ราคีกุหลาบ
เรื่องราวความรักของทริปท่องเที่ยวในสเปน
ระหว่างหญิงสาวชาวไทยกับหนุ่มหล่ออเมริกัน ^^

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: กัด

บทที่ 6 กัด


สาวสเปนหุ่นนาฬิกาทรายอ้าแขนออกโอบกอดเพื่อนสาวชาวไทยไว้เป็นการสั่งลาขณะอยู่ที่สถานีรถไฟตอนเจ็ดโมงสี่สิบห้านาที

“เที่ยวสเปนให้สนุกนะ ขอโทษด้วยที่ไปเป็นเพื่อนด้วยไม่ได้”

“เฮ้ย ไม่ต้องขอโทษ ไม่เป็นไร ฉันไปเที่ยวคนเดียวได้อยู่แล้ว” หญิงสาวรีบบอกไม่ให้เพื่อนเป็นกังวล

โมนิก้าหรี่ตาลงแล้วเอ่ยกระเซ้า “ไม่เป็นไรแหงอยู่แล้วละ ก็เล่นมีหนุ่มหล่อไปเป็นเพื่อนทั้งคนนี่นา”

“อย่าแซวน่า แกก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” เพราะอเล็กซ์ไม่อยู่แถวนี้ด้วย เลยทำให้รมิตาไม่ต้องระวังคำพูดนัก

“ฉันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่นี่เป็นหนแรกที่ฉันเห็นว่าแกไปนอนค้างกับผู้ชายสองต่อสองถึงสองคืนด้วยกัน มีใครทำให้แกเป็นแบบนี้ได้บ้าง โรซี่” โมนิก้าเห็นเป็นเรื่องแปลกที่สาวหวงตัวอย่างรมิตาจะทำเรื่องแบบนี้

สาวไทยนิ่วหน้าใส่ “ใช้คำให้ดีๆ หน่อยได้ไหม แค่ไปพักห้องเดียวกันเฉยๆ”

“ความหมายก็แทบจะไม่ต่างกันเลยนะ”

“ต่างย่ะ ฉันไม่ได้นอนกับเขานะ” ใบหน้าของสาวไทยขึ้นสีแดงก่ำ มองเพื่อนสาวชาวสเปนตาเขียวปั้ด คืนก่อนโน้นเธอไปนอนค้างห้องของอเล็กซ์มา ส่วนเมื่อคืนนี้เธอไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าพออเล็กซ์ชวนชนแก้ว เธอก็ตกลงแล้วก็ซัดเหล้าเข้าไปอย่างไม่บันยะบันยัง แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ตอนเช้ามืดมานั้นเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องตัวเองที่อพาร์ตเมนต์ของโมนิก้า เพราะเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์มือถือที่เธอตั้งไว้ผสานกับเสียงปลุกของมือถือของอเล็กซ์

แต่ที่ทำให้หญิงสาวตกใจที่สุดก็คือ...ตัวเธอนอนกอดอเล็กซ์อยู่บนเตียง แน่นอนว่าเสื้อผ้าของทั้งสองยังอยู่ครบทุกชิ้น ทำให้หญิงสาวโล่งอกว่าไม่ได้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้น โชคดียังมีอยู่บ้างตรงที่อเล็กซ์ตื่นหลังเธอไปนิดเดียว ไม่อย่างนั้น รมิตาไม่รู้ว่าเธอจะเอาหน้าไปไว้ไหน

“ตอนนี้ไม่...แต่ฉันกลัวว่าอีกสี่คืนที่เหลือจะไม่เป็นแบบคืนที่ผ่านๆ มาน่ะสิ” โมนิก้ามองโลกอย่างคนที่ผ่านเรื่องราวสีเทามามากกว่าเพื่อนสาวที่เหมือนจะรับรู้แต่ด้านดีของมนุษย์เพียงอย่างเดียว อีกอย่างความใกล้ชิดกันมากๆ ก็ทำให้หวั่นไหวได้ง่าย อารมณ์ของมนุษย์ไม่ใช่อะไรที่จะคำนวณได้ก็จริง แต่รูปแบบที่มันกำลังจะเป็นก็มี...

สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือ รมิตามีภูมิต้านทานผู้ชายน้อยเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายอย่างอเล็กซ์ ผู้ชายที่เป็นชายทั้งเนื้อทั้งตัว อีกทั้งยังหล่อเหลาบาดใจ มีเสน่ห์ยากจะมีผู้หญิงคนไหนต้านทานได้ แต่ข้อแม้ที่สำคัญที่สุดก็คือ อเล็กซ์มีใบหน้าเหมือนอเลน รมิตาจะยิ่งหวั่นไหวหนัก และถึงแม้ว่าตอนนี้อเล็กซ์ดูเหมือนจะตกเป็นเบี้ยล่าง คือ ยอมตามใจมาเป็นนายแบบให้รมิตา แต่เชื่อเถอะ ไม่นานเขาก็จะแผลงฤทธิ์และพลิกกลับมาเป็นฝ่ายมีแต้มต่อ รมิตาปฏิเสธเขาไม่ได้ด้วย เพราะคำขอร้องของอเลนที่ค้ำคอเธอไว้

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช่สเปคอเล็กซ์ เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก” รมิตายืนยันหนักแน่น สองคืนที่ผ่านมาก็เป็นตัวชี้วัดแล้วว่า ถึงอเล็กซ์จะแหย่ๆ เธอ แต่เอาเข้าจริง เขาก็ไม่ได้ทำอะไรแม้แต่จับมือด้วยซ้ำไป ดังนั้นเธอจะปลอดภัยจากเขาแน่นอน

โมนิก้ามองรมิตาด้วยสายตาเหมือนเห็นสิ่งประหลาด “แกมันไม่รู้จักผู้ชายดีพอ ไม่มีอะไรรับประกันได้หรอกว่า แกจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ยกเว้นแต่ว่าตาอเล็กซ์นี่เป็นเกย์”

“อเล็กซ์ไม่ใช่เกย์ แต่ฉันว่าแกคิดมากไปนะ เขาประกาศอยู่โต้งๆ ว่าเขาไม่มีทางปล้ำฉัน หรือถ้าคิดจะปล้ำจริง แกคิดว่าฉันจะงอมืองอเท้าให้ถูกข่มเหงง่ายๆ รึไง? ฉันไม่มีทางยอมหรอก”

โมนิก้าอยากจะขำเพื่อนสาวจริงๆ เพราะรมิตาไม่ใช่ผู้หญิงที่แข็งแกร่งเป็นเหล็กกล้า ถูกละ เปลือกนอกของเธอเข้มแข็ง แต่ข้างในแล้วรมิตาเปราะบางมาก เธออ่อนโยนและใจดี ซึ่งใครหลายคนที่รู้จักนิสัยเธอแล้วก็อดจะหลอกใช้ข้อดีที่ไม่อยากเห็นคนต้องลำบากลำบนไม่ได้ รวมถึงพี่สาวของรมิตาและอเลนเพื่อนชายผู้โทรมาไหว้วานให้รมิตาดูแลพี่ชายให้ข้ามประเทศ อันที่จริงโมนิก้าอยากให้รมิตาเจอคนดีๆ ที่สามารถให้การพึ่งพิงทางจิตวิญญาณได้

ในความเห็นเธอ รมิตาเหน็ดเหนื่อยเกินไป ช่วงที่ผ่านมาหญิงสาวทำงานตลอดเจ็ดวันเพื่อหนี้สินที่ตัวเองไม่ได้ก่อและหลังจากทริปสเปนนี้เธอก็ยังจะต้องทำงานหนักต่อเพื่อชดใช้หนี้ให้หมดสิ้นไป อย่างน้อยถ้ารมิตาเจอผู้ชายที่เธอวางใจพอจะบอกเล่าเรื่องราวที่พบเจอได้ก็คงดี โมนิก้าไม่รู้ว่าอเล็กซ์จะเป็นผู้ชายดีๆ คนนั้นไหม? แต่ถ้าอเล็กซ์เกิดได้คบหากับรมิตาจริงๆ หญิงสาวเห็นว่ามันคงเป็นเรื่องวุ่นวายพิลึก เพราะอเล็กซ์ชอบน้องสะใภ้ตัวเอง ส่วนรมิตาก็รักอเลนข้างเดียวอีก...พอคิดว่าทั้งสองจะมาคบกัน เธอเห็นแต่คำว่าหายนะรออยู่เลย
สาวสเปนถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงเรื่องวุ่นๆ ที่ตัวเองจินตนาการไปเองกับความไร้เดียงสาของเพื่อนแล้วได้แต่ตักเตือนซ้ำว่า

“เอาเถอะ ฉันขี้เกียจบอกแกแล้ว อย่าประมาทแล้วกัน ผู้ชายน่ะ ถ้าอยากได้ มันมีวิธีที่จะทำให้ได้ทั้งนั้นละ แต่...ที่จริงแล้วถ้าแกจะลองมีประสบการณ์บ้างก็ดีนะ ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ฉันแค่ไม่อยากให้แกมานั่งเสียใจทีหลังว่า ถ้ารู้ว่าเซ็กส์มันสนุกแบบนี้ควรจะทำไปนานแล้ว”

“บ้า!” ว่าแล้วคนขี้อายก็ประเคนฝ่ามือให้คนแซวไปสองสามที

หลังจากแซวกันพอหอมปากหอมคอ รมิตาก็โบกมือลาเพื่อนสาวพลางลากกระเป๋าไปสมทบกับอเล็กซ์ที่ไปรออยู่ชานชาลาแล้ว ชายหนุ่มยังคงเหมือนเดิมคือ แทบไม่ปริปากพูด แต่เขาก็ช่วยรมิตาหาที่นั่งและช่วยยกกระเป๋าสัมภาระวางบนชั้นเก็บของให้ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ทำให้รมิตาเห็นว่า เขาเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเมื่อวาน และการเดินทางครั้งนี้น่าจะไปรอดได้

ภายในโบกี้รถไฟมีเก้าอี้สามตัวต่อหนึ่งแถว โดยที่จัดเป็นสองตัวคู่กันแล้วเว้นเป็นทางไว้เดินคั่นกับเก้าอี้เดี่ยว ซึ่งหญิงสาวได้นั่งคู่กับอเล็กซ์ ความที่เมื่อเช้ายังตกใจไม่หายที่ตัวเองไปนอนกอดอเล็กซ์ รมิตาจึงยังเข้าหน้าเขาไม่ติด กอปรกับมีอาการเมาค้างหลงเหลืออยู่ซึ่งยาแก้แฮงก์ช่วยบรรเทาไปได้ไม่มาก เธอจึงตัดปัญหาด้วยการงีบหลับเอาแรง เพราะกว่าจะเดินทางไปถึงมาดริดก็ใช้เวลาราวสองชั่วโมงครึ่ง มันคงพอจะทำให้เธอสดชื่นขึ้นได้บ้าง และคงจะพอทำเป็นลืมเรื่องน่าอายนี้ไปได้

อเล็กซ์ไม่ได้หลับเหมือนรมิตา เขาไม่ชอบนอนหลับในที่สาธารณะอย่างรถไฟหรือว่าเครื่องบิน ดังนั้นหลังจากอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เสร็จ ชายหนุ่มจึงนั่งชมวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างพลางปล่อยใจให้ผ่อนคลาย แต่สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว ยังคงเป็นผู้หญิงข้างตัว ที่เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอมีจุดประสงค์อะไร เพียงแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเขา อเล็กซ์ยังจำแววตาอ่อนโยนที่เธอมองมาในวันแรกที่เจอกันได้ แต่ที่ติดใจเขาที่สุดกลับเป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้าเมื่อวาน ซึ่งทำให้เขาใจอ่อนยวบยาบ

...ถ้าเธอเป็นคนไม่ดีละก็ หญิงสาวคงจะต้องได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงแน่นอน

จู่ๆ อเล็กซ์ก็รู้สึกหนักที่ไหล่ขึ้นมา เมื่อหันมาก็พบว่า ศีรษะของเพื่อนร่วมทางเอนข้ามที่นั่งมาซบอยู่ที่ไหล่ของเขา มือใหญ่ดันให้ศีรษะเธอกลับไปอยู่ที่พนักเก้าอี้ตัวเองตามเดิม เนื่องจากหญิงสาวเป็นคนขี้หนาว เธอจึงเอาผ้าคลุมไหล่ผืนหนามาคลุมตัวไว้ด้วย แต่ตอนนี้ชายผ้าคลุมห้อยตกไปข้างหนึ่ง อเล็กซ์เลยจัดแจงห่มผ้าให้เธอใหม่ ส่วนตัวเขากลับไปให้ความสนใจกับวิวชนบทของสเปนตามเดิม ไม่ถึงห้านาทีหัวไหล่เขาก็หนักขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มดันหญิงสาวให้กลับไปนอนที่เก่า ทว่าไม่รู้ว่าเพราะออกแรงดันมากไปหรือเปล่า ศีรษะของรมิตาเลยเอียงไปขวางทางเดินเข้าให้ อเล็กซ์ต้องรีบดึงให้เธอกลับมานอนตรงๆ ให้ได้

“ขี้เซาจริงๆ เลยนะ” คนจัดท่ามองผู้หญิงที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้วก็ให้เอื้อมมือไปหยิกแก้มเบาๆ อย่างมันเขี้ยว

รมิตาอยู่ในท่าที่อเล็กซ์จัดไว้ให้ได้ไม่กี่นาที ศีรษะเธอก็เอียงมาซบไหล่หนาอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มเลิกจัดท่าให้หญิงสาวแล้ว เขาอุทิศไหล่ตัวเองให้เป็นที่นอนของคนขี้เซาแทน

*************************************************

‘เอาอีกแล้วเรา’

รมิตาพูดประโยคนี้ขึ้นในใจ รู้สึกอยากจะหยิกตัวเองขึ้นมาจั๋งหนับ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตัวเองนอนซบไหล่ของอเล็กซ์อยู่ พอมองหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ขยับนวดไหล่ไปมาเหมือนเมื่อยจัด ท่าทางของเขาเป็นเหตุให้แทนที่รมิตาจะอยากพูดขอบคุณเขาที่อุตส่าห์ให้ยืมไหล่ต่างหมอน เธอกลับอยากเอาหัวโขกเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เพราะว่าเป็นช่วงที่รถไฟเทียบชานชาลาที่สถานีอโตชา ในมาดริดพอดี หญิงสาวจึงได้ช่วงจังหวะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กุลีกุจอเช็กข้าวของที่แทบจะไม่มีอะไรติดตัวนัก ก่อนจะไปหยิบกระเป๋าสัมภาระแล้วเดินออกจากโบกี้รถไฟไป

รมิตาไม่อยากพูดถึงเรื่องในรถไฟอีก ก็เลยหยิบแผนที่ขึ้นมาในมือ ขณะที่เอ่ยเปลี่ยนเรื่องกับคนข้างตัว เดินไปก็พล่ามไปถึงโปรแกรมสถานที่เที่ยวอันแน่นเอี้ยดในวันนี้ให้ฟังก่อนที่พรุ่งนี้จะไปเมืองอื่นต่อโดยไม่ได้มองหน้าอเล็กซ์เลย เพราะกลัวจะเจอกับสายตาที่จะทำให้เธออารมณ์เสีย ระหว่างที่เดินหาทางไปสถานีรถไฟใต้ดินอยู่นั้น อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อเล็กซ์ก็กระชากตัวเธอเข้ามาใกล้ ทำเอาหญิงสาวตกใจและงุนงง ส่วนตัวเขาขยับด้วยความรวดเร็วไปด้านหน้า ตอนที่รมิตาหันกลับไปจะต่อว่าเขา ก็พบว่าอเล็กซ์กำลังทุ่มผู้ชายคนหนึ่งลงไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นเสียแล้ว

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้ดูกีฬานัก แต่เธอก็คิดว่ามันเป็นท่าทุ่มที่สวยงามและสมบูรณ์แบบมาก ถ้ามีคะแนนเต็มสิบ สาวๆ ก็ต้องให้สิบเต็ม และอาจบวกคะแนนความเท่ของคนทุ่มเพิ่มไปอีกสิบคะแนนแน่นอน วินาทีนี้ทำให้รมิตานึกเสียใจที่ไม่ได้ถือกล้องไว้ในมือ เธออยากถ่ายภาพเขาในตอนที่เหวี่ยงตัวชายคนนี้ทุ่มข้ามศีรษะไป

ตอนแรกรมิตานึกงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในนาทีต่อมาก็ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรกันเมื่อทางด้านซ้ายมือของเธอมีกลุ่มตำรวจสเปนสี่คนกรูกันเข้ามาพร้อมกับเข้าจับกุมผู้ชายที่นอนอยู่กับพื้นเพราะความเจ็บจนลุกไม่ขึ้น พอมองให้ดีๆ ก็พบว่าในมือของเขามีกระเป๋าใบหนึ่งที่ผู้หญิงใช้ถือกัน

อเล็กซ์ได้รับคำขอบคุณและคำชื่นชมจากกลุ่มตำรวจที่เข้ามาในฐานะที่เป็นพลเมืองดีช่วยจับโจรวิ่งราวกระเป๋า แต่ที่มองอเล็กซ์เหมือนเทพเจ้าลงมาโปรดเห็นจะเป็นเจ้าของกระเป๋าที่เป็นคุณยายชาวสเปนซึ่งเดินงกๆ เงิ่นๆ มาพร้อมกับสามี เธอพร่ำขอบคุณอยู่นานด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะมอบขนมคุกกี้ให้เขาถุง แน่ละว่าชายหนุ่มปฏิเสธ แต่ทนอาการคะยั้นคะยอไม่ได้จึงรับมาในที่สุด รมิตายกกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บภาพความประทับใจนี้ไว้โดยไม่รู้ตัว เธอชอบสีหน้าเวลาที่เขาพูดคุยกับอีกฝ่าย มันเป็นสีหน้าที่เธอไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน ด้านชาวหนุ่มเพียงตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากทั้งคู่ที่แสดงความขอบคุณไม่หยุด เขามาหารมิตาที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

“คุณเรียนยูโดด้วยเหรอ ท่าสวยมาก แถมยังไวอีกด้วย” รมิตาเอ่ยชม เพราะรู้สึกว่าหากมีโจรวิ่งผ่านหน้าไป เธอคงไม่มีทางหยุดเขาได้ด้วยพละกำลังแน่ๆ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในทุกการเดินทางนั้นหญิงสาวจะแต่งตัวธรรมดาค่อนไปทางซอมซ่อก็เรียกได้ ทำให้ปลอดภัยจากพวกโจรเรื่อยมา

“อือ ใช่” อเล็กซ์ยังตอบสั้นๆ อีกตามเคย

“งั้นทริปนี้ฉันไม่ต้องกลัวโจรแล้ว มีคุณอยู่ข้างๆ แบบนี้ต้องปลอดภัยแน่นอน” สาวไทยยิ้มกว้าง ไม่คิดเลยว่าอเล็กซ์จะมีประโยชน์ในฐานะบอดี้การ์ดได้ด้วย

อเล็กซ์ที่เดินขึ้นหน้าหยุดชะงักไปแล้วหันมาปรายตามองรมิตา เขาถอนใจนิดๆ แล้วว่า “ถ้าคุณไม่มองว่ารอบๆ ตัวมีอะไรเกิดขึ้นบ้างละก็ ถึงมีผมอยู่ ก็คงดูแลคุณไม่ไหวหรอก”

รมิตาหน้ามุ่ยทันควัน ปากที่กำลังจะขยับพูดคำว่าขอบคุณที่ช่วยกันเธอไว้ไม่ให้ถูกชนเข้าหรือร้ายกว่านั้นถูกโจรฉกกระเป๋ากล้องไปด้วยก็หุบฉับทันทีเช่นกัน เปลี่ยนเป็นแก้ตัวเสียงอุบอิบ

“ฉันกำลังคุยอยู่กับคุณนี่นา ไม่มีตาข้างหลังนะ จะได้เห็นว่ามีคนวิ่งมาน่ะ”

อเล็กซ์ไม่เสียเวลาเถียงต่อ เขาหันกลับไปมีเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ลอดลำคอมาให้รมิตานึกเคืองเล่น หญิงสาวข่มใจไม่ให้คิดลอบทำร้ายอเล็กซ์อีก แต่เพราะอัดอั้นมากก็เลยแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกให้ อเล็กซ์หมุนตัวกลับมาพอดีเพื่อถามว่าจะไปที่ไหนต่อ ก็ต้องตกตะลึงกับกิริยาแบบนั้นของรมิตา ส่วนคนทำอยากฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงรางรถไฟไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย

‘จะต้องขายหน้าต่อหน้าตานี่อีกกี่ครั้งกันนะ’

เห็นใบหน้าตลกๆ ค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลายเป็นสีหน้าตกตะลึงและเปลี่ยนเป็นยิ้มจืดเจื่อน อเล็กต้องเบนหน้าไปอีกทางเพื่อกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ตั้งคำถามอย่างปล่อยผ่านเรื่องเมื่อครู่ที่ทำให้เขาอารมณ์ดีได้ รมิตารีบตอบทันทีว่าจะนั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังที่พักก่อนแล้วค่อยไปเดินเที่ยวกัน ว่าแล้วหญิงสาวก็จ้ำอ้าวแซงหน้าอเล็กซ์ไปเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าคมคายนั่นอีก

*************************************************

ที่พักของทั้งคู่อยู่ในย่านใจกลางเมือง เป็นเกสต์เฮ้าส์ที่ห่างจากพระราชวังหลวงปาลาซิโอ รีอัล เพียงแค่หกนาทีเท่านั้น ราคาต่อคืนของที่นี่ค่อนข้างแพงเอาการอยู่ แต่เพราะว่าโมนิก้าเพื่อนเธอเป็นหลานสาวของเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ที่นี่ ทำให้รมิตาได้ลดราคาลงมาเกินครึ่ง ส่วนห้องของอเล็กซ์ต้องจ่ายเต็มราคาแน่นอน รมิตาโล่งใจที่เรื่องที่พักไม่มีปัญหาอะไร อเล็กซ์ดูไม่ใช่คุณชายเรื่องมากอย่างที่คาดไว้ เขาอยู่ง่ายและกินง่ายมากกว่าอเลนด้วยซ้ำ หญิงสาวจำได้ว่าอเลนจะไม่พัก

เมื่อเช็กอินเรียบร้อยแล้วก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงพอดี รมิตาก็พาอเล็กซ์ย่ำกรุงโดยไม่มีพักแต่อย่างใด สถานที่แรกย่อมเป็นพระราชวังหลวงอันโอ่อ่าหรูหราอลังการ แต่รมิตาคิดว่าตัวเองคงใช้โชคดีหมดไปแล้วแน่ๆ เพราะว่าไม่สามารถเข้าชมในวังได้ในวันนี้ เนื่องจากจะมีจัดงานพิธีอะไรสักอย่าง เธอเลยได้แต่ไปถ่ายรูปมหาวิหารอัลมูเดน่าซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์สไตล์นีโอโกธิกและบาร็อกที่อยู่ตรงข้ามแทน

แล้วต่อด้วยประตูพระอาทิตย์หรือ ปูเอร์ตา เดล โซล เพื่อไปเหยียบหลักกิโลเมตรศูนย์ ที่นี่ เนื่องจากว่าย่านนี้เต็มไปด้วยร้านรวงมากมายไว้หลอกล่อนักท่องเที่ยวให้เสียเงิน เพื่อความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน รมิตาเลยตั้งใจว่าจะเดินผ่านไปอย่างให้เร็วที่สุดหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเหยียบแผ่นหลักกิโลเมตรศูนย์กับดูหน้า ‘พี่หมี’ ชื่อเล่นที่เธอตั้งให้กับสัญลักษณ์ของเมืองมาดริดที่เป็นรูปปั้นหมียืนเกาะต้นไม้ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเรียบร้อยแล้ว ว่ากันว่าถ้าได้เหยียบแผ่นหลักกิโลเมตรศูนย์จะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง รมิตาก็หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงเข้าสักวัน เพราะที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งรอให้เธอไปสัมผัสอยู่

แต่ระหว่างที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่นั้น ผู้ชายที่เธอให้เขามายืนเป็นนายแบบแสนเท่ก็มีสาวสวยหุ่นนางแบบนิตยสารเพลย์บอยผมดำยาวถึงกลางหลังเดินเข้ามาเบียดชิด แล้วยกมือเขี่ยแผ่นอกของอเล็กซ์เล่น อากัปกิริยาที่เหมือนในโลกนี้มีแค่เธอกับอเล็กซ์ทำให้ผู้หญิงชาวไทยที่ยืนถือกล้องอยู่นั้นชะงักหยุดค้างไปอย่างงงๆ

“รูปหล่อ ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม?” แค่พูดอย่างเดียวคงไม่สื่อเท่าหน้าอกหน้าใจใต้ชุดเดรสสั้นสีแดงซึ่งเบียดเข้าหาเพื่อเสียดสียั่วยวนอารมณ์ฝ่ายชาย

“ไม่ละ ผมไม่ว่าง เพราะผม...” อเล็กซ์ขยับถอยหนีพลางดึงมือของสาวเจ้าออกไป แล้วก้าวไปหารมิตาที่ยืนมึนอยู่ เพราะตัดสินใจไม่ได้ว่า เธอควรจะไปที่อื่นก่อนไหม เพื่อให้เวลาเป็นส่วนตัวกับอเล็กซ์และผู้หญิงชุดแดงคนนี้ หรือเธอควรอยู่เป็นก้างขวางคอเพื่อแกล้งอเล็กซ์ให้อดกินอาหารคาวแบบนี้ดี?

“...มากับแฟน” ว่าแล้วเขาก็มายืนแนบข้างแล้วอ้าแขนโอบไหล่บางของรมิตาไว้ หญิงสาวเงยหน้ามองคนขี้ตู่ทันที ก็เจอกับสายตาเข้มที่ส่งมาพร้อมคำขู่ไร้เสียงว่า หากไม่ทำตามที่เขาต้องการ เธอเจอดีแน่

“ไม่เป็นไรน่า แค่คืนเดียวเอง ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระยะยาวเสียหน่อย” หญิงชุดแดงยังคงไม่ละความพยายาม รมิตาแอบทึ่งในความหน้าหนาของอีกฝ่ายจริงๆ เธอที่รับสมอ้างเป็นแฟนก็ยืนอยู่ทนโท่แบบนี้ ยังจะกล้าพูดเชิญชวนได้อีก ถ้าเธอเป็นแฟนอเล็กซ์จริงๆ สาวสวยคนนี้ไม่กลัวโดนตบรึไงกันนะ?

“ไม่ได้หรอก แค่ผมมองคุณ แฟนผมก็หึงหวงแย่แล้ว ใช่ไหมจ๊ะ ที่รัก” มือที่จับไหล่อยู่ออกแรงเพิ่มจนคนตัวเล็กเริ่มเจ็บขึ้นมา

“หือ? อะ อื้อ” รมิตาหน้านิ่ว ขณะที่พูดรับคำอย่างขอไปที แต่เธอคงเป็นหัวหลักหัวตอไปแล้ว เพราะสาวชุดแดงไม่ได้สนใจท่าทีของแฟนสาวอย่างเธอเลย

“ไม่มาลองกันหน่อยเหรอ? ฉันเก่งนะคะ ทำให้คุณถึงสวรรค์ได้แน่ๆ แล้วคุณจะติดใจ” เธอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอิ่มเต็มเคลือบลิปสติกสีแดงสด พยายามหว่านเสน่ห์เต็มที่ ส่วนสาวไทยอ้าปากหวออีกครั้ง ไม่คิดว่าจะมาได้ยินคำพูดโจ่งครึ่มแบบนี้

“อยู่กับแฟน ผมก็ขึ้นสวรรค์ได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณหรอก”

ดวงหน้าของรมิตาร้อนฉ่าขึ้นมาเพราะคำพูดของคนข้างตัว เธอส่งสายตาเขียวปั้ดมาให้คนพูดจาลามกได้โดยหน้าไม่เปลี่ยนสี
สาวชุดแดงเลยปรายตามามองรมิตาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วทำเสียงขึ้นจมูกเป็นนัยเยาะเย้ยเล็กๆ ก่อนจะตรงดิ่งมาที่อเล็กซ์จากนั้นก็เขย่งตัวขึ้นหอมแก้มสากของชายหนุ่ม แต่ก็พลาดไปเพราะเขาชิงเบี่ยงตัวหลบก่อน

“เสียใจจริงๆ แฟนผมขี้หึงมาก ผมให้คุณจูบไม่ได้หรอก”

สาวหุ่นอวบอัดทำท่าฮึดฮัดขัดใจที่ทุกอย่างไม่เป็นตามที่หวังไว้เลยสักอย่าง ไม่เข้าใจว่าทำไมหนุ่มหล่อคนนี้ต้องกลัวแฟนเขานักหนา แต่เธอก็ยังมีแก่ใจปั้นหน้าสวยฉีกยิ้มหวานให้แล้วยัดเบอร์มือถือเข้าในกระเป๋าเสื้อของอเล็กซ์

“ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไร โทรมานะคะ” ก่อนจะเดินนวยนาดจากไป สาวสวยสะบัดหน้ามาทิ้งท้ายคำด่าให้รมิตาอีก “Bitch! (ผู้หญิงเลว)”
เล่นเอารมิตาหน้าเหวอไปเลย เธอนิ่งอึ้งไปชั่วขณะเหมือนถูกสาปก่อนจะหันมาเอาเรื่องตัวต้นเหตุแทน

“คุณทำให้ฉันถูกด่า!” ตากล้องสาวโกรธจัด เธอดึงมือหนาออกจากไหล่

“ตรงไหน? ผมไม่ได้สั่งให้เขามาด่าคุณเสียหน่อยนะ” อเล็กซ์ที่กลั้นขำอยู่ แสร้งตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้และปฏิเสธข้อกล่าวหา

“ก็คุณอ้างว่าฉันเป็นแฟนไง ฉันถึงได้ถูกใครหน้าไหนก็ไม่รู้มาด่า”

“มันไม่ใช่ความผิดของผมเสียหน่อย ผมไม่ได้ไปสั่งเขาให้มาด่าคุณนะ อีกอย่างผมเห็นว่าในเมื่อคุณเอาผมมาเป็นนายแบบแล้ว คุณก็น่าจะรับผิดชอบความเป็นอยู่ของผมนะ ผมไม่อยากไปกับผู้หญิงคนนั้น คุณก็น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ผม จริงไหม?” ชายหนุ่มยืนกรานว่าตัวเองถูกต้องทุกประการ

“เอ่อ...” รมิตาซึ่งฝีปากสู้ไม่ได้จึงเถียงไม่ออก เธอทบทวนอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อเธอเอาเขามาเป็นนายแบบได้ และเขาก็ต้องทำทุกอย่างที่เธอบอกให้ทำ โดยสถานะกลายๆ แล้ว เธอเป็นเจ้านาย ส่วนเขาเป็นทาสสิ ทำไมมันกลับกันแบบนี้ เธอที่ควรจะเป็นเจ้านายกลับต้องดูแลเขาทุกอย่างจองห้องพักให้ด้วย หนำซ้ำยังต้องเป็นไม้กันสาวให้เขาอีก ส่วนเขาที่ควรเป็นทาสรับใช้เธอกลับลอยตัวทุกเรื่อง ปล่อยให้เธอจัดการหมด มันมีอะไรผิดพลาดตรงไหนเนี่ย?

“เอาละ หมดเรื่องแล้ว ไปกันเถอะ ที่รัก” อเล็กซ์เน้นเป็นพิเศษกับคำว่าที่รัก ยั่วโมโหอีกฝ่ายได้ดีนักแล

“ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณนะ!” รมิตาแหวเข้าให้ เธอเดือดจนอยากกระทืบเท้าแล้ว

แต่อเล็กซ์ไม่สนใจท่าทีที่เหมือนกระทิงที่จะขวิดเขาให้ตายคาที่ ชายหนุ่มหยิบเศษกระดาษในกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้รมิตา แล้วว่า “ฝากทิ้งด้วย”

รมิตารับอย่างงงๆ ก่อนจะพบว่าตัวเองกลายเป็นคนใช้ไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เธอแทบอยากจะกรี๊ดใส่รูหูของคนสั่งนัก แต่เขาออกเดินนำหน้าไปแล้วเพราะทราบดีว่ารมิตาจะไปที่ไหนต่อ ปล่อยให้ตากล้องสาวต้องสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะทำใจให้เดินเที่ยวต่อไปได้ แต่ก็ยังเคืองๆ อเล็กซ์อยู่ไม่น้อย

พ้นจากกิโลเมตรศูนย์ไปไม่เท่าไร เดินย้อนไปทางต้นถนนแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตรอกเล็กๆ ก็จะมาโผล่ที่ลานกว้างซึ่งเป็นจัตุรัสใหญ่ของเมืองที่มีชื่อว่าปลาซา มายอร์ คอกาแฟอย่างรมิตาก็รีบหาร้านที่เพื่อนสาวแนะนำมาทันที ที่นี่มีร้านอาหารมากมายไว้ดึงดูดผู้คนมานั่งชิวๆ จิบกาแฟ หรือกินอาหาร ดูผู้คนผ่านไปมา แม้ว่าเวลาจะน้อยแต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หลังจัดการอาหารด้วยความไวปานสายฟ้าแลบ หญิงสาวที่กระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยลาเต้เย็นแก้วใหญ่ก็หอบหิ้วกระเป๋ากล้องออกไปถ่ายรูป ทิ้งให้อเล็กซ์นั่งซึมซับบรรยากาศของย่านเก่าแก่มากประวัติศาสตร์แห่งนี้ต่อไป

เมื่อรมิตาเดินกลับมาก็เห็นแต่ไกลว่า เก้าอี้ที่เธอเคยนั่งนั้นมีผู้หญิงผมบลอนด์ตาสีฟ้าคนหนึ่งนั่งอยู่ นอกจากจะสวยแล้วดูจากการแต่งกาย ก็ดูเป็นคนมีการศึกษามากกว่าสาวชุดแดงนัก

อเล็กซ์ชี้มาทางเธอ...รมิตาเลยเร่งฝีเท้าเดินไปยังโต๊ะที่นั่ง แล้วก็มาทันได้ยินประโยคหนึ่งเข้าพอดี

“ผมเป็นของเธอ ถ้าเธออนุญาต ผมก็จะไป”

รมิตาเห็นเป็นโอกาส เธอซึ่งมาหยุดข้างอเล็กซ์พอดี มองหน้าคู่สนทนาของเขาก่อนแล้วหันมาทางอเล็กซ์ เธอว่า “ก็ไปสิ ฉันอนุญาต แต่ต้องกลับมาก่อนสี่โมงเย็นนะ โอเคไหม? หรือไม่พอ จะเจอกันพรุ่งนี้เช้าก็ได้นะ”

อเล็กซ์เหลือบมองคนข้างตัวที่กำลังทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก ชายหนุ่มแก้สถานการณ์ได้อย่างไวด้วยการรีบแย้งออกมา น้ำเสียงอ่อน “ไม่เอาน่า ที่รัก อย่าประชดสิ”

“ฉันไม่...” หญิงสาวพูดไม่ทันครบประโยคก็ถูกชายหนุ่มดึงไปนั่งบนตักแล้วกอดเอวไว้แน่น

“ต่อให้มีกี่คนเข้ามา ผมก็มีแค่คุณเท่านั้นน่ะ อย่าหึงเลยนะ” เสียงนุ่มทุ้มของอเล็กซ์บวกกับแววตาอ่อนโยนก็ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากแทบจะละลาย แต่มันไม่ค่อยได้ผลกับรมิตานัก ทีแรกเธอตกใจจนตัวแข็งทื่อไปหมด พอตั้งสติได้ หญิงสาวก็จ้องตาชายหนุ่มเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แต่กลายเป็นว่าเข้าทางอเล็กซ์พอดี เพราะเหมือนสถานการณ์ที่แฟนสาวหึงหวงและแฟนหนุ่มต้องง้อ พลอยทำให้สาวผมบลอนด์กลายเป็นของประกอบฉากโดนเมินไปโดยปริยาย

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” รมิตาเอ่ยเสียงต่ำลอดไรฟัน เธอหน้าแดงขึ้นเพราะความโมโห

“ไม่ปล่อย มีอะไรไหม” อเล็กซ์เอ่ยเสียงเอื่อยๆ ซึ่งยียวนกวนประสาทหญิงสาวเป็นที่สุด

“มี!” หญิงสาวย้ำหนักแน่นก่อนรองเท้าเบอร์สามสิบแปดจะเหยียบลงที่หลังเท้าของอเล็กซ์สุดแรงพร้อมกับขยี้ซ้ำ คนที่ถูกประทุษร้ายคิ้วขมวดแค่เล็กน้อยแล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาคมเข้มส่อแววอันตราย แต่รมิตาไม่กลัว เธอยิ้มหวานจนเหมือนมีดอกไม้บานข้างหลังเป็นแบ็กกราวนด์เพราะว่าได้เอาคืนอเล็กซ์บ้างแล้ว

“อะแฮ่ม เอ่อ...ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไร มาได้เสมอนะคะ ฉันจะรออยู่ที่โรงแรมxxx ห้องxxx” สาวสวยผมบลอนด์กระแอมเบาๆ ขัดจังหวะคู่รักที่ทำท่าจะฆ่ากันไปข้าง และยังไม่วายพูดหยอดไว้อย่างคนยอมหน้าด้านดีกว่าเสียโอกาส และแน่นอนว่าเธอแอบจิกสายตาใส่สาวไทยที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เธออยากใช้เวลาช่วงค่ำคืนด้วย ซึ่งคราวนี้รมิตาไม่ได้มีปฏิกิริยาชักช้าเหมือนกรณีสาวชุดแดง เธอถลึงตาใส่อย่างไม่ยอมคน สาวผมบลอนด์ทองจึงได้สะบัดหน้าจากไปโดยไม่ได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้ให้รมิตาเจ็บใจเล่น

“ปล่อยได้แล้ว” คนตัวเล็กหันขวับมาด้วยใบหน้าขึงตึง

“ไม่ปล่อย” ถ้อยคำที่ตอบกลับมาให้คนบนตักโกรธแทบเต้น

“อยากจะโดนเหยียบอีกข้างใช่ไหม?” รมิตาขู่ฟ่อ

“กล้าทำก็ลองดู แต่คราวนี้ผมไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่”

“ทำไม? จะเหยียบคืนเหรอ ฝันไปเถอะ” รมิตากำมือแน่น กะว่าหากเขาจะเหยียบจริงๆ เธอจะชกหน้าเขาเอาให้สวมแว่นตาสีม่วงไปหลายวันเลย

อเล็กซ์มองจมูกรั้นๆ ของอีกฝ่ายแล้วก็เผลอพูดออกมาว่า “ไม่! เหยียบเป็นวิธีของคุณ ผมไม่ใช้วิธีนั้นหรอก ผมขอกัดคุณแทนแล้วกัน”
นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องมาที่ดวงหน้าเนียนใสของรมิตาและลดลงมองที่จมูกไพล่ระไปที่ริมฝีปากอย่างมีเป้าหมาย ทำเอารมิตาเกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ และกระวนกระวายขึ้นมา สองมือยกขึ้นจะยันไหล่หนาไว้แต่ถูกเขารวบจับไว้ได้อีกครั้งแล้วดึงเข้าหาจนใบหน้าของเขาและเธอห่างกันไม่ถึงคืบ

“มาให้ผมกัดสักครั้งก่อนแล้วกัน ผมถึงจะปล่อยคุณไป”

“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันร้องว่าคุณลวนลามฉันจริงๆ ด้วย”

“ร้องเลย ที่รัก ตอนนี้ใครๆ ก็มองว่าเป็นคู่รักทะเลาะกันทั้งนั้นแหละ”

อเล็กซ์ไม่กลัวคำขู่ เขาเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้มากขึ้น จนระยะห่างเหลือไม่ถึงสามเซนติเมตร ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดผิวหน้าทำให้สมองของเธอสั่งการสับสนไปหมด รมิตารู้ว่าจะต้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกไป แต่ปากเจ้ากรรมกลับไร้เสียง หญิงสาวทำได้เพียงหันหน้าหนีอย่างตื่นตระหนกและช่วยตัวเองไม่ได้

ริมฝีปากบางที่พลาดเป้าจากจมูกเปลี่ยนไปประทับลงที่ลำคอขาวนวลแทน ความสากระคายของไรเคราแนบเข้ามากับเนื้อนวล และกลิ่นอายบุรุษเพศที่เป็นนักล่าเต็มตัว รบกวนความนึกคิดของเธอให้มันเสียระบบ แล้วรมิตาก็สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกกัดขึ้นมาจริงๆ เธอยกมือขึ้นจับตรงที่ถูกกัดอัตโนมัติ

“โอ๊ย! เป็นบ้าไปแล้วรึ...” พอหันมาอ้าปากต่อว่า จมูกของเธอเลยกลายเป็นเป้าหมายของแวมไพร์กระหายเลือดตรงหน้า แต่แรงขบย้ำตรงจมูกนั้นน้อยกว่าตรงที่คอ ทว่าก็ทำเอาหญิงสาวแน่นิ่งไปเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินแล้ว

“ทีนี้ก็หายกันแล้ว”

‘หายกัน? หายกันอะไร เธอเหยียบเท้าเขาไปแค่ทีเดียว แต่เขากลับกัดเธอสองที อย่างนี้มันหายกันตรงไหน? หมอนี่ตกเลขหรือไง?’ สายตาไม่ยินยอมพร้อมใจของรมิตาทำให้อเล็กซ์ถามยิ้มๆ ว่า

“หรือต้องการ...อีกสักที่”

เหยื่อสาวส่ายหน้าหวือ ว่าง่ายผิดปกติทั้งที่หากเป็นเธอคนเก่าแล้วไม่มีทางยอมง่ายๆ แบบนี้แน่ แต่ไม่รู้ทำไมรมิตารู้สึกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับอเล็กซ์ เธอเหมือนนักมวยรุ่นไลต์เวตถูกมัดมือมัดเท้าแล้วโยนขึ้นสังเวียนที่มีนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวตรออยู่ หากไม่ขอยอมแพ้แต่เนิ่นๆ เธอจะถูกเขาไล่ถลุงจนเขาชนะน็อกตั้งแต่สามวินาทีของยกแรก

หนุ่มเย็นชาที่แปลงร่างมาเป็นนักล่ายามราตรีแตะใบหน้าของหญิงสาว เลื่อนนิ้วโป้งขึ้นไปลูบไล้ริมฝีปากของเธอแผ่วเบาแล้วถามเสียงนุ่มทุ้มว่า “งั้นคราวหน้าคงไม่เหยียบเท้าผมแล้วใช่ไหม?”

รมิตาไม่พยักหน้าได้หรือ? เธอมีหนทางเดียวคือพยักหน้าหงึกๆ เท่านั้น คิดแค่อยากออกไปจากสถานการณ์ที่ตกเป็นรองตอนนี้อย่างเดียว
“ต่อไปคุณก็จะเชื่อฟังผม ทำตามที่ผมพูดทุกอย่างใช่ไหม?”

ความกลัวทำให้หญิงสาวลืมพิจารณาให้ถ้วนถี่ รมิตาพยักหน้ารับอีกครั้ง

“คุณรับปากแล้วนะ ถ้าผิดสัญญา...” อเล็กซ์ลากเสียงยาว

“ไม่ผิด ไม่ผิดแน่นอน” รมิตารีบย้ำ

“ว่าง่ายดีจริงๆ ที่รัก” ว่าแล้วเขาก็ยอมปล่อยรมิตาออกจากอ้อมกอดทั้งที่รู้สึกอาวรณ์กับรสสัมผัสนิดๆ

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาว่า

‘เรียวปากของเธอต้องให้รสชาติที่ดีมากแน่นอน’

อเล็กซ์ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมคิดแบบนี้ โรซี่ไม่ใช่คนขี้เหร่อะไร แต่ก็ห่างไกลสเปคผู้หญิงของเขานัก แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจูบเธอขึ้นมา และอยากจะปราบพยศให้เธอเชื่องกับเขาเพียงผู้เดียว

หญิงสาวมีสภาพเหมือนคนที่ยังตกใจไม่หาย สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนักเท่าไร แต่เมื่อรู้สึกได้ว่าตนปลอดภัยแล้ว สายตามุ่งร้ายก็ถูกส่งไปให้อเล็กซ์ที่นั่งจิบกาแฟอยู่ทันที เห็นเขาสบายอารมณ์ถึงขนาดนั้น รมิตาก็แค้นนัก แต่เธอทำอะไรเขาไม่ได้ และตอนนี้ก็ตกเป็นเบี้ยล่างของเขาเต็มตัวแล้วด้วย

รมิตาเผลอพ่นความในใจออกมา “ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ?”

ชายหนุ่มนักล่าช่วยให้ความกระจ่างแก่เธอโดยไม่ถูกร้องขอ “เพราะคุณอยากได้ผมเป็นนายแบบยังไงล่ะ”

ตากล้องสาวสะอึกอึ้ง...อยากโทรไปยกเลิกกับอเลนเสียเดี๋ยวนี้

“อย่าห่วงเลย ผมไม่ใจร้าย อย่างเช่นสั่งให้คุณทำอะไรแปลกๆ หรอก” คนที่เปลี่ยนจากทาสกลายมาเป็นเจ้านายเอ่ยอย่างใจกว้าง

“แต่ทำแบบเมื่อกี้ฉันก็ไม่โอเค! คุณมัน...” รมิตาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเขาดี

อเล็กซ์เลิกคิ้วสูง “คนเริ่มก่อนเป็นคุณนะ ถ้าคุณไม่เหยียบเท้าผม ผมคงจะไม่เอาคืนหรอก”

“แต่ที่ฉันเหยียบเท้าคุณเป็นเพราะคุณลวนลามฉันอยู่นะ”

“นั่นก็เป็นเพราะคุณดื้อ เล่นนอกบทที่ผมกำกับไว้ ผมอุตส่าห์บอกปัดผู้หญิงคนนั้นไปแล้วแท้ๆ แต่คุณกลับดึงปัญหามาให้ผมอีกครั้ง” อเล็กซ์มีเหตุผลให้กับการกระทำของเขาเสมอ แม้ว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรก็ตาม

รมิตาแก้ต่างให้ตัวเองทันควัน เธอเชิดหน้าขึ้น ทำเป็นไม่รู้เรื่อง “ฉะ ฉันก็แค่หวังดี ไม่อยากขัดลาภคุณก็เท่านั้นเอง ทำดีไม่ได้ดีเลยจริงๆ”
“จะบอกว่าตัวเองเจตนาดีสินะ? จะโกหกอะไรก็ให้แนบเนียนหน่อยเถอะ” นัยน์ตาสีฟ้าสวยเผยแววเยาะหยัน

“อะไรกัน ฉันไม่รู้นะ ก็เห็นคุณนั่งคุยกับเขาอยู่นานสองนาน ก็นึกว่าคุยกันถูกคอแล้วอยากไปเที่ยวกันต่อที่อื่น ฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอคุณก็เลยอนุญาตให้ไปไงล่ะ” เธอเถียงคอเป็นเอ็น

“เอาเถอะ อยากจะเฉไฉต่อไปก็ตามใจ แต่อย่าให้มีคราวหน้าอีกนะ” สายตาเข้มกำกับมาอีกแรงว่าจะไม่ปล่อยให้เธอทำตามอำเภอใจแน่ๆ
รมิตาไม่ได้รับปาก เธอฝากคำขู่ไว้แทน “อย่าเผลอแล้วกัน ไม่งั้นฉันจับคุณมัดส่งไปขายบาร์เกย์แน่นอน”

“ถ้าทำได้ก็ลองดู” อเล็กซ์เอ่ยท้าทาย

รมิตาฮึดฮัด แค่นเสียงใส่ แล้วกระแทกเท้าเดินจากไป แต่ไปได้ไม่ถึงสามก้าวก็โดนเรียกไว้

“เดี๋ยว โรซี่ ผมมีเรื่องจะบอกคุณอย่างหนึ่ง”

“อะไร?” สาวไทยซึ่งกำลังโมโหจัด หันมาถามเสียงห้วนกระชาก

อเล็กซ์ยกนิ้วชี้ของตนขึ้นชี้ที่จมูกตัวเองแล้วว่า “ถ้าคุณอยากจะไปเที่ยวมาดริดด้วยสภาพนี้ก็ตามใจคุณนะ ผมไม่ถือ”

รมิตางงงวยไม่น้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าที่จมูกของเธอมีรอยถูกกัดอยู่ หญิงสาวรีบควักตลับแป้งขึ้นมาเพื่อใช้กระจกดูหน้าตัวเอง เป็นอย่างที่คิด รอยฟันติดอยู่ที่จมูกของเธอจริงๆ ด้วย รมิตาแก้ปัญหาด้วยการหยิบเอาพลาสเตอร์ยามาปิดที่จมูกกับต้นคอ ก่อนจะจ้องตัวต้นเหตุที่มองเธอยิ้มๆ อย่างต้องการฉีกเขาเป็นชิ้นๆ

ตอนนี้รมิตาเชื่อว่าหากใครยื่นปืนมาให้เธอละก็ อเล็กซ์จะต้องกลายเป็นศพในวินาทีต่อมา เธอจะให้ตัวเขาพรุนเป็นรังผึ้งเลย

อเล็กซ์คิดว่าตัวเองน่าจะมีปัญหาทางจิตเพราะเขาพบว่า ใบหน้ายามโกรธของโรซี่น่ามองจริงๆ และมีความเป็นไปได้มากว่า เขาจะหยุดยั่วโมโหโรซี่ไม่ได้อีกแล้ว...

*************************************************

เข้าช่วงบ่ายกว่า รมิตาก็รีบไปพิพิธภัณฑ์ปราโด เนื่องจากกลัวว่าหากพ้นช่วงเวลาเซียสตาที่ชาวสเปนใช้เป็นเวลางีบหลับพักผ่อนระหว่างวันไปแล้ว เธอจะต้องเจอกับคิวต่อแถวยาวเหยียดเพื่อซื้อบัตรเข้าชม

มาดริดเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์ไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง ในเส้นทางที่หญิงสาวเดินมานั้นถูกเรียกว่า เดอะ อาร์ต วอล์ก (The Art walk) ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์อยู่ตรงนั้นสามแห่งด้วยกัน คือ พิพิธภัณฑ์ปราโด พิพิธภัณฑ์เรน่าโซเฟีย พิพิธภัณฑ์ทิสเซน-บอร์นมิซซา

ใจจริงรมิตาอยากจะไปเสียทุกที่ ทว่าเวลามีน้อยเกินไป หญิงสาวจึงเลือกที่จะไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะปราโดซึ่งเป็นแหล่งรวมภาพเขียนเก่าแก่ที่สุดในโลก เนื่องจากว่าไม่ได้ถ่ายรูปแน่ๆ และอยากแยกห่างจากอเล็กซ์มากที่สุด เพราะในใจลึกๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกว่าอเล็กซ์อันตรายเกินกว่าที่เธอจะรับมือได้ ดังนั้นควรจะอยู่ห่างๆ กันเป็นการดีที่สุด ตอนแรกรมิตาบอกให้เขาไปเที่ยวที่อื่นได้ตามใจชอบ แล้วช่วงสี่โมงเย็นค่อยมาพบกันที่น้ำพุซีเบเลส แต่อเล็กซ์ยืนยันว่าจะไปด้วย รมิตานึกประหลาดใจที่อเล็กซ์ไม่แยกไปเที่ยวตามลำพัง แต่เธอก็ทำได้แค่ตามใจเขา
แถวเข้าคิวซื้อบัตรเข้าชมในช่วงเวลาบ่ายสองกว่าๆ มีคนโหรงเหรงเบาบางตามที่เพื่อนสาวบอกมาเอาไว้ เมื่อได้ตั๋วแล้ว รมิตาก็รีบไปดูสิบห้าผลงานมาสเตอร์พีชที่ถูกระบุไว้ว่าต้องมาเยี่ยมชมให้ได้ ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินระดับโลกชาวสเปนอย่างเดียโก เบลาเกซ เอล เกรโก และฟรานซิสโก เด โกยา

แม้จะมีเวลาเข้าชมแค่ชั่วโมงกว่าๆ จนเหมือนจะไม่ค่อยคุ้มสำหรับค่าเข้าชม 12 ยูโร แต่รมิตาก็พอใจมากที่ได้มาเห็นผลงานดังๆ ด้วยตาตัวเอง อารมณ์ของเธอดีขึ้นเป็นกอง หญิงสาวชอบรูปภาพสวยๆ โดยเฉพาะงานเก่าแก่ของนักวาดมีชื่อ น่าเสียดายที่ฝีแปรงของเธอไม่เอาอ่าว และความอดทนของเธอมีไม่พอจะวาดรูปขึ้นมาสักภาพ กล้องจึงเป็นทางเลือกที่ทำให้เธอได้เก็บภาพความประทับใจและความงามของโลกใบนี้ไว้แทน

ทั้งคู่ออกจากพิพิธภัณฑ์ปราโดมานั่งพักขาที่สวนสาธารณะเรติโร ซึ่งอยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์ ซึ่งพออเล็กซ์หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ รมิตาก็ให้รู้สึกอยากขยับหนี แต่คงจะดูน่าเกลียดเหมือนเธอรังเกียจเขา และ...กลัวเขา

รมิตาเลยเลือกหยิบสมุดมาจดบันทึกความทรงจำลงไปยิกๆ ทว่าการมีอยู่ของผู้ชายข้างๆ ทำให้เธอไร้สมาธิ หญิงสาวรู้สึกได้ว่าสายตาเขาวนเวียนอยู่ที่ตัวเธอ และมันก็ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ภายในตัว แต่ที่แน่ๆ หัวใจเธอเต้นโครมครามอย่างที่เธอหาเหตุผลไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร รมิตาพยายามจะฝืนและคงสมาธิอยู่ที่แผ่นกระดาษที่หน้าตัก แต่แล้วก็อดรนทนไม่ไหว สัญชาตญาณในตัวกรีดร้องตลอดเวลาให้รีบห่างจากคนๆ นี้เสีย ไม่งั้นเธอจะไม่ปลอดภัย รมิตาจึงปิดสมุดแล้วฝากเขาให้ดูกระเป๋าให้ อีกสักครึ่งชั่วโมงเธอจะกลับมา ส่วนตัวเธอหยิบกล้องแล้วเดินจ้ำอ้าวจากไปอย่างไม่สนว่าเขาจะทำตามที่เธอบอกไหม ด้วยเวลาที่ใช้ร่วมกันมา แม้จะน้อยอย่างยิ่ง แต่หญิงสาวเชื่อว่าอเล็กซ์คงไม่ปล่อยกระเป๋าเธอทิ้งไว้แน่ๆ เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบ

เมื่อได้ถอยห่างจากผู้ชายที่เป็นอันตราย หญิงสาวเหมือนคนที่ได้มีโอกาสหายใจได้เต็มปอดก เธอจึงเพลิดเพลินไปกับสวนสาธารณะที่มีหลายสิ่งก่อสร้างที่โดนใจเธอมากๆ ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีอนุสาวรีย์อัลฟองโซที่สองตั้งอยู่ หรือจะเป็นวังที่สร้างจากคริสตัล ภายในเป็นสวนกุหลาบนานาพันธุ์ หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว รมิตาก็เดินกลับมาที่เก้าอี้ตัวเดิม

ภาพที่ปรากฏอยู่ทำให้หญิงสาวหยุดเดินแล้วเปลี่ยนเป็นยืนดูแทน

อเล็กซ์กำลังเป่าลูกโป่งให้เด็กผู้ชายตัวน้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้า...ข้างตัวเขาเป็นผู้ชายสูงอายุคนหนึ่งซึ่งคาดว่าคงเป็นตาของเด็กน้อยคนนี้ หญิงสาวรีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอเล็กซ์ตอนที่เขาโน้มตัวลงยื่นส่งลูกโป่งสีฟ้าให้กับเด็กชายซึ่งมีรอยยิ้มสว่างไสวจนพลอยทำให้โลกใบนี้สว่างไปด้วย สีหน้าของเขาอ่อนโยนและเป็นมิตรมาก มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มนุ่มนวล ดีกว่าสีหน้าแข็งทื่อไร้อารมณ์ตอนที่เป็นแบบให้เธอเยอะแยะเป็นไหนๆ

ถ้า...ถ้าเธอจะมีผู้ชายในฝันละก็...มันก็คงจะต้องเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าอ่อนโยนแบบนี้อย่างแน่นอน

เท้าของรมิตาพาไปหยุดที่ที่อเล็กซ์เคยนั่งอยู่ ตอนนี้เขาหันหลังให้เธอ และโบกมืออำลาสองตาหลานที่เดินจากไป รมิตานึกงงอยู่ไม่น้อย ตอนแรกเธอรู้สึกหวาดกลัวและอยากถอยห่างเขาให้มากที่สุด แต่ในวินาทีต่อมาเธอกลับพาตัวเข้าหาเขาเหมือนถูกความอบอุ่นจริงใจที่ไม่ได้เสแสร้งนั้นดึงดูดไว้ แท้จริงแล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?

อเล็กซ์หมุนตัวกลับมาก็พบรมิตายืนนิ่งอยู่ “จะไปที่ใหม่กันหรือยัง?”

“อ๊ะ! ค่ะ ไปกันเถอะ” หญิงสาวตอบรับ แต่เมื่อมาหยิบกระเป๋ากล้องก็พบเข้ากับแมวสีขาวน่ารักที่เดินลอดออกมาจากช่องระหว่างพุ่มไม้เตี้ยด้านหลังเก้าอี้ที่นั่ง คนที่ชอบแมวเข้าเส้นอย่างรมิตาจึงไม่พลาดการกดชัตเตอร์เก็บภาพการเยื้องย่างของแมวตัวนี้เอาไว้

อเล็กซ์เห็นรมิตาถ่ายแม้กระทั่งแมวที่เดินอยู่ในสวน เขาเลยอดถามขึ้นไม่ได้

“กระทั่งแมวคุณก็ถ่ายเอาไว้ด้วยเหรอ?”

รมิตาซึ่งกำลังเช็กรูปถ่ายอยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมาบอกเขาว่า “ใช่ค่ะ ก็มันน่ารักนี่นา”

ชายหนุ่มยอมรับว่าแมวที่เป็นแบบให้รมิตากดชัตเตอร์นั้นมันก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ไม่ถึงขั้นต้องถ่ายรูปเอาไว้

“ไม่คิดว่ามันเปลืองพื้นที่เมมโมรีของกล้องบ้างหรือไง?”

“ไม่เปลือง ก็ฉันอยากถ่ายนี่นา คุณไม่เข้าใจหรอก” รมิตาสวนทันควันที่โดนก้าวก่าย

“งั้นก็อธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยสิ”

“หือ?” รมิตาไม่เข้าใจว่าเขาจะต้องการคำอธิบายทำไม พอมองใบหน้าหล่อเข้มนั้นแล้วก็พบว่าเขารอคำตอบเธออยู่ หญิงสาวก็เลยลองเรียบเรียงบอกความรู้สึกที่ตัวเองมีออกไป

“อืม...สำหรับฉัน การถ่ายรูปมันเป็นอะไรมากกว่าแค่การบันทึกภาพลงไป เวลาที่เราถ่ายรูปสิ่งของ หรืออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ หรือวิวทิวทัศน์ ฉันคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ฉันได้เชื่อมต่อกับโลกใบนี้นะ ได้มองโลกในรายละเอียด ได้พินิจพิจารณาในสิ่งที่บางครั้งเราอาจจะเดินผ่านมันไปเฉยๆ แล้วก็ได้ทำให้มันเป็นนิรันดร์ด้วยมือของฉันเอง อย่างแมวตัวนี้ ไม่นานมันก็จะแก่แล้วก็ตายไป แต่...มันจะมีชีวิตอยู่ในรูปของฉันตลอดไป” นัยน์ตาดำขลับของหญิงสาวส่อประกายของความสุขที่ได้ทำสิ่งที่รัก ขณะที่ดูภาพในกล้องไปเรื่อยๆ

“เอาง่ายๆ ถ้ามองโลกผ่านสายตาของฉัน ทุกอย่างมันสำคัญ มันสวย มันมีความหมายอ่ะ จะเป็นกรวดสักก้อน ใบไม้สักใบ หรือใครสักคน…” หญิงสาวหยุดพูด ในตอนที่เงยหน้าขึ้นจากกล้อง แล้วก็พบว่าอเล็กซ์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา นอกจากแววตาของเขาที่เปลี่ยนเป็นชื่นชมเธออย่างเห็นได้ชัด และมันทำให้หัวใจของหญิงสาวสั่นไหวเบาๆ

อเล็กซ์นิ่งฟังและพิจารณาอย่างละเอียด รมิตาไม่ใช่คนที่ประดิษฐ์ถ้อยคำสวยหรูออกมาให้ใครฟังแน่ เขาเชื่อว่าเธอคิดแบบนี้จริงๆ ไม่ได้โกหกและรู้สึกทึ่งกับทัศนคติที่เธอมี จนเขารู้สึกได้ว่าภาพที่ถ่ายด้วยฝีมือของเธอจะต้องเป็นรูปภาพที่งดงามและมีความหมายซ่อนอยู่แน่นอน

หญิงสาวรู้สึกเขินปนอึดอัดนิดหน่อยกับดวงตาคู่สวยที่จ้องมาโดยปราศจากวาจาใดๆ เธอเลยยิ้มกว้างและกลบเกลื่อนด้วยประโยคถัดมา
“ว่าเข้านั่น แหะๆ จริงๆ ฉันไม่ได้มีสาระอย่างที่ว่ามาหรอก”

“โรซี่ คุณเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งเอามากๆ” อเล็กซ์พบว่าเธอมีแง่มุมที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น และเขาชอบความเห็นที่เธอมี และทัศนคติเชิงบวกนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาพบได้ยากในคนปัจจุบัน

“อันนี้ไม่ได้ประชดฉันใช่ไหมคะ?”

“ไว้ตอนกลางคืน ขอผมดูรูปที่คุณถ่ายไว้บ้างได้ไหม?”

หญิงสาวทำตาโตอย่างไม่เชื่อหู แต่ก็ตอบไปว่า “ได้ค่ะ”

จากคำพูดของรมิตาทำให้บรรยากาศของทั้งคู่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก อเล็กซ์ไม่ปากเสียใส่เธออีกและยังชวนคุยมากขึ้นไม่ทำให้เธอต้องอยู่ในความเงียบที่น่าอึดอัดอีก

*************************************************

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาจ้า ^^
คุณ ree - ฟ้าก็อยากไป /บรรยายของกินนี่ กิเลสส่วนตัว อยากกินเอง 555+
คุณ ไม้เอก - ขอบคุณที่รอติดตามจ้า



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2557, 02:59:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2557, 03:03:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1114





<< ไม่ใช่   หวั่นไหว >>
ree 27 ก.พ. 2557, 06:17:30 น.
ฉากสาวชุดแดงกับสาวตาฟ้าให้ความรู้สึกเหนือจริงไปซักนิด แต่ก็สร้างปฏิกริยาให้กับคู่พระนางได้น่ารักดี


ไม้เอก 27 ก.พ. 2557, 12:04:53 น.
อเล็กซ์เริ่มหลงรักสาวเจ้าแล้วหละสิ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account