หงส์ซ่อนลาย
เธอจะทำยังไง ในเมื่อรู้ว่าคนที่ฆ่าพี่ชายเธอ คือคนรักของเธอเอง
Tags: มาเฟีย ตบจุบ รักโรแมนติก ดรา่่มา

ตอน: ตอนที่ 3 พบเจอกันอีกครั้ง

บทที่ 3
พบเจอกันอีกครั้ง

“จะบอกอะไรให้นะ แม้ว่าหัวหน้าแก็งค์มาลโซทางฝั่งอิตาลีตอนเหนือจะว่างลงเพราะตายไป แต่ฉันก็ไม่เคยยอมรับนายที่จะดำรงตำแหน่งนี้ ไม่ว่านายจะเสนอหน้าแค่ไหนก็ตาม”

“อันนั้นก็แล้วแต่คุณหนูจะคิด ผมมีหน้าที่แค่ทำตาม...” อาแมนโดมีรอยยิ้มเยาะที่ดวงตา

จีนามองตาเขา พยายามจ้องมองให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์แต่แล้วก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากอาแมนโดก้มหน้าซ่อนดวงตาเป็นประกาย เธอหันหลังเดินลงบันไดไปพร้อมกับคนคุ้มกัน โดยที่สายตาชำเลืองมองไปยังเธอด้วยแววตาพราวระยับ บัดนั้นนัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายอำมหิต

“สวย...แล้วก็หยิ่ง”

เมื่อประตูเปิดออก ชายผมสั้นผิวขาวใส่เสื้อโค้ทสีดำตลอดทั้งลำตัวก็เดินเข้ามา แววตาของเขาส่องประกายรุ่งโรจน์แล้วก็แข็งกระด้าง มีรอยยิ้มน้อย ๆ แฝงอยู่ในดวงตา เขาเดินมาเพียงคนเดียวภายใต้เสื้อโค้ทหนามีปืนกระบอกสั้นซ่อนอยู่ ฝีมือการยิงปืนของเขาไม่เป็นรองใคร

“มาแล้วหรือ” ลูซิโอหรี่ตามองเอ่ยเสียงต่ำลึก

“ผมรีบออกมาทันทีที่ได้ข่าวว่าหัวหน้าเรียกหาผม ก่อนอื่นก็ต้องแสดงความเสียใจกับการตายของหัวหน้าฝ่ายอิตาลีทางตอนเหนือ เขาเป็นคนมีฝีมือไม่น่ารีบด่วนจากไปอย่างนี้เลย”

“อืม...ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษานายเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน”

ดวงตาวาววับของอาแมนโด มีแววสุขสมอยู่ไม่น้อย...

อาแมนโดคนนี้ก็เป็นคนหนึ่งที่เหมาะสม เขาควรจะได้รับหน้าที่แทนตำแหน่งที่ว่างไป ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอิตาลีทางตอนเหนือที่ถูกยิงตายไป นอกจากเขาแล้วก็ยังไม่เห็นมีลูกน้องคนไหนเหมาะกับหน้าที่นี้อีกเลย อาแมนโดถูกชุบเลี้ยงมาตั้งแต่รุ่นพ่อหลายปีดีดัก เขายังไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าลูกน้องของลูซิโอเลยแม้แต่ตำแหน่งเดียว ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ทางฝั่งอิตาลีตอนเหนือ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขาคนเดียว

“ตอนแรกฉันก็กะว่าจะให้นายไปดำรงตำแหน่ง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ฉันคิดว่าจะเรียกประชุมรองหัวหน้าก่อน”

คิ้วหนาของอาแมนโดขมวดคิ้ว

“อะไรนะครับ...อำนาจการตัดสินใจเรื่องแบบนี้ มันขึ้นอยู่กับหัวหน้าคนเดียวไม่ใช่หรือ”

“มันก็ถูก...แต่การใช้อำนาจบังคับ มันใช้ไม่ได้กับลูกน้องที่มีอยู่เป็นพัน ๆ คน”

“แต่ผมคิดว่าคำขาดของหัวหน้าแก็งค์มาลโซ ทุกคนต้องยอมรับ” เขาเอ่ยเสียงกระด้าง

“ไม่เสมอไปหรอก ถ้าแก....คิดว่าพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าทางฝั่งอิตาลีตอนเหนือที่ว่างลง แกก็ไม่เห็นจะต้องทุกข์ร้อนอะไรเพราะทุกคนก็ต้องเสนอชื่อแก พอถึงตอนนั้นเราก็จะได้รู้กัน ว่าทุกคนยอมรับให้แกเป็นหนึ่งนั้นหรือเปล่า” ดวงตาของลูซิโอคมกร้าว กิริยาอาการนั้นทำให้อาแมนโดกายเย็นเฉียบ

“ก็ได้ครับ ผมจะคอยวันนั้น”

“ไปได้แล้ว”

อาแมนโดก้มศีรษะน้อมรับ เขาเดินออกไปทางประตูช้า ๆ คนคุ้มกันของเขาเดินตามไป สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความอำมหิต ดวงตาวาวโรจน์แข็งกระด้าง ในที่สุดเขาก็พลาดจากตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ฝั่งอิตาลีตอนเหนือ ทั้ง ๆ ที่ความจริงเขาควรจะได้รับการยกย่องให้ดำรงตำแหน่งนี้ที่สุด เขาอยากจะรู้นักว่าใครเป็นคนยุแหย่ให้เรียกประชุม นอกจากน้องสาวคนสวยคนนั้น

“บัดซบ ฉันอยากจะฆ่ามันนัก” เขากระซิบแผ่วเบา ขณะเดินกลับมาที่รถ ลูกน้องของเขาเปิดประตูให้เขาขึ้นไปนั่งด้านหลัง

“การประชุมหรือ...ฉันอยากจะรู้นัก ว่าประชุมแล้วทุกคนจะมีความเห็นยังไง นอกจากเสนอให้ฉันคนเดียว ลูซิโอหวังว่าจะมีคู่แข่งคนอื่น ๆ แต่เขาหารู้ไม่ว่าฉันนี่แหละเป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมด ไม่ว่าใครฉันก็มีอำนาจสั่งการยิงได้ทั้งนั้น” เสียงของเขาต่ำลึกเต็มไปด้วยอำนาจ

“เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าลูซิโอไม่ไว้ใจคุณ แล้วคุณจะรออะไรอยู่อีก”

เป็นคำพูดแรกที่คนคุ้มกันของเขาเอ่ยปาก อาแมนโดหรี่ตามองตรงไปข้างหน้า นั่นสินะ...ในเมื่อลูซิโอมองไม่เห็นถึงความสำคัญของเขา แล้วเขายังจะรออะไรอยู่อีกล่ะ ในเมื่ออำนาจทุกอย่างที่เขามีอยู่ตอนนี้ มีการเคลื่อนไหวลับ ๆ ที่ไม่ให้คนของลูซิโอรู้ว่าเขากำลังกำทุกอย่างไว้ในมือ

เขารอคอยโอกาส...

เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

“นั่นสินะ...ฉันจะทำให้เขารู้ว่าอำนาจทุกอย่าง ไม่ได้มีแต่เขาเท่านั้นที่จะสั่งการได้”

ดวงตาของเขาวาวโรจน์ราวกับเปลวเพลิง

“ถึงที่ประชุมจะเสนอชื่อคนอื่น ๆ ให้มารับหน้าที่ แต่คน ๆ นั้นก็จะยังมีชีวิตรอดไปไม่ถึงสองวัน เพราะคนที่รอคอยจะเป็นหัวหน้าฝั่งอิตาลีตอนเหนือ คือฉันคนเดียว” อาแมนโดคำรามน้ำเสียงรอดไรฟัน....

...จีนาเดินมาถึงชั้นล่างของตึกระฟ้า เธอมาเพื่อเอาเสื้อมาคืนเขา น้องสาวคนสวยของลูซิโอบอกให้คนคุ้มกันรออยู่ด้านล่าง หญิงสาวเปิดประตูขึ้นไปบนดาดฟ้า และมองเห็นความว่างเปล่าและนกพิราบบินกระจัดกระจาย บริเวณรอบ ๆ เป็นลานว่างเปล่าเหมือนกับที่เธอมาทุกครั้ง วิวทิวทัศน์ด้านล่างสามารถมองเห็นได้ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ จิออร์จิโอวาซารีเป็นผู้ออกแบบและดูแลการสร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 สายลมปลิวเส้นผมราวกับเส้นไหมของเธอปลิวปลกใบหน้า ดวงตาคู่งามมองออกไปรอบ ๆ

“ไม่อยู่หรอกหรือนี่...” เธอกระซิบ

จีนาเดินตรงไปดูวิวทิวทัศน์ด้านล่าง และเธอก็เอาเสื้อคลุมที่พับมาอย่างดีออกมาจากถุงกระดาษ ใบหน้าหวานสวยก้มลงมองเสื้อคลุม มันเป็นเสื้อคลุมตัวยาวสีเทา ร่างบางซักมาเรียบร้อยแล้วก็นำมาคืนเขา แต่ทว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาที่นี่ กลิ่นบุหรี่ที่ติดอยู่กับเสื้อคลุมไม่มีเหลืออีกเลย เธอสั่งให้คนซักมาให้เรียบร้อย....

แต่เขากลับไม่อยู่ที่นี่...

บางทีเธออาจจะไม่ได้พบเขาอีกแล้ว

“คุณหนูมาที่นี่เพื่อมาพบใครหรือครับ” ลูกน้องของเธอเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นจีนาเดินลงมาจากชั้นดาดฟ้าพร้อมถุงผ้าใบใหญ่

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”

จีนาเดินไปแล้วเข้าไปนั่งในรถแล้วก็ไม่พูดอะไร ในห้วงความคิดของเธอกำลังคิดว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนและเธอจะเอาเสื้อมาคืนเขาได้ยังไงกัน ระหว่างรถยนต์ของเธอกำลังแล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ คิ้วคู่สวยของเธอก็ขมวดเข้าหากัน สายตาจ้องมองไปยังเจ้าของร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงใจกลางสะพาน และมันทำให้เธอตะโกนบอกให้หยุดรถทันที

“หยุดก่อน” เธอร้องบอก “จอดตรงนี้แหละ”

“คุณหนูจะไปไหนหรือครับ”

“ฉันมีธุระ พวกนายรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันมา”

จีนาเอ่ยเสียงรัวเร็ว จากนั้นเธอก็หิ้วถุงกระดาษลงไป สายตาคมสวยของเธอจ้องมองไปเบื้องหน้า ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่สวมเสื้อคลุมสีดำ เสื้อตัวในสีเทาคลุมตั้งแต่ต้นคอ ใบหน้าคมเข้มมองไปด้านข้างเรือเก่าที่จอดอยู่เรียงรายด้านล่าง เส้นผมของเขาดำสนิทระท้ายทอย จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากเหยียดเป็นเส้นตรง จีนาเดินไปจนกระทั่งชะลอลงจนห่างจากเขาเพียงแค่ไม่กี่วา วาเลนติโนเห็นการมาของเธอ จึงหันมามองเธอพร้อมกับมีแววตายิ้ม ๆ

“ฉันเอานี่มาคืนคุณ” เธอซ่อนความรู้สึกขณะยื่นถุงกระดาษไปให้เขา

วาเลนติโนก้มลงมองที่ถุงกระดาษ

“อะไรหรือ”

“เสื้อโค้ทของคุณ ถึงแม้ว่ามันจะไร้ราคาสำหรับคุณ แต่สำหรับฉัน...ฉันบอกแล้วว่าจะไม่รับของ ๆ ใคร”

เรียวปากคู่นั้นมีแววยิ้มน้อย ๆ

“คุณไม่รับหรือไม่อยากรับกันแน่ เอาเถอะในเมื่อคุณอุตส่าห์เอามาคืนให้ ผมก็ขอรับไว้ด้วยความยินดีก็แล้วกัน”

การที่เขาบอกว่าเธอไม่รับหรือไม่อยากรับกันแน่ มันหมายถึงเธอไม่ยินดีที่จะรับของเขา จนพยายามหาวิธีเอามาคืน ความจริงสำหรับเขามันก็คงเป็นแค่เสื้อคลุมธรรมดา แต่สำหรับเธอมันคือน้ำใจที่ยากจะหาคนมารับแทนให้ได้

“ขอโทษค่ะ ถ้าคุณไม่อยากรับฉันก็จะเอาไปเก็บไว้ในรถ”

เธอทำท่าจะดึงกลับแต่ฝ่ามืออบอุ่นเอื้อมมารับไว้พร้อมกับรอยยิ้ม

“ขอบคุณที่เอามาคืน” วาเลนติโนเอ่ยปาก ดวงตาของเขาดำสนิทราวกับรัตติกาล

“ฉันคิดว่าจะเจอคุณบนดาดฟ้ามากกว่า”

“คุณไปมาแล้วหรือ”

“ฉันก็แค่จะเอาเสื้อคลุมมาคืนเท่านั้น”

“ไม่เป็นการดีเลยสำหรับคุณ ในการที่จะมาหาคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงครั้งเดียว”

จีนาขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา

“ทำไมคะ ?”

“มันอันตราย แล้วคนที่บ้านของคุณคงไม่ยินดีนัก ในการที่จะให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวออกมาข้างนอก เพียงเพื่อจะเอาเสื้อคลุมมาคืนผม”

“อันตรายหรือ ทำไมคุณถึงบอกว่าอันตรายกันล่ะ ในเมื่อคุณเองก็ไม่ได้มุ่งร้ายต่อฉัน แล้วก็ไม่ได้เป็นคนคิดจะลอบฆ่าฉันด้วย ดูท่าว่าคุณจะหลีกเลี่ยงไม่อยากเจอกับฉัน เพราะอะไรคะ”

เธออยากจะรู้เหมือนกัน ถ้าวาเลนติโนรู้ว่าเธอเป็นคุณหนูแก็งค์มาลโซ เขายังจะพูดคำนี้ออกมาหรือเปล่า

“ผมแค่เป็นห่วงคุณเท่านั้น”

“ขอบคุณค่ะ แต่...ถ้าคุณรู้ถึงตัวตนฐานะที่แท้จริงของฉัน คุณจะรู้ว่าตัวเองคิดผิดที่พูดออกมาอย่างนั้น” ใบหน้าหวาน เรียวปากอิ่มสวยเป็นสีดอกกุหลาบเหยียดยิ้ม

คำพูดที่แสดงความห่วงใยของเขา กลับทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ฉันจะกลับล่ะ” เธอหันหลังจะกลับไป แต่อุ้งมือกำยำเต็มไปด้วยพละกำลังคว้าจับบนต้นแขนเธอ

“ผมขอโทษ ถ้าผมจำให้คุณไม่พอใจ”

จีนาก้มต่ำมองดูเขา และวาเลนติโนก็คลายมืออกช้า ๆ

“บางที ผมอาจจะคิดมากเกินไปหน่อย หวังว่าคุณคงจะหายโกรธ” น้ำเสียงของเขาต่ำลึก

“ถ้าคุณพูดอย่างนี้อีก ฉันจะถือว่าคุณกำลังดูถูกฉัน” เธอมองตาเขานัยน์ตาเป็นประกาย

วาเลนติโนถอนหายใจยาว

“เอาล่ะ ผมขอโทษคุณก็แล้วกัน ผมมีนิสัยชอบพูดตรง ๆ แต่ถ้าคำพูดของผมทำให้คุณไม่ชอบ ผมก็ขอโทษด้วยก็แล้วกัน...ภายในประเทศอิตาลีที่เต็มไปด้วยอันตรายหลายอย่าง ผมเห็นว่าผู้หญิงคนเดียวอย่างคุณไม่สมควรที่จะเดินออกจากบ้าน เดินตามหาผู้ชายที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวเอาเสื้อโค้ทมาคืน ที่ผมพูดนี่ไม่ได้หมายความว่าผมจะดูถูกคุณหรอกนะ แต่เพราะผมเป็นห่วงคุณเท่านั้น”

“สำหรับฉันความเป็นห่วงของคุณ มันก็เป็นแค่การดูถูกกันมากกว่า”

“ถ้าคุณจะตีความหมายว่าการเป็นห่วงคือการดูถูก ผมก็ช่วยไม่ได้หากว่าคุณจะคิดอย่างนั้น”

คำพูดของเขาฟังดูกระด้างกว่าที่เคย และมันทำให้สีหน้าของหญิงสาวอ่อนโยนลง มันก็จริงอย่างที่เขาพูด...ถ้าการเป็นห่วงหมายถึงการดูถูกอย่างที่เธอว่า ในโลกนี้ก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่ดีพร้อมและคู่ควรกับเธอเลยแม้แต่คนเดียว...

“ขอโทษค่ะ ฉันแค่คิดมากเกินไปหน่อย”

“ผมไม่แปลกใจหรอก...เพราะผู้หญิงทุกคนก็ใฝ่ฝันมองหาผู้ชายในอุดมคติทั้งนั้น”

คำพูดของเขา ทำเอาเธอหน้าเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบ

“คุณรู้เหรอ ว่าฉันต้องการผู้ชายแบบไหน”

“คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ลบ และมองผู้หญิงกับผู้ชายเท่าเทียมกันหมด คุณก็เลยมองหาผู้ชายคนที่คิดแบบเดียวกับคุณ ให้เกียติผู้หญิงและไม่ดูถูกเธอ พร้อมจะเดินเคียงคู่กันไปได้ทุกที่ แต่น่าเสียดาย...ประเทศที่คุณกำลังยืนอยู่ตอนนี้ มันออกจะยากเกินไปสำหรับผู้หญิงหัวสมัยใหม่แบบคุณ”

“ฉันไม่เถียงคุณหรอก แต่ฉันยอมเป็นคนหัวสมัยใหม่แบบนี้ดีกว่าที่ต้องมาเดินตามผู้ชายต้อย ๆ เขาบอกให้ทำอะไรก็ยอมทำตามหมด ไม่มีสิทธิ์มีเสียง เป็นแค่คู่ควงและนางบำเรอบนเตียงเท่านั้น”

“แปลว่าคุณยังโสด ยังไม่เคยมีแฟนงั้นสิ”

“ทำไมต้องมีด้วย ในเมื่อฉันยังไม่เห็นผู้ชายที่คู่ควรเลยสักคน”

วาเลนติโนซ่อนยิ้มมองเธอนัยน์ตาเป็นประกาย

“ถ้าคุณยอมความคิดแบบเพ้อฝัน หรือผู้ชายในอุดมคติน้อยกว่านี้ลงสักนิด ผมว่าต้องมีผู้ชายมายืนเรียงคิวกันมาจีบคุณไม่เว้นแต่ละวันแน่ ๆ หรือคุณจะเถียง”

“ฉันไม่ได้บอกนี่นะ ว่าฉันยังไม่เคยมีผู้ชายมาจีบ อาจจะเยอะมากกว่าที่คุณคิดตอนนี้ก็ได้ แต่มันจะมีความหมายอะไรล่ะ ในเมื่อหัวใจของฉันยังไม่เปิดรับใครเลยสักคน คนที่ฉันค้นหาจะต้องเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติผู้หญิง และต้องมีความคิดว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน แต่ที่ผ่านมาฉันยังไม่เห็นว่าจะมีใครคิดแบบนี้เลยสักคน”

“ไม่มีเลยหรือ !?”

“ใช่ ไม่มีเลยสักคน” เธอเน้นย้ำ “คุณถามฉันมามากพอแล้ว ทีนี้ให้ฉันถามคุณบ้างสิ คุณล่ะเป็นผู้ชายประเภทไหน เป็นผู้ชายที่ควงผู้หญิงไปวัน ๆ หรือว่าเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงหัวสูงอย่างฉัน”

วาเลนติโนหัวเราะเสียงแผ่ว

“คุณถามผมตรง ๆ แบบนี้เลยหรือ”

“ใช่ ฉันถามคุณตรง ๆ แบบนี้แหละ”

“ถ้าผมจะตอบไปว่าผมเป็นผู้ชายประเภทที่ว่าควงผู้หญิงไปวัน ๆ มันก็ไม่ใช่ผมอีก แต่ก็ผมจะตอบคุณไปว่าเป็นเป็นผู้ชายในฝันของคุณ มันก็ออกจะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อย ว่าจะยังไงดีล่ะ” ใบหน้าคมสันยิ้มบาง ๆ “ถ้าคุณถามผมว่าจะเป็นแบบไหนในสองอย่างนี้ ผมก็ขอไม่เลือกดีกว่า เอาเป็นว่าผมจะบอกคุณก็แล้วกันว่าผมเป็นผู้ชายประเภทไหนก็แล้วกัน”

จีนาเลิกคิ้ว ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด

“ในความคิดของผม ผมไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่มองเห็นผู้หญิงทุกคนเป็นแค่คู่ควงและไม่ใช่แค่นอนบนเตียง จริงอยู่ในโลกนี้มีผู้หญิงอีกตั้งมากมายที่นิยมเป็นแบบนั้น แต่ผมก็รู้จักเลือกคบผู้หญิงว่าคนไหนสมควรที่จะเป็นคนที่ใช่สำหรับผม ผู้หญิงที่ผมมอบหัวใจให้ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ ที่ถาโถมเข้ามา และพร้อมที่จะเดินเคียงคู่ไปกับผมตราบจนชั่วชีวิต ถ้าผมได้เจอกับเธอคนนั้น ผมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอไม่ให้เธอต้องพบกับอันตรายใด ๆ และนี่ก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมจะทำได้”

หญิงสาวมองตาเขาตรง ๆ คำพูดของเขาช่างฟังดูมีน้ำหนัก

“แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบคุณอย่างนั้นเหรอ”

“ถึงเธอไม่ชอบ แต่ผมก็จะทำให้เธอชอบผมให้ได้”

“แบบนี้มันขี้โกงนี่”

“นั่นสินะ แต่เรื่องของหัวใจมันกะเกณฑ์อะไรไม่ได้ ใครใช้ให้ผมมาหลงรักเธอกันล่ะ” วาเลนติโนยิ้มบาง ๆ นัยน์ตาเป็นประกายลุ่มลึก “คราวนี้ คุณจะบอกผมได้หรือยัง ว่าผมเป็นผู้ชายประเภทแรกหรือเป็นชายในฝันของคุณกันแน่”

เป็นผู้ชายประเภทไหนกันเหรอ

ในตอนนี้เธอยังตอบอะไรเขาไม่ได้ สิ่งที่เขาพูด...ว่าเรื่องของหัวใจมันกะเกณฑ์อะไรไม่ได้ เพราะการที่เธอจะรักใครสักคน มันขึ้นอยู่กับความต้องการในหัวใจเป็นอันดับแรก ฟังจากที่เขาพูดออกมา มันก็มีอยู่หลายอย่างที่ทำให้เธอหวั่นไหว โดยเฉพาะการเดินเคียงคู่กันไปตลอดจนชั่วชีวิต และจะทำทุกอย่างปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรัก

“ฉันพอจะรู้แล้ว ว่าคุณเป็นผู้ชายประเภทไหน”

“ผมอยากรู้”

“ไม่ขอตอบได้หรือเปล่า”

“หัวใจของผู้หญิงก็หยั่งยาก ไม่ลึกล้ำเหมือนมหาสมุทรมันเป็นอย่างนี้เอง เอาล่ะ...ผมเองก็ไม่อยากรู้เหมือนกัน ว่าตัวเองถูกจัดให้อยู่ในประเภทไหน” นัยน์ตาของเขาอ่อนโยนลง

“คุณทำงานอะไรคะ”

“ถามทำไมหรือ หรือว่าคุณทำงานเป็นสายสืบ”

“ฉันแค่อยากรู้เท่านั้น”

“ถ้าผมจะบอกคุณไป คุณเชื่อหรือเปล่าว่าผมเป็นนักธุรกิจไม่มีอะไรเป็นพิเศษ” ดวงตาของเขาฉายแววอ่อนโยน....

จีนามองใบหน้าคมสันของเขาตรง ๆ บวกกับบุคลิกลักษณะการพูดจาของเขา เธอก็ตอบได้เลยว่า...

‘ไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นแค่นักธุรกิจ’

“เป็นนักธุรกิจในโลกมืด หรือว่าในโลกสว่างกันแน่คะ” เธอถามตรง ๆ เหมือนกัน “ขอโทษนะที่ต้องพูดอย่างนี้ แต่ฉันดูจากสีหน้าแววตาของคุณ บุคลิกการแต่งกายดูเหมือนจะไม่ใช่พวกนักธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์อะไรพวกนั้น”

“แล้วคุณคิดว่าผมเป็นนักธุรกิจประเภทไหนกันล่ะ”

“ไม่รู้สิคะ อาจจะเป็นพวกเจ้าของคาสิโน หรือไม่ก็....”

มาเฟียอะไรแบบนั้น !?

“เป็นนักธุรกิจในโลกมืดอย่างนั้นสินะ อืม...ที่คุณพูดก็นับว่ามีเหตุผลอยู่”

“แล้วคุณประกอบธุรกิจอะไร...”

“คุณหนูจีนาครับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเบา ๆ เธอชำเลืองมองไปช้า ๆ ก็เห็นผู้คุ้มกันของเธอยืนคอยอยู่ข้างรถ

“ขอโทษนะคะ...ฉันต้องรีบกลับแล้ว” เธอยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย “แล้ว...เราจะได้เจอกันอีกไหม”

“อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่ และเราไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจ”

เธอปรายตาขุ่นเล็กน้อย

“แปลว่า คุณไม่อยากเจอฉันอีก”

“การที่คุณไม่เจอผม อาจเป็นการดีสำหรับคุณ”

“ฉันอยากเจอคุณ...” เธอตอบตามตรง

จีนามองหน้าใบหน้าคมสันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะหมุนตัวกลับไปนั่งตรงเบาะหลัง คนคุ้มกันปิดประตูรถให้ เธอเหลือบไปเห็นเขาแล้วเห็นรอยยิ้มบาง ๆ จากคนร่างสูงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะโบกมือให้จีนา ก่อนที่รถยนต์ยี่ห้อหรูของเธอจะเลยผ่านไปถนนไปจนสุดลูกหูลูกตา ใบหน้าคมสันเจ้าของดวงตาสีนิลยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า สองมือล้วงกระเป๋าเสื้อแล้วเงยหน้าขึ้นราวกับมองหาอะไรสักอย่างบนท้องฟ้า ซึ่งอาจจะเป็นนกที่โบยบินท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย...

“การเจอผม อาจไม่ใช่สิ่งดีสำหรับคุณ....”

...ชายหนุ่มกระซิบแผ่ว

AMEDO EIAMP

ภายในโรงฝึกสูงห้าชั้นภายในมีครูฝึกสอนมากมาย เครื่องเล่นบริหารกล้ามเนื้อหลายเครื่อง มีผู้คนกำลังออกการบริหารกันพักใหญ่ จีนาชอบขับรถมาที่นี่โดยไม่มีคนติดตาม ร่างบางออกกำลังกายและเป็นสถานที่เดียวที่คนไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร ใบหน้าหวานดวงตาเป็นประกาย อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงขาเดฟสีดำ เส้นผมที่ยาวเหมือนไหมบัดนี้มัดสูงเหมือนหางม้า มีเส้นผมประปรายระบริเวณหน้าผากแลดูสดใส เธอมักจะมาเรียนศิลปะการต่อสู้ที่นี่ และเธอก็ชนะตลอด

“เอาเลย จีนา” อาจารย์ฝึกสอนตะโกน

จีนายิ้ม ดวงตาคู่สวยมองคู่ต่อสู้ เป็นชายร่างใหญ่ผิวขาวราวกับทหารผ่านศึก

ชายหนุ่มร่างยักษ์โถมเข้าใส่เธอ จีนาเบี่ยงตัวหลบ และก็อาศัยจังหวะที่เขาโหมร่างเข้าใหญ่ หันหลังกลับแล้วจับมือเขาไขว้หลังแล้วเอาเข่ากดกับสะโพกด้านขวาจนเขาร้องลั่น ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ จีนาปล่อยมือออกทันที ชายหน้าตาถมึงทึงก็หันมาคว้าเอาไหล่เธอจะจับบิด แต่เธอไวกว่าแขนเรียวบางปัดแขนเขาออก

“ช้าไป” ใบหน้าหวานยิ้ม

เธอหมุนตัวและจับไหล่เขาทุ่มลงไปกับพื้นเต็มแรง ร่างยักษ์ใหญ่ลอยข้ามไหล่ของเธอฟาดลงกับพื้นเสียงดังสนั่น ครางด้วยความเจ็บลั่น

“เอาใหม่ ลองดูอีกที”

“ไม่เอาแล้ว เธอเล่นไม่ออมมือให้กันเลย” ชายหุ่นบึ้กบ่น บีบที่ไหล่ตัวเองแรง มันดูเหมือนจะเคล็ดขัดยอกไปหมด

“อะไร เป็นผู้ชายแท้ ๆ แค่นี้ทำเป็นบ่น”

“เอาล่ะ พอแล้ว...อัมเบอรโตไปได้แล้ว ครั้งหน้ามาแก้ตัวกันใหม่” ครูฝึกใส่เสื้อยืดคอกลมโบกมือ อัมเบอโตร่างใหญ่บ่นพึมพำ เดินอาด ๆ ออกไป

จีนายักไหล่ นัยน์ตาของเธอยิ้มน้อย ๆ ดวงหน้าหวานมีเหงื่อน้อย ๆ เรียวปากเอิบอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ หญิงสาวเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ

“เธอนี่เก่งพอจะเป็นอาจารย์ได้แล้วนะ ไม่สนใจมั่งเหรอ” ครูฝึกถาม

“ไม่ดีกว่า ฉันชอบเป็นงานอดิเรก” ใบหน้าสวยคมยิ้มบาง ๆ “แต่ถ้าครูฝึกจะมาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันก็สมน้ำสมเนื้ออยู่”

ชายวัยกลางคนผายมือออก เป็นเชิงยอมแพ้

“ไม่ดีกว่า ใครจะไปกล้าสู้กับน้องสาวมาเฟียกันล่ะ”

“บอกแล้วไง ว่าห้ามพูดเรื่องที่ฉันเป็นน้องสาวมาเฟียอีก” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด

“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวครูจะไปหาคู่ซ้อมมาให้” ครูฝึกกล่าวยิ้ม ๆ พลางเดินออกไปดูคนฝึกซ้อมอื่น ๆ

จีนาเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนใบหน้า พลางชำเลืองมองไปยังใบหน้าคมสัน ที่ยืนกอดอกอยู่ตรงริมกำแพงทางเดิน ดวงตาของเขาคมลึกและเป็นประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรี เรียวปากบางเฉียบราวกับผู้หญิง เขาสวมเพียงเสื้อโค้ทชั้นนอกสีเทา คลุมทับด้วยเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาล กางเกงแสลก สีหน้าของเขามองดูเธอ มีรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก จีนาจำได้ดี ว่าเขาเป็นคน ๆ เดียวกับผู้ชายที่เธอเจอบนดาดฟ้าครั้งก่อน

ใบหน้าคมสันยืนอยู่ตรงนั้น นานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ แต่เธอก็รู้ว่าเขาจับตามองดูเธอตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว

ร่างบางเดินเข้าไปหาเขา จ้องหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“คุณเก่งมาก ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะล้มชายผู้นั้นได้” วาเลนติโนมองเธอนัยน์ตาเป็นประกาย

“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่โรงฝึกนี่” เธอไม่สนใจที่จะฟังคำชม

วาเลนติโนยิ้มบาง ๆ และเป็นยิ้มที่มีแต่เธอเท่านั้นจะมีโอกาสเห็น

“ผมรู้จักกับเจ้าของโรงฝึกที่นี่น่ะ มาทำธุระ ก็เลยเข้ามาดูว่าที่นี่เขาฝึกอะไรกัน”

“แล้วเห็นอะไรล่ะ” เธอย้อนถาม

“ผมเห็นการฝึกที่มีประสิทธิภาพ การฝึกซ้อม...และผมเห็นผู้หญิงที่ตัวเล็กแต่กล้าเกินตัว” ใบหน้าคมสันยิ้มบาง ๆ

“เหรอคะ แต่ฉันรู้สึกผิดหวังมากกว่า”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะว่า...ฉันยังไม่เห็นว่ามีใครที่เหมาะสมสำหรับเป็นคู่ซ้อมให้ฉันเลย สู้กันทีไรฉันก็เอาชนะได้ตลอด คุณเองไม่อยากจะลองต่อสู้กับฉันบ้างเหรอ ไม่ต้องอะไรมากหรอก เอาแค่เบา ๆ ก็ได้ ถือว่าเป็นการทัศนาจรก็แล้วกัน” จีนายิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย “ถ้าคุณปฏิเสธ นั่นก็ถือว่าคุณกลัวว่าจะแพ้ให้กับฉัน”

เมื่อถูกท้าทายอย่างนี้ ลองเป็นผู้ชายคนหนึ่งมีหวังหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ วาเลนติโนเพียงแต่นิ่งเงียบซ่อนรอยยิ้มไว้ในแววตา

“แปลว่า...คุณท้าผมออกไปสู้ร่วมกับคุณหรือ”

“ถูกต้อง” จีนารับคำ “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคุณจะมีดีแต่ปากหรือเปล่า คำว่าผู้ชายของคุณอาจจะไม่ได้เป็นแค่ช้างเท้าหน้า แต่อาจจะเป็นแค่หางช้างก็ได้”

วาเลนติโนหัวเราะเสียงแผ่ว

“ถ้าผมชนะคุณ แล้วผมจะได้อะไรล่ะ” เสียงของเขาเบานุ่ม

จีนาอึ้งไปพักใหญ่ ตอนแรกคิดว่าเขาคงจะปฏิเสธคำชวนของเธอแน่ ๆ ผู้ชายที่เรียบร้อยอย่างเขา ท่าทางสุขุม สงบเยือกเย็น ภายใต้รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า กับดวงตาสีนิลเป็นประกายราวกับท้องฟ้ายามราตรี มีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้

“อะไรก็ได้ ที่คุณต้องการ”

“อะไรก็ได้งั้นหรือ”

“ถ้ามันไม่เกินความสามารถของฉันล่ะก็นะ” เธอยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย

วาเลนติโนระบายลมหายใจออกมาช้า ๆ ท่าทางเหมือนคนไม่ค่อยสบายใจนั

“แล้วถ้าผมแพ้ล่ะ” เขาเอ่ยเสียงเรียบมาก

“ถ้าคุณแพ้ ก็จะเลิกพูดได้ว่าฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่กล้าเกินตัวสามารถล้มผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ได้ แล้วคุณต้องเลี้ยงข้าวกลางวันฉันด้วย” จีนาซ่อนรอยยิ้ม ไม่มีวันซะล่ะที่คนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาทุกวันจะแพ้ง่าย ๆ “ว่ายังไงล่ะ จะสู้หรือเปล่า”

“ผมมีทางเลือกด้วยหรือ”

ระหว่างที่วาเลนติโนยืนอยู่กับเธอ เมื่อนั้นเจ้าของโรงฝึกก็ได้ยินเข้าแล้วรีบเดินเข้ามาหา ชายวัยกลางคนสวมแว่นตามองหน้าจีนาสลับกับวาเลนติโนด้วยหน้าตาตื่น ๆ ร่างอ้วนของเขาสวมชุดสูทสีดำมีส่วนสูงแค่อกของใบหน้าคมสัน เขาทำหน้าบอกไม่ถูก เมื่อรู้ว่าจีนาจะต่อสู้กับวาเลนติโนเพราะเขารู้ดีที่สุด

“อย่าต่อสู้กันเลยครับ ผมขอร้องล่ะคุณจีนา”

“ทำไมล่ะ หรือว่าคุณจะมาต่อสู้แทนวาเลนติโน ฉันก็ไม่ขัดหรอกนะ”

“เอ่อ...แบบว่า ไม่ดีกว่า” เขาอ้อมแอ้ม เพราะไม่อยากกระดูกหักก่อนวัยอันควร “แต่ว่าคุณวาเลนติโนไม่ได้เตรียมชุดฝึกมา ผมว่ามันไม่เหมาะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะที่เป็นห่วง”

วาเลนติโนกล่าวขอบคุณ นัยน์ตาซ่อนรอยยิ้ม เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่ถอดเสื้อโค้ทตัวนอกออก จีนามีโอกาสได้เห็นกล้ามเนื้อแขนและช่วงอกแข็งแกร่ง รูปร่างของเขาซ่อนรูปไว้ภายใต้เสื้อคลุมตัวหนา แผ่นหลังและกล้ามเนื้ออกเต็มไปด้วยพละกำลังและอาจแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอคิด จีนามองดูรูปร่างของเขา และเหลือบไปเห็นใบหน้าของเขามองมาที่เธอแล้วมีรอยยิ้มที่มุมปาก เธอหน้าแดงแล้วรีบเดินออกไปยืนประจำที่

ชายวัยกลางคนสวมแว่น ขยับเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงแหบพร่า

“ช่วยเบา ๆ หน่อยนะครับ”

ใบหน้าคมสันเพียงแต่ยิ้มไม่ตอบว่าอย่างไร เขาอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวพับแขนจนถึงข้อศอกยาวจรดต้นคอ กางเกงสีดำแบบแสลก เดินมาหยุดที่พื้นเบื้องหน้าเธอ จีนามองดูชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“ไม่เปลี่ยนชุดเครื่องแบบหน่อยเหรอ”

“ไม่ต้องหรอก”

นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าความประมาท และความประมาทย่อมนำไปสู่ความพ่ายแพ้ เดี๋ยวเถอะที่เธอจะให้เขาร่ำร้องขอให้เธอปล่อย และยอมแพ้แต่โดยดี เธอยืนในลักษณะเตรียมพร้อม เท้าหลังวางทำมุมเก้าสิบองศากับเท้าหน้า ใช้กับศิลปะการป้องกันตัว

จีนาปล่อยหมัดตรงบริเวณหน้าเขา วาเลนติโนหลบฉากออกทางซ้าย ปัดหมัดด้านหน้าออกพร้อมกับใช้เท้าซ้ายเฉียงไปข้างหน้า เขาใช้มือขวาปัดข้อมือคู่ต่อสู้ด้วยสะโพก เธอเม้มปากแน่นปัดแขนด้านในออก ต่อยหมัดขวาตรงพร้อมทั้งสืบเท้าซ้ายไปหาคู่ต่อสู้ จากนั้นก็หมุนตัวสอดแขนขวาเข้าไปใต้แขน แล้วใช้มือซ้ายดึงต่อต่อสู้พร้อมกับพับตัวลงข้างหน้าอย่างแรงเป็นการทุ่มด้วยบ่า

แต่วาเลนติโนก็ไวกว่าเขาจัดหลังมือของเธอแล้วบิดตะแคงเข้าหาให้หันข้าง แล้วใช้ขาในเกี่ยวขาคู่ต่อสู้ด้านในพร้อมกับใช้แขนออกแรงคู่ควบ ทำให้เธอจับเขาทุ่มไม่ได้

“เกือบไปแล้วสิ”

ด้วยความโมโหจนลืมตัว จีนาก้มศีรษะวูบศอกที่ด้านหลัง เข้าที่สีข้างเขาอย่างแรง ชายหนุ่มหลบออกไปด้านข้าง เธอหันหลังมาปัดแขนเขาออก และต่อยหมัดขึ้นที่ปลายคางของเขา แต่ใบหน้าคมสันก็หลบวูบเพียงแต่ถอยห่างออกไปเล็กน้อย เธอเม้มเรียวปากแน่นจับมือเขาดึงเข้าหาตัวแล้วกระทืบปลายเท้าเข้าใส่เท้าที่เปล่าเปลือยของเขา วาเลนติโนก็หลบอีกตามเคย

“สู้สิ อย่ามัวแต่หนี” เธอร้องเสียงดัง

แต่วาเลนติโนก็ไม่คิดจะสู้เธอ เขาเอาหลบหลีกไม่ให้เธอได้เข้าใกล้ ช่วงเวลาที่เธอจะจับเขาทุ่มเขาก็แก้ลำได้ เวลาที่เธอต่อยหน้าเขา ใบหน้าคมสันก็เพียงแต่หลบวูบไปด้านหลังเล็กน้อย มันเป็นไปได้ยังไง ทำไมเธอถึงได้สามารถทำอะไรวาเลนติโนได้เลย ที่ผ่านมาเธอสามารถเอาชนะผู้ชายอกสามศอกได้โดยง่าย แต่พอมาครั้งนี้ดูเหมือนวาเลนติโนมองเธอออกทุกกระบวนท่า รวมทั้งหลบหลีก จนทำให้จีนาโกรธจนตัวสั่น

ใบหน้าหวานเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้าเขาพร้อมทั้งไม้มือซ้ายจับเสื้อเขาไม่ยอมให้ถอยหนี ใครจะว่าผิดกติกาก็ยอมล่ะ วาเลนติโนรับมือข้างนั้นของเธอเอาไว้ทัน เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ ซ่อนรอยยิ้มไว้บนเรียวปาก พร้อมทั้งกำมือเธอเอาไว้แน่นไม่ให้หลุดออก

“แบบนี้มันผิดกติกานะ”

“อ๋อ นึกว่าไม่รู้ซะอีก” เธอยอกย้อน

หญิงสาวปัดมือเขาออกไปด้านข้าง แล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ชายโครงของเขาเต็มแรง วาเลนติโนประมาทไปหน่อยเธอได้ยินเสียงของเขาครางเบา ๆ พอเธอได้จังหวะก็หมุนตัวเอามือสอดไปที่รักแร้ของเขาอย่างแรง ก้มไหล่เป็นการทุ่มด้วยบ่า แต่ใบหน้าคมสันยิ้มน้อย ๆ การที่เธอคิดจะทำอะไรมีหรือที่เขาจะได้รู้ เขาเบี่ยงฝีเท้าออกในช่วงจังหวะที่เธอกำลังเกี่ยวขาคู่ต่อสู้ จีนาเลยไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีแรงพอ

จีนาทำท่าจะหมุนตัวมา แต่วาเลนติโนเอามือจับไหล่ของเธอให้หมุนตัวไปข้างหน้า แล้วจับรวบแขนซ้ายและขวาของเธอจับล็อกอยู่ด้านหน้า จะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้จะเอามือออกก็ติดอยู่ที่วงแขนของเขา จีนาทั้งโกรธทั้งอายจนบอกไม่ถูก เธออยู่ในท่านี้แล้วหมดสิทธิ์ที่จะแก้ตัวใด ๆ หญิงสาวดิ้นรนขลุกขลักแต่ก็ยังไม่รอดพ้นจากวงแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อราวกับคีมเหล็ก

“ปล่อยนะ นี่มันผิดกติกานี่” เธอร้องประท้วง

“ตอนคุณต่อยหน้าผม ยังผิดกติกาก่อนเลย”

จีนาคอแข็ง จะเถียงก็เถียงไม่ออก เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระ แต่เขาก็ยังรัดแน่นไม่ยอมปล่อย เธอคิดหายุทธิวิธีโดยการกระทืบส้นเท้าเข้าใส่ปลายเท้าที่เปลือยเปล่าของเขาเต็มแรง แต่วาเลนติโนก็รอจังหวะอยู่แล้วเขารีบชักปลายเท้าออก หญิงสาวร้องลั่นด้วยความโกรธระคนหงุดหงิด

“เปล่าประโยชน์” วาเลนติโนซ่อนรอยยิ้ม “คุณจะยอมแพ้หรือยัง”

“ไม่” เธอตะโกน

จีนาไม่เคยยอมแพ้ต่อผู้ชายคนไหน ไม่ว่าจะเป็นการยิงปืนหรือการต่อสู้กันตัวต่อตัว แต่วันนี้เธอกลับไม่สามารถเอาชนะวาเลนติโนได้ เขาหลบหลีกเธอไปได้หมดทุกกระบวนท่า ภายใต้สีหน้าสุขุมและมีรอยยิ้มบาง ๆ นั้น ร่างบางรู้แน่ว่าเขาจะต้องเรียนศิลปะการป้องกันตัวมา จีนากัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ ด้วยเรี่ยวแรงของผู้หญิงยังไง ๆ ก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้ เพียงแค่เขาโอบรัดเธอก็สิ้นฤทธิ์ไปเลย

“ถ้าผมไม่ยอมปล่อยคุณ คุณอาจจะเจ็บก็ได้” เขาเอ่ยอย่างปราณี

“คุณก็ปล่อยสิ”

“ถ้าผมปล่อย คุณจะยอมแพ้หรือเปล่าล่ะ” วาเลนติโนเหยียดยิ้ม

จีนาเม้มริมฝีปากแน่น ถึงเธอจะบอกว่าไม่ยอมแพ้ แต่ทว่าความจริงเรี่ยวแรงมันตรงข้ามกันไปหมด

“ฉันยอมแพ้แล้วก็ได้” เธอเอ่ยสั้น ๆ

“ผมเชื่อคุณ”

วาเลนติโนกระซิบแผ่วที่ข้าง ๆ แก้มเธอ เส้นผมของเธอถูกริมฝีปากของเขาคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอ ลมหายใจอบอุ่นและความอบอุ่นที่แนบติดลำตัว ทำเอาเธอทำหน้าบอกไม่ถูก หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย ใบหน้าคมสันจึงคลายวงแขนออกจากมือของเธอทั้งสองข้าง ช่วงจังหวะนั้นเอง ที่จีนารออยู่แล้วเธอสอดแขนไปข้างล่างใต้แขนขวาของเขาราวกับนางเสือดาว แล้วใช้ขาเกี่ยวขาของเขา แล้วเหวี่ยงตัวอย่างแรงเป็นการทุ่มด้วยบ่า

ช่วงจังหวะที่จีนาคิดว่าเธอสามารถเอาชนะเขาได้แล้ว วินาทีนั้นเองที่หญิงสาวรู้จักว่าลำแขนของเขากระชากออก ก่อนที่เธอจะทันตั้งตัวติด หญิงสาวก็รู้จักได้ถึงแรงเหวี่ยงลำตัวของเธอและขาด้านใน เห็นเพดานห้องมันหมุนตัวกลับหลัง และถูกเหวี่ยงลงกับพื้นโครมใหญ่ จีนากระพริบตาปริบ ๆ รู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่เธอถูกเขาจับทุ่มลงกับพื้นทั้ง ๆ

ทั้ง ๆ ที่เธอควรจะชนะอย่างนั้นเหรอ !?

********************







เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2557, 09:52:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2557, 09:52:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1307





<< ตอนที่ ๒ ชายเจ้าของรอยสักทารันทูรา   บทที่ 4 ไม่ชอบผู้ชายโรแมนติก (สนพ.เลิฟอีส) >>
เบลินญา 27 ก.พ. 2557, 10:06:08 น.
เอาตอนใหม่มาลงให้อ่านกันค่ะ


Zephyr 27 ก.พ. 2557, 19:04:42 น.
รู้จักวาเลนน้อยไปซะแแล้ว ยัยจีนา ฮะฮ่า
เริ่มเห็นแววพระเอกรำไรๆๆๆ


เบลินญา 28 ก.พ. 2557, 09:02:32 น.
เหมือนจะไม่เก่งใช่ไหมคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account