาข้อมือแล้วว่า “ได้เวลาเข้าทำงานแล้ว ไปละนะ ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับหมอนั่นก็โทรมาแล้วกัน แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง วันนี้อาจจะแค่มีอาการเมาค้างแล้วก็ป่วยอีกนิดหน่อย จะออกจากที่นี่ก็อย่าลืมล็อกประตูด้วยล่ะ เกิดฉันกลับมาแล้วของหายเพราะถูกยกเค้า เธอตายแน่”

เพื่อนสาวลุกจากเก้าอี้ คว้ากระเป๋าสะพายมาได้ก็เดินใส่รองเท้าส้นสูงที่ถอดวางไว้ที่หน้าประตูโดยมีรมิตายืนส่ง แต่เหมือนโมนิก้ายังวางใจไม่พอ เธอหันมาหาและสั่งเสียงเข้ม

“ถ้าเกิดโดนอเล็กซ์ใช้กำลัง เอาของใกล้ตัวฟาดหมอนั่นให้สลบซะ จำไว้ จุดอ่อนผู้ชาย ดวงตากับไอ้นั่น จิ้มไปสองที่อย่างสุดแรง แค่นี้ก็จุกจนทำอะไรไม่ได้แล้ว”

“คนป่วยน่ะ คงไม่มาใช้กำลังกับฉันหรอก โมนิก้า” สาวไทยคลี่ยิ้มอ่อนๆ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายคิดมากไป

“ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไว้ใจไม่ได้”

โมนิก้าเตือนอย่างจริงจัง ก่อนจะจากไป ส่วนรมิตาปิดห้องแล้วเดินไปหาสิ่งมีชีวิตที่ไว้ใจไม่ได้ซึ่งนอนซมอยู่ในห้องนอนที่เธอยกให้เมื่อคืน แล้วตัวเธอเองก็ระเห็จมานอนบนโซฟารับแขกแทน ตอนเช้าเธอเข้าไปหนหนึ่งแล้ว เพราะจะดูว่าอเล็กซ์ตื่นหรือยัง จะต้องทำมื้อเช้าเผื่อเขาไหม แต่ปรากฏว่าอเล็กซ์มีไข้ขึ้น หญิงสาวเลยต้องเปลี่ยนโปรแกรมของวันนี้ใหม่หมด เป็นการช่วยดูแลคนป่วยแทน

.......................

อเล็กซ์ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่เขาไม่รู้จัก ห้องนอนของใครสักคนที่ไม่ใช่ในโรงแรมที่เขาพักอยู่ แต่ที่แย่กว่านั้นคือเขารู้สึกไม่สบายไปหมด ระคายคอและมึนหัว ดูเหมือนว่านอกจากจะเมาค้างแล้ว เขาอาจจะเป็นไข้หวัดด้วยก็ได้

“ตื่นแล้วเหรอ?” หญิงสาวเอเชียคนหนึ่งเปิดประตูห้องนอนเข้ามา ใบหน้าของเธอทำให้เขาตระหนักชัดว่า เกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน อเล็กซ์จึงมีสีหน้าไม่ต่างกับการตกอยู่ในฝันร้าย

“ทำหน้าแบบนั้นทำไม ฉันไม่ใช่ผีนะ”

“ผมไม่กลัวผี” แม้เสียงจะแหบแห้ง แต่อเล็กซ์ยังขยับปากพูดโต้

“จะบอกว่าคุณไม่กลัวผี แต่กลัวฉันงั้นเหรอ?”

“ผมกลัวคนโรคจิต”

คำพูดมาพร้อมกับสายตาเย็นชาที่สาดเข้าใส่ ทำให้รมิตาเริ่มเดือดปุดๆ อีกหน

“ปากแบบนี้นี่ มันน่าจะให้นอนข้างถนนจริงๆ เลย”

“ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณนี่ ผมไม่ได้ขอร้องให้พามาพักที่นี่นะ”

ฟังประโยคที่เขาหมายความตรงๆ ว่าเธอยุ่งเอง รมิตาก็ต้องกลั้นโมโหอยู่หลายอึดใจ

“ใช่! คุณไม่ได้ขอร้อง แต่คุณแพ้พนันแล้ว ต่อไปนี้เวลาของคุณเป็นของฉัน เพราะงั้นอย่าหวังว่าจะเบี้ยวได้นะ เป็นลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูด”

“แล้วแต่คุณ” ชายหนุ่มหมดอารมณ์จะพูดต่อ เจ็บคอก็เจ็บ แถมยังมึนๆ อีกด้วย เขาทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ จะลากเขาไปทำอะไรก็ตาม ก็หลังจากที่เขาดีขึ้นกว่านี้ก่อนก็แล้วกัน

“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งนอน ไหนๆ ก็ตื่นมาแล้ว มากินอะไรรองท้องหน่อย แล้วค่อยนอนพักดีกว่า ตอนเช้าคุณมีไข้นะ”

“ตอนเช้า?”

“คิดว่านี่มันกี่โมงแล้วคุณ ตอนนี้มันบ่ายโมงแล้วนะ”

อากาศวันนี้ไม่ค่อยสดใส เมฆมาก จึงไม่แปลกที่อเล็กซ์แยกเวลาไม่ออก

“เอ้า! กินซุปนี่แล้วก็กินยา ตามด้วยน้ำอุ่นๆ แล้วค่อยนอนนะ” หญิงสาววางถาดในมือไว้ข้างเตียง ก่อนจะยกมือขึ้นทาบหน้าผากของอเล็กซ์เพื่อวัดไข้ให้ หากเขายังสบายดีอยู่ อเล็กซ์คงปัดมือนี้ทิ้งหรือถอยหนี แต่ตอนนี้สมองเขาเฉื่อยชาจนปฏิกิริยาอัตโนมัติของเขาไม่ทำงาน ปล่อยให้มือบางแตะหน้าผากเขานิ่งๆ

“ไข้ลดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ อย่างปิติยินดี

อเล็กซ์มองใบหน้าเนียนใสของอีกฝ่ายอย่างเลื่อนลอย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมองเห็นว่าอีกฝ่ายมีความห่วงใยให้โดยที่ไม่ได้เสแสร้งอะไร ซึ่งมันทำให้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันถึงมาทำดีด้วยแบบนี้ นัยน์ตาดำขลับของเธอแสดงความห่วงใยออกมาไร้การปิดบัง ซึ่งในนั้นเขากลับมองไม่เห็นความรู้สึกสนิทเสน่หาหรือฉันชู้สาว จึงเกิดเป็นคำถามขึ้นมา

ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มาเพราะความรักใคร่ แล้วเธอมาเข้าใกล้เขาเพราะอะไรกัน?

ชายหนุ่มไม่ชินกับการถูกดูแลพยาบาลเท่าไร นานๆ ทีเขาจะป่วยจนต้องนอนพัก แต่ถึงเขาจะป่วย เขาก็แค่กินยาแล้วนอนพัก นอกจากมารดาแล้วเขาก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวอีก

นี่ยังไม่รวมกับสถานการณ์ประหลาดตรงหน้า ที่เขาจะต้องตกเป็นทาสให้ผู้หญิงคนนี้ถึงห้าวัน!

เมื่อรมิตาทำท่าจะออกไป ปล่อยให้เขาจัดการทุกอย่างเอาเอง ชายหนุ่มก็อดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้

“คุณโกงสินะ?” ให้ตาย เขาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะแพ้ผู้หญิงคนนี้ได้

รมิตาเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหันกลับมาบอกเขาอย่างหนักแน่น

“ไม่! ฉันไม่ได้โกงนะ แน่จริง ไว้รักษาตัวให้หายจากอาการทั้งหลายแหล่ก่อนเถอะพ่อคุณ แล้วเรามาดวลกันใหม่ พ่อไก่อ่อน” แล้วหญิงสาวก็ส่งยิ้มยั่ว ขณะที่ปิดประตูตามท้าย ทิ้งให้ไก่ป่วยกัดกรามแน่น โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่โดนหาว่าเป็นไก่อ่อนไปได้

...ถึงจะหงุดหงิดกับผู้หญิงช่างยั่ว แต่อาหารที่เธอเอามาให้กลับอร่อยไม่น้อยจนเขากินหมดชาม

*************************************************

หลังจากตื่นมาในช่วงเย็น อเล็กซ์ก็เริ่มสำรวจสภาพตัวเองอีกหน คราวนี้แม้ยังรู้สึกร้อนรุมอยู่บ้าง แต่ก็มีสติแจ่มใสกว่าเดิม เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงวอร์ม ชุดที่เขาใส่เมื่อวานนั้นถูกนำไปซักรีดและพับวางไว้ให้บนที่โต๊ะหัวเตียง นอกจากเงินค่าซักรีดเสื้อผ้าที่หญิงสาวถือวิสาสะหยิบไปพร้อมกับลงบิลมาให้แล้ว ทุกอย่างยังอยู่ครบ ไม่ว่าจะโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาข้อมือ กระเป๋าสตางค์ และสำเนาพาสปอร์ต
สายตาอเล็กซ์เลื่อนไปเจอะเข้ากับดอกกุหลาบดอกใหญ่ซึ่งเป็นดอกเดียวกับที่เธอเอามาให้เขาเมื่อวาน มันปักไว้ในแจกันสีขาววางไว้ใกล้ๆ กับทรัพย์สินของเขา ด้วยสีแดงสดของกุหลาบดอกเมื่อวานกลับทำให้ห้องเรียบๆ สีครีมอ่อนนี้ดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นเป็นกอง

‘โรซี่’

เมื่อนึกถึงผู้หญิงไทยคนนี้ อเล็กซ์ก็พบแต่ความไม่เข้าใจและสับสนงุนงง

เขาไม่เชื่อเรื่องโกหกหานายแบบของเธอ แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเธอที่แท้จริงคืออะไร ทำตัวตามติดเขาไปทำไม ในเมื่อเขาสัมผัสได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกกับเขาในเชิงชู้สาว อเล็กซ์อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาอาจจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีเรือนร่างเปลือยเปล่าแนบข้าง ไม่ใช่ตื่นขึ้นมาเจอกับความว่างเปล่าบนเตียง

มีอะไรสักอย่างสะกิดให้รู้ว่าเขารู้สึกพิเศษกับโรซี่ แต่เขายังค้นไม่พบว่า เธอพิเศษกับเขาในความหมายไหน ปมปริศนานี้ทำให้อเล็กซ์ตัดสินใจจะอยู่ต่อ เพื่อรอดูว่าหญิงสาวจะมาไม้ไหน ยังไงตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เขาลาพักร้อนอยู่แล้ว

ที่หน้าประตูห้อง รมิตารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอัศวินยุคกลางในชุดเกราะพร้อมรบ ในมือถือหอก และอยู่ในระหว่างการเข้าสู่สนามรบไม่มีผิด ผิดแต่ว่าอาวุธที่ถืออยู่ในตอนนี้คือโจ๊กหมูสับหอมกรุ่นหนึ่งชามต่างหาก อเล็กซ์ทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น แค่จ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชา ทำให้เธอหนาวสันหลังไปหมด ยังไม่รวมที่แค่อเล็กซ์ขยับปากพูด เขาก็มักจะมีคำพูดเจ็บๆ ระคายหูคนฟังเสมอ

คนนี้ไม่น่าจะเป็นฝาแฝดของอเลนเลย!

ทำใจอยู่ไม่ถึงนาที รมิตาก็เคาะประตูเป็นการแจ้งให้รู้ว่า เธอจะเข้าไป แล้วก็เปิดเข้ามาเลยโดยไม่รอให้คนป่วยอนุญาต

อเล็กซ์เฝ้ามองผู้มาเยือนอย่างเพ่งพินิจเอาจริงเอาจัง ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเธอ ‘สวยน้อยไป’ แต่หน้าตาของโรซี่ก็ไม่ได้แย่อะไร ใบหน้ารูปไข่ ขนคิ้วสีเข้มเรียงตัวสวยโค้งรับกับดวงตากลมโตใส แต่เปี่ยมไปด้วยความพยศถือดีไม่น้อย และเพราะเครื่องหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา จึงช่วยกลบไม่ให้กลายเป็นคนหน้าดุไป และสามารถพูดได้เต็มปากว่า เธอดูน่ารักไม่ใช่น้อย แม้ว่าจะไม่แต่งหน้าและใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ราคาถูกๆ ก็ตาม

“เป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นรึยัง” รมิตาเป็นฝ่ายเปิดฉากการสนทนานี่ก่อนด้วยท่าทีเป็นมิตรที่สุด

หญิงสาวขัดเขินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อรู้สึกได้ว่าระหว่างที่เธอเอาชามโจ๊กมาส่งให้เขานั้น ชายหนุ่มกำลังสำรวจตรวจตราเธออยู่ แม้ว่ามันไม่ใช่สายตาจาบจ้วงอะไรแต่ก็ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดไปหนึ่งจังหวะ ซึ่งรมิตามองว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะเธอมีเรื่องโกหกเขา ไม่แปลกอะไรที่จะกลัวว่าจะถูกจับได้ขึ้นมา

“ดีขึ้นมากแล้ว...ขอบคุณที่ให้การดูแลครับ” อเล็กซ์กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพตามความเคยชิน ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับผู้หญิงคนนี้เท่าไร แต่การที่เธอดูแลเขาก็เป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาสมควรต้องขอบคุณ มันเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุดที่ถูกสั่งสอนมา

รมิตาอึ้งมึนไปเล็กน้อยและทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายสามารถพูดคำว่าขอบคุณเป็นด้วย หรือพอเขาอารมณ์ดี เขาจะกลายเป็นคนเฟรนด์ลี่แบบอเลน รมิตานึกสงสัยอยู่ในใจ ซึ่งบรรยากาศในห้องดูดีขึ้นทันตาเห็นเพราะคำๆ นี้ จนเธอชักไม่อยากเอ่ยถึงบางหัวข้อให้บรรยากาศปะทุด้วยเชื้อไฟ

“เอ่อ ไม่เป็นอะไรค่ะ เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว”

“คุณเข้ามาก็ดี เดี๋ยวผมจะกลับไปพักที่โรงแรมก่อน พรุ่งนี้เราจะเจอกันกี่โมงแล้วก็ที่ไหน”

คำถามของเขาทำให้รมิตายิ่งประหลาดใจ หญิงสาวเตรียมพร้อมมาเต็มที่ในการที่จะหว่านล้อมให้เขาไปเที่ยวกับเธอให้ได้ เธอจินตนาการว่าอเล็กซ์กับเธอจะต้องเถียงกันหน้าดำหน้าแดง เขาไม่มีทางยอมมาเป็นนายแบบเธอแน่ๆ และเธอก็จะขู่เขา ไม่ก็ยั่วเขาให้ทำตามที่เธอต้องการให้ได้ ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ เขาจะทำตัวเป็นคนว่าง่ายขึ้นมา แถมเป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเองด้วย ทำเอาเรื่องที่เธอคิดไว้กลายเป็นหมันไปในที่สุด

“อืมม์ เจอกันตอน 8 โมงเช้า ฉันจะไปรับคุณที่ล็อบบี้โรงแรมเองค่ะ”

“ตกลง” อเล็กซ์ตอบสั้นๆ ก่อนจะหันมาจัดการตักโจ๊กที่อยู่ตรงหน้าเข้าปาก ไม่พูดอะไรอีก

การที่ชายหนุ่มไม่ได้มีทีท่าอึกอักหรือปฏิเสธอะไร ไม่แม้แต่หยุดคิดสักเสี้ยวนาที ทำเอารมิตาขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกเหลือเชื่อที่อเล็กซ์ไม่ค้านสักคำ หญิงสาวหรี่ตาลงเพื่อจับผิดปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แต่เขาก็เอาจัดการอาหารตรงหน้า ทำราวกับว่าไม่มีรมิตาอยู่ในห้องด้วย

“คุณไม่ค้าน? ประหลาดจริง นี่คุณมีแผนอะไรอยู่ในใจใช่ไหม?”

“แผนอะไร?” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาถาม

ในขณะที่รมิตาพูดเสียงเข้ม นัยน์ตาดำขลับนั้นฉายแววระแวงอย่างเห็นได้ชัด “คิดจะเบี้ยวฉันใช่ไหม?”

“ผมไม่มีความคิดจะเบี้ยวคุณ แพ้ก็คือแพ้ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าแพ้จริงหรือถูกเล่นตุกติกก็ตาม”

อเล็กซ์ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขให้ตัวเองชนะได้ ดังนั้นเขาก็จะทำตามเงื่อนไขที่เธอต้องการ

สาวไทยหน้ามุ่ย ไม่ชอบใจที่เขากล่าวหากลายๆ ว่าเธอเล่นตุกติก เธอยืนยันขึงขัง

“นี่ อย่ามาใส่ความกันนะ คุณมันคออ่อนกว่าฉันเอง ฉันไม่ได้โกงคุณเลย แล้วอย่างที่บอก ไว้คุณหายดี จะมาแก้มือกับฉันตอนไหนก็ได้ ฉันไม่กลัวว่าจะแพ้คุณหรอก” เธอยักคิ้วใส่ท้าทายในที

ชายหนุ่มรู้สึกหมั่นไส้ท่าทางอวดเก่งนี่เหลือเกิน แต่เขาก็ขี้เกียจทุ่มเถียงกับเธอต่อเพราะมันหาประโยชน์ไม่ได้

“ยังไงก็ตาม ผมก็แพ้คุณไปแล้ว เพราะอย่างนั้นผมก็จะทำตามสัญญาที่ให้คุณไว้ เป็นนายแบบให้คุณห้าวัน ไม่หลบหนีคุณแน่นอน”

“ฉันจะไว้ใจคุณได้ยังไงว่าคุณจะไม่แอบชิ่งหนีฉันไป”

หนุ่มอเมริกันถอนหายใจยาวเหยียด เขาเริ่มจะโมโหนิดๆ แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเสนอทางออกให้กับคนขี้ระแวง

“ถ้ากลัวซะขนาดนั้นก็ไปนอนค้างที่ห้องผมเลยเป็นไง แล้วตอนเช้าก็ออกไปพร้อมกัน”

“ไม่เอา! ห้องคุณเป็นห้องพักในโรงแรม ไม่ใช่อพาร์ตเมนต์แบบนี้ มีเตียงเดียว ฉันจะไปนอนไหน” รมิตาทำเป็นเรื่องมาก แต่จะให้เธอไปนอนห้องเดียวกับผู้ชายแปลกหน้า มันก็น่ากระอักกระอ่วนอยู่ ทั้งที่การที่อเล็กซ์มานอนที่นี่ ก็ทำให้เธอต้องปล่อยให้อเล็กซ์ครอบครองเตียงไป ส่วนเธอต้องไปนอนที่โซฟาตัวยาวในส่วนรับแขก ซึ่งโชคดีที่เธอไม่ใช่คนตัวใหญ่ ทำให้การนอนบนโซฟาไม่ใช่เรื่องลำบากแต่อย่างใด

“งั้นผมจะเปิดห้องข้างๆ ให้ก็ได้ ผมจ่ายเอง”

“ฉันว่าคุณนอนอยู่ที่นี่ดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยกลับไปที่โรงแรมเอา” หญิงสาวตัดสินใจโดยคำนึงถึงเรื่องที่เธอจะสะดวกสบายที่สุด
“ที่นี่ไม่ใช่ห้องผม ผมนอนไม่ลง”

รมิตาขว้างค้อนใส่เขา

‘แล้วไอ้ที่หลับเป็นตายบนเตียงเธอนั่นมันใครกัน’

อเล็กซ์ไม่สนใจสายตาของหญิงสาว เขาว่า “แล้วถ้าผมไม่หลับไม่นอน อาการป่วยที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คงจะทรุดอีก พรุ่งนี้อาจจะไปเป็นนายแบบให้คุณไม่ไหวเพราะพิษไข้...”

ฟังเขาร่ายออกมายาวๆ แล้ว รมิตาก็ยกมือห้าม “พอแล้ว โอเค ฉันจะไปนอนค้างห้องคุณเอง ไม่ต้องเปิดห้องเพิ่ม”

อเล็กซ์ส่ายหน้าอย่างคนระอาใจ ถ้าเธอตกลงแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว มัวแต่โยกโย้ในเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่นั่นแหละ ทำให้เขาต้องเปลืองพลังงานในการอธิบายเพิ่มขึ้น แต่พอเห็นสีหน้าเป็นกังวลและลังเลของรมิตา อเล็กซ์ก็เอ่ยเสริมขึ้น

“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ทำอะไรคุณทั้งนั้นแหละ ถึงจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่คุณไม่ใช่สเปคผม ไม่แม้แต่จะใช้คำว่าใกล้เคียงเลยละ เพราะฉะนั้นวางใจได้ว่าผมจะไม่ปลุกปล้ำคุณเด็ดขาด ต่อให้คุณจะเข้าหาผมก็ตาม”

คำพูดที่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งทำให้หญิงสาวตาลุกเป็นไฟ ใบหน้าระบายสีแดงระเรื่อด้วยความโกรธ ก่อนจะกัดฟันพูดสวนไปบ้าง

“คุณพูดมาแบบนี้ก็ดี ฉันก็อยากบอกให้คุณรู้ด้วยเหมือนกันว่า คุณก็ไม่ใช่สเปคฉัน ไม่ใช่แม้แต่คำว่าใกล้เคียงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเลิกพูดได้แล้วว่าฉันชอบคุณ เรื่องของฉัน-มัน-ไม่-ใช่-อย่าง-ที่-คุณ-คิด-แน่-นอน” รมิตาเน้นทิ้งท้ายทีละคำ ก่อนจะผละจากไปพร้อมกับเสียมารยาทด้วยการปิดประตูเสียงดัง

อเล็กซ์มองคนตัวเล็กที่ผลุนผลันจากไป โดยไม่รู้ตัว มุมปากเขาโค้งขึ้นน้อยๆ เป็นรอยยิ้มขบขันที่ได้เห็นหญิงสาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

*************************************************

รมิตาเดินตามหลังของอเล็กซ์เข้ามาภายในตัวโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่อยู่ริมหาดบาร์เซโลนา ในใจอยู่ระหว่างการตัดสินใจอีกหนว่า เธอควรจะไปนอนห้องเดียวกับอเล็กซ์จริงๆ เหรอ จำเป็นขนาดนี้เลยเหรอ? แม้ว่าอเล็กซ์จะประกาศชัดว่าเธอไม่ใช่สเปคเขา แต่รมิตาก็ยังคิดอยู่ดีว่า ไม่สมควรไปนอนค้างห้องเดียวกับผู้ชายที่นับได้ว่าแปลกหน้าต่อกัน เพียงแต่เธอไม่มีอะไรยืนยันว่าเขาจะไม่หนี และต้องการดูสภาพห้องของเขาด้วย เผื่อว่าจะมีเบาะแสอะไรมายืนยันว่าสมมติฐานของอเลนเป็นความจริง ถ้าเขารู้สึกแย่มากจริงๆ ในห้องอาจจะมีพวกอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการฆ่าตัวตายก็เป็นได้

ในลิฟต์ เมื่อมองผ่านผนังที่ขึ้นเงาวับ อเล็กซ์ก็เห็นอาการกระสับกระส่ายของหญิงสาวอย่างชัดเจน เขานึกตลกไม่น้อย

‘ทีท้าผู้ชายดื่มเหล้า กลับท้าได้ แต่แค่ให้มานอนเฝ้า กลับมีทีท่ากลัวๆ กล้าๆ แบบนี้...ก็ไม่ได้แน่จริงเท่าไรนี่นา’

ห้องของอเล็กซ์อยู่บนชั้นที่ยี่สิบสี่ เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับเป็นห้องสีขาวสะอาด เน้นสีสันที่ตัวเฟอร์นิเจอร์ซึ่งดีไซน์เรียบง่ายแต่หรูหราและดูล้ำสมัยมาก

“ทำตัวตามสบายได้เลยนะ” อเล็กซ์ที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นเจ้าของสถานที่ เอ่ยอย่างคนเอื้อเฟื้อเต็มที่ ปล่อยให้รมิตายืนหันรีหันขวางไม่รู้จะวางตัวเองไว้ที่ไหนอยู่ตรงกลางห้อง ส่วนเขาเลี้ยวเข้าห้องน้ำไปจัดการชำระล้างร่างกาย

รมิตาสำรวจที่ซุกหัวนอนชั่วคราวแล้วก็พบปัญหาขึ้นมา ส่วนที่เธอจะนอนได้นั้นก็คือโซฟาบิลด์อินตัวยาวที่ตั้งวางขนานไปกับผนังกระจก มันคงจะสวยมากถ้าได้นอนดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินจากมุมนี้...ถ้าเธอไม่ได้กลัวความสูงเมื่อมองลงไปยังผืนน้ำสีเข้มด้านล่าง แล้วโซฟาตัวนี้ก็ตั้งอยู่ด้านหน้าของเตียงใหญ่ เท่ากับว่าเธอจะต้องนอนห่างกับอเล็กซ์แค่ราวๆ หนึ่งเมตรเท่านั้น ไม่เหมือนในอพาร์ตเมนต์ของโมนิก้าที่อย่างน้อยก็มีประตูคั่น

หัวคิ้วของเธอขมวดมุ่นอย่างคนคิดไม่ตก

‘หรือว่าจะกลับไปนอนที่เดิมดี?’

ในระหว่างที่เดินวนไปวนมาเหมือนเสือติดจั่นนั้น เสียงน้ำในห้องน้ำก็หยุดลง อเล็กซ์ออกมาด้วยสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เผยรูปร่างสูงเพรียวแต่ปราศจากไขมันและมีหยดน้ำเกาะพราวเต็มตัว รมิตานิ่วหน้าไม่พอใจเครื่องแต่งกายของเขาที่ดูไม่ค่อยสมควรใส่ออกมายืนอยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่ไม่ใช่คู่รัก

แต่ที่ทำให้รมิตามองเขาตื่นๆ ราวกับกระต่ายน้อยที่พลัดมาเจอนักล่าแห่งพงไพร เป็นเพราะสายตาของอเล็กซ์ส่งกระแสเข้มข้นบางอย่างออกมา นัยน์ตาสีฟ้าสวยจับจ้องมายังร่างเล็กก่อนจะเริ่มก้าวเข้าหาทีละนิด มั่นคง เนิบช้า และแน่วแน่ รมิตาใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เท้าถอยหลังด้วยความหวั่นกลัวที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความก๋ากั่น จนกระทั่งขาสะดุดเข้ากับโซฟาแล้วเธอก็ทรุดลงไปนั่งบนโซฟาพอดี แต่เพราะว่าเสียการทรงตัวจึงทำให้หัวกระแทกเข้ากับผนังกระจกเต็มๆ

“โอ๊ย!”

ชายหนุ่มที่มีใบหน้าคร้ามเข้มผุดยิ้มขำขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่กับท่าทางทุลักทุเลของหญิงสาว รมิตาทันได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเจ็บใจที่เผลอทำตัวเซ่อซ่าให้อีกฝ่ายเก็บเอามาหัวเราะได้ แล้วหญิงสาวก็ได้เห็นว่า อเล็กซ์กำลังยิ้มอยู่...เวลาที่เขาไม่ทำเย็นชา มีสีหน้าไม่รับแขกตลอดเวลานั้น...นัยน์ตาสีฟ้าของเขาจะเป็นประกายสวย มุมปากโค้งขึ้นน้อยๆ อย่างสงวนท่าที

แน่นอนว่า เธอเคยเห็นอเลนยิ้ม

ฝาแฝดสองคนนี้กลับมีรอยยิ้มไม่เหมือนกัน รอยยิ้มของอเลนเหมือนกับพระอาทิตย์อันจัดจ้าในวันสดใส ในขณะที่อเล็กซ์กลับมีรอยยิ้มจางๆ ทว่านุ่มนวล ละมุนละไมเหมือนพระจันทร์ที่เปล่งแสงสีเงินยวงในคืนไร้ดาว

แต่ที่เหมือนกันของรอยยิ้มทั้งคู่คือ ทำให้คนมองตาพร่าได้ง่ายดาย

ปากที่กำลังจะตะเบ็งเสียงใส่เขาถามว่าหัวเราะอะไรเลยอ้าค้าง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ

“เจ็บมากไหม?” คำถามของชายที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าดึงสติของหญิงสาวกลับมา

“เจ็บ แต่ไม่มาก” เธอตอบกลับ ขณะที่ยกมือคลำศีรษะป้อยๆ ด้วยใบหน้าเหยเก

“ถ้าหากกลัวผมนัก พักอยู่ที่เดิมก็สิ้นเรื่อง ไม่งั้นก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้หรอก”

“ใครบอกว่าฉันกลัวคุณกัน?” เพราะถูกสั่งสอน รมิตาเลยตวัดตาขึ้นใส่ แต่ตัวต้นเหตุกลับโน้มตัวลงมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน ทำเอาหญิงสาวผงะอีกรอบเป็นเหตุให้เจ็บตัวซ้ำสอง

“โอ๊ย!”

“อันนี้เรียกไม่กลัวสินะ” เสียงทุ้มเจือกระแสขบขันเอ่ยขึ้น

คนที่เจ็บจนน้ำตาเล็ดกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจที่ตอนนี้เถียงไม่ออก เธอกลัวเขาจริงๆ นั่นแหละ แต่เขาก็รู้ว่าเธอกลัวแล้วยังจะเข้ามาใกล้อีก นี่มันแกล้งกันชัดๆ มือของเธอยืดออกหมายจะผลักใส่คนขี้แกล้ง แต่อเล็กซ์กลับยืดตัวขึ้นตามเดิมพร้อมถอยหลังไปก้าวหนึ่ง รมิตาจึงพลาดไปไม่ได้เอาคืนสักนิด

อเล็กซ์มองจากมุมสูงแล้วลงความเห็นว่า หัวของแม่สาวเจ้าปัญหานี่ไม่น่าจะปูดหรือโนอะไร หรือหากจะเป็นก็ไม่น่าจะมีอาการหนัก เขาเลยสั่งเธอไปว่า

“เอาละ ลุกขึ้น แล้วกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่ล็อบบี้ด้านล่างตอนแปดโมง” ยังไงชายหนุ่มก็รักความเป็นส่วนตัวและไม่อยากให้หญิงสาวเข้ามายุ่มย่ามนัก ที่ยอมให้ตามมาด้วยในตอนแรกก็แค่อยากจะหลอกให้รมิตาต้องไปๆ กลับๆ ระหว่างโรงแรมของเขากับที่พักตัวเองหลายรอบหน่อยเท่านั้น

“ไม่! ฉันไม่กลับ” คนดื้อดึงยืนกรานเสียงแข็ง

“จะเฝ้าผมให้ได้ใช่ไหม?” อเล็กซ์เลิกคิ้วขณะถาม

“ใช่!” แม่สาวตัวเล็กพยักหน้ารับทันที

อเล็กซ์ส่ายหน้าและถอนใจออกมาอีกคำรบหนึ่ง แล้วบอกว่า “งั้นก็ลุกขึ้น ตรงนี้มันที่นอนผม”

“อ้าว! คุณไม่ได้นอนที่เตียงหรอกเหรอ?”

“เปล่า ผมนอนที่โซฟานี่ต่างหาก” ชายหนุ่มเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อว่า...

“อีกอย่างถ้าปล่อยคุณนอนตรงนี้ ผมคงได้ยินเสียงหัวโขกกระจกทั้งคืนแน่ๆ ซึ่งผมคงจะนอนไม่หลับ และพรุ่งนี้อาจต้องนำคุณส่งโรงพยาบาล ผมอาจจะถูกตั้งข้อหาคดีพยายามฆาตกรรมผู้หญิงด้วยการใช้ผนังกระจกให้เป็นประโยชน์”

“หยุดพูดเลยนะ!” รมิตาแหวใส่และมองเขาตาขวาง ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดไปที่ห้องน้ำเพื่อไปดูแผลฟกช้ำบนศีรษะ

ด้านอเล็กซ์มองตามร่างเล็กๆ แล้วครุ่นคิดต่อ ถ้ารมิตาอยากจะมีเซ็กส์กับเขาละก็...เมื่อครู่ที่เขาแสร้งมองเธอเหมือนจะจับกลืนเข้าไปทั้งตัวนั้น เจ้าตัวคงจะโผเข้าใส่อ้อมกอดเขาแล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนลืมโลกไปเลย...แต่รมิตาไม่ได้ทำแบบนั้น เธอก้าวถอย อารมณ์ที่แสดงออกมาคือความหวาดกลัวที่ฝืนข่มกลั้นว่าไม่รู้สึกอะไร และนัยน์ตาที่กลอกไปมาเพื่อหาทางรอดจากเขาที่จัดว่ายืนขวางเส้นทางที่นำไปสู่ประตูทางออก หากเขาตีความตามภาษากายที่เธอมี ก็น่าจะแปลได้ว่า รมิตาไม่ได้อยากนอนกับเขา เธอไม่ได้ชอบเขาตามที่ปากว่าไว้จริงๆ

‘งั้นมาเข้าใกล้เขาด้วยเหตุผลอะไรล่ะ? ว่าแต่...เธอกลัวเขาชัดๆ แต่ก็ยังยืนกรานจะอยู่ด้วยให้ได้ อะไรคือแรงผลักดันให้เธอทำใจกล้าแบบนี้กัน?’

อเล็กซ์ขบคิดไม่ออก ตีปริศนานี้ไม่แตก ทางเดียวที่เขาจะหาคำตอบได้ คงมีแต่สังเกตผู้หญิงคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ เท่าที่ดู รมิตาไม่เหมือนคนที่โกหกเป็นไฟ ฉะนั้นไม่นานเธอจะต้องหลุดอะไรบางอย่างออกมาแน่

และเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หนุ่มนัยน์ตาฟ้าก็คลี่ยิ้มจางๆ ออกมา

‘เป็นผู้หญิงที่น่าแกล้งชะมัด’

*************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาจ้า ^^

--นางเอกเราไม่ใจร้ายพอให้พระเอกใส่จีสติงหร๊อก อิอิ เก็บไว้ดูคนเดียวดีกว่าเนอะ



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.พ. 2557, 03:55:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.พ. 2557, 03:55:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1300





<< เดิมพัน   เปิดฉาก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account