กลรักนฤมิต (ชุดหน่วยซีล)
มือสไนเปอร์หนุ่มพูดน้อย แห่งหน่วยเรดทีมจู่โจม SEAL team six
ด้วยอาชีพการทำงานทำให้เขาไม่ได้เอาใจใส่พี่สาว ซึ่งเป็นคนในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขา
หลังจากได้รับอุบัติเหตุแขนหักจนต้องพักงานยาว เขาจึงเดินทางกลับมาที่บ้านอีกครั้ง
ณ ที่แห่งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป
พี่สาวคนเดียวเสียชีวิตไปอย่างปริศนา
โค้ดลับแปลกๆ เกี่ยวกับชื่อของเทพเจ้ากรีก

คนเดียวที่จะช่วยไขปริศนานี้ได้คือหญิงสาวคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา
ยายสาวแว่นตัวเล็กแต่งตัวเรียบร้อยประหนึ่งแม่ชีในโบสถ์ แต่กลับมาเขย่าหัวใจของเขาได้เพียงแค่สบตากัน
'ไอ้โจรข่มขืน' กับ 'ยายแว่นจอมเฉิ่ม'
จากคู่กัดกลายเป็นคู่รักที่ไม่น่าเป็นไปได้
เธอเข้ามาเพียงเพราะสมุดจดบันทึกแล็บของพ่อเธอ และสมุดแล็บของพี่สาวเขา จะนำไปสู่การไขปริศนาลับอันตราย

การทดลองทางพฤษศาสตร์ที่ใช้ชื่อว่า Pearly คือทางเดียวที่จะบอกได้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร

ณ ห้องแล็บเล็กๆ กลางป่าแห่งนี้เปลี่ยนหัวใจที่เคยด้านชาให้มีชีวิตชีวา รู้จักคำว่ารักที่แท้จริง
เช่นเดียวกับอันตรายต่างๆ นานาและความเจ็บปวดมหาศาลที่จะตามเข้ามา
โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 6 เป้าหมายมีไว้พุ่งชน 1


ก็เวลายัยแมร์ถอดแว่นนี่น่ารักจะตาย ไม่ให้พี่เจ.ที.เผลอใจได้ไงเนอะๆ



บทที่ 6 เป้าหมายมีไว้พุ่งชน



มธุรดารออย่างหงอยๆ เพราะไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งกำพวงมาลัยรถแน่น รออยู่นานเขาก็ยังซ่อมรถไม่เสร็จ เธอจึงเปลี่ยนเป็นมานั่งเล่นโทรศัพท์ของเขาแทน รอแล้วรอเล่า นานจนเธอเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่าเขาจะซ่อมรถเป็นหรือเปล่า จึงได้ชะโงกหน้าไปดู แล้วก็พบว่าชายหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาซ่อมรถให้ ดูจากการที่เขายอมช่วยเหลือเธอ ก็พอบอกได้ว่าเขาเป็นคนดีแต่หน้าตาท่าทางของเขานี่สิ เธอจะไว้ใจผู้ชายที่ไว้หนวดไว้เครารุงรัง ใจร้ายและชอบขู่ตะคอกอย่างเขาหรือ


แต่เดี๋ยวนะ เพื่อนเขาบอกว่าเขาเป็นโจรข่มขืนนี่!


ความคิดนั้นทำให้สาวแว่นหน้ากลมถึงกับตัวสั่น ทว่าเมื่อตั้งสติได้และคิดดีๆ ผู้ชายคนที่พูดว่านายเจ.ที.เป็นโจรข่มขืนนั่นก็เป็นนายอำเภอไม่ใช่หรือ ถ้านายหน้าหนวดเป็นจริงๆ ก็ต้องถูกจับสิ อีกทั้งนายอำเภอคนนั้นก็บอกด้วยว่าแท้จริงนายหน้าหนวดคนนี้เป็นทหาร


หญิงสาวคิดอย่างสับสน แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไว้ใจเขา เพราะตอนนี้เธอมืดแปดด้านแล้วจริงๆ ถ้าไม่เชื่อใจเขา และเธอจะทำอย่างไร จนกระทั่งชายหน้ายักษ์เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากึ่งรำคาญนิดๆ เหมือนเคย จนสาวถอนหายใจออกมาอย่างปลงตกกับความเฉยเชาของเขา แต่ก็ยอมยื่นหน้ากลมๆ ของตนออกไปหาเขาแต่โดยดี


“ลองสตาร์ทสิว่าติดไหม”

“ค่ะ” คนตัวเล็กยิ้มให้อย่างกล้าๆ กลัวๆ และเมื่อลองทำตามที่เขาบอก คราวนี้เครื่องยนต์ของเธอดังกระหึ่มทีเดียว จนต้องหันไปยิ้มขอบคุณเขา


“ไปส่งที่บ้านหน่อย จำทางไปไร่ผมได้ไหม”

“จำไม่ได้ค่ะ แต่ว่าคุณบอกทางไปก็น่าจะได้” มธุรดายื่นโทรศัพท์คืนให้แล้วเตรียมจะออกรถ ว่าเสียงเข้มก็รั้งไว้เสียก่อน


“ปลอดภัยไว้ก่อน”


ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชะโงกตัวมาดึงเข็มขัดนิรภัยจากข้างตัวหญิงสาว เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวเจ้าก็กำลังขยับตัวพอดี เป็นผลให้ใบหน้าคมคร้ามเข้มอยู่ใกล้กับดวงหน้ากระจ่างใสเพียงคืบเดียวเท่านั้น


ความใกล้ชิดของทั้งสองทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นผิดจังหวะไปเช่นกัน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเมื่อได้เห็นกันในระยะประชิดตัว ยายแว่นหน้ากลมจะมีผิวที่สวยสะอาด แก้มเนียนละเอียดอมชมพูจนไม่อาจละสายตาออกไปได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสำรวจเธอ ดวงตาคู่คมคายกวาดมองไปทั่วดวงหน้าของสาวแก้มป่อง แล้วไปหยุดอยู่ที่ดวงตาคู่โตสีดำสนิทถูกซ่อนไว้หลังแว่นตากรอบหนาขนาดใหญ่ แต่นั่นไม่อาจบดบังประกายสดใสจากเธอไปได้เลย เจ.ที.มองหญิงสาวตรงหน้าราวกับต้องมนตร์ แล้วจึงค่อยๆ เลื่อนมือไปขยับแว่นออกอย่างเผลอไผล


เมื่อแว่นหนาเกะกะตาพ้นไปจากดวงหน้าอ่อนใสแล้ว นายทหารเรือหนุ่มถึงกับต้องย่นหัวคิ้วทันที ด้วยรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาคนตรงหน้าอย่างประหลาด แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหนกันแน่


“นี่...” เสียงของหญิงสาวสั่นน้อยๆ จนเห็นได้ชัด สองแก้มก็ร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ยิ่งลมหายใจร้อนๆ รินรดมาบนใบหน้า มธุรดาก็ยิ่งสั่น เธอพยายามจะยกมือขึ้นมาดันอ้อมอกแข็งแกร่งออกไป แต่สองมือก็ไร้เรี่ยวแรงเอาเสียดื้อๆ ทำอะไรเขาไม่ได้เลย ได้แต่มองเขาอย่างหวาดๆ เท่านั้น


อาการเหมือนลูกแมวน้อยขี้กลัวทำให้เจ.ที. พอใจไม่น้อย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมยิ้มออกมา อาการหงุดหงิดไม่พอใจเมื่อตอนที่เจอกันครั้งแรกหายไปทันที โดยที่เจ้าตัวก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดอารมณ์วูบวาบเข้ามาแทนที่ได้ โดยเฉพาะกับหญิงสาวท่างบ๊องๆ อย่างเธอ แต่นาทีนี้นายทหารเรือหนุ่มไม่สนใจจะหาคำตอบอะไรแล้ว เขาค่อยๆ แตะมือลงบนสองแก้มร้อนผ่าวแล้วไล้หัวแม่มือไปมาอย่างอ้อยอิ่งแผ่วเบา


เลือดร้อนๆ ของชายหนุ่มหมุนเวียนไปรอบกายก่อนจะลงไปกระจุกรวมอยู่ตรงจุดยุทธศาสตร์อันตรายพอดิบพอดี เขาพยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพราะช่วงหลังมานี้อยู่แต่กับพวกผู้ชายในกองทัพ แถมยังเจ็บหนักจากภารกิจที่ล้มเหลวอีก ขาดผู้หญิงไปนานร่วมครึ่งปี มันก็ต้องมีบ้างที่รู้สึกวูบวาบไปทั่วร่าง เพียงแค่ได้สัมผัสผู้หญิงสักคน


แต่...


เขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีความรู้สึกอย่างว่า กับผู้หญิงที่เอาแต่กลัวจนตัวสั่นแบบนี้น่ะหรือ ตลกร้ายแล้วเจ.ที.


มือสไนเปอร์หนุ่มเตือนตัวเอง ตั้งใจจะผละออกจากร่างสั่นเทาของสาวแว่นจอมเฉิ่ม แต่เมื่อมาคิดอีกที หาทางเอาคืนยายตัวยุ่งนี่ไม่ให้กล้าเข้าใกล้เขาก็คงจะดี ตัดปัญหาน่ารำคาญที่เธอจะตามทู่ซี้เขาไปได้มากเหมือนกัน คิดได้ดังนั้นแล้ว รอยยิ้มนิดๆ ก็ปรากฏที่มุมปากได้รูป เขาลูบไล้นิ้วหัวแม่มือไปทั่วแก้มกลมๆ แล้วค่อยๆ โน้มใบหน้าลงต่ำ

มธุรดากลั้นหายใจทันที ดวงตาเบิกกว้างอย่างตระหนกเมื่อเห็นใบหน้าคมระคายไปด้วยหนวดเครายื่นเข้ามาใกล้ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนหายใจไม่ทัน เขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แบบไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด อีกวินาทีเดียวเท่านั้น!


“เดี๋ยวค่ะ!” สาวเจ้าร้องลั่น สองมือรีบดันใบหน้าของเขาออกห่างจนอีกฝ่ายหน้าหงายเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ทำลายบรรยากาศดีๆ เมื่อครู่เสียสนิท


“มีอะไรหรือ”

“แว่นค่ะ” นี่เป็นข้ออ้างเดียวที่คิดทัน สมองที่เคยอัดแน่นไปด้วยวิชาการกำลังว่างเปล่าเพราะแววตาเร่าร้อนที่ตรึงเธอไว้ มธุรดาละล่ำละลัก ปากฟันกระทบกันดังกึกๆ สองแก้มก็แดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับเขาอีกเลย อาการตื่นกลัวจนตัวสั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มชอบใจ แต่ก็ยังควบคุมตัวเองไว้ได้ดีเยี่ยม โดยการไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว


“อยู่นี่ไง” นายทหารเรือหนุ่มยื่นแว่นตากรอบหนาคืนให้ แต่พอสาวเจ้าจะฉวยไว้ เขาก็โยนไปทางตอนหลังของรถทันที


“คุณ!”

“นี่สายตาสั้นเท่าไหร่กัน แค่นี้มองไม่เห็นเลยเหรอ”


“สั้นหกร้อยห้าสิบ!” สาวร่างเล็กแหว ขณะพยายามหันกลับไปมองหาแว่นตาของตนเอง แต่ก็ไม่เจอ


“คุณชื่ออะไรนะ ผมลืมถามไปเลย”

“มธุรดา” แม้ว่าปากจะตอบคำถามเขา แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมมองหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอยังพยายามชะโงกตัวเข้าหาร่างสูงมากขึ้นเผื่อจะหาแว่นของตนเองเจอ โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ายิ่งทำ มันก็ยิ่งส่งผลให้ร่างนุ่มนิ่มแนบชิดไปกับเรือนร่างสูงใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้


นายทหารหนุ่มคนกล้าแห่งกองทัพเรือถึงกับร้อนรุ่มไปทั่วร่าง ถ้าไม่รีบดึงตัวสาวหน้ากลมนี่ออกไป มีหวังได้สติแตกแน่นอน จากที่ตั้งใจจะแกล้งเจ้าหล่อน กลับกลายเป็นตัวเองนี่แหละที่ติดบ่วงที่วางไว้


“นั่งเฉยๆ เดี๋ยวนี้ ผมจะหาให้เอง” เจ.ที. ดันร่างเล็กกว่าออกจากตัวให้ไปนั่งที่เบาะเดิมของเธอ จากนั้นจึงเอื้อมแขนยาวๆ ของตนไปหยิบแว่นเจ้าปัญหาส่งคืนให้เจ้าของ


“ขอบคุณค่ะ”

“มีเชื่อเรียกสั้นๆ ไหม”


“เรียกว่าแมร์ก็ได้ค่ะ ฉันมีชื่อภาษาอังกฤษว่าแมเรดิธ แต่ไม่มีคนเรียกหรอก พ่อตั้งให้เล่นๆ เท่านั้นแหละ ไม่ได้ใช้เป็นชื่อจริง” เมื่อไม่ต้องใกล้ชิดกับผู้ชายร่างใหญ่หน้าดุที่ชวนให้วาบหวิวไปทั้งร่างแล้ว คนตัวเล็กก็รีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บังคับให้หัวใจกลับมาเต้นตามจังหวะเดิมเสียที หลังจากปล่อยให้มันเต้นระบำอยู่นาน


“งั้นผมจะเรียกคุณว่าแมร์แล้วกัน”

“ฉันรู้ว่าคุณชื่อเจย์เดน”

“เจ.ที.” เขาสำทับเสียงดุ กรามกระตุกขึ้นมาทันตา ให้ตายเถอะ เขาไม่ชอบชื่อเวรนี่เลย

“เจ.ที.ย่อมาจากอะไรคะ คุณนามสกุลสไวเกอร์นี่”

“ชื่อผมเอง”

“ชื่ออะไรล่ะคะ”

“นี่แม่คุณ!” ความอดทนคล้ายจะสิ้นสุดลงทันที อารมณ์หวานๆ เมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งทันทีหลังจากที่เธอตั้งหน้าตั้งตาถามโน่นถามนี่ราวกับเป็นเจ้าหนูจำไมไปได้ อาการของเด็กไม่รู้จักโตชัดๆ

“ก็...”

“เรียกว่าเจ.ที.สั้นๆ พอ ไม่ต้องพยายามไปเสาะหาว่าผมชื่ออะไร แล้วก็ช่วยสงบปากสงบคำจนกว่าจะไปส่งผมที่บ้านด้วย”

“แต่ว่า...”

“แมร์!” เสียงเข้มดุที่ตวาดกร้าวลงไปได้ผลทันตา เจ้าของชื่อหน้าเหลือสองนิ้วทันที เธอเม้มปากแน่น เก็บปากเก็บคำแล้วรีบขับรถออกไปแต่โดยดี




ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว สองข้างทางก็มีแต่ทุ่งหญ้า ไร่ข้าวโพด ทุ่งข้าวสาลีไปตลอดทาง บ้านคนก็พอจะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็นานๆ ครั้งจะเห็น เพราะส่วนใหญ่จะเข้าไปในเขตไร่ใครไร่มัน แม้ว่าจะเคยขับรถเข้ามาและบุกไปหาเขาถึงหน้าประตูบ้านมาแล้ว แต่ตอนนั้นมันไม่ได้มืดมิดจนน่ากลัวแบบนี้ มธุรดาเริ่มคิดอย่างหวาดๆ ตอนนี้ก็ดีอยู่หรอกเพราะว่ามีหนุ่มร่างสูงหน้าเหี้ยมนั่งมาด้วย


เจ้าของใบหน้ากลมป่องเหลียวกลับมามองผู้ชายข้างตัว หน้าก็โหด หนวดก็รก ยิ้มก็ไม่ยิ้ม เป็นโรคจิต บ้ากาม นักข่มขืน แล้วถ้าเกิดอีตาบ้านี่หน้ามืดขึ้นมาล่ะ!

คนขี้กลัวใจเต้นตึกตัก ตัวสั่นขึ้นมาดื้อๆ แล้วก็นั่งเกร็ง ขับรถตัวแข็งเสียจนคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเริ่มรำคาญ ไม่บอกก็พอจะรู้ว่าแม่เจ้าประคุณคงจะจินตนาการไปถึงไหนๆ


“จอดรถก่อน” คำสั่งง่ายๆ แต่ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก ข้างไร่ข้าวโพดเนี่ยเรอะ ไม่มีทาง!


หญิงสาวยังกำพวงมาลัยแน่น แล้วเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นจนอีกฝ่ายตวาดเข้าให้ด้วยน้ำเสียงปานฟ้าผ่า “แมร์ ผมบอกให้จอดรถ!”


มธุรดากระแทกเบรกกะทันหันเสียจนหัวทิ่มหัวตำไปทั่งคู่ เธอหันกลับไปมองคนข้างตัวด้วยแววตาตระหนก คิดยังไงให้เธอจอดรถตรงทางเปลี่ยวแบบนี้ เขาคิดจะทำมิดีมิร้ายเธอใช่ไหม!


สาวช่างจินตนาการตัวสั่นเท่า ยิ่งเห็นแววตาวาววับของผู้ชายตรงหน้า เธอก็ยิ่งสั่น หายใจหายคอแทบไม่ทันเลยทีเดียว


เจ.ที. ก้าวเท้าลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาหา มธุรดาพยายามถามตัวเองว่าทำไมถึงไม่รีบขับหนีเขาไปเสีย และคำตอบที่ได้ก็คือ เธอกลัวเขาจนก้าวเขาไม่ออกแล้วยังไงล่ะ!


“ลงมาเดี๋ยวนี้แมร์” นายทหารเรือหนุ่มกระชากประตูรถออกให้แม่จอมยุ่งลงมา

“ไม่นะคะ”

“ผมบอกให้ลงมาไง อย่าต้องให้ใช้กำลังนะ”

“ไม่” สาวแว่นหนาทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ เธอมองข้ามหลังเขาไปเห็นป่าข้าวโพดแล้วก็กลัว รีบส่ายหน้ารัว ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมลงไปแน่นอน

“จะไม่ลงมาดีๆ ใช่ไหม”

“ไม่ค่ะ...ว้าย!” มธุรดาร้องลั่นเพราะถูกฉุดลงจากรถ พอตั้งตัวได้ก็รีบสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมแล้ววิ่งหนีชายหน้าโหดตรงหน้า คิดแล้วไม่มีผิดว่าสุดท้ายนายนี่ก็ไว้ใจไม่ได้ พวกโจรข่มขืน!


แต่มีหรือที่จะไปสู้คนตัวสูงใหญ่อย่างเจ.ที. ได้ สุดท้ายเขาก็คว้าเธอไว้จากทางด้านหลัง ท่ามกลางเสียงร้องลั่นของคนสาวตัวเล็กเหมือนลูกแมว


“ปล่อยนะ คนบ้า คนโรคจิต อย่าทำอะไรฉันนะ”

“ผมจะทำอะไรคุณ” นายทหารเรือหนุ่มชักฉุน

“คุณมันบ้าโรคจิต ไอ้โจรข่มขืน!”

คนถูกกล้าวหาหน้าตึง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังเป็นครั้งแรก อย่าบอกนะว่าตลอดเวลาที่เธอขับรถตัวเกร็ง เพราะกลัวเขาอย่างนั้นหรือ


“หัวเราะทำไม”

“คุณคิดว่าผมจะข่มขืนคุณหรือ”

“ก็มันน่าคิดไหมเล่า อยู่ดีๆ สั่งให้จอดรถแล้วลากฉันลงมาทำไม ดูสิ...มืดก็มืดแบบนี้น่ะ แล้วเพื่อนคุณก็บอกว่าคุณเป็นนักข่มขืนด้วย” ร่างเล็กถอยหลังหนีอีกฝ่ายที่ก้าวเข้าหาอย่างคุกคาม

“คุณสิคิดวิปริตไปเอง ใครอยากจะทำอะไรคุณกันห๊า!” เขาตะคอกเสียงดัง ทำให้มธุรดาถึงกับตัวสั่น น้ำตาหยดแหมะออกมาอย่างหวาดกลัว คนอะไรโหดร้ายเป็นที่สุด

“ก็...”

“คิดไปเองน่ะสิคุณ ผมให้คุณจอดก็เพราะเห็นนั่งตัวสั่น กลัวจะตายไปก่อนทั้งคู่ก็เลยอาสาขับเองต่างหาก”

“ก็...” มธุรดาที่อ้าปากเตรียมจะเถียงถึงกับหยุดชะงัก...เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ!


นี่แสดงว่าตลอดเวลาเธอคิดไปอย่างอย่างนั้นหรือ ตายแล้ว...แล้วต่อไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน หญิงสาวได้แต่ครวญครางแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


“สบายใจแล้วใช่ไหมคุณ”

“ค่ะ” ค่อยหายใจโล่งขึ้นมาหน่อย เธอจึงยิ้มหวานส่งไปให้เอาหน้าเสียเลย เป็นการกลบเกลื่อนความผิดที่เธอคิดกับเขาในแง่ร้ายเสียเหลือเกิน

“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นรถไปได้แล้ว อีกไม่นานก็ถึงบ้านผมแล้วล่ะ”

“ค่ะ” เสียงขานรับคำยังเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้นายทหารหนุ่มใจหายวาบคือรอยยิ้มใสซื่อจากสาวเจ้าต่างหาก รอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นเปลี่ยนจังหวะไปทันที ทั้งที่เมื่อก่อนเคยควบคุมมันได้มากกว่านี้แท้ๆ


เหลวไหลน่าเจ.ที. ชายหนุ่มเตือนตัวเอง ก่อนจะเป็นฝ่ายเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับแล้วก็ออกรถไปทันที



“คุณเจสสิก้าไม่อยู่หรือคะ” มธุรดาที่พยายามทำใจดีสู้เสือยิ้มยากอยู่นานเอ่ยทำลายความเงียบ เธอไม่อยากอยู่เฉยๆ แล้วคิดฟุ้งซ่านอย่างเมื่อครู่ จึงค่อยๆ เอ่ยถามออกไปทั้งที่ในใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ

“เธอไปแล้ว ไม่กลับมาแล้วด้วย”

“เธอไปไหนคะ”

“นี่ไม่รู้เรื่องเลยเหรอ ตอนที่พ่อคุณตายน่ะ มีคนบอกหรือเปล่าว่าตายคนเดียวหรือว่าลากคนอื่นไปด้วย”

“ก็...” สาวแว่นหนาพยายามคิด แต่ตอนที่พ่อตายเธอกำลังติดสอบ คนที่มารับศพพ่อก็คือแม่ ดังนั้นจึงไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย รู้แค่ว่าพ่อตายเพราะอุบัติเหตุในห้องแล็บ

“เจสสิก้าตายในห้องแล็บนั้นเหมือนกัน” ชายหน้าโหดเฉลยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาขึงเครียด

“อ้าว...”

“เธอเป็นพี่สาวผม”

“คุณ...ฉันขอโทษนะคะ”

ใบหน้าเคร่งขรึมคล้ายคนไม่รู้สึกอะไรแม้ว่าจะพูดถึงความตายของพี่สาว ทำให้คนมองได้แต่สงสัย เขาไม่เสียใจเลยหรือกับการจากไปของคนที่ได้ชื่อว่าพี่ ต่างจากเธอที่รู้สึกผิดเหลือเกิน เข้าใจเขาผิดไปสารพัด แล้วยังก่อเรื่องให้เขาปวดหัวอีก


“มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก กลับไปเถอะ” เขาตัดบทเสียดื้อๆ จนมธุรดาไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อไป สังเกตจากสีหน้านิ่งเฉยของเขา แวบแรกเธอคิดว่าเขาคงจะไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าเมื่อมองเข้าไปในดวงตาคมกล้าคู่นั้น มันแสดงออกได้ดีทีเดียวว่าเขาเองก็เสียใจกับเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าเธอ








.........................................


มาเลี้ยวค่าาาาาาาาาาาาาา
วันนี้มาดึก ขอเสียงแฟนคลับพี่เจ.ที.กับสาวแมร์หน่อย

นางเอกเราติ๊งต๊องจริงๆ ด้วย กู่นางไม่กลับแล้ว

มีคนถามเข้ามาเยอะมากกว่าออกเมื่อไหร่ ทันงานหนังสือไหม คำตอบคือไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ตูนก็เพิ่งส่งต้นฉบับไปเมื่อต้นเดือนนี้เอง อาจจะไม่ทัน แต่ยังไงก็ฝากติดตามในแบบรูปเล่มด้วยนะคะ ออกกับสถาพรบุ๊คส์ หัว Sugar Beat เหมือนเดิมค่า ^^

รักคนอ่านเสมอมาค่ะ

กรรัมภา (กนิษวิญา)



กนิษวิญากรรัมภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.พ. 2557, 22:57:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.พ. 2557, 22:57:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1437





<< บทที่ 5 ผู้ชายหื่นกาม 2 ยาวมากกกก...อะไรยาว??   บทที่ 6 เป้าหมายมีไว้พุ่งชน 2 >>
แว่นใส 24 ก.พ. 2557, 23:26:48 น.
จะรู้ความลับได้หรือยังเอ่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account