ราคีกุหลาบ
เรื่องราวความรักของทริปท่องเที่ยวในสเปน
ระหว่างหญิงสาวชาวไทยกับหนุ่มหล่ออเมริกัน ^^

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เปิดฉาก

บทที่ 4 เปิดฉาก

อาจจะเพราะนอนเร็วและหลับสนิทตลอดทั้งคืนทำให้อเล็กซ์ตื่นตั้งแต่เช้า เวลาหกโมงสามสิบนาทีของที่นี่ยังไม่มีแม้แต่แสงอาทิตย์ขึ้นด้วยซ้ำ บาร์เซโลนายังคงหลับใหลเหมือนแม่ผู้หญิงตัวปัญหาที่ยังคงหลับอุตุอยู่บนเตียงของเขา...

ชายหนุ่มเห็นสภาพ ‘หนอน’ ของเธอแล้วก็ให้เผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง ร่างเล็กถูกห่อม้วนหลายทบด้วยผ้าห่มผืนใหญ่ เมื่อดูเวลาแล้วนับว่ายังไม่สายอะไร อเล็กซ์เลยปล่อยให้รมิตานอนต่ออีกหน่อย เขาตั้งใจจะไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยออกมาดูอีกหน ถ้ายังไม่ตื่นค่อยปลุก
ซึ่งหลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จแล้ว แม่หนอนตัวโตก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น อเล็กซ์เลยจำใจต้องส่งเสียงเรียก

“ตื่นได้แล้ว ตอนนี้เจ็ดโมงแล้ว”

สิ่งที่ได้รับมีเพียงความเงียบ...

“เจ็ดโมงแล้ว ตื่น!” อเล็กซ์ที่ไม่เคยได้ปลุกใครให้ตื่นนอนมาหลายปีแล้วเพิ่มระดับเสียงขึ้นอีกนิด

ร่างเล็กในก้อนผ้าห่มยังคงเป็นเจ้าหญิงนิทราต่อไป...

อเล็กซ์กลอกตาอย่างระอานิดๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วเอื้อมมือไปเขย่าแขนเรียวแรงๆ

“อื้อ” เจ้าหญิงนิทราไม่ยอมลืมตาตื่นแค่เพราะมือหนาของเจ้าชาย หนำซ้ำเธอยังปัดมือเขาทิ้งอีก ก่อนจะขยับศีรษะซุกหมอนหนุนอีกใบที่เอามาทำเป็นหมอนข้าง เจ้าชายรูปหล่อถลึงตามองคนขี้เซาอย่างหงุดหงิด เขาโน้มตัวไปตะโกนใส่ริมหูเธอ

“ตื่นได้แล้ว!” อเล็กซ์ตั้งใจไว้ว่า หากยังไม่ตื่นอีก เขาคงจะต้องเอาน้ำมาราดหน้ารมิตาแทน

เสียงดังที่เข้าหูมากะทันหันทำให้เจ้าหญิงนิทราลืมตาโพลงเพราะความตกใจ เมื่อคืนกว่ารมิตาจะหลับได้ เธอก็พลิกไปพลิกมาอยู่นาน ตอนแรกก็เป็นเพราะไม่ไว้ใจกลัวว่า อเล็กซ์จะหนีไปตอนกลางคืนประกอบกับที่ท่าทีของชายหนุ่มเหมือนจะคิดไม่ซื่อกับเธอ รมิตาเลยตั้งใจจะถ่างตา รอดูว่าเมื่อไรอเล็กซ์จะออกลาย เธอจะได้คว้าเอาโคมไฟมาฟาดหัวเขาให้เบะไปข้าง น่าเสียดายที่จินตนาการของเธอไม่เป็นจริง อเล็กซ์หลับสนิท หลังจากแน่ใจว่าเขาหลับแน่แล้ว หญิงสาวก็ย่องลงจากเตียงมาแอบสำรวจข้าวของในห้องอย่างระมัดระวัง โดยอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องดู แน่นอนว่าเธอไม่พบเชือก มีด หรือแม้กระทั่งถุงพลาสติกเปล่าๆ ในห้อง เหลือแค่กระเป๋าเดินทางของอเล็กซ์ที่เธอไม่ได้ตรวจดู เพราะกลัวทำเสียงดังจนเป็นเหตุให้อเล็กซ์ตื่นขึ้นมา

รมิตายังไม่อยากจะฟันธงอะไรนัก แต่ในใจมีความคิดว่า อเลนคิดมากไปเองจนทำให้เธอพลอยวิตกจริตตามไปด้วย จริงๆ แล้วอเล็กซ์ไม่น่าจะคิดสั้น หญิงสาวคาดเดาว่าสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือเพื่อนที่เข้าใจเขากับเวลา ซึ่งมันน่าจะช่วยเยียวยาแผลในใจของเขาได้

รมิตาตั้งใจว่าตอนเช้าเธอจะดีต่ออเล็กซ์ให้มากขึ้น เขาจะได้ไม่เผลอคิดอะไรโง่ๆ กว่าหญิงสาวจะหลับได้ก็ข้ามไปอีกวันแล้ว และเพราะเหนื่อยไม่น้อย เมื่อหลับไปแล้วเธอเลยหลับยาว

ดวงตาดำขลับกะพริบปริบๆ มองใบหน้าคมเข้มของผู้ชายที่อยู่ใกล้ๆ ห่างกันไม่ถึงคืบเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่หลายวินาที หลังจากสมองประมวลผลอย่างเร็วจี๋ เธอก็สะดุ้ง แต่เพราะว่าตัวถูกห่ออยู่ทำให้ขยับลำบาก มีเพียงสองแขนที่เป็นอิสระ หญิงสาวที่ความรู้สึกช้าจึงร้องลั่น สองมือตั้งท่าผลักใส่คนตัวโตที่อยู่เหนือร่างเธอ

“จะทำอะไรน่ะ! ถอยไปนะ ไหนบอกว่าฉันไม่ใช่สเปคคุณไง”

“ไปกันใหญ่แล้วแม่คุณ นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว คุณนัดผมไว้แปดโมงไม่ใช่รึไง?”

“เอ๊ะ! เอ๋?” รมิตาทำหน้าเหลอหลา ก่อนที่ดวงหน้าของเธอจะขึ้นสีระเรื่ออย่างกระดากใจที่ทึกทักไปเอง

“วางใจเถอะ ไม่มีผู้ชายคนไหนมีอารมณ์กับหนอนขี้เซาอย่างคุณหรอก ยิ่งผู้หญิงที่นอนน้ำลายไหลยืดด้วยแล้ว...”

“อ๊ะ!” รมิตารีบยกมือแตะที่มุมปากทันที ดวงหน้าอ่อนเพลียขึ้นสีแดงนิดๆ ด้วยความอับอาย แต่ไม่ว่ายังไงก็สัมผัสไม่ได้ถึงคราบน้ำลายอย่างที่เขาว่ามา เธอรีบกล่าวแก้ทันควัน “คุณหลอกฉันนี่ ฉันไม่ได้นอนน้ำลายไหลยืดซะหน่อย”

“ผมบอกสักคำหรือยังว่าคุณเป็นคนนอนน้ำลายไหลยืด?” อเล็กซ์ย้อนถาม ในขณะที่แววตามีประกายขบขันเล็กๆ วูบขึ้นมาก่อนจะจางหายไป ชายหนุ่มถอยห่างออกมาอยู่ในระยะปลอดภัย แล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตัวยาวพร้อมสั่งความโดยไม่มองคนบนเตียงที่เบิกตากว้างเพราะหลงกลถูกแกล้งตั้งแต่ตื่นนอน ไม่นานสีหน้าตื่นตะลึงก็เปลี่ยนเป็นเจ็บใจและขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแทน

“ผมใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว เชิญไปล้างหน้าล้างตาอาบน้ำให้หายละเมอว่าผมปล้ำคุณเสียก่อน แล้วออกมาทานอาหารเช้ากัน”

รมิตาทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่เขาสั่ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังหันมาย่นจมูกอย่างขุ่นเคืองใส่อเล็กซ์ ขณะที่เขายกหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษขึ้นอ่าน

*************************************************

“คุณจะถ่ายรูปผมไปทำไม?”

คนที่กำลังอ้าปากจะกินโบคาดิลโล ชะงักกึกไปเล็กน้อย แต่ก็รีบงับขนมปังทันทีเพื่อซื้อเวลาหาข้ออ้างเนียนๆ จากการที่ปากไม่ว่าง ไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ในทันควัน แต่ท่าทางของเธอไม่อาจเล็ดรอดผ่านสายตาของอเล็กซ์ไปได้ ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกว่าเธอมีพิรุธ หลังจากเคี้ยวอาหารจนหมด เธอรีบหยิบกาแฟขึ้นมาดื่มตามลงไปอีกอึกหนึ่ง แล้วรมิตาก็เริ่มอธิบาย

“คือมันมีประกวดหัวข้อคนในฝัน ฉันต้องการลงประกวดแต่ปัญหาคือ...ฉันไม่มีแฟนน่ะสิ ตอนแรกฉันก็ถอดใจไปแล้วละ แต่พอเห็นหน้าคุณปุ๊บ ฉันก็บอกตัวเองว่า ฉันยอมให้คุณหลุดมือไปไม่ได้ ฉันจะต้องเอาคุณมาเป็นนายแบบของฉันให้ได้” รมิตาไม่ได้โกหก มันมีประกวดรูปถ่ายหัวข้อนี้จริงๆ จัดขึ้นโดยบริษัทขายกล้องชั้นนำยี่ห้อหนึ่ง แต่เพราะเธอไม่มีแฟนและไม่สามารถให้อเลนมาเป็นแบบถ่ายภาพนี้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นเธอกลัวว่าความลับที่ซ่อนอยู่จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป...

อเล็กซ์เงียบไปชั่วครู่ราวกับใคร่ครวญคำพูดของหญิงสาวอย่างละเอียด

“แปลว่า...ผมเป็นชายในฝันของคุณงั้นหรือ?” ใบหน้าของคนพูดเรียบเฉย แต่คนที่กำลังดื่มกาแฟอยู่มีอาการเหมือนจะสำลักทันที

“มะ ไม่ใช่นะ” รมิตาตอบตะกุกตะกัก นั่นเพราะร้อนตัวเมื่อนึกไปถึงอเลน คู่แฝดของอเล็กซ์ หัวใจเหมือนพลิกคว่ำพลิกหงาย ร้อนตัวกลัวความแตกขึ้นมา

“ไม่ใช่? เห็นๆ อยู่ว่าหัวข้อมันคือ ชายในฝัน และคุณก็พูดเองว่า ต้องเอาผมมาเป็นนายแบบให้ได้ ผมตีความตรงไหนผิดกัน?” อเล็กซ์เลิกคิ้ว ขณะที่ทวนประโยคที่ย้ำชัดว่า หญิงสาวพูดอะไรออกมา

“เอ่อ...” แม่ตัวดีเองก็เถียงไม่ออกเหมือนกัน

อเล็กซ์ไม่ได้จัดการเหยียบซ้ำด้วยคำพูดต่อ แต่สายตาของเขาที่มองมาก็บ่งบอกชัดว่าเขาเย้ยหยันเธออยู่ไม่น้อยที่พลั้งปากพูดประโยคนั้นออกมา นัยน์ตาคมกริบสีฟ้าสวยมีประสิทธิภาพดีมาก เพราะทำให้แก้มของเธอร้อนฉ่าแล้วชาไปทั้งแถบเหมือนถูกตบหน้า

หญิงสาวขบกรามแน่น แล้วเค้นเสียงออกมาว่า “ฟังนะ ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง แต่ฉันพูดได้เลยว่า ชายในฝันของฉันไม่มีทางเป็นคุณล้าน
เปอร์เซ็นต์ ฉันไม่คิดชอบคุณเลย”

“อ้อ---ผู้หญิงมักปากไม่ตรงกับใจ” อเล็กซ์เอ่ยลอยๆ

“ฉันปากกับใจตรงกัน ฉันไม่มีวันชอบผู้ชายปากจัด เย็นชาแบบคุณหรอก!” หญิงสาวเน้นหนัก แก้มสองข้างแดงขึ้นด้วยความโกรธ

“อืม ก็ดี อย่ามาชอบผมเลย ผมไม่อยากขึ้นศาลฟ้องคุณ ขี้เกียจร้องขอคำสั่งศาล ห้ามให้คุณเข้าใกล้ผมในระยะสิบเมตร” อเล็กซ์ตอบเสียงเนือยๆ

ฟังเขาว่าแล้ว รมิตาฉุนกึก เธอไม่ได้มีพฤติกรรมอันตรายอย่างที่เขากล่าวหาขนาดนั้นเสียหน่อย “เกินไปแล้วคุณ คิดว่าตัวเองดีเลิศมาจากไหนกัน”

“ใครบางคนเพิ่งบอกผมไปว่า ต้องได้ผมเป็นนายแบบนะ มันไม่ใช่การการันตีคุณสมบัติของผมอีกเหรอ” อเล็กซ์เอ่ยเยาะๆ ขณะที่มองหน้าของหญิงสาว

รมิตาชะงักอีกครั้งที่โดนคำพูดตัวเองย้อนมาผูกมัดตัวเองเข้าให้ หญิงสาวเดือดจัดจนอยากให้ตัวเองมีแรงช้างสารนัก เธอจะจัดการยกโต๊ะทานอาหารตัวนี้ขึ้นมา แล้วทุ่มใส่หัวอเล็กซ์ให้เขากลายเป็นศพคาห้องนี้ทันที รมิตาพยายามระงับอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่คล้ายพายุไต้ฝุ่นของตัวเองด้วยการใช้ส้อมจิ้มโชริโซ ที่เหลือขึ้นมาเคี้ยวหนักๆ เมื่อกลืนลงคอไปจนหมดแล้ว จานตรงหน้าว่างเปล่า เธอก็เปิดฉากขึ้นมาว่า

“ฉันจะพูดอีกครั้ง คุณจะไม่เชื่อก็ตามใจคุณ ที่ฉันเลือกคุณมาเป็นนายแบบก็เพราะหน้าตาที่สุดแสนเพอร์เฟ็กต์ของคุณก็จริง แต่กรุณาจำใส่สมองไว้ด้วยว่า คนในฝันกับคนที่รัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกัน ต่อให้ฉันเห็นว่าคุณเป็นชายในฝันของฉันจริง แต่หลังจากฉันเห็นนิสัยแย่ๆ ของคุณแล้ว ฉันก็มั่นใจมากว่าตัวเองเลือกจะแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ!”

รมิตาทิ้งท้ายได้อย่างเจ็บแสบ ก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้อเล็กซ์รู้สึกเหมือนถูกลิ่มตอกใส่แผลเก่าบนหัวใจที่ยังไม่ตกสะเก็ดดี...ชายหนุ่มกำมือแน่น อยากจะอาละวาดขึ้นมาติดหมัด แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่งนิ่งเงียบ เพียงแต่บัญชีหนนี้ อเล็กซ์จดใส่บัญชีของ ‘โรซี่’ เรียบร้อยแล้ว

*************************************************

หลังจากพ่นถ้อยคำที่เสมือนดาบคมกริบใส่อีกฝ่ายแล้วมาเข้าห้องน้ำ รมิตาก็เพิ่งจะสำนึกกับสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ กลายเป็นว่า เธอเป็นฝ่ายกระวนกระวายใจมาก หัวใจถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย ด้านดีกับด้านร้ายโต้แย้งกันดุเดือด

ด้านดีนั้นย้ำเตือนว่า การที่เธอพูดคำร้ายกาจออกไป อาจจะเป็นสาเหตุทำให้อเล็กซ์เตลิด แล้วเธอก็จะเป็นฆาตกรโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะมีส่วนทำให้เขาใช้อารมณ์ชั่ววูบแล้วคิดสั้น

‘แต่จะให้ออกไปขอโทษก็...’

ด้านร้ายๆ รีบออกมาแย้ง อเล็กซ์เป็นฝ่ายชวนเธอทะเลาะก่อนเองนะ และเธอไม่ผิด หากเธอไม่ตอบโต้ไปบ้าง อเล็กซ์ก็จะได้ใจ คิดว่าเธอรังแกได้ง่ายๆ แล้วหลังจากนั้นเธอต้องกลายเป็นลูกไล่ของยอดชายนายอเล็กซ์นี่แน่นอน

หัวใจของเธอสับสนไม่น้อย แต่ไม่นานหญิงสาวก็สงบลง เมื่อชั่งน้ำหนักเรื่องราวต่างๆ ได้

เธอจะเป็นลูกไล่ของเขาอย่างมากก็แค่ห้าวัน แล้วหลังจากนั้นเธอก็เป็นอิสระ แต่ถ้าเขาตายไป...เธอจะรู้สึกบาปไปชั่วชีวิต และไม่มีทางเป็นอิสระต่อตราบาปในใจนี่ได้เด็ดขาด

รมิตาเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอรู้สึกแย่ไม่น้อย แต่ก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พยายามรวบรวมความกล้า เดินไปพูดกับอเล็กซ์ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมว่า

“ฉันขอโทษ”

“ขอโทษทำไม?” อเล็กซ์ปรายตามองหน้าคนพูดอย่างประหลาดใจ แต่เขาก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“ฉัน...พูดแรงเกินไป” แม้จะพยายามคุมอารมณ์ แต่เสียงยังสะบัดขึ้นนิดๆ อย่างคนไม่ยินยอมพร้อมใจร้อยเปอร์เซ็นต์

“ก็รู้ตัวนี่” ท่าทีและคำพูดของอเล็กซ์นั้นทำให้หญิงสาวเกือบจะเดินออกจากห้องไปแล้วโทรศัพท์หาอเลนเพื่อยกเลิกทุกอย่าง

“แต่ถ้าไม่รู้สึกขอโทษอย่างที่ปากว่ามา ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ ผมไม่เห็นอยากได้คำขอโทษลวกๆ แบบนี้”

รมิตาเริ่มจะเหลืออด “เอ๊ะ! ฉันก็ขอโทษคุณแล้วนะ ยังจะเอาอะไรอีก?”

“ก็ไม่เอาอะไร แค่จะบอกว่า ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องขอโทษ” อเล็กซ์ยักไหล่ให้ ขณะที่มองฝ่ายตรงข้ามออกอาการโกรธจนตัวสั่น

รมิตาเลิกคิ้วสูงพลางสูดลมหายใจเข้าปอดซ้ำอีกหน เธอพยายามย้ำกับตัวเองว่า เธอจะต้องดีกับอเล็กซ์ อย่าได้เผลอเอาจานบนโต๊ะฟาดหัวเขาให้แบะไปข้างเด็ดขาด

“โอเค ฉันยอมรับก็ได้ว่า ส่วนหนึ่งฉันไม่อยากขอโทษคุณหรอก คุณน่ะอ้าปากทีก็หาว่าฉันเป็นคนโรคจิตบ้างละ หรือไม่ก็หลงตัวเองคิดว่าฉันต้องชอบคุณเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นชอบ คุณคิดว่าฉันจะอยากขอโทษคนที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่รึไงกันล่ะ” รมิตาเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไป

“เอาละ ฉันยอมรับว่าการที่ฉันเกิดนึกบ้าพนันขึ้นมาจนทำให้คุณต้องมาเป็นนายแบบให้ มันเป็นเรื่องงี่เง่าที่สุด แต่มันไม่แฟร์นี่นา คุณกับฉันแข่งกัน ฉันชนะ คุณก็ต้องทำตามเงื่อนไข นี่ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว...แล้วคุณจะมาจิกกัดฉันให้ได้อะไรขึ้นมา จะทำให้บรรยากาศระหว่างกันเสียทำไม ทำไมคุณไม่มาร่วมมือกับฉันแล้วทำให้วันที่เหลืออยู่เป็นวันที่ดีของเราสองคนล่ะ ฉันจะได้งานตามที่ต้องการ ส่วนคุณก็จะได้ไม่ต้องมาเสียอารมณ์ถ้าฉันทะเลาะกับคุณอีก เรื่องแค่นี้ทำไมคุณไม่เข้าใจ”

ประโยคสุดท้ายทำให้อเล็กซ์ปล่อยรังสีเย็นเยียบออกมาแช่แข็งรมิตา แต่เขาก็เงียบไปชั่วครู่เหมือนคิดทบทวนตามที่หญิงสาวกล่าวอย่างเปิดอก ก่อนจะพูดว่า

“ผมเข้าใจแล้ว ผมไม่ควรทะเลาะกับคุณเป็นเด็กๆ...เรามาทำความรู้จักกันใหม่เป็นไง?” เพราะอเล็กซ์รู้สึกตัวว่า ถึงเขาโกรธไปก็ไม่ทำให้เขารู้จักรมิตามากขึ้น ชายหนุ่มเลยยอมหย่าศึกชั่วคราว

รมิตาทำหน้าเหวอที่บทจะเปลี่ยนท่าที อเล็กซ์ก็เปลี่ยนปุบปับ

ชายหนุ่มยื่นมือออกไปหาแล้วแนะนำตัวว่า “ผมอเล็กซ์ คอลลินส์ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณ...”

“โรซี่ค่ะ” หญิงสาวจับมือเขาตอบและเอ่ยเพียงชื่อเล่นของตัวเองที่เพื่อนชาวสเปนตั้งให้ ไม่อยากแนะนำตัวอะไรมาก เพราะห้าวันนี้ เธอจะไม่ยอมทิ้งเรื่องราวอะไรไว้ให้อเล็กซ์ตรวจสอบได้

“โรซี่...หวังว่าห้าวันหลังจากนี้ เราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนะ” ชายหนุ่มเผลอนึกถึงกุหลาบแดงดอกใหญ่ดอกนั้น...อืม สงสัยเธอจะชอบดอกกุหลาบเหมือนชื่อ

“ค่ะ ฉันก็หวังเหมือนกัน”

“งั้นมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้คุณมีโปรแกรมจะพาผมไปถ่ายรูปที่ไหนบ้างครับ”

“ก่อนอื่นเลยฉันจะอยู่ที่บาร์เซโลนาวันนี้เป็นวันสุดท้าย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปที่อื่นแล้ว คุณก็ต้องไปกับฉันด้วย ไม่ทราบว่าคุณมีที่ๆ อยากไปเป็นพิเศษไหมคะ ฉันจะได้ลองปรับโปรแกรมฉันดูให้มันเข้ากันได้”

เมื่อชายหนุ่มเลิกพูดจากระแนะกระแหน รมิตาก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ทำตัวเป็นการเป็นงานขึ้นมา ให้ไอ้เรื่องที่โกรธจนเส้นเลือดปูดโปนเมื่อครู่หายไปจากหัวสมองก่อน ตอนนี้เธอจะต้องรับมือกับผู้ชายที่เอาใจยากคนหนึ่ง ถ้าพูดจาไม่เข้าหู เดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันอีก

“ก็ไม่เชิงโปรแกรมพิเศษ เอาเป็นว่าช่วงกลางวันนี้ ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นเป็นเวลาของคุณ หลังจากนั้นเป็นเวลาส่วนตัวของผม ตกลงไหม”

หญิงสาวแสร้งทำท่าทบทวนนิดหน่อยก่อนจะตอบตกลง

“อืม โอเคค่ะ เพราะฉะนั้นช่วงเช้าโปรแกรมจะเป็นงานของอันโทนี เกาดี ฉันอยากถ่ายรูปคุณที่ด้านนอกโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย คงไม่เข้าไปข้างในเพราะว่าเรามีเวลากันน้อย แล้วก็ไปปาร์กกูเอล จากนั้นไปต่อที่ย่านบาร์รี โกติก แล้วพักทานข้าวเที่ยงกัน เอ่อ...อเล็กซ์คุณมีใบขับขี่สากลไหมคะ?” หญิงสาวถามไปอย่างนั้นเอง นั่นเพราะเธอแอบเห็นใบขับขี่สากลของเขาแล้วตอนถือวิสาสะเปิดกระเป๋าเขาเอาเงินไปจ่ายค่าซักรีด

“มี” เขาตอบสั้นๆ ตามเคย

รมิตายิ้มจนตาหยี โดยไม่ปิดบังความรู้สึกตัวเองเลยสักนิด

“ฉันอยากให้คุณช่วยขับรถพาฉันไปหุบเขามอนต์เซอร์รัต หน่อยค่ะ เดินทางจากบาร์เซโลนาไปมอนต์เซอร์รัตโดยรถยนต์ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”

“รถยนต์?” ชายหนุ่มทวนคำขึ้นมา หญิงสาวรีบตอบให้เขาหายข้องใจ

“ฉันยืมรถเอาไว้แล้วค่ะ ตอนบ่ายเราจะกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ที่ฉันอยู่แล้วก็ขับรถไปที่มอนต์เซอร์รัตได้เลย”

“คุณจะไปทำอะไรที่นั่น” อเล็กซ์ไม่ใช่นักท่องเที่ยวตัวยง ที่สเปนนี่นอกจากเมืองที่ดังมากอย่างมาดริด บาร์เซโลนา โตเลโด และกรานาดาแล้ว เขาจำชื่อเมืองอื่นไม่ได้เลย

“ฉันอยากไปเที่ยวมหาวิหารซานตามาเรีย มอนต์เซอร์รัต ค่ะ แค่มองจากรูปภาพฉันก็ว่ามันสวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวรีบยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขาดูรูปถ่ายโบสถ์ที่ว่ามา อเล็กซ์มองภาพโบสถ์ผ่านๆ แล้วว่า

“แล้วจะกลับเมื่อไร?” เขาตั้งคำถาม มีลางสังหรณ์ว่าการไปที่วิหารนั่นจะเบียดเบียนเวลาส่วนตัวที่เขาบอกไว้

“ฉันจะพยายามทำเวลาให้เสร็จก่อนสี่โมงเย็นนะคะ คุณจะได้กลับมาที่บาร์เซโลนาทันห้าโมงเย็น”

“อืม” อเล็กซ์ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรว่าแม่โรซี่จะทำเวลาได้ตามคำพูด

“โปรแกรมของวันนี้ก็จบเท่านี้ค่ะ”

“แล้วพรุ่งนี้เราจะไปไหนกันต่อ? ไม่สิ เอาเป็นว่าช่วยบอกแผนโปรแกรมของอีกสี่วันที่เหลือให้ผมรู้ด้วยเลยแล้วกัน”

“อ่า ค่ะ ก็พรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่เราจะจับรถไฟไปยังมาดริดแล้วเที่ยวที่นั่นค่ะ หลักๆ ก็คือพระราชวังมาดริด ปูเอร์ตา เดล โซล เป็นต้น ค้างหนึ่งคืน วันที่สาม โปรแกรมจะแน่นเอี้ยดไปสักหน่อย ช่วงเช้าเราจะขึ้นรถไฟไปยังเมืองหลวงเก่าโตเลโด แล้วพอตอนบ่ายก็ตีตั๋วไปดูเมซกิตาแห่งกอร์โดบา แล้วตกเย็นเราจะเดินทางไปเมืองเซบียา ที่เมืองนี้ตอนเช้าเราจะเดินเที่ยว ส่วนตกเย็นเราจะไปร่วมงานเทศกาลเฟเรีย เด อะบริลกัน และวันสุดท้ายเราจะไปดูพระราชวังอะลัมบราที่กรานาดา ตกบ่ายไปย่านอัลไบซิน พอเช้าวันที่หกก็คงต้องแยกทางกันแล้ว ฉันจะไปเมืองรอนดา ส่วนคุณก็เป็นอิสระ เพราะฉันคงถ่ายรูปคุณไปหมดทุกองศาแล้ว คาดว่าตอนนั้นคงจะไม่มีอะไรเหลือให้ถ่ายอีก” รมิตาเผลอพูดประชดประชันออกไปจนได้

อเล็กซ์มองข้ามคำกระทบกระทั่งนี่ไปแล้วพูดว่า “เท่าที่ว่ามา ก็ดูเป็นแผนที่โอเคอยู่ งั้นในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีกนิดหน่อยตอนนี้ สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปก็คือ จองตั๋วที่พักตามเมืองต่างๆ ให้ผมนะ”

รมิตาอ้าปากค้างอย่างลืมไปสนิทใจว่าตัวเองต้องยัดชายหนุ่มเข้าไปในแผนเที่ยวเดี่ยวๆ ด้วย เธอมัวแต่นึกวุ่นวายเรื่องของเขา จนลืมไปว่าถ้าต้องกระเตงอเล็กซ์ไปด้วยกัน แน่ละว่าเธอต้องจองตั๋วสถานที่เที่ยวบางแห่งกับที่พักให้เขาด้วย แต่ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือ...เงินของใครที่จะใช้จอง

แน่ละว่าเธอเป็นคนต้องการตัวเขาเอง ดังนั้นเธอสมควรจะต้องรับผิดชอบเงินค่าโรงแรมเหล่านี้ เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่ได้มีเงินพอจะออกให้เขานี่สิ...

“ผมไม่คาดหวังโรงแรมหรูหราอะไร เอาเป็นว่าผมขอห้องเดี่ยวก็พอ ผมไม่อยากจะนอนร่วมกับคนอื่นน่ะ ในเมื่อคุณอยากถ่ายรูปผม ดังนั้นค่าใช้จ่ายนี่สมควรเป็นคุณออกใช่ไหมล่ะ?” อเล็กซ์เอ่ยดักคอราวกับรู้ความในใจของรมิตาซึ่งกำลังจะอ้าปากบอกเขาว่าจะมาพักที่เดียวกับเธอได้หรือ? เธอเลือกที่พักราคาพอประมาณ ไม่ได้ถูกไปหรือแพงไป ไม่เหมือนอเล็กซ์ที่พักอยู่โรงแรมหรูระดับห้าดาว
รมิตาหุบปากลง กะพริบตาปริบๆ กระทั่งคำตอบรับสั้นๆ เธอก็พูดไม่ออก

“หวังว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนเราจะออกจากบาร์เซโลนากันนะ” อเล็กซ์คลี่ยิ้มจางๆ ออกมายามเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้รมิตาได้สติจากการอึ้งตะลึงในปัญหาที่เธอลืมไป

“เอ่อ ฉันคงต้องขอเวลาจัดการหน่อย สักประมาณหนึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ? ซึ่งเราคงจะออกสายไปหนึ่งชั่วโมง แต่ฉันจะพยายามทำเวลาให้ทันค่ะ”

“อ้อ ได้สิ ไม่มีปัญหา” อเล็กซ์พยักหน้าให้

รมิตาเหลือบดูจานอันว่างเปล่าของตนและถามขึ้นมา “ถ้าจำไม่ผิดคุณบอกว่าจะเลี้ยงอาหารเช้าฉันใช่ไหมคะ?”

อเล็กซ์เลิกคิ้วก่อนจะตอบรับ “ใช่”

“งั้นฉันขอสั่งอาหารเพิ่มได้ไหม?”

ชายหนุ่มสนเท่ห์เล็กน้อย แต่ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร เลยผายมืออนุญาต “เชิญ”

หญิงสาวจึงโทรไปสั่งรูมเซอร์วิสให้เอาของหวานขึ้นมาเสิร์ฟให้

รอประมาณแค่ห้านาทีกว่าๆ ชูร์โรส กับช็อกโกแลตร้อนๆ ก็นำมาส่งถึงที่ รมิตาไม่รอช้า สองตาเธอจับไปที่อเล็กซ์ ส่วนสองมือก็จัดการฉีกเจ้าชูร์โรสออกเป็นสองชิ้นแล้วก็จุ่มลงไปในช็อกโกแลตขุ่นๆ ปากของหญิงสาวก็ขมุบขมิบพึมพำเบาๆ ที่อเล็กซ์ฟังไม่ถนัด จับใจความไม่ได้ แต่ชายหนุ่มมั่นใจอย่างยิ่งว่า เธอคงจะเอาเจ้าชูร์โรสนี่แทนตัวเขาเป็นแน่ เพราะสายตาที่จ้องมองมานั้น ต่างจากคำว่ากินเลือดกินเนื้อไม่ไกลเลย...

‘ดูทำเข้าสิ เด็กน้อยจริงๆ’

หลังจากสาปแช่งให้อเล็กซ์ดวงซวยเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นเดินไปไหนก็ให้สะดุดไปตลอดทาง หรือว่าถูกคนเดินชนใส่ ไม่ก็อยู่เฉยๆ โดนนกขี้รดใส่หัว จนเธอนึกหาเรื่องไหนมาแช่งไม่ถูกแล้ว รมิตาก็หย่อนชิ้นชูร์โรสเข้าปากไปแล้วเคี้ยวช้าๆ ซึมซับรสหวานเข้มข้นของช็อกโกแลต เพิ่มความหวานในกระแสเลือด หวังว่ามันจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นหลังจากวันนี้เธอของขึ้นเพราะอเล็กซ์ไปหลายรอบ

ชายหนุ่มมองคนที่หลับตาพริ้มเพราะของหวานแล้วก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

“สั่งจานใหญ่มาแบบนี้ กินหมดหรือนั่น”

“หมด!” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาตอบฉับพลัน นัยน์ตาเธอดูดุขึ้นมาทันทีเมื่อมีคนมาขัดจังหวะความสุข “แล้วห้ามมาแย่งฉันกินนะ ถ้าอยากกินละก็เชิญสั่งเอง”

นี่ถ้าไม่ติดว่ามือหนึ่งยังถือชูร์โรสอีกชิ้นค้างไว้ละก็ รมิตาคงยกจานหนีอเล็กซ์แล้ว

“ผมไม่แย่งคุณหรอกน่ะ แค่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่เติมแป้งกับไขมันใส่ตัวเยอะขนาดนี้มาก่อน”

ก่อนหน้าจานชูร์โรสที่สั่งมานั้นเป็นชุดอาหารเช้าที่ได้แก่โบคาดิลโล แฮม ไข่ดาว จานใหญ่ด้วย เธอยังจะกินเพิ่มได้อีก อเล็กซ์ประหลาดใจ ทั้งนี้แล้วส่วนหนึ่งเขาไม่ค่อยเห็นผู้หญิงคนไหนกินเยอะเท่านี้มาก่อน ถ้าจำไม่ผิดมื้อเช้าของสาวๆ ที่เขารู้มา อย่างมากก็กาแฟกับสโคนส์แค่นี้เอง แล้วผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ยัดอาหารปริมาณขนาดนี้เข้าท้องไปได้ยังไงกันนะ

“ฉันต้องใช้พลังงานเยอะนี่นา กินเยอะไปก็ไม่สะสมหรอก” รมิตาตอบเสียงห้วน หน้าตึงขึ้นมาเพราะรู้สึกกลายๆ ว่า อีกฝ่ายหาว่าเธอกินจุ

“อ้อ” อเล็กซ์รับคำ เขายกกาแฟขึ้นมาจิบแล้วหันไปอีกทางเป็นการตัดบทสนทนา ขี้เกียจทะเลาะกันอีกรอบ เพราะตอนนี้ฝ่ายที่นั่งตรงข้ามเขาทำท่าเหมือนกระทิงเตรียมขวิดมาธาดอร์ไม่มีผิด...ยังไงเสียตอนนี้เขาก็บรรลุจุดประสงค์ของตัวเองแล้ว นั่นก็คือสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้...เพราะฉะนั้นพักยกให้แม่ดอกกุหลาบนี่ได้หายใจหายคอก่อนก็ได้

*************************************************

‘อเล็กซ์ คอลลินส์คือผู้ชายที่น่าหมั่นไส้ที่สุด!’

รมิตารู้สึกแบบนั้นตั้งแต่เริ่มทำการถ่ายรูปเขาตามคำกล่าวอ้าง เธอหมั่นไส้ที่เขาหน้าตาดีเกินไป แค่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายกับดวงตาสีฟ้าสวยๆ นั่นก็ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ในบาร์เซโลนามองกันตาเป็นมันแล้ว เมื่อมาประกอบรวมกับหุ่นนายแบบ สูงเพรียว ไหล่กว้าง ลำตัวหนา ท่อนขาเรียวยาว รมิตาเห็นอยู่ตลอดเวลาว่า สาวๆ พากันส่งสายตาหวานเชื่อมให้เขาเป็นทิวแถวพร้อมกับส่งสายตาทิ่มแทงใส่เธอที่ทำตัวเป็นตากล้องซึ่งคอยบอกให้เขาหันซ้ายหันขวาและคอยจัดท่าทางให้

เขาดูดีเกินไปจนรมิตาคิดว่า ต่อให้เขาใส่เสื้อยืดเก่าๆ สีหมองๆ กับกางเกงยีนส์ขาดๆ และใส่รองเท้าแตะแบบหูหนีบ ยืนอยู่ท่ามกลางแหล่งเสื่อมโทรม เขาก็คงจะเปล่งออร่าความเจิดจ้าออกมาจนต้องมีแมวมองมาพาเขาเข้าสู่วงการนายแบบจนได้แน่ๆ

อเลนเคยเล่าให้เธอฟังว่า ช่วงวัยรุ่นมีเอเย่นมาติดต่อให้เขากับพี่ชายไปเป็นนายแบบหลายเจ้า แต่แม่เขาไม่อนุญาต ไม่งั้นเขากับอเล็กซ์อาจจะกลายเป็นนายแบบที่ดังระดับโลกไปแล้ว ซึ่งตอนนี้เธอเห็นจริงตามที่เขาว่ามา

หญิงสาวก็รู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังพาล ถึงได้ไปหมั่นไส้อเล็กซ์ในข้อหาที่บ้าๆ แบบนี้ แต่...เขาทำให้งานหลอกๆ อย่างการถ่ายรูปเขาเป็นเรื่องลำบากขึ้นมา

รมิตาไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกอะไรกับการถ่ายรูปผู้ชายสักคน…

ใช่! มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทุกครั้งที่อเล็กซ์ใช้ดวงตาสีฟ้าสวยนั่นจับจ้องมาที่ตัวเธอเพียงผู้เดียว และเธอก็มองเขาเพื่อถ่ายรูปเขาออกมานั้น เกิดเป็นสภาพที่เหมือนกับว่า บนโลกนี้มีเพียงแค่เธอกับอเล็กซ์อยู่เท่านั้น รมิตาคุ้นเคยกับการเอาใจใส่ต่อ “แบบ” ดังนั้นเมื่อเธอถือกล้องอยู่ในมือ เธอก็เห็นเพียงแค่ “แบบ” อยู่ในสายตา ทุกอย่างในโลกใบนี้กลายเป็นสิ่งพร่าเลือนไป เธอจะปล่อยให้นายแบบนางแบบเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ และเธอจะบอกพวกเขาเมื่อต้องการปรับเปลี่ยนบางจุดให้รูปถ่ายออกมาดูดี

“แบบ” ไม่เคยทำให้อาณาเขตหัวใจเธอสั่นไหว…

ยกเว้นตอนถ่ายรูปอเลน หัวใจของเธอพองโตด้วยความสุข แต่ความรู้สึกนั้นก็แตกต่างจากการถ่ายรูปอเล็กซ์

สายตาเขามันอันตรายเกินไป! นัยน์ตาเขาเหมือนเปลวเพลิงสีฟ้าที่ค่อยๆ แผดเผาเธอให้หลอมละลายได้อย่างง่ายดาย...

หญิงสาวรู้สึกได้เลยว่า หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้น แล้วมือไม้ก็พากันปั่นป่วนลนลานขึ้นชั่วขณะ กระทั่งสองแก้มยังร้อนขึ้นนิดๆ ด้วยซ้ำซึ่งเธอไม่ควรมีอาการเหล่านี้…

และวันนี้เธอก็สะดุดพื้นไปแล้วถึงแปดหนในสองชั่วโมง!

รมิตาไม่แน่ใจว่า ตอนเช้าเธอสาปแช่งผิดไปตรงไหน ทำไมคนที่เดินสะดุดดันเป็นเธอเอง ส่วนอเล็กซ์ก็ยืนเต๊ะท่ามองเธอที่สะดุดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเยาะๆ โดยไม่วายเย้าเธอกลับมาว่า ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงเดินสะดุดบ่อยเท่านี้มาก่อน แม้ว่ามุมปากของเขาจะไม่โค้งขึ้น แต่ดวงตาเขาบอกอย่างโจ่งแจ้งว่าขบขันเธอไม่น้อย

เขาต้องสนุกแน่ที่ได้เห็นว่าเธอมีปฏิกิริยาใส่!

รมิตาหงุดหงิดที่ตัวเองถูกเขาควบคุมได้ แต่เธอก็พูดไม่ออกอยู่ดีว่า อย่ามามองฉันแบบนี้นะ เพราะถ้าเถียงกันเธออาจจะเถียงแพ้เขา หญิงสาวจึงทำได้แต่สั่งให้เขาหันไปทางอื่น เลือกถ่ายรูปหันข้างเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตาเขาแทน รวมถึงบางทีแกล้งทำเหมือนถ่ายรูปเขาแต่จริงๆ เธอถ่ายรูปสถานที่แทน หญิงสาวรู้ว่า เป็นการกระทำที่เสียมารยาทต่อ “แบบ” แต่แบบเองก็ไม่ควรทำให้ตากล้องอย่างเธอมีปัญหาสิ...

ด้านอเล็กซ์กลับประหลาดใจไม่น้อยที่พบว่า รมิตาให้ความสนใจในตัวเขาเต็มที่ เขารู้สึกได้ว่าเธอตั้งใจในการถ่ายรูปเขา เธอสังเกตทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางที่เปลี่ยนไป สิ่งที่เขามองดู ในช่วงแรกสุดเมื่อถ่ายรูปหน้าตรง เธอจะสบตาเขาอย่างตรงไปตรงมาเหมือนต้องการมองทะลุเข้าไปในความรู้สึกที่มีอยู่ทั้งหมดบนตัวเขา เหมือนจะลอกเปลือกที่เขาห่อหุ้มตัวตนเอาไว้ออก ทำให้เขาปราศจากเกราะกำบังใดๆ และนั่นทำให้อเล็กซ์เกิดปฏิกิริยาปกป้องตัวเองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

จากเรื่องเมื่อคืนทำให้เขารู้ว่า รมิตาไม่ค่อยประสีประสาเรื่องผู้ชายเท่าไร เขาก็เลยใช้จงใจมองเธออย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งมองผู้หญิงสักคนเพราะอยากจะร่วมรักด้วย...แค่นี้แม่สาวเก่งกล้าก็กลายเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ปราศจากพิษสงให้เขาต้องกังวลอีก

ใบหน้าขาวใสที่ไร้เครื่องสำอางนั้นระบายสีแดงจางๆ แล้วก็หลบตาเขามองไปที่อื่น บางทีรมิตาก็เดินสะดุดทำให้เขานึกขำขึ้นมา เห็นเธอทำอะไรไม่ถูกนอกจากทำหน้ายุ่งและส่งนัยน์ตาเขียวปั้ดให้เขาแล้ว อเล็กซ์ยิ่งอยากจะแกล้งหญิงสาวมากขึ้น ช่วงหลังๆ รมิตาเลยทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และถ่ายรูปเขาน้อยลง ซึ่งก็เป็นตามความต้องการของอเล็กซ์พอดี ที่เริ่มจะเบื่อหน่อยๆ ที่ต้องทำตามที่รมิตาสั่งว่าให้หันแบบไหน
ขณะที่เข้ามาอยู่ในปาร์กกูเอล จู่ๆ รมิตาก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“จูบกิ้งก่า นี่หน่อยสิ” ตากล้องสาวสั่งขึ้นอย่างนึกสนุกและหาทางเอาคืนนายแบบที่ทำให้เธอไร้สมาธิ

‘คิดว่าเขาจะปั่นหัวเธอได้ฝ่ายเดียวรึไง? ฝันไปเถอะ!’

อเล็กซ์ชะงักกึก ก่อนจะเหลือบมองไปข้างตัวที่รูปปั้นกิ้งก่ายักษ์ลายพร้อยไปด้วยโมเสกหลากหลายสีสันตามสไตล์เกาดีแต่เน้นโทนสีฟ้าเป็นหลัก และแซมด้วยโมเสกโทนสีเหลือง หน้าตามันจะว่าน่ารักก็คงจะน่ารักได้อยู่ แต่ทำไมเขาต้องทำตามคำสั่งไร้สาระของแม่สาวนี่ด้วย

“เร็วๆ หน่อย คนอื่นเขารอต่อคิวอยู่นะ” รมิตาแกล้งเร่ง แต่ก็มีคนรอต่อคิวอยู่หลายคนจริงๆ

“ผมไม่ทำ” ชายหนุ่มยืนกอดอกแล้วมองไปทางอื่น

“คุณสัญญากับฉันแล้วนะ”

“ผมก็ยืนเป็นนายแบบให้คุณอยู่นี่แล้วไง”

“คืนนั้นฉันบอกคุณเองว่า คุณต้องยอมทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง ต่อให้ฉันสั่งให้คุณใส่จีสตริงถ่ายรูป คุณก็ต้องทำ คำไหนคำนั้น จำได้ไหม? จะมาผิดคำพูดงั้นหรือ? เร็วๆ เข้า จูบกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้หน่อย ดูสิ หน้าตามันน่าเอ็นดูหรอก มันต้องการความรักจากคุณนะ” เมื่อถือไพ่แต้มเหนือกว่า รมิตาก็ได้ทีขี่แพะไล่ทันควัน...

‘บ้าฉิบ!’ อเล็กซ์สบถอยู่ในใจที่ตอนเมาทำให้เขารับปากแม่นี่ซี้ซั้ว

“เป็นลูกผู้ชายไม่รักษาคำพูดได้ยังไง” รมิตารีบตอกย้ำอีกหน

ชายหนุ่มสาดประกายตาเย็นเยียบใส่ตากล้องสาวที่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา เขากัดกรามแน่น ก่อนจะย่อตัวลงไป ‘จูบ’แก้มกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้ หญิงสาวรีบถ่ายช็อตเด็ดนี่เอาไว้อย่างว่องไว

รมิตายิ้มร่า นัยน์ตาเป็นประกายแวววาวที่สามารถแก้เผ็ดอเล็กซ์ได้ เธอคว้าชัยชนะมาไว้ในมือหลังจากที่เธอรู้สึกว่าพ่ายแพ้ต่อเขาไปหลายหนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนยันเมื่อเช้า ต่อด้วยช่วงสายนี่ ใบหน้าที่หงิกงออยู่นานเปลี่ยนเป็นบานเป็นกระด้งแทน

“เอาละ ไปต่อกันได้แล้ว มีคนรอต่อแถวถ่ายกับกิ้งก่านี่อีกหลายคนนะ” เห็นอีกฝ่ายร่าเริงขึ้นแล้ว ชายหนุ่มอยากจะเขย่าตัวเธอเหลือเกิน และเขารู้ได้เลยว่า ต่อไปจะเป็นนรกของเขาแน่ๆ

อาจเพราะว่าอเล็กซ์ยอมจูบกิ้งก่าตัวนั้น รมิตาเลยปรานีเขา ไม่ได้สั่งให้ทำอะไรแปลกๆ อีก แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของอเล็กซ์ก็เรียบตึงอยู่ตลอดเวลา บ่งบอกว่าเขาอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ถึงรมิตาอยากจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจเขา แต่การอยู่กับคนหน้าบูดทำท่ามึนชาใส่ก็ทำให้เธอเซ็งได้เหมือนกัน

“นี่คุณยิ้มหน่อยสิ” หญิงสาวร้องสั่ง ขณะที่อยู่ในลานกว้าง

อเล็กซ์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ผมไม่มีอารมณ์”

รมิตาขมวดคิ้วแน่น จะให้ในกล้องของเธอมีแต่ภาพเขาไม่ทำหน้าเฉยๆ ก็ทำหน้าบึ้งสองอย่างแค่นี้รึไงกัน?

ตากล้องสาวถอนหายใจเล็กๆ แล้วเป็นฝ่ายออกปากก่อน “อย่างอนนักเลยน่า”

“ผมไม่ได้งอน” คนปากแข็งปฏิเสธ

“ถ้าไม่ได้งอนก็ยิ้มให้ฉันหน่อยสิ...นะ” รมิตายังใจเย็นพอจะร้องขอเสียงอ่อน

อเล็กซ์เหล่มอง “นี่เป็นคำสั่งงั้นหรือไง?”

“เปล่า แต่เป็นคำขอต่างหาก ฉันชอบรอยยิ้มคุณนะ ยิ้มให้หน่อยได้ไหม?” สุ้มเสียงหวานใสเอ่ยออดอ้อน แต่อเล็กซ์ไม่ได้ใจอ่อนตามนั้น เขาตอบกลับมาว่า

“คุณขอ แล้วผมต้องให้หรือไง?”

รมิตาสะอึกก่อนจะขมวดคิ้วยุ่งทันควัน “คนขี้งก แค่ยิ้มให้หน่อยก็ไม่ได้ ไหนบอกว่าไม่งอนไง นี่มันงอนชัดๆ นะ”

ใบหน้าเฉยชาตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์อย่างที่พูดว่า “ผมไม่ได้งอน แต่ผมโกรธคุณต่างหาก”

รมิตาตาโต อ้าปากค้างที่อเล็กซ์บอกมาตรงๆ ว่าเขาโกรธเธอ หญิงสาวคิดจะแก้ตัว แต่ก็รู้ว่าอเล็กซ์คงไม่ฟัง เธอเลยถามเสียงอ่อยๆ ไปว่า
“อืม...แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธฉันล่ะ”

อเล็กซ์นิ่งคิดไปชั่วครู่ เขาหรี่ตามองรมิตาจนเธอรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ก่อนจะกวักมือเรียกให้ตากล้องสาวเข้ามาใกล้กว่าเดิมจากที่ยืนอยู่ห่างกันราวสองเมตร “มานี่สิ”

รมิตาเดินมาหาเขาอย่างงงๆ ในใจเธอคิดไปว่า อเล็กซ์อาจจะให้เธอไปจูบกิ้งก่าตัวนั้นคืน...แค่จูบรูปปั้นเอง หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรมากและคิดว่าต่อให้เธอสั่งอเลนไปจูบเจ้ากิ้งก่าตัวนี้ อเลนก็เห็นเป็นเรื่องขำๆ จูบแล้วยังจะส่งยิ้มกว้างให้เธอด้วยหรอก ไม่เหมือนคนบางคนที่ชอบทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เคร่งเครียด ไร้อารมณ์ขันสิ้นดี

อเล็กซ์รู้ว่าแค่สั่งให้รมิตาไปจูบเจ้ารูปปั้นตัวนั้นก็ไม่ทำให้เธอสะทกสะท้านอะไรขึ้นมาหรอก ซึ่งมันก็ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของเขาแน่ๆ แกล้งเธอทั้งทีต้องเอาให้ได้อายหรือรู้สึกอะไรบ้าง ถ้าไม่รู้สึกอะไรเลยจะแกล้งไปทำไม?

“ใกล้อีกหน่อย”

“นี่ก็ใกล้แล้วนะ” รมิตาเอ่ยท้วงแต่ก็ทำตามคำที่เขาบอก พอก้าวมาอีกก้าวตัวเธอก็แทบจะชิดกับตัวเขาพอดี หญิงสาวเงยหน้าขึ้นดูผู้ชายตรงหน้าอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร ชายหนุ่มเปลี่ยนมายืนข้างๆ แล้วยกมือขวากอดไหล่ของรมิตาแน่น ล็อกให้เธออยู่กับที่พลางสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า

“จูบผมสิ โรซี่”

“หา?” รมิตาเอียงตัวหนี ขณะที่มองหน้าคนสั่งแล้วคิดว่าตัวเองหูเพี้ยนไปแน่ๆ อเล็กซ์จึงขยายความให้ฟัง

“ถ้าคุณจูบผม ผมก็จะหายโกรธคุณ”

ตากล้องสาวเบิกตากว้างขณะที่พยายามจะขยับห่างจากอเล็กซ์ แต่มือใหญ่ก็เกาะไหล่เธอไว้เหนียวแน่นเหลือเกิน “บ้าแล้ว! ทำไมฉันต้องจูบคุณกัน”

“นั่นสิ ทำไมกันนะ” ชายหนุ่มไม่ได้ช่วยให้คำตอบ นอกจากเอ่ยทวนอย่างยียวนกวนประสาท

“ฉันไม่จูบ!” หญิงสาวตอบเสียงแข็ง มือขวาของเธอกำเป็นหมัดขึ้นมาจะต่อยใส่ชายรูปหล่อ ซึ่งตั้งรับหมัดของเธอได้ทันท่วงทีจนเป็นเหตุให้มือเธอตกอยู่ในมือหนานั้น จะดึงออก อเล็กซ์ก็ไม่ยอมปล่อย

อเล็กซ์เป็นฝ่ายต่อว่าคนที่เริ่มมีโทสะจนใบหน้าแดงก่ำ “ทีแบบนี้...คุณก็มาโกรธผม”

“ก็คุณเอาเปรียบฉันนี่นา” รมิตาจ้องเขาตาเขียวปั้ด ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงอย่างหนัก เกิดอาการฮึดฮัด พลางคิดว่าจะเอาอะไรฟาดใส่ผู้ชายตรงหน้านี่ดี

อเล็กซ์ย้อนถาม “แล้วตอนคุณสั่งให้ผมจูบกิ้งก่านั่น คุณไม่ได้แกล้งผม ไม่ได้เอาเปรียบผมเลยงั้นสินะ?”

“เอ่อ...” อารมณ์โกรธของตากล้องสาวลดลงวูบ เธอเถียงไม่ออก

“เอ้า! เขย่งขึ้นมาจูบแก้มผมละกัน หรืออยากจะแต๊ะอั๋งผมเพิ่มด้วยการจูบปากก็ได้นะ ผมอนุญาต”

“ใครจะไปจูบคุณกัน” รมิตาขึ้นเสียง

“ไม่จูบก็ได้ แต่ผมจะไม่หายโกรธ แล้วอย่าหวังว่าหลังจากนี้เราจะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขเลย” อเล็กซ์ไม่ได้ขู่ แต่ถ้าเขายอมปล่อยให้รมิตามาสั่งซ้ายหันขวาหันได้ เขาคงต้องเตรียมตัวดูรูปตัวเองใส่จีสตริงหราอยู่บนอินเทอร์เน็ตแน่ๆ

คนตัวเล็กโวยวายอย่างขัดเคือง “เกินไปแล้วนะ เรื่องเล็กๆ แค่นั้นเองน่ะ”

“มันเล็กสำหรับคุณ แต่มันใหญ่สำหรับผม เหมือนที่ผมรู้สึกว่าสั่งให้คุณจูบผมก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สำหรับผมเหมือนกัน ผมก็แค่ทำเรื่องตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

รมิตาสะอึกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่วายเถียง “งั้นก็สั่งให้ฉันกลับไปจูบกิ้งก่าตัวนั้นสิ ถึงจะเป็นตาต่อตา ฟันต่อฟันที่แท้จริงน่ะ”

“คุณไม่รู้สึกอายนี่นา ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะสั่งไปทำไม เร็วเข้า จะแก้มซ้ายหรือขวาก็ตามใจคุณแล้วกัน” อเล็กซ์เข้าโหมดโหดบังคับให้หญิงสาวต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเขา

“ฉันไม่ทำ!” รมิตาตะเบ็งเสียงใส่

“งั้นผมทำแทนแล้วกัน”

“เอ๊ะ! จะทำอะไร?” คำพูดของอเล็กซ์ทำให้เธอหน้าเหวอ จนต้องเอ่ยถามมาอย่างรวดเร็ว

“ถ้าคุณไม่จูบผม งั้นผมก็จูบคุณแทน ยังไงก็ได้ผลลัพธ์คล้ายๆ กัน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนรมิตารีบตวาดแหวใส่

“หยุดนะ!”

คำพูดของเธอแค่ทำให้อเล็กซ์ชะงักไปเพื่อจะบอกให้เธอรู้ว่า

“เลือกเอา คุณจะจูบผมเอง หรือให้ผมจูบคุณ ว่ามา ผมให้เวลาคิดสามวินาที สาม-สอง-หนึ่ง...”

“เลือกแล้ว เลือกได้แล้ว ฉันเลือกได้แล้ว หยุดนะ!” คนที่รีบเบนหน้าหนีตะโกนลั่นออกมา หยุดใบหน้าคมเข้มไว้ได้ในนาทีที่สุดท้ายที่เหลืออีกแค่ไม่กี่เซนติเมตรริมฝีปากเขาก็จะแตะแก้มเธออยู่แล้ว อเล็กซ์ไม่ได้ถอย เขาถามทั้งๆ ที่หน้าชิดแบบนี้

“ตกลงว่าไง โรซี่”

ลมหายใจร้อนลวกของบุรุษเพศที่เป่ารดอยู่ที่ใบหน้าพร้อมกลิ่นโคโลญหอมอ่อนๆ นั้นพลอยทำให้แม่สาวที่มีประสบการณ์เรื่องผู้ชายน้อย ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอต้องรวบรวมสติที่แตกกระจัดพลัดพลายจากการรุกล้ำเข้ามาของอเล็กซ์อยู่ครู่หนึ่งแล้วแข็งใจตอบไปว่า

“ถอยไปห่างๆ แล้วฉันจะจูบคุณเอง” ถ้าเลือกให้เขามาจูบเธอ สู้ให้เธอไปจูบเขาดีกว่า

อเล็กซ์ขยับยืนตัวตรง มือหนาเคลื่อนจากไหล่ลงมาที่เอวคอดของหญิงสาวแล้วรั้งเข้าหาตัวอย่างรวดเร็วจนรมิตาไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าเธอชนเข้ากับแผงอกแกร่ง ตอนนี้สภาพเธอไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือของอเล็กซ์

“เริ่มสักที ผมรอจนเมื่อยแล้วนะ” นัยน์ตาคนสั่งเป็นประกายแวววาวอย่างพึงพอใจมากที่เห็นอีกฝ่ายตกเป็นเบี้ยล่างบ้าง

หญิงสาวทำปากเบ้ มองแก้มของอเล็กซ์ที่อยู่ใกล้แค่คืบเหมือนสิ่งที่น่าขยะแขยง เธอรีๆ รอๆ ไม่กล้าทำตามที่อเล็กซ์ว่า แต่พอมือหนาของเขาออกแรงกดให้ตัวเธอแนบเข้าหา รมิตาก็ตัดสินใจจะรีบออกจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด เธอหลับตาปี๋ กลั้นใจ แล้วเขย่งตัวขึ้นไปจูบที่แก้มของเขา สัมผัสที่ได้คือผิวสากระคายเพราะเคราสั้นๆ ที่ยังไม่ได้โกนของเขา

สองมือซึ่งได้รับอิสระตั้งท่าจะผลักอกเขาออกเมื่อเธอ ‘จูบ’ แก้มเขาเรียบร้อยแล้ว ทว่าอเล็กซ์กลับไม่ยอมให้เป็นไปตามความต้องการของเธอที่จะผละออกห่างโดยเร็ว มือของเขาเลื่อนขึ้นมากดศีรษะของเธอไว้ขณะที่ริมฝีปากเล็กกดลงไปที่ผิวแก้มของเขาจนหญิงสาวลืมตาโพลงเพราะตกใจกะทันหัน ซึ่งมันตามมาด้วยเสียงคุ้นหูที่ทำให้เธอต้องหันขวับไปหาที่มาโดยพลัน

แชะ!

อเล็กซ์มองรูปในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพอเห็นว่าได้มุมพอดิบพอดี เขาเลยยอมปล่อยผู้หญิงในอ้อมกอดที่มีท่าทีตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มถอยหลังออกมาเร็วมาก ซึ่งหญิงสาวยังตั้งตัวไม่ติดนัก

“คุณ...ถ่ายรูปไว้” รมิตาถามขณะทำตาโต

เขายอมรับหน้าตาเฉย แต่นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนอารมณ์สะใจออกมาแทงใจตากล้องสาว “ใช่! ตาต่อตา ฟันต่อฟันไง คุณถ่ายรูปผม ผมก็ถ่ายรูปคุณไว้เหมือนกัน”

“คุณมัน...เจ้าเล่ห์ที่สุด” รมิตาโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ตั้งท่าจะเข้าไปแย่งมือถือมาลบรูปทิ้งไป

อเล็กซ์ไม่กลัวท่าทางเป็นเดือดเป็นแค้นของรมิตาสักนิด เขากลับเอ่ยขึ้นว่า

“ทีนี้คุณเข้าใจความรู้สึกผมหรือยัง ว่ารู้สึกยังไงที่โดนคุณบังคับน่ะ”

ตากล้องสาวที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าสวนกลับไปทันที “แล้วยังไง คุณทำเกินกว่าเหตุนี่ เหมือนฉันเอาเงินคุณมาห้าบาท คุณมาเอาคืนไปสิบบาท แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือไง”

ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตัวเอง อ้าสองแขนออกกว้างแล้วเอ่ยเสียงเรียบๆ ว่า “ถ้าอยากได้รูปคืนไป ก็เข้ามาเอาสิ”

ท่าทางสบายๆ บวกกับรูปร่างสูงใหญ่ที่กดข่มให้เธอดูคล้ายลูกแกะกระโจนเข้าหากรงเล็บพญาราชสีห์ทำให้รมิตาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่กล้าเดินไปฆ่าตัวตายอีกรอบ...หญิงสาวเพียรพยายามข่มกลั้นอารมณ์อยากจะฆ่าคน แล้วเปิดฉากเจรจาขึ้น

“ฉันจะลบรูปคุณจูบกิ้งก่าในกล้องฉันทิ้ง พอใจหรือยัง”

ชายหนุ่มปฏิเสธการต่อรองของหญิงสาวอย่างไม่เสียเวลาคิด “ไม่จำเป็น ไม่ว่าคุณจะลบรูปนั้นทิ้งหรือไม่ ผมจะเก็บรูปที่คุณจูบผมเป็นตัวประกันไว้ว่าคุณจะไม่สั่งผมทำอะไรอุตริๆ อีก”

“คุณจะเก็บมันไว้ไม่ได้นะ!” ตากล้องสาวหน้าเสีย

“แค่รูปจูบแก้มผู้ชายเอง ไม่ใช่คลิปหลุดบนเตียงเสียหน่อย” อเล็กซ์แกล้งเอ่ย

“ฉันว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ” รมิตาเครียดจัด

“รู้สึกว่าคุณจะไม่ใช่ผู้กำหนดเงื่อนไขว่าได้หรือไม่ได้นะ”

“คุณจะเอายังไง อเล็กซ์”

ชายหนุ่มนิ่งคิดแล้วเอ่ยช้าๆ “ผมไม่ใช่คนใจร้ายอะไรนะ เงื่อนไขขอแค่ภายในห้าวันนี้คุณไม่สั่งผมทำอะไรแปลกๆ ผมจะยอมลบรูปนี้ทิ้งให้ ยังไงรูปใบนี้ก็ขายไม่ได้ราคาอยู่แล้ว ตกลงไหม โรซี่” ปลายเสียงของชายหนุ่มนุ่มเป็นพิเศษ แต่รมิตารู้สึกเหมือนตัวเองโดนเข็มแทงใส่มากกว่าจะรู้สึกดี

“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไงกัน”

“รู้สึกว่าคุณจะระแวงผมจังนะ ผมถามคุณหน่อยเถอะ ที่อยากลบรูปนี้ทิ้งๆ ไป เป็นเพราะว่ากลัวใครบางคนมาเห็นหรือไง?”

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น เพราะอเล็กซ์เดาถูกแผง รูปนี้จะให้อเลนเห็นไม่ได้เด็ดขาด!

เห็นท่าทางขึ้งเครียดของหญิงสาวแล้ว อเล็กซ์ก็ใจอ่อนเกินกว่าจะขู่กรรโชกเธอต่อ เขายักไหล่ให้กับตัวเองที่ไม่เด็ดขาดเอาเสียเลย

“เอาเถอะ งั้นเชิญเอาไปลบได้เลย” ชายหนุ่มล้วงมือถือเอาออกมายื่นให้ ทำให้รมิตางงเป็นไก่ตาแตก นิ่งไปอย่างคนที่ตามเหตุการณ์ไม่ทัน

“ไม่เอา?”

“เอาๆๆ ค่ะ” หญิงสาวรีบตอบรับแล้วโผเข้ามาหา คว้าโทรศัพท์ของอเล็กซ์มาถือไว้ในมืออย่างกลัวเขาเปลี่ยนใจ เมื่อกดลบรูปแล้ว รมิตาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าอเล็กซ์กำลังมองมาพอดี ในแววตาของรมิตามีแต่ความแปลกใจและไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าทำไมอเล็กซ์ถึงยอมให้ลบรูปง่ายดายนัก ทั้งที่ตอนแรกๆ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมเจรจากับเธอแท้ๆ

หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้ก่อนจะถามอย่างคาใจว่า “ทำไมคุณยอมให้ฉันลบรูปล่ะ?”

“ผมแค่อยากจะสั่งสอนให้คุณรู้ว่าคนโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการน่ะเป็นยังไง ไม่ได้อยากจะข่มขู่แบล็กเมล์คุณจริงๆ เสียหน่อย”

คนถูกสั่งสอนทำหน้ามุ่ย เกิดสำนึกขึ้นมาได้ว่าเล่นหนักไปหน่อย เธอตอบเสียงค่อยว่า “ต่อไปฉันไม่แกล้งคุณแล้ว แต่คุณก็อย่ามาแกล้งฉันอีกนะ”

“มันต้องดูว่าคุณปฏิบัติต่อผมยังไง ผมไม่ใช่คนใจดีนักหรอกนะ”

ในหัวใจของรมิตารู้สึกแย้งกับคำพูดของอเล็กซ์ เธอโพล่งออกมาว่า “ไม่จริง คุณเป็นคนใจดีออก...ทั้งที่คุณได้เปรียบอยู่แท้ๆ แต่คุณก็ไม่ได้ฉกฉวยต่อ ขอบคุณมากนะคะ”

พอพูดไปแล้ว รมิตาก็เหลือบมองชายตรงหน้า อเล็กซ์กลับเปลี่ยนเรื่อง

“ไปกันได้หรือยัง มัวแต่เสียเวลาทะเลาะกัน...ไร้สาระ” ไม่ปรากฏอารมณ์ใดอยู่บนใบหน้าเคลือบน้ำแข็งขั้วโลก ชายหนุ่มขยับเท้าหลบร่างคนตัวเล็กแล้วออกเดินนำหน้าไปโดยไม่รอคนนำทาง

น่าแปลกที่คำว่าไร้สาระของเขาไม่ทำให้รมิตาพื้นเสีย หญิงสาวมองแผ่นหลังของคนตัวสูงแล้วเผลออมยิ้มที่มุมปากพลางนึกในใจว่า
‘ก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรนี่นา’

*************************************************
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาจ้า ^^




ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2557, 02:24:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2557, 02:24:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1136





<< เฝ้าดู   ไม่ใช่ >>
phugan 21 ก.พ. 2557, 07:27:31 น.
คู่นี้คุยดีกันได้ไม่เท่าไหร่....ทะเลาะักันตลอด....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account